กทม. เช้านี้ ฝุ่น PM 2.5 สีส้ม เกินมาตรฐาน 66 พื้นที่ วอนสวมแมสก์ ลดกิจกรรมกลางแจ้ง

วันที่ 3 ก.พ.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 07.00 น.ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 47.2 มคก./ลบ.ม. ฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลง ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 66 พื้นที่

ข้อแนะนำสุขภาพ

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก

ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชม.

: ตรวจวัดได้ 34.5-63.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 66 พื้นที่ คือ

1.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 63.2 มคก./ลบ.ม.

2.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 62.5 มคก./ลบ.ม.

3.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 61.7 มคก./ลบ.ม.

4.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 58.2 มคก./ลบ.ม.

5.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 56.1 มคก./ลบ.ม.

6.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 56.0 มคก./ลบ.ม.

7.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 55.0 มคก./ลบ.ม.

8.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 54.5 มคก./ลบ.ม.

9.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 54.0 มคก./ลบ.ม.

10.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 53.3 มคก./ลบ.ม.

11.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 53.2 มคก./ลบ.ม.

12.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 52.1 มคก./ลบ.ม.

13.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 51.9 มคก./ลบ.ม.

14.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 51.6 มคก./ลบ.ม.

15.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 51.4 มคก./ลบ.ม.

16.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 51.3 มคก./ลบ.ม.

17.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 50.5 มคก./ลบ.ม.

18.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 50.4 มคก./ลบ.ม.

19.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 50.4 มคก./ลบ.ม.

20.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 50.3 มคก./ลบ.ม.

21.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 50.1 มคก./ลบ.ม.

22.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 50.0 มคก./ลบ.ม.

23.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 49.8 มคก./ลบ.ม.

24.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 49.2 มคก./ลบ.ม.

25.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 48.7 มคก./ลบ.ม.

26.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 48.6 มคก./ลบ.ม.

27.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 48.1 มคก./ลบ.ม.

28.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 48.1 มคก./ลบ.ม.

29.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 47.4 มคก./ลบ.ม.

30.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 47.0 มคก./ลบ.ม.

31.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 46.4 มคก./ลบ.ม.

32.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 46.2 มคก./ลบ.ม.

33.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 46.1 มคก./ลบ.ม.

34.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 46.0 มคก./ลบ.ม.

35.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 45.7 มคก./ลบ.ม.

36.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 45.1 มคก./ลบ.ม.

37.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 45.0 มคก./ลบ.ม.

38.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 45.0 มคก./ลบ.ม.

39.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 44.8 มคก./ลบ.ม.

40.สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม : มีค่าเท่ากับ 44.7 มคก./ลบ.ม.

41.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 44.4 มคก./ลบ.ม.

42.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 43.7 มคก./ลบ.ม.

43.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 43.6 มคก./ลบ.ม.

44.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 43.4 มคก./ลบ.ม.

45.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 43.4 มคก./ลบ.ม.

46.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 43.0 มคก./ลบ.ม.

47.สวนจตุจักร เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 42.7 มคก./ลบ.ม.

48.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 42.6 มคก./ลบ.ม.

49.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 42.5 มคก./ลบ.ม.

50.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 42.5 มคก./ลบ.ม.

51.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 42.4 มคก./ลบ.ม.

52.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 42.1 มคก./ลบ.ม.

53.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 42.0 มคก./ลบ.ม.

54.เขตบางกะปิ ข้าง ป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ : มีค่าเท่ากับ 42.0 มคก./ลบ.ม.

55.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 41.9 มคก./ลบ.ม.

56.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 41.9 มคก./ลบ.ม.

57.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 41.9 มคก./ลบ.ม.

58.สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 41.5 มคก./ลบ.ม.

59.เขตห้วยขวาง ภายในสำนักงานเขตห้วยขวาง (ด้านข้างโรงเพาะชำ) ถนนประชาอุทิศ : มีค่าเท่ากับ 41.5 มคก./ลบ.ม.

60.เขตวัฒนา ตรงข้าม noble Reveal(ข้าง MK gold restaurants) : มีค่าเท่ากับ 41.3 มคก./ลบ.ม.

61.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 41.3 มคก./ลบ.ม.

62.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 40.9 มคก./ลบ.ม.

63.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.

64.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.

65.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.

66.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 38.1 มคก./ลบ.ม.

ในช่วงวันที่ 3-9 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัว (เพิ่มขึ้นสลับลดลง) และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า

ไม่พบจุดความร้อนในบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- www.airbkk.com

- FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

- FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม

- FB: กรุงเทพมหานคร

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- LINE ALERT

หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue

#ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25 #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี

ทุบทุกสถิติ! รถไฟฟ้าฟรี 7 วัน ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ารวมกว่า 14.5 ล้านคน-เที่ยว

ทุบทุกสถิติ! รถไฟฟ้าฟรี 7 วัน ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ารวมกว่า 14.5 ล้านคน-เที่ยว

กรมรางเผยศุกร์สิ้นเดือนและเป็นวันสุดท้ายที่ขึ้นรถไฟฟ้าได้ฟรี มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวม 2.42 ล้านคน-เที่ยว สูงที่สุดทุบสถิติ ตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid- 19 (นิวไฮ) เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันศุกร์ในสามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 สะสมครบ 7 วัน มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ารวมกว่า 14.5 ล้านคน-เที่ยว 

เมื่อวันที่ 1 ก.พ.68 นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า เมื่อวาน (31 มกราคม 2568) ซึ่งเป็นวันศุกร์สิ้นเดือนมกราคม และเป็นวันสุดท้าย (วันที่เจ็ด) ที่มีมาตรการส่งเสริมให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะสำหรับรถไฟฟ้าทุกสายทางและรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2568 รวม 7 วัน เพื่อช่วยลดฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดจากยานพาหนะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้พบว่ามีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 2,420,999 คน-เที่ยว สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid- 19 (นิวไฮ) โดยมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 716,799 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.06 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันศุกร์ในสามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา (ค่าเฉลี่ยฯ 1,704,200 คน-เที่ยว) และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามากกว่าวันพฤหัสบดี (30 มกราคม 2568) จำนวน 89,465 คนเที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.84 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. รถไฟฟ้า Airport Rail Link มีผู้ใช้บริการจำนวน 101,641 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 22,717 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.78) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid-19 (นิวไฮ)

2. รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 61,216 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 19,702 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.46) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid-19 (นิวไฮ)

3. รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) มีผู้ใช้บริการจำนวน 712,781 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 194,781 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.06) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid-19 (นิวไฮ)

4. รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 110,632 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 27,963 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.83) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid-19 (นิวไฮ)

5. รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) มีผู้ใช้บริการจำนวน 1,188,459 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 332,832 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.90) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid-19 (นิวไฮ) และสูงสุดอีกครั้งตั้งแต่เปิดให้บริการมากว่า 25 ปี

6. รถไฟฟ้าสายสีทอง มีผู้ใช้บริการจำนวน 17,984 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 9,364 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 108.63) (ทั้งนี้ รถไฟฟ้าสายสีทองมีผู้ใช้บริการสูงสุด จำนวน 48,107 คน-เที่ยว เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2566)

7. รถไฟฟ้าสายนัคราพิพัฒน์ (สีเหลือง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 96,432 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 47,684 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 97.82) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid-19 (นิวไฮ) และสูงสุดตั้งแต่เปิดให้บริการ

8. รถไฟฟ้าสายสีชมพูให้บริการ มีผู้ใช้บริการจำนวน 131,854 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 61,756 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 88.10) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid-19 (นิวไฮ) และสูงสุดตั้งแต่เปิดให้บริการ

ทั้งนี้หากเรียงลำดับตามร้อยละที่เพิ่มขึ้น จะพบว่า มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีทองเพิ่มขึ้นร้อยละ 108.63 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันศุกร์สามสัปดาห์ของเดือน รองลงมาคือรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู เพิ่มขึ้นร้อยละ 97.82 และร้อยละ 88.10 ตามลำดับ และยังส่งผลให้มีจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามากสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ covid-19 (นิวไฮ) รวม 9 สายทาง ได้แก่ สายสีเหลือง (สายนัคราพิพัฒน์) สายสีชมพู สายสีแดง (สายนครวิถีและสายธานีรัถยา) สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) สายสีน้ำเงิน (สายเฉลิมรัชมงคล) สายสีม่วง (สายฉลองรัชธรรม) และ Airport Rail Link

นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับรถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ให้บริการรวม 210 ขบวน มีผู้ใช้บริการจำนวน 97,421 คน-เที่ยว ประกอบด้วย ผู้โดยสารขบวนรถเชิงพาณิชย์ 36,944 คน-เที่ยว และขบวนรถเชิงสังคม 60,477 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยฯ จำนวน 12,852 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.20 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันศุกร์สามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ภาพรวมวันที่ 31 มกราคม 2568 มีผู้ใช้บริการระบบรางรวมทั้งสิ้น 2,518,420 คน-เที่ยว สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid-19 (นิวไฮ) เพิ่มขึ้น 729,651 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.79 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันศุกร์ในสามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา

นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมสะสมครบ 7 วัน ตามมาตรการรถไฟฟ้าฟรี มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ารวม 14,506,212 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นจากช่วงเจ็ดวันเดียวกันของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4,116,446 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.62 (วันที่ 18-24 มกราคม 2568 รวม 7 วันก่อนมีมาตรการฯ มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า รวม 10,389,766 คน-เที่ยว) โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) มีผู้ใช้บริการจำนวน 7,308,548 คน-เที่ยว (มากกว่าสัปดาห์ก่อนมีมาตรการฯ 2,058,833 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.22)

2.รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) มีผู้ใช้บริการจำนวน 4,212,284 คน-เที่ยว (มากกว่าสัปดาห์ก่อนมีมาตรการฯ 1,058,345 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.56)

3.รถไฟฟ้าสายสีชมพูให้บริการ มีผู้ใช้บริการจำนวน 737,309 คน-เที่ยว (มากกว่าสัปดาห์ก่อนมีมาตรการฯ 329,018 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 80.58)

4.รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 620,267 คน-เที่ยว (มากกว่าสัปดาห์ก่อนมีมาตรการฯ 130,908 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.75)

5. รถไฟฟ้า Airport Rail Link มีผู้ใช้บริการจำนวน 612,489 คน-เที่ยว (มากกว่าสัปดาห์ก่อนมีมาตรการฯ 120,212 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.42)

6.รถไฟฟ้าสายนัคราพิพัฒน์ (สีเหลือง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 556,384 คน-เที่ยว (มากกว่าสัปดาห์ก่อนมีมาตรการฯ 262,422 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 89.28)

7..รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 330,448 คน-เที่ยว (มากกว่าสัปดาห์ก่อนมีมาตรการฯ 80,296 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.10)

8.รถไฟฟ้าสายสีทอง มีผู้ใช้บริการจำนวน 128,483 คน-เที่ยว (มากกว่าสัปดาห์ก่อนมีมาตรการฯ 76,342 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 146.41)

นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับช่วงวันที่ 31 มกราคม - 8 กุมภาพันธ์ 2568 มีงานเกษตรแฟร์ประจำปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าเพื่อเข้าร่วมงานดังกล่าว กรมการขนส่งทางราง (ขร.) จึงได้ประสานผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าเตรียมความพร้อมการจัดการที่สถานีใกล้เคียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ปริมาณผู้โดยสารที่สถานีรถไฟฟ้าต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาปรับเพิ่มความถี่ในการให้บริการเพิ่มเติม เพิ่มช่องทางการออกบัตร/เหรียญโดยสารเพิ่มเติม สามารถรองรับการเดินทางของประชาชนได้อย่างเพียงพอ รวมทั้งในกรณีที่สถานีรถไฟฟ้ามีผู้โดยสารหนาแน่น จะมีการจัดลำดับการเข้าใช้บริการของผู้โดยสาร (Group Release) เพื่อควบคุมปริมาณผู้ใช้บริการไม่ให้เกิดความแออัดทั้งในสถานีและในขบวนรถไฟฟ้า เพื่อให้ผู้ใช้บริการระบบรางได้รับความสะดวก รวดเร็วและมีความปลอดภัยสูงสุด

นายพิเชฐ กล่าวปิดท้ายว่า ภายหลังมีมาตรการรถไฟฟ้าฟรี พบว่า มีประชาชนหันมาใช้บริการระบบรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานเป็นวันสุดท้ายของมาตรการฯ ทำให้มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ covid-19 และตั้งแต่เปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าเกือบทุกเส้นทาง (ยกเว้นสายสีทอง) ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนสนใจร่วมเข้าใช้ระบบรถไฟฟ้าที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลแบบสันดาป อันเป็นแนวทางที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ช่วยลดมลภาวะทางอากาศ รวมทั้งมีส่วนช่วยให้ฝุ่นละออง PM 2.5 ลดลงอีกด้วย ทั้งนี้ ขร. จะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว สรุปเสนอกระทรวงคมนาคมต่อไป

#กรมการขนส่งทางราง #drt #คมนาคม #รถไฟฟ้า #มาตรการลดฝุ่น #PM2.5 #ปริมาณผู้โดยสาร #ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า #ระบบราง

พาณิชย์ เตรียมเสนอ ครม. สินค้าควบคุม “เครื่องฟอกอากาศ-เครื่องดูดฝุ่น” หลังพบราคาพุ่งช่วงวิกฤต PM 2.5

วันที่ 1 ก.พ. 68 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 มีค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ เตรียมเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) พิจารณานำสินค้าเครื่องฟอกอากาศ และเครื่องดูดฝุ่น เข้าเป็นสินค้าควบคุม เพื่อกำกับดูแลไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา หรือปรับราคาสูงขึ้นเกินสมควร ในช่วงที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น จากการที่ประชาชนต้องซื้อไว้ใช้ป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเมื่อ กกร. พิจารณาแล้ว จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

 

สำหรับการเสนอให้เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องดูดฝุ่น เป็นสินค้าควบคุม เนื่องจากความต้องการของประชาชนเพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้ป้องกันฝุ่น PM 2.5 และจากการสำรวจพบว่า เครื่องฟอกอากาศ มีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นจากที่เคยจำหน่ายปกติ รวมถึงไส้กรองเครื่องฟอกอากาศ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน รวมถึงเครื่องดูดฝุ่นด้วย ทั้งนี้หากเสนอให้เป็นสินค้าควบคุมแล้ว จะสามารถกำหนดมาตรการ ทั้งการให้แจ้งต้นทุนการผลิต ต้นทุนนำเข้า การกำหนดราคาให้สอดคล้องกันต้นทุน และมาตรการที่จำเป็นอื่น ๆ เพื่อดูแลสินค้าให้เพียงพอ มีราคาจำหน่ายที่เป็นธรรม

PM 2.5 กทม เช้านี้ต้อนรับเดือนแห่งความรัก เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม มีผลกระทบต่อสุขภาพ 69 พื้นที่

วันที่ 1 ก.พ.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น.

ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 60.2 มคก./ลบ.ม.

ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพ เป็นดั่งที่ กทม. ลงข่าวเตือนหลายวันก่อน ว่าค่าฝุ่นจะสูงขึ้น

ค่าเกินมาตรฐาน อยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 69 พื้นที่

ข้อแนะนำสุขภาพ:

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก

ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

ณ เวลา 07.00 น.ตรวจวัดได้ 47.4-74.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 69 พื้นที่ คือ

1.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 74.5 มคก./ลบ.ม.

2.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 73.5 มคก./ลบ.ม.

3.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 72.8 มคก./ลบ.ม.

4.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 72.6 มคก./ลบ.ม.

5.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 71.4 มคก./ลบ.ม.

6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 71.0 มคก./ลบ.ม.

7.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 70.0 มคก./ลบ.ม.

8.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 68.8 มคก./ลบ.ม.

9.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 68.7 มคก./ลบ.ม.

10.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 66.6 มคก./ลบ.ม.

11.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 66.3 มคก./ลบ.ม.

12.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 66.1 มคก./ลบ.ม.

13.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 66.0 มคก./ลบ.ม.

14.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 65.5 มคก./ลบ.ม.

15.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 64.9 มคก./ลบ.ม.

16.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 64.7 มคก./ลบ.ม.

17.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 64.6 มคก./ลบ.ม.

18.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 64.2 มคก./ลบ.ม.

19.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 62.9 มคก./ลบ.ม.

20.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 62.7 มคก./ลบ.ม.

21.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 62.1 มคก./ลบ.ม.

22.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 62.1 มคก./ลบ.ม.

23.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 61.9 มคก./ลบ.ม.

24.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 61.4 มคก./ลบ.ม.

25.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 61.2 มคก./ลบ.ม.

26.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 61.2 มคก./ลบ.ม.

27.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 61.0 มคก./ลบ.ม.

28.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 60.2 มคก./ลบ.ม.

29.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 59.6 มคก./ลบ.ม.

30.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 59.6 มคก./ลบ.ม.

31.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 59.3 มคก./ลบ.ม.

32.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 59.1 มคก./ลบ.ม.

33.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 58.8 มคก./ลบ.ม.

34.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 58.3 มคก./ลบ.ม.

35.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 58.2 มคก./ลบ.ม.

36.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 58.2 มคก./ลบ.ม.

37.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 57.9 มคก./ลบ.ม.

38.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 57.6 มคก./ลบ.ม.

39.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 57.4 มคก./ลบ.ม.

40.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 57.3 มคก./ลบ.ม.

41.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 57.0 มคก./ลบ.ม.

42.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 56.4 มคก./ลบ.ม.

43.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 56.2 มคก./ลบ.ม.

44.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 55.8 มคก./ลบ.ม.

45.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 55.8 มคก./ลบ.ม.

46.สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม : มีค่าเท่ากับ 55.6 มคก./ลบ.ม.

47.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 55.3 มคก./ลบ.ม.

48.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 55.3 มคก./ลบ.ม.

49.เขตวัฒนา ตรงข้าม noble Reveal(ข้าง MK gold restaurants) : มีค่าเท่ากับ 55.1 มคก./ลบ.ม.

50.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 54.9 มคก./ลบ.ม.

51.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 54.6 มคก./ลบ.ม.

52.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 54.5 มคก./ลบ.ม.

53.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 54.4 มคก./ลบ.ม.

54.สวนจตุจักร เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 54.3 มคก./ลบ.ม.

55.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 54.1 มคก./ลบ.ม.

56.เขตห้วยขวาง ภายในสำนักงานเขตห้วยขวาง (ด้านข้างโรงเพาะชำ) ถนนประชาอุทิศ : มีค่าเท่ากับ 53.5 มคก./ลบ.ม.

57.เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 53.3 มคก./ลบ.ม.

58.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 53.1 มคก./ลบ.ม.

59.เขตบางกะปิ ข้าง ป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม.

60.เขตบางแค ภายในสำนักงานเขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 52.6 มคก./ลบ.ม.

61.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 52.0 มคก./ลบ.ม.

62.สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 51.9 มคก./ลบ.ม.

63.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 51.6 มคก./ลบ.ม.

64.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 51.0 มคก./ลบ.ม.

65.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 50.1 มคก./ลบ.ม.

66.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน : มีค่าเท่ากับ 48.1 มคก./ลบ.ม.

67.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 47.7 มคก./ลบ.ม.

68.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 47.6 มคก./ลบ.ม.

69.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 47.4 มคก./ลบ.ม.

ในช่วงวันที่ 1-9 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัว (เพิ่มขึ้นสลับลดลง) และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส

ไม่พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- www.airbkk.com

- FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

- FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม

- FB: กรุงเทพมหานคร

- แอปพลิเคชัน AirBKK

- LINE ALERT

หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue

แดงทุกเขตของ กทม.! ฝุ่น PM2.5 เกินกว่า 100 ไมโครกรัม มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ

วันที่ 31 ม.ค.68 กระทรวง อว. โดย GISTDA เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมแบบรายชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” รอบเวลา 07.00 น. ของวันที่ 31 มกราคม 2568 พบทุกเขตของกรุงเทพมหานครมีค่าฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจในระดับแดง เกินกว่า 100 ไมโครกรัม โดยค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด คือเขต #ธนบุรี 145.9 ไมโครกรัม

ด้านของภาพรวมประเทศไทยในรอบเวลาเดียวกัน พบค่าฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีแดง 37 จังหวัด และพบค่าฝุ่น PM2.5 ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ

แอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ยังคงมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีแดง ส่วนภาพรวมของประเทศยังมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีสีส้มกระจายอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

รู้ค่าฝุ่น PM2.5 ทุกๆ ชั่วโมงจากแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น" เพียงพิมพ์คำว่า เช็คฝุ่น ใน App Store สำหรับระบบ iOS และ Google Play สำหรับระบบ Android ได้แล้ววันนี้

#GISTDA #อว #เช็คฝุ่น #คุณภาพชีวิต #วิเคราะห์ข้อมูล #มลพิษทางอากาศ #คุณภาพอากาศ #สุขภาพ #ระบบทางเดินหายใจ #กรุงเทพมหานคร #PM2POINT5 #เทคโนโลยีดาวเทียม #ข้อมูลจากดาวเทียม

พบ 5 เขต กทม.ค่าฝุ่น PM2.5 มีผลต่อระบบทางเดินหายใจในระดับแดง สูงสุด #คันนายาว

วันที่ 30 ม.ค.68 กระทรวง อว. โดย GISTDA เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมแบบรายชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” รอบเวลา 08.00 น. ของวันที่ 30 มกราคม 2568 พบ 5 เขตของกรุงเทพมหานครมีค่าฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจในระดับแดง โดยค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด คือเขต #คันนายาว 85.7 ไมโครกรัม ในส่วนของเขตที่เหลือพบค่าฝุ่น PM 2.5 ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม)

ด้านของภาพรวมประเทศไทยในรอบเวลาเดียวกัน พบค่าฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีแดง 2 จังหวัด และพบค่าฝุ่น PM2.5 ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ ถึง 63 จังหวัด กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ

แอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ยังคาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่าหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ยังคงมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีส้ม ส่วนภาพรวมของประเทศยังมีค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีสีส้มกระจายอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ข้อมูลบนแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับ AI (Artificial intelligence) ในการวิเคราะห์ค่าฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับการใช้ข้อมูลการตรวจวัด PM 2.5 จากกรมควบคุมมลพิษ, ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา รวมถึงข้อมูลของแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มานำเสนอให้ในรูปแบบข้อมูลตัวเลขและค่าสีในระดับต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมาโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

รู้ค่าฝุ่น PM2.5 ทุกๆ ชั่วโมงจากแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น" เพียงพิมพ์คำว่า เช็คฝุ่น ใน App Store สำหรับระบบ iOS และ Google Play สำหรับระบบ Android ได้แล้ววันนี้

#GISTDA #อว #เช็คฝุ่น #คุณภาพชีวิต #วิเคราะห์ข้อมูล #มลพิษทางอากาศ #คุณภาพอากาศ #สุขภาพ #ระบบทางเดินหายใจ #กรุงเทพมหานคร #PM2POINT5 #เทคโนโลยีดาวเทียม #ข้อมูลจากดาวเทียม

ฝุ่นเริ่มสูงขึ้นดั่งคำพยากรณ์! เช้านี้ PM 2.5 กทม. เกินมาตรฐาน อยู่ระดับสีส้ม 26 พื้นที่

วันที่ 30 ม.ค.68 ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น.

ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.3 มคก./ลบ.ม.

ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

เกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่

ข้อแนะนำสุขภาพ:

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก

ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดได้ 26-53 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ

1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม.

2.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.8 มคก./ลบ.ม.

3.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม.

4.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม.

5.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม.

6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม.

7.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 42.9 มคก./ลบ.ม.

8.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม.

9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม.

10.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม.

11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม.

12.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม.

13.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม.

14.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.

15.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.

16.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.

17.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.

18.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.

19.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม.

20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.

21.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.

22.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม.

23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม.

24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม.

25.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม.

26.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม.

ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี - อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น อย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 2-7 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า

ดาวเทียมจาก NASA ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ NASA ก็พาเธอกลับมาไม่ได้

#ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25#สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี

ร้อยเอ็ด ตรวจวัดค่าควัน จากท่อไอเสียรถยนต์ แก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 

จังหวัดร้อยเอ็ด ตรวจวัดค่าควัน จากท่อไอเสียรถยนต์ แก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 

วันที่ 28 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด แห่งที่ 2 ตำบลหนองแวง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด มอบหมายให้นายสุวัฒน์ เข็มเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจวัดค่าควัน จากท่อไอเสียรถยนต์ ตามมาตรการของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อย่างเร่งด่วนและลดผลกระทบต่อประชาชน ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี นายปราการ มสิกพรรค์ ขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด, นายธรณิศ เทพแพงตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด, นางสาวสุภาพ นพเก้า ประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมติดตาม


ในส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย ที่ส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของประชาชน ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญเกิดจากควันของท่อไอเสียรถยนต์ ซึ่งค่าควันดำ ที่ตรวจด้วยเครื่องวัดควันดำระบบวัดความทึบแสงขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 และเครื่องวัดควันดำระบบกระดาษกรองขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 40 


ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก ได้แนะนำให้เจ้าของรถตรวจเช็กและซ่อมเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ เพื่อรมลพิษทางอากาศ คืนอากาศสะอาดให้ประชาชน โดยมีวิธีแก้ไขรถที่ปล่อยควันดำเบื้องต้น คือ 1)เปลี่ยนกรองอากาศใหม่ 2) เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามระยะเวลา 3) เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องตามระยะเวลา เป็นต้น หากมีการพบและตรวจวัดควันดำที่มีค่าเกินกว่ากฎหมายกำหนด จะมีโทษปรับสูงสุด 5,000 บาท 

อำเภอค้อวัง นำร่อง kick off ไถกลบตอซังข้าวแทนการเผาในพื้นที่การเกษตร ป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5

อำเภอค้อวัง นำร่อง kick off ไถกลบตอซังข้าวแทนการเผาในพื้นที่การเกษตร ป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5
 
วันที่ 28 ม.ค.68 เวลา10.00น.ที่นาแปลงใหญ่กลุ่มเกษตรกรบ้านฟ้าห่วน หมู่ที่ 2 ตำบลฟ้าห่วน อำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร  ว่าที่ร้อยตรี ขรรค์ไชย ทันธิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานในการการKick off ไถกลบตอซังข้าวแทนการเผาโดยมีนายสราวุธ   นามสีลี นายอำเภอค้อวัง พร้อมด้วยหน่วยงานส่วนราชการท้องที่ท้องถิ่น ประชาชนอำเภอค้อวังเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 80 ราย

นายสราวุธ นามสีลีนายอำเภอค้อวังจังหวัดยโสธรกล่าวว่าด้วยปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) นับเป็นวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อมโดยรวมของประเทศ สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการเผาในพื้นที่เกษตร ทำให้เกิดควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มากขึ้น เกิดเป็นมลพิษในอากาศที่กระจายตัวในวงกว้าง ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในปัจจุบัน ดังนั้นอำเภอค้อวังจึงได้จัดกิจกรรม kick off ไถกลบตอซังข้าวแทนการเผาเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนเกษตรเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตร และสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผาในพื้นที่การเกษตรโดยการไถกลบตอซังข้าวแทนการเผาเพราะในปัจจุบันปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) นับเป็นวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อมของประเทศ สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการเผาในพื้นที่เกษตร ทำให้เกิดควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มากขึ้น เกิดเป็นมลพิษในอากาศที่กระจายตัวในวงกว้าง ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในปัจจุบัน

รัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมอบหมายให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ดำเนินการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร สร้างการมีส่วนร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน ภาคเอกชน ในการบริหารจัดการให้ชุมชนปลอดการเผาและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ที่มีเป้าหมายในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้เกษตรกรตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และนำเสนอทางเลือกในการใช้เทคโนโลยีการเกษตรทดแทนการเผา สร้างการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผา รวมทั้งสร้างต้นแบบในการทำการเกษตรปลอดการเผาเพื่อสนับสนุนการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรในระยะต่อไป

หน่วยงานอ่างทอง บูรณาการลงพื้นที่ตรวจสอบควันดำจากรถยนต์ คุมแหล่งกำเนิด PM 2.5 ตามนโยบายเร่งด่วนผู้ว่าฯ 

หน่วยงานอ่างทอง บูรณาการลงพื้นที่ตรวจสอบควันดำจากรถยนต์ คุมแหล่งกำเนิด PM 2.5 ตามนโยบายเร่งด่วนผู้ว่าฯ 

วันที่ 28 มกราคม 2568 ณ บริเวณสี่แยกไฟแดงป่าโมก อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง มอบหมายให้นายณรงค์พร ดูดดื่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอ่างทอง ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 6 นนทบุรี สำนักงานขนส่งจังหวัดอ่างทอง แขวงทางหลวงชนบท กอ.รมน.จังหวัดอ่างทอง ตำรวจภูธรป่าโมก อำเภอป่าโมก และที่ทำการปกครองอำเภอป่าโมก บูรณาการตั้งจุดตรวจ และจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบควันดำจากรถยนต์ ควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 รวมถึงรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล และข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ที่ให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการเฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยเร่งด่วน  

สำหรับการลงพื้นที่ดังกล่าว หน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ สำนักงานขนส่งจังหวัดอ่างทองและตำรวจภูธรอำเภอป่าโมก ได้ติดตามตรวจสอบการระบายมลพิษรถทุกประเภท ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522,  สำนักงานขนส่งจังหวัดอ่างทอง ติดตามตรวจสอบการระบายมลพิษรถยนต์ขนาดใหญ่ (เช่น รถยนต์โดยสาร รถบรรทุก) ภายใต้ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522,  สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอ่างทอง ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 6 ติดตามตรวจสอบการระบายมลพิษรถยนต์ขนาดเล็ก (รถตู้ รถปิกอัพ จักรยานยนต์ เป็นต้น) ภายใต้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535