นายกฯ เผย ครม. เสนอแผนจัดการฝุ่น PM2.5 พร้อมอนุมัติงบกลาง 620 ล้าน แก้ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า แนะ “ธนาธร” หาข้อมูลเพิ่ม หลังว่า รบ. มีแต่สั่ง

เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 28 ม.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.นำเสนอแผนการจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยแต่ละกระทรวงจะทำแยกกันไป ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้รับมือภัยพิบัติในครั้งนี้ ออกประกาศห้ามเผาให้มีการบริหารจัดการซังข้าวโพด ต้นอ้อยแห้ง ให้ใช้วิธีการฝังกลบแทนการเผา ทำปุ๋ยอินทรีย์ และการใช้เครื่องแพคฟาง ตลอดจนร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเตรียมรับมือดับไฟป่า ขณะที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดูแลกลุ่มเปราะบางต่างๆโดยการให้หน้ากากอนามัย N95 และห้องคลีนรูมหรือห้องปลอดเชื้อเพื่อให้ผู้ป่วยและเด็กเล็กใช้บริการ 

 

นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ปฏิบัติการเชิงรุกที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้งบกลางที่จัดสรรในการจัดจ้างบุคคลากรเข้ามาดูแลพื้นที่ ที่มีไฟป่า ทั้งนี้ครม. อนุมัติงบกลางปี 2568 ภายใต้มาตรการรับมือไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 วงเงิน 620 ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ  ซึ่งได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า และเร่งมือในการแก้ไขปัญหาและป้องกันสถานการณ์ฝุ่นควันที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ 

 

นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องไม่ให้มีการเผาทุกพื้นที่การเกษตร ซึ่งถ้าหากพบเจอจะตัดการสนับสนุนเงินเยียวยาจากรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.68 ถึง 31 พ.ค.69 นอกจากนี้ยังมีการใช้ปฏิบัติการฝนหลวงในการลดฝุ่นละอองในอากาศ ด้านกระทรวงคมนาคม อย่างที่ทราบว่ามีมาตรการให้ขึ้นรถเมลล์และรถไฟฟ้าฟรี 7 วันเพื่อเป็นการลดฝุ่น ซึ่งมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นอีกมาก โดยสำรวจแล้วพบว่ารถบนท้องถนนลดลง 500,000 คันต่อวัน ช่วงนี้จึงรู้สึกได้ว่าในกทม.รถติดน้อยลงคงเป็นมาตรการนี้ช่วยได้เยอะ 

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งขอความร่วมมือโรงงานและสมาคมชาวไร่อ้อยไม่ให้รับอ้อยที่มาจากการเผาเกิน 25%ต่อวัน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมปฏิบัติอย่างจริงจังและได้ผลเป็นอย่างดี สถิติเหลือเพียง 10%ต่อวัน และทุกโรงงานน้ำตาลให้ความร่วมมืออย่างดี นอกจากนี้การไม่เผาทำให้ใบอ้อยมีมูลค่ามากขึ้น เพื่อนำไปขายกับโรงงานที่ใช้ผลิตพลังงาน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมมือกับอาเซียนทำความร่วมมือกับลาว กัมพูชา เมียนมา และกรอบความร่วมมือในประเทศภูมิภาคเอเชียและร่วมมือกับกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ร่วมมือทางด้านเทคนิคว่าเทคโนโลยีของแต่ละประเทศมีอะไรสามารถสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ 

 

เมื่อถามว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่ารัฐบาลมีแต่การสั่งงานแต่ยังไม่เห็นการติดตามงานหรืออะไรที่เป็นรูปธรรมจากสิ่งที่ได้สั่งไปแล้ว นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่ได้รายงานไป ทุกกระทรวงมีการติดตามอย่างใกล้ชิด ก็เป็นงานของรัฐบาล และแต่ละกระทรวงที่ต้องตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดยังไงก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในแต่ละกระทรวงที่แจ้งไว้ 

 

“การได้รับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านจะเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วขึ้นแน่นอน อย่างฝุ่นของประเทศเราตอนนี้ถ้าดูจากจุดความร้อนของเราคือดีขึ้นอย่างเห็นได้ใช้ ซึ่งต้องขอความร่วมมือกันต่อไป และอย่างที่บอกว่าฝุ่นอยู่ในอากาศลมพัดมาลมพัดไป  จากเรามาหาเขา จากเขามาหาเรา มันก็ทำให้ส่งผลกระทบทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องอาศัยความร่วมมือ และถ้าได้ความร่วมมือก็เกิดผลเร็วแน่นอน” นายกฯกล่าว

"เอกนัฏ" ย้ำมาตรการรง.รับซื้ออ้อยไม่เผา พร้อมจ่ายเงินชดเชยเกษตรกร เตรียมคุย "ก.พลังงาน" รับซื้อกากอ้อย-ใบสดผลิตไฟฟ้า

 

วันที่ 27 ม.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงมาตรการรับซื้ออ้อยของโรงงานต่างๆว่า ได้มีการทำข้อตกลงสร้างกติกาให้โรงงานรับอ้อยเผาในแต่ละวันไม่เกิน 25% ซึ่งจากข้อมูลปัจจุบันไม่มีโรงงานใดใน 58 โรงงาน รับอ้อยเผาต่อวันเกินกว่าที่กำหนด เฉลี่ยสุดท้ายอยู่ที่ 10-11% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมาตรการช่วยเหลือ คือจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรที่ตัดอ้อยสด ให้ตันละ 120 บาท แต่มาตรการดังกล่าวนั้นสิ้นสุดลงไปแล้ว โดยได้มีการเสนอมาตรการใหม่เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการอุดหนุนทั้งการตัดอ้อยสดและรวบรวมใบอ้อยส่งโรงงาน รวมแล้วอยู่ที่ตันละ 120 บาท

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขณะเดียวกันยังมีการสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ทางการเกษตร โดยได้มีการพูดคุยกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อนำกากอ้อยและใบไปผลิตไฟฟ้า

นายเอกนัฏ กล่าวว่า เกษตรกรคงไม่มีการเผาอ้อยเพื่อท้าทายรัฐบาล และไม่มีโรงงานใดกล้าฝ่าฝืนมาตรการการรับซื้ออ้อย แต่การเผาไร่อ้อยนั้น ยอมรับว่ายังมีอยู่บ้าง บางพื้นที่เป็นอุบัติเหตุ แต่ในบางพื้นที่เครื่องจักรเข้าไม่ถึง ทำให้ต้องมีการเผา ผู้รับเหมาตัดอ้อยยังยึดติดกับวิธีเดิมๆ หากยังคงมาตรการเช่นนี้จนถึงสิ้นฤดูกาลปลายเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้จะสามารถช่วยเซฟพื้นที่การเกษตร และการเผาในพื้นที่โล่งเป็นล้านไร่ ซึ่งอย่างไรก็ตาม เราจะดำเนินการอย่างเข้มงวด และหลังจากนี้จะต้องมีการออกแบบระบบอย่างยั่งยืนยืน เพราะไม่ชอบการแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะหน้า หรือปลายเหตุ

"ธีรรัตน์" บอกใครทำอะไรได้ให้ช่วยกัน หลังถูกวิจารณ์ เท 140 ล้านขึ้นรถไฟฟ้าฟรี ผุดไอเดีย "ป้ายรถเมล์ติดแอร์" แก้ฝุ่น

 

วันที่ 27 ม.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5  ในพื้นที่กรุงเทพฯว่า เรื่องนี้เรานำมาเป็นวาระแห่งชาติ และนำข้อมูลต่างๆมาป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ได้ดำเนินการมาทุกระดับ ซึ่งในส่วนของกทม.นั้น เราให้สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(สก.) ไปแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน ที่เป็นการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน วันนี้สภาพอากาศดีขึ้นแล้ว มีลมแรงทำให้พัดฝุ่นที่ปกคลุมไป และฟ้าเปิด ซึ่งปีนี้ปัญหาเรื่องฝุ่น มีระยะสั้นลงกว่าปีที่แล้ว

ในส่วนของมหาดไทยได้มีการเน้นย้ำกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่ลงพื้นที่ ให้ดูเรื่องของการป้องกันฝุ่น ให้ทำความเข้าใจกับเกษตรกร เรื่องการเผาหญ้า และเตรียมพื้นที่การทำเกษตรต่างๆ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการมหาดไทยได้ประกาศไปแล้วว่าจังหวัดไหนที่มีการเผา และขาดความระมัดระวัง มีการฝ่าฝืนมาตรการที่ออกไป อาจต้องพูดคุยกันในเชิงลึก 

ทั้งนี้ในส่วนของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่ได้ควบคุมเรื่องไซต์งานก่อสร้าง ที่ยังพบว่ามีผู้ประกอบการบางรายไม่ใช้สแลนในการปิดพื้นที่ ซึ่ง สก.ก็ได้ลงพื้นที่ดำเนินการทำความเข้าใจและกำชับกับผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตามหากประชาชนพบเห็นการเผาหญ้า หรือสิ่งต่างๆที่ทำให้เกิดมลภาวะ และโรงงานที่ยังปล่อยควันอยู่สามารถแจ้งหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการระงับเหตุไม่ให้ลุกลาม 

เมื่อถามว่า จะมีการประสานสส.ให้ช่วยเหลืออย่างไรบ้างหรือไม่ น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ก็อยากให้ทุกคนร่วมกันเป็นส่วนหนึ่ง เพราะในอนาคตการเดินทางของเราจะได้ใช้ขนส่งมวลชนได้อย่างราบรื่น ซึ่งทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี 

เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณ 140 ล้านบาทในมาตราการรถเมล์ รถไฟฟ้าฟรี 7 วัน น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ทุกคนทำอะไรได้ก็ช่วยกันทำ ทั้งนี้ตนมีไอเดียห้องปลอดฝุ่นที่ติดเครื่องปรับอากาศที่สามารถให้ประชาชนไปยืนรอรถเมล์ได้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าศึกษาและนำมาปรับใช้กับบ้านเรา

“สุริยะ” เมินคนวิจารณ์ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ใช้งบ 140ล้าน ให้ขึ้นรถไฟฟ้าฟรี

 

วันที่ 27 ม.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี โดยย้อนถามสื่อว่า ถูกวิจารณ์อย่างไร เพราะประชาชนที่ใช้ประโยชน์ เขาก็แฮปปี้กันหมด ตนไม่ทราบว่าใครมีประเด็นอะไร

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เขาวิจารณ์ว่าเป็นการใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด นายสุริยะ กล่าวว่า ตัวเลขชัดเจน สำนักนโยบายแผนขนส่งจราจร มีกล้องวงจรปิดของ กทม. สามารถไปเช็คได้ว่ามีการใช้รถยนต์ลดลงหรือไม่ ซึ่งมีตัวเลขชัดเจนว่าใช้ลดลง จึงแสดงให้เห็นว่าการใช้มาตรการดังกล่าว ทำให้ประชาชนใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลง

เมื่อถามอีกว่า กลุ่มคนที่ขึ้นรถไฟฟ้าเป็นคนกลุ่มใหม่ด้วยใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ดูจากปริมาณรถยนต์ที่ใช้ มีตัวเลขปรากฏว่าลดลงชัดเจน ในขณะที่มีมาตรการใช้รถไฟฟ้าฟรี

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าการใช้งบ 140 ล้านบาท เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เหตุใดจึงไม่แก้ไขปัญหาให้ตรงเหตุ นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องทำมาตรการควบคู่กันไป ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย แต่เมื่อเกิดเหตุเฉพาะหน้าเช่นนี้ ก็จะสามารถช่วยลดฝุ่น pm 2.5 ได้อย่างรวดเร็ว 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีโอกาสขยายมาตรการรถไฟฟ้าฟรีต่อไปอีกหรือไม่นั้น ขอเวลาให้ครบ 7 วันก่อน เพื่อประเมินตัวเลข แต่ขอยืนยันว่า นโยบายนี้ทำให้ผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวลดลง

"พิธา" ถามหาผลงานแก้ฝุ่น PM 2.5 สอนมวย "อิ๊งค์" วาระอาเซียนมีตั้งแต่ปี 2002 ชี้ พ.ร.บ.อากาศสะอาดล่าช้า

วันที่ 25 ม.ค. 2568 ที่จังหวัดระยอง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ฝากไปถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า เท่าที่นายกฯ ระบุว่าจะให้เป็นวาระอาเซียนนั้น ต้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี ว่า Asean Agreement ในการตกลงเรื่องมลพิษข้ามแดน มีมาตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งในสิงคโปร์ ปี 2013 มีค่าฝุ่นอยู่ที่ 400 กว่า มาจากการเผาที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมปาล์มและอุตสาหกรรมกระดาษ  เมื่อเปรียบเทียบกันก็จะเห็นว่าประเทศไทยก็มีอะไรคล้ายกัน ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านและจากการเผาการเกษตรเหมือนกัน ทั้งนี้ ที่สิงคโปร์ทำ 2 อย่าง คือ พรบ.อากาศสะอาด และ พรบ.ฝุ่นข้ามชาติ โดยสภาของสิงคโปร์ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี ในการผลักดันกฎหมายนี้ แต่ พรบ.อากาศสะอาดของไทย ใช้เวลานานพอสมควร ทั้งที่ควรจะเป็นวาระเร่งด่วน 

 

นายพิธา กล่าวต่อว่า เมื่อ พรบ.อากาศสะอาดเสร็จ ควรจะจะต้องมีพรรคการเมืองเสนอ พรบ.ฝุ่นข้ามชาติ ที่ให้อำนาจรัฐบาลลงโทษบริษัทต่างชาติ ที่ทำธุรกรรมในไทย ถือเป็นกฎเหล็กที่สามารถใช้บังคับกฎหมายได้ ส่วนในระดับประเทศก็ต้องมีกฎหมาย โครงสร้างทางอำนาจมากำกับดูแล และในท้องถิ่นควรมีงบประมาณเข้ามาบริหารจัดการเยอะๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้วย 

 

“มันมีทั้งมิติในระดับอาเซียน ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น นายกฯ ต้องทำให้ได้ เพราะเรื่องพวกนี้ป้องกันง่ายกว่าการรักษา PM 2.5 มันทำนายได้ คิดว่าวันที่ 1 ก.พ. บางพื้นที่ก็ยังยังจมฝุ่นอยู่ คราวนี้คุณมาแก้ปัญหาครึ่งทางแล้ว เผลอๆ รอเวลาไปเรื่อยๆ ลมมันพัดไปคุณก็มาเคลมว่า ฉันแก้ได้แล้ว อย่างที่เคยพูดไว้ว่าใครที่จะมาเป็นรัฐบาลในปี 70 ต้องแก้ฝุ่นไฟฝน แล้วกลับมาฝุ่นอีกรอบหนึ่ง” นายพิธา กล่าว 

 

นายพิธา กล่าวว่า เรื่องพวกนี้ต้องแก้ปัญหาล่วงหน้า ถ้ามาคิดตอนนี้มันก็สายไป ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเตรียมการมาแล้ว 

 

นายพิธา กล่าวว่า จริงๆ รัฐบาลเพื่อไทยก็มีนายกฯ 2 คน ก่อนที่มันเป็นนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ก็เป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ข้อสั่งการที่สั่งการไว้มันกลายเป็นฝุ่นไปหมดแล้ว 

 

“ผมก็ไปนั่งไล่ดู ให้ อว. ไปติดตาม ให้คนทำอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วตอนนี้ผลงานมันอยู่ที่ไหน ถ้าคุณจะมีข้อสั่งการผมไม่ว่า แต่ถามว่าผลงาน ที่ต่อเนื่องมาจากข้อสั่งการเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา มันอยู่ที่ไหน เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูว่าพูดแล้วทำจริงหรือไม่” นายพิธา กล่าว 

 

เมื่อถามว่ามาตรการเร่งด่วนให้ขึ้นรถไฟฟ้า-รถสาธารณะ ฟรี โดยเอาเงิน 140 ล้านบาทไปอุดหนุน นายพิธา กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอ ต้องไปดูว่าในกรุงเทพฯ มาจากการคมนาคม หรือ การเผาไหม้มาจากที่อื่น จะรู้เลยว่า 80% มาจากต้นตออะไร คราวนี้เรื่องคมนาคมก็จะเป็นแค่เรื่องเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ เพราะรถเมล์ก็ยังมีปัญหาเรื่องฝุ่นควันเยอะพอสมควร ซึ่ง ส.ก. พรรคประชาชนก็ได้ผ่านข้อบัญญัติเรื่องรถเมล์ไฟฟ้าไปแล้ว ต้องไปดู ขสมก. ที่เป็นแบบเก่า พร้อมแนะนำว่า มาตรการนี้อาจบังคับใช้ช่วงเช้าและช่วงเย็นก็ได้ เป็นช่วงที่คนใช้ขนส่งมวลชน ดังนั้น ควรเกาให้ถูกที่คัน ตนยังไม่มีข้อมูลในมือว่า ฝุ่นในกรุงเทพฯ 70% มาจากการเผา ไม่ได้มาจากการคมนาคมสักเท่าไหร่ อาจจะแก้ไขปัญหาได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไร

 

เมื่อถามว่าเมื่อวานมีคนชี้เป้าเรื่องการเผา นายพิธา ถามกลับทันทีว่า ชื่อ “สรยุทธ” หรือไม่ ตอนนี้เป็นมูฟเมนต์แล้ว พร้อมยกตัวอย่างเพจพระประชาชนจังหวัดระยอง ที่เป็นคนชี้เป้าเหมือนกัน นายพิธายังแนะนำว่า จุดความร้อนทั้งหมดสามารถทำ Geolocation ได้ หรือระบุพิกัดย้อนหลังได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องแอบเผาตอนกลางคืน เพราะสามารถดูไปได้ว่าจุดนั้นเป็นที่ดินของใคร ดีกว่าเอาจุดความร้อนมาโชว์กันว่าแดงแค่ไหน 

 

เมื่อถามว่า มองในมุมการเมืองพรรคเพื่อไทยไม่กล้าฟัน มาตรการเพาะเกี่ยวข้องกับฐานเสียงใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ที่ฟันได้ คือ ยังไม่ตรงปกเหมือนตอนที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ตอนนั้นที่อภิปรายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดชัดเจนจนได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่ตอนนี้ไม่ได้ตรงกับตอนนั้น หรือแม้กระทั่งการขึ้นเวทีดีเบตที่ช่อง 3 นางสาวแพทองธาร ก็มีการพูดเกี่ยวกับผู้นำอาเซียน ตอนนั้นก็ยังตอบได้ดี แต่พอมาบริหารจัดการเอง ก็น่าเสียดาย ที่ไม่ตรงกับการอภิปรายและหาเสียงไว้ หากทำตามที่เคยพูดไว้ก็น่าจะทุเลาลงได้ 

นายกฯ ชี้ ปัญหาฝุ่นพิษ คุยกรอบความร่วมมืออาเซียนแล้ว รอเคาะหน่วยงานราชการเวิร์คฟอร์มโฮมที่ไม่กระทบ ปชช.

เมื่อเวลา 11.15  น.วันที่ 25 ม.ค. 68 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึง สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่กลายเป็นปัญหาระดับประเทศจะมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไรว่า เรื่องฝุ่นไม่ใช่วาระแห่งชาติธรรมดา แต่เป็นวาระแห่งอาเซียน ซึ่งเรื่องนี้นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศต้องไปพูดคุยขอความร่วมมือตามกรอบความร่วมมือของอาเซียน ซึ่งมีการพูดคุยเรียบร้อยแล้วในการขอความร่วมมือประเทศที่มีการเผา และประเทศเราก็มีการเผาเช่นกัน ดังนั้นจะต้องมีมาตรการจากทุกๆ ประเทศในอาเซียน ต้องเป็นกรอบของความร่วมมือพื้นที่ที่เกิดการเผาเยอะๆ ต้องลดอย่างไร มีมาตรการอย่างไร เพราะมันอยู่ในอากาศลมพัดไปทางนี้ทางนั้น เช่น ประเทศเราทุกกระทรวงได้มีมาตรการไปหมดแล้ว เราเตรียมมาตรการตั้งแต่ก่อนปีใหม่ช่วงเดือน พ.ย.67 ว่า มาตรการจะออกมาอย่างไร  หากเผาจะถูกปรับอย่างไร มีหมดแล้ว ด้านอุตสาหกรรมการเผาลดน้อยลงมากจากปีที่แล้ว แต่ฝุ่นเป็นเรื่องของการสะสมมาเป็นระยะเวลานาน

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่คนใดคนหนึ่ง ประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำคือ กำลังแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้ให้ทันการให้ดีที่สุด ส่วนระยะยาวเราก็มีแผนแล้ว ซึ่งระยะกลางและระยะสั้นก็ได้ทำทุกอย่างแล้ว

 

เมื่อถามว่า เรื่องการเวิร์คฟอร์มโฮม หลายหน่วยงานราชการอยากให้มีคำสั่งออกมาให้ชัดเจน นายกฯ กล่าวว่า จริงๆแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นไปได้ เราสามารถคุยกันได้ว่าที่ไหนสามารถเวิร์คฟอร์มโฮมได้แล้วไม่กระทบอะไรมากเกินไปก็จะลดในเรื่องของการเดินทางได้เยอะขึ้น 

 

เมื่อถามต่อว่า หน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานบริการประชาชนสามารถทำงานออนไลน์ได้ จะประกาศให้เวิร์คฟอร์มโฮมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขอไปพูดคุยในรายละเอียดอีกนิดว่า แนวทางที่พูดคุยกันไว้เบื้องต้นยังไม่เคาะ คิดว่าเป็นไปได้ แต่ช่วงนี้ฝุ่นเยอะจริงๆ

 

เมื่อถามย้ำว่า จะมีมาตรการจูงใจภาคเอกชนให้เวิร์คฟอร์มโฮมในช่วงนี้หรือ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าหลายๆ ที่ เขาก็ตระหนักในเรื่องนี้  ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการและใช้งบประมาณประมาณ 140 ล้านบาท เพื่อชดเชยรายได้ให้กับผู้ประกอบกลุ่ม BTS และ BEM เนื่องจากมาตรการรถไฟฟ้าฟรี เป็นการช่วยกันในภาพรวม

นายกฯ โต้ดราม่า PM 2.5 กทม. สูง แต่บินไปดาวอส ยันเลื่อนประชุม WEF ไม่ได้ ชี้ ก่อนมาย้ำทุกส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 24 ม.ค.(ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส ช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์ในช่วงนี้ที่มีปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่า นายกฯ มาทำอะไรที่ World Economic Forum ประจำปี 2568 (WEF Annual Meeting 2025: WEF AM25)  เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิสว่า ต้องบอกให้เข้าใจก่อนว่าเรื่องฝุ่น PM 2.5 เราทราบและเห็นแล้วว่าฝุ่นกำลังจะมา เราเตรียมตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกฯ เลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่ปีที่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในแต่ละพื้นที่ ฝุ่นไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ของเราว่า ทำไมวันนี้มีฝุ่น รัฐบาลทราบอยู่แล้วว่ามีฝุ่น เพราะฉะนั้นก่อนมาได้เรียกประชุมกระทรวงที่เกี่ยวข้อง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปคุยกับชาวบ้านให้เรียบร้อย ย้ำในพื้นที่ว่าจะต้องดูเรื่องฝุ่น เราทำแบบนี้ มากไปกว่านั้นประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนทั้งหมดเราขอความช่วยเหลือว่า ทุกคนร่วมมือกันให้ฝุ่นน้อยลง แน่นอนวันที่ฝุ่นมันเยอะ มันอยู่ในอากาศ เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้ เราเตรียมเท่าที่ทำได้อย่างเต็มที่ เต็มกำลัง เผอิญว่าวันที่เรามาที่นี่เป็นช่วงที่ตรงกับช่วงฝุ่นเยอะ เราไม่สามารถเปลี่ยนวันของประชุม WEF ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องสื่อสารไป

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มีการพูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ว่าให้ลงมือเต็มที่ ซึ่งท่านยังอยู่โรงพยาบาล ก็เรียกปลัดและอธิบดีเข้าไปพูดคุย เพื่อสั่งการตามพื้นที่ ต้องทำทุกอย่างจริงๆ และค่าฝุ่นก็น้อยลงจากปีที่แล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง 

 

“การมีฝุ่นไม่มีใครชอบหรอก ดิฉันมีลูกเล็ก เข้าใจดี ลูกออกไปเล่นข้างนอกไม่ได้เลย เพราะฝุ่น ไปโรงเรียนก็ไม่ได้ เพราะเด็กเกินไป ไม่สามารถดูแลตัวเองในการปิดแมสเคร่งครัด เราก็ให้อยู่บ้าน ทำสุดความสามารถแล้ว ” นายกฯ กล่าว

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 การเผารอบนอกยังไม่แผ่ว ล่าสุด สั่งปิด รร. กทม. เพิ่มเป็น 352 แห่ง

วันที่ 24 ม.ค. 68 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ณ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สำนักสิ่งแวดล้อม เขตดินแดง

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นวันนี้แย่กว่าเมื่อวาน สีแดง 67 พื้นที่ หวังว่าจะเบาลงในช่วง 2 วันนี้ เพราะสภาพอากาศน่าจะเปิดขึ้น ซึ่งต้องบอกว่าเป็นปัญหาไม่ใช่แค่ กทม. แต่กินพื้นที่กว้างทั้งปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก และอีกหลายจังหวัด ตอนนี้จึงอยากขอให้ระวังเรื่องสุขภาพ สวมหน้ากากอนามัย งดกิจกรรมกลางแจ้ง

เรื่องการเผาก็ยังเป็นปัญหาที่หนักอยู่ โดยเฉพาะจากพื้นที่รอบนอก ยิ่งเมื่อมีลมพัดพาฝุ่นเข้ามาเมื่อเจอตึกสูงใน กทม. ก็ชะลอความเร็วลงทำให้ฝุ่นเก็บกักอยู่ในเมือง วานนี้ได้ส่งทีมงานไปดูพื้นที่ จ.นครนายก ก็ได้เห็นว่ามีการเผาเยอะ ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ให้การว่าพื้นที่ที่เผาเป็นนาปลูกข้าวนาปี ซึ่งมีตอซังใหญ่กำจัดวิธีอื่นยาก เกษตรกรจึงใช้การเผา และทางหน่วยงานท้องที่ยังไม่มีคำตอบว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร

สำหรับมาตรการ Low Emission Zone (LEZ) จำกัดโซนการวิ่งรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่ลงทะเบียนสีเขียว ห้ามเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก รวมพื้นที่ 9 เขต และแนวถนนผ่าน 13 เขต ที่เริ่มบังคับใช้ไปแล้ว ข้อมูลระหว่างวันที่ 23 ม.ค. 68 หลังประกาศ มีรถบรรทุกเข้าพื้นที่ 3,017 คัน ลงทะเบียนสีเขียว 305 คัน ที่ไม่ได้ลงทะเบียนก็จะโดนปรับทั้งหมด ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งตรงนี้มีเสียงประชาชนว่าโทษเบา ต้องบอกว่าเป็นไปตาม พ.ร.บ. เราทำได้เท่าที่อำนาจจะมี

การตรวจควันดำรถก็ไม่ได้เพิ่งมาทำ เราทำตลอดต่อเนื่อง ซึ่งกฎหมายตรงนี้มี พ.ร.บ. 3 ตัวคือ พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ร.บ. การขนส่งทางบก และ พ.ร.บ. จราจรทางบก ซึ่ง กทม. มีอำนาจแค่ พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม หลายอย่างจึงต้องอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ด้านการสั่งปิดโรงเรียนสังกัด กทม. วันนี้ปิดแล้วรวม 352 แห่ง

สำหรับคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น เสาร์ - อาทิตย์นี้ การระบายอากาศยังคงตัวและจะดีขึ้นในวันที่ 27 - 28 ม.ค. นี้ ตอนนี้เราจึงยังไม่ได้ยกระดับมาตรการใด

“ฝากประชาชนดูแลสุขภาพตัวเอง กทม. พร้อมน้อมรับคำติ แต่ก็ตั้งใจทำงานแก้ไขปัญหาต่อไปและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแก้ไขอย่างเต็มที่“ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวทิ้งท้าย

#ฝุ่น #PM25 #กทม#สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี

 

กทม.ชี้เป้า 8 คลินิก มลพิษทางอากาศ โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร

วันที่ 24 ม.ค.68 เพจเฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความระบุว่า...

กทม.ชี้เป้า 8 คลินิก มลพิษทางอากาศ โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ระมัดระวังเป็นพิเศษ

หากมีผลกระทบต่อร่างกาย ไอ จาม หายใจลำบาก มีผื่นแดงตามตัว มีน้ำมูก หอบเหนื่อย ตาแดง ให้รีบพบแพทย์

ด้วยความปรารถนาดีจากกรุงเทพมหานคร

ปักหมุดเช็กเลย! ค่าฝุ่น PM 2.5 กทม. แดง 67 พื้นที่ จุดนี้แมสก์ต้องอยู่บนหน้าแล้ว

วันที่ 24 ม.ค.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 24 มกราคม 2568 เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 88.4 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 3 พื้นที่ ระดับสีแดง มีผลกระทบกับสุขภาพ 67 พื้นที่

ข้อแนะนำสุขภาพ

คุณภาพอากาศระดับสีแดง: มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทุกคน : งดกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก

ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชม.

: ตรวจวัดได้ 68.7-109.6 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานอยู่ในระดับ..

ระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐาน 75.1 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป ) จำนวน 67 พื้นที่ คือ

1.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 109.6 มคก./ลบ.ม.

2.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 109.1 มคก./ลบ.ม.

3.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 108.5 มคก./ลบ.ม.

4.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 107.1 มคก./ลบ.ม.

5.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 104.9 มคก./ลบ.ม.

6.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 104.7 มคก./ลบ.ม.

7.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 104.0 มคก./ลบ.ม.

8.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 103.8 มคก./ลบ.ม.

9.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 101.8 มคก./ลบ.ม.

10.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 100.3 มคก./ลบ.ม.

11.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 100.2 มคก./ลบ.ม.

12.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 99.8 มคก./ลบ.ม.

13.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 99.0 มคก./ลบ.ม.

14.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 98.9 มคก./ลบ.ม.

15.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 98.0 มคก./ลบ.ม.

16.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 97.8 มคก./ลบ.ม.

17.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 96.0 มคก./ลบ.ม.

18.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 95.4 มคก./ลบ.ม.

19.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 94.5 มคก./ลบ.ม.

20.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 94.0 มคก./ลบ.ม.

21.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 93.3 มคก./ลบ.ม.

22.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 92.8 มคก./ลบ.ม.

23.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 92.5 มคก./ลบ.ม.

24.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 92.1 มคก./ลบ.ม.

25.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 92.1 มคก./ลบ.ม.

26.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 91.2 มคก./ลบ.ม.

27.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 91.1 มคก./ลบ.ม.

28.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 89.8 มคก./ลบ.ม.

29.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 89.2 มคก./ลบ.ม.

30.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 88.4 มคก./ลบ.ม.

31.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 88.3 มคก./ลบ.ม.

32.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 88.1 มคก./ลบ.ม.

33.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 88.1 มคก./ลบ.ม.

34.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 87.9 มคก./ลบ.ม.

35.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 87.8 มคก./ลบ.ม.

36.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 87.4 มคก./ลบ.ม.

37.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 87.4 มคก./ลบ.ม.

38.สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม : มีค่าเท่ากับ 87.3 มคก./ลบ.ม.

39.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 87.1 มคก./ลบ.ม.

40.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 86.9 มคก./ลบ.ม.

41.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 86.6 มคก./ลบ.ม.

42.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 86.3 มคก./ลบ.ม.

43.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 86.3 มคก./ลบ.ม.

44.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 85.3 มคก./ลบ.ม.

45.เขตบางแค ภายในสำนักงานเขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 85.1 มคก./ลบ.ม.

46.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 84.4 มคก./ลบ.ม.

47.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 83.9 มคก./ลบ.ม.

48.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 83.5 มคก./ลบ.ม.

49.เขตวัฒนา ตรงข้าม noble Reveal(ข้าง MK gold restaurants) : มีค่าเท่ากับ 83.3 มคก./ลบ.ม.

50.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 83.1 มคก./ลบ.ม.

51.เขตห้วยขวาง ภายในสำนักงานเขตห้วยขวาง (ด้านข้างโรงเพาะชำ) ถนนประชาอุทิศ : มีค่าเท่ากับ 83.1 มคก./ลบ.ม.

52.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 83.0 มคก./ลบ.ม.

53.เขตดินแดง ริมถนนวิภาวดีรังสิต : มีค่าเท่ากับ 82.9 มคก./ลบ.ม.

54.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 82.7 มคก./ลบ.ม.

55.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 82.3 มคก./ลบ.ม.

56.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 82.2 มคก./ลบ.ม.

57.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 81.2 มคก./ลบ.ม.

58.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 81.2 มคก./ลบ.ม.

59.สวนจตุจักร เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 80.4 มคก./ลบ.ม.

60.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 80.2 มคก./ลบ.ม.

61.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 80.1 มคก./ลบ.ม.

62.เขตบางกะปิ ข้าง ป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ : มีค่าเท่ากับ 80.0 มคก./ลบ.ม.

63.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 78.6 มคก./ลบ.ม.

64.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 78.2 มคก./ลบ.ม.

65.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 77.2 มคก./ลบ.ม.

66.สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 77.2 มคก./ลบ.ม.

67.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 76.8 มคก./ลบ.ม.

ระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 3 พื้นที่ คือ

1.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 73.5 มคก./ลบ.ม.

2.เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 73.1 มคก./ลบ.ม.

3.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน : มีค่าเท่ากับ 68.7 มคก./ลบ.ม.

ในช่วงวันที่ 24 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568

วันที่ 24-26 ม.ค. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน" ประกอบกับเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การแพร่กระจายของมลพิษทางอากาศเป็นไปได้อย่างจำกัด คาดว่าความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลงเพียงเล็กน้อย จากนั้นในวันที่ 27-28 ม.ค. จะมีแนวโน้มลดลงมากขึ้น เนื่องจากการระบายอากาศ "ดี" ก่อนจะกลับมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีหมอกหนาบางพื้นที่ และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย

ไม่พบจุดความร้อนในบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร

#ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25#สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี