วาไรตี้-โซเชียล

ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับลูกทุ่งคนดัง "มนต์สิทธิ์ คำสร้อย" ที่ออกมาให้แนวทางตัวเลข

ล่าสุดโค้งสุดท้ายก่อนวันออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 ตุลาคม 2568  "มนต์สิทธิ์" ก็ไม่พลาดออกมาปล่อยเลขเด็ดแจกแฟนหวย ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวผ่านแคปชันว่า  "ถึงสถานที่แล้วครับ อย่าโทรเด้อ ถ่ายละครอยู่ติดกะบ่รับ 150-125-069-526 22-43-23-24 จัดไป 1 ตุลาคมนี้"

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก มนต์สิทธิ์ คำสร้อย

เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2568 นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่าทางมูลนิธิเมาไม่ขับได้ยื่นเรื่อง​ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษวินัยขั้นสูงสุดทหารที่กระทำความผิดฐานเมาแล้วขับ โดยได้ทำหนังสือถึงแม่ทัพภาคที่ 2    

ตามที่ปรากฏข่าวเผยแพร่ต่อสาธารชน กรณีทหารบกสังกัดกองการสัตว์ทหารบก กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งปรากฏชื่อในข่าวที่เผยแพร่ชื่อพันโทคงกฤติ   อายุ 51 ปี สังกัดกองการสัตว์ทหารบก กองทัพภาคที่ 2 โดยพันโทคงกฤติ  ได้ปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์ที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นความผิดตามพรบ.จราจรทางบก เท่ากับการเมาแล้วขับ โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เหตุเกิดที่สถานีตำรวจภูธรปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในที่เกิดเหตุพบคู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บและรถจักรยานยนต์เสียหายจากการขับรถชนของพันโทคงกฤติ 
 
​มูลนิธิเมาไม่ขับในฐานะองค์กรที่ทำงานขับเคลื่อนการรณรงค์และการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับ มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2539 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามูลนิธิเมาไม่ขับเรียกร้องให้ข้าราชการทุกคนในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนจากพฤติกรรมเมาแล้วขับ เป็นนโยบายของรัฐบาลและของกองทัพบก นอกจากนั้นแล้วการที่ข้าราชการเมาแล้วขับ ไม่ว่าจะเป็นในเวลาราชการหรือนอกเวลาราชการ จะถือเป็นการกระทำความผิดเฉพาะตัวไม่ได้ เพราะการที่ข้าราชการฝ่าฝืนนโยบายของรัฐบาลและต้นสังกัดเป็นพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพพจน์ของข้าราชการโดยรวม และหน่วยงานต้นสังกัดกองทัพบก
 
มูลนิธิเมาไม่ขับจึงมีหนังสือมาเพื่อขอให้ท่านตั้งคณะกรรมการสอบสวนพันโทคงกฤติ พลเดชวิลัย และขอให้มีการลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับทหารคนใดในกองทัพบกต่อไป
 

มูลนิธิเมาไม่ขับขอยืนยันว่ามูลนิธิเมาไม่ขับไม่มีเหตุโกรธเคืองอันใดกับพันโทคงกฤติ  แต่ในหน้าที่ที่เป็นองค์กรที่ทำงานสนับสนุนการรณรงค์และการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับมาอย่างยาวนานในประเทศไทย ถือเป็นหน้าที่โดยตรงในการปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากพฤติกรรมของผู้ที่เมาแล้วขับ
 

หากพูดถึง “ตู้ไปรษณีย์สีแดง” เชื่อว่าคนไทยแทบทุกคนต่างคุ้นตาและมีภาพจำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพของจดหมาย โปสการ์ดส่งความคิดถึง หรือแม้กระทั่งการฝากกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เดินทางไปถึงใครสักคน ตู้   แดงเหล่านี้นอกจากเป็นสัญลักษณ์ของการสื่อสารแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและความทรงจำร่วมของสังคมไทยมานานมากว่า 142 ปี

กาลเวลาและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ไปรษณีย์ไทยเดินหน้าบทบาทในการเป็นมากกว่าผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและขนส่ง โดยให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์เลิฟและก้าวสู่ไลฟ์สไตล์แบรนด์ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่มีความต้องการอย่างหลากหลายและเฉพาะตัวมากขึ้น และเพื่อให้ “ตู้แดง”ที่คุ้นตาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนไทยมากขึ้น ไปรษณีย์ไทยจึงได้ดำเนินกลยุทธ์ ‘Post Box Reborn’ ปรับโฉมตู้ไปรษณีย์รูปแบบใหม่เพื่อเข้าถึงลูกค้านิวเจเนอเรชัน ซึ่งได้ดีไซน์ด้วยแนวคิด "ตู้ไปรฯ สตอรี่ - ตู้ส่งเรื่องดีดี เป็นไปรฯได้" ปรับแปลงโฉมตู้แดงรูปแบบดั้งเดิมที่อยู่คู่สังคมไทยมากว่า 140 ปี และเปลี่ยนภาพจำของ ‘ตู้ไปรษณีย์’ ที่เป็นจุดบริการส่งจดหมายและความสำเร็จ สู่สัญลักษณ์แห่งประสบการณ์ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราว จุดประกายความฝัน สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนเมือง โดยจะนำร่องจัดกิจกรรมเปิดตัว ณ ย่านตลาดน้อย แลนด์มาร์คยอดนิยมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ที่ผสมผสานเสน่ห์ระหว่างความเก่าแก่และความร่วมสมัย อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมโยงวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่และชุมชนดั้งเดิมได้อย่างลงตัว

“สำหรับความพิเศษของ “ตู้ไปรฯ สตอรี่” รังสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซปต์  “เป็นไปรฯ ได้  ไปรฯ ด้วยกัน”
ซึ่งได้มีการดีไซน์ตู้แต่ละตู้ให้สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์และส่งต่อแรงบันดาลใจในหลากหลายรูปแบบสะท้อนบาทของไปรษณีย์ไทยในฐานะผู้เชื่อมโยงผู้คนและมีความใกล้ชิดทุกภาคส่วน โดยถือเป็นครั้งแรกที่ได้นำเสนอรูปลักษณ์ของตู้ไปรษณีย์ที่มีฟังก์ชันเพื่อการสร้างสีสันความบันเทิง และความสนุกสนานให้กับประชาชน ขณะเดียวกันยังสะท้อนกลิ่นอายความทรงจำของวันวานที่ผู้คนเคยใช้ตู้ไปรษณีย์เป็นการสื่อสารเรื่องราวระหว่างกัน จำนวนกว่า 2.3 หมื่นตู้ ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ทั้งนี้มีไฮไลต์ของตู้ไปรฯ สตอรี่ จำนวน 5 ตู้ ซึ่งได้วางพิกัดการจัดแสดงทั้งหมด 5 แห่งรอบย่านตลาดน้อยที่จะมาสร้างความประทับใจให้คนรุ่นใหม่ผ่านการมอบประสบการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้คนในทุกสายซึ่งประกอบด้วย

• ตู้ไปรฯ ดูธรรมชาติ - เป็นตู้เติมพลังใจโดยส่องภาพและเสียงธรรมชาติผ่านตู้ พร้อมรีเช็ตความรู้สึก และตระหนักว่าธรรมชาติยังคงเป็นที่พักพิงของทุกคน ณ บริเวณพื้นที่ Street Art  

 • ตู้ไปรฯ เต้นได้ – ตู้แดงที่จะช่วยปลดปล่อยพลังและความสนุกไปกับเกมเต้นในธีมขยับร่างกายส่งพัสดุ ช่วยคลายอาการออฟฟิศซินโดรม ณ ตึกสีน้ำเงิน

• ตู้ไปรฯ เปิดโลก – ตู้แดงที่รวบรวมภาพสุดล้ำผ่านเทคโนโลยี AR เปิดมุมมองใหม่ไม่เหมือนใคร พร้อมวาร์ปไป Check-in ทั่วโลกแบบใกล้ฉัน ณ บริเวณหน้าร้าน 32 Bar

• ตู้ไปรฯ พลังบวก – ตู้ที่สามารถมอบกำลังใจ ส่งความหวัง และความฝันให้อนาคต โดยเขียนจดหมายส่งกำลังใจและความหวังถึงตัวเอง ครอบครัวหรือคนรักได้ ณ ศาลเจ้าโรงเกือก

• ตู้ไปรฯ สดชื่น –  ตู้แดงที่จะพาทุกคนไปลิ้มรสความผ่อนคลาย โดยสามารถพักผ่อนพร้อมเครื่องดื่มเย็น ๆ จาก POST Café ได้ ณ บริเวณตลาดตะลักเกี้ย

ตู้ไปรฯ สตอรี่ ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของไปรษณีย์ไทยที่สะท้อนถึงความพร้อมในการปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมุ่งมั่นทำทุกเรื่องที่ ‘เป็นไปรฯ ได้’ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมไทย รวมทั้งเป็นการต่อยอดแนวคิดสู่การใช้ทรัพยากรเดิมที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่าใหม่ สร้างประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้การปรับโฉม ‘ตู้แดง’ สู่ ‘ตู้ไปรฯ สตอรี่’ ไม่เพียงสะท้อนความเป็นไอคอนที่คุ้นเคยของสังคมไทย แต่ยังถูกรีดีไซน์ให้กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารเชิงกลยุทธ์ ที่เชื่อมโยงผู้คนกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลและซอฟต์พาวเวอร์ไทย พร้อมส่งต่อแต่เรื่องดี ๆ ให้กับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ หรือประสบการณ์ใหม่ในพื้นที่สาธารณะ ยกระดับสิ่งใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์อนาคต

เชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่จาก“ตู้ไปรสตอรี่” พร้อมกันระหว่างวันที่ 4 – 5 ต.ค.68 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. ที่ย่านตลาดน้อย ถนนเจริญกรุง เขตสัมพันธวงศ์ 

#ไปรษณีย์ไทย #PostBoxReborn #ตู้ไปรษณีย์แดง #SoftPowerไทย #PopCulture #ข่าวธุรกิจ #ตลาดน้อย #ตู้ไปรฯสตอรี่ #SiamrathLifestyle #ข่าววันนี้ #รีแบรนด์ไปรษณีย์ไทย #ThaiSoftPower

วันที่ 30 ก.ย.68 ปภ.รายงานการแจ้งเตือนสาธารณภัย ประจำวันที่ 30 กันยายน 2568

น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในระยะสั้น

 จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย และอุดรธานี

 น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง

 จ.เพชรบูรณ์ และปราจีนบุรี

 น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในระยะสั้น

 จ.เชียงราย ลำปาง แพร่ น่าน หนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น มุกดาหาร และภูเก็ต

 น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง

 จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร อุดรธานี ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และนครปฐม

 คลื่นลมแรง

 จ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา และภูเก็ต

#บัวลอย #พายุบัวลอย #ปภ #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย #น้ำท่วม #น้ำป่าไหลหลาก #คลื่นลมแรง #ฝนตกหนัก #เตือนภัย #อุตุนิยมวิทยา #ข่าววันนี้ #แม่ฮ่องสอน #เชียงใหม่ #เพชรบูรณ์ #อุดรธานี #ภูเก็ต #ข่าวเตือนภัย #Siamrath

วันที่ 30 ก.ย.68 เพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า...

ดาวเคราะห์เเคระ Ceres อาจเคยเอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต

ดาวเคราะห์แคระเซเรส (Ceres) เป็นวัตถุขนาดใหญ่ที่สุดในแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 960 กิโลเมตร หรือราวหนึ่งในสามของดวงจันทร์โลก เดิมทีเซเรสถูกมองว่าเป็นเพียงซากเยือกแข็งโบราณจากยุคแรกเริ่มของระบบสุริยะ ทว่า งานวิจัยล่าสุดเผยให้เห็นว่า เมื่อหลายพันล้านปีก่อน เซเรสอาจมีองค์ประกอบที่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตระดับจุลินทรีย์อย่างง่าย

ข้อมูลที่รวบรวมจากยาน Dawn ของนาซา ได้เผยให้เห็นเบาะแสของอดีตที่มีความซับซ้อนมากกว่าที่เคยคิดไว้ พื้นที่สะท้อนแสงสว่างบนพื้นผิวดาวเคราะห์แคระเซเรส เป็นคราบเกลือที่หลงเหลือจากของเหลวที่มีความเค็มสูงซึมขึ้นมาจากใต้พื้นผิว อีกทั้งยังค้นพบโมเลกุลสารอินทรีย์ที่บ่งชี้ว่ามีองค์ประกอบที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามยังขาดอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิต นั่นก็คือ แหล่งพลังงานที่จะหล่อเลี้ยงให้ดำรงอยู่ได้

นักวิทยาศาสตร์ใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ จำลองสภาพภายในของเซเรสในช่วงเวลาหลายพันล้านปีที่ผ่านมา และพบว่าเมื่อระหว่าง 2.5 ถึง 4 พันล้านปีก่อน การสลายตัวของสารกัมมันตรังสีในแกนหินของดาวเคราะห์แคระอาจสร้างความร้อนเพียงพอที่จะก่อให้เกิดปล่องน้ำพุร้อนใต้มหาสมุทร (Hydrothermal Vent) ซึ่งเป็นปล่องหรือรอยเเยกที่มีน้ำร้อนเเละสารเคมีต่าง ๆ ไหลออกมา เป็นเเหล่งอาหารให้กับสิ่งมีจุลชีพต่าง ๆ ได้ ซึ่งสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกบนโลกของเราก็อาศัยปล่องน้ำร้อนใต้พิภพนี้ในการดำรงชีวิต โดยการปล่อยสารเคมีออกมา เเบคทีเรียที่อยู่บริเวณนั้นก็จะใช้สารเคมีเหล่านี้ในการสังเคราะห์อาหาร เพื่อเป็นเเหล่งอาหารให้กับสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ขึ้นต่อกันเป็นทอด ๆ

ปัจจุบันพื้นผิวของเซเรสมีอุณหภูมิต่ำมาก โดยที่น้ำใต้พื้นผิวส่วนใหญ่ได้กลายเป็นน้ำแข็งก่อตัวเป็นเปลือกแข็งหนา และบางส่วนยังคงอยู่ในรูปของน้ำเกลือที่ฝังอยู่ใต้พื้นผิว ถึงแม้ดาวเคราะห์เเคระเซเรสจะไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดขึ้น เเต่การค้นพบนี้ก็ช่วยขยายขอบเขตของสภาพแวดล้อมที่อาจสามารถรองรับชีวิตได้ เนื่องจากมีวัตถุในระบบสุริยะจำนวนมากที่มีลักษณะคล้ายกัน อาจเคยเป็นสภาพแวดล้อมที่สามารถรองรับชีวิตได้ในช่วงต้นของระบบสุริยะ

เรียบเรียง : อดิเทพ ขันคำ - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.

อ้างอิง : https://www.space.com/.../dwarf-planet-ceres-may-have...

#Ceres #ดาวเคราะห์แคระ #สิ่งมีชีวิตนอกโลก #อวกาศ #ข่าวไวรัล #NASA #ค้นพบใหม่ #ดาราศาสตร์

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ : เพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

วันที่ 30 ก.ย. 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี ระนอง และพังงา ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และภาคเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 68

อนึ่ง พายุดีเปรสชัน “บัวลอย” (BUALOI) ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณแขวงหลวงน้ำทา ประเทศลาวแล้ว คาดว่าจะเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบนและภาคเหนือตอนบนในวันนี้ (30 ก.ย. 68)

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี และ ชัยภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีลมแรง และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานี ขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ต ขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ ลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

เมื่อเวลา 18.57 น. วันที่ 29 ก.ย.68 ครอบครัวของ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ หรือแอ้ม ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "สโรชา พรอุดมศักดิ์" ระบุว่า  ...

ด่วน! เรียนทุกท่านทราบ

ช่วงบ่ายวันนี้คุณแอ้มได้ล้มป่วยจากอาการข้างเคียงโรคมะเร็งที่ตอนนี้ประจ่ายไปหลายจุดของร่างกาย มีอาการชักเกร็งและหมดสติไป

ปัจจุบันคุณแอ้มนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งเป็นความประสงค์ของคุณแอ้มว่า หากจะหมดอายุขัย จะขอนอนอยู่ที่บ้านและจากไปท่ามกลางความรัก ความอบอุ่นจากคุณพ่อและญาติพี่น้อง

ทางครอบครัวพรอุดมศักดิ์และญาติๆ ขอความกรุณาจากทุกท่านที่รักและห่วงใยแอ้ม ช่วยกันอธิฐาน ภาวนาให้แอ้ม หากหมดอายุขัยจริงๆ ให้แอ้มได้จากไปอย่างสงบ ไม่ทุกข์ทรมานกับโรคภัยอีกต่อไป แต่หากยังไม่ถึงวาระ ขอให้ฟื้นตื่นมาดังปาฏิหาริย์ ร่างกายไม่มีอาการอัมพฤกษ์หรืออัมพาตใดๆ ตามที่แอ้มได้ขอไว้

ทางครอบครัวขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้าและจะแจ้งข่าวหากมีการเปลียนแปลงใดๆ

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก สโรชา พรอุดมศักดิ์

#แอ้มสโรชา #มะเร็ง

ข่าวปลอม! กรมการแพทย์ยัน “ยืนปัสสาวะ” ไม่ทำให้เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไว แนะประชาชนอย่าหลงเชื่อ

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 68 เพจ “เพจกรมการแพทย์“ ได้ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงกรณีข่าวลวงเกี่ยวกับการยืนปัสสาวะ โดยเผยว่า “ยืนปัสสาวะไม่ใช่สาเหตุของภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไว” พร้อมแนะนำให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ โดย ระบุข้อความว่า

“ยืนปัสสาวะเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไว ฟังหูไว้หู อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ โดยความจริงของเรื่องนี้ คือ การยืนปัสสาวะไม่มีรายงานว่าเป็นสาเหตุของภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไว เพราะสาเหตุของภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวคือ ความผิดปกติของเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณไปยังกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหดตัวโดยไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจเกิดจากภาวะทางการแพทย์ เช่น โรคเบาหวาน, การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ, การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง, โรคพาร์กินสัน, โรคหลอดเลือดสมอง, ภาวะต่อมลูกหมากโต (ในผู้ชาย) หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหลังหมดประจำเดือน (ในผู้หญิง)”

อย่างไรก็ตาม “ปัจจัยอื่นๆ เช่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป, อาการท้องผูก, น้ำหนักเกิน และการใช้ยาบางชนิด ก็สามารถเป็นสาเหตุหรือตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ OAB ได้”

สร้างความฮือฮาไปทั้งโซเชียล เมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) "กากัน มาลิค" นักแสดงดังชาวอินเดีย ผู้เคยรับบท  "สิทธัตถะ" ในซีรีส์ "พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก" โพสต์ภาพของตนเองขณะถือธงชาติไทย พร้อมระบุข้อความว่า   ผมขออภัยอย่างจริงใจต่อแฟนๆ ชาวไทยทุกท่าน หากการเดินทางไปประเทศกัมพูชาครั้งล่าสุดของผมได้ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจใดๆ ประเทศไทยเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของผม และผมมีความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อประเทศนี้

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตไมตรีด้านการท่องเที่ยวของประเทศกัมพูชา โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ อย่างไรก็ตาม จากเหตุความขัดแย้งล่าสุด และด้วยความเคารพต่อประเทศไทย ผมได้ตัดสินใจลาออกจากบทบาทนี้อย่างเป็นทางการ และถอนตัวจากหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว การตัดสินใจนี้ถือเป็นที่สิ้นสุด และทำด้วยความชัดเจนโดยสมบูรณ์

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพาคณะเดินทางไปกัมพูชาเป็นเวลา 3 วัน ก่อนจะเดินทางต่อไปยังประเทศไทยอีก 5 วัน ผมไม่เคยมีเจตนาจะทำให้ใครรู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย

ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผมได้ทำงานในหลายโครงการในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ และในขณะนี้ ผมก็กำลังสร้างวัดในประเทศอินเดีย โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะไทย เพื่อแสดงความรักและความเคารพต่อประเทศไทย

ประเทศไทยจะอยู่ในใจของผมเสมอ ผมขออภัยอีกครั้งจากใจจริง หากสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียใจ และผมขอสัญญาว่าจะมีสติรอบคอบมากขึ้นในอนาคต ผมหวังอย่างจริงใจว่าพี่น้องชาวไทยจะเข้าใจผมมากขึ้น และผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป็นเกียรติแก่ประเทศอันสวยงามนี้ต่อไป

ผมรู้สึกขอบคุณจากใจสำหรับความรักและการสนับสนุนของทุกท่าน 🙏

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Gagan Malik

เช็กวันหยุดเดือน "ตุลาคม 2568" มีวันหยุดยาวทั้งราชการและธนาคาร เตรียมลาพักร้อนวางแผนเที่ยวได้เลย!

เข้าสู่ช่วงปลายปี 2568 หลายคนเริ่มวางแผนพักผ่อนและมองหาวันหยุดเพื่อเดินทางท่องเที่ยว โดยในเดือนตุลาคม 2568 ถือเป็นอีกเดือนที่มี “วันหยุดยาว” หลายช่วง ทั้งวันหยุดราชการและวันหยุดธนาคาร เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนหรือวางแผนทริปสั้น ๆ

สำหรับวันหยุดในเดือนตุลาคม 2568 มีดังนี้

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2568 – วันนวมินทรมหาราช (หยุดทั้งข้าราชการและภาคเอกชน)

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2568 – วันปิยมหาราช (หยุดทั้งข้าราชการและภาคเอกชน)

ซึ่งหมายความว่า เดือนตุลาคมนี้จะมีช่วง วันหยุดยาว 3 วัน คือ

ตั้งแต่ วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม – วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2568

ผู้ที่วางแผนลาพักร้อนเพิ่มเติมสามารถจัดตารางวันลาให้ต่อเนื่อง เพื่อให้ได้วันหยุดยาวมากขึ้นอีก โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนที่มีวันปิยมหาราช ซึ่งสามารถต่อวันลาเพิ่มเพื่อจัดทริปพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

ดังนั้น ใครที่กำลังมองหาช่วงเวลาพักผ่อนในเดือนตุลาคม 2568 ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะถือเป็นเดือนแห่งวันหยุดยาวอีกเดือนของปี

#วันหยุด2568 #วันหยุดเดือนตุลาคม2568 #วันหยุดราชการ #วันหยุดธนาคาร #วันหยุดยาว #ปิยมหาราช #นวมินทรมหาราช #เที่ยวปลายปี #ท่องเที่ยวไทย #ข่าวทั่วไป