"เอกนัฏ" ลุยสิงคโปร์ ศึกษาต้นแบบจัดการ PM 2.5-ฝุ่นควันข้ามแดน แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน หวังดึงดูดลงทุนเพิ่ม

“เอกนัฏ”นำทีมเยือนสิงคโปร์ ศึกษาต้นแบบความสำเร็จด้านการจัดการ PM 2.5 และฝุ่นควันข้ามแดน 
เล็งนำแนวทางมาปรับใช้ในไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกระทรวงอุตสาหกรรมและรัฐบาลไทย ในการแก้ไขปัญหา PM 2.5 และฝุ่นควันข้ามแดนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและส่งเสริมการลงทุนในประเทศ

เมื่อวันที่ 10 ก.พ.68 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2568 ตนพร้อมด้วยนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในฐานะรักษาการผู้ว่าการ กนอ. ได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อศึกษาและหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา PM 2.5 รวมถึงแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการจัดการฝุ่นควันข้ามแดน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสิงคโปร์ และเข้าร่วมประชุมหารือกับนายโคห์ โพห์ คูน (Koh Poh Koon) รัฐมนตรีอาวุโสแห่งรัฐของกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมสิงคโปร์ ด้วย

โดยปัญหาฝุ่น PM 2.5 และฝุ่นควันข้ามแดน ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภูมิภาคอาเซียนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจ  สิงคโปร์ ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยฝุ่นควันข้ามแดนเพื่อป้องกันและลดมลพิษจากไฟป่าและไฟบนพื้นดิน โดยมีความร่วมมือในการติดตามตรวจสอบ แลกเปลี่ยนข้อมูล และเทคโนโลยีระหว่างกัน ซึ่งการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการปัญหา PM 2.5 การกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน เพื่อให้ชุมชนและภาคอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหา PM 2.5 และปัญหาฝุ่นควัน ไม่เพียงช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากประเทศไทยสามารถจัดการปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศ และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้มากขึ้น

“เราต้องการให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการลงทุนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหา PM 2.5 และมลพิษทางอากาศ จึงเป็นวาระสำคัญที่เราต้องเร่งดำเนินการแก้ไข” นายเอกนัฏกล่าว

ด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ.กล่าวเสริมว่า กนอ.สามารถนำแนวทางเหล่านี้มาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในนิคมอุตสาหกรรมได้ โดยการกำหนดมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดสำหรับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับโรงงานที่ปล่อยมลพิษเกินมาตรฐาน ส่งเสริมให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมใช้เทคโนโลยีการผลิตที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหา PM 2.5 อย่างจริงจัง

“กนอ.ชื่นชมและเห็นด้วยกับหลักการของสิงคโปร์ ในการจัดการปัญหาฝุ่นควัน และพร้อมนำแนวทางดังกล่าวมาปรับใช้ในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่ง กนอ.มุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามมาตรฐานและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา PM2.5 โดยเราต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” นายสุเมธ กล่าว

สำหรับการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2568 คณะได้มีการประชุมหารือกับกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม สิงคโปร์ (Ministry of Sustainability and the Environment) ณ สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (The National Environment Agency : NEA, Singapore ) โดยมีนางอุรีรัชต์ เจริญโต เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐสิงคโปร์ เข้าร่วมในการประชุมหารือในครั้งนี้ด้วย โดยการเยือนสิงคโปร์ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา PM 2.5 และฝุ่นควันข้ามแดนอย่างยั่งยืนในอนาคต

#เอกนัฏพร้อมพันธุ์ #PM25 #ฝุ่นควันข้ามแดน #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ยินดีด้วย! เช้านี้ คนกรุงเทพฯ หายใจโล่ง ค่า PM 2.5 ไม่เกินค่ามาตรฐานทุกพื้นที่

วันที่ 10 ก.พ.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครสรุปผลการตรวจวัด PM2.5 ประจำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568เวลา 05.00-07.00 น. (3 ชั่วโมงล่าสุด)

- ตรวจวัดได้ 17.7-34.6 มคก./ลบ.ม.

- ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 24.0 มคก./ลบ.ม.

- ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานีที่มีการตรวจวัด

- ทั้งนี้ ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ในช่วง 17.7 - 34.6 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยมีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่าไม่เกินมาตรฐานทุกพื้นที่ที่มีการตรวจวัด (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.)

ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง(คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา

ในช่วงวันที่ 10 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 11-12 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี" ประกอบกับมีอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และวันที่ 13-17 ก.พ.มีแนวโน้มลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า

จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ประชาชนตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- www.airbkk.com

- https://greener.bangkok.go.th

- www.pr-bangkok.com

- FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

- FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม

- FB: กรุงเทพมหานคร

- LINE ALERT

ทั้งนี้ กรณีประชาชนพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแส ผ่านทาง Traffy Fondue

รายงานข้อมูลโดย: ทีมโฆษกศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร

แหล่งข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร กรมอุตุนิยมวิทยา และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ

กรุงเทพฯ เช้านี้ พบฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐาน อยู่ในระดับสีส้ม 26 พื้นที่

วันที่ 8 ก.พ.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครขอสรุปผลการตรวจวัด PM2.5 ประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568เวลา 05.00-07.00 น. (3 ชั่วโมงล่าสุด) ตรวจวัดได้ 26.0-52.7 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 37.4 มคก./ลบ.ม.  ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐาน อยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่

ทั้งนี้ ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ในช่วง 26-52.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ

1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 52.7 มคก./ลบ.ม.

2.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 51.7 มคก./ลบ.ม.

3.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 49.3 มคก./ลบ.ม.

4.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 48.7 มคก./ลบ.ม.

5.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.2 มคก./ลบ.ม.

6.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 46.6 มคก./ลบ.ม.

7.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 45.6 มคก./ลบ.ม.

8.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.5 มคก./ลบ.ม.

9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 45.2 มคก./ลบ.ม.

10.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 44.6 มคก./ลบ.ม.

11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 44.6 มคก./ลบ.ม.

12.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 44.3 มคก./ลบ.ม.

13.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม.

14.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.2 มคก./ลบ.ม.

15.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 43.1 มคก./ลบ.ม.

16.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม.

17.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 42.3 มคก./ลบ.ม.

18.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 42.3 มคก./ลบ.ม.

19.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 42.2 มคก./ลบ.ม.

20.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 40.9 มคก./ลบ.ม.

21.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.

22.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 39.9 มคก./ลบ.ม.

23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 39.6 มคก./ลบ.ม.

24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.

25.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.

26.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม.

ข้อแนะนำสุขภาพ:

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก

ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

1. ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง(คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา)

ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ดี" ขณะที่ชั้นบรรยากาศใกล้ผิวพื้นมีลักษณะเปิดสลับปิด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง ส่วนวันที่ 10-13 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี-อ่อน" ขณะมีอินเวอร์ชั่นเกิดใกล้ผิวพื้น ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงเพิ่มขึ้น ก่อนจะกลับมาลดลงในช่วงวันที่ 14-15 ก.พ. และคาดการณ์วันนี้ มีเมฆบางส่วนกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส

2. จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร

3. แจ้งเตือนรวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- www.airbkk.com

- https://greener.bangkok.go.th

- www.pr-bangkok.com

- FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

- FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม

- FB: กรุงเทพมหานคร

- LINE ALERT

ทั้งนี้ กรณีประชาชนพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแส ผ่านทาง Traffy Fondue

รายงานข้อมูลโดย: ทีมโฆษกศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร

แหล่งข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร กรมอุตุนิยมวิทยา และสํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ

กทม.เช้านี้ ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน ระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 22 พื้นที่

วันที่ 7 ก.พ.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 07.00 น.

ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.2 มคก./ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 22 พื้นที่

ข้อแนะนำสุขภาพ

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก

ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชม.

: ตรวจวัดได้ 24.5-50.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 22 พื้นที่ คือ

1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 50.4 มคก./ลบ.ม.

2.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 49.9 มคก./ลบ.ม.

3.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 48.1 มคก./ลบ.ม.

4.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 47.6 มคก./ลบ.ม.

5.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 45.5 มคก./ลบ.ม.

6.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 45.3 มคก./ลบ.ม.

7.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.1 มคก./ลบ.ม.

8.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 44.9 มคก./ลบ.ม.

9.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 43.7 มคก./ลบ.ม.

10.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 41.7 มคก./ลบ.ม.

11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.7 มคก./ลบ.ม.

12.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม.

13.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 41.3 มคก./ลบ.ม.

14.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.9 มคก./ลบ.ม.

15.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม.

16.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 39.2 มคก./ลบ.ม.

17.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.0 มคก./ลบ.ม.

18.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.5 มคก./ลบ.ม.

19.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 38.4 มคก./ลบ.ม.

20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 38.4 มคก./ลบ.ม.

21.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม.

22.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม.

ในช่วงวันที่ 7-9 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ดี" ขณะที่ชั้นบรรยากาศใกล้ผิวพื้นมีลักษณะเปิดสลับปิด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง ส่วนวันที่ 10-13 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี-อ่อน" ขณะมีอินเวอร์ชั่นเกิดใกล้ผิวพื้น ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงเพิ่มขึ้น ก่อนจะกลับมาลดลงในช่วงวันที่ 14-15 ก.พ. และคาดการณ์วันนี้ มีหมอกในตอนเช้า

ดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่พบจุดความร้อนบริเวณพื้นที่ กทม. แต่ถ้าจุดความรักก็ต้องตามหา ว่าอยู่ที่ไหนในกรุงเทพฯ

ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- www.airbkk.com

- FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

- FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม

- FB: กรุงเทพมหานคร

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- LINE ALERT

หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue

#ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25#สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี 

เช้านี้ กทม. PM 5.2 สีส้ม 57 พื้นที่ อยู่กลางแดดให้กางจ้อง แต่ถ้าอยู่กลางฝุ่น ให้สวมแมสก์ ลดกิจกรรมกลางแจ้ง

วันที่ 5 ก.พ.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 07.00 น.

ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 40.7 มคก./ลบ.ม.

ฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลง

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 57 พื้นที่

ข้อแนะนำสุขภาพ

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก

ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชม.

: ตรวจวัดได้ 31.9-53 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 57 พื้นที่ คือ

1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม.

2.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 51.0 มคก./ลบ.ม.

3.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 49.8 มคก./ลบ.ม.

4.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 48.6 มคก./ลบ.ม.

5.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 48.5 มคก./ลบ.ม.

6.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 48.3 มคก./ลบ.ม.

7.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 47.4 มคก./ลบ.ม.

8.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 47.1 มคก./ลบ.ม.

9.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 46.8 มคก./ลบ.ม.

10.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 46.8 มคก./ลบ.ม.

11.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 46.4 มคก./ลบ.ม.

12.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม.

13.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 45.3 มคก./ลบ.ม.

14.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 45.1 มคก./ลบ.ม.

15.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 44.8 มคก./ลบ.ม.

16.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 44.4 มคก./ลบ.ม.

17.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 44.2 มคก./ลบ.ม.

18.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม.

19.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม.

20.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 43.8 มคก./ลบ.ม.

21.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 43.7 มคก./ลบ.ม.

22.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม.

23.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม.

24.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 43.2 มคก./ลบ.ม.

25.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 43.1 มคก./ลบ.ม.

26.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 42.5 มคก./ลบ.ม.

27.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 42.5 มคก./ลบ.ม.

28.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 42.2 มคก./ลบ.ม.

29.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 42.0 มคก./ลบ.ม.

30.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 42.0 มคก./ลบ.ม.

31.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม.

32.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.3 มคก./ลบ.ม.

33.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 41.0 มคก./ลบ.ม.

34.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 40.9 มคก./ลบ.ม.

35.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม.

36.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 40.6 มคก./ลบ.ม.

37.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 40.4 มคก./ลบ.ม.

38.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.

39.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.

40.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 40.1 มคก./ลบ.ม.

41.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.

42.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 39.5 มคก./ลบ.ม.

43.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.4 มคก./ลบ.ม.

44.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.

45.สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 39.1 มคก./ลบ.ม.

46.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 39.1 มคก./ลบ.ม.

47.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 38.8 มคก./ลบ.ม.

48.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 38.6 มคก./ลบ.ม.

49.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 38.6 มคก./ลบ.ม.

50.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.5 มคก./ลบ.ม.

51.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 38.4 มคก./ลบ.ม.

52.เขตวัฒนา ตรงข้าม noble Reveal(ข้าง MK gold restaurants) : มีค่าเท่ากับ 38.4 มคก./ลบ.ม.

53.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 38.1 มคก./ลบ.ม.

54.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 38.1 มคก./ลบ.ม.

55.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 37.9 มคก./ลบ.ม.

56.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 37.9 มคก./ลบ.ม.

57.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม.

ในช่วงวันที่ 5-10 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ขณะที่ชั้นบรรยากาศใต้ผิวพื้นมีลักษณะเปิดสลับปิด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ เมฆเป็นส่วนมาก

ดาวเทียมจากหน่วยงาน NASA ไม่พบจุดความร้อนบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ถ้าจุดความรักก็ไม่แน่นะ

ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- www.airbkk.com

- FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

- FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม

- FB: กรุงเทพมหานคร

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- LINE ALERT

หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue

#ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25 #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี

"กทม." เตือน 6-9 ก.พ.68 ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีส้ม ให้สวมหน้ากากอนามัยต่อเนื่อง ย้ำงดเผา 

กทม.เตือน 6-9 ก.พ.68 ฝุ่น PM 2.5 ยังอยู่ระดับสีส้ม ให้สวมหน้ากากอนามัยต่อเนื่อง ย้ำงดเผา

วันที่ 4 ก.พ.68 นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ช่วง 7 วันข้างหน้า ยังคงอยู่ในระดับสีส้ม โดยกล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 วันนี้ ณ เวลา 11.00 น. ค่าเฉลี่ยของ กทม. อยู่ที่ 41.6 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 36 เขต

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดย กรมควบคุมมลพิษ ช่วงวันที่ 5 – 11 ก.พ. 68 ฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยวันที่ 6 – 9 ก.พ. ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้มเริ่มมีผลต่อสุขภาพ และจะลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง สีเหลือง วันที่ 10 - 11 ก.พ. 68

กรุงเทพมหานคร ขอความร่วมมือประชาชน รักษาสุขภาพ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านและลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงงดการเผา พร้อมร่วมจับตารถควันดำ การเผาในพื้นที่โล่ง หากพบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue และสายด่วน 199

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศได้ทาง แอปพลิเคชัน AirBKK www.airbkk.com เฟซบุ๊ก สำนักสิ่งแวดล้อม กทม , กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม , กรุงเทพมหานคร และ LINE ALERT

#ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25#สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี

กทม.จัดตั้งศูนย์กำกับผลกระทบ PM2.5 พิจารณาประกาศพื้นที่ควบคุมมลพิษรายเขต

กทม.จัดตั้งศูนย์กำกับผลกระทบ PM2.5 พิจารณาประกาศพื้นที่ควบคุมมลพิษรายเขต

วันที่ 4 ก.พ.68 ที่ศาลาว่าการ กทม. รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแนวทางประกาศพื้นที่ควบคุมมลพิษแต่ละเขตในกรุงเทพมหานครว่า เป็นอำนาจของผู้อำนวยการเขต มีการประกาศไปแล้ว 14 เขต เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เช่น เขตลาดกระบัง หนองจอก บางกอกใหญ่ ทวีวัฒนา โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 มาตรา 28/1 ออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ เพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เช่น การเผา ควันรถ และแหล่งกำเนิดฝุ่นต่าง ๆ รวมถึงพื้นที่เสี่ยงเพิ่มเติม เช่น พื้นที่รกร้าง ทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center: EOC) เพื่อกำกับเรื่องผลกระทบทางสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 ควบคู่ด้วย

นอกจากนี้ กทม.ยังมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจแหล่งกำเนิดฝุ่นทุกเขต นอกเหนือจากการตรวจสถานที่ก่อสร้าง สถานที่ผลิตคอนกรีตสำเร็จรูป และตรวจควันรถต่าง ๆ แล้ว มีการขยายการตรวจเพิ่มเติม เช่น โรงงานที่มีการเผาไหม้ วัดที่มีเตาเผาศพประมาณ 308 แห่ง ไม่ผ่านมาตรฐาน 4-5 แห่ง ไม่ได้ใช้งานแล้วประมาณ 17 แห่ง ซึ่งการใช้มาตรการลดฝุ่นบางเรื่องต้องใช้การขอความร่วมมือ ไม่ได้ใช้กฎหมายบังคับ เพราะเป็นพิธีกรรมสืบต่อกันมา แต่จากการดำเนินการที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เช่น ศาลเจ้าที่จดทะเบียนกับ กทม. ประมาณ 104 ศาลเจ้า มี 19 ศาลเจ้างดการเผา ส่วนที่เหลือใช้วิธีรีบดับควันธูปเทียน หรืองดเผาในวันที่มีสภาพอากาศปิด 

นายแพทย์สุนทร สุนทรชาติ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.มีศูนย์กำกับเรื่องผลกระทบทางสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 อยู่แล้ว มีการแจกหน้ากากอนามัยไปแล้วประมาณ 450,000 ชิ้น การดำเนินการของศูนย์ฯ ดังกล่าวจากนี้จะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาพื้นที่เขตเฝ้าระวังและพื้นที่ควบคุม หากมีการประกาศเขตควบคุมของกรุงเทพมหานคร จะมีการขอความร่วมมือ Work from Hom (WFH) จากภาคเอกชนและหน่วยงานราชการต่าง ๆ ในช่วงที่มีค่าฝุ่นสูง ซึ่งจะมีการดำเนินการให้สอดคล้องกับกระทรวงสาธารณสุขด้วย คาดว่าสัปดาห์นี้จะสรุปรายชื่อเขตที่ต้องประกาศควบคุมมลพิษและเฝ้าระวังเพิ่มเติม

ด้านรายงานจากคลินิกมลพิษทางอากาศของโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 11 แห่ง พบว่า มีผู้ป่วยได้รับผลกระทบจากฝุ่นเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงที่มีค่าฝุ่นปกติ โดยโรคหลักที่พบคือ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ โรคตาอักเสบ โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด ตามลำดับ

#ข่าววันนี้ #กทม #มลพิษ #PM25 #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

 เกษตรยโสธรบูรณาการร่วม Kick Off เคาะประตูบ้าน "หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา" 9 อำเภอ

เกษตรยโสธรบูรณาการร่วมKick Off เคาะประตูบ้าน"หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา"9 อำเภอ

วันที่ 4 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักงานเกษตรจังหวัดยโสธรโดยนายนพดล ผุดผ่องเกษตรจังหวัดยโสธรได้บูรณาการร่วมสำนักงานเกษตรอำเภอในจังหวัดยโสธรทั้ง 9 อำเภอประกอบด้วยอำเภอมหาชนะชัย อำเภอค้อวัง อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอป่าติ้ว อำเภอทรายมูลอำเภอกุดชุม อำเภอไทยเจริญ อำเภอเลิงนกทา และอำเภอเมืองยโสธรได้ดำเนินการพร้อมกันในการจัดกิจกรรม Kick Off เคาะประตูบ้าน"หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา"ซึ่งมีกิจกรรมประกอบด้วย1. แจ้งวัตถุประสงค์และเน้นย้ำ กำนันผู้ใหญ่บ้านท้องที่ ท้องถิ่นประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบผ่านหอกระจายข่าวทุกวัน พร้อมสร้าง ความตระหนักรู้ให้ประชาชนทราบ และมาตรการในการดำเนินการกับผู้ทำการเผา 2. ออกเดินเคาะประตูบ้าน สร้างความตระหนักรู้ให้พี่น้องประชาชนได้ทราบ ถึงผลกระทบของการเผาและข้อดีของการหยุดเผา 3.การไถกลบต่อฟางข้าว 4.มอบธงสัญลักษณ์งดเผาและ5.การลงนามความร่วมมือ MOU งวดเผาในพื้นที่การเกษตร


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่านอกจากนั้นแล้วในแต่ละพื้นที่ยังได้เดินณรงค์เคาะประตูบ้านเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับรู้และตระหนักถึงผลกระทบจากการเผาในทุกกรณี


นายอำนาจ ยงยืนเกษตรอำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธรเปิดเผยว่าในส่วนอำเภอมหาชนะชัยกิจกรรมเคาะประตูบ้าน “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” ได้จัดทำบันทึกข้อตกลง MOU ลดการเผาตอซังข้าว ที่บ้านบูรพา ตำบลบึงแก อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธรซึ่งมีจำนวนครัวเรือนที่เข้าร่วมทำ บันทึกข้อตกลง MOU จำนวน 78 ครัวเรือนโดยมีวัตถุประสงค์1. ลดการเผาตอซังข้าวในพื้นที่ และส่งเสริมการใช้แนวทางการไถกลบและการจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรอย่างยั่งยืน2. สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการเผา และมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง3. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในการป้องกันปัญหามลพิษทางอากาศและรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อีกด้วย

ซีพีเอาจริง! จับมือ ก.เกษตรฯ สกัดต้นตอฝุ่นพิษ PM2.5 ประกาศลั่น “ไม่รับซื้อ-ไม่นำเข้า” ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พื้นที่เผา-รุกป่า

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เดินหน้าปฏิบัติการ ตัดต้นตอหมอกควันพิษ PM2.5 อย่างจริงจัง ประกาศลั่น “ไม่รับซื้อ-ไม่นำเข้า” ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพื้นที่เผาและรุกป่า พร้อมผลักดัน ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Corn Traceability) สกัดข้าวโพดที่มาจากพื้นที่บุกรุกป่าและแปลงเผาทั่วประเทศ รวมถึงในประเทศเมียนมาตั้งเป้า “หยุดไฟ หยุดฝุ่น” ที่ต้นเหตุ พร้อมจับมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือแนวทางกำจัดปัญหาหมอกควันไฟป่าในภาคเหนืออย่างเป็นระบบ

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุดด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือซีพี นำทีมผู้แทนจาก บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) หรือ BKP กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซีพีเอฟ และกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เข้าหารือกับ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ดันมาตรการเชิงรุก แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 และหมอกควันข้ามแดนผ่านกลไกตรวจสอบย้อนกลับ

ทั้งนี้ ซีพีได้ประกาศนโยบายชัดเจน “ไม่รับซื้อ ไม่สนับสนุน” ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มาจากการเผาแปลงเกษตรและบุกรุกป่า  พร้อมพัฒนา เทคโนโลยีดาวเทียมติดตามจุดความร้อนแบบเรียลไทม์ หากพบพื้นที่ใดมีการเผาแปลงเกษตรที่ลงทะเบียน ซีพีจะตัดสิทธิ์รับซื้อทันที ปิดทางข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มาจากการเผาแปลงจากพื้นที่บุกรุกเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ซีพีไม่เพียงแค่ตั้งกฎ แต่ลงมือทำจริง ระบบตรวจสอบย้อนกลับถูกนำมาใช้ในไทย 100% ตั้งแต่ปี 2559 และขยายผลสู่ประเทศเมียนมา โดยร่วมมือกับ สมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดเมียนมา ล้างบางข้าวโพดเผาแปลงกว่า 570,000 เอเคอร์ ในรัฐฉานตอนใต้ ลดหมอกควันข้ามพรมแดน สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ซีพียังเดินหน้าสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกร เลิกเผา หันมาสู่เกษตรกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้โมเดล “สบขุ่นโมเดล” จังหวัดน่าน ปลูกกาแฟแทนพืชเชิงเดี่ยว สร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่า 1.6 ล้านบาทต่อปี และขยายโครงการไปยังพื้นที่ 4 ต้นน้ำ ปิง-วัง-ยม-น่าน และ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ฟื้นป่ากว่า 12,079 ไร่

ขณะเดียวกัน ซีพี ดึงพลังคนรุ่นใหม่ร่วมสู้ ผ่านแคมเปญ #FIGHTหมอกควัน สร้างกระแสความร่วมมือทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาหมอกควันและลดคาร์บอน พร้อมเปิดช่องทางแจ้งเบาะแสการเผาแปลงผ่านแอปฯ ฟ.ฟาร์ม ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง

การหารือครั้งนี้สะท้อนถึงแนวทางของซีพีที่ “ไม่ใช่แค่พูด แต่ทำจริง” พร้อมเดินหน้าทุกมาตรการเพื่อ ปิดเกมไฟป่า หยุดฝุ่นพิษ ขจัดหมอกควัน PM2.5 สร้างสมดุลสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยและประชาชนทั้งประเทศ      

#ซีพี #เผาป่า #PM25 #ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

       

พบค่าฝุ่น PM 2.5 กทม.เช้านี้ อยู่ระดับส้ม 16 เขต สูงสุดเขต #หนองจอก

วันที่ 4 ก.พ.68 กระทรวง อว. โดย GISTDA เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมแบบรายชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” รอบเวลา 06.00 น. ของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 พบค่าฝุ่น PM2.5 ของกรุงเทพมหานคร ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจในระดับส้ม จำนวน 16 เขต โดยค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด คือเขต #หนองจอก 56.4 ไมโครกรัม ส่วนเขตอื่นๆที่เหลือค่าฝุ่น PM2.5 ระดับปานกลางสีเหลือง

ด้านของภาพรวมประเทศไทยในรอบเวลาเดียวกัน พบค่าฝุ่น PM2.5 ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีส้ม 38 จังหวัด กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง

แอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ยังคงมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีส้ม ส่วนภาพรวมของประเทศยังมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีส้มเช่นกัน ซึ่งกระจายอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

รู้ค่าฝุ่น PM2.5 ทุกๆ ชั่วโมงจากแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น" เพียงพิมพ์คำว่า เช็คฝุ่น ใน App Store สำหรับระบบ iOS และ Google Play สำหรับระบบ Android ได้แล้ววันนี้

#GISTDA #อว #เช็คฝุ่น #คุณภาพชีวิต #วิเคราะห์ข้อมูล #มลพิษทางอากาศ #คุณภาพอากาศ #สุขภาพ #ระบบทางเดินหายใจ #กรุงเทพมหานคร #PM2POINT5 #เทคโนโลยีดาวเทียม #ข้อมูลจากดาวเทียม