EN Name: 
Woman

วิมุตจัดใหญ่ “ViMUT Health Expo – Good Health, Good Life” มหกรรมสุขภาพดีต่อใจ 26–31 ส.ค.นี้

โรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน  เดินหน้าสร้างสังคมสุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง เชิญชวนประชาชนร่วมงาน ViMUT Health Expo – Good Health, Good Life มหกรรมสุขภาพดีต่อใจสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ระหว่างวันที่ 26–31 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30–16.30 น. ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 โรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน โดยงานนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกวัยหันมาตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน พร้อมเปิดโอกาสให้เข้าถึงบริการสุขภาพมาตรฐานโรงพยาบาลชั้นนำในราคาสุดคุ้ม ทั้งแพ็กเกจตรวจสุขภาพและกิจกรรมสุขภาพแบบครบครันที่คัดสรรมาเพื่อทุกช่วงวัยโดยเฉพาะ


ภายในงาน ViMUT Health Expo – Good Health, Good Life ผู้ร่วมงานจะได้พบกับขบวนกิจกรรมเพื่อสุขภาพแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น แพ็กเกจตรวจสุขภาพราคาโปรโมชัน เริ่มต้นเพียง 4,950 บาท และโปรโมชั่นสุดคุ้ม ซื้อแพ็กเกจที่ 2 รับส่วนลดเพิ่มอีก 15% ไปจนถึง แพ็กเกจตรวจสุขภาพเชิงลึก จากศูนย์เฉพาะทางของโรงพยาบาลวิมุต อาทิ ศูนย์หัวใจ ศูนย์ศัลยกรรม ศูนย์สูตินรีเวช ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ ศูนย์อายุรกรรม ศูนย์หู คอ จมูก ศูนย์กระดูกและข้อ ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์ผิวหนังและความงาม และศูนย์จักษุ เพื่อให้ทุกคนสามารถตรวจเช็กสุขภาพแบบเจาะลึก พร้อมรับบริการอย่างครบถ้วนในที่เดียว และเข้าถึงการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้อย่างแท้จริง

นอกจากแพ็กเกจสุขภาพสุดคุ้มที่คัดสรรมาอย่างหลากหลายแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมเด็ดที่ห้ามพลาด! กับบริการตรวจสุขภาพเบื้องต้นแบบไม่มีค่าใช้จ่าย! ตลอดทั้งวัน ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการวัดความดัน ตรวจน้ำตาลปลายนิ้ว หรือวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกายด้วยเครื่อง InBody เพื่อให้คุณรู้เท่าทันสุขภาพของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม D.I.Y. ถุงหอมผ่อนคลาย ที่ช่วยเติมความสดชื่นและบำบัดอารมณ์ ให้คุณได้ทำและนำกลับบ้านได้เลย! เมื่อมียอดซื้อภายในงานตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป (จำกัดเพียง 100 ถุง/วันเท่านั้น) รวมถึงกิจกรรมเสริมความรู้พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ตระหนักถึงประโยชน์เรื่องสุขภาพกับกิจกรรม Doctor Talk เสวนาแบบเจาะลึกโดยแพทย์ผู้ชำนาญการจากศูนย์เฉพาะทางของโรงพยาบาลวิมุต ที่จะมาเผยเทรนด์สุขภาพสำคัญที่คนไทยยุคใหม่ต้องรู้ พร้อมตอบทุกข้อสงสัยจากประสบการณ์ตรงของทีมแพทย์ระดับมืออาชีพ

 


เพื่อเป็นการตอบแทนทุกความไว้วางใจที่มีต่อวิมุต ผู้ที่ซื้อแพ็กเกจสุขภาพภายในงานยังได้รับของสมนาคุณตามยอดซื้อ อาทิ กระบอกน้ำ แก้วน้ำ ร่ม ผ้าห่ม กระเป๋ายาสามัญประจำบ้าน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และสำหรับผู้มียอดซื้อสะสมสูงสุด (Top Spender) *ขั้นต่ำ 50,000 บาทขึ้นไป รับฟรี เครื่องฟอกอากาศ QAIS รุ่น QAIS-AIR-04 มูลค่า 7,900 บาท โดยประกาศผลผ่าน Facebook: Vimut Hospital วันที่ 1 กันยายน 2568

ViMUT Health Expo ไม่ใช่เพียงแค่งานมหกรรมสุขภาพ แต่เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกวัยได้เริ่มต้นดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี คุ้มค่า และจับต้องได้ พร้อมรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้ชำนาญการโดยตรง ทั้งยังเป็นงานที่สะท้อนความตั้งใจของโรงพยาบาลวิมุตในการผลักดัน “เฮลตี้ไลฟ์สไตล์” ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย ด้วยบริการที่เน้นคุณภาพ ความใส่ใจ และสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://register.vimut.com/vimut-heart-expo หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-079-0000 หรือเยี่ยมชม Facebook: Vimut Hospital แล้วพบกันที่โรงพยาบาลวิมุตในวันที่ 26–31 สิงหาคมนี้

มาคาเลียส เสิร์ฟโปรเด็ดต้อนรับเดือนวันแม่

มาคาเลียส (Makalius) แหล่งรวม อี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย เสิร์ฟโปรโมชั่นเด็ดไม่ซ้ำใครต้อนรับวันแม่ “มาคาเลียสชวนแม่เที่ยว รับลมทะเล” ขนที่พักติดทะเลให้ลูก ๆ ควงแขนคุณแม่ไปฟินกันตลอดเดือนสิงหาคม 2568

- Garden Cliff Resort & Spa (การ์เด้น คลิฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา) รีสอร์ทสุดหรูติดหาดส่วนตัว เอาใจคุณแม่ด้วยบริการสปาครบวงจรผ่อนคลายกับทรีตเมนต์สปาสุดฟิน ได้พักผ่อนแบบเงียบสงบ จิบกาแฟในคาเฟ่ริมทะเล ในราคาเริ่มต้นเพียง 2,299 บาท/ห้อง

- Grand Pacific Sovereign Resort & Spa (แกรนด์ แปซิฟิก ชะอำ) โรงแรมระดับ 5 ดาว ติดทะเล พร้อมให้คุณแม่ได้ฟินกับการว่ายน้ำในสระขนาดใหญ่ พักผ่อนสบายในห้องพักหรู ชมวิวทะเล ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,999 บาท/ห้อง รวมอาหารเช้าและเครื่องดื่ม

- Greenhills Resort Siracha (กรีนฮิลส์ รีสอร์ท ศรีราชา) ที่พักท่ามกลางธรรมชาติ เงียบสงบ เหมาะกับคุณแม่ที่มีลูกเล็กเพราะมีสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ และมีกิจกรรมสำหรับครอบครัวให้ทำทั้งวัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,999 บาท/ห้อง รวมอาหารเช้าและอาหารเย็น

- Eco Cozy Beachfront Resort Chaam (อีโค โคซี่ บีชฟรอนท์ รีสอร์ท ชะอำ) รีสอร์ทแนว Eco สุดอบอุ่น ติดชายหาด เหมาะกับการพาคุณแม่มาชาร์ทพลัง เพราะที่พักให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านริมทะเล เรียบง่ายแต่อบอุ่น ในราคาเริ่มต้นเพียง 2,299 บาท/ห้อง รวมอาหารเช้าและอิ่ม เซ็ตดินเนอร์แบบจัดเต็ม 

สนใจจองที่พักราคาพิเศษ ตลอดเดือนสิงหาคม 2568 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.makalius.co.th/ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม Line Official @makalius

ส่งกำลังใจให้คนไทย กับงาน ‘รักเธอประเทศไทย’ ที่สยามเซ็นเตอร์

สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ จับมือ ไปรษณีย์ไทย และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ร่วมแสดงความภูมิใจในความเป็นไทย ผ่านงาน รักเธอประเทศไทย ในรูปแบบ Pop Up Showcase ส่งพลังไทยสปิริต ผ่านแฟชั่น อาร์ต และไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับของสยามเซ็นเตอร์ รวบรวมผลงานและสินค้าสร้างสรรค์จากดีไซเนอร์และแบรนด์ไทยที่พร้อมส่งกำลังใจให้ชาวไทยผ่านพ้นสถานการณ์ไปได้อย่างราบรื่น

เริ่มจากกิจกรรม DIY โปสการ์ด ‘รักเธอประเทศไทย’ โดยสยามเซ็นเตอร์ ร่วมกับไปรษณีย์ไทย ส่งต่อความรักและกำลังใจถึงทหาร, เจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย และพี่น้องชาวไทย ผ่านโปสการ์ดกับสติกเกอร์ลายเอ็กซ์คลูซีพ จากนักออกแบบไทยและแบรนด์ไทยชื่อดัง นำโดย 27 FRI, ลงนวมบอยส์, FLYNOW III, Greyhound Original, Kloset and Etcetera, Leisure Projects, Maison Wonder Anatomie, NNJT, PORIIN, Sleeping Cloud, SmileyHound, Daddy and the muscle academy, Vinn Pattararin และ ฟอร์ด-ฐิติพงศ์ ที่พร้อมใจกันมาแสดงพลังสร้างสรรค์เฉพาะที่สยามเซ็นเตอร์ เท่านั้น

พิเศษ เพียงถ่ายรูป DIY Postcard พร้อมติด #รักเธอประเทศไทย แชร์ลงบนช่องทางโซเชี่ยลมีเดีย รับฟรี สติกเกอร์ #รักเธอประเทศไทย และยังสามารถร่วมกิจกรรม DIY Badge ครีเอตในรูปแบบของตัวเอง โดยเงินบริจาคทั้งหมดร่วมสมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ฯ

พลาดไม่ได้ กับ สยามเซ็นเตอร์ x Absolute Siam Store (แอปโซลูต สยาม สโตร์) เปิดคอนเซ็ปต์ป๊อปอัพ ร่วมกับแบรนด์ไทย ที่จัดมาเปิดตัวในงานนี้โดยเฉพาะ พร้อมสินค้าสุดครีเอทีฟ ไม่ว่าจะเป็น Akkara, NNJT, Tai, Daroon, ArtSaveWorld, Windwear, Bangkok OK, Being A Bro Studio, Dawood, Choui, Ek Ka Nek, Anona และ Araya

และ อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของงาน สยามเซ็นเตอร์ ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รวบรวมผลงานสุดครีเอทีฟจากเหล่านักออกแบบไทย อาทิ Hayak Studio, Liko Loko, Motmo Studio, Sawasdee Cat, Yak Kiku Studio, Caliico, CocoSui, JapFac และ MaMad มาให้ได้ชมอย่างใกล้ชิด

พบกับงาน รักเธอประเทศไทย พร้อมร่วมส่งความรักและกำลังใจให้กันได้แล้ววันนี้ที่เอเทรียม 1 ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ ตั้งแต่วันนี้ – 28 สิงหาคม 2568

#SiamCenter #TheIdeaopolis #BeInspired#BeTheFirst #รักเธอประเทศไทย

melissa เปิดซีซั่น Fall-Winter 2025 ด้วย 2 คอลเลกชั่นต่างขั้วสุดร้อนแรง  melissa / DIESEL และ melissa Futura

melissa (เมลิสซ่า) แบรนด์รองเท้ารักษ์โลกจากบราซิล ภายใต้การบริหารของ ยัสปาล กรุ๊ป ในประเทศไทย ที่เป็นไอคอนิคแห่งวงการแฟชั่นด้วยรองเท้าเจลลี่ที่ผลิตจากวัสดุ Melflex® สามารถรีไซเคิลได้ 100% เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ต้อนรับฤดูกาลแฟชั่น Fall-Winter 2025 ด้วย 2 คอลเลกชั่นต่างขั้วต่างสไตล์ ทั้ง melissa / DIESEL ที่นำความเท่แบบสตรีทแวร์ระดับโลกมาผสมผสานกับดีไซน์เจลลี่สุดยูนีค และ melissa Futura ที่สะท้อนภาพโลกอนาคตผ่านซิลูเอตต์สุดล้ำ สีสันเหนือจินตนาการ และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ความเคลื่อนไหวในทุกก้าวเดิน

งานเปิดตัวคอลเลกชั่น Fall-Winter 2025 ในครั้งนี้จัดขึ้นร้าน melissa ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมคอนเซ็ปต์ร้านใหม่ที่เน้นพื้นที่ที่ให้ประสบการณ์แบบ immersive ด้วยเส้นโค้งมนและองค์ประกอบพื้นผิวที่หลากหลาย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้าไอคอนิกอย่าง melissa possession โดยแสงสว่างในร้านได้รับการออกแบบใหม่ให้เป็นโทนอุ่น เพื่อสร้างความรู้สึกสบายมากยิ่งขึ้น และภายในงานได้รับเกียรติจากเซเลบริตี้สายแฟชั่น ได้แก่ เดียร์น่า ฟลีโป นักแสดงและนางแบบลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ผู้เปล่งประกายสไตล์แฟชั่นด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว และ ไนซ์ ATLAS หรือ ไนซ์-วิชญ์พล สมคิด ศิลปินหนุ่ม ที่มาร่วมสร้างบรรยากาศให้คึกคักและเต็มไปด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนแนวคิดของแบรนด์ melissa ที่เน้นการผสานแฟชั่นเข้ากับนวัตกรรมแห่งอนาคตอย่างมีสไตล์

ไฮไลต์ของงานครั้งนี้มีการเปิดตัวคอลลาบอเรชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ DIESEL แบรนด์ระดับโลกมาผนึกกำลังสร้างสรรค์คอลเลกชั่นรองเท้าสุดล้ำ ผสานดีไซน์ล้ำสมัยของ melissa เข้ากับความกล้าแสดงออกตามแบบฉบับของ DIESEL ได้อย่างลงตัวผ่านมุมมองของการออกแบบแบบพาราเมตริก (Parametric Design) และศิลปะแบบลวงตา (Optical Art) โดยประกอบด้วย 3 รุ่นหลัก ได้แก่ Quantum Thong รองเท้าสไตล์แตะ มาในสีชมพูอ่อน ฟ้าใส แดงใส และดำ, Quantum Platform รองเท้าเปิดหน้าเท้าแบบเสริมส้น มาในสีแดงใส ฟ้าใส ฟ้าอ่อน และดำ และ Quantum Sneaker X รองเท้าผ้าใบแบบปิดเท้า ดีไซน์ยูนิเซ็กส์ มีให้เลือกในสีเขียวใส แดงใส และดำ ที่สะท้อนกลิ่นอายแห่งอนาคต ขณะเดียวกันก็ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะของทั้งสองแบรนด์ไว้อย่างชัดเจน

โดยแต่ละรุ่นโดดเด่นด้วยความสร้างสรรค์และความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ผสมผสานเฉดสีที่สวยงามทันสมัย พื้นผิววัสดุใหม่ๆ และเทคโนโลยีสุดล้ำ อีกหนึ่งจุดเด่นของคอลเลกชันนี้คือ โลโก้ “D” อันเป็นเอกลักษณ์ของ DIESEL ซึ่งถูกนำมาออกแบบใหม่ในรูปแบบกราฟิกที่ทันสมัย เติมเต็มความเคลื่อนไหวและความโดดเด่นให้กับดีไซน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รองเท้าทุกรุ่นออกแบบด้วยแนวคิด Inclusivity เพื่อตอบโจทย์กับผู้สวมใส่ที่มีความหลากหลาย และมอบความพอดีอย่างสมบูรณ์แบบในทุกการใช้งาน

และอีกหนึ่งไฮไลต์ของงานก็คือ การเปิดตัวคอลเลกชั่นล่าสุดประจำฤดูกาล Fall-Winter 2025 กับ melissa Futura แคมเปญสุดสร้างสรรค์ที่ถ่ายทอดแนวคิด “จินตนาการ การมองเห็น และการฝันถึงอนาคต” อย่างลึกซึ้ง นำเสนอเป็นรองเท้าและกระเป๋าในรูปทรงใหม่สุดล้ำ ทันสมัย และยังคงผสานแฟชั่นสุดล้ำเข้ากับความสบายและการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว โดยมีหลากหลายโมเดลสุดล้ำ ได้แก่

melissa motion ดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยพื้นผิวแบบเฉพาะตัว สปอร์ตแวร์สำหรับผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง รองเท้าผ้าใบรุ่นนี้เปล่งประกายเสน่ห์ความโมเดิร์นได้อย่างชัดเจน ทำให้ทุกย่างก้าวกลายเป็นการแสดงออกถึงสไตล์อย่างแท้จริง

melissa lulu ย้อนยุคอย่างมีสไตล์กับรองเท้าส้นตึกยุค 2000 ที่กลับมาอีกครั้งในรูปแบบสนุกสนาน เหมาะสำหรับสายแฟชั่นที่หลงใหลในเทรนด์ Y2K revival

melissa anastasia การผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสไตล์และความสบาย ถ่ายทอดเทรนด์ Business Core ผ่านดีเอ็นเอของ melissa ได้อย่างมีเอกลักษณ์ เต็มไปด้วยความมั่นใจและความสง่างาม

melissa glass bag สื่อถึงความสง่างามและตัวตนอย่างชัดเจน กระเป๋ารุ่นนี้คือ ไอเทมที่ช่วยให้คุณโดดเด่นในแบบที่เป็นตัวเอง

เติมเต็มลุคให้โดดเด่นทุกสเต็ป กับรองเท้า melissa สำหรับซีซั่น Fall-Winter 2025 ทั้ง melissa / DIESEL และ melissa Futura วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้าน melissa ทุกสาขา หรือช้อปออนไลน์ได้ที่ www.melissa.co.th

อัปเดตข่าวสารและเทรนด์แฟชั่นล่าสุดของ “melissa” เพิ่มเติมได้ที่

Instagram: melissa_thailand

Facebook: melissa

LINE Official Account: @melissathailand

“MUTภูเก็ต” มงคาบ้าน! “เดล นฤมล”  คว้า “Queen of Phuket” ไปครอง

สะใจกองเชียร์ที่สุด!! ลุ้นสนุกทุกรอบ ในที่สุดมงกุฏ “Queen of Phuket” ไข่มุกงามแห่งอันดามัน ตกเป็นของ “เดล นฤมล พิมพ์ภักดี” มิสยูนิเวิร์สภูเก็ต2025 หลังทำคะแนนนอนมาในทุกรอบการแข่งขัน ทำให้ตำแหน่งรองอันดับ 2 ตกเป็นของตัวเต็งหมายเลข 1 อย่าง วีนา ซิงห์

นับเป็นอีกค่ำคืนสำคัญของกิจกรรมการเก็บตัวผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2025 ในรอบ Queen of Phuket ที่เจ้าภาพเมืองภูเก็ต คิม ธีรศักดิ์ ผลงาม และ กบ-ธนพัฒน์ นวลสกุล  จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ Angsana Convention and Exhibition Space (ACES) จังหวัดภูเก็ต เพื่อเฟ้นหาสาวงามหนึ่งเดียวที่จะได้ครองมงกุฏ Queen of Phuket มูลค่า 500,000 บาท

เปิดเวทีด้วย 2 พิธีกร  ชลวิศ วงศ์ศรีวอ และ สกุล ลิมปภานนท์ ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและคนสำคัญ บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานกองประกวด Miss Universe Thailand และคณะกรรมการ ก่อนยกเวทีให้ 77 สาวงามผู้เข้าประกวดในชุดราตรีที่ออกแบบมาอย่างประณีต สวยสง่า  ดีไซน์ที่ดูหรูหราอลังการ   ประกาศผลผู้เข้ารอบ 22 คนสุดท้าย โดย 5 คน มาจากรางวัล Popular Vote  ระหว่างรวบรวมคะแนนพิธีกรประกาศรางวัล BEST PHOTOGENIC BY THE TITLE รับเงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ 1.MUTสระบุรี 2.MUTภูเก็ต 3.MUTกรุงเทพมหานคร รางวัล BEST CONTENT CREATOR BY THE TITLE ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ 1. MUTสระบุรี   2. MUTปทุมธานี  รางวัล MISS KORA ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ MUTสระบุรี และรางวัล MISS AYANA ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ MUTปทุมธานี และก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยกับผล 22 คนสุดท้าย Queen of Phuket  ซึ่งคะแนนโหวตสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ MUTสระบุรี / กรุงเทพมหานคร / เพชรบุรี / ภูเก็ต / นครศรีธรรมราช  ตามมาด้วย 17 คนจากคณะกรรมการ ได้แก่ MUTอุดรธานี / ปทุมธานี / อุตรดิตถ์ / ราชบุรี / สงขลา / สมุทรปราการ / สุพรรณบุรี / สมุทรสงคราม / พังงา / ขอนแก่น / ประจวบคีรีขันธุ์ / นครพนม / นครนายก / เชียงใหม่ / นครปฐม / ตราด / ลพบุรี 

ผู้ผ่านเข้ารอบ Queen of Phuket กลับออกมาอวดโฉมอีกครั้งในชุดเคอบาย่า ชุดพื้นเมืองภูเก็ต จากบ้านชินประชา จากนั้นประกาศผล 12 คนสุดท้าย ได้แก่  MUTกรุงเทพฯ / นครศรีธรรมราช /สมุทรปราการ / ประจวบฯ / สงขลา / สระบุรี / ภูเก็ต / นครนายก / เชียงใหม่  / ปทุมธานี  / ลพบุรี / อุตรดิตถ์ เข้าสู่รอบการแสดงวิสัยทัศน์หัวข้อ “ภูเก็ต ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต” คนละไม่เกิน 30 วินาที ซึ่งนางงามทุกคนก็ทำคะแนนในรอบนี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง 

คุณคิม ธีรศักดิ์ ผลงาม ผู้อำนวยการกองประกวด Miss Universe Phuket และ  Phuket The Host City ขึ้นกล่าวขอบคุณและอวยพรให้นางงามทุกคนโชคดี และอีกหนึ่งบุคคลสำคัญ คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานกองประกวด Miss Universe Thailand & Vice President of Miss Universe Asiana ขึ้นกล่าว ตามติดด้วยการประกาศผล 5 คนสุดท้าย เริ่มจากคะแนน “Popular Vote” สูงสุด ได้แก่ MUTสระบุรี ต่อด้วย MUTภูเก็ต / สงขลา / อุตรดิตถ์ และ ลพบุรี สู่รอบการตอบคำถาม Final Question ก่อนจะต้องบีบหัวใจอีกครั้ง เมื่อพิธีกรประกาศผล Miss Universe Thailand  Queen of Phuket 2025  ดังนี้ 

ตำแหน่งรองอันดับ 4 Queen Of Phuket ได้แก่ MUTสงขลา ครีม อริยากร สุขภิทักษ์ ตำแหน่งรองอันดับ 3 Queen of Phuket ได้แก่ MUTอุตรดิตถ์ ยีนส์ - พิชญาวี โยโกยาม่า ตำแหน่ง รองอันดับ 2 Queen of Phuket ได้แก่ MUTลพบุรี หญิง สุมิตา คุมาประโคน  เหลือนางงาม 2 คน สระบุรี และ ภูเก็ต  ยืนจับมือลุ้นระทึกบนเวที โดยสาวงามที่คว้าตำแหน่ง Queen of Phuket ได้แก่MUTภูเก็ต เดล-นฤมล พิมพ์ภักดี  ครองมงกุฏ Queen of Phuket ทำให้ตำแหน่งรองอันดับ 1 ตกเป็นของนางงามตัวเต็ง วีนา ซิงห์ MUTสระบุรี 

ทั้งนี้สาวงามทั้ง 77 คน จะกลับไปทำกิจกรรมกับกองประกวด Miss Universe Thailand 2025 อย่างต่อเนื่องในกรุงเทพฯ ดังนี้

วันที่ 17 สิงหาคม 2568  :  Close Door Interview Day (รอบสัมภาษณ์)

วันที่ 18 สิงหาคม 2568 :  National Costume Competition (การประกวดรอบชุดประจำชาติ)

วันที่ 20 สิงหาคม 2568  : Preliminary Competition (การแข่งขันรอบอุ่นเครื่อง) 

สำหรับรอบตัดสิน (Final Competition) Miss Universe Thailand 2025 จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2568 ณ MGI Hall ชั้น 6 ศูนย์การค้า Bravo BKK พระราม 9 

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของกองประกวดฯ ที่จะพาทุกท่านไปเฟ้นหาดาวดวงใหม่

เป็นตัวแทนประเทศไทยบนเวทีจักรวาล ได้ในช่องทาง Facebook : Miss Universe Thailand

Instagram @missuniversethailand / X : @missu_thailand / TikTok : @officialmuth

#TheNewEraofMUT #MissUniverseThailand #MissUniverseThailand2025#MGIxMUT

ฮือฮาโลกออนไลน์! สปีช “วีนา ปวีนา” ชูเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ในเวที Queen Of Phuket 2025

หลังจบการประกวดรอบ “Queen Of Phuket” บนเวที “มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2025” จัดขึ้น ที่โรงแรม Angsana Convention and Exhibition Space (ACES) ภูเก็ต ผลปรากฏว่า "เดล" นฤมล พิมพ์ภักดี”สาวงามจากภูเก็ต คว้าตำแหน่งชนะเลิศครองมงกุฎไข่มุกงามแห่งอันดามัน เฉือนชนะ "วีนา" ปวีนา ซิงห์ ไปอย่างเฉียดฉิว ซึ่งการแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด โดยทั้งเดลและวีนาโชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์และไหวพริบการตอบคำถามอย่างสูสี จนคะแนนรวมออกมาเสมอกัน กรรมการจึงตัดสินใจเพิ่มรอบ Speech เพื่อให้ทั้งคู่แสดงทัศนคติต่อคำถามว่า “Queen Of Phuket มีความหมายและประโยชน์อย่างไรต่อภูเก็ต”

เพียงชั่วข้ามคืน คำตอบของวีนากลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อเธอเสนอแนวคิดส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่าน Entertainment Complex และสนับสนุนการเปิด กาสิโนในภูเก็ต โดยให้เหตุผลว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากสามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูเก็ตและประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน

คำตอบดังกล่าวถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล หลายคนชื่นชมความกล้าของวีนาที่หยิบประเด็นนี้มาพูดบนเวที ขณะที่บางส่วนก็แสดงความเห็นต่างและถกเถียงถึงความเหมาะสมของแนวคิดนี้

เปิดตัว Jelly Bunny ♡ Kuromi ฉลอง 20 ปี Kuromi คาแรกเตอร์สุดจี๊ดฉบับพังก์พาสเทล

Jelly Bunny (เจลลี บันนี) แบรนด์แฟชั่นสุดคิ๊วท์ เผยโฉมคอลลาบอเรชั่นแห่งปี ที่ร่วมฉลองครบรอบ 20 ปีของ Kuromi คาแรกเตอร์กวนสุดคูลจากซานริโอ (Sanrio) ที่ถือกำเนิดในปี 2005 และครองใจแฟนๆ ทั่วโลกสู่คอลเลกชั่นพิเศษ Jelly Bunny ♡ Kuromi Collaboration Collection 2025 ที่เปิดประตูสู่โลกแฟชั่นของ Kuromi ถอดสูตรไอคอนิคฉบับโกธิค และเสน่ห์ความซ่าเฉพาะตัวผ่านแฟชันไอเทมในสไตล์เจลลี บันนี

โดยภายในงานเปิดตัวคอลเลกชั่นได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้ร่วมสร้างสีสัน อาทิ แอลลี่-อชิรญา นิติพน และ เชอแตม-ณมน สวาทยานนท์ พร้อมด้วย โทมัส-ธีร์ทัศน์ จึงมณีรัตน์ และ ก้อง-ก้องภพ จิโรจน์มนตรี ที่มาร่วมถ่ายทอดเสน่ห์ซุกซนในแบบฉบับ Kuromi ได้อย่างลงตัว ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานและความน่ารักในสไตล์โกธิคพาสเทลที่เป็นเอกลักษณ์ของ Kuromi สุดคูล

คอลเลกชั่น Jelly Bunny ♡ Kuromi Collaboration Collection 2025 คือการรวมพลังความคิ๊วท์และความซ่าเข้าไว้ด้วยกัน ถ่ายทอดโลกแฟชั่นของ Kuromi ผ่านแรงบันดาลใจจากบรรยากาศงานวันเกิดในธีมสปูคกี้สุดน่ารัก (Midnight Wish) ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายโกธิคพาสเทล ไม่ว่าจะเป็นเค้กก้อนใหญ่ตกแต่งแถบลูกไม้ ล้อมรอบด้วยขนมแฟนซีหลากสี พร้อมจับคู่เฉดสีที่เป็นเอกลักษณ์ของ Kuromi อย่างสีดำ สีชมพู สีม่วงมาร์ชแมลโลว์ สีเขียวมินต์ และครีมบัตเตอร์ ถ่ายทอดผ่านดีไซน์แฟชั่นที่สนุก สดใส และแสบอย่างมีสไตล์

แฟชั่นไอเทมเซตของคอลเลกชั่นล่าสุดนี้ โดดเด่นไปด้วยลายพิมพ์ที่หลุดมาจากสมุดสูตรขนมหวานอย่างเกล็ดน้ำตาลและคัพเค้กบนสเวตเตอร์ครอปสั้น เสริมด้วยแพทเทิร์นสนุกๆ เช่น ลายทางสีลูกกวาดบนเชิ้ต, เสื้อครอปแขนพองลายโพลกาดอท, เดนิมกระโปรงสั้นตกแต่งด้วยโบว์ด้านข้าง ไอเทมลิมิติดโทนสีดำสุดเท่ เช่น เสื้อแขนยาวขลิบขอบม่วงราสเบอร์รี่ปักลาย Kuromi และพลาดไม่ได้กับไฮไลต์อันเป็นซิกเนเจอร์ของ Kuromi จัมพ์เปอร์แขนกุดแต่งฮู้ดหมวกหูแหลม จับคู่กับยีนส์ขาสั้นตกแต่งกระเป๋าด้วยโลโก้เจลลี บันนี

ตามมาด้วยไอเทมกระเป๋า รองเท้า และแอคเซสซอรี่ อาทิ กระเป๋าสะพายข้างหน้า Kuromi เพิ่มความแสบซ่าด้วยกระเป๋าเฟอร์นุ่มฟูสีม่วง หรือไอเทมฮิตอย่างแพลตฟอร์มพิมพ์ลายโมโนแกรม Kuromi ในสีโมโนโทน, แซนเดิลกลิตเตอร์แต่งหน้า Kuromi ปิดท้ายด้วยไฮไลต์ติดดาวอย่าง หมวกหูแหลมสีดำซิกเนเจอร์ประจำตัว Kuromi ทุกไอเทมเปรียบดั่งสูตรลับแห่งตัวตนของ Kuromi ที่แอบซ่อนความแสบในตัวสาวๆ ทุกคน

พบกับไอเทมลิมิติดก่อนใครได้แล้ววันนี้กับคอลลาบอเรชั่นสุดพิเศษ Jelly Bunny ♡ Kuromi Collaboration Collection 2025 ที่เจลลี บันนี ทุกสาขาและเว็บไซต์ jellybunny.com

ติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นต่าง ๆ ของ Jelly Bunny ได้ที่

Facebook Fanpage: Jelly Bunny (TH)

Instagram: jellybunny_official

LINE Official Account: @jellbunny

Tiktok: @jellybunnyofficial

เปิดตัวหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 ตามแนวพระดำริใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

สานต่อความสำเร็จอย่างงดงามสู่ผลงานลำดับที่ 6 กับหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 โดย กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับหน้าที่บรรณาธิการบริหารอีกครั้ง พระนิพนธ์เล่มล่าสุดนี้จะทำหน้าที่เป็นคู่มือและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้สร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอของไทย ภายใต้แนวคิดหลัก “อนาคตแห่งแฟชั่น: สรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน” (Future Fashion: Creative Innovation for Sustainability) "มหัศจรรย์แห่งเส้นใย" โดย หนังสือการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สากล ประจำปี 2568 (Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026) มุ่งเน้นการค้นหานวัตกรรมจากงานหัตถกรรมในอดีต โดยเฉพาะความมหัศจรรย์ของเส้นใยธรรมชาติในท้องถิ่น เพื่อยกระดับผ้าไทยและงานหัตถศิลป์สู่สากล ตามแนวพระดำริในโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก”

ทั้งนี้ การจัดทำหนังสือเล่มดังกล่าวนับเป็นการสานต่อพระปณิธานและสะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ไทยให้มีคุณภาพทัดเทียมนานาชาติในราคาที่เข้าถึงได้ ดังพระดำรัสที่ได้พระราชทานไว้ในการประชุมวิชาการ Symposium เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ความตอนหนึ่งว่า "อีกอย่างหนึ่งคือที่ท่านหญิงรู้สึกมองอนาคตไว้ว่า อีกหน่อยสินค้าฝรั่งมันจะแพงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เนม การ์เมนต์ หรืออะไรก็ตาม แล้วเรารู้ว่าคนกลุ่มใหญ่ในเมืองไทย ยังนิยมของเหล่านั้นอยู่ และคนในระดับชั้นกลาง หรือที่รองลงมา เขาจะอยู่กันยังไง เราก็เลยคิดว่า อยากให้ทุกท่านได้หันมามองว่า สินค้าไทยหลาย ๆ ชิ้น ผ้า การ์เมนต์ พอร์ซเลน หรืออื่น ๆ เรายังมีของที่เทียบเท่าฝรั่ง แล้วเรายังจับต้องได้" พระดำรัสดังกล่าวจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนโครงการ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ และการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ไทยสู่สากลในครั้งนี้

โดยในวันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม 2568 ได้มีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว หนังสือการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สากล ประจำปี 2568 (Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026) ณ EMSKYE ชั้น 14 เอ็ม ทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย, นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และ นางอรจิรา ศิริมงคล ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน ร่วมด้วยที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ได้แก่ นายกุลวิทย์ เลาสุขศรี, นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ และ นายพลพัฒน์ อัศวะประภา ร่วมพูดคุยถึงรายละเอียดอันน่าสนใจ ของเทรนด์บุ๊กฉบับฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2025 - 2026 นี้

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “จากแนวพระดำริ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สู่พันธกิจของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพและยกระดับผ้าไทย และงานหัตถกรรมไทย สู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 5 ปี ที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงงานและทรงอนุรักษ์และพัฒนาผ้าทอพื้นเมืองและงานหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยนำภูมิปัญญาและ อัตลักษณ์พื้นถิ่น มาผสมผสานกับเทรนด์แฟชั่นล่าสุด เกิดเป็นผืนผ้าและผลิตภัณฑ์ที่มีความร่วมสมัย เพื่อยกระดับ ผ้าไทยสู่สากล พระองค์ทรงสร้างแรงบันดาลใจ แบ่งปันองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ส่วนพระองค์ พระราชทาน แนวพระดำริในการพัฒนาผืนผ้าและงานหัตถกรรม ให้มีความร่วมสมัยและเป็นสากล ให้แก่ช่างทอผ้า ช่างหัตถศิลป์ และ ช่างหัตถกรรม รวมถึงทรงพัฒนาออกแบบลายผ้าพระราชทาน และพระราชทานลายผ้านี้ให้แก่ศิลปิน ช่างทอผ้า และ งานหัตถกรรม ในทุกภูมิภาค เพื่อนำไปสร้างสรรค์ผืนผ้าและงานหัตถกรรม ตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นถิ่น ก่อให้เกิดการจุดพลังการขับเคลื่อนงานหัตถกรรมในทุกมิติ ทั้งรูปแบบ ลวดลาย สีสัน ทำให้ผ้าไทยมีความทันสมัย คนนิยมใส่ผ้าไทยมากขึ้น จนสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างครบวงจร

“กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนำแนวพระดำริมาพัฒนาสร้างสรรค์ต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยให้ทันสมัย ก้าวทันอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอของไทย โดยปฏิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรมผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ ดอนกอยโมเดล นาหว้าโมเดล บาติกโมเดล Young OTOP รวมถึงการพัฒนาโครงการหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) และพระองค์ทรงพระราชทาน เครื่องหมายรับรองสินค้าแฟชั่นและหัตถกรรมพระราชทาน ‘Sustainable Fashion : แฟชั่นแห่งความยั่งยืน’ แก่ช่างทอผ้า ช่างหัตถกรรม ผู้ผลิต และผู้ประกอบการที่สร้างสรรค์ผืนผ้าและหัตถกรรมด้วยขั้นตอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ และเป็นที่น่าปิติยินดีสำหรับประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิต ผู้ประกอบการผ้าไทย และ ช่างหัตถกรรม หัตถศิลป์ที่องค์การยูเนสโกประกาศเชิดชูพระเกียรติ และถวายเหรียญสดุดีพระกรณียกิจ ด้านการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม และการส่งเสริมงานวิจิตรศิลป์ รวมทั้งการขับเคลื่อนวัฒนธรรม ตลอดจน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ใน ประเทศไทย แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ณ สำนักงานใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นพระทัยของพระองค์ในการยกระดับผ้าไทยให้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และเป็นการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมไทย ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลกอย่างแท้จริง”

นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวถึงพัฒนาการของผ้าไทยที่เห็นได้ชัดเจนว่า “ผ้าไทยมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเพิ่มมากขึ้นทุกปี จะเห็นได้ชัดเจนเวลาไปงาน OTOP ว่าผ้าไทยสวยขึ้นมากจนคนรอบข้างต่างชื่นชมและตื่นตาตื่นใจ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลจากองค์ความรู้ในเทรนด์บุ๊ก ที่ผู้ประกอบการนำไปใช้จริง ตั้งแต่การทำ Mood Board การย้อมสีธรรมชาติ ไปจนถึงการจับคู่สี ทำให้ผ้าไทยมีคุณค่าและมูลค่าสูงขึ้น สร้างรายได้ที่มั่นคง และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวช่างทอผ้าได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีกมากมาย และขอเชิญชวนให้ทุกท่านได้สัมผัสกับตาตัวเองถึงความทันสมัยของผ้าไทยที่งานศิลปาชีพประทีปไทย OTOP หลอมดวงใจ ด้วยพระบารมี 2568” 9 – 17 ส.ค. 68 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1–3  อิมแพคเมืองทองธานี และร่วมกันถ่ายทอดประชาสัมพันธ์สิ่งเหล่านี้ไปยังคนรู้จักและเพื่อน ๆ ของพวกเราไปด้วยกัน”

นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดทำโครงการฯ ว่า “วัตถุประสงค์ในการจัดทำโครงการศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สากล ประจำปี 2568 โครงการดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เผยแพร่และแบ่งปันองค์ความรู้ในเรื่องของสีสันโทนไทย (Thai Tone) สีธรรมชาติ บนผืนผ้าและเครื่องแต่งกายและสิ่งทอ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้แก่ผู้ที่อยู่ในวงการผ้าไทยในระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับชาติ ต่อยอดองค์ความรู้สู่การปฏิบัติได้จริง นำแนวคิดที่เป็นสากลมาพัฒนาวงการผ้าไทย สร้างความตระหนักและกระตุ้นให้เกิดภาพลักษณ์ที่มีความทันสมัยให้แก่วงการผ้าไทย สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ประชาชน และมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในงานศิลปหัตถกรรมของไทยให้แก่ประเทศได้อย่างยั่งยืน

 “สำหรับหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025 – 2026 นั้นเกิดขึ้นตามแนวพระดำริ ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ เพื่อปลุกกระแสในเชิงความคิดสร้างสรรค์ให้ผสานเข้ากับงานศิลปหัตถกรรม งานฝีมือของไทย ให้ยกระดับเตรียมพร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอได้ในระดับสากล การจัดทำหนังสือฉบับนี้ ได้ผ่านการระดมความคิด หารือ ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง ผ้าอัตลักษณ์ท้องถิ่น การออกแบบแฟชั่น การทอ และการย้อมสีธรรมชาติ รวมไปถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับการสร้างสรรค์โทนสี ตลอดจนแนวโน้มและทิศทางและการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย

 “ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชน เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าเครื่องแต่งกาย ผู้ประกอบการผ้าไทย เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการผ้าไทย ในการนำองค์ความรู้อันล้ำค่าจากหนังสือเทรนด์บุ๊กฉบับฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2025 - 2026 นี้ ไปสร้างสรรค์โทนสีบนผืนผ้าและงานหัตถกรรมที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ทรงคุณค่า อันประณีตงดงามและเต็มไปด้วยแนวคิดสร้างสรรค์ พร้อมด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องตามหลักแฟชั่นแห่งความยั่งยืน (Sustainable Fashion) ซึ่งจะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของผ้าไทยมีความทันสมัยสู่สากล และสร้างรายได้ให้กับทุกฝ่ายเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง”

 นางอรจิรา ศิริมงคล ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน กล่าวเสริมว่า“เทรนด์บุ๊กนี้เปรียบเสมือน ‘สารตั้งต้น’ ที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะประเทศไทยมีเทรนด์บุ๊กเป็นของเราเอง ทำให้ผู้ประกอบการสามารถก้าวทันเทรนด์โลกได้ พวกเขาสามารถทราบล่วงหน้าว่าเทรนด์สีของโลกในปีหน้าคืออะไร และสามารถนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาสร้างสรรค์งานที่เป็นเอกลักษณ์ได้ สอดคล้องกับชื่อหนังสือ ‘อนาคตแห่งแฟชั่น สรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน’ ที่สะท้อนเทรนด์โลกด้านความยั่งยืนได้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การใช้สีจากธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมเส้นใยใหม่ๆ ที่น่าทึ่งขึ้นมาทดแทนเส้นใยแบบเดิมๆ ซึ่งเป็นไปได้ด้วยพระบารมีของพระองค์ท่านที่ทรงเห็นว่าประเทศไทยของเรามีศักยภาพในการสร้างเส้นใยที่ยั่งยืนได้ ทั้งต่อโลกและต่อมนุษย์เราเอง”

ภายในงานแถลงข่าว ยังได้รับเกียรติจากที่ปรึกษาโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุกทั้ง 3 ท่าน ร่วมพูดคุยถึงรายละเอียด ของหนังสือ “Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026” ซึ่งนับเป็นเล่มที่ 6 ในหนังสือพระนิพนธ์ ที่ถ่ายทอด แนวคิด “อนาคตแห่งแฟชั่น: สรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน” ผ่าน 4 เทรนด์หลักที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้พระราชทานแนวพระดำริไว้ ได้แก่ The Grounded Naturalist (พินิจ – ชีวิต), The Free Spirit Adventurer (อิสรชน – ผจญภัย), The Enigmatic Wanderer (รอนแรม – ลึกลับ) และ The Dynamic Trailblazer (กรุยทาง – สร้างฝัน)

นายกุลวิทย์ เลาสุขศรี ได้เน้นย้ำถึงพระอัจฉริยภาพและบทบาทขององค์ “ครู” ว่า“พระองค์ท่านทรงเป็นผู้ที่ ‘รู้ถึงอนาคต’ ของวงการแฟชั่น ทรงคาดการณ์ได้ว่าสินค้าแบรนด์เนมจะราคาสูงขึ้น และคนไทยควรหันกลับมาใช้ของในประเทศ ที่สำคัญที่สุด พระองค์ท่านทรงเป็น ‘ครู’ ของผู้ประกอบการกว่า 2,000 คน ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปต่างประเทศ ทรงไม่ได้ไปเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ทรงมองหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อนำกลับมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย Trend Book ทุกเล่มจึงเป็นเหมือน ‘หนังสือที่ต้องมาสอน’ เป็น ‘คัมภีร์นำทาง’ ให้ผู้ประกอบการได้พลิกแพลงการใช้สี จนเกิดเป็น Combination สีที่สวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทำให้คำว่า ‘ผ้าไทย’ กับ ‘ทันสมัย’ มาอยู่ในประโยคเดียวกันได้ และทำให้โครงการ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ ประสบความสำเร็จ ทำให้ผ้าไทยสามารถใส่ได้ทุกวันจริงๆ”

นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ กล่าวถึงเบื้องหลังการจัดทำหนังสือเทรนด์บุ๊ก และความมหัศจรรย์แห่งเส้นใย ว่า “หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือน 'คัมภีร์นำทาง' ที่เป็นผลลัพธ์จากการตกตะกอนความคิดของ 8 มหาวิทยาลัยราชภัฏ และทุกมหาลัยรัฐ เอกชน นักวิชาการอิสระจากทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิดหลัก ‘อนาคตแห่งแฟชั่น: สรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน’ โดยมี Subtitle คือ ‘มหัศจรรย์แห่งเส้นใย’ ซึ่งมีที่มาจากพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงเล็งเห็นถึงศักยภาพและข้อจำกัดของเส้นใยธรรมชาติไทยระหว่างการเสด็จเยี่ยมราษฎร พระองค์ทรงเป็นห่วงผู้ประกอบการ OTOP ที่ทรงเรียกว่า 'ทีมงาน' และ 'ลูกศิษย์' ของพระองค์ท่าน จึงมีพระประสงค์ให้หนังสือเล่มนี้เป็น 'สารตั้งต้น' ในการพัฒนาอย่างแท้จริง เราได้ค้นพบศักยภาพอันน่าทึ่งของเส้นใยหลากหลายชนิด นอกเหนือจากฝ้าย ปอ หรือหรือใยกัญชง เช่น 'ใยว่าน' ที่สามารถอมสีธรรมชาติ โดยเฉพาะสีที่ติดยากอย่างสีม่วง หรือ 'ใยสับปะรด' และ 'ใยกล้วย' ที่มีความขาวนวลสวยงามในตัวเองจนแทบไม่ต้องย้อมสี เมื่อนำมาผสมผสานกับความขาวของเส้นใยฝ้ายแล้ว และนำมาทอเป็นลายขิดแบบอีสาน ก็จะดูโมเดิร์น สามารถนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านได้ทันที แม้ในช่วงแรกจะมีความท้าทายเรื่องการตีเกลียวเส้นใยธรรมชาติด้วยมือ ซึ่งทำให้ผสมกับฝ้ายได้เพียง 20-30% แต่หลังจากการลงพื้นที่โค้ชชิ่งและมีการนำอุปกรณ์เข้ามาช่วย เราก็สามารถพัฒนาจนผสมเส้นใยธรรมชาติกับฝ้ายได้สูงสุดถึง 50% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพของวัตถุดิบท้องถิ่น และยกระดับผลิตภัณฑ์สู่สากลได้อย่างเป็นรูปธรรม”

นายพลพัฒน์ อัศวะประภา กล่าวถึงพระวิสัยทัศน์ที่ทรงเป็นดั่ง Soft Power ของประเทศว่า “พระองค์ท่านทรงมีพระวิสัยทัศน์ที่มองเห็นอนาคตของวงการแฟชั่นว่าจะต้อง ‘กลับมาที่รากเหง้า’ ซึ่งเป็นที่มาของการให้ความสำคัญกับเส้นใยและสีย้อมจากธรรมชาติ และยังทรงมีพระประสงค์ให้จัดตั้งสมาคมนักออกแบบ FTFD (Federation of Thai Fashion Designers) ขึ้น เพื่อนำความรู้ระดับโลกมาต่อยอดให้กับงานของคนไทย โดยทรงเน้นย้ำเสมอว่าหน้าที่สำคัญของสมาชิกทุกคนคือการทำงาน ‘จิตอาสา’ ลงพื้นที่ช่วยพัฒนาผลงานของชาวบ้านให้มีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากจะพูดถึงเรื่อง Soft Power แล้ว พระองค์ท่านทรงเป็น Soft Power ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอย่างแท้จริง”

นอกจากนี้ หนังสือเล่มล่าสุดยังเจาะลึกถึงเรื่องราว “มหัศจรรย์แห่งเส้นใย” (Fascinating Fibers) นำเสนอคุณค่าและความเป็นไปได้ของเส้นใยจากธรรมชาติ 12 ชนิด อาทิ ไหม, ไหมอีรี่, ตะไคร้, กัญชง, ฝ้าย, ใยบัวหลวง, ใยข่า, ใยกล้วย, ใยสับปะรด, ใย่ไผ่, ใยผักตบชวา ไปจนถึงใยดาหลา พร้อมนำเสนอเทคนิคที่น่าจับตามองสำหรับฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็น ผ้าทอ เดนิมจากใยกัญชง, การถักโครเชต์ ไปจนถึงการนำเส้นใยเหลือใช้กลับมาสร้างสรรค์เป็นผลงานใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของงานหัตถศิลป์และความยั่งยืนที่สามารถเดินเคียงคู่กันไปในโลกแฟชั่นแห่งอนาคตได้อย่างแท้จริง

ขอเชิญผู้ที่สนใจในเสน่ห์ของผ้าไทยและแฟชั่นที่ยั่งยืน เข้าชมนิทรรศการ “Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026” ณ EMSKYE ชั้น 14 เอ็ม ทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ระหว่าง วันที่ 11 – 14 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 – 18.00 น.

สำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือบุคคลทั่วไปผู้สนใจหนังสือ Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026 สามารถดาวน์โหลดในรูปแบบดิจิทัลได้ทาง https://online.fliphtml5.com/rnqjs/dbjs/#p=

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สยามดิสคัฟเวอรี่ ชวนมา Come Play With Us กับป๊อปอัพ “2025 LE SSERAFIM POP-UP in BANGKOK”

สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำทางด้านความคิดสร้างสรรค์ ชวนทุกคนมา Come Play With Us ร่วมค้นพบ สร้างสรรค์ และพัฒนาประสบการณ์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ชวนเหล่า FEARNOT มาวอร์มความคิดถึง กับป๊อปอัพ “2025 LE SSERAFIM POP-UP in BANGKOK” ครั้งแรกในประเทศไทยของวงเกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอต “LE SSERAFIM” พร้อมแลนด์ดิ้งเป็นที่แรกที่สยามดิสคัฟเวอรี่ ในวันที่ 6-13 สิงหาคม 2568 ณ Creative Space ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่

LE SSERAFIM เกิร์ลกรุ๊ป K-POP ที่สะกดใจแฟนๆ ทั่วโลกด้วยความสวย มีเสน่ห์ และพลังความมั่นใจ นำโดย มิยาวากิ ซากุระ, คิมแชวอน, ฮอยุนจิน, คาซึฮะ, ฮงอึนแช โดยความพิเศษของป๊อปอัพ “2025 LE SSERAFIM POP-UP in BANGKOK” พบกับคอลเลคชั่นที่ได้แรงบันดาลใจจากอัลบั้มเพลงล่าสุด รวมถึงสินค้าจากทัวร์คอนเสิร์ต และสินค้าคาแรคเตอร์ที่ออกแบบโดยศิลปิน ซึ่งเผยเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่สยามดิสคัฟเวอรี่ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า, ร่ม, ผ้าห่ม, โปสการ์ด, สติ๊กเกอร์, พวงกุญแจ พร้อมอื่นๆ อีกมากมาย และโซนถ่ายรูปสนุกๆ พร้อมชุดเสื้อผ้าที่ศิลปินใส่แสดง รวมถึงอัลบั้มพร้อมลายเซ็นมาให้ชมอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้พร้อมรับสิทธิพิเศษเมื่อช้อปครบ 1,200 บาท รับการ์ด Random Portrait Photocard ทันที

มา Come Play With Us ได้ที่ ป๊อปอัพ “2025 LE SSERAFIM POP-UP in BANGKOK” ระหว่างวันที่ 6-13 สิงหาคม 2568 ณ Creative Space ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่X @NTPOPUP และ @SiamDiscovery

#르세라핌 #LESSERAFIM #LE_SSERAFIM #LESSERAFIM_POP_UP_IN_BANGKOK

#LE_SSERAFIM_POP_UP_IN_BANGKOK #LE_SSERAFIM_BANGKOK #LESSERAFIM_BANGKOK

#LESSERAFIMPOPUPINBANGKOK #LE_SSERAFIM_POPUP #LESSERAFIM_POPUP #BANGKOK #SIAMDISCOVERY

 

แพทย์แผนจีนกับวิธีดู ‘ชราก่อนวัย’ จากภายใน EP. 1 ตอน เช็กอาการ: คุณกำลัง “แก่ก่อนวัย” หรือเปล่า?

คุณเคยรู้สึกไหมว่าร่างกายไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน? ตื่นเช้ามาก็รู้สึกเหนื่อยง่าย เหมือนนอนไม่พอทั้งที่นอนเต็มอิ่ม ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่งกลับ ผิวโทรม ลงอย่างเห็นได้ชัด มีริ้วรอยและความหมองคล้ำที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเอง แก่เร็ว กว่าวัยอันควรไม่ว่าจะทำอะไรก็รู้สึก อ่อนล้า ไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนเดิม และสำหรับหลายๆ ท่าน ในวัย 30+ รอบเดือนที่เคยมาสม่ำเสมอกลับเริ่มผิดปกติ นี่อาจไม่ใช่แค่ความรู้สึกไปเอง แต่เป็นสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกว่าคุณกำลังเผชิญกับ “วัยชราก่อนวัยอันควร” ที่แพทย์แผนจีนเรียกว่า “ไต-จิงพร่อง” ซึ่งหมายถึงพลังชีวิตในร่างกายเริ่มเสื่อมลงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

ในยุคปัจจุบันที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ความเครียด มลภาวะ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่อาจไม่สมดุล หลายคนจึงมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาสุขภาพที่สัมพันธ์กับการเสื่อมของร่างกายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น แต่คุณรู้หรือไม่ว่า แพทย์แผนจีนมีมุมมองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการแก่ชรา และสามารถช่วยให้เราเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาเหล่านี้จากภายในได้ บทความให้ความรู้โดย พจ.ณัฐธยาน์ เฮงอุดมสวัสดิ์ (พจ.423) แผนกแพทย์แผนจีน โรงพยาบาลนวเวช จะพาคุณไปสำรวจสัญญาณของ “วัยชราก่อนวัย” พร้อมแนวทางการดูแลตัวเองเพื่อฟื้นฟูความสมดุลและคืนความสดใสจากภายในสู่ภายนอก

เช็กอาการ: คุณกำลัง “แก่ก่อนวัย” หรือเปล่า?

ลองเช็กอาการเหล่านี้ หากพบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้หลายข้อ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณ “แก่ก่อนวัย” และกำลังต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียเรื้อรัง: รู้สึก เหนื่อยง่าย ทั้งวัน แม้พักผ่อนเพียงพอ ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า หรือรู้สึก อ่อนล้า ไม่มีเรี่ยวแรงอยู่ตลอดเวลา

- ผิวพรรณไม่สดใส ผิวโทรม: ผิวโทรม หมองคล้ำ แห้งกร้าน มีริ้วรอยก่อนวัย กระ ฝ้า จุดด่างดำปรากฏชัดเจนขึ้น

- ผมร่วง ผมขาวก่อนวัย: ผมร่วงมากกว่าปกติ ผมบางลง หรือมีผมขาวขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ถึงวัยอันควร

- มีปัญหาสายตา: ตาแห้ง ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน หรือรู้สึกเมื่อยล้าดวงตาได้ง่าย

- มีปัญหาการนอนหลับ: นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อยๆ หรือรู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน

- ความจำและสมาธิลดลง: หลงลืมง่าย ไม่มีสมาธิในการทำงาน หรือคิดช้าลง

- ระบบขับถ่ายบกพร่อง: ท้องผูก ท้องเสียบ่อย หรือขับถ่ายไม่ปกติ

- ความต้องการทางเพศลดลง: ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย

- รอบเดือนผิดปกติในผู้หญิงวัย 30+: รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ปวดประจำเดือนมากขึ้น หรือมีอาการก่อนมีประจำเดือนรุนแรงขึ้น

 

ทั้งนี้ แผนกแพทย์แผนจีน โรงพยาบาลนวเวช ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วย คุณภาพการรักษา มาตรฐานการให้บริการ  ระบบการดูแลผู้ป่วยด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ และผ่านการรับรองมาตรฐาน AACI (American Accreditation Commission International) ISO 7101:2023 – Health Care Organization Management และ ISO 9001:2015 – Quality Management Systems แต่อย่างไรก็ตามในมุมมองของแพทย์แผนจีน สุขภาพที่ดีคือสภาวะที่ร่างกายมีความสมดุล เมื่อใดที่สมดุลนี้เสียไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะความเครียด พฤติกรรมการกิน การนอนที่ไม่เหมาะสม หรือปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ก็จะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ รวมถึงสัญญาณของความเสื่อมและวัยชราก่อนวัย หากคุณเช็กอาการดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว คุณกำลังเริ่มมีอาการวัยชราก่อนวัย เพื่อฟื้นฟูความสมดุลและคืนความสดใสจากภายในสู่ภายนอก สามารถติดต่อสอบถามหรือนัดหมายปรึกษาได้ที่ โรงพยาบาลนวเวช โทร. 1507