EN Name: 
Woman

LYN ตอกย้ำแนวคิด #WithLYN กับ 2 คอลเลกชั่นพิเศษ “This is me, Ladiiprang” โดย ปราง-กัญญ์ณรัณ” และ “Be Zee” โดย “ซี-พฤกษ์”

LYN (ลิน) แบรนด์แฟชั่นแอคเซสเซอรี่อันดับหนึ่งของไทย สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงและผู้ชายยุคใหม่อีกครั้ง กับการเปิดตัว 2 แคมเปญสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “This is me, Ladiiprang” โดยนักแสดงสาว ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล และ “Be Zee” โดยนักแสดงหนุ่ม ซี-พฤกษ์ พานิช ที่จะถ่ายทอดจุดยืนของแบรนด์ภายใต้แนวคิด #WithLYN สนับสนุนทุกตัวตนที่แท้จริงผ่านไอเทมแฟชั่นที่มีดีไซน์และความหมายอย่างลึกซึ้ง

Tart Infinite -  La Benia - Mila

เริ่มกันที่ Tart Infinite กระเป๋าสำหรับสาวผู้มองหาไอเทมเอเวอริเดย์ลุคไปจนถึงเดทไนท์สุดแกลม กระเป๋าสะพายไหล่ทรงสี่เหลี่ยมคอนทราสต์ด้วยขอบกระเป๋าโค้งมน เสริมเติมด้วยโลโก้แบรนด์ฮาร์ดแวร์โลหะโทนสีทองอันสง่า ทั้งแบบหนังสมูทสีสันมินิมอล และแพทเทิร์นลายตารางทาร์ทันเอกลักษณ์พิเศษประจำรุ่นในสองเฉดสี น้ำเงินและเบจ ผลิตจากวัสดุคุณภาพเยี่ยมพร้อมด้วยคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วน

ต่อมา La Benia กระเป๋าที่เป็นตัวแทนของความสง่างาม มาในรูปทรงสี่เหลี่ยมโค้งมนสุดโรแมนติค โดดเด่นด้วยฮาร์ดแวร์โซ่หลากหลายขนาด ถักทอร้อยเรียงกัน เกิดเป็นสายกระเป๋าโซ่ยาวช่วยเพิ่มเซนส์ความเท่ เสริมด้วยชาร์มโลโก้แบรนด์ดีไซน์พลิ้วไหว มาในสามรูปแบบ ตั้งแต่ผ้าเดนิมสีฟ้าและเบจ เทกเจอร์กลิตเตอร์สีดำและสีแบล็คเมทัล รวมถึงรูปลักษณ์เบสิค อย่างสีเบจ สีดำ และชมพูอ่อน

สุดท้าย Mila กระเป๋าที่มีภาพลักษณ์ของความเท่และความชิค เน้นความแพรคทิคัลสามารถใช้งานเป็นกระเป๋าเอเวอริเดย์ด้วยดีไซน์กระเป๋าคู่ด้านหน้า ปากกระเป๋าเปิดปิดด้วยซิปช่วยให้งานสะดวกทั้งยังการันตีความปลอดภัยให้กับทุกสัมภาระมีค่า ออกมาให้จับจองทั้งในเทกเจอร์ผ้าเดนิมสีฟ้า-ดำ ผ้าแคนวาสในเฉดสีดำ-แทน และสไตล์หนังเรียบสีเบสิคอย่าง สีเบจ สีขาวและสีดำ

Dune & Dune Montage  - Link & Echo  -  Yusef Infinite

ต่อมากับแคมเปญ “Be Zee” ที่มาตั้งแต่ลุคสุดเท่ในเอาท์ฟิตสีเทากับกระเป๋า Dune บนตึกสูงระฟ้า หรือจะเป็นเดย์ออฟวันสบาย ๆ กับเสื้อผ้าแคชชวลเข้ากันดีกระเป๋า Link และ Echo รวมถึงไลน์รองเท้า Velux, Prime, Zen และ Yusef  ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์กับทุกกิจกรรมในทุกช่วงชีวิต

เริ่มกันที่ Dune & Dune Montage ซีรีส์กระเป๋าดีไซน์โมเดิร์น เรียบโก้ และใช้งานได้จริง มีทั้งแบบหนังสมูธและลายโมโนแกรมลูกบาศก์พร้อมโลโก้ไอคอนิก ครบทุกสไตล์ ทั้งสะพายข้าง ดัฟเฟิล เป้ เมสเซนเจอร์ คลัทช์ กระเป๋าสตางค์ และใส่โทรศัพท์

ต่อมา Link & Echo ไอเทมคู่ใจสำหรับทุกวันและทริปต่างประเทศ โดดเด่นด้วยกระเป๋า Link ลายสไตรป์หลายดีไซน์ ทั้งดัฟเฟิล สะพายข้าง และกระเป๋าสตางค์ รวมถึง Echo ที่ใช้ผ้าไนลอน ดีไซน์สเลาทช์ชี น้ำหนักเบา ทนทาน ใช้งานง่าย เช่น ดัฟเฟิลและเมสเซนเจอร์ไซส์ใหญ่

และสุดท้าย Men’s Shoes Collection ครั้งแรกกับคอลเลคชั่นรองเท้าสำหรับผู้ชายที่ครอบคลุมทุกโอกาสใช้งานตั้งแต่วันแคชชวลไปจนถึงงานฟอร์มอล โดดเด่นด้วยวัสดุการผลิตจากหนังคุณภาพพรีเมียมให้ฟิลลิ่งการสวมใส่สุดสบาย และลุคแฟชั่นเหนือระดับ ไม่ว่าจะเป็น Velux Infinite รองเท้าผ้าใบมัสก์เฮฟไอเทมของหนุ่มนักแสดงหนุ่ม มาพร้อมดีไซน์สตรีทแต่งด้วยแพทเทิร์นลายอินฟินิตบาลานซ์ทั้งความเท่และความแคชชวลอย่างลงตัว 

และ Yusef Infinite รองเท้าโลฟเฟอร์หนังกลับ พร้อมขอบหัวรองเท้านูนที่แมทช์เข้ากันดีกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวและกางเกงผ้าลินินสำหรับวันง่ายๆหรือลุคบิสซิเนสแคชชวลอย่างเบลเซอร์หกกระดุมกับกางเกงขายาวทรงรีแล็กซ์

พบกับแคมเปญ “This is me, Ladiiprang” และ “Be Zee” พร้อมคอลเลกชั่นใหม่ ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน LYN ทุกสาขา และออนไลน์ที่ www.lynaccs.com

อัปเดตเทรนด์แฟชั่นใหม่ล่าสุดของ “LYN” เพิ่มเติมได้ที่

Instagram: @lynaccs_thailand

Facebook: @LynaccsThailand

LINE Official Account: @lynaccs

TikTok: lynthailand (@lynthailand_official)

 

5 สัญญาณที่บอกว่า “ถึงเวลาต้องลดน้ำหนัก” ก่อนจะสายเกินไป

“ภาวะน้ำหนักเกิน” ไม่ได้ส่งผลแค่รูปร่างภายนอกหรือความมั่นใจเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงสุขภาพภายในที่อาจกำลังซ่อนระเบิดเวลาไว้ ไม่ว่าจะความเสี่ยงโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ต่างก็สัมพันธ์กับน้ำหนักที่มากเกินไป และเมื่อสุขภาพเสียไปแล้ว ก็ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ดังนั้น การลดน้ำหนักตั้งแต่วันนี้จึงเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพระยะยาวที่คุ้มค่า

 

การลดน้ำหนักให้ได้ผลควรเริ่มจากการปรับพฤติกรรมการกิน เลือกอาหารที่มีแคลอรีต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนคุณภาพดี พร้อมควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสม นอกจากนี้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนและเพิ่มประสิทธิภาพการลดน้ำหนัก และสำหรับใครที่อยากมีตัวช่วย สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดน้ำหนักได้ง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน ใครที่มีอาการต่อไปนี้ให้เริ่มลดน้ำหนักกันเลย ไม่อย่างนั้นในอนาคตอาจจะใช้ชีวิตลำบากมากกว่าเดิม อย่ารอให้สายเกินแก้จะดีกว่า!

หิวบ่อยมาก หยุดกินไม่ได้

อาการหิวบ่อยผิดปกติ กินไปไม่นานก็รู้สึกหิวอีก ทั้งที่ร่างกายอาจไม่ได้ต้องการพลังงานจริงๆ แต่เป็นผลจากระดับน้ำตาลในเลือดที่ขึ้นลงรวดเร็วจากการกินอาหารแป้งและน้ำตาลมากเกินไป อีกสัญญาณหนึ่งคือ อาการหยุดกินไม่ได้ หรือเผลอกินเกินความจำเป็นบ่อยๆ ทำให้พลังงานสะสมในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำหนักพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ อาการหิวบ่อยยังเกี่ยวข้องกับความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว เช่น เลปติน (Leptin) และเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งหากไม่ควบคุม อาจเสี่ยงต่อโรคอ้วนและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้

รู้สึกอึดอัด หายใจไม่คล่อง

หนึ่งในสัญญาณที่หลายคนมักมองข้ามคือ ความรู้สึกอึดอัดและหายใจไม่คล่อง หากน้ำหนักตัวมากเกินไป ไขมันส่วนเกินรอบช่องท้องอาจไปกดทับกระบังลม ทำให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้หายใจสั้น เหนื่อยง่ายแม้ตอนทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ เช่น เดินขึ้นบันไดหรือเดินเร็วๆ อาการเหล่านี้ไม่ได้แค่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนว่า… ร่างกายกำลังรับภาระหนักกว่าที่ควรจะเป็น หากปล่อยไว้นานๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและปัญหาระบบทางเดินหายใจได้

กรนตอนนอนหลับมากกว่าเดิม

ถ้ามีอาการกรนตอนนอนหลับบ่อยๆ อาจเกิดจากภาวะไขมันสะสมรอบลำคอและทางเดินหายใจ จะทำให้ช่องลมแคบลง ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอขณะหายใจ จนเกิดเสียงกรนขึ้น หากปล่อยไว้อาจพัฒนาไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งอันตรายต่อหัวใจและสมองในระยะยาว การลดน้ำหนักลงเพียงเล็กน้อยก็สามารถช่วยให้การหายใจโล่งขึ้น ลดการกรน และทำให้คุณภาพการนอนกลับมาดีขึ้นได้

ปวดเมื่อยร่างกายบ่อยๆ

อาการปวดเมื่อยร่างกายบ่อยๆ อาจไม่ใช่แค่เพราะอายุที่มากขึ้น… แต่เกิดจากภาวะน้ำหนักที่มากเกินไปจนทำให้ข้อเข่า สะโพก และกระดูกสันหลังต้องรับแรงกดมากกว่าปกติ จึงเกิดอาการปวดเมื่อยง่าย แม้จะไม่ได้ทำกิจกรรมหนักๆ ก็ตาม หากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่ปัญหาข้อเสื่อม กล้ามเนื้ออักเสบ หรือการเคลื่อนไหวที่ติดขัดน่ารำคาญใจ นอกจากนี้ การสะสมของไขมันยังกระทบต่อการไหลเวียนเลือด ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลาจนใช้ชีวิตลำบาก

เจ็บหน้าอกเหมือนหัวใจเต้นผิดปกติ

อีกหนึ่งสัญญาณที่ไม่ควรมองข้ามคือ อาการเจ็บหน้าอกหรือรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ เพราะภาวะน้ำหนักเกินทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจ หากเริ่มมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มอิ่ม หรือรู้สึกหัวใจเต้นแรงผิดปกติ แสดงว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนว่า “ถึงเวลาต้องดูแลสุขภาพแล้ว” หากละเลยอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายมากขึ้น 

 

กันไว้ดีกว่าแก้! สัญญาณเล็กๆ ที่ร่างกายกำลังบอกเรา ไม่ว่าจะเป็นอาการหิวบ่อย กินไม่หยุด ปวดเมื่อยร่างกายบ่อย เจ็บหน้าอก หายใจไม่ถนัด เหนื่อยง่าย นอนกรน แม้แต่เสื้อผ้าที่เริ่มคับ ต่างก็แสดงให้เห็นว่าถึงเวลาต้องหันมาลดน้ำหนักอย่างจริงจังแล้ว เพราะหากปล่อยไว้นานๆ สุขภาพภายในอาจเสียหายจนยากจะกลับมาเหมือนเดิม การใส่ใจดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดี นอกจากการปรับพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายแล้ว การมีผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานก็ช่วยให้ดูแลหุ่นง่ายขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาวางแผนอาหารทุกมื้อ แต่อยากควบคุมพลังงาน เสริมโปรตีน และลดการสะสมของไขมัน ทำให้คุณสามารถกลับมามีรูปร่างที่มั่นใจไปพร้อมกับสุขภาพที่ดีขึ้นได้

 

“ไอคอนสยาม” ยกทัพ “สุขสยาม–ไอคอนคราฟต์” บุก “Sawasdee Seoul Thai Festival 2025” ที่โซล 6-7 ก.ย.นี้

ไอคอนสยาม เดินหน้าแนวคิด “Local Heroes to Global Heroes” สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยไทยให้โลดแล่นสู่เวทีโลก เตรียมพา “สุขสยาม” และ “ไอคอนคราฟต์” ร่วมงาน “Sawasdee Seoul Thai Festival 2025” เทศกาลไทยสุดยิ่งใหญ่ใจกลางกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ นำเสนอผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญา โชว์ Soft Power ไทย ฉายภาพแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เปิดประตูสู่โอกาสให้กับผู้ประกอบการคราฟต์ไทย พร้อมดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้และทั่วโลกปักหมุดมาสัมผัสวัฒนธรรมไทยที่ไอคอนสยาม ตอกย้ำเป็น Global Experiential Destination ซึ่งงานจัดในวันที่ 6-7 กันยายน ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

งาน “Sawasdee Seoul Thai Festival 2025” จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 ใจกลางกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 6–7 กันยายน 2568 ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงโซล และหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงภาคเอกชน ทั้งจากประเทศไทยและเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญในการผลักดัน Soft Power ไทยสู่สายตาชาวเกาหลีและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ผ่านมิติด้านศิลปะ ดนตรี อาหาร และการท่องเที่ยวไทย โดยครั้งนี้จะจัดขึ้นภายใต้ธีม “Discover Thailand” นำเสนอสีสันและเสน่ห์อันหลากหลายของวัฒนธรรมไทยในรูปแบบใหม่ที่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษ์แบบไทยแท้ ผสมผสานกับประเด็นความยั่งยืนที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของไอคอนสยามในการผลักดันและส่งเสริมผู้ประกอบการงานคราฟต์และภูมิปัญญาไทยให้มีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนและเฉิดฉายสู่เวทีโลก

โดยที่ผ่านมาไอคอนสยามได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยของไทยอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผ่าน “สุขสยาม” และ “ไอคอนคราฟต์” แพลตฟอร์มที่เปรียบเสมือนประตูแห่งโอกาสให้ช่างฝีมือและผู้ประกอบการรายย่อยจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ถ่ายทอดฝีมือและผลงานในมุมมองใหม่ที่มีความร่วมสมัยและก้าวเข้าสู่ธุรกิจโมเดิร์นเทรด เปิดตลาดทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้ช่างฝีมือ ผู้ประกอบการ และชุมชน สามารถพัฒนาและเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศนำเสนอเรื่องราวของสุขสยามและไอคอนคราฟต์ในงาน “Sawasdee Seoul Thai Festival 2025” นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสให้ช่างฝีมือไทย และผู้ประกอบการรายย่อยได้แสดงศักยภาพบนเวทีระดับนานาชาติ พร้อมเปิดตลาดใหม่สู่นักท่องเที่ยวคุณภาพ

“สุขสยาม” นำประสบการณ์ไทยแท้สู่กรุงโซล

สุขสยาม เมืองมหัศจรรย์วิถีไทยบนชั้น G ไอคอนสยาม เตรียมมอบประสบการณ์ “สารพัดสุข สนุกแบบไทย” ภายใต้ธีม “Discover Thailand: Experience All Thai Happiness” ชวนชิมเมนูเด็ดและช็อปของดีแบบไทย พร้อมสาธิตการสร้างสรรค์จากผู้ประกอบการตัวจริง ไฮไลต์เด็ด ได้แก่

ขนมไทย

“ข้าวแต๋นแม่โสภา” ขนมพื้นบ้านภาคเหนือ พร้อมสาธิตการราดน้ำแตงโม

“ขนมไทยแพรวไพลิน” โชว์ปั้นลูกชุบสด ๆ ด้วยวัตถุดิบไทยแท้

งานหัตถกรรมคุณภาพจาก “จุ๊บเจลเนอรัล” (สาธิตการถักโครเชต์ไหมพรม) และ “Miniature” (ปั้นงานจิ๋วเสมือนจริง พร้อม DIY ของที่ระลึก)

กิจกรรมถ่ายภาพ “ห้องภาพวันวาน” ในชุดไทยร่วมสมัย พร้อมโชว์แต่งหน้าและทำผมแบบไทย

ชุดไทย

นอกจากนี้ยังมี กิจกรรม Check-in Mission ให้ผู้ร่วมงานแชร์ภาพประสบการณ์ ชิม ช็อป แชะ รับฟรี SOOKSIAM x Louis Sketcher Sticker และ SOOKSIAM Voucher สำหรับใช้เมื่อมาเยือนไอคอนสยาม

 

“ไอคอนคราฟต์” เปิดเวทีโชว์เสน่ห์งานคราฟต์ไทย

ไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) ศูนย์รวมงานคราฟต์สร้างสรรค์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย บนชั้น 4-5 ไอคอนสยาม เตรียมนำเสนอผลงานสุดประณีตจากสองแบรนด์ไทยที่สะท้อนภูมิปัญญาในมิติร่วมสมัย ได้แก่

“HATSAYA” เครื่องประดับที่ถ่ายทอดความงามของงานเบญจรงค์ไทยสู่ดีไซน์ร่วมสมัย

“SAWADEE” ผลิตภัณฑ์อโรม่าบาล์มสูตรพัฒนาโดยเภสัชกร กลิ่นหอมสดชื่นแบบไทย เนื้อสัมผัสบางเบา

 

ทั้งสองแบรนด์สะท้อนแนวคิดสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากชาวเกาหลีและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ตอกย้ำบทบาทของไอคอนสยามในการผลักดัน Soft Power ไทยให้โดดเด่นบนเวทีสากล

ทั้งนี้ไอคอนสยามคาดหวังว่า การพาสุขสยามและไอคอนคราฟต์ ร่วมงาน “Sawasdee Seoul Thai Festival 2025” ไม่เพียงจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยไทย โดยเฉพาะด้านหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้เข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น ยังเป็นการฉายภาพสุขสยามและไอคอนคราฟต์ในฐานะแพลตฟอร์มสำคัญแห่งการเชื่อมความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก และตอกย้ำบทบาทของไอคอนสยามในฐานะจุดหมายปลายทางที่คนทั่วโลกอยากมาเยือน

#ICONSIAM #SOOKSIAM #ICONCRAFT #SawasdeeSeoul #ThaiFestival2025

“misty mynx” เปิดตัวคอลเลกชั่น Autumn/Winter 2025 ชูคอนเซ็ปต์ Mystical Moonlit ผู้หญิงยุคใหม่ที่เปี่ยมด้วยพลังเฟมินีน

misty mynx (มิสตี้ มิงซ์) แบรนด์แฟชั่นตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของความเป็นผู้หญิง (Feminine) และกล้าที่จะแสดงตัวตนในหลากหลายบทบาท พร้อมท้าทายขีดจำกัดของแฟชั่นด้วยการสะท้อนแนวคิด Sexy = Power สัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ความมั่นใจในตัวเองและการเป็นเจ้าของตัวตนอย่างแท้จริงของผู้หญิง mynx ที่ครอบคลุมทุกจังหวะไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เผยโฉมคอลเลกชั่น Autumn/Winter 2025 ในคอนเซ็ปต์ Mystical Moonlit ที่ได้แรงบันดาลใจจากเสน่ห์ของความคอนทราสระหว่างความมืดและประกายระยิบระยับภายใต้แสงจันทร์ พร้อมตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ที่อยากให้ผู้หญิงทุกคนพร้อมที่จะ Be Bold, Be Brave, Be Mynx ไปด้วยกัน

คอลเลกชั่น Autumn/Winter 2025 เป็นการหลอมรวมความเรียบโก้ (Refined minimalism) เข้ากับความกล้าอย่างมีชั้นเชิง (Bold sophistication) ด้วยโทนสีสุดไทม์เลส ได้แก่ สีดำ สีเทา และ สีขาว กับความเรียบที่ไม่ธรรมดา พร้อม Empower Femininity ให้เปล่งประกายด้วยความมั่นใจจากภายในผ่านซิลูเอตอันทรงพลังที่โอบรับสรีระตามธรรมชาติ เสริมความมั่นใจโดยไม่ต้องปิดบัง เผยพลังความเซ็กซี่อย่างมีชั้นเชิง ด้วยดีเทลที่ชาญฉลาดและน่าค้นหา ผสานความหรูหราและความคล่องตัว ให้เหมาะกับทุกวันและทุกโอกาส ด้วยดีไซน์ที่มีคัตเอาต์ที่เฉียบคมขึ้น แพเนลซีทรู และการประดับตกแต่งด้วยดีเทลระยิบระยับราวแสงจันทร์ไปจนถึงการเลือกใช้วัสดุที่ดูหรูหราและซิลลูเอตที่เผยเรือนร่างผู้หญิงได้อย่างสง่างาม

นอกจากนี้ misty mynx ยังได้ยกระดับกลุ่มสินค้าผ้ายีนส์ด้วยการนำเสนอแพทเทิร์นใหม่ที่ช่วยเสริมสรีระให้โดดเด่น พร้อมด้วย Essential Line ที่เลือกใช้เนื้อผ้าคุณภาพสูง เช่น ใยผ้า Cotton สัมผัสนุ่มกับดีไซน์มินิมอลลุคที่คงไว้ซึ่งความหรูหราและความสบายในเวลาเดียวกัน และวัสดุอื่นๆ ในคอลเลกชั่นนี้ไม่ว่าจะเป็นหนังเทียม (Faux Leather) สัมผัสนุ่มที่ตกแต่งขอบอย่างประณีต ซาตินหรูหราสำหรับโอกาสพิเศษ ผ้าซีทรูที่เบาสบาย ดีเทลลูกไม้ที่เพิ่มความความเป็นผู้หญิง (Feminine) รวมถึงผ้าทอและผ้ายืดสำหรับลุคสบายๆ ในชีวิตประจำวัน เสริมด้วยเทคนิครายละเอียดการตัดเย็บ และคุณภาพไว้ได้ยาวนาน (Durable Finishes) และเทคนิคการฟอกสีให้ได้โทนสีใหม่ (Modern Washes) ช่วยเติมเต็มคอลเลกชันนี้ ให้ทุกชิ้นงานผสานทั้งสไตล์และความทนทานต่อการสวมใส่ได้อย่างลงตัว

สัมผัสประสบการณ์ใหม่จาก misty mynx ในคอลเลกชั่น Autumn/Winter 2025 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Mystical Moonlit  ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน misty mynx ทุกสาขาทั่วประเทศ และช้อปออนไลน์ที่ www.mistymynx.com พร้อม Be Bold. Be Brave. Be the woman you want to be, be mynx ไปด้วยกัน

 

อัปเดตเทรนด์แฟชั่นล่าสุดของ “MISTY MYNX” เพิ่มเติมได้ที่

Instagram : @mistymynx

Facebook : www.facebook.com/mistymynxofficial

LINE Official Account : @mistymynx

TikTok : @mistymynxofficial

 

Tag : #MistyMynx #BeBold #BeBrave #BeMynx

เปิดแล้ว! บันยันทรี ภูเก็ต เผยโฉม “RAVA Beach Club” บีชคลับสุดอลังที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย

บันยันทรี ภูเก็ต เขย่าวงการไลฟ์สไตล์และท่องเที่ยวด้วยการประกาศเปิดให้บริการ RAVA Beach Club บีชคลับสุดอลังการแห่งใหม่ที่จะมายกระดับไลฟ์สไตล์ริมชายหาดด้วยการออกแบบหรูหราทันสมัยกับพื้นที่กว้างขวางที่ทอดยาวตลอดแนวชายฝั่งกว่า 180 เมตร พร้อมครองตำแหน่งบีชคลับที่ยาวที่สุดในประเทศไทย บนทำเลสุดไพรม์ในอาณาจักรลากูน่า ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางระดับเวิลด์คลาสใจกลางหาดบางเทาอันงดงาม พร้อมเติมเต็มประสบการณ์แห่งการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ

RAVA หมายถึงเสียงสะท้อนและการสั่นพ้อง สื่อถึงแนวคิดของบีชคลับแห่งนี้ที่รวมทั้งอาหารชั้นเลิศ การออกแบบสุดตระการตา สิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อันหลากหลายเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับเสียงคลื่นและหาดทรายอันงดงาม

นายสิทธิชัย จิตนาธรรม ผู้จัดการทั่วไป บันยันทรี ภูเก็ต กล่าวว่า "การเปิด RAVA เป็นการตอกย้ำว่าบันยันกรุ๊ปไม่เคยหยุดพัฒนาบริการที่มอบประสบการณ์เหนือระดับอยู่เสมอ เรารังสรรค์บีชคลับแห่งนี้ด้วยการผสานความหรูหรา ไลฟ์สไตล์ริมทะเล และเสน่ห์ของท้องถิ่นไว้อย่างลงตัว เพื่อให้ทุกวันกลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ"

จัดเต็ม 3 โซนตอบโจทย์ครบ กิน-ดื่ม-ชิล ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
RAVA Beach Club นำเสนอ 3 โซนเพื่อการพักผ่อนที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เริ่มต้นด้วยโซนไฮไลต์ Young & Fun โดดเด่นด้วยพื้นที่รับประทานอาหารรับวิวชายหาด เตียงอาบแดด พื้นที่นั่งพักผ่อน และสระว่ายน้ำอินฟินิตี้ 3 แห่ง พร้อมเสิร์ฟอาหารสไตล์แคชชวลไดนิง ค็อกเทล ไวน์ แชมเปญ และเครื่องดื่มพรีเมียม ต่อด้วยโซน Master Grill ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพมาย่างให้ชมกับครัวแบบ Open Kitchen เสิร์ฟเนื้อหลากหลาย รวมถึงเนื้อดรายเอจสุดพิเศษ พร้อมด้วยซีฟู้ดสด ๆ จากทะเล ปิดท้ายด้วยโซน Prestige พื้นที่เลานจ์ส่วนตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับเจ้าของเรสซิเดนซ์ในเครือบันยันกรุ๊ป มาพร้อมห้องรับประทานอาหารในร่ม พื้นที่แยกโซนส่วนตัว สระว่ายน้ำอินฟินิตี้ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งล็อกเกอร์เก็บของและห้องอาบน้ำ

นายสจ๊วต เรดดิ้ง กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มบริษัทบันยันทรี กล่าวว่า “การเปิด RAVA ช่วยเติมเต็มอาณาจักร Branded Residences ในลากูน่า ภูเก็ต ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น พร้อมตอกย้ำเอกสิทธิ์เหนือระดับของการเป็นเจ้าของโครงการสิทธิพิเศษในการเข้าถึงโซน Prestige ที่มอบทั้งความเป็นส่วนตัว การบริการระดับห้าดาว และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน”

RAVA Beach Club ช่วยต่อยอดจุดแข็งของลากูน่า ภูเก็ต ในฐานะศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ริมทะเลภูเก็ต ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาวันพักผ่อนริมทะเลที่มีคุณค่ากับเพื่อน คนรัก และครอบครัว ทั้งการลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มในบรรยากาศสนุกสนาน เข้าร่วมเวิร์คช็อปเพื่อสุขภาพ หรือสนุกกับดนตรีสดจากศิลปินและโชว์อันน่าตื่นตาตื่นใจยามค่ำคืน


นายพอล วิลสัน กรรมการผู้จัดการลากูน่า ภูเก็ต กล่าวว่า “RAVA จะมาพลิกโฉมประสบการณ์สุดพิเศษของบีชคลับที่หาจากที่อื่นไม่ได้ บันยันกรุ๊ปให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่ที่สวยงามที่มอบประสบการณ์ที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมและฟังก์ชันที่รองรับไลฟ์สไตล์หลากหลาย เพื่อให้มั่นใจว่าแขกของเราสามารถมารีแล็กซ์และรีชาร์จได้อย่างเต็มที่”

ที่ RAVA Beach Club ผู้มาเยือนจะได้พบกับประสบการณ์ที่ครบครันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทั้งมื้ออาหารที่น่าประทับใจ ค็อกเทลที่รสชาติเยี่ยม และได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม ทั้งโชว์ดนตรีสด เวิร์คช็อปการรังสรรค์เครื่องดื่ม หรือคลาสศิลปะ นอกจากนี้ยังสามารถช้อปปิ้งที่ร้านบูติกที่คัดสรรแฟชั่นจากดีไซเนอร์ไทยและศิลปินท้องถิ่น ตลอดจนกิจกรรมอีกมากมายที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาสร้างความทรงจำดี ๆ ให้แขกทุกคน

 

เปิดตัว JASPAL Edit “Bestie for Life”เอาใจเพื่อนรักสี่ขา ร่วมเฉลิมฉลอง International Dog Day

JASPAL Edit ซีรี่ย์แคมเปญคอลลาบอเรชั่นกับเหล่าอาร์ทิสต์ สไตลิสต์ ครีเอทีฟ และอีกมากมาย มาสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้กลายเป็นเสื้อผ้าแบบ One of a Kind ที่สะท้อนตัวตนและไม่เหมือนใคร ประเดิมคอลเลกชั่นแรกของแคมเปญในปีนี้ในรูปแบบของอาร์ตซีรีย์ ที่ให้คุณต้อนรับ International Dog Day (วันที่ 26 ส.ค. 68) ไปกับคอลเลกชั่น "Bestie for Life" ที่มอบความอบอุ่นหัวใจไปกับลวดลายแสนน่ารัก ถ่ายทอดความแสนซน ขี้เล่นของเพื่อนรักสี่ขา ซึ่งลวดลายทั้งหมดในคอลเลกชั่นนี้ถูกออกแบบขึ้นมาพิเศษโดย Goober Compalny ศิลปินนักวาดภาพประกอบ (Illustrator) ที่มีลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์กับการบอกเล่าเรื่องราวของสัตว์เลี้ยงผ่านผลงานสุดคิ้วท์ ผสานเข้ากับแพทเทิร์นดีไซน์สุดประณีตเอกลักษณ์ของ JASPAL รังสรรค์ออกมาเป็นแฟชั่นไอเทมสำหรับสัตว์เลี้ยงและทาสรักน้องหมาน้องแมวให้ได้สวมใส่คู่กันเพื่อเฉลิมฉลอง International Dog Day ไปด้วยกัน นอกจากนี้ ทุกการช้อปคุณยังจะได้อบอุ่นหัวใจไปกับการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาคสนับสนุนมูลนิธิเดอะวอยซ์ โดย เก๋ – ชลลดา เมฆราตรี เพื่อการทำงานด้านสวัสดิภาพและช่วยเหลือสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือทั่วประเทศ

คอลเลกชั่นนี้ถูกถ่ายทอดผลงานสานสัมพันธ์อันอบอุ่นผ่านแฟชั่นสุดคิ้วท์ระหว่างเจ้าของและสัตว์เลี้ยงคู่ใจ อาทิ ฮอน - คงศิลป์ ล้อเลิศรัตนะ, โมโม่ - ทิฆัมพร ศิริพรพันธ์ และสุนัขคู่ใจ, คิ้วท์ - อนงค์นาถ ยูสานนท์ นักแสดงจากซีรีย์ดังเรื่อง สงครามส่งด่วน (Mad Unicorn) กับแมวแสนรัก กับไฮไลต์ไอเทมที่ห้ามพลาด สำหรับผู้ชายคือ เสื้อบอมเบอร์แจ็กเก็ต ดีไซน์เท่และทันสมัย ส่วนฝั่งผู้หญิงโดดเด่นด้วย คาร์ดิแกน และ เสื้อยืด ที่สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้หลากหลายลุค เหมาะสำหรับวันสบายๆ หรือวันที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกับสัตว์เลี้ยงคู่ใจข้างนอก

ทั้งนี้ JASPAL ได้เล็งเห็นความสำคัญถึงพลังการส่งต่อความรัก ความห่วงใย และการเชื่อมโยงระหว่างผู้คนกับชุมชนและสัตว์เลี้ยง คอลเลกชั่นนี้คือการเฉลิมฉลองความผูกพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง พร้อมทั้งสนับสนุนผลงานของผู้ที่อุทิศตนเพื่อพวกเขา ตอกย้ำแนวคิดของแบรนด์ JASPAL ที่เชื่อว่าแฟชั่นไม่ใช่เพียงเรื่องของสไตล์ แต่คือการส่งต่อความรัก ความห่วงใย และการเชื่อมโยงระหว่างผู้คนกับชุมชนเข้าด้วยกัน

ช้อปไอเทมสุดน่ารักและพร้อมอบอุ่นหัวใจไปกับ JASPAL Edit “Bestie for Life” ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน JASPAL สาขาที่ร่วมรายการและช่องทางออนไลน์ที่ www.jaspal.com

 

Tag: @jaspalofficial #JaspalEdit #jaspalgoobercollection

 

ติดตามข่าวสารและเทรนด์แฟชั่นล่าสุดจาก JASPAL ได้ที่

Instagram: @jaspalofficial

Facebook: @JaspalOfficial

LINE Official Account: @jaspalthailand

TikTok: @jaspal_th

 

 

Jelly Bunny เปิดตัวคอลเลกชั่น Nippon Reverie Fall/Winter 2025 พร้อมน้ำหอมใหม่ MoonKiss และ Dear You

Jelly Bunny (เจลลี บันนี) เปิดประตูสู่ดินแดนแห่งจินตนาการต้อนรับฤดูกาลแฟชั่น Fall/Winter 2025 ไปกับคอลเลกชั่นเสื้อผ้า Nippon Reverie ที่พาคุณย้อนเวลาไปยังญี่ปุ่นยุค Y2K ผ่านกลิ่นอายของห้องเสื่อทาทามิและแฟชั่นเรโทรแบบ

ป๊อปคัลเจอร์ที่เต็มไปด้วยสีสันของชีวิตประจำวันที่ไม่ธรรมดา และพร้อมเติมเต็มความเป็นตัวเองในทุกวันไปกับน้ำหอม “MoonKiss” และ “Dear You” สองกลิ่นหอมภายใต้ความโรแมนติกอันอบอุ่น ถ่ายทอดความทรงจำและช่วงเวลาแสนพิเศษได้อย่างลึกซึ้ง

เริ่มกันคอลเลกชั่นเสื้อผ้า Nippon Reverie ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฮอกไกโดในฤดูใบไม้ร่วงและชนบทในแถบคันไซ ถ่ายทอดวิถีชีวิตเรียบง่ายแต่อบอุ่น ผสานความแสบ ซ่า และสดใสในอย่างลงตัว เหมือนก้าวเข้าไปในสมุดภาพวัยเด็กที่เต็มไปด้วยสติกเกอร์หัวใจ กลิ่นขนมหวาน และความสนุกที่ไม่มีเหตุผล ผ่านสไตลิ่งแบบ Farmcore กล้องเลนส์ Fish-Eye คอมโพสิชั่นสุดแฟนซี และกราฟิกภาษาญี่ปุ่นโบราณแต่คิวต์ไม่ซ้ำใคร ทำให้ภาพรวมของแคมเปญนี้ราวกับโปสเตอร์ในฝันที่มีชีวิต เหมือนหลุดมาจากโปสเตอร์โชวะ

แคมเปญ Nippon Reverie ใช้โทนสีที่ชวนให้นึกถึงธรรมชาติและความทรงจำในวัยเด็ก ตั้งแต่ สีชมพูนม และสีม่วงมาร์ชแมลโลว์ ที่ให้กลิ่นอายขนมหวานในฤดูหนาว ไปจนถึงสีน้ำตาลข้าวมอลต์ สีครีมบัตเตอร์ และสีเขียวมินต์ ไฮไลท์คอลเลกชั่นนี้ อาทิ เสื้อคาดิแกนลายปูหิมะ เดนิมพิมพ์ลายอาหารทะเล จัมพ์สูทยีนส์ทรงโอเวอร์ไซซ์ปักหน้าอก เสื้อกราฟิกรูปนมสดฮอกไกโด ไปจนถึงเชิ้ตตารางชมพูมาพร้อมกระดุมสตรอว์เบอร์รี่ ทั้งหมดเหมือนหลุดออกมาจากตู้กดขนมที่โดนเวทย์มนตร์เปลี่ยนให้กลายเป็นแฟชั่น ตั้งแต่ปักลายยันฟอร์มเสื้อผ้าที่ไม่จำเจ พร้อมแอคเซสเซอรี่ที่เพิ่มเลเยอร์ให้ลุค Pop ขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า Mary Jane หนังฉลุดีไซน์โปร่ง ลวดลายคล้ายงานสานของคุณป้าเก๋ๆ ในเมืองโอซาก้า รองเท้าแตะดีไซน์เรียบพร้อมชาร์มเชอร์รี รองเท้าแตะรัดส้นลายวัวในฟาร์มใหญ่ กระเป๋าหนังเทียมสีเงินทรงขนมจีบหวานแบบฟิวเจอร์ริสติก กระเป๋าโท้ททรงคลาสสิคสีครีม ขลิบสายหนังน้ำตาล ติดโลโก้ Jelly Bunny หมวกแก๊ปผ้าทวิลสีขาวปักลายภาษาญี่ปุ่น และเดนิมวอชลายสดใสแบบแฮนด์เมด พร้อมกราฟิกผลไม้เล็กๆ ด้านหน้า ชวนให้นึกถึงตู้กดน้ำในฮอกไกโด

พร้อมเติมเต็มเสน่ห์ความสดใสไปกับ “MoonKiss” น้ำหอมฟลอรัล-ฟรุตตี้ (Floral Fruity) กลิ่นหอมแห่งความเย้ายวนชวนฝัน เปิดฉากด้วยความสดฉ่ำตระกูลเบอร์รี่และลูกแพร์ เผยสัมผัสหวานละมุน แฝงความซุกซน ก่อนเข้าสู่หัวใจของความ
โรแมนติกจากดอกพีโอนี (Peony) และดาทูร่า (Datura) เสริมมิติชวนเคลิบเคลิ้มด้วยจัสมิน แซมแบค (Jasmine Sambac) และออเรนจ์บลอสซั่ม (Orange Blossom) ที่คลี่บานอย่างอ่อนโยน ปิดท้ายเบสโน๊ตจากแพทชูลี่ (Patchouli) ไวท์มัสก์ (White Musk)  และซีดาร์วูด (Cedar Wood) ที่ทิ้งความอุ่นจางๆ เปรียบดังอ้อมกอดยามค่ำคืนไว้ให้อยากนึกถึง ทั้งหมดนี้คือกลิ่นหอมที่ร้อยเรียงเสน่ห์อันล้ำลึกที่เหมาะกับช่วงเวลาพิเศษ

และพลาดไม่ได้กับกลิ่นหอมที่รักษาช่วงเวลาสำคัญไม่ให้จางหาย “Dear You” บันทึกของความทรงจำอันแสนนิรันดร์ ที่เก็บสัมผัส Golden Hour ไว้อย่างละเมียดละไมในน้ำหอมกลิ่นแนวฟลอรัล-มัสก์ (Floral-Musky-Powdery) ชวนให้นึกถึงแสงแดดอุ่นยามบ่าย เปิดด้วยกลิ่นดอกมิโมซ่า (Mimosa)  ที่โปร่งเบาราวกับแสงอาทิตย์ตกกระทบบนผิวกระดาษ ตามมาด้วยมิดเดิลโน๊ตจากไวท์มัสก์ (White Musk) ก่อนเคลื่อนไปสู่ช่วงเวลานุ่มลึกจากวูดดี้ (Woody) และกลิ่นไอข้าว (Rice Steam) ให้ความหวานอบอวล บริสุทธิ์ โอบอุ้มทุกความทรงจำไว้ในขวดทรงกลมสีพีชภายใต้โลโก้เจลลี บันนี ออกแบบมาเพื่อหญิงสาวช่างฝัน อ่อนโยน จดจำช่วงเวลาแสนประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นเสียงหัวเราะในวันสบายๆ หรือคืนพิเศษ

ต้อนรับ Fall/Winter 2025 ไปกับคอลเลกชั่น Nippon Reverie โลกอีกใบที่ให้ทุกคนได้เดินเล่นในห้องเสื่อทาทามิ พร้อมกับสัมผัสจินตนาการความหอมกับน้ำหอมสองกลิ่นใหม่ MoonKiss และ Dear You ได้แล้ววันนี้ที่ Jelly Bunny ทุกสาขา และทางออนไลน์ที่ jellybunny.com

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นต่าง ๆ ของ Jelly Bunny ได้ที่

Facebook Fanpage: Jelly Bunny (TH)

Instagram: jellybunny_official

LINE Official Account: @jellbunny

Tiktok: @jellybunnyofficial

เนสท์เล่ เดินหน้าขับเคลื่อนการกินอยู่อย่างสมดุล ส่งแคมเปญ “กินได้ กินดี” อร่อยและบาลานซ์ แข็งแรงอย่างยั่งยืน

บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด สานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการกินอยู่อย่างสมดุล ผ่านแคมเปญสื่อสารครบวงจร “กินได้ กินดี อร่อยและบาลานซ์ แข็งแรงอย่างยั่งยืน” จุดประกายให้คนไทยบาลานซ์การกิน ให้ตอบโจทย์ทั้งความสุขกับอาหารที่ชอบและประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ลดความเสี่ยงของการเกิดโรค NCDs โดยจัดกิจกรรมโรดโชว์เปิดตัวแคมเปญแบบเข้าถึงคนเมือง ด้วยการแนะนำวิธีการ “กินได้ กินดี” ถึงโต๊ะอาหาร ร่วมกับตัวแทนจากสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร

แคมเปญการสื่อสารและโรดโชว์ในปีนี้ อยู่ภายใต้แนวคิด “คำเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่” ซึ่งเนสท์เล่ได้สื่อสารอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 ปี เพื่อสื่อว่าทุกคำเล็ก ๆ ที่คุณเลือกกินล้วนมีความหมาย ไม่ใช่แค่เติมเต็มความอิ่ม แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในวันนี้ และสุขภาพในอนาคต ตอกย้ำบทบาทของอาหารที่ไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตที่ช่วยให้คุณอิ่มท้อง แต่ยังสามารถเติมเต็มความรู้สึก มอบความสุข ความผ่อนคลาย อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้คุณได้เชื่อมต่อกับคนรอบข้างได้ ในปีนี้เนสท์เล่ได้ต่อยอดใจความสำคัญของ “คำเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่” ในแบบที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านแคมเปญ “กินได้ กินดี” ที่ประกอบด้วยการสื่อสารทางช่องทางดิจิตัล และกิจกรรมเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ สามย่าน ฟู้ดเลเจ้นด์ส ชั้น 4 ศูนย์การค้าสามย่าน มิตรทาวน์ ด้วยการแนะนำวิธีการกินให้บาลานซ์ถึงโต๊ะอาหาร พร้อมแจกชุดผลิตภัณฑ์ “กินได้ กินดี”  ผลิตภัณฑ์จากเนสท์เล่ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น เนสวีต้า น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ นมตราหมียูเอชที และผลไม้ให้แก่ผู้ที่มารับประทานอาหารภายในศูนย์อาหาร เพื่อบาลานซ์สุขภาพ เติมสิ่งดี ๆ ให้อาหารมื้อนั้นอร่อยและสมดุลยิ่งขึ้น  และทางเนสท์เล่ยังได้ให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิด “การกินอยู่อย่างสมดุล” (Balanced diet) พร้อมให้คำแนะนำในการกินอยู่อย่างสมดุลด้วย 3 เทคนิค “บวก แบ่ง แพลน” ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ยั่งยืนผ่านแนวทางที่ปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันแก่คนไทยทุกช่วงวัย

สลิลลา สีหพันธุ์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะบริษัทที่ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ ที่มุ่งมั่นในการส่งมอบ Good food, Good life เนสท์เล่ได้ส่งเสริมการกินอยู่อย่างสมดุลมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ ควบคู่กับการส่งเสริมความรู้ด้านโภชนาการแก่ผู้บริโภคชาวไทยที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง กิจกรรมในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านโภชนาการและสุขภาพแก่ผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด ผ่านการสื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยเห็นว่าการมีสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องยาก สามารถกินของที่อร่อยและดีต่อใจได้ เพียงแค่เพิ่มความสมดุลในแต่ละมื้อเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน โดยนอกจากกิจกรรมโรดโชว์เปิดตัวแคมเปญ กินได้ กินดี อร่อยและบาลานซ์ แข็งแรงอย่างยั่งยืน แล้ว ยังมีการสื่อสารทางดิจิทัลแบบครบวงจรอีกด้วย”

รศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ นายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ มีเป้าหมายสูงสุดในการช่วยให้คนไทยมีภาวะโภชนาการที่ดี และมีความรอบรู้ด้านโภชนาการ (Nutrition literacy) การสร้างความเข้าใจในแนวทางการกินอยู่อย่างสมดุล หรือ Balanced Diet จึงเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพดีได้อย่างยั่งยืน การได้ร่วมกิจกรรมกับเนสท์เล่ในครั้งนี้ได้ลงพื้นที่จริงและพูดคุยกับผู้บริโภคโดยตรงคือหัวใจของการสื่อสารที่ทรงพลังที่สุดในการช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของคนไทยให้สมดุลและยั่งยืน”

ดร.แพทย์หญิงสุธี สฤษฎิ์ศิริ ผู้อำนวยการกองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “สำนักอนามัยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ประชาชนสามารถดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน ได้อย่างถูกต้อง ตามสถิติด้านสาธารณสุขพบว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ส่งผลให้มีความเสี่ยงเป็นโรค NCDs สูง แนวคิดการกินอยู่อย่างสมดุลเป็นแนวคิดที่แก้โจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและข้อจำกัดต่าง ๆ ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้จริง ส่งผลต่อการลดโอกาสในการเกิดโรค NCDs ได้อย่างยั่งยืน”

เป้าหมายสำคัญของแคมเปญนี้ คือการจุดประกายให้คนไทยบาลานซ์การกินให้ตอบโจทย์ทั้งความพึงพอใจและประโยชน์ต่อสุขภาพ สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนไทย ด้วยแนวคิด การกินอยู่อย่างสมดุล ที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับใช้ได้ชีวิตประจำวันได้ไม่ยาก ส่งเสริมภาวะโภชนาการที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) พร้อมสุขภาพที่ดีไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน รับชมวิดีโอจากแคมเปญกินได้ กินดี ในไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ ได้ที่ https://bit.ly/3HEJog9

นอกจากนี้ เนสท์เล่ยังได้ตั้งเป้าระยะยาวในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย ผ่านการให้ความรู้ด้านโภชนาการ และกินอยู่อย่างสมดุลอย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือกับหลายภาคส่วน เพื่อส่งเสริมให้คนไทยกินพอ กินดี เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจอย่างยั่งยืน

แพทย์แนะตรวจคัดกรองเร็วลดเสี่ยงมะเร็งปอด

แพทย์เตือน มะเร็งปอด ภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยจำนวนมาก เนื่องจากมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ทำให้หลายรายตรวจพบเมื่อโรคเข้าสู่ระยะลุกลาม ส่งผลให้การรักษามีข้อจำกัด การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดจะช่วยเพิ่มโอกาสรักษาหายได้ถึง 90% โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่สูบบุหรี่ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ

รศ. พญ.ธัญนันท์ ใบสมุทร อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์โรคมะเร็งปอดในประเทศไทยว่า มะเร็งปอดเป็นโรคที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 มีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 20,000 รายต่อปี และมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับสูง ที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้ป่วยกว่า 70- 80% เป็นผู้ป่วยในระยะ 3 และ 4 ซึ่งเป็นระยะที่มะเร็งอาจจะผ่าตัดไม่ได้หรือมีการแพร่กระจายไปตามอวัยวะอื่นๆ แล้ว ทำให้การรักษาซับซ้อนและยากยิ่งขึ้น มะเร็งปอดจึงเป็นโรคที่สังคมควรให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ทั้งในด้านการตรวจวินิจฉัยเชิงรุกและการเข้าถึงการรักษา เพื่อเพิ่มโอกาสในการพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะนำไปสู่การรักษาที่ได้ผลดียิ่งขึ้น

“เราต้องการพบผู้ป่วยมะเร็งปอดตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมากกว่าระยะท้าย เพราะการรักษาในระยะเริ่มต้นคือ ระยะที่ 1 หรือ 2 มีโอกาสหายขาดสูง ในขณะที่ระยะที่ 4 และระยะที่ 3 ในผู้ป่วยบางรายไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยการรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการและทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้น เราควรสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของโรค เพราะแม้ไม่สูบบุหรี่ก็มีความเสี่ยงได้ และต้องสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด ปวดกระดูกหรือปวดศีรษะผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว เพราะยิ่งตรวจพบเร็ว โอกาสในการรักษาหายก็ยิ่งสูง”

รศ.พญ.ธัญนันท์ เสนอแนะถึงแนวทางเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดว่า ปัจจุบันสิทธิ์การรักษาที่มีอยู่ยังมีข้อจำกัดบางประการ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะปิดช่องว่างของการบริการสุขภาพ โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงทั้งในด้านตัวโรคและสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทั่วถึงและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางของกระบวนการรักษา ซึ่งการรักษามะเร็งไม่ใช่เรื่องของแพทย์เฉพาะทางเพียงคนเดียว การมีทีมสหสาขาวิชาชีพจะทำให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้แบบ one stop service และมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ช่วยให้การวินิจฉัยและการตัดสินใจในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดแต่ละรายได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้สะดวกรวดเร็ว และมีผลลัพธ์ต่าง ๆ ดีขึ้น และยืดอัตราการรอดชีวิตให้ยาวนานขึ้น ที่สำคัญคือ “มะเร็งปอดไม่น่ากลัวอย่างที่คิด” เนื่องจากมีวิวัฒนาการในการรักษาใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายหากมีอาการหรือสงสัยควรรีบพบแพทย์

ผศ.นพ.ปุณณฤกษ์ ทองเจริญ

ผศ.นพ.ปุณณฤกษ์ ทองเจริญ ศัลยแพทย์ทรวงอก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า มะเร็งปอดมีสาเหตุหลักจากการสูบบุหรี่และการสัมผัสมลพิษทางอากาศในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ที่พบมากในเมืองใหญ่ซึ่งหลีกเลี่ยงได้ยาก ที่สำคัญคือ โรคมะเร็งปอดมักไม่แสดงอาการในระยะแรก ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว ปัจจุบันการตรวจคัดกรองเป็นวิธีดีที่สุดที่จะช่วยให้พบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นซึ่งมีโอกาสรักษาหายสูง โดยในระยะที่ 1 โอกาสหายประมาณ 90% ระยะที่ 2 ลดลงเหลือ 60% และระยะที่ 3 ลดลงเหลือ 30% การตรวจคัดกรองจึงมีความหมายมากและเป็นจุดเปลี่ยนจากโรคที่รักษายากให้กลายเป็นโรคที่รักษาง่าย

“การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดด้วยวิธี Low Dose CT Scan คือ การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ด้วยปริมาณรังสีต่ำ ปัจจุบันผู้ที่เข้ารับการตรวจต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ยังไม่สามารถเบิกได้ ถือเป็นความท้าทายหนึ่งในการควบคุมและลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดของประเทศ เพราะมีข้อมูลชัดเจนว่า หากสามารถตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้อย่างน้อย 20% แนะนําให้กลุ่มเสี่ยงเข้ารับการตรวจคัดกรองแม้ยังไม่มีอาการ ได้แก่ ผู้ที่สูบบุหรี่จัดต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผู้ที่สัมผัสมลพิษในชีวิตประจำวัน ทั้งจากที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงาน รวมทั้งผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด เพราะหากพบมะเร็งปอดตั้งแต่ระยะแรก การรักษาด้วยการผ่าตัดแบบแผลเล็กส่องกล้องจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว ความปลอดภัยสูง โอกาสหายขาดสูง” ผศ. นพ.ปุณณฤกษ์ กล่าว

ดร.พญ.ประกายทิพ สุศิลปรัตน์

ดร.พญ.ประกายทิพ สุศิลปรัตน์ รองประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง แอดมินเพจ “สู้สิแม่ ก็แค่มะเร็ง” กล่าวว่า มูลนิธิเครือข่ายมะเร็งมีเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนผู้ป่วยโรคมะเร็งในหลากหลายด้าน ประกอบด้วย การสร้างเครือข่าย (Engagement) สนับสนุนให้ผู้ป่วยรวมตัวแบ่งปันประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความรู้ และให้กำลังใจ การให้ความรู้ (Education) แก่ผู้ป่วยและผู้ดูแล ทั้งเรื่องโรค การดูแลจิตใจ การจัดการทางการเงิน สิทธิในการรักษา การวางแผนการดูแลผู้ป่วยในระยะสุดท้ายและการดูแลแบบประคับประคอง การสร้างพลังและศักยภาพ (Empowerment) ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถส่งเสียงสะท้อนถึงปัญหา เช่น กลุ่มมะเร็งปอดที่ผู้ป่วยต้องการเข้าถึงนวัตกรรมและเรียกร้องให้มีการตรวจคัดกรองประชาชนกลุ่มเสี่ยง

“มะเร็งปอดเป็นโรคที่มีความท้าทายในการวินิจฉัย เนื่องจากแสดงอาการไม่ชัดเจนในระยเริ่มต้น การส่งเสริมการตรวจคัดกรองในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่และมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด จึงเป็นเรื่องจำเป็นและกลุ่มนี้ควรได้รับการคัดกรองเป็นพิเศษ กรณีของคุณเอ๋–พรทิพย์ ที่ออกมาเปิดเผยว่าเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 1 และย้ำว่าตรวจพบได้เพราะทำ Low Dose CT Scan สร้างแรงกระเพื่อมให้สังคมตระหนักถึงความจำเป็นของการตรวจคัดกรอง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงแม้ยังไม่มีอาการ ปัจจุบันมะเร็งปอดยังไม่ถูกรวมอยู่ในโครงการ Cancer Warrior (นโยบายมะเร็งครบวงจรของกระทรวงสาธารณสุข) ทำให้ประชาชนยังเข้าไม่ถึงสิทธิประโยชน์ด้านการตรวจคัดกรองด้วย Low Dose CT Scan ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาสนับสนุนการคัดกรองมะเร็งปอดให้เทียบเท่ากับมะเร็งชนิดอื่น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรองได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง” ดร.พญ.ประกายทิพ กล่าวทิ้งท้าย

มท.เปิดตัวสมุดภาพประวัติศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ “สิริวัณณวรีนารีรัตนราชพัสตราภรณ์”

กระทรวงมหาดไทย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว โครงการสมุดภาพประวัติศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 39 พรรษา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ประจำปี พ.ศ. 2568 เมื่อวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568 ณ สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย  เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้แทนจากภาครัฐ ผู้ทรงคุณวุฒิ และที่ปรึกษาโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เข้าร่วมแถลงข่าว

โครงการสมุดภาพประวัติศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ จัดทำขึ้น ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณและเพื่อเผยแพร่พระวิสัยทัศน์ พระกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยเฉพาะด้านการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการฟื้นฟูมรดกภูมิปัญญาผ้าไทย รวมทั้งพระปรีชาสามารถด้านการออกแบบสิ่งทอและแฟชั่น ที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานหัตถกรรมไทยให้ก้าวสู่เวทีระดับสากล

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ กล่าวว่า“พระกรณียกิจของพระองค์ท่านทรงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาชุมชนในทุกระดับ เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงทำ ไม่ได้เป็นเพียงการอนุรักษ์ผ้าไทยให้อยู่ต่อไปเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อยอดคุณค่าของผืนผ้าไทยไปสู่การสร้างรายได้และอาชีพ   ใหม่ ๆ ให้กับพี่น้องประชาชนในท้องถิ่น เมื่อผ้าไทยถูกนำมาปรับรูปแบบให้ร่วมสมัย สวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ก็ทำให้ตลาดกว้างขึ้นและ    ช่วยให้ชุมชนผู้ผลิตผ้าไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”

การแถลงข่าวครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นเวทีเผยแพร่ สมุดภาพประวัติศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 39 พรรษาฯ แต่ยังเป็นสื่อกลางในการสะท้อนให้เห็นถึง พระวิสัยทัศน์ด้านการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการส่งเสริมภูมิปัญญาผ้าไทย ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ

โครงการสมุดภาพประวัติศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ นับเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ให้เป็นที่ประจักษ์ ทั้งในมิติของการสืบสานมรดกวัฒนธรรมไทย และการสร้างพลังชุมชนให้เข้มแข็ง อันจะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด หนังสือเฉลิมพระเกียรติ 39 พรรษา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา “สิริวัณณวรีนารีรัตนราชพัสตราภรณ์ : แรงบันดาลใจแห่งการสร้างสรรค์ผืนผ้าและหัตถศิลป์ไทยร่วมสมัย” ฉบับดิจิทัล ได้ที่ https://thailandotop.org/39_years

#39พรรษา #ผ้าไทยใส่ให้สนุก #กระทรวงมหาดไทย