EN Name: 
World

สลด! อาคารโรงเรียนในอินโดนีเซียถล่มระหว่างละหมาด เด็กเสียชีวิตแล้ว 3 ศพ สูญหายนับสิบ

สลด! อาคารโรงเรียนในอินโดนีเซียถล่มระหว่างละหมาด เด็กเสียชีวิตแล้ว 3 ศพ สูญหายนับสิบ

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568  สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุสลด อาคารเรียนของโรงเรียนประจำอิสลาม “อัลโคซินี” เมืองซิโดอาร์โจ จังหวัดชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย พังถล่มลงมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีนักเรียนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเร่งค้นหาผู้สูญหายซึ่งคาดว่าติดอยู่ใต้ซากอาคารอีกหลายสิบคน

รายงานระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่นักเรียนและบุคลากรของโรงเรียนกำลังประกอบพิธีละหมาด โดยอาคารเรียนเดิมเป็นอาคาร 2 ชั้น แต่กำลังอยู่ระหว่างต่อเติมเพิ่มเป็น 4 ชั้น โดยมีการพบว่า ฐานรากของอาคารไม่แข็งแรงพอ ที่จะรองรับน้ำหนักโครงสร้างเพิ่มเติม ทำให้พังถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว

หัวหน้าหน่วยกู้ภัยสุราบายา “นานัง ซิกิต” เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังมีผู้รอดชีวิตติดอยู่ภายใน เนื่องจากยังได้ยินเสียงร้องไห้และตะโกนขอความช่วยเหลือดังออกมาจากใต้ซากอาคาร อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะอาคารพังทลายแบบ “แพนเค้ก” ทำให้มีช่องว่างแคบและไม่มั่นคง

ขณะเดียวกัน เด็กชายวัย 13 ปี ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ เล่าว่า ได้ยินเสียงหินและคอนกรีตถล่มลงมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่อาคารจะพังทั้งหลัง เขารีบวิ่งหนีออกมาทันเวลา แม้จะถูกเศษซากหลังคากระแทก แต่ยังสามารถปีนออกมาจากกองซากได้

ด้านผู้บริหารโรงเรียน “เคเอช อับดุส ซาลาม มูจิบ” ออกมากล่าวขอโทษต่อครอบครัวของนักเรียนที่เสียชีวิต โดยระบุว่า “นี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า และหวังว่าพระองค์จะทรงประทานสิ่งที่ดีกว่าแก่ทุกคนที่สูญเสีย”

สำนักงานกู้ภัยแห่งชาติอินโดนีเซียเผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ช่วยเหลือพิเศษจากสำนักงานใหญ่ รวมถึงทีมกู้ภัยจากเมืองเซอมารังและยอกยาการ์ตา เข้าสมทบในพื้นที่ เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ใต้ซากอาคารให้ได้โดยเร็วที่สุด


#ข่าวต่างประเทศ #อินโดนีเซีย #อาคารโรงเรียนถล่ม #เหตุสลดอินโดนีเซีย #โรงเรียนอิสลามถล่ม #ข่าวต่างประเทศวันนี้ #เด็กนักเรียนเสียชีวิต #ภัยพิบัติ #กู้ภัยอินโดนีเซีย #Sidoarjo

ด่วน "ฟิทช์ เรทติ้งส์" ปรับแนวโน้มเครดิต 5 แบงก์ไทยเป็น “ลบ” หลังลดแนวโน้มเครดิตรัฐบาลไทย

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารพาณิชย์ไทย แต่ได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารไทย 5 แห่ง เป็น “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ (Negative Outlook)” จากเดิม “มีเสถียรภาพ (Stable Outlook)” โดยระบุว่าเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ฟิทช์ฯ ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของรัฐบาลไทยเป็น “ลบ” เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

ธนาคารที่ถูกปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “ลบ” ได้แก่

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank)

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB)

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) (TTB)

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (SCBT)

ธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) (UOBT)

ฟิทช์ฯ ระบุว่า การปรับแนวโน้มดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหว “เชิงเทคนิค” ที่สะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างความแข็งแกร่งทางการเงินของรัฐบาลไทยกับสถาบันการเงินหลักที่อยู่ภายใต้กรอบเศรษฐกิจเดียวกัน โดยเฉพาะธนาคารที่มีสัดส่วนการถือหุ้นหรือการสนับสนุนจากภาครัฐ

ขณะเดียวกัน ฟิทช์ฯ ยัง คงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Ratings : IDRs) พร้อมแนวโน้ม “มีเสถียรภาพ” สำหรับธนาคารไทยขนาดใหญ่ 5 แห่ง ได้แก่

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY)

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBank)

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB)

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCBX)

การประกาศปรับแนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากฟิทช์ฯ ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของรัฐบาลไทยจาก “มีเสถียรภาพ” เป็น “ลบ” ที่ระดับ BBB+ / Negative Outlook โดยให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความไม่แน่นอนด้านนโยบายการคลังและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะกลาง

ฟิทช์ฯ ระบุเพิ่มเติมว่า การคงอันดับเครดิตของธนาคารพาณิชย์ไทยส่วนใหญ่ สะท้อนถึงฐานะเงินทุนและสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง รวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่อยู่ในระดับดี แม้เศรษฐกิจไทยจะยังมีความเปราะบางต่อความผันผวนทางการเงินโลก

#ฟิทช์เรทติ้งส์ #FitchRatings #ธนาคารไทย #เครดิตประเทศไทย #อันดับเครดิต #เศรษฐกิจไทย #KTB #TTB #SCB #KBank #BAY #BBL #EXIM #UOBT #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวการเงิน #หุ้นไทย

"วงการหนังทั่วโลก" สะเทือน! "ทรัมป์" ประกาศเก็บภาษี 100% ภาพยนตร์ที่สร้างนอกสหรัฐฯ ปกป้อง "ฮอลลีวูด"

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ผู้นำสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ประกาศนโยบายเรียกเก็บ ภาษีศุลกากร 100% ต่อภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผลิตนอกสหรัฐฯ โดยให้เหตุผลว่าเป็นมาตรการเพื่อ ปกป้องอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของสหรัฐฯ ที่กำลังได้รับผลกระทบจากการแข่งขันของต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า มาตรการเก็บภาษีดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อใด รวมถึงไม่ระบุว่า จะมีข้อยกเว้นหรือเงื่อนไขพิเศษสำหรับประเทศคู่ค้าใดบ้าง

ทรัมป์โพสต์ข้อความในลักษณะรุนแรง โดยระบุว่า “ธุรกิจการสร้างภาพยนตร์ของเราถูกขโมยไปจากสหรัฐอเมริกาโดยประเทศอื่น ๆ เหมือนกับการ ‘ขโมยลูกอมจากเด็กทารก’ แคลิฟอร์เนียซึ่งมีผู้ว่าการรัฐที่อ่อนแอและไร้ความสามารถ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด! ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผมจะเรียกเก็บภาษีศุลกากร 100% สำหรับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่สร้างขึ้นนอกสหรัฐอเมริกา ขอขอบคุณสำหรับความสนใจในเรื่องนี้ และขอให้เราทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง!”

แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมบันเทิงระบุว่า หากนโยบายดังกล่าวถูกนำมาใช้จริง จะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อ วงการภาพยนตร์ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่เป็นฐานการถ่ายทำหรือผลิตภาพยนตร์ระดับนานาชาติ เช่น อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย รวมถึงหลายประเทศในเอเชีย ที่มักถูกเลือกเป็นโลเคชันสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูด

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจระบุว่า นโยบายดังกล่าวอาจทำให้ต้นทุนของสตูดิโอสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น และอาจสร้างแรงกระเพื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมบันเทิงทั่วโลก


#โดนัลด์ทรัมป์ #DonaldTrump #วงการหนังโลก #ฮอลลีวูด #Hollywood #ภาษีภาพยนตร์ #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวโลก #อเมริกา #นโยบายทรัมป์ #ภาษีศุลกากร #ข่าววันนี้

“เกาหลีเหนือ” ลั่นไม่มีวันยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ ชี้เท่ากับสละอธิปไตย และสิทธิในการดำรงอยู่

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 นาย คิม ซอน กยอง (Kim Son Kyong) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือ ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า เกาหลีเหนือจะไม่มีวันยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ โดยระบุว่าการบังคับให้เกาหลีเหนือ “ปลดนิวเคลียร์” เท่ากับเป็นการละเมิดอธิปไตยและสิทธิในการดำรงอยู่ของประเทศ

“การบังคับให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีปลดนิวเคลียร์ เท่ากับเป็นการบังคับให้เราสละอธิปไตย สิทธิในการดำรงอยู่ และละเมิดรัฐธรรมนูญของเรา พวกเราจะไม่มีวันยอมละทิ้งอธิปไตยและสิทธิของชาติ” นายคิมกล่าวต่อที่ประชุม สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN General Assembly) เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา

นายคิมยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยศักยภาพทางการทหารที่เพิ่มขึ้นของเกาหลีเหนือ ท่ามกลางภัยคุกคามจากการรุกรานของสหรัฐฯ และพันธมิตร ทำให้ความพยายามของรัฐศัตรูที่จะก่อสงครามถูกสกัดกั้นโดยสิ้นเชิง และดุลอำนาจบนคาบสมุทรเกาหลีได้รับการค้ำประกันแล้ว”

การแถลงของนายคิมครั้งนี้ถือเป็น ครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี ที่เกาหลีเหนือส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกรุงเปียงยางมากล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ นับตั้งแต่ปี 2561 ที่รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือเคยเดินทางไปยังกรุงนิวยอร์กเพื่อเข้าร่วมประชุมดังกล่าว

ทั้งนี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า เขาต้องการพบกับ คิม จอง อึน (Kim Jong Un) ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ภายในปีนี้ เพื่อหารือแนวทางรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายคิมยังไม่ได้ตอบรับข้อเสนอการเจรจาดังกล่าว


#เกาหลีเหนือ #โครงการนิวเคลียร์ #คิมจองอึน #KimJongUn #สหประชาชาติ #UNGA #โดนัลด์ทรัมป์ #DonaldTrump #ข่าวต่างประเทศ #คาบสมุทรเกาหลี #นิวเคลียร์ #ข่าวโลกวันนี้ #NorthKorea

“ปูติน” สั่งเกณฑ์ทหาร 135,000 นายรับฤดูใบไม้ร่วง เดินหน้าขยายกองกำลังรัสเซียต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 สำนักข่าว ทาสส์ (TASS) ของทางการรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ผู้นำรัสเซีย ได้ลงนามใน กฤษฎีกาเกณฑ์ทหารจำนวน 135,000 นาย สำหรับการรับราชการในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้

การเกณฑ์ทหารครั้งใหม่นี้ครอบคลุมชายชาวรัสเซียอายุระหว่าง 18-30 ปี โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงสิ้นปี 2568 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมกำลังทหารประจำการของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ รัสเซียดำเนินการเกณฑ์ทหารปีละสองครั้ง คือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูใบไม้ร่วง โดยในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียได้เรียกเกณฑ์ทหารไปแล้วกว่า 160,000 นาย ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว มีผู้ถูกเรียกเข้ารับราชการจำนวน 133,000 นาย

การเกณฑ์ทหารรอบล่าสุดนี้ถูกจับตามองจากทั่วโลก ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียในหลายพื้นที่


#ปูติน #VladimirPutin #รัสเซีย #เกณฑ์ทหาร #TASS #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวรัสเซีย #สงครามโลก #กองทัพรัสเซีย #ข่าววันนี้ #ข่าวรอบโลก #Putin

ประเด็นข่าวรอบโลก (30 ก.ย.68) จับตาหน่วยงาน "รัฐบาลสหรัฐ" เผชิญกับการถูกชัตดาวน์ - "ตลาดหุ้นเอเชีย" ผันผวน - "ทองคำ" ทำสถิติสูงสุดใหม่ - "ทรัมป์" จ่อขึ้นภาษีเฟอร์นิเจอร์

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผสมผสานในวันนี้ (30 ก.ย.) ขณะที่บรรดานักลงทุนจับตาการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียในวันนี้

ผลสำรวจคาดว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.6% เนื่องจากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงยังเป็นข้อจำกัดต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

- เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาเชื่อว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลหรือชัตดาวน์ โดยพยายามโยนความผิดให้กับพรรคเดโมแครต หนึ่งวันก่อนที่งบประมาณของรัฐบาลกลางจะหมดอายุในวันนี้ (30 ก.ย.)

แวนซ์กล่าวเมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) หลังการประชุมกับบรรดาผู้นำสภาคองเกรสที่ทำเนียบขาวว่า เขาเชื่อว่าการปิดหน่วยงานจะเกิดขึ้นเพราะพรรคเดโมแครตไม่ยอมทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้เขาหวังว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจ แต่ก็ต้องรอดูต่อไป

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ มีกำหนดหารือกับแกนนำทั้งสี่ของสภาคองเกรสที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงวิกฤติการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ที่มีเส้นตายในวันนี้ ซึ่งการประชุมดังกล่าวมีกำหนดจัดขึ้นเมื่อวานนี้เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือวันนี้ (30 ก.ย.) เวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย

- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางกระทรวงฯ จะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ หากรัฐบาลสหรัฐเผชิญกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลหรือชัตดาวน์ ที่มีกำหนดเส้นตายในช่วงเที่ยงคืนวันนี้ (30 ก.ย.) ตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับเวลา 11.00 น.ของวันที่ 1 ต.ค.ตามเวลาไทย

- ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3,850 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) ส่วนราคาทองสปอตทะลุ 3,820 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ขานรับดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ หลังจากที่เฟดได้ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้เมื่อวันที่ 17 ก.ย.

- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) ระบุว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในระดับสูงต่อเฟอร์นิเจอร์ที่มีการผลิตภายนอกสหรัฐฯ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ในสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ยังไม่ได้เปิดเผยว่ามาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีการบังคับใช้เมื่อใด และอัตราภาษีศุลกากรดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับใด

- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) ระบุว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีศุลกากร 100% ต่อภาพยนตร์ทั้งหมดที่มีการผลิตภายนอกสหรัฐฯ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยว่ามาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีการบังคับใช้เมื่อใด

- คิม ซอน กยอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือยืนยันว่า เกาหลีเหนือจะไม่มีวันยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ โดยระบุว่า สิ่งนี้เท่ากับเป็นการบังคับให้เกาหลีเหนือสละอธิปไตยและสิทธิในการดำรงอยู่

"การบังคับให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี 'ปลดนิวเคลียร์' เท่ากับเป็นการบังคับให้สละอธิปไตย สิทธิในการดำรงอยู่ และละเมิดรัฐธรรมนูญ พวกเราจะไม่มีวันสละอธิปไตย ละทิ้งสิทธิในการดำรงอยู่ และละเมิดรัฐธรรมนูญ" คิมกล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อวานนี้ (29 ก.ย.)

- สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ลงนามในกฤษฎีกาเพื่อเกณฑ์ทหารจำนวน 135,000 นายสำหรับช่วงฤดูใบไม้ร่วง

การเกณฑ์ทหารในครั้งนี้จะรวมถึงชาวรัสเซียที่มีอายุระหว่าง 18-30 ปี และจะดำเนินไปตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.จนถึงสิ้นปีนี้

- ข้อมูลและเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ (30 ก.ย.) ได้แก่

เกาหลีใต้เปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.และยอดค้าปลีกเดือนส.ค.

ญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.และยอดค้าปลีกเดือนส.ค. และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงาน Summary of Opinions

จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ย.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ย.จาก RatingDog

ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย

เยอรมนีเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค.และอัตราเงินว่างงานเดือนก.ย. รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.

อังกฤษเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2568 (ประมาณการครั้งสุดท้าย)

ฝรั่งเศสเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อขั้นต้นเดือนก.ย.

สหรัฐฯ เปิดเผยราคาบ้านเดือนก.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จาก Conference Board
 

"เฮง รัตนา" เผยวิธีดูระเบิดเก่า-ระเบิดใหม่ที่ไทยทิ้ง

วันที่ 29 ก.ย.68  นายเฮง รัตนา (Heng Ratana) ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAC) โพสต์ข้อความระบุว่า ที่ผ่านมา มีคนร้องขอให้ผมช่วยอธิบาย โดยตั้งคำถามว่า: "เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ระเบิดนั้นถูกทิ้งจากเครื่องบิน หรือยิงมาจากปืนใหญ่ในยุคสงครามเก่าๆ กับระเบิดที่ถูกทิ้งจากเครื่องบินหรือยิงมาจากปืนใหญ่ในสงครามตามแนวชายแดนยุคใหม่ๆ!?"

คำตอบแบบสั้น:  หากอ้างอิงตามลักษณะทางเทคนิค จะมีจุดให้วิเคราะห์ตัวอย่างหลายประการ ซึ่งผมขอไม่อธิบายรายละเอียดในเวทีนี้ และขอหยิบยกจุดสรุปสั้นๆ มาแจ้งให้ทราบว่า: ไม่ว่าจะเป็นระเบิดที่ถูกทิ้งจากเครื่องบิน หรือกระสุนปืนใหญ่ ล้วนมีหมายเลขรหัสระบุเดือนปีที่ผลิต หรือประเทศ/บริษัทผู้ผลิต

เพิ่มเติมจากนี้ สำหรับประเทศกัมพูชา รัฐบาลได้เสริมสร้างขีดความสามารถของหน่วยงาน CMAC (ศูนย์ปฏิบัติการกับทุ่นระเบิดกัมพูชา) ในการศึกษาวิจัยข้อมูล และจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามในอดีตอย่างชัดเจน โดยมีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการทิ้งระเบิดจากเครื่องบิน เช่น วันเวลา ประเภทของเครื่องบิน และตำแหน่งที่ทิ้งระเบิดไว้อย่างละเอียด

ลักษณะเช่นนี้ถือเป็นข้อมูลทางเทคนิคที่ชัดเจน ไม่มีความสับสนระหว่างระเบิดที่ทิ้งจากเครื่องบินในสงครามยุคใหม่ กับระเบิดที่ทิ้งจากเครื่องบินในสงครามสมัยก่อนแต่อย่างใด!!

 

 

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก HENG Ratana

#เฮงรัตนนา #กัมพูชา #ระเบิด #ชายแดนไทยกัมพูชา

"ไต้ฝุ่นบัวลอย" ถล่ม "เวียดนาม" พัดบ้านพังยับ ดับแล้ว 1 สูญหายอีก 12 ชีวิต

“ไต้ฝุ่นบัวลอย” พัดถล่มเวียดนามตอนเหนือ บ้านพัง-ไฟดับทั่ว ดับ 1 สูญหาย 12 ท่ามกลางฝนถล่มคลื่นสูง

พายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางภาคกลางตอนเหนือของเวียดนามในช่วงเช้ามืดวันนี้ (29 ก.ย.) สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งบ้านเรือนและระบบไฟฟ้าขัดข้อง เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย และชาวประมงสูญหายอีก 12 คน ท่ามกลางฝนตกหนักและคลื่นลมแรง

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของเวียดนามรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พายุได้เคลื่อนตัวอยู่เหนือจังหวัดเหงะอาน โดยความเร็วลมสูงสุดลดลงเหลือ 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิม 117 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงที่พัดขึ้นฝั่ง ทั้งนี้ ก่อนขึ้นฝั่ง พายุได้เคลื่อนตัวเลียบชายฝั่งนานหลายชั่วโมง ส่งผลให้เกิดคลื่นสูงถึง 8 เมตร

สื่อทางการเวียดนามระบุว่า ผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชาวเมืองเว้ที่ถูกกระแสน้ำพัดหายไป ส่วนชาวประมง 12 คนที่สูญหายนั้น มาจากเหตุเรือประมง 4 ลำถูกคลื่นยักษ์ซัดอับปางนอกชายฝั่งจังหวัดกว๋างจิ

ก่อนหน้านี้ ทางการเวียดนามได้สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยล่วงหน้ากว่า 28,500 คน พร้อมประกาศปิดสนามบิน 4 แห่งในภาคกลาง ส่งผลให้เที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวต้องถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไป

อิทธิพลของพายุยังทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างตั้งแต่วันเสาร์ (27 ก.ย.) ทางการจึงได้ประกาศเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ โดยคาดว่าปริมาณน้ำฝนสะสมอาจสูงถึง 500 มิลลิเมตรไปจนถึงวันอังคาร (30 ก.ย.)

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับพายุไต้ฝุ่นเป็นประจำ เนื่องจากมีแนวชายฝั่งยาวติดทะเลจีนใต้ โดยพายุ “บัวลอย” ลูกนี้ก่อตัวขึ้นทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ ก่อนจะพัดถล่มประเทศฟิลิปปินส์เมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย


#ไต้ฝุ่นบัวลอย #พายุบัวลอย #เวียดนาม #ข่าวต่างประเทศ #พายุถล่มเวียดนาม #ภัยธรรมชาติ #พายุไต้ฝุ่น #ข่าววันนี้ #ข่าวด่วน #Siamrath

สุดช็อก "ตาย" 4 ศพ! "อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ" บุกกราดยิง-เผาโบสถ์มอรมอน เจ็บ 8 ก่อนถูกวิสามัญ

อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ ก่อเหตุกราดยิง-เผาโบสถ์มอรมอนในมิชิแกน ดับ 4 เจ็บ 8 ก่อนถูกตำรวจวิสามัญ

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงและวางเพลิงภายในโบสถ์มอรมอน รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยชายคนหนึ่งขับรถพุ่งชนประตูหน้าโบสถ์ ก่อนเปิดฉากยิงด้วยปืนไรเฟิลจู่โจมและจุดไฟเผาอาคาร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 8 ราย ส่วนตัวผู้ก่อเหตุถูกวิสามัญฆาตกรรมหลังยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ผู้ก่อเหตุคือ โทมัส เจคอบ แซนฟอร์ด อายุ 40 ปี อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ จากเมืองเบอร์ตัน ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ โดยคนร้ายตั้งใจจุดไฟเผาโบสถ์จนไฟลุกท่วมและควันหนาทึบพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

รายงานเบื้องต้นระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 2 รายจากการถูกยิง และผู้บาดเจ็บอีก 8 รายถูกนำส่งโรงพยาบาล ต่อมาเจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 2 รายในซากโบสถ์ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด เนื่องจากอาจมีผู้ติดอยู่ภายในอีก

วิลเลียม เรนเย ผู้บัญชาการตำรวจเมืองแกรนด์บลองก์ทาวน์ชิป เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ 2 นายเข้าถึงพื้นที่ภายในเวลาเพียง 30 วินาทีหลังได้รับแจ้งเหตุ และเกิดการยิงต่อสู้กับคนร้ายที่ลานจอดรถ ก่อนวิสามัญได้ภายใน 8 นาทีหลังเกิดเหตุ

ข้อมูลจากกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า แซนฟอร์ดเคยรับราชการเป็นนาวิกโยธินระหว่างปี 2547–2551 และเป็นทหารผ่านศึกสงครามอิรัก โดยขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจค้นบ้านและบันทึกการใช้โทรศัพท์ เพื่อหามูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้

ด้าน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า เหตุกราดยิงครั้งนี้ “ดูเหมือนเป็นการมุ่งโจมตีชาวคริสต์ในสหรัฐฯ อีกครั้ง” พร้อมระบุว่า FBI ได้เข้าพื้นที่แล้ว และย้ำว่า “ความรุนแรงที่แพร่ระบาดในประเทศเราต้องยุติลงเดี๋ยวนี้!”

ตามข้อมูลจาก Gun Violence Archive เหตุกราดยิงในรัฐมิชิแกนครั้งนี้ ถือเป็นเหตุกราดยิงหมู่ครั้งที่ 324 ของสหรัฐฯ ในปี 2568 โดยนิยามของ “เหตุกราดยิงหมู่” หมายถึงเหตุการณ์ที่มีผู้ถูกยิงหรือเสียชีวิตตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป โดยไม่นับรวมผู้ก่อเหตุ

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังนับเป็นเหตุกราดยิงหมู่ครั้งที่ 3 ของสหรัฐฯ ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องจากเหตุกราดยิงในรัฐนอร์ทแคโรไลนา และเหตุกราดยิงที่คาสิโนเมืองอีเกิลพาส รัฐเท็กซัส ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกหลายราย


#กราดยิงสหรัฐ #เหตุกราดยิง #โบสถ์มอรมอน #อดีตนาวิกโยธิน #มิชิแกน #ข่าวต่างประเทศ #โดนัลด์ทรัมป์ #FBI #GunViolenceArchive #ข่าวด่วน

“จับตา "ประเด็นร้อน" วันนี้! "นายกฯ แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา" - ลุ้นคำพิพากษา "คดีหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว"

เกาะติด "อนุทิน" แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา – ศาลปกครองชี้ชะตาคดีหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว พร้อมกิจกรรมใหญ่ทั่วประเทศ


ติดตามการแถลงนโยบายรัฐบาล "อนุทิน 1" ต่อรัฐสภา ซึ่งจะใช้ระยะเวลา 2 วัน ในช่วงวันที่ 29-30 ก.ย.68 โดยวันแรกนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะเป็นผู้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ภายใต้ "สมุดปกน้ำเงิน" ตามเป้าหมาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก ด้วยสโลแกน "4 เดือน แก้ 4 ภัย คืนความมั่นใจให้ประเทศ"

สำหรับนโยบาย 4 เรื่องหลักของรัฐบาล จะประกอบด้วย

1. "นโยบายเศรษฐกิจ" ลดค่าครองชีพ ลดรายจ่ายด้วยโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ส่งเสริมพลังงานทดแทน, ลดค่าใช้จ่ายด้านขนส่ง-เดินทาง, แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ลดต้นทุน และป้องกันสินค้าลักลอบนำเข้า

2. "นโยบายความมั่นคงและการต่างประเทศ" โดยรัฐบาลจะใช้มาตรการทางการทหารควบคู่การทูต เพื่อรักษาอธิปไตย เพื่อประโยชน์ของประชาชน เช่น กรณีพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา

3. "นโยบายภัยพิบัติและช่วยเหลือประชาชน" ปรับปรุงระบบเตือนภัย และมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน เปิดเผย ตรวจสอบได้

4. "นโยบายป้องกันปัญหาสังคมและอาชญากรรม" ปราบปรามยาเสพติด การพนันออนไลน์ และเครือข่ายสแกมเมอร์อย่างจริงจัง Entertainment Complex ต้องไม่มีกาสิโน

ขณะที่การจัดสรรเวลาอภิปรายนโยบายรัฐบาล รวมทั้งหมด 25 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 2 วันนั้น แบ่งเป็น คณะรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาล 6 ชั่วโมง พรรคร่วมฝ่ายค้าน 15 ชั่วโมง สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 3 ชั่วโมง และประธานรัฐสภา 1 ชั่วโมง โดยวันแรกนี้ คาดว่าจะใช้เวลาอภิปรายทั้งหมด 16 ชั่วโมง สิ้นสุดในเวลา 01.00 น. ส่วนวันที่ 30 ก.ย. จะอภิปรายต่อโดยใช้เวลาที่เหลืออีกราว 8 ชั่วโมง


กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ

- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) แถลงข่าว หัวข้อ "มุมมองเศรษฐกิจไทย ประจำไตรมาส 3 ปี 2568"

- บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด แถลงข่าว "ฆ่าโง่...จุดหักเหโฮปเวลล์"

- RABBIT LIFE’S NEXT CHAPTER ก้าวสู่บทใหม่ "ผู้นำธุรกิจประกันยุคนิวเจน" เผยผลประกอบการปี 2568 และทิศทางธุรกิจปี 2569

- พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลร้านอาหาร ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน "ฮาลาล" ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ระหว่าง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และบริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จำกัด


ประเด็นอื่นที่น่าสนใจ

- ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำพิพากษาคดีกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผิดสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง "โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร" ไม่ชำระค่าจ้างให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุง ส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

- การลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือระหว่างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และธนาคารกรุงศรีฯ เพื่อยกระดับการป้องกันและปราบปรามบัญชีม้าอย่างเป็นระบบ


ภารกิจคณะรัฐมนตรี (ครม.)

- นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานในพิธีเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติ เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย (Thai National Flag Day) 28 กันยายน ประจำปี 2568 บริเวณเสาธง หน้าตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

- นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา


ภารกิจผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (กทม.)

- นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ร่วมกิจกรรมเนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 28 กันยายน (Thai National Flag Day) ประจำปี 2568 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

ส่วนช่วงบ่าย ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "Bangkok as a Global Inclusive Destination" ในงานประชุมเชิงปฏิบัติการ FuturePride Thailand ของ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ

จากนั้น ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานในพิธีส่งมอบของ "เซ็นทรัล กรุ๊ป" ในโครงการปรับปรุงห้องน้ำ ป้อมยาม และไม้กั้น ภายในสวนลุมพินี ณ สวนลุมพินี

ช่วงเย็น ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตร พร้อมเข็มวิทยฐานะแก่ผู้สำเร็จการศึกษา อบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนามหานคร (มหานคร รุ่น 13) ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา กทม. 2


#อนุทินชาญวีรกูล #นโยบายรัฐบาล #รถไฟฟ้าสายสีเขียว #รัฐสภา #ศาลปกครอง #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #กทม #ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #เศรษฐกิจไทย #SCBEIC #โฮปเวลล์ #RabbitLife #MOUฮาลาล