EN Name: 
Woman

POP MART เปิดตัว Global Landmark Store! ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ชั้น 7 ICONSIAM

POP MART THAILAND ภายใต้การบริหารจัดการโดย POP MART INTERNATIONAL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาร์ตทอยส์รายใหญ่ระดับโลก นำโดย คุณศิริพร แผลงจันทึก Country General Manager บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย) จัดงาน POP MART SAWASDEE ICONSIAM เฉลิมฉลองการเปิดตัว Global Landmark Store แห่งใหม่ล่าสุดในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 760 ตารางเมตร ณ ชั้น 7 ไอคอนสยาม หลอมรวมศิลปะวัฒนธรรมไทย ความทันสมัย และความแฟนตาซีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นับเป็น Global Landmark Store แห่งแรกที่ยึดหลักแนวคิดการออกแบบอินทีเรียดีไซน์จากความเป็นไทยที่โดดเด่น 3 ประการ  ได้แก่ “Water Culture” (วัฒนธรรมแห่งสายน้ำ) “Traditional Thai Architecture” (สถาปัตยกรรมไทย) และ “Inclusiveness” (โอบกอดความแตกต่างและหลากหลาย) ภายใต้แนวคิด “Light up Passion and Bring Joy” โดยพื้นที่ทั้งหมดถูกดีไซน์ด้วยเส้นโค้งและวงกลม ไปสู่สเปซที่ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวอย่างอิสระ และเชื่อมต่ออย่างไม่มีจุดสิ้นสุด ด้วยแรงบันดาลใจจาก "สายน้ำเจ้าพระยา" ที่เปรียบเหมือนวัฒนธรรมไทยที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทว่ากลมกลืน

โดยภายในงาน ได้รับเกียรติจากชมพู่ - อารยา  เอ ฮาร์เก็ต, “น้องเกล” แอบิเกล รังษีสิงห์พิพัฒน์, เจฟ - วรกมล ซาเตอร์ (Jeff Satur) และทัพดาราศิลปินมากมาย รวมไปถึง คุณหวาง หนิง ผู้ก่อตั้ง POP MART, คุณจัสติน มูน COO of POP MART International, คุณเคนนี หว่อง ศิลปินผู้สร้างตุ๊กตา Molly และ คุณแป๋ม-ชฎาทิพ จูตระกูล CEO of Siam Piwat Group ให้เกียรติมาร่วมงาน

ครั้งนี้ปรากฏการณ์ใหม่ริมน้ำเจ้าพระยา POP MART เนรมิต “POP MART ICONSIAM” เปิดฉากบทใหม่ของประสบการณ์อาร์ตทอยระดับโลก บนพื้นที่ที่ดีที่สุด หรือเรียกได้ว่าเป็น Bestination โดยเป็นทั้งโลเคชันที่ดีที่สุด (Best Location) และจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมที่สุด (Global Destination) สำหรับแฟนอาร์ตทอยทั่วโลก ภายใต้บรรยากาศริมโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยที่สุด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น The Crown of River สู่ศูนย์กลางแห่งจินตนาการระดับโลก ที่ผสมผสานความล้ำสมัยของงานดีไซน์เข้ากับกลิ่นอายของวัฒนธรรมไทยอย่างลงตัว ทำให้ “พื้นที่” มีมากกว่าความสวยงาม โดย Global Landmark Store แห่งนี้ ได้ทีมงานผู้ออกแบบเดียวกันกับ Flagship Store ที่เซี่ยงไฮ้

ศิริพร แผลงจันทึก Country General Manager บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย)

WINDOW TO THE FANTASY

หน้าต่างสู่โลกแฟนตาซีเหนือจินตนาการ

จากความชื่นชอบที่มากกว่าแค่การสะสม แฟน POP MART อินกับคาแรคเตอร์และมองว่า POP MART คือหน้าต่างที่พาเข้าสู่โลกแห่งแฟนตาซี ด้วยแนวคิดนี้ ประตูทางเข้าจึงถูกออกแบบอย่างอลังการ สูงจรดเพดานชั้นสอง นำรูปทรงกล่องตุ๊กตาไขลานแบบคลาสสิกมาเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบ Entrance เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้น คาดเดาในสิ่งที่กำลังจะได้เจอ โดยการตกแต่งได้ใส่รายละเอียดของความคลาสสิก ผสานการจัดวาง Big Figure ท็อปคาแรคเตอร์ ตามจุดต่างๆ ของทางเข้าได้อย่างลงตัว ราวกับว่าจะเชื้อเชิญให้ทุกคนให้มาสัมผัสโลกเหนือจินตนาการที่ซ่อนอยู่ภายใน โดยเฉพาะท็อป IP ที่ครีเอทโดยศิลปินไทยอย่าง CRYBABY ในดีไซน์ขี่ช้าง สัตว์คู่บ้านคู่เมืองสัญลักษณ์ของประเทศไทย ก็ถูกนำมาตกแต่งในตำแหน่งกึ่งกลางบนสุดซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญ ซึ่งในส่วนนี้นอกจาก Big Figure ที่เป็นความโดดเด่น ผู้ออกแบบยังได้ให้ความสำคัญกับความเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งแฟนตาซีจริงๆ ด้วยการตกแต่งที่ใช้วัสดุเสมือนจริงในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคิ้วบัวสไตล์วินเทจ ออกแบบพิเศษ ไขลานขนาดยักษ์ ไปจนถึงม่านลูกปัดอันอ่อนช้อย โดยดีไซน์ดังกล่าวนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการจัดแสดงภาพวาดแบบคลาสสิกในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ จึงนำมาใช้กับการออกแบบฟาซาดทางเข้า เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและบรรยากาศที่พิเศษ

"ชมพู่ อารยา" -  "น้องเกล แอบิเกล"

นอกจากนี้ด้านนอกฝั่งเทอเรส ยังถูกออกแบบให้โดดเด่นด้วยฟาซาดขนาดใหญ่ ในสไตล์เรียบหรูและกึ่งโปร่งแสง สื่อถึงการแบ่งโลกจริงกับโลกแฟนตาซีภายในร้าน โดยมีไฮไลต์สำคัญ ได้แก่ Molly: Thailand Landmark Store Limited Big Figure ขนาดสูงกว่า 4 เมตร ที่ตั้งตระหง่านต้อนรับแฟน ๆ ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์การท่องเที่ยวเมืองไทยของคุณ Kenny Wong ศิลปินผู้สร้างตุ๊กตา Molly ด้วยประติมากรรม Molly ในชุดไทยจักรี พร้อมขี่ช้างที่เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย พร้อมไอคอนิกคาแรคเตอร์ยอดนิยมอีกมากมายที่เรียงรายรอต้อนรับผู้มาเยือนอย่างอบอุ่น โดยบริเวณเดียวกันยังได้จัดวางชุดเก้าอี้ โทนสีม่วง สลับเหลือง เช่นเดียวกับฟาสาด เพื่อให้ลูกค้าได้พักผ่อน เพลิดเพลินกับการ Unbox ริมแม่น้ำ มอบประสบการณ์ที่ไม่สามารถสัมผัสได้จากที่ไหนในโลก

"เจฟ - วรกมล ซาเตอร์"

SET SAIL

ล่องเรือสู่สายน้ำแห่งความเซอร์ไพรส์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

POP MART Global Landmark Store แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ชั้นอย่างกว้างขวาง โดย ชั้น 1 คือพื้นที่ต้อนรับอันโดดเด่นด้วย MEGA Zone ขนาดใหญ่ พร้อมจัดวาง MOLLY BIG FIGURE ในรูปแบบประติมากรรม รวมถึง THE MONSTERS BIG FIGURE สุดฮิต สำหรับเป็นจุดเช็คอิน และถ่ายรูป โดยในชั้นนี้ยังเป็นโซนที่ให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับการเลือกกล่องสุ่มจากคาแรคเตอร์สุดฮิต และ Pop bean ได้อย่างสนุกสนาน

ดีไซน์หลักของชั้น 1 ได้แนวคิดซึ่งถอดพฤติกรรม ‘ลุ้น’ ของแฟนๆ POP MART ที่ถือเป็นความสุขหลัก แม้จะไม่รู้ว่าจะได้แบบไหน แต่แค่ได้ลุ้นก็สนุกแล้ว ดังนั้นการออกแบบจึงนำเส้นโค้ง วงกลม มาเป็นหลักในการออกแบบ โดยมีการออกแบบให้เส้นสายต่างๆ นั้นเชื่อมโยงไม่มีจุดจบ (Seamless) ดุจสายน้ำ ให้ผู้ที่เข้ามาในบริเวณโซนนี้รู้สึกคล้ายกับการ “ลงเรือลำหนึ่ง” โดยไม่รู้ว่าจะไปถึงฝั่งไหน ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้วัสดุปิดผิวพื้น ผนัง และเพดาน ที่จะต้องเชื่อมกันเป็นผืนเดียวเหมือนไม่มีรอยต่อ โดยมีการขึ้นรูปวัสดุต่างๆ จากประเทศจีน และนำมาประกอบในไทย แต่ละชิ้นส่วนจึงมีความพิเศษและหลากหลาย ช่วยเพิ่มมิติและความประณีตให้กับพื้นที่ รวมถึงเชื่อมโยงฟังก์ชันการใช้งานอย่างลงตัว รวมถึงครั้งนี้ยังได้ช่างฝีมือไทยมาต่อยอดชิ้นงานดีไซน์เชิงเส้นสาย เพื่อสร้างเส้นนำสายตาที่สดใส ชวนให้ลูกค้าอยากติดตามและค้นหา

นอกจากนี้ การวางแปลนพื้นที่ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้เยี่ยมชม โดยใช้รูปแบบ “Closed-loop circulation” ที่ไม่มีจุดสิ้นสุดและเอื้อต่อการสำรวจทุกมุมของร้านได้โดยไม่ย้อนกลับ เสริมด้วยบันไดวนและแชนเดอเลียร์ ที่ยังคงใช้เส้นสายเป็นตัวนำสายตาที่โดดเด่น

RUBIK’S CUBE

เก็บให้ครบ จัดวางให้ถูกใจ เพื่อมิชชันที่คอมพลีท

สำหรับแฟนๆ POP MART การวางแผนซื้อให้ครบเซ็ตไม่ใช่แค่การสะสม แต่ยังเป็นการคอมพลีทมิชชัน ประหนึ่งเหมือนกำลังเล่นเกม  เมื่อขึ้นมาชั้นบนทุกคนคือผู้เล่น บริเวณชั้น 2 จึงถูกออกแบบให้เหมือนทุกคนจะได้เข้าไปในโลกของเกม ด้วยการออกแบบรูปทรงสี่เหลี่ยมเรขาคณิต แบบลูกบาศก์รูบิก ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมไทยโบราณ อย่างเจดีย์วัดอรุณ ที่ถูกลดทอน และจัดวางเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบ สร้างความน่าสนใจและความมีชีวิตชีวาให้กับพื้นที่ เน้นใช้โทนสีโดปามีนสดใส ช่วยเติมเต็มบรรยากาศแห่งความสนุก

FAIRYTALE

พื้นที่ที่เรื่องราวบทใหม่กับใครบางคนที่คุณเพิ่งพบเจอกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

เมื่อการเดินทางจบลง ทุกคนจะได้พบกับพื้นที่ที่เรื่องราวบทใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น โซนคาเฟ่ที่ออกแบบอย่างตั้งใจ เพื่อเป็นพื้นที่ให้แฟน POP MART และคาแรคเตอร์ที่รักได้ใช้เวลาร่วมกัน ครั้งแรกโลกของ POP MART CAFÉ (outside China) ที่ถูกออกแบบเพื่อให้ทุกคนได้มีพื้นที่เพื่อค้นพบเรื่องราวบทใหม่ ในโซนคาเฟ่นี้ ถูกออกแบบให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ดึงแรงบันดาลใจจากการแบ่งผนังแบบคลาสสิกของเทพนิยาย พร้อมเพิ่มมิติด้วยผนังเว้านูน เพื่อเติมความรู้สึกพิเศษและบรรยากาศหวานละมุนให้กับพื้นที่ ส่วนสำคัญที่โดดเด่นของโซนนี้ คือองค์ประกอบต่าง ๆ ถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกับคาแรคเตอร์ของแบรนด์ (IP) เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและยังให้กลิ่นอายของงานศิลปะอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ภายในโซนนี้ยังมีการใช้โทนสีที่แตกต่าง อย่างสีขาวผสมกับสีตกแต่งแนวโดปามีนที่สดใส ช่วยเพิ่มความสดชื่นและบรรยากาศโรแมนติกให้กับพื้นที่ การใช้สีตัดกันที่มีความอิ่มตัวของสีน้อย ช่วยให้รู้สึกถึงความละมุนละไมและความมีรสนิยม โดยเมนูต่างๆ สำหรับ POP MART CAFÉ ถูกรังสรรค์ตามเรื่องราวของคาแรคเตอร์ของแบรนด์ (IP) ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นเมนูที่ทาง POP MART และ GREYHOUND CAFÉ ได้ออกแบบและคิดค้นร่วมกัน อย่างพิถีพิถัน

นอกจากนี้ยังมีโซน VIP สำหรับโอกาสพิเศษ ที่ออกแบบให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกสบาย โซนนี้ถูกจัดวางแบบ “Enclosure Setting” เพิ่มความเป็นส่วนตัวและหรูหรา ด้วยการใช้โทนสี soft luxury และผนังตกแต่งแนวคลาสสิก เพิ่มบรรยากาศของการพักผ่อนและการต้อนรับ โดยโซนพิเศษนี้ ยังมีการเลือกใช้กลิ่นพิเศษ Cotton Berry แรงบันดาลใจ จาก LABUBU Macaron ที่สะท้อนคาแรกเตอร์ฮิตได้อย่างลงตัว เป็นกลิ่นหอมหวานละมุนของสายไหมและเบอร์รี่ป่า ให้ภาพสีชมพูอ่อน มอบประสบการณ์ที่สดใส สนุกสนาน และชวนให้นึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็ก ให้ความรู้สึก Sparkling โดยความน่าค้นหาในกลิ่นนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้าง Magical Moment ให้กับทุกคนที่ก้าวเข้าสู่ห้อง VIP

อีกหนึ่งไฮไลต์คือโซนพิเศษ “HELLO MOON Exhibition” นิทรรศการของ Molly ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5-14 สิงหาคม 2568 ณ ชั้น M Thara hall, ICONSIAM คาแรกเตอร์สาวน้อยตากลมสีฟ้า ปากจืออันเป็นเอกลักษณ์ ผลงานจากปลายปากกาของศิลปินระดับโลก Kenny Wong ที่แฟนๆ ทั่วโลกหลงรัก ด้วยคาแรกเตอร์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการไร้ขอบเขต พิเศษสุด! แฟนชาวไทยจะได้พบกับ Kenny Wong ตัวจริงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมกิจกรรม Fansign สุดเอ็กซ์คลูซีฟ

ศิลปะ อาร์ตทอย และวัฒนธรรมร่วมสมัย ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน กับแหล่งรวมของ “The Biggest Happiness and Happening” ไม่ว่าจะเป็น สินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ Molly Thailand Figure, Labubu Long-tail Boat Figure, Crybaby Tuk Tuk Figure และ Pop Bean Crybaby Baby Born Series Set (Thailand Limited) เป็นต้น รวมไปถึงการออกแบบพื้นที่ที่รองรับความหลากหลายของผู้คนและความคิด (Inclusiveness) ให้ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของ POP MART ได้อย่างแยบยล

POP MART ICONSIAM คือการหลอมรวมระหว่างศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต ได้อย่างลงตัว แสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมไทยและศิลปะป๊อปร่วมสมัยที่แตกต่างและไม่เคยมีที่ใดมาก่อน ครั้งนี้จึงถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่โลกไม่เคยเห็น ร่วมสัมผัสประสบการณ์เหนือจินตนาการได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ณ POP MART ICONSIAM ชั้น 7 ไอคอนสยาม โดยสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมและสินค้าได้ที่ https://www.popmart.com/th หรือที่ Facebook POP MART THAILAND, Instagram popmartth, Twitter popmartth และ Tiktok popmartth

#POPMART #POPMARTThailand #GlobalLandmarkStore #TheCrownOfRiver #SAWASDEEICONSIAM #Bestination

ศูนย์แพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ จัดประชุมวิชาการด้านการแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินระดับนานาชาติ ปี 2568

ศูนย์แพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ (CDEM) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย, สมาคมแพทย์ทหารแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ Society for Disaster Medicine and Public Health (SDMPH) ประเทศสหรัฐอเมริกา บูรณาการความร่วมมือจัดการประชุมวิชาการด้านการแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินระดับนานาชาติ ประจำปี 2568 “The 2nd CRA Disaster and Emergency Management Conference: Resilience & Sustainability in Action” เพื่อยกระดับความร่วมมือ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รักษาการรองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการครั้งนี้ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านการแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉิน โดยการประชุมวิชาการดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 9 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร    

“ภัยพิบัติ” ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ โดยมีแนวโน้มเกิดบ่อยและรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน ระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวาง รายงานจากศูนย์วิจัยและระบาดวิทยาด้านภัยพิบัติ (CRED) ระบุว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2551–2560 มีภัยพิบัติเกิดขึ้นเฉลี่ย 343 ครั้งต่อปี คร่าชีวิตผู้คนกว่า 11,755 ราย และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจรวมกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทวีปเอเชียมีอัตราการเกิดภัยพิบัติสูงที่สุดในโลก และประเทศไทยตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว และโรคอุบัติใหม่ ซึ่งส่งผลต่อชีวิต สังคมและระบบบริการขั้นพื้นฐาน แต่นอกเหนือจากภัยธรรมชาติแล้ว ในปี 2568 ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับเหตุการณ์ความขัดแย้งและเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ส่งผลให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องอพยพออกจากพื้นที่อยู่อาศัยมากกว่า 200,000 คน และมีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนรวมหลายสิบราย ทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงพยาบาล ร้านค้า และกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งความขัดแย้งด้านชายแดนดังกล่าวไม่ใช่เพียงภัยทางทหารเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อภาระทางมนุษยธรรมและสาธารณสุขไทยอย่างร้ายแรง การอพยพจำนวนมากสร้างแรงกดดันต่อระบบบริการสุขภาพในพื้นที่ และสะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดในการจัดการภาวะฉุกเฉินต่อบริบทที่ซับซ้อน

ทั้งนี้ ศูนย์แพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ได้รับพระราชทานนามจาก ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานและนายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2560 โดยมีเป้าหมายให้ศูนย์ดังกล่าวเป็น “ศูนย์ฝึกอบรมด้านการแพทย์ภัยพิบัติแห่งภูมิภาคอาเซียน” เพื่อสร้างเสริมองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล  โดยการประชุมวิชาการด้านการแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินระดับนานาชาติ ประจำปี 2568 “The 2nd CRA Disaster and Emergency Management Conference ซึ่งนับเป็นการจัดประชุมต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Resilience & Sustainability in Action” มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการขับเคลื่อนแนวคิด “การฟื้นคืนอย่างมั่นคง และการพัฒนาที่ต่อเนื่องอย่างยั่งยืน” ไปสู่การปฏิบัติจริง ส่งเสริมให้เกิดระบบการจัดการภัยพิบัติที่สามารถปรับตัว ตอบสนอง และฟื้นฟูจากสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมทั้งวางรากฐานสู่อนาคตที่มั่นคงในมิติสังคม สิ่งแวดล้อม และระบบบริการสุขภาพ โดยการประชุมนี้จะเป็นเวทีสำหรับผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ถอดบทเรียนจากเหตุการณ์จริง และร่วมกันพัฒนาแนวทางเชิงปฏิบัติที่สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน เพื่อยกระดับระบบการแพทย์ภัยพิบัติของภูมิภาคให้สามารถ “ล้มแล้วลุกได้อย่างมั่นคง” และดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องแม้เผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ซึ่งการประชุมวิชาการครั้งนี้

นับเป็นการรวมพลังผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย แพทย์ บุคลากร และผู้ปฏิบัติงานด้านภัยพิบัติจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการรับมือกับภาวะวิกฤตต่าง ๆ อย่างยั่งยืนและเป็นระบบ โดยไฮไลท์ของการประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วย การประชุมวิชาการและการบรรยายให้ความรู้ด้านการแพทย์ภัยพิบัติ ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิและวิทยากรรับเชิญจากนานาประเทศ อาทิ Prof. Shinichi Egawa, MD, Ph.D., FACS Japan , James J. James, MD, DrPH, MHA  United States , Assoc. Prof. Raj Prasanna New zealand , Assoc. Prof. Lesley Ann Gray, Ph.D.  New zealand , Benjamin Norman Abo, Ph.D. United States , Kirsty Lowery-Richardson United Kingdom , Marc Rainey  United Kingdom , Jamla Rizek United States , Assoc. Prof. Amir Khorram-Manesh, MD,Ph.D. (Virtual) Sweden , Stephen S. Morse, Ph.D.  (Virtual) United States , Dr. Krzysztof Goniewicz (Virtual) Poland ,Dr. Taha Masri (Virtual) Saudi Arabia,  ผศ.ดร.พญ.ภัทรานิษฐ์ ภัทรพรเจริญ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์แพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ,นายสัตวแพทย์พรพิทักษ์ พันธ์หล้า ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน, นายแพทย์รัฐพงษ์ บุรีวงษ์ รองผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน , ผศ.นพ.ภาณุ ธีรตกุลพิศาล อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ,พญ.ภาวิตา ชุมเกลี้ยง รองผู้อำนวยการศูนย์แพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ , นาวาอากาศโท ภาณุวัฒน์ หมดมลทิน กองบัญชาการกองทัพไทย และนาวาอากาศโท พีรวุฒิ จันทนา กองบัญชาการกองทัพไทย

นอกจากนี้ กิจกรรมของการประชุมยังมีการจัดการแข่งขันทักษะการปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินและการตอบโต้ภัยพิบัติ CDEM Rally โดยทีมแพทย์ภัยพิบัติจากโรงพยาบาลทั่วประเทศ การนำเสนอผลงานวิจัยด้านการแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินที่น่าสนใจ การประกวด Poster & Photo Contest การจัดเวทีเสวนาและนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉิน และ กิจกรรม Networking Dinner ร่วมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับโลก เป็นต้น ซึ่งงานครั้งนี้นับเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการจัดการภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ ยกระดับความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังเป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการแพทย์ภัยพิบัติในระดับนานาชาติ พร้อมก้าวสู่การพัฒนาศักยภาพและการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป

สยามพารากอน ร่วมกับ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และพิพิธภัณฑ์ผ้า จัดงาน “แพรพัสตรา บรมราชินีนาถ” วันนี้-12 ส.ค.นี้

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และพิพิธภัณฑ์ผ้า จัดงาน “แพรพัสตรา บรมราชินีนาถ” เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่ทรงฟื้นฟูงานหัตถกรรมไทยและศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าให้คงอยู่คู่แผ่นดิน โดยงานจัดระหว่างวันที่ 8–12 สิงหาคม 2568 ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M สยามพารากอน  นำเสนอผ่านนิทรรศการเกี่ยวกับชุดไทย การแสดงโขน  กิจกรรมเวิร์กช็อปสุดสร้างสรรค์ และจำหน่ายสินค้าศิลป์หัตถกรรมที่สื่อถึงวิถีไทยอย่างแท้จริง โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

พิธาน เหี้ยมโท้ และ พล.ท.จักรกฤษณ์ ศรีนนท์

สำหรับพิธีเปิดงาน (8 ส.ค.2568) ได้รับเกียรติจาก พิธาน เหี้ยมโท้ กรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ พลโทจักรกฤษณ์ ศรีนนท์ ผู้อำนวยการกองศิลปาชีพ โสภิดา กิติโกมลสุข ผู้บริหารสยามพารากอน อ.สุดสาคร ชายเสม ศิลปินแห่งชาติ, ปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย  ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ผ้า มาร่วมงานและชมการแสดงโขนสดจากอาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน พร้อมเรียนรู้การใส่ผ้าไทยให้แมทช์กับคนรุ่นใหม่ โดยมีผู้เชี่ยวชาญผ้าไทย ครูไก่-ดร.สุรัตน์ จงดา และ ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้ว นักแสดงหนุ่มสุดฮอต ร่วมพูดคุยและสาธิตการสวมผ้าไทยในสไตล์ต่างๆ  

อ.สุดสาคร ชายเสม ศิลปินแห่งชาติ ผู้เนรมิตฉากการแสดงโขน

พบไฮไลต์กิจกรรม นิทรรศการชุดไทย “จากราชสำนักสู่ราชนิยม” ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของ ชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ ที่ทรงรังสรรค์ขึ้นให้สตรีไทยได้ใช้สวมใส่ในโอกาสต่าง ๆ พร้อมจัดแสดงชุดตัวอย่างที่ถูกต้องตามที่พระราชทานไว้เรียนรู้แนวคิดเรื่องสีมงคลและการนุ่งห่มตามความเชื่อของสังคมไทย นอกจากนี้ ยังมีโซน “กว่าจะมาเป็นโขน” ที่จัดแสดงฉากโขนจำลอง อุปกรณ์สร้างฉาก และห้องทำงานของช่างฝีมือเบื้องหลังการแสดงศิลปะชั้นสูงของไทย พร้อมตื่นตากับภาพเสก็ตช์ “ทศกัณฐ์บนหลังช้าง” ผลงานที่รังสรรค์โดยบรมครู อ.สุดสาคร ชายเสม ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ผู้เนรมิตฉากการแสดงโขนศิลปาชีพ ได้อย่างวิจิตรงดงาม ซึ่งนำมาจัดแสดงให้ชมเป็นครั้งแรก!!
ศาสตรัตน์ มัดดิน, ปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย และ ณัฏฐวรรณ ตันหยงมาศ

ปิยวรา ทีขะระ เนตรน้อย, ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้ว, โสภิดา กิติโกมลสุข และ ดร.สุรัตน์ จงดา

ภายในงานเต็มอิ่มไปกับ การแสดงโขนสดจากอาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน ที่นำเสนอฉากสำคัญจากรามเกียรติ์ เช่น “ทศกัณฐ์เกี้ยวนางสีดา”, “หนุมานรบนางเบญจกาย” และ “โขนตอนยกรบ” โดยจัดแสดงวันละ 2 รอบ เวลา 14.00 น. และ 15.30 น. นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปเพื่อสืบสานภูมิปัญญาไทย อาทิ  “ปักการ์ดวันแม่” โดยพิพิธภัณฑ์ผ้า , “ปิดทองลายโขน” โดยอาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน พร้อมลายให้เลือก 6 แบบ, กิจกรรม “การนุ่งห่มอย่างไทย” และ “นุ่งห่มร่วมสมัย” โดยครูบิ๊ก–พีรมณฑ์ ชมธวัช ผู้เชี่ยวชาญด้านชุดไทยและผ้าไหมในวันที่ 9 สิงหาคม 2568 และ กิจกรรม “Dress Me Up ด้วยผ้าไทย” ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมสนุกโดยการนำผ้าไทยมาแต่งตุ๊กตากระดาษ

นิทรรศการ จากราชสำนักสู่ราชนิยม

นิทรรศการกว่าจะมาเป็นโขน

นอกจากจะได้สัมผัสกับนิทรรศการและการแสดงสุดตระการตาแล้ว ภายในงานยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาไทย อาทิ ผ้าไหม และเครื่องประดับ จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ, พิพิธภัณฑ์ผ้า และอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นถิ่นและวัตถุดิบจากโครงการฟาร์มตัวอย่างในพระราชดำริ อาทิ ข้าวยำปักษ์ใต้ น้ำบูดูแท้จากโคกปาฆาบือซา จ.นราธิวาส, ผลไม้จากบ้านขุนแตะ จ.เชียงใหม่, หมูจินหัวแดดเดียวจากบ้านแม่ตุงติง จ.เชียงใหม่, กาแฟคัดพิเศษจาก จ.น่าน เชียงราย และเชียงใหม่ เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ผ้าลวดลายต่างๆ ที่นำมาจำหน่าย

เด็กๆ ร่วมสนุกด้วยการนำผ้ามาตกแต่งตุ๊กตากระดาษ

ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสืบสานพระราชปณิธานด้านวัฒนธรรมไทยในงาน “แพรพัสตรา บรมราชินีนาถ”  ตั้งแต่วันนี้ถึง 12 สิงหาคม 2568 โดยเปิดให้เข้าชมฟรีตลอดงาน ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-610-8000 หรือติดตามรายละเพิ่มเติม เฟสบุ๊ค : SIAMPARAGON

 

#แพรพัสตราบรมราชินีนาถที่สยามพารากอน #นิทรรศการผ้าไทย #SiamParagon

โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ฯ จัดกิจกรรมบริการวิชาการ-บริการทางการแพทย์ เนื่องในวันตับอักเสบโลก

โรคตับอักเสบ นับเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ซึ่งโรคนี้สามารถป้องกันและรักษาได้ หากได้รับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เริ่มมีอาการ ดังนั้นทุกคนควรใส่ใจดูแลสุขภาพตับ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในฐานะที่เป็นสถาบันการศึกษาวิจัยและสถาบันการแพทย์ ซึ่งมีพันธกิจในด้านบริการวิชาการและวิชาชีพด้านสุขภาพแก่สังคม โดยมีโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เป็นส่วนงานหลักในการให้บริการรักษาพยาบาลแก่ประชาชน มุ่งส่งเสริมความรู้และการดูแลเชิงป้องกัน ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญ จึงได้จัดกิจกรรม กิจกรรม Let’s break it down รู้เร็ว รักษาไว ป้องกันได้....ลดมะเร็งตับ และบริการวิชาการสุขภาพและบริการทางการแพทย์เนื่องในวันตับอักเสบโลก (World Hepatitis Day) ประจำปี 2568 เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเจริญพระชันษา 68 ปี วันที่ 4 กรกฎาคม 2568  โดยมี นพ.ดำรงค์ สุกิจปัญญาโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์  เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นพ.วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร  หัวหน้างานอายุรกรรมทางเดินอาหาร แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ และทีมแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ นำโดย พญ.กันต์สุดา ปัญจชัยพรพล พญ.อัญญา เกียรติวีระศักดิ์ นพ.สพล วิวัฒน์พัฒนกุล และ นพ.สพล เทพวิวัฒน์จิต พร้อมด้วย นพ.กฤต หมัดแสละ  แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว นพ.ธนกร เจริญธนดล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา นพ.กฤตรัตน์ ชัยจิรวิวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางสาขารังสีร่วมรักษาส่วนลำตัว   พญ.ชัณษา บางยี่ขัน ศัลยแพทย์ตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี เข้าร่วมงาน ณ โถงชั้น 1 โซน บี อาคารกรมพระศรีสวางควัฒน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568

นพ.ดำรงค์ สุกิจปัญญาโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์  กล่าวว่า “กิจกรรมบริการวิชาการสุขภาพและบริการทางการแพทย์เนื่องในวันตับอักเสบโลก (World Hepatitis Day) ประจำปี 2568 จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระกุศลแด่ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชันษา 68 ปี เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ทั้งนี้ โรคไวรัสตับอักเสบ ซึ่งยังคงเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตมากกว่า 1 ล้านคนต่อปีทั่วโลก  สำหรับประเทศไทย คาดว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ประมาณ 2–3 ล้านคน และติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง  ประมาณ 350,000 ราย ทั่วประเทศ  โรคไวรัสตับอักเสบมิได้เพียงเป็นโรคติดเชื้อธรรมดา แต่เป็นสะพานนำไปสู่มะเร็งตับ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ในฐานะสถาบันการแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและรักษาอย่างจริงจัง ตามพระปณิธานขององค์ประธานผู้ทรงจัดตั้งโรงพยาบาลแห่งนี้ เพื่อการช่วยเหลือและบรรเทาความทุกข์ทรมานของผู้ป่วย

ข่าวดีในปัจจุบัน คือเราสามารถชนะโรคนี้ได้ เนื่องจากวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี มีประสิทธิภาพสูงถึง 95% ในการป้องกันการติดเชื้อ ส่วนไวรัสตับอักเสบซี สามารถรักษาให้หายขาดได้ถึง 99% ด้วยยาสมัยใหม่ที่ใช้เวลาเพียง 8-12 สัปดาห์ นี่คือความหวังที่เราจับต้องได้ การบรรลุเป้าหมายในการกำจัดไวรัสตับอักเสบให้ได้ในปี พ.ศ. 2573 ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลกและประเทศสมาชิก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย จึงไม่ไกลเกินเอื้อม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงได้จัดโครงการขึ้น เพราะการป้องกันที่แท้จริงเริ่มต้นจากความรู้และการลงมือทำ เราเชื่อมั่นว่า หากทุกคนได้รับการตรวจคัดกรองและป้องกันอย่างเหมาะสม เราจะสามารถลดจำนวนผู้ป่วยมะเร็งตับได้อย่างมีนัยสำคัญ

ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จัดกิจกรรม Let’s break it down รู้เร็ว รักษาไว ป้องกันได้....ลดมะเร็งตับ ขึ้นเพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในการป้องกัน คัดกรอง และดูแลรักษาโรคตับอักเสบ รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างครอบคลุม ซึ่งถือเป็นแนวทางหนึ่งในการลดการเสียชีวิตจากโรคตับ และสร้างสุขภาวะที่ดีให้แก่ประชาชน อีกทั้ง ยังเป็นการให้บริการวิชาการความรู้สุขภาพเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบ และการให้บริการตรวจหาเชื้อและภูมิไวรัสตับอักเสบบีพร้อมฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งตับ  ส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ได้มาตรฐาน

ภายในงาน จัดให้มีการเสวนาให้ความรู้เริ่มที่หัวข้อ  “ไวรัสตับอักเสบบี ศัตรูเงียบที่ต้องรู้จักก่อนจะสายเกินไป”  โดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ พญ.อัญญา เกียรติวีระศักดิ์ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวว่า “ไวรัสตับบี คือ เชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เป็น DNA virus ที่มีความแข็งแรงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน เป็นเชื้อทำให้ก่อโรคตับอักเสบชนิดบี ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อที่สำคัญของตับ หากเกิดภาวะตับอักเสบทั้งแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง และไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ในระยะยาว โดยไวรัสตับบีประมาณ 90% ติดจากแม่สู่ลูกตอนคลอด แต่ก็สามารถมาติดตอนโตได้ โดยการติดเชื้อผ่านเลือดและสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อ โดยการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน เช่น ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกัน การรับเลือด หรือการปลูกถ่ายอวัยวะ ดังนั้น สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อหรือถ้ายังไม่มีภูมิคุ้มกัน จึงขอแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี  หากเราเป็นพาหะของโรคนี้ ก็ควรหลีกเลี่ยงการบริจาคเลือด ดังนั้น คนไทยทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต โดยเฉพาะผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 เพราะก่อนหน้านั้นยังไม่มีการฉีดวัคซีนไวรัสตับบีในเด็กแรกเกิดอย่างทั่วถึง และยังไม่มีวัคซีนในวัยเด็ก โดยเฉพาะกลุ่ม คนดังต่อไปนี้ คนในครอบครัวเป็นพาหะไวรัสตับบี กลุ่มคู่สมรสหรือคู่นอนของผู้ติดเชื้อ กลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV หรือไวรัสตับซี หญิงตั้งครรภ์ควรตรวจทุกคน ในช่วงฝากครรภ์ เพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก กลุ่มที่อาชีพเสี่ยงสัมผัสเลือด อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ ผู้ดูแลผู้ป่วย และคนที่เคยได้รับเลือด หรือทำหัตถการ เช่น สัก เจาะ ในที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น”

ด้าน นพ.สพล วิวัฒน์พัฒนกุล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวเสริมว่า “กรณีตรวจพบว่าเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ ผู้ป่วยจะได้รับยาต้านไวรัสเฉพาะผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้เท่านั้น โดยแบ่งผู้ป่วยเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรก ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีฉับพลัน ส่วนใหญ่กลุ่มนี้ภูมิคุ้มกันร่างกายมักต่อสู้เชื้อโรคมีโอกาสที่หายเองได้มากกว่ากลุ่มเรื้อรัง เกณฑ์การให้ยาในผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงจะให้เมื่อมีอาการรุนแรงมาก โดยประเมินจากอาการร่วมกับผลเลือด กลุ่มสอง ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง กลุ่มสาม กลุ่มผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ข้อบ่งชี้พิเศษ สำหรับการติดเชื้อไวรัสจะหายขาดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเป็น “ไวรัสระยะเฉียบพลัน”  พบในผู้ที่เพิ่งติดเชื้อใหม่ 80–90% ของผู้ติดเชื้อสามารถหายได้เอง หลังหายแล้วร่างกายจะมีภูมิคุ้มกัน “การติดเชื้อแบบเรื้อรัง” เป็นระยะที่พบเยอะที่สุด ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในปัจจุบัน อย่างไรก็สามารถควบคุมโรคได้ ด้วยการกินยาต้านไวรัสเมื่อมีข้อบ่งชี้  ส่วนการติดเชื้อไวรัสไม่จำเป็นต้องเป็นมะเร็งตับทุกคน แต่มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป 100 เท่า ดังนั้นต้องมีการคัดกรองมะเร็งตับ คือ การตรวจหามะเร็งตับตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ด้วยวิธีมาตรฐาน คือการทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนบนเพื่อดูตับทุก 6 เดือน บางครั้งอาจจะทำการตรวจเลือดดูสารบ่งชี้มะเร็งตับ หรือ ค่า AFP ร่วมด้วย”

หัวข้อเสวนา “รู้ให้ไว ป้องกันทัน วัคซีนไวรัสตับอักเสบ B สำคัญแค่ไหน” โดยแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินอาหารและตับ ร่วมกับแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว  โดย พญ.กันต์สุดา ปัญจชัยพรพล ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวว่า "วัคซีนไวรัสตับบี (Hepatitis B vaccine) ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้สามารถ ต่อต้านเชื้อไวรัสในอนาคต โดยผู้ที่จะควรได้รับวัคซีนไวรัสตับบี ได้แก่ ทารกแรกเกิด ผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน หรือไม่มีภูมิคุ้มกัน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน ผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกับผู้ติดเชื้อไวรัสบี ผู้ที่ต้องรับเลือดบ่อย ผู้ป่วยเบาหวาน, ไตวาย, หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นต้น”

นพ.กฤต หมัดแสละ แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว กล่าวเสริมเกี่ยวกับวัคซีนว่า “กรณีฉีดวัคซีนไม่ครบ หรือฉีดนานแล้ว ขอแนะนำให้ฉีดเข็มที่เหลือให้ครบ ไม่ต้องเริ่มใหม่ ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 10 ปีแล้ว ภูมิอาจลดลงแต่ยังมีความจำภูมิ ไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำ เว้นแต่ว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง และไม่แน่ใจว่าเคยฉีดหรือไม่ ทั้งนี้ ขอแนะนำตรวจเลือด HBsAg + Anti-HBs ก่อนวางแผนฉีดวัคซีน  ส่วนผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง ควรฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ A  ซึ่งโรคนี้ติดจากการดื่มน้ำและรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส หากเราจะป้องกันตับอักเสบจากเชื้อไวรัส A ซึ่งอาจรุนแรงในคนที่มีโรคตับอยู่เดิม ขอแนะนำให้ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน ส่วนวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อนที่ทำให้ตับอักเสบรุนแรงขึ้นตรวจภูมิก่อน ถ้าไม่มีภูมิ แนะนำฉีด 3 เข็ม วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ตับแย่ลง แนะนำฉีดปีละ 1 ครั้ง  วัคซีนไข้เลือดออก ที่มีสาเหตุมาจากยุงลาย หากติดเชื้อมีความเสี่ยงทำให้ตับวายได้ ขอแนะนำฉีด 2 เข็มห่างกัน 3 เดือน วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ ลดความเสี่ยงปอดติดเชื้อรุนแรง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยตับเรื้อรัง ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนมีแนวทางการฉีดหลายรูปแบบ จึงแนะนำว่าควรพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ วัคซีนโควิด-19 ผู้ป่วยตับเรื้อรังอาจมีอาการรุนแรงจากโควิด-19 ควรฉีดตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข และวัคซีนงูสวัด ป้องกันการเกิดงูสวัดรุนแรง โดยเฉพาะในผู้ที่อายุมากหรือภูมิคุ้มกันต่ำ สำหรับอายุ 50 ปี หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง”

ปิดท้ายด้วยหัวข้อ “มะเร็งตับไม่ใช่จุดจบ ถ้าค้นพบตอนเริ่มต้น”  นำโดย นพ.วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร หัวหน้างานอายุรกรรมทางเดินอาหาร แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ พร้อมด้วย นพ.ธนกร เจริญธนดล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา  นพ. กฤตรัตน์ ชัยจิรวิวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางสาขารังสีร่วมรักษาส่วนลำตัว พญ.ชัณษา บางยี่ขัน ศัลยแพทย์ตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์

นพ.วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร หัวหน้างานอายุรกรรมทางเดินอาหาร แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ เปิดเผยถึง อุบัติการณ์ไวรัสตับอักเสบและมะเร็งตับ (Global vs Thailand) ว่า “ข้อมูลล่าสุด ปี 2022 มีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง ทั้งไวรัสตับอักเสบบีและซีเรื้อรังสะสมอยู่ประมาณ 300 ล้านคน ในประชากรเหล่านี้เป็นไวรัสตับอักเสบบีประมาณ 250 ล้านคน พบผู้ป่วยรายใหม่กว่า 2 ล้านรายต่อปี (ข้อมูลจาก GLOBOCAN 2022) พบบ่อยในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนและในประเทศไทย คาดว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังอยู่ประมาณ 2-4% ของประชากรไทย อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคน และไวรัสตับอักเสบซีอยู่ที่ประมาณ 0.3-0.6% หรือประมาณ 300,000 กว่าคน  โดยมีแนวทางการกำจัดไวรัสตับอักเสบบี (HBV Elimination Goals) โดยเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก (WHO) ตั้งเป้าลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลง 90% ลดอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสตับลง 65% ลดทุกอุปสรรคทางสังคม ระบบการเข้าถึงการป้องกัน คัดกรอง และการรักษา ซึ่งมีกลยุทธ์หลัก คือ การฉีดวัคซีนไวรัสตับบี การตรวจคัดกรอง (Screening) การให้ยาต้านไวรัส (Tenofovir, Entecavir) และการเฝ้าระวังมะเร็งตับในผู้ติดเชื้อ HBV เรื้อรัง   ส่วนภาพรวมการรักษาโรคมะเร็งตับ (Liver Cancer Treatment) ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้ ระยะของโรค (Early vs Advanced) สภาพตับ (เช่น ตับแข็งหรือไม่) ภาวะสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย”

ด้าน พญ.ชัณษา บางยี่ขัน ศัลยแพทย์ตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี กล่าวว่า “การรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นการผ่าตัดเนื้องอกรวมถึงเส้นเลือดที่มาเลี้ยงตัวก้อนออกให้หมด แต่ก็ต้องประเมินสภาพการทำงานของตับและปริมาณเนื้อตับที่เหลือเพื่อป้องกันภาวะตับวายหลังผ่าตัด ซึ่งการประเมินอาจต้องคำนึงถึง  จำนวน ขนาด ตำแหน่งของก้อน การทำงานของตับ และปริมาตรตับที่เหลือ ซึ่งถ้าหากไม่เพียงพอ เราอาจจะต้องทำหัตถการเพิ่มเติมก่อนผ่า เพื่อให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดอย่างปลอดภัย เช่น การอุดเส้นเลือดเพื่อเพิ่มปริมาตรตับฝั่งที่เก็บ  โดยในปัจจุบันเทคโนโลยีการผ่าตัดได้พัฒนามากขึ้น มีทั้งผ่าตัดแบบเปิด ผ่าตัดแบบส่องกล้อง การใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด และการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ สำหรับการผ่าตัดในแต่ละแบบ อาจจะต้องประเมินผู้ป่วยเป็นราย ๆ เนื่องจากปัจจัยในตัวโรค ตำแหน่ง และการทำงานของตับแตกต่างกัน

นพ. กฤตรัตน์ ชัยจิรวิวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางรังสีร่วมรักษาส่วนลำตัว ได้กล่าวเสริมความรู้เกี่ยวกับแนวทางการรักษามะเร็งตับ: Ablation + TACE + Y-90 ว่า “การรักษามะเร็งตับแบบไม่ผ่าตัด แผลขนาดเล็กเท่าเข็มเจาะเลือด สามารถคาดหวังผลการรักษาได้ทั้งแบบหายขาดและแบบประคับประคอง เช่น Ablation (RFA/MWA) การจี้ทำลายก้อนมะเร็ง เหมาะสมกับก้อนมะเร็งตับขนาดน้อยกว่า 3 ซม. ไม่ควรเกิน 3 ก้อน  ส่วน TACE (Transarterial Chemoembolization) การฉีดยาเคมีบำบัดผ่านสายสวนหลอดเลือด มะเร็งตับหลายก้อน หรือก้อนเดี่ยวขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ เพิ่มโอกาสในการผ่าตัดโดยการทำให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงจนปลอดภัยต่อการผ่าตัด และ Y-90 Radioembolization (Selective Internal Radiation Therapy, SIRT) การฉีดสารเภสัชรังสีผ่านสายสวนหลอดเลือด สำหรับ มะเร็งตับระยะกลางถึงระยะลุกลามก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ หรือ มีการลุกลามเข้าหลอดเลือดดำ (PVTT) เพิ่มโอกาสในการผ่าตัดโดยการทำให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงจนปลอดภัยต่อการผ่าตัด เป็นต้น

ส่วน นพ.ธนกร เจริญธนดล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา กล่าวเสริมว่า “การรักษาด้วยยา เป็นการรักษาผู้ป่วยมะเร็งตับในระยะลุกลาม หรือมีการกระจายของโรคไปยังอวัยวะนอกตับ ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ และไม่สามารถฉีดยาหรือสารเภสัชรังสีไปที่หลอดเลือดตับโดยตรงได้ เป็นการรักษาที่ไม่หายขาด แต่หากมีการตอบสนองที่ดีต่อยา จะสามารถทำให้ก้อนยุบลง และควบคุมโรคได้นานขึ้น ระยะเวลารอดชีวิตสูงขึ้น สำหรับยาที่ใช้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ยามุ่งเป้าชนิดกิน เป็นยามุ่งเป้าที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของหลอดเลือดที่เลี้ยงก้อนมะเร็งตับ เป็นยากลุ่มเดียวที่สามารถเบิกจ่ายได้ในระบบกรมบัญชีกลาง  2.ยาภูมิคุ้มกันบำบัด หรือยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน เป็นกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้แข็งแรงมากขึ้นเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง ในการรักษามะเร็งตับมักใช้เป็นยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน 2 ชนิดร่วมกันหรือใช้ร่วมกับยาฉีดมุ่งเป้าหลอดเลือด วิธีนี้เป็นการรักษามะเร็งตับที่ดีที่สุดในปัจจุบัน”

สำหรับกิจกรรมบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ภายในงานจัดให้มีบริการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) จำนวน 168 ราย  บริการตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Anti-HBs) จำนวน 168 ราย บริการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีเฉพาะเข็มแรก จำนวน 68 ราย และบริการนัดหมาย จากทีมโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ทั้งนี้ ท่านที่สนใจเข้ารับการปรึกษาโรคระบบทางเดินอาหารและตับ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สอบถามเพิ่มเติม โทร 1118 และสำหรับผู้รับบริการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ที่มีประวัติการรักษา หรือ HN เพื่อความสะดวกและไม่พลาดทุกการแจ้งเตือน สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน CHULABHORN HEALTH PLUS ได้ทาง App store และ Google Play store

โรงพยาบาลนวเวช คว้ารางวัล "2025 New Hospital of the Year in Asia-Pacific" จากเวทีระดับนานาชาติ

โรงพยาบาลนวเวช คว้ารางวัล “2025 New Hospital of the Year in Asia-Pacific” ในงาน GlobalHealth Asia-Pacific Summit and Awards ประจำปี 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในเวทีชั้นนำที่ยกย่ององค์กรด้านสุขภาพที่มีความเป็นเลิศในระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยรางวัลนี้เป็นรางวัลอันทรงเกียรติสะท้อนถึงความไว้วางใจจากนานาชาติที่มีต่อโรงพยาบาลนวเวชในฐานะโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่มีศักยภาพโดดเด่นด้าน คุณภาพ มาตรฐานการรักษา นวัตกรรมทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งการบริการที่เป็นเลิศ พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการทั้งชาวไทยและต่างชาติ ด้วยวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลที่มุ่งเน้นในเรื่องของการยกระดับการบริการสุขภาพให้มีคุณภาพระดับสากล ครอบคลุมในทุกมิติของการดูแลสุขภาพและเข้าถึงได้ง่าย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลนวเวช พร้อมเดินหน้าอย่างมั่นคงสู่การเป็นผู้นำด้าน Healthcare ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยมีมาตรฐานสากลเป็นกลไกสำคัญในการกำกับดูแล ทำให้ประชาชนไว้วางใจ เชื่อมั่น ในการใช้บริการมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

บัตรเครดิตโลตัส ปรับสิทธิประโยชน์ใหม่ พร้อมเปิดตัว “พีพี-ปุญญ์ปรีดี” แบรนด์พรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด

มร.นิค สมาร์ท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โลตัสส์ มันนี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลแบรนด์บัตรเครดิตโลตัส กล่าวว่า “บัตรเครดิตโลตัส ต้องการยกระดับการบริการลูกค้า จึงได้ปรับสิทธิประโยชน์บัตรใหม่ โดยมอบโลตัสมันนี่คอยน์ สูงสุด 6 เท่า เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไข เพื่อเพิ่มความคุ้มค่ายิ่งขึ้นในการใช้จ่าย ‘โลตัสมันนี่คอยน์’ นี้สามารถสะสมได้ง่าย แลกสิทธิพิเศษได้ไวและคุ้มค่ายิ่งขึ้น ทั้งยังใช้งานได้ง่าย สะดวก รวดเร็วผ่านแอป UCHOOSE โดยสมาชิกบัตรจะได้รับ ‘โลตัสมันนี่คอยน์' จากรายการใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไข โดยเมื่อสะสมครบ 25 คอยน์ สามารถกดแลกคูปองเงินสดเพื่อนำไปใช้แทนเงินสดและนำไปใช้ที่แคชเชียร์โลตัสผ่านแอป UCHOOSE ทั้งนี้ เพื่อสื่อสารสิทธิประโยชน์บัตรและภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น เราจึงได้ดึงคนรุ่นใหม่อย่าง ‘พีพี-ปุญญ์ปรีดี คุ้มพร้อม รอดสวาสดิ์’ มารับหน้าที่แบรนด์พรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของบัตรเครดิตโลตัส เพราะมีภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่สดใส ทันสมัย อบอุ่น และจริงใจ สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของบัตรเครดิตโลตัสที่เป็นบัตรเครดิตที่ไว้ใจได้ ใช้ได้จริง และตอบโจทย์ทุกการใช้จ่าย พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “คอยน์ที่ไม่ต้องคอย” กิน เที่ยว ช้อป รับ ‘โลตัสมันนี่คอยน์' สูงสุด 6 เท่า เพื่อบอกเล่าสิทธิประโยชน์บัตรใหม่ผ่านสื่อโฆษณาออนไลน์ที่พีพีได้ร่วมแสดงด้วย”

ด้านนางเอกสาว พีพี-ปุญญ์ปรีดี เล่าถึงบรรยากาศในการถ่ายทำโฆษณาว่า เนื้อเรื่องในภาพยนตร์โฆษณาเล่าถึงความสะดวกและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโลตัส และการได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษแบบพลัสความคุ้มค่าจาก ‘โลตัสมันนี่คอยน์’ ทันทีแบบที่ไม่ต้องคอยนาน สำหรับตัวพีพีแล้ว มองว่าบัตรเครดิตโลตัสเป็นบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของพีพีได้เป็นอย่างดี เข้าใจว่าคนเจเนอเรชันนี้ต้องการใช้จ่ายอย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน และต้องการความคุ้มค่าในทุกการใช้จ่ายด้วย  พีพีจึงอยากจะชวนทุกคนมาร่วมติดตามชมภาพยนตร์โฆษณาของแคมเปญ “คอยน์ที่ไม่ต้องคอย” กิน เที่ยว ช้อป รับ ‘โลตัสมันนี่คอยน์' สูงสุด 6 เท่า  ผ่านทางช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียของบัตรเครดิตโลตัสได้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมนี้เป็นต้นไปค่ะ”

บัตรเครดิตโลตัสมอบโลตัสมันนี่คอยน์ สูงสุด 6 เท่า เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไข พร้อมสิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น ผ่อนสินค้า 0% ในห้างโลตัส, เติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 3% (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) เป็นต้น ผู้ที่สนใจสมัครบัตร สามารถติดต่อเคาน์เตอร์บริการโลตัส มันนี่ พลัส ในห้างโลตัสทั่วประเทศ หรือสมัครผ่านแอป UCHOOSE พิเศษ! สำหรับลูกค้าใหม่ที่สมัครบัตรเครดิตโลตัส ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2568 – 31 สิงหาคม 2568 และได้รับอนุมัติบัตร พร้อมสะสมยอดใช้จ่ายผ่านบัตรครบตามเงื่อนไขภายใน 60 วัน รับฟรี! กระเป๋าเดินทาง Caggioni รุ่น Ruby ขนาด 20 นิ้ว มูลค่า 4,950 บาท ข้อมูลเพิ่มเติม www.lotussmoney.com หรือโทร 1712 ทั้งนี้ ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

ชลิต อินดัสทรี รวมพลังบริจาคโลหิต ชวนร่วมเป็น“ผู้ให้” ในเดือนวันแม่แห่งชาติ

สิงหาคม เป็นเดือนแห่งวันแม่บรรยากาศเต็มไปความรัก ความกตัญญู และการแสดงออกถึงความห่วงใยต่อ “แม่” ผู้มีพระคุณสูงสุดของชีวิต  เนื่องในโอกาสเดือนอันเป็นมงคลนี้  ผู้บริหารและพนักงานบริษัทชลิต อินดัสทรี จำกัด ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงพลังความรักความห่วงใย และการเป็นผู้ “ให้” ด้วยการจัดกิจกรรม “ชลิต อินดัสทรี รวมพลังบริจาคโลหิต” ปี 5 เนื่องในเดือนวันแม่แห่งชาติ 2568   เพื่อร่วมแสดงพลังส่งต่อโลหิตสู้วิกฤติเลือดขาดแคลน ซึ่งในทุกๆวันมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องการเลือดอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นเหยื่ออุบัติเหตุ ผู้ป่วยผ่าตัด หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรังบางประเภท ที่ยังเฝ้ารอความหวังจากทุกหยดเลือดเพื่อช่วยต่อลมหายใจต่อชีวิตให้กับพวกเขา

จุฑารัตน์ แก้วจันทร์เพชร และ มนัสนันท์ เปรมพุฒิพันธ์ นำทีมร่วมรณรงค์.JPG

การบริจาคโลหิตนับเป็นการ “ให้” ที่ยิ่งใหญ่ เลือดเพียงหนึ่งถุงจากผู้บริจาคหนึ่งคน อาจช่วยต่อชีวิตต่อลมหายใจให้ผู้ป่วยได้ถึง 3 ราย ซึ่งการบริจาคโลหิตไม่เพียงเป็นการทำความดีเพื่อผู้อื่น แต่ยังเป็นการสานต่อเจตนารมณ์แห่งความรัก ความเสียสละ เช่นเดียวกับความรักของแม่ที่ให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน มาร่วมสร้างความหมายพิเศษในเดือนแห่งวันแม่ปีนี้ ด้วยการบริจาคโลหิตแบ่งปันเลือดหยดสำคัญ ที่อาจช่วยต่อลมหายใจมอบ “ชีวิตใหม่” ให้ใครอีกหลายคนได้มีโอกาสกลับไปกอดแม่อีกครั้ง อันเป็นการแบ่งปันแก่สังคมและเสียสละเพื่อมนุษยธรรมอย่างแท้จริง

จุฑารัตน์ แก้วจันทร์เพชร และ มนัสนันท์ เปรมพุฒิพันธ์

เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการณรงค์ร่วมใจกันบริจาคโลหิต และร่วมแสดงพลังการเป็น “ผู้ให้” ด้วยหัวใจ แทนความรัก ความห่วงใย เนื่องในเดือนวันแม่แห่งชาติ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ยาง ภายใต้แบรนด์ “POP” ได้สานต่อกิจกรรม “ชลิต อินดัสทรี รวมพลังบริจาคโลหิต” ปี 5  เนื่องในเดือนวันแม่แห่งชาติ 2568  โดยมี นางมนัสนันท์ เปรมพุฒิพันธ์ ร่วมด้วย นางสาวชัญญา ยงเห็นเจริญ กรรมการ บริษัทชลิต อินดัสทรี จำกัด  นำทีมผู้บริหารและพนักงานร่วมบริจาคโลหิตเพื่อต่อลมหายใจให้ผู้ป่วยต่อไป ณ สถานีกาชาดที่ 11 วิเศษนิยม บางแค ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อช่วยปลูกจิตสำนึกให้กับพนักงานในการเป็น “ผู้ให้” และมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยมี นางสาวจุฑารัตน์  แก้วจันทร์เพชร  หัวหน้างานรับบริจาคโลหิตและพลาสมา สถานีกาชาดที่ 11 ร่วมรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมบริจาคโลหิต ซึ่งทุกคนสามารถเป็น “ฮีโร่ผู้ให้” ต่อชีวิตต่อลมหายใจผู้ป่วยได้ โดยไม่ต้องลงทุนทรัพย์ ด้วยการบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องทุกๆ 3 เดือน เพียงแค่มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง มีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ – 70 ปี  น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป รู้สึกสบายดี สุขภาพแข็งแรงพร้อมบริจาคโลหิต 

มนัสนันท์ เปรมพุฒิพันธ์ และชัญญา ยงเห็นเจริญ กรรมการ บริษัทชลิต อินดัสทรี จำกัด

คำแนะนำและการเตรียมตัวสำหรับผู้บริจาคโลหิต

ข้อมูลจาก ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย (https://thaibloodcentre.redcross.or.th/) ให้คำแนะนำสำหรับผู้บริจาคโลหิต ควรปฏิบัติตัว ดังนี้

- นอนหลับสนิท พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่น้อยกว่า 5 ชม.

- รู้สึกสบายดี สุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะบริจาคโลหิต หากอยุ่ระหว่างรับประทานยารักษาโรค ให้แจ้งแพทย์/พยาบาล ผู้ตรวจคัดกรองสุขภาพทุกครั้ง

- รับประทานอาหารก่อนมาบริจาคโลหิต แต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ แกงกะทิขนมหวาน รวมถึงเครื่องดื่มที่ใส่ส่วนผสมที่มีไขมันสูง เช่น นมข้นหวาน ครีมเทียม ก่อนมาบริจาคโลหิต 6 ชม. เพราะจะทำให้พลาสมามีสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยได้

- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ก่อนบริจาคโลหิต 30 นาที ประมาณ 300 – 500 ซีซี ซึ่งจะเทียบเท่ากับปริมาณโลหิตที่เสียไปจากการบริจาค จะทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น และช่วยลดภาวะการเป็นลมหลังการบริจาคโลหิตได้

- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก่อนมาบริจาคโลหิตอย่างน้อย 24 ชม.

- งดสูบบุหรี่ ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชม. เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี

นอกจากนี้ ผู้บริจาคโลหิตต้องไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เพิ่งคลอดบุตร หรือแท้งบุตร , ไม่อยู่ในระหว่างรับประทานยาต่างๆ ที่ส่งผลกับการบริจาคโลหิต ,ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ และไม่เคยใช้ยารักษาหรือป้องกันโรคเอชไอวี  ควรเว้นระยะจากเข้ารับการอุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน หรือรักษารากฟัน มาแล้วอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เป็นต้น

ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน เพื่อช่วยบรรเทาวิกฤติเลือดขาดแคลน

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ร่วมบริจาคโลหิตได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ หน่วยรับบริจาคโลหิตใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลที่ให้บริการรับบริจาคโลหิตทั่วประเทศ โดยสามารถบริจาคซ้ำได้ทุก 3 เดือน ซึ่งการบริจาคโลหิตเพียงครั้งเดียว สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากถึง 3 คน และยังถือเป็นการดูแลสุขภาพของผู้บริจาคไปในตัวอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://thaibloodcentre.redcross.or.th/

CC DOUBLE O เปิดตัวแคมเปญ “Confidence Made Casual” เผยนิยามใหม่แห่งสไตล์แฟชั่นที่ใส่ความมั่นใจในแบบของคุณได้ทุกวัน

CC DOUBLE O (ซีซี ดับเบิลโอ) เปิดตัวแคมเปญใหญ่แห่งปี “Confidence Made Casual ใส่ความมั่นใจในแบบของคุณได้ทุกวัน” ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ตอกย้ำความเป็นผู้นำแฟชั่นสไตล์แคชชวล ที่ไม่ได้เพียงแค่สร้างสรรค์เสื้อผ้า แต่ยังเป็นพลังบวกที่เติมเต็มความมั่นใจและสะท้อนตัวตนของคุณในทุกๆ วัน พร้อมเปิดตัวลิมิเต็ดคอลเลกชั่น “20 Years Anniversary” ที่นำไอคอนิกโลโก้ของแบรนด์มาผสมผสานในดีไซน์ เพื่อถ่ายทอดพลังแห่งอิสระและความมั่นใจ เป็นแฟชั่นไอเทมที่แมตช์ได้หลากหลายสไตล์ สำหรับทุกโมเมนต์ในชีวิตของทุกคน

กฤช สิงห์สัจจเทศ ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์ CC DOUBLE O

จุดเริ่มต้นของ CC DOUBLE O มาจากแฟชั่นสไตล์ American Casual ซึ่งเป็นเทรนด์หลักในช่วงต้นยุค 2000 ผสมผสานความเรียบง่าย เท่ สปอร์ต วินเทจ และวัฒนธรรมป๊อป จนกลายเป็นสไตล์แคชชวลที่เข้าถึงง่าย ดูดีแบบไม่พยายาม (Effortless) และเปิดกว้างให้ทุกคนสร้างนิยามแฟชั่นในแบบของตัวเอง แบรนด์สะท้อนแนวคิดนี้ผ่านสัญลักษณ์ “นก” อันเป็นตัวแทนแห่งอิสระและความมั่นใจ ชวนให้ทุกคนกล้าบินไปตามเส้นทางของตน พร้อมตอกย้ำเจตนารมณ์ของ CC DOUBLE O ที่สนับสนุนแฟชั่นในฐานะเครื่องมือแสดงออกถึงตัวตนอย่างแท้จริง

กฤช สิงห์สัจจเทศ ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์ CC DOUBLE O ยัสปาล กรุ๊ป หรือ บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แคมเปญ “Confidence Made Casual” คือการสานต่อ DNA แห่งอิสรภาพ เพื่อเติมเต็มความมั่นใจในแบบฉบับของแต่ละคน ผ่านแฟชั่นที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยเราเชื่อมั่นว่า “ความมั่นใจเริ่มต้นจากรายละเอียดเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน” เช่น การเลือกเสื้อผ้าที่สะท้อนตัวตนอย่างแท้จริงในทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน พร้อมแฟชั่นที่สวมใส่สบายและเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้ทุกคนกล้าที่จะเป็นตัวเองอย่างอิสระ CC DOUBLE O ยังคงยึดมั่นในคอนเซ็ปต์แฟชั่นที่ไม่ถูกจำกัดด้วยเทรนด์ แต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มองหาแฟชั่นที่ “สวมใส่ได้จริง” และ “สะท้อนความมั่นใจในแบบของตัวเอง”

แคมเปญ “Confidence Made Casual” ตีความ “ความมั่นใจ” ผ่านมุมมองของ 4 ตัวแทนคนรุ่นใหม่ผู้มีความโดดเด่นในความมั่นใจในแบบฉบับของตัวเอง  พลอย หอวัง, เต-เตธนันท์ วงศ์ปรีชาโชค, เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ และ เฟย-ภัทร เอกแสงกุล พร้อมแชร์ทัศนคติที่แตกต่างต่อ “Confidence Made…” ในมุมมองและเรื่องราวของแต่ละคน

โดยภายในงานเปิดตัวยังมีการสร้างสรรค์เปลี่ยนคาเฟ่ให้เป็นรันเวย์ นำเสนอประสบการณ์รันเวย์สไตล์แคชชวล พร้อมเปิดตัวคอลเลกชั่นสุดพิเศษ “20 Years Anniversary” ที่ได้รวบรวมไอเทมชิ้นไอคอนิกหลากหลายดีไซน์มาพร้อมโลโก้ฉลองครบรอบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ เสื้อดีไซน์คลาสสิกที่ใส่ง่ายได้ทุกโอกาสไม่ว่าจะเป็น Pullover เสื้อโปโล เสื้อเชิ้ต เสื้อยืดลายกราฟิก ไอเทมยีนส์ แจ็คเก็ต และหลากหลายสินค้าแฟชั่น ไปจนถึงแอคเซสซอรี่อย่างหมวกที่จะมาเสริมลุคให้คุณแบบจัดเต็ม ซึ่งทั้งหมดยังคงเอกลักษณ์ของความเรียบง่าย สวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน พิเศษกว่าด้วยดีเทลที่ออกแบบขึ้นเพื่อโอกาสนี้โดยเฉพาะ สามารถแมตช์ได้แบบอิสระทั้ง Weekend และ Week day

สัมผัสพลังแห่งสไตล์และความมั่นใจในแบบของคุณกับแคมเปญ “Confidence Made Casual” และพบกับลิมิเต็ดคอลเลกชั่น “20 Years Anniversary” ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ผ่านแฟชั่นไอเทมดีไซน์ไอคอนิกที่แมตช์ได้หลากหลาย สวมใส่ได้จริง และสะท้อนตัวตนได้ทุกวัน พบกับคอลเลกชั่นพิเศษนี้ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน CC DOUBLE O ทุกสาขา และทางออนไลน์ที่ www.ccdoubleo.com

 

 

Tag: @cc_double_o @paloyh @thay.wpcc @koendanai @foeifoeii
Hashtag: #cc_double_o #ConfidenceMadeCasual #20YearsOfCasualConfidence

 

อัปเดตเทรนด์แฟชั่นล่าสุดของ “CC DOUBLE O” เพิ่มเติมได้ที่

Instagram: cc_double_o

Facebook: www.facebook.com/ccdoubleo

LINE Official Account: @ccdoubleo

Tiktok : ccdoubleo.official

คิง เพาเวอร์ ชวนบอกรักแม่ ด้วยของขวัญสุดเอกซ์คลูซิฟ ตลอดเดือนสิงหาคม

เทศกาลวันแม่ปีนี้ คิง เพาเวอร์ ชวนตอบแทนความรัก ความห่วงใยด้วยการมอบของขวัญสุดพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมฮิตน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ และสกินแคร์เซ็ทสำหรับคุณแม่ ที่จะทำให้วันแม่ปีนี้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น มาเลือกช้อปได้แล้ววันนี้ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา นอกจากนี้เติมเต็มวันพิเศษให้กลายเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจ ด้วยการพาคุณแม่มาร่วมกิจกรรม เพลิดเพลินกับเสียงเพลงจาก LIVE DJ และ PASS AROUND COCKTAIL เมนูพิเศษจัดเต็ม 4 รอบ/วัน ได้ตั้งแต่วันนี้ – 12 สิงหาคม 2568 ที่ คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก ชั้น 1-2 โซน PARADE โครงการ ONE BANGKOK

เพื่อให้วันแม่ปีนี้พิเศษกว่าที่เคย บอกรักแม่ผ่านของขวัญที่ดีที่สุด

 

- กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมกลิ่นดอกไม้ มอบกลิ่นหอมของดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงรสนิยมและความสง่างามของคุณแม่ ด้วยน้ำหอมจากแบรนด์ดังระดับโลกที่รังสรรค์ขึ้นจากส่วนผสมหายากและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ กลิ่นหอมเหล่านี้จะช่วยสร้างความทรงจำอันแสนพิเศษและ เป็นตัวแทนของความรักที่อบอวลอยู่รอบกายคุณแม่ อาทิ TOM FORD JASMIN ROUGE, GUCCI BLOOM, CHLOE JASMINUM SAMBAC, GUERLAIN AQUA ALLEGORIA FORTE ROSA ROSSA, JO MALONE WILD BLUEBELL, DIPTYQUE EAU ROSE เป็นต้น

 

- กลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์เซ็ท มอบผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยฟื้นฟูและปรนนิบัติผิวพรรณให้คุณแม่ของคุณกลับมาอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่ง และมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยส่วนผสมอันทรงคุณค่าจากธรรมชาติและเทคโนโลยีล้ำสมัย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย เพิ่มความชุ่มชื้น และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว เพื่อให้คุณแม่มีผิวที่ดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก รวบรวมแบรนด์ชั้นนำ อาทิ SHISEIDO FUTURE SOLUTION LX, CLARINS DOUBLE SERUM  RITUAL, SK-II PITERA SERIES, ESTÉE LAUDER RE-NUTRIV PURE LUXURY COLLECTION เป็นต้น

เติมเต็มวันพิเศษให้กลายเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจ ด้วยการพาคุณแม่มาร่วมกิจกรรมได้ที่ คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก เพียงแสดงใบเสร็จรับฟรี! POPCORN (จำกัด 1 สิทธิ/ท่าน/วัน) จำกัด 100 สิทธิ์/วัน พิเศษ! เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท สุทธิ ขึ้นไป/ใบเสร็จ รับฟรี! Special Drink สุดพิเศษ จำกัด 50 สิทธิ์/วัน (จำกัด 1 สิทธิ์/ท่าน/วัน) และเมื่อช้อปครบ 8,000 บาท สุทธิ ขึ้นไป/ใบเสร็จ รับสิทธิ์เล่นเกมฟรี! รับของรางวัลสุดพิเศษมากมาย จำกัด 100 สิทธิ์/วัน (จำกัด 1 สิทธิ์/ท่าน/วัน) นอกจากนี้เพลิดเพลินกับเสียงเพลงจาก LIVE DJ และ PASS AROUND COCKTAIL เมนูพิเศษจัดเต็ม 4 รอบ/วัน ได้ตั้งแต่วันนี้ – 12 สิงหาคม 2568 ที่ คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก ชั้น 1-2 โซน PARADE โครงการ ONE BANGKOK

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขและความประทับใจในวันแม่ปีนี้ด้วยของขวัญแทนใจที่คุณตั้งใจมอบให้ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา สามารถเลือกช้อปได้ทุกช่องทางที่ LINE Official Account : @KINGPOWER หรือช้อปผ่านช่องทาง CALL TO SHOP เพียงโทร.02-338-7870 และ CHAT TO SHOP เพียง Add LINE Official Account : @KP_ChatToShop หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง KING POWER CONTACT CENTRE 1631

lyn around เปิดตัวแคปซูลคอลเลกชั่น “Don’t Call It Cute”

lyn around (ลิน อราวนด์) เชิญชวนสาวช่างฝันทุกคนก้าวเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการที่ผสมผสานความเหนือจริงไปกับแคปซูลคอลเลกชั่นประจำฤดูกาล Fall 2025 ภายใต้ชื่อ “Don’t Call It Cute” ถ่ายทอดมุมมองใหม่ต่อเสื้อถัก (Knitwear) ที่ถูกยกระดับด้วยเทคนิคการทอแบบปรับ Tension และเล่น Texture บางชิ้นทอโปร่งบางเป็นพิเศษเพื่อสร้างมูฟเมนต์ผ่านซิลูเอตขี้เล่น และรายละเอียดที่แสนคมคาย คอลเลกชั่นนี้เป็นการตีความใหม่ของคำว่า “น่ารัก” ที่มักจะถ่ายทอดเป็นงานดีไซน์แสนหวาน แต่ในครั้งนี้จะถูกสะท้อนออกมาเป็นดีไซน์ที่กล้าและซ่ามากขึ้น อันเป็นการท้าทายต่อภาพจำแบบเดิมๆ ของผู้หญิงที่น่ารัก โลกของ Don’t Call It Cute จึงไม่ใช่เพียงการย้อนกลับไปสู่ห้องนอนยุค Y2K แต่คือการยึดพื้นที่ตัวตนผ่านแฟชั่น ด้วยสไตล์ที่ดูไร้เดียงสาแต่มีความชัดเจน เยาว์วัยแต่มีจุดยืน อ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอ เนี้ยบแบบมีลูกเล่น Feminine และ Playful อย่างมีชั้นเชิง

สัมผัสไฮไลต์ไอเทมของคอลเลกชั่นนี้ อาทิ Striped Knit Tops เสื้อแขนสั้นผ้านิตลายทาง ที่เมื่อแมตช์กับเสื้อครอปและกระโปรงมินิ จะได้ลุค Preppy ที่ดูสดใหม่และขี้เล่นอย่างมีจังหวะ, Logo-Embroidered Camisoles เสื้อกล้ามผ้านิตปักโลโก้แบรนด์ในเฉดแดงและดำ มินิมอลแต่คมชัด, Sleeveless Cropped Tops & Vests เสื้อครอปแขนกุดและเสื้อกั๊กตกแต่งโลโก้แบรนด์

พร้อมดีเทล Heart Arrow สุดเอกซ์คลูซีฟ, Contrast-Stitch Cardigans คาร์ดิแกนแขนยาวตกแต่งฝีตะเข็บสีตัด สร้างมิติให้เลเยอร์ลุคดูมีชั้นเชิงมากขึ้น, Knit Tank Tops With Playful Buttons เสื้อกล้ามผ้านิตที่ลดทอนความหวานแบบเดิม เติมกลิ่นเฟมินีนแบบมั่นใจผ่านกระดุมลายหัวใจและดีเทลสนุกๆ และไฮไลต์สุดท้ายของคอลเลกชั่นนี้ Relaxed Wide-Leg Knit Pants กางเกงผ้านิตขาสั้นและขายาวทรงขากว้าง ใส่ง่ายแต่ยังรักษาโครงลุคให้ดูเฉียบแบบเฟมินีน ไม่หลุดจากแก่นของสาวลิน อราวนด์

พาเลตต์สีหลัก ถูกคัดสรรอย่างตั้งใจให้อยู่ระหว่าง Soft และ Bold ทั้ง สีชมพูนม, ฟ้าก้อนเมฆ, สีเหลืองเนย และสีเขียวแอปเปิล แสดงความไร้เดียงสาแบบมีมุม ตัดด้วย แดงสตรอว์เบอร์รีและกรมท่ามิดไนท์ เพื่อสร้าง Contrast ที่ทรงพลัง แต่ยังคงกลิ่นอายความ Youthful อยู่ทุกมุม กลายเป็นฉากหลังให้หญิงสาวในลุค Don’t Call It Cute ที่ไม่ได้เป็นเพียงชุดสำหรับวันสบายๆ หรือการนัดพบในคาเฟ่ แต่เป็น Statement Piece สะท้อนจุดยืนของสาวยุคใหม่

พบกับแคปซูลคอลเลกชั่น “Don’t Call It Cute” ได้แล้ววันนี้ที่ lyn around ทุกสาขา และ lynaround.com

 

อัปเดตเทรนด์แฟชั่นล่าสุดของ “lyn around” เพิ่มเติมได้ที่

Instagram: lynaroundworld

Facebook: Lyn Around (@LynAroundThailand)

LINE Official Account: @lynaroundworld