EN Name: 
Woman

เปิดลิสต์ 8 อาหาร ลดอาการอ่อนเพลีย

ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ทั้งเคร่งเครียด เร่งรีบ และแบกความรับผิดชอบไว้มากมาย ทำให้เมื่อถึงเวลาพักผ่อนก็จัดเต็มกันแบบสุดเหวี่ยง หรือที่เรียกว่า Work Hard, Play Harder จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีอาการ ‘อ่อนเพลีย’ ตามมาให้เห็น เรียกได้ว่านี่คือหนึ่งในปัญหาที่ทั้งวัยทำงาน วัยกลางคน ไปจนถึงวัยสูงอายุต้องประสบพบเจอ ซึ่งนอกจากการพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยได้คือ การรับประทานอาหารลดอ่อนเพลีย

สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่าร่างกายอ่อนเพลียกินอะไรดี  พญ.กฤดากร เกษรคำ จาก Addlife Anti-Aging Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี)  มาแนะนำ 8 อาหารลดอาการอ่อนเพลีย ให้คุณเลือกกินเพื่อเติมความไบรต์ได้ทั้งวัน

- กล้วย กล้วยเป็นแหล่งพลังงานชั้นเลิศ และร่างกายซึมซับได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูง นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 6 ซึ่งช่วยเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน อีกทั้งกล้วยยังมีโพแทสเซียม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำงานของกล้ามเนื้อและความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ การกินกล้วยในช่วงกลางวันคือหนึ่งในอาวุธลับสำหรับสู้กับความอ่อนเพลียได้เป็นอย่างดี

- ควินัว ร่างกายอ่อนเพลียกินอะไรดี? ควินัว คือตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะธัญพืชชนิดนี้อุดมด้วยสารอาหารซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ไฟเบอร์ และโปรตีนสูง นอกจากนี้ ยังมีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และวิตามินบี ซึ่งทั้งหมดจำเป็นต่อการผลิตพลังงาน คาร์โบไฮเดรตในควินัวให้พลังงานที่สม่ำเสมอ ป้องกันไม่ให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเกินไป ดังนั้น การรับประทานควินัวในมื้ออาหารสามารถช่วยปลดปล่อยพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง และทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอ่อนเพลียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- ผักโขม เป็นผักใบเขียวที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก แมกนีเซียม วิตามินเอ และวิตามินซี โดยธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ส่วนแมกนีเซียมมีบทบาทในการเผาผลาญพลังงานและการทำงานของกล้ามเนื้อ ดังนั้น นี่จึงเป็นอาหารลดอ่อนเพลียสีเขียวที่ไม่ควรพลาด

- ปลาแซลมอน เป็นแหล่งขุมทรัพย์ของกรดไขมันโอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงลดการอักเสบและปรับปรุงการทำงานของสมอง โปรตีนในปลาแซลมอนยังช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่และเป็นแหล่งพลังงานชั้นเลิศ การรวมกันของโอเมกา 3 โปรตีน และวิตามินบีในปลาแซลมอนทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งอาหารลดอ่อนเพลียที่มีรสชาติอร่อยเลิศ

- อัลมอนด์ เป็นอาหารลดอ่อนเพลียที่อุดมด้วยสารอาหารมากมาย ทั้งไขมันดี โปรตีน ไฟเบอร์ นอกจากนี้ ยังมีแมกนีเซียม เหล็ก และวิตามินอี โดยไขมันดีในอัลมอนด์มีส่วนช่วยในการควบคุมการใช้พลังงานของร่างกาย ในขณะที่แมกนีเซียมและธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการผลิตพลังงาน และส่งเสริมการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดแดง ดังนั้น การรับประทานอัลมอนด์สักกำมือสามารถช่วยลดความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี

- กรีกโยเกิร์ต กรีกโยเกิร์ต เป็นอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน ซึ่งมีโปรไบโอติก แคลเซียม และวิตามินบี โดยโปรตีนมีความสำคัญต่อการซ่อมแซมและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ในขณะที่แคลเซียมจะช่วยควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ ส่วนโปรไบโอติกในโยเกิร์ตกรีกช่วยให้ลำไส้แข็งแรง ซึ่งเชื่อมโยงกับระดับพลังงานที่เพิ่มขึ้น

- ดาร์กช็อกโกแลต ดาร์กช็อกโกแลตไม่ได้มีดีเพียงแค่รสชาติ แต่ยังเป็นแหล่งของสารประกอบธรรมชาติที่สามารถเพิ่มระดับพลังงานได้ ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด การส่งออกซิเจนไปยังสมอง และเสริมสร้างการตื่นตัว นอกจากนั้น ดาร์กช็อกโกแลตยังมีคาเฟอีนซึ่งออกฤทธิ์เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าของร่างกายได้เป็นอย่างดี

- ชาเขียว เนื่องจากชาเขียวเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและคาเฟอีน ที่ช่วยเพิ่มพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการรวมกันของคาเฟอีนกับแอล-ธีอะนีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่พบในชาเขียว ยังช่วยให้รู้สึกตื่นตัวและมีสมาธิมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารในปัจจุบันอาจไม่เพียงพอ หรือต้องรับประทานในปริมาณมาก ทำให้ได้รับแคลอรี่เกินจำเป็น  ท่านใดที่อยากบรรเทาความอ่อนเพลียแบบเห็นผลชัด สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวขาญเพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาอาการอ่อนเพลียได้อย่างตรงจุด

เอ็ม ดิสทริค ชวนชมปรากฏการณ์ศิลปะครั้งสำคัญ ในนิทรรศการ "บูรณาการสุนทรียศิลป์ กรุงรัตนโกสินทร์"

เอ็ม ดิสทริค (เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ เอ็มสเฟียร์) Art District ใจกลางเมืองชวนสัมผัสปรากฏการณ์ทางศิลปะครั้งสำคัญในงาน นิทรรศการ “บูรณาการสุนทรียศิลป์ กรุงรัตนโกสินทร์” ที่ผสมผสานมุมมองผ่านเลนส์ช่างภาพระดับโลก ชัยโรจน์ มหาดำรงค์กุล (P.S.A. 5 STARS Photographer) ผู้บันทึกภาพทรงคุณค่าด้วยสายตาแห่งศิลป์ ถ่ายทอดแสง เงา และเรื่องราวผ่านเลนส์ในมิติที่งดงามเหนือกาลเวลา สู่งานจิตรกรรมของ ศิลปินแห่งชาติ ศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี พ.ศ. 2552 ผู้สร้างสรรค์ผลงานที่หยั่งรากลึกในภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย ถ่ายทอดเรื่องราวอันทรงคุณค่าของกรุงรัตนโกสินทร์ในมิติใหม่ เพื่อสืบสานคุณค่าศิลปวัฒนธรรม และสนับสนุนผลงานศิลป์ไทยในยุคสมัยใหม่ ให้เกิดดุลยภาพทางความคิดสร้างสรรค์ศิลปกรรมไทยร่วมสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ การพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสถึงความจริง ความดี ความงาม และสุนทรียรสในจิตใจ

สุธาวดี ศิริธนชัย, ศ.เกียรติคุณปรีชา เถาทอง, ชัยโรจน์ มหาดํารงค์กุล, กลอเรีย มหาดํารงค์กุล และ อรธิรา ภาคสุวรรณ์

ครอบครัว มหาดํารงค์กุล มาให้ กําลังใจภายในงาน

สำหรับไฮไลท์ของงานนี้อยู่ที่การจัดแสดง 2 งานศิลป์ที่สำคัญคือ ภาพถ่ายเรือสุพรรณหงส์ของคุณชัยโรจน์ มหาดำรงด์กุล ที่แปรผันจากภาพผ่านเลนส์เป็นภาพที่ใจเห็น โดยคุณชัยโรจน์กล่าวถึงภาพนี้ว่าเป็นภาพถ่ายเรือสุพรรณหงส์ที่มีฉากหลังเป็นพระบรมมหาราชวังที่ถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมของกรุงรัตนโกสินทร์ ถ่ายขึ้นในช่วงการประชุมAPEC ในประเทศไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราชานุญาตให้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในช่วงกลางคืน โดยมีผมคนเดียวที่ได้ภาพที่สมบูรณ์ที่สุด จากช่างภาพชาวไทยและต่างประเทศหลายสิบคนที่ไปถ่ายครั้งนั้น ถือเป็นภาพประวัติศาสตร์ของประเทศไทยภาพหนึ่งที่มีการเผยแพร่มายาวนาน

ผลงาน ชัยโรจน์ มหาดํารงค์กุล

ผลงาน ศ.เกียรติคุณ ปรีชา เถาทอง

จนเป็นที่มาของ งานศิลปะ “บูรณาการสุนทรียศิลป์ กรุงรัตนโกสินทร์” ของศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทอง ที่กล่าวถึงการรังสรรค์งานโดยใช้แรงบันดาลใจมาจากภาพถ่ายเรือสุพรรณหงส์ของคุณชัยโรจน์ นำมารังสรรค์เป็นงานศิลปะภาพวาดที่บอกเล่าเรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีรากวัฒนธรรมในเรื่องของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยมีฉากหลังเป็นขุนเขา สายน้ำ ฝนหลวง และเขื่อนภูมิพลที่เป็นตัวแทนของชาติ มีภาพวัดวาอารามต่างๆที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงรัตโกสินทร์ที่เป็นตัวแทนของศาสนา และภาพพระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งทุกองค์ และเรือสุพรรณหงส์ที่เป็นตัวแทนของพระมหากษัตริย์ พร้อมส่วนประกอบในภาพอีกหลากหลายในภาพที่แสดงถึงความรุ่งเรื่องของกรุงรัตนโกสินทร์ที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกๆคน

ร่วมชื่นชมความงามของผลงานศิลปะอันทรงคุณค่า และเลือกซื้อผลงานที่ประทับใจเพื่อร่วมบริจาครายได้ให้กับองค์กรการกุศลในงาน นิทรรศการ “บูรณาการสุนทรียศิลป์ กรุงรัตนโกสินทร์”  ตั้งแต่วันนี้– 21 กันยายน 2568 ณ เอ็ม แกลลอรี่ ชั้น M ศูนย์การค้า เอ็มโพเรียม

“CC DOUBLE O Mix & Match(a)” รับฟรี! สเปเชียลเมนูจาก Flourist ที่ร้าน CC DOUBLE O ตลอด ก.ย.นี้

CC DOUBLE O (ซีซี ดับเบิลโอ) ผู้นำแฟชั่นสไตล์แคชชวลจัดกิจกรรม “CC DOUBLE O Mix & Match(a)” ต่อยอดประสบการณ์แฟชั่นสู่ไลฟ์สไตล์ที่ร่วมสมัยไปกับ “มัทฉะ” เครื่องดื่มสำหรับคนรักสุขภาพที่เป็นเทรนด์มาแรง โดยการคอลลาบอเรชั่นร่วมกับ Flourist ร้าน Specialty Matcha สุดฮิปในหมู่คนที่หลงใหลในมัทฉะ ด้วยการครีเอตสเปเชียลเมนู “Layer Cloud Matcha” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการตีความถึงตัวตนของ CC DOUBLE O ที่มีความหลากหลาย การเลเยอร์ที่เปรียบเหมือนการ Mix & Match เสื้อผ้าได้หลายสไตล์ แต่ยังคง Effortless เรียบง่าย มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนและน่าสนใจ ผสมผสานกับวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ จึงกลายเป็น Layer Cloud Matcha ที่ดื่มแล้วให้ความรู้สึก สดชื่น และ Uplift Mood เติมความมั่นใจให้ทุกวันธรรมดาของคุณพิเศษยิ่งขึ้น  สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า CC DOUBLE O รับฟรี! สเปเชียลเมนูหรือเมนูเครื่องดื่มจากร้าน Flourist จำนวน 1 แก้วที่ร้าน CC DOUBLE O (เฉพาะสาขาที่ร่วมกิจกรรม) ตลอดเดือนกันยายน 2568

 (จากซ้าย) หัชชนก ศักดิ์วิเศษชัยกุล, พลอย หอวัง และ ธัญญะกาญจน์ เครือหงส์

พลอย หอวัง และ Flourist Matcha House

ภายในงานเปิดตัวกิจกรรมได้รับเกียรติจาก พลอย หอวัง แฟชั่นไอคอนและแฟนตัวจริงเรื่องการดื่มมัทฉะ มาโชว์การเตรียม มัทฉะแก้วโปรดในสไตล์สุดชิค ทั้งนี้ แนวคิดของกิจกรรม “CC DOUBLE O Mix & Match(a)” คือการนำเอาแฟชั่นมารวมเข้ากับไลฟ์สไตล์ มัทฉะจึงเป็นแรงบันดาลใจหลักด้วยเทรนด์กระแสเครื่องดื่มสำหรับคนรักสุขภาพผสานเข้ากับเฉดสีเขียวในแฟชั่นอย่าง Pistachio Green, Dill Green, Emerald และ Sage ที่กำลังได้รับความนิยม สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์กับไอเทมชิ้นอื่นได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะจับคู่กับสีขาว ยีนส์ น้ำตาล หรือแม้แต่สีพาสเทลอย่าง Lilac และ Sherbet Pink ก็เพิ่มความสดใหม่ให้กับสีสันในชีวิตประจำวัน เปรียบเสมือนการเริ่มต้นวันด้วยมัทฉะแก้วโปรด

อีกหนึ่งความพิเศษของกิจกรรมในครั้งนี้คือการคอลลาบอเรชั่นร่วมกับ Flourist ร้าน Specialty Matcha สุดฮิป ที่ครีเอตสเปเชียลเมนู Layer Cloud Matcha ที่นำเอาความหอมหวานของมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว ผสมเข้ากับโอ๊ตมิลค์รสละมุน เพิ่มความเทรนด์ดี้ด้วยสาหร่ายสไปรูลิน่า ซุปเปอร์ฟู๊ดที่อุดมด้วยโปรตีนและสารต้านอนุมูลอิสระ ปิดท้ายด้วยมัสคาโปนชีสมัทฉะสุดเข้มข้น ก่อนเสิร์ฟพร้อมบุกเพิ่มความหนึบหนับและเพลิดเพลินในการเคี้ยว

ขอเชิญผู้สนใจร่วมกิจกรรม “CC DOUBLE O Mix & Match(a)” ได้ เพียงช้อปสินค้าภายในร้าน CC DOUBLE O (ไม่มีราคาขึ้นต่ำ) เลือกรับเมนูมัทฉะได้ 1 แก้ว (จำกัด 1 สิทธิ์ ต่อ 1 ใบเสร็จ) โดยมี 3 เมนูให้เลือกลิ้มลอง ได้แก่ สเปเชียลเมนู Layer Cloud Matcha หรืออีก 2 เมนูสุดฮิต Clear Matcha และ Matcha Latte ในร้าน CC DOUBLE O ตามวันและสาขาที่จัดกิจกรรม ได้แก่

วันที่ 20 - 21 กันยายน 2568 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว

วันที่ 27 - 28 กันยายน 2568 ณ สาขาเซ็นทรัลเวสเกต

วันที่ 4 - 5 ตุลาคม 2568 ณ สาขาเมกาบางนา

เติมความมั่นใจในแฟชั่นสไตล์แคชชวลไปกับมัทฉะแก้วโปรดของคุณกับกิจกรรม “CC DOUBLE O Mix & Match(a)” ได้ที่หน้าร้าน CC DOUBLE O สาขาที่ร่วมกิจกรรมตลอดเดือนกันยายน 2568 นี้

 

Tag: @cc_double_o @flourist.matchahouse @paloyh

Hashtag: #cc_double_o #MixAndMatcha #CCOOCasualConfidence

อัปเดตเทรนด์แฟชั่นล่าสุดของ “CC DOUBLE O” เพิ่มเติมได้ที่

Instagram: cc_double_o

Facebook: www.facebook.com/ccdoubleo

LINE Official Account: @ccdoubleo

Tiktok : ccdoubleo.official

MK เปิดตัว “MK Premium Buffet” กว่า 130 เมนู เริ่มต้นเพียง 499

MK ต่อยอดสร้าง MK Premium Buffet “บุฟเฟต์สุกี้พรีเมียม” เมนูครบ คุณภาพระดับ MK โดดเด่นด้วยวาไรตี้ มาพร้อมทั้ง เป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบ ติ่มซำ เครื่องดื่ม ของหวาน พร้อมเมนูสุกี้คุณภาพและเมนูซิกเนเจอร์ของ MK กว่า130 เมนู ราคาเข้าถึงง่าย เริ่มต้น 499 บาท ไม่มีบวกเพิ่ม ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มใหม่ที่มองหาความคุ้มค่าพร้อมคุณภาพ ประกาศปรับรูปแบบบุฟเฟต์ใหม่รวม 8 สาขาทันทีแบบไม่ต้องรอ

‘ครบกว่า’ กับเมนูที่ได้กว่า 130 เมนู และถือเป็นครั้งแรกที่พร้อมเสิร์ฟ ‘เป็ดย่าง MK’ แบบไม่อั้นแล้ว ตามเสียงเรียกร้องบนโซเชียล รวมทั้ง จิ่มซำ ที่หลากหลายขึ้น  พร้อมคัดสรรแต่เมนูเด็ดทั้ง เนื้อวากิว AUS ส่วนสะโพก, เนื้อวากิวญี่ปุ่นส่วนสันคอ, เนื้อวากิวออสเตรเลียชัคเทนเดอร์, หมูคุโรบูตะพรีเมียม, หมูอิโมะบูตะ, กุ้งลายเสือ, หอยเชลล์ญี่ปุ่น, กุ้งแม่น้ำ, ปลากะพง, ปลาแซลมอน, ลูกชิ้นปั้นสดหมู/ปู/กุ้ง, ข้าวหน้าและบะหมี่หยกเป็ดย่าง, หมูแดง, หมูกรอบ และยังมีบาร์ของทานเล่น เครื่องดื่ม ขนม และไอศกรีม นอกจากนี้ยังสามารถสั่งได้ถึง 4 ซุป ทั้งซุปต้นตำรับ, ซุปน้ำดำสไตล์ญี่ปุ่น, ซุปหม่าล่า และซุปต้มยำมันกุ้ง และมีบาร์น้ำจิ้มด้วย

 

‘ถูกกว่า ไม่มีบวกเพิ่ม’ ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 499 บาท แบ่งเป็น 3 ราคา เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า

- MK Lover 499 บาท ถูกใจคนรัก MK จัดเต็ม ทั้ง ติ่มซำ บะหมี่หมูแดงและหมูกรอบ กุ้งสด เนื้อนำเข้า และเมนูซิกเนเจอร์

- Premium Buffet 699 บาท บุฟเฟต์สุดพรีเมียม ถูกใจคนรัก บะหมี่หยกเป็ดย่าง ข้าวหน้าเป็ดย่างเอ็มเค เมนูสุกี้ พร้อมเสิรฟ เนื้อวากิวออสเตรเลีย หมูคุโรบุตะพรีเมียม พร้อมพาเหรดซีฟู้ด และชีสไม่อั้น ทั้งกุ้งแม่น้ำนำเข้า เนื้อนำเข้าห่อชีส ติ่มซำทอดสุดฮิต

- Ultimate Buffet 899 บาท ที่สุดของความพรีเมียมแบบอัพเลเวล ตามเสียงเรียกร้องของชาวโซเชียล ด้วยเป็ดย่าง MK จานเดี่ยวที่สั่งได้ไม่อั้น และยังมีหมูแดง หมูกรอบ เนื้อวากิวญี่ปุ่น ซีฟู้ดนำเข้าคุณภาพ และติ่มซำพรีเมียม พร้อมเมนู อื่น ๆ อีกเพียบ ซึ่งราคารวมค่าเครื่องดื่มและขนมหวานแล้ว ไม่มีบวกเพิ่ม

  

‘คุณภาพกว่า’ ตอบโจทย์ทุกความพรีเมียมและย้ำชัดเรื่องคุณภาพที่เป็นมาตรฐานของ MK ไม่มีลดเกรด

MK Premium Buffet มีถึง 8 สาขา ได้แก่ สาขา เมเจอร์รัชโยธิน, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เอสพลานาด รัตนาธิเบศร์, เอสพลานาด รัชดา, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, ซีคอน บางแค และ ศาลาแดง ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นได้เลย!

 

 ไอคอนสยาม ชวนชมนิทรรศการ “ศิลป์ไทย ฮีลใจ เพื่อสังคม”  วันนี้–25 ก.ย.นี้

ICONSIAM ขอเชิญชมงานนิทรรศการ “ศิลป์ไทย ฮีลใจ เพื่อสังคม”  นำเสนอผลงานศิลปะที่ทรงคุณค่าจากการสะสมยาวนานกว่า 20–30 ปี โดยศิลปินหลากหลายรุ่น อาทิ อาจารย์เรวัตร์ วงษ์ลา, อาจารย์จรัญ พานอ่อนตา, Manoon Tumsi พร้อมศิลปินชั้นนำอีกมากมาย  โดยผลงานหลากหลายชิ้นใช้ความงามของเพศหญิงเป็นสื่อกลางในการนำเสนอ ถ่ายทอดอารมณ์ ความละเอียดอ่อน และพลังแห่งความงาม ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสทั้งความงดงามทางศิลปะและแรงบันดาลใจจากพลังการแบ่งปัน นำเสนอผลงานด้วยเทคนิคของการใช้สีอะคริลิคบนผืนผ้าใบ และการแกะสลักไม้อย่างประณีต รวมถึงความงดงามของธรรมชาติบนผืนผ้าใบ และผลงานสุดพิเศษจากน้องๆออทิสติก

โดยรายได้จากการจำหน่ายภาพศิลปะส่วนหนึ่งนำไปสนับสนุนกิจกรรมของ กลุ่มเด็กออทิสติก จังหวัดพังงา เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ การเข้าสังคม และการใช้ชีวิตประจำวัน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์และการบำบัดเชิงศิลปะ ช่วยให้น้องๆ ได้แสดงออกถึงความสามารถ และก้าวสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ขอเชิญทุกท่านชมนิทรรศการ “ศิลป์ไทย ฮีลใจ เพื่อสังคม” ได้ตั้งแต่วันนี้ – 25 กันยายน 2568 ณ ชั้น 3 ไอคอนสยาม

ELLE Fashion Week 2025 กลับมาประกาศศักดาดีไซเนอร์ไทยอย่างยิ่งใหญ่ ณ ไอคอนสยาม

เตรียมกลับมาเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อ ELLE Fashion Week อีเวนต์แฟชั่นที่ทรงอิทธิพลและยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ประกาศกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีภายใต้ บริษัท แมส ดิจิทัล จำกัด ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ ELLE Thailand และ ELLE MEN Thailand สื่อแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก เตรียมสร้างปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ในวาระแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบการก่อตั้ง 80 ปี ของ ELLE ประเทศฝรั่งเศส ปักหมุด ณ ICONSIAM ภายใต้คอนเซปต์ LIFE - A Seed of Creativity, The Future of Fashion ที่เปรียบดั่งการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ให้เติบโตเป็นอนาคตแห่งโลกแฟชั่น สะท้อนภาพพลังที่เชื่อมั่นในความหลากหลาย เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์  และนิยามอีกมิติของแฟชั่นซึ่งขับเคลื่อนด้วยชีวิตและจิตวิญญาณของผู้คน ไม่ใช่เพียงเสื้อผ้าที่สวมใส่

ความยิ่งใหญ่ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรชั้นนำอย่าง Bobbi Brown แบรนด์เครื่องสำอางระดับโลกที่เชื่อมั่นเรื่องความสวยเรียบง่ายอย่างเป็นธรรมชาติ ให้คุณมั่นใจขึ้นในแบบที่คุณเป็น, Don Julio (ดอนฮูลิโอ) ลักชัวรี่เตกีล่าอันดับหนึ่งของโลกสำหรับทุกการเฉลิมฉลอง, Madame Fin น้ำหอมสัญชาติไทยที่รังสรรค์กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ นึกถึงความหอม นึกถึงมาดามฟิน, SLC Clinic & Hospital สถานเสริมความงามอันดับหนึ่งของไทยที่ได้รับการยอมรับ ด้วยประสบการณ์ของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 21 ปี และ XPENG Thailand (เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค ที่จะมาร่วมกันเนรมิตรันเวย์ให้สมบูรณ์แบบและผลักดันผลงานของเหล่าดีไซเนอร์แถวหน้าของประเทศ โดย ELLE Fashion Week 2025 จะจัดขึ้นอย่างตระการตาระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2568 ณ ลานริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม

อาลี ซีอานี 

บรรยากาศภายในงานแถลงข่าว เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2568 ณ สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม อบอวลไปด้วยพลังของแฟชั่นซึ่งสื่อสารผ่านกองทัพแขกผู้มีเกียรติและเหล่าคนดังในวงการ นำโดยแฟชั่นนิสต้าตัวแม่ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต พร้อมด้วยนักแสดงและนายแบบแถวหน้า อาทิ เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย, น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง, ลูกหมี-ปัญญาพัชร วังพงศ์สถาพร, ซอนญ่า-ศรัณย์ภัทร์ พีเดอร์เซน, เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์, ไบเบิ้ล-วิชญ์ภาส สุเมตติกุล, ฮาร์ท ชุติวัฒน์ จันเคน วง BUS, แมดดอค เดวีส์ วง DICE, ภีม-ธนัช ลิ้มปัญญากุล, จิงจิง-วริศรา ยู, มิ้นท์-ธิฌาน์ ธุระชน, ซี-เดชชาติ ทาศิลป์, คีน-สุวิจักขณ์ ปิยะนพโรจน์, อู๋-ธนบูรณ์ เกียรตินิรันดร์, บูม-ธราธร จันทรวรกาญจน์, บาส-อัศวภัทร์ ผลพิบูลย์, ปิง โอบนิธิ ลีลาเวชบุตร, นัท-ศุภณัฐ เลาหะพานิช, โฟล์ค-วชิรวิทย์ อุ้ยตยะกุล, พีค-วีรภัทร ยั่งยืนสกุลเดช, ภพ-ปองภพ สำราญชัยกร, แฟร์-คมธรรศ พิเชฐไพศาล, ดีดี-ขวัญภูมิ เสริมศิริมงคล ฯลฯ โดยมี อาลี ซีอานี และ แพม เทียน ตัวแทนทีมผู้บริหารจาก บริษัท แมส ดิจิทัล ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

อาลี ซีอานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมส ดิจิทัล จำกัด กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในปีนี้ว่า "ELLE Fashion Week ครั้งที่ 27 นี้ มีความพิเศษอย่างยิ่ง เพราะจัดขึ้นในวาระที่ ELLE สื่อแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ทรงอิทธิพลของโลก มีอายุครบ 80 ปี และตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษของ ELLE Thailand เราได้ร่วมสร้างภูมิทัศน์แฟชั่นของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และเปิดโอกาสให้นักออกแบบคลื่นลูกใหม่ได้แสดงศักยภาพอย่างไร้ขีดจำกัด ELLE ได้จุดประกายเส้นทางอาชีพของดีไซเนอร์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วนับไม่ถ้วน ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและผลักดันนวัตกรรมแฟชั่นไทยอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เราจึงตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เฉลิมฉลองการผสมผสานระหว่างมรดกอันล้ำค่าและนวัตกรรมแห่งอนาคต ผ่านผลงานการออกแบบอันน่าทึ่ง ที่จะสะท้อนความหลากหลายและความคิดสร้างสรรค์อันเป็นหัวใจของดีไซเนอร์ไทย นอกจากนี้ เรายังมีโชว์พิเศษจาก ELLE MEN นำเสนอเทรนด์และสไตล์ล่าสุดที่นิยามความเป็นผู้ชายสมัยใหม่ได้อย่างน่าจับตามอง"

พร้อมกันนี้ อาลี ซีอานี ยังได้กล่าวถึงการเลือกไอคอนสยามเป็นสถานที่จัดงานว่า "แม่น้ำเจ้าพระยาคือสัญลักษณ์ของชีวิตและวัฒนธรรมไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก และไอคอนสยามก็คือแลนด์มาร์กอันโดดเด่นที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก พื้นที่แห่งนี้เปี่ยมด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันรุ่มรวย มีเสน่ห์ และทันสมัยจึงเป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับการเฉลิมฉลองแฟชั่นและศิลปะของเรา โดยเฉพาะกับในปีที่สำคัญของ ELLE"

สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล

สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด  กล่าวถึงการกลับมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ "ในฐานะพาร์ทเนอร์หลักของ ELLE Fashion Week ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ไอคอนสยามพร้อมที่จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้กับวงการแฟชั่นไทย เพื่อตอกย้ำถึงพันธกิจของไอคอนสยามในการเป็น Global Experiential Destination อย่างแท้จริง การใช้ศักยภาพของพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสถานที่จัดงานทำให้เราสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ผสมผสานศิลปะการออกแบบเข้ากับทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำได้อย่างลงตัว สร้างเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างประสบการณ์ระดับโลก อีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญที่สุดของไอคอนสยามคือการเป็นแพลตฟอร์มที่สนับสนุนและผลักดันดีไซเนอร์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ผ่านการแสดงแฟชั่นโชว์ของ ICONCRAFT ซึ่งในปีนี้นำเสนอผลงานที่สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และเรื่องราวของความเป็นไทยได้อย่างโดดเด่น เราเชื่อว่าการมอบโอกาสและพื้นที่ให้ดีไซเนอร์ไทยได้แสดงศักยภาพอย่างต่อเนื่องจะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับวงการแฟชั่นไทยให้เติบโตและเป็นที่ยอมรับในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน และความสำเร็จของการจัดงานนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันว่าไอคอนสยามพร้อมที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศผ่านอุตสาหกรรมแฟชั่น การท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่”

Thai Designer

การกลับมาของ ELLE Fashion Week ในปีแห่งการเฉลิมฉลองนี้ ย่อมมาพร้อมกับเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ นอกจากโชว์หลักที่อัดแน่นด้วยผลงานของ 12 แบรนด์ดีไซเนอร์ชั้นนำของประเทศ ได้แก่ THEATRE, Hook’s by Prapakas, LA BOUTIQUE, ICONCRAFT, TandT, NICHp, STUDIO UNKNOWN, EVERYWEEK.OUTFIT, HEIDI’S SECRET X LOPTEL, SILHOUETTE, MERGE, RENIM PROJECT, BLACKSUGAR และโชว์พิเศษจาก ELLE MEN ที่จะมาร่วมถ่ายทอดมิติใหม่ของโลกแฟชั่นบุรุษที่น่าจับตามอง โดยเป็นการรวมพลังของ 12 สุดยอดแบรนด์เมนส์แวร์และยูนิเซ็กส์ของไทย ปีนี้ ELLE MEN ได้นำเสนอแฟชั่นโชว์พิเศษภายใต้คอนเซปต์ ‘Boy Scouts’ การตีความใหม่ที่ไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงในกรอบเดิม แต่สะท้อนภาพชายหนุ่มยุคใหม่ ผู้รักการผจญภัย กล้าลองสิ่งใหม่ มีความคิดสร้างสรรค์ และใส่ใจในความยั่งยืน โชว์ครั้งนี้ได้รวบรวมแบรนด์เสื้อผ้าบุรุษชั้นนำของไทยกว่า 12 แบรนด์ มาร่วมรังสรรค์กว่า 35 ลุค ที่ได้แรงบันดาลใจจากเทรนด์ Spring/Summer 2026 ถ่ายทอดผ่านบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยพลัง ความสนุก และพร้อมจะเปิดบทสนทนาใหม่ให้กับวงการ Menswear อย่างแท้จริง

 

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่และอัปเดตทุกความเคลื่อนไหวในโลกแห่งแฟชั่นและไลฟ์สไตล์กับ ELLE Fashion Week 2025 พร้อมติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดได้ทุกช่องทางของ ELLE Thailand ช่องทางออนไลน์ ellethailand.com

Instagram: @ellethailandofficial, Facebook: facebook.com/ellethailandmagazine, X: x.com/ELLEThailand, TikTok: https://www.tiktok.com/@ellethailand และ ELLE MEN Thailand ช่องทางออนไลน์ ellementhailand.com, Instagram: @ellementhailand, Facebook: facebook.com/ellementhailand, X: x.com/ellementhailand, TikTok: tiktok.com/@ellementhailand

เคลพอทคิง Claypot King จับเทรนด์สังคมสูงวัย ชู "เมนูหม้อดิน" ตอบโจทย์อาหารสุขภาพ

ปี 2568 ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ โดยมีผู้สูงอายุราว 1 ใน 5 ของประชากร ซึ่งมักเผชิญปัญหาสุขภาพและต้องการอยู่กับครอบครัวมากกว่าการเข้าสังคม ส่งผลให้ตลาดอาหารและเครื่องดื่มต้องปรับตัว เน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสุขภาวะกายและใจ (Healthy Ageing)  เกือบ 50% ของผู้สูงอายุไทยมองว่าอาหารเพื่อสุขภาพเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอาหารทั่วไป ธุรกิจที่เข้าใจคนรุ่นพ่อแม่และปู่ย่าตายายจึงได้เปรียบ ทั้งในด้านเมนูที่ทานง่าย ดีต่อสุขภาพ บรรยากาศอบอุ่น และประสบการณ์การกินที่ชวนให้ออกมาพบปะกันมากขึ้น ขณะเดียวกันงานวิจัยยังพบว่า “การออกมาทานอาหารนอกบ้านสัปดาห์ละครั้ง” กับครอบครัวหรือเพื่อน ช่วยเติมความสุขและลดความจำเจ โดยผู้สูงอายุให้ความสำคัญกับรสชาติ คุณภาพ ความคุ้นเคย และการบริการที่ดีเป็นพิเศษ

(ที่ 1 จากซ้าย) ธาดา จารุธนเดช  ผู้บริหารเคลพอทคิง 

คุณธาดา จารุธนเดช  ผู้บริหารเคลพอทคิง กล่าวว่า “เคลพอทคิง (Claypot King)” ร้านอาหารจีนต้นตำรับ ที่คำนึงถึงความสุข และดีต่อสุขภาพ เอื้อให้ผู้สูงวัยอยากลุกจากโซฟา ออกจากบ้าน มานั่งทานอาหารด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา “ร้านโตมากับครอบครัวที่รักการทำอาหาร ทุกมื้อต้องมีน้ำซุปหม้อใหญ่ตั้งอยู่กลางวงทานข้าวเสมอ” หนึ่งจุดเด่นของร้านที่ทำให้ครอบครัว อากง อาม่า และลูกหลาน ได้ทานข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะเป็นเมนูอาหารหลักที่คุ้นเคย มีวิธีการปรุงที่พิถีพิถันในหม้อดินที่คุมความสุกที่พอดี ทำให้เนื้อสัมผัสนุ่ม ใช้ภูมิปัญญาสมุนไพรในการออกแบบเมนูอาหาร กลิ่นข้าวหอมอบอวล กินร่วมกันได้บนโต๊ะเล็ก ๆ อย่างใกล้ชิด ทำให้เข้าถึงสไตล์ที่ผู้สูงวัยและครอบครัวชื่นชอบ เพราะได้ลองอาหารหลากหลายจานโดยไม่หนักท้องเกินไป ทั้งยังมีปฏิสัมพันธ์กันบนโต๊ะอาหารอีกด้วย เคลพอทคิงจึงเป็นธุรกิจอาหารที่จับ “เมกะเทรนด์สูงวัย” ได้อย่างชัดเจน มีจุดแข็งด้านรสชาติ สุขภาพ และประสบการณ์ที่จับใจผู้สูงวัย พร้อมเป็นต้นแบบธุรกิจที่ต่อยอดได้ในเศรษฐกิจสีเงิน (Silver Economy) ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่า “มื้ออาหาร” สามารถต่อยอดเป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่ยั่งยืนได้

ทำไมเคลพอทคิง (Claypot King) ถึงตอบโจทย์สังคมสูงวัย

- เมนูหม้อดินคุ้นเคย รสชาติต้นตำรับ คุ้นเคย เหมือนได้ทานรสมือแม่ ด้วยสไตล์อาหารจีนกวางตุ้ง/ไหหลำที่คนไทยรุ่นใหญ่คุ้นปาก ดูธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความพรีเมี่ยม อาหารอบจนร้อนกำลังดี ข้าวร่วนแต่ชุ่ม ซึมซอส ทำให้ทานง่าย เหมาะกับผู้สูงอายุ

- อาหารแชร์ได้ หม้อดิน 1 ใบแบ่งทานได้ 2–3 คนสอดคล้องกับพฤติกรรมครอบครัวไทยที่ชอบสั่งหลากหลายแล้วแบ่งกันชิม “สั่งหลากหลาย-ชิมหลายอย่าง”

- ทานง่าย ไม่ซับซ้อน มีเมนูพร้อมภาพ ขนาดตัวอักษรใหญ่ ตัดสินใจง่ายสำหรับผู้สูงวัย

- สุขภาพมาก่อน ซุปตุ๋นบำรุงที่ใช้การตุ๋นด้วยไฟอ่อนๆ นาน 6 ชั่วโมง ไก่ตุ๋นโสม ไก่ดำตุ๋นยาจีน กระเพาะปลาสดตุ๋นหม้อดิน

เมนูที่ดึงดูดใจทั้งครอบครัว

เรียกได้ว่า “ถูกใจผู้สูงวัย แต่คนรุ่นใหม่ก็ติดใจ” ด้วยความที่เป็นร้านอาหารจีนในรูปแบบ Home Cook ของครอบครัวไทยเชื้อสายจีน ภายใต้แนวคิด 'อร่อยและมีประโยชน์' และสามารถดึงผู้สูงวัยออกจาก “บ้าน” แต่ยังให้ความอบอุ่นเหมือนกินข้าวอยู่บ้าน  มีเมนูแนะนำที่ผู้สูงวัยถูกใจ อย่าง ข้าวอบไก่หม้อดิน กับกุนเชียง และเห็ดหอมจานซิกเนเจอร์ของร้าน ใช้ข้าวหอมมะลิ ผสานไอน้ำจากหม้อดิน เนื้อไก่นุ่ม กุนเชียงหวานเค็มตัดกันดีเหมาะเป็น “จานกลาง” ให้ทุกวัยทั้งครอบครัว ซุปบำรุงตุ๋น 6 ชั่วโมง ซุปเช็งๆ บำรุง  แบ่งทานได้ 3–4 ถ้วย ช่วยบาลานซ์มื้อที่มีคาร์บจากข้าว เหมาะกับครอบครัวเป็นอย่างมาก

เชื่อมสองเจเนอเรชัน

ในยุคที่ผู้สูงวัยมองหาอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ก็ยังโหยหารสชาติที่คุ้นเคย นอกจากผู้สูงวัย เคลพอทคิงยังจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสัมผัสรสชาติอาหารจีนต้นตำรับในบรรยากาศร่วมสมัย ร้านจึงกลายเป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างคนสองเจเนอเรชันบนโต๊ะอาหารเดียวกัน ทำให้ตลาดไม่ถูกจำกัดแค่ผู้สูงวัย แต่ครอบคลุมไปถึงครอบครัวและนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมการกินแบบจีนดั้งเดิม และ “ทำให้การออกจากบ้านเป็นเรื่องง่าย” ได้ใจคนรุ่นพ่อแม่ เพราะรสชาติที่คุ้นเคย คุณธาดา กล่าวทิ้งท้าย

เคลพอทคิง จึงเป็นหนึ่งร้านในเยาวราชที่ “เชื่อมยุค” ได้ดี ทั้งคนรุ่นใหม่ที่อยากลองของทานอาหารต้นตำรับ และผู้สูงวัยที่อยากทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้มื้อเย็นของครอบครัวกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง

เคลพอทคิง ตั้งอยู่ใจกลางเยาวราช เดินทางสะดวกด้วย MRT วัดมังกร (ออก 1 แยกแปลงนาม) หรือสามารถจอดรถได้ที่ห้าง I’m Chinatown เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น. สาขา เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์  เปิดทุกวัน 10.00-21.00 น. สำรองที่นั่ง โทร 092-710-5000

ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ชวนร่วมงานเสวนา "ชินริงโยคุ การอาบป่าเพื่อสุขภาพ" 27 ก.ย.นี้

ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ร่วมกับ CU D4S  คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ  และสำนักพิมพ์จุฬาฯ  ขอเชิญร่วมงานเสวนาเรื่อง  "ชินริงโยคุ การอาบป่าเพื่อสุขภาพ และความผ่อนคลาย ในวิถีทางแบบญี่ปุ่น" ภายใต้งาน Bangkok Climate Action Week (BKKCAW)   เรียนรู้แนวคิดธรรมชาติบำบัด  Forest Bathing (Shinrin-yoku) การอาบป่าแบบญี่ปุ่น สัมผัสธรรมชาติ  เชื่อมโยงสุขภาวะกายและใจ              

พบกับ ผู้เขียน Prof. Yoshifumi Miyazaki  Author of the book ShinrinYoku   Center for Environment, Health and Field Sciences, Chiba University ร่วมด้วย ผู้แปล ผศ.ดร.กนกวลี สุธีธร อาจารย์ประจำภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวิทยากร คุณพีชญา (เจนนี่) กองจำปา ไกด์อาบป่า เพจ Trees Say something  พร้อมแขกพิเศษ คุณทิพวัน ถือคำ บ้านกลางป่า Forest Bathing Base

จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2568 เวลา 13.00-15.30 น. ณ  Coworking space ชั้น 1  คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่เสียค่าใช้จ่าย !!! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2218-9893-5

“found ช้อปฟิน IN JK” ส่งท้ายแคมเปญสุดปัง แจกครบ 111 รางวัล มูลค่ากว่า 2 ล้าน เตรียมบินฟินญี่ปุ่น–เกาหลี!

found & found ร่วมส่งท้ายความฟินกับแคมเปญพิเศษ ที่ชวนนักช้อปร่วมลุ้น บินลัดฟ้าฟรี ไปช้อปฉ่ำที่ ญี่ปุ่น เกาหลี กับเที่ยวบิน “found ช้อปฟิน IN JK” เพื่อฉลองครบรอบ 1 ปีของแบรนด์อย่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยโมเมนต์แห่งความสุข โดยได้ผู้โชคดีครบทั้ง 111 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นทริปบินฟรีญี่ปุ่น 10 รางวัล และเกาหลี 10 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง รวม 40 ที่นั่ง และ E-voucher 500 บาท 91 รางวัล รวมทั้งสิ้น 111 รางวัล ซึ่งได้ทยอยจับรางวัลและประกาศผลไปแล้วอย่างเป็นทางการ

ตลอดระยะเวลาแคมเปญ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 - 31 สิงหาคม 2568  มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจากการซื้อสินค้าที่ร่วมรายการในร้าน found & found ครบทุก 690 บาท เพื่อรับสิทธิ์ลุ้น 1 สิทธิ์เป็นจำนวนมาก มีการจับรางวัลทั้งหมด 3 รอบ คือ รอบแรกวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 รอบที่สอง วันที่ 11 สิงหาคม 2568 และรอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 ที่บรรดาเหล่านักช้อปต่างติดตามลุ้นผลกันอย่างใกล้ชิด โดยผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลใหญ่กำลังเตรียมแพ็กกระเป๋าออกเดินทางไปเช็กอินแลนด์มาร์กสุดฮอตและช้อปบิวตี้       ไอเทมต้นตำรับถึงประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีในเร็ว ๆ นี้

คุณณัฐพล ชูจิตารมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด เปิดเผยว่า “แคมเปญ ‘found ช้อปฟิน IN JK’ ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนการเติบโตของ found & found ในฐานะแบรนด์น้องใหม่ที่ตั้งใจนำพลังของความเป็น J/K Beauty มาใกล้ชิดผู้บริโภคไทยมากขึ้น โดยตลอดระยะเวลาแคมเปญกว่า 2 เดือน มีลูกค้าให้การตอบรับและเข้าร่วมกิจกรรมอย่างอบอุ่น สิ่งนี้ยืนยันว่าแบรนด์ของเรากำลังเดินมาถูกทางในการสร้างพื้นที่บิวตี้เดสติเนชันที่ครบ จบ และสนุกในที่เดียว ในโอกาสนี้ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามีกำลังใจเดินหน้าสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ ๆ พร้อมเติมเต็มความสุขและแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักสุขภาพและความงามต่อไป”

ติดตามรายชื่อผู้โชคดีได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1BFyXP98iB/  พร้อมพบกับประสบการณ์บิวตี้รูปแบบใหม่สไตล์ J/K Beauty เจอครบ จบที่ found & found พร้อมติดตามสินค้าใหม่และกิจกรรมอื่น ๆ ได้ตลอดทั้งปีผ่าน Facebook: foundnfound.official, IG: found.n.found, LINE Official Account: @foundnfound หรือคลิก https://bit.ly/foundnfound-line แล้วมาร่วมสร้างโมเมนต์ความสุขไปด้วยกันกับเรา

 

#foundnfound #genderless #SimpleEasyEverySkin #สินค้าเครื่องสำอาง #สินค้าสุขภาพ #เครื่องสำอางญี่ปุ่นเกาหลี #foundช้อปฟินINJK #ฟินให้สุดทุกโมเมนต์

 

เจาะลึก! บทความ SEO คืออะไร? แชร์กลยุทธ์การตลาดออนไลน์และเคล็ดลับที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม

ในยุคดิจิทัลที่การสื่อสารและการทำธุรกิจส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ การสร้างบทความ SEO คือหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกแบรนด์ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ถูกค้นเจอมากขึ้น แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว

บทความ SEO คืออะไร

บทความ SEO คือเนื้อหาที่ถูกออกแบบและเขียนขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับตามหลักการทำงานของโปรแกรมค้นหา (Search Engine) เช่น Google โดยใส่คีย์เวิร์ด (Keyword) ที่ผู้คนค้นหาจริง ผสมกับการเล่าเรื่องและการให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ ทำให้มีโอกาสติดอันดับต้นๆ บนหน้าผลการค้นหา อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็น Brand Awareness ในการสื่อสารข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ตั้งแต่ช่วงค้นหาข้อมูลเบื้องต้น ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ ส่งผลให้ผู้เข้าชมมีคุณภาพและมีโอกาสเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้อย่างยั่งยืนมากกว่าช่องทางอื่น

นอกจากนี้ บทความ SEO สร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ ผ่านการนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณภาพ มีแหล่งอ้างอิง และตอบโจทย์ผู้อ่านได้จริง เมื่อผู้อ่านรู้สึกว่าได้ประโยชน์ ก็จะอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้น แชร์ต่อ หรือกลับมาเยี่ยมชมซ้ำ พฤติกรรมเหล่านี้ เช่น เวลาในการอ่าน อัตราการคลิก และการแชร์ ล้วนเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ช่วยให้ Search Engine ประเมินเว็บไซต์ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ที่สร้างคุณค่าได้ในระยะยาว

 

คุณสมบัติหลักของบทความ SEO ได้แก่

- มีคีย์เวิร์ดตรงกลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ดคือคำหรือประโยคที่ผู้คนค้นหาใน Google หากเลือกคีย์เวิร์ดได้ตรงกับความสนใจและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้บทความมีโอกาสติดอันดับและดึงดูดคนที่ “ใช่” เข้ามายังเว็บไซต์

- โครงสร้างเนื้อหาชัดเจน Google ให้ความสำคัญกับโครงสร้างบทความที่เป็นระเบียบ  ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อย่อย หรือ Bullet points เพราะช่วยให้เข้าใจได้ว่าบทความนี้เกี่ยวกับอะไร และตอบโจทย์คำค้นหาแค่ไหน ในขณะเดียวกัน ผู้อ่านก็อ่านง่ายขึ้น ไม่รู้สึกว่าเป็นบล็อกยาวๆ ที่น่าเบื่อ

- มีคุณค่ากับผู้อ่านจริง ไม่ใช่เน้นยัดคีย์เวิร์ด บทความที่ดีต้อง “ตอบโจทย์” คนอ่าน เช่น ให้ข้อมูลที่ค้นหา แก้ปัญหาได้จริง หรือให้มุมมองใหม่ๆ ไม่ใช่เขียนเพื่อใส่คีย์เวิร์ดอย่างเดียว เพราะ Google สามารถตรวจจับได้ว่าบทความไหนคุณภาพต่ำ และอาจทำให้เว็บไซต์ถูกลดอันดับได้

- อ่านง่ายและน่าเชื่อถือ บทความที่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย กระชับ และไม่ซับซ้อนเกินไป จะช่วยให้ผู้อ่านอยู่ในหน้านานขึ้น อีกทั้งการใส่ข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งที่เชื่อถือได้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ทำให้ Google มองว่าเป็นคอนเทนต์คุณภาพสูง

 

4 กลยุทธ์ทำการตลาดออนไลน์ยุคใหม่ด้วยบทความ SEO

SEO ไม่ใช่เพียงเรื่องของ “การเขียนบทความ” แต่เป็นกลยุทธ์ที่ผสานกับการตลาดออนไลน์ในหลายมิติ

1. Content Marketing และ SEO

เน้นสร้างบทความที่ตอบโจทย์ปัญหาหรือความต้องการของลูกค้า เช่น วิธีเลือกสินค้า การแก้ไขปัญหา รีวิว เปลี่ยนจากการขายตรงๆ เป็นการ “ให้คุณค่า” ก่อน

2. ใช้ Data วิเคราะห์คีย์เวิร์ด

การเลือกคีย์เวิร์ดไม่ใช่แค่ดูยอดค้นหาเยอะ แต่ต้องวิเคราะห์ว่า เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย และมีโอกาสสร้างยอดขายหรือการเข้าชมจริง

3. SEO และ Social Media

การแชร์บทความ SEO คืออีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่จะช่วยเผยแพร่บทความได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้แพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook, X, LinkedIn ช่วยเพิ่มการเข้าถึง และเสริมให้ Google มองว่าเนื้อหานั้นมีความน่าเชื่อถือ

4. Local SEO

สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้าน การทำ SEO ให้ติดในพื้นที่ เช่น ร้านกาแฟใกล้ฉัน หรือ คลินิกเสริมความงาม กรุงเทพ ช่วยเพิ่มโอกาสเจอลูกค้าในพื้นที่จริง

 

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จทางออนไลน์ที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม

หัวใจของบทความ SEO คือคุณภาพมากกว่าปริมาณ บทความที่มีสาระและตรงใจผู้อ่านย่อมสร้างผลลัพธ์ยั่งยืนกว่าการผลิตเนื้อหาจำนวนมาก นอกจากนี้ การอัปเดตบทความเก่าให้ทันสมัยก็ช่วยให้เว็บไซต์ดูมีความเคลื่อนไหวและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

การใช้ภาพหรือวิดีโอเสริมทำให้บทความน่าสนใจและช่วยให้ผู้อ่านอยู่บนหน้าเว็บนานขึ้น ขณะเดียวกัน การจัดวาง Internal link และ External link อย่างเหมาะสมก็ช่วยทั้งเพิ่มคุณค่าให้ผู้อ่านและสร้างความน่าเชื่อถือให้คอนเทนต์

ท้ายที่สุด แบรนด์ควรติดตามผลและปรับกลยุทธ์เสมอ ด้วยเครื่องมืออย่าง Google Analytics หรือ Search Console เพื่อรู้ว่าเนื้อหาแบบไหนได้ผล และนำมาพัฒนาต่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

บทความ SEO ไม่ใช่แค่การ “เขียนให้ติดอันดับ” แต่คือการสร้างเนื้อหาที่ทั้ง Google และผู้อ่านรัก การผสมผสานกลยุทธ์ SEO เข้ากับการตลาดออนไลน์ยุคใหม่ จะช่วยให้แบรนด์มีโอกาสโดดเด่นเหนือคู่แข่ง พร้อมสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงในระยะยาว และหากธุรกิจต้องการมืออาชีพด้านการทำ SEO อย่างจริงจัง Minimice Group คือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์รับเขียนบทความ SEO ครบวงจร ทั้งการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด วางกลยุทธ์ และผลิตคอนเทนต์คุณภาพ ที่ตอบโจทย์ทั้งการติดอันดับบน Google และการสื่อสารที่เข้าถึงผู้อ่านอย่างแท้จริง!