จมน้ำ

สุดหลอนวันข้าวประดับดิน หนุ่มช่างแอร์ฉลองเบ็ดใหม่ตกปลาได้ศพคน หนุ่มช่างแอร์สุดช็อค!!!ดึงเบ็ดขึ้นจากน้ำแทบไม่ทัน!! หนุ่มอุดรฉลองเบ็ดใหม่ไปตกปลาคลองรอบเมือง โยนเบ็ดไปได้แค่ 1 ไม้ ตกใจจนขาสั่นเจอศพคนตายลอยน้ำ ดึงเบ็ดขึ้นจากน้ำแทบไม่ทัน เจ้าหน้าที่ฯ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ศพตายปริศนา สงสัยทำไมไม่ลอยไปที่อื่น หมุนอยู่ในน้ำ สงสัยคนตายลอยรอขอความยุติธรรม ตร.ชันสูตรพบกางเกงไม่รูดซิป

วันนี้ (2 ก.ย.67) เวลา 21.00 น. พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุมีคนพบศพคนเสียชีวิตอยู่อยู่คลองระบายน้ำบ้านจั่นช่วงถนนรอบเมืองอุดรธานี จากแยกหนองไปแยกสามพร้าว หน้าชุมชนการเคหะ ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี เมื่อถึงพบศพคนเสียชีวิต ลอยอยู่ในคลองระบายน้ำ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วหลายวัน  สภาพศพขึ้นอืด โดยคนตายสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน  กู้ภัยจึงนำร่างขึ้นมา แพทย์เวรชันสูตรศพยังไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน อายุราวๆ 35-40 ปี สูงประมาณ 160-165 ซม. ตรวจสอบพบว่า กางเกงไม่รูดซิป คาดว่าตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5-6  วัน อาจจะเป็นหนุ่มนักท่องเที่ยวมายืนฉี่ตรงจุดคลองส่งน้ำ หรืออาจจะถูกฆาตกรรม ตร.จะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุหาสาเหตุที่เสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป พร้อมกันนี้ได้นำศพไปเก็บไว้ที่ แผนกนิติเวชรพ.ศูนย์อุดรธานีเพื่อให้ญาติมาติดต่อรับศพต่อไป ขณะที่ไทยมุงขนลุก พบศพในวันข้าวประดับดิน และศพคนตายไม่ลอยไปไหน หมุนอยู่ตรงคลองส่งน้ำ เหมือนวิญญาณร้องเรียกความยุติธรรมกับสาเหตุการเสียชีวิตก็เป็นได้

นายศักดา โคตรแสนดี หรือไมค์ อายุ 23 ปี ชาวบ้านหนองนาหล่ำ ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ตนเองเป็นช่างแอร์ ก่อนหน้าจะพบศพชายลอยน้ำ วันนี้เพิ่งซื้อคันเบ็ดมาใหม่หมาดๆ จึงออกมาหาลองเบ็ดและตกปลา เพราะปกติชอบตกปลาอยู่แล้ว ออกมาจากบ้านก็มาจอดรถที่สะพานตรงนี้ จากนั้นก็เดินไปที่ริมคลอง อยากจะลองเบ็ดใหม่ ตอนแรกยังไม่เห็นศพคนพอโยนเบ็ดออกไปได้แค่ไม้เดียว สังเกตเห็นอะไรลอยอยู่ในน้ำ เปิดไฟส่องเห็นตอนแรกคิดว่าเป็นขยะลอยน้ำมา แต่ส่องไฟดูดีๆ แทบช็อคทำอะไรไม่ถูกจนขาสั่น ปรากฏว่า เห็นเป็นแขนเป็นขาคน ลอยหมุนบนอยู่ในน้ำ คิดแล้วว่าเป็นคนตายแน่สั่นกลัวจนแขนแข็งเลยไปหมดทำอะไรไม่ถูกตกใจมาก พอตั้งสติจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตร.ทันที ทั้งนี้จากนี้จะไม่มาตกปลาแถวนี้อีกหากจะมาก็จะชวนเพื่อนมาด้วย หนุ่มช่างแอร์กล่าวตอนท้ายแทบหัวใจจะวายมาตกเบ็ดเจอศพคนตาย

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 11 ส.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์ ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายลอยน้ำเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดภายในแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เคียงวัดตำหนักใต้ ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วยแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรีบรุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุภายในแม่น้ำเจ้าพระยา พบศพชาย 1 ราย อายุประมาณ 50 ปี ไม่สวมเสื้อ ใส่กางเกงขาสั้นสามส่วนสีดำ ลอยน้ำติดกับกองสวะใกล้เคียงวัดตำหนักใต้ เจ้าหน้าที่จึงนำเรือออกไปลากจูงร่างของผู้เสียชีวิตเพื่อมาขึ้นฝั่งบริเวณท่าเรือหน้าวัด 

จากการสอบถาม นายวีรยุทธ เพ็ชรแกมทอง เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งเหตุพบศพลอยน้ำใกล้เคียงวัดตำหนักใต้ จึงเดินทางมาตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำเรือออกไปลากจูงมาเนื่องจากศพได้ลอยไปติดกับกองสวะ เลยวัดตำหนักใต้ไปประมาณ 50 เมตร เบื้องต้นพบเป็นร่างชาย 1 ราย ไม่สวมเสื้อ ใส่กางเกงขาสั้นสามส่วนสีดำ สภาพนอนหงาย เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 วัน ส่วนเอกสารและข้อมูลอื่นๆอยู่ระหว่างรอแพทย์มาตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ต.อ สุทธินันท์  คงแช่มดี ผกก.สภ.เมือง นครราชสีมา รับแจ้งมีคนพลัดตกน้ำเสียชีวิตที่คูเมืองข้างศาลอุทธรณ์ภาค 3 ถ.กำแหงสงคราม เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา จึงรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่ในคูน้ำฝั่งตรงข้ามวัดสุทธจินดาวรวิหาร เจ้าหน้าที่วิทยุประสานของนักประดาน้ำหน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาโคราช มาช่วยกันค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบเอกสารหลักฐานระบุตัวตนและร่องรอยพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมแต่อย่างใด จึงนำร่างส่งโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เพื่อให้แพทย์เวรนิติเวชชันสูตรพลิกหาสาเหตุการเสียชีวิตตามกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ 

จากการสอบถามนายบี นามสมมุติ อายุ 28 ปี ชาว อ.เมือง นครราชสีมา ซึ่งเป็นสาวประเภทสองระบุพบเจอกับชายหนุ่มเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา บริเวณศาลาทรงไทย ข้างลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เมื่อทักทายพูดคุยกันจนถูกคอ ถูกใจ จึงพากันเดินออกห่างจากผู้คนชวนมานั่งเล่นริมคูเมือง ขณะสนทนากัน จู่ๆ ฝ่ายชายมีอาการชักเกร็งด้วยโรคประจำตัวกลิ้งตกลงไปในคูน้ำ ตอนแรกคิดแกล้งทำ แต่เมื่อเห็นท่าทางไม่ดีเลยรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ แต่ไม่ทันการณ์ชายที่รู้จักไม่ทันข้ามวันข้ามคืนได้เสียชีวิตอย่างน่าอนาถ

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ต.อ สุทธินันท์  คงแช่มดี ผกก.สภ.เมือง นครราชสีมา รับแจ้งมีคนพลัดตกน้ำเสียชีวิตที่คูเมืองข้างศาลอุทธรณ์ภาค 3 ถ.กำแหงสงคราม เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา จึงรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่ในคูน้ำฝั่งตรงข้ามวัดสุทธจินดาวรวิหาร เจ้าหน้าที่วิทยุประสานของนักประดาน้ำหน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาโคราช มาช่วยกันค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบเอกสารหลักฐานระบุตัวตนและร่องรอยพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมแต่อย่างใด จึงนำร่างส่งโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เพื่อให้แพทย์เวรนิติเวชชันสูตรพลิกหาสาเหตุการเสียชีวิตตามกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ 

จากการสอบถามนายบี นามสมมุติ อายุ 28 ปี ชาว อ.เมือง นครราชสีมา ซึ่งเป็นสาวประเภทสองระบุพบเจอกับชายหนุ่มเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา บริเวณศาลาทรงไทย ข้างลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เมื่อทักทายพูดคุยกันจนถูกคอ ถูกใจ จึงพากันเดินออกห่างจากผู้คนชวนมานั่งเล่นริมคูเมือง ขณะสนทนากัน จู่ๆ ฝ่ายชายมีอาการชักเกร็งด้วยโรคประจำตัวกลิ้งตกลงไปในคูน้ำ ตอนแรกคิดแกล้งทำ แต่เมื่อเห็นท่าทางไม่ดีเลยรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ แต่ไม่ทันการณ์ชายที่รู้จักไม่ทันข้ามวันข้ามคืนได้เสียชีวิตอย่างน่าอนาถ

สลดคุณลุงวัย 63 ปี หายตัวข้ามคืน ญาติออกตามหามาพบหมวกกันน็อกอยู่ในบึงจึง แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ พบขับขี่รถจักรยานยนต์ตกลงไปในน้ำร่างจมอยู่ใต้น้ำตั้งแต่เมื่อคืน

เวลา 07.00 น.วันที่ 27 ก.ค.2567 พ.ต.ต.กานต์ธีรา ชาญพนา สว.สอบสวน สภ.สามพราน จ.นครปฐม รับแจ้งพบรถจยย. รองเท้า และหมวกกันน็อค อยู่ในบึง บริเวณบึงบางช้าง ม.2 ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม คาดว่าเจ้าของรถอาจจะจมอยู่ในน้ำ จึงไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวน มูลนิธิกู้ภัยพรานพิทักษ์ 

ที่เกิดเหตุเป็นคลองกว้าง 20 เมตร ริมตลิ่งพบรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงินทะเบียน 1 กท xxxx หมวกกันน็อตสีดำ รองเท้าแตะ จึงให้ชุดประดาน้ำมูลนิธิกู้ภัยพรานพิทักษ์ ลงงมในคลองใช้เวลา 30 นาที จึงพบศพนายเชาว์ อายุ 63 ปีจมอยู่ก้นคลองนำศพขึ้นมาตรวจสอบไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย คาดว่าน่าจะเสียีวิตมาไม่น้อยกว่า 2ชั่วโมง 

สอบถามญาติผู้ตาย เล่าว่าผู้ตายขับรถออกไปจากบ้านและขาดการติดต่อประมาน 22:00 น. ของวันที่ 26 จนได้ชาวบ้านไปพบจักรยานยนต์ รองเท้า และหมวกกันน็อค อยู่ในบึงดังกล่าว จึงแจ้งตำรวจและกู้ภัย ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นอาจจะเกิดจากอาการป่วยกำเริบ หรือความมืดในเส้นทางอาจทำให้ผู้ตายขี่รถเสียหลักตกลงน้ำและหมดสติ ทำให้จมน้ำเสียชีวิตและเจ้าหน้าที่มอบศพให้มูลนิธิฯส่งชันสูตรอย่างละเอียดที่รพ.นครปฐม และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

เด็กหญิงวัย 12 ปี ชวนเพื่อนมาเล่นน้ำ พลาดตกลงไปในลำห้วย ก่อนถูกกระแสน้ำพัดจมหายไปต่อหน้าเพื่อนจนเสียชีวิต

เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 20ก.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทางน้ำ สมาคม วีอาร์ กู้ภัยมิตรภาพเมืองพล ได้ช่วยกันค้นหาร่างของ ด.ญ.ปนัดดา หรือน้องใหม่ วัย 12 ปี ชาวบ้าน บ.โนนสวรรค์ ต.คอนฉิม อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น หลังพาเพื่อนมาเล่นน้ำที่ฝายน้ำล้น กั้นลำห้วยหนองเอี่ยน บ.ดงบัง ต.คอนฉิม แล้วจมน้ำหายไป โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความลำบากในการค้นหาร่าง เนื่องจากกระแสน้ำที่ไหลแรงและมีความมืด จึงต้องประสานนำอุปกรณ์เพิ่มแสงสว่าง และกระจายกำลังกันคเนหาแบบเรียงหน้ากระดานจนกระทั่งพบร่างไร้วิญญาณจมอยู่ในน้ำจึงนำร่างขึ้นมาท่ามกลางความเศร้าสลดของครอบครัวอย่างมาก

นาย พรชัย มานาง ผญบ.ม.3 ต.คอนฉิม  กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเด็กจมน้ำจึงได้รีบมาตรวจสอบ โดยพบเด็กหญิงในรุ่นเดียวกัน 3 คน ชี้จุดที่น้องใหม่ จมน้ำหายไป จึงได้รีบประสานงานร่วมตำรวจ ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพื่อเร่งค้นหาร่าง ขณะที่จากการสอบถามเพื่อน้องใหม่ทราวว่า ก่อนเกิดเหตุ ทั้ง 4 คน ได้มาเล่นน้ำกันบนสันฝายน้ำล้น แต่น้องใหม่ได้พลัดตกลงไปในน้ำ เพื่อนๆจึงพยายามช่วยกันตามหาและขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่ขับรถผ่านมา แต่น้องใหม่ ถูกกระแสน้ำพัดออกไปไกลกว่า 50 เมตร และจมหายไป ต่อหน้าต่อตา

ขณะที่นายวุฒิชัย หมื่นศรีพรม หัวหน้าชุดทีมค้นหา สมาคม วีอาร์ กู้ภัยมิตรภาพเมืองพล กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งจึงได้จัดชุดทีมประดาน้ำลงไปให้การช่วยเหลือโดยใช้วิธีการหาเรียงหน้ากระดาน ตามคำบอกเล่าของเพื่อนๆ จนกระทั่งพบร่างน้องใหม่ อยู่ห่างออกฝายไปประมาณ 50 เมตร ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก

"ขอฝากไปยังผู้ปกครองและประชาชนในระยะนี้ให้ระวังการลงเล่นน้ำในช่วงฤดูฝน เพราะเป็นช่วงที่น้ำมีปริมาณมาก และกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราด ซึ่ง ในปีที่ผ่านมาพบคนจมน้ำเสียชีวิตในพื้นที่ อ.แวงใหญ่, แวงน้อย, ชนบท และ อ.พล แล้วจำนวนกว่า 10 ศพ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการมาเล่นน้ำในช่วงน้ำหล่กและการออกหาปลาในช่วงน้ำท่วม"

วัยรุ่นสะดุ้ง ขี่รถเจอศพลอยน้ำในคลองชลประทาน ตำรวจสอบตรวจพบ ชายพิการข้อมือขาด ด้านตำรวจยังสรุปสาเหตุการตาย

เวลา 13.40 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ศูนย์แจ้งเหตุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดตราด ได้รับแจ้งมีเหตุผู้เสียชีวิตในคลองชลประทาน (ใกล้เคียงอนามัยหนองเสม็ด) ม.5 ต.หนอง้สม็ด อ.เมือง จ.ตราด หลังรับแจ้งประสาน ร.ต.อ.เลิศศักดิ์ รัตนพิทักษ์ ร้อยเวร สภ.เมืองตราด เดินทางไปที่เกิดเหตุ โดยมีกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด 

ในที่เกิดเหตุเป็นคลองส่งน้ำชลประทาน พบศพชายคว่ำหน้า พิการข้อมือซ้ายขาด สวมเสื้อสีดำ มีสาหร่ายคลุมร่างอยู่ บริเวณจุดเกิดเหตุไม่มีร่องรอยของอุบัติเหตุแต่อย่างใด ทำให้ ร.ต.อ.เลิศศักดิ์ ต้องรายงานไปยัง พ.ต.อ.นิพล คงเกียรติก้อง ผกก.สภ.เมืองตราด ทราบ พร้อมประสานขอกำลังตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองตราด ชุดสืบสวน ภ.จว.ตราด และตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตราด ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อนำศพขึ้นมาแล้วจากน้ำแล้ว พบว่าตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย มีเพียงบริเวณคิ้วซ้ายที่มีแผ่นพลาสเตอร์ปิดอยู่ ส่วนกระเป๋าสะพายที่ติดตัวไม่มีเอกสารประจำตัวใด ๆ มีเพียงยาแก้ปวด และบุหรี่ยาเส้นเท่านั้น และจากการจากการตรวจสอบศพเบื้องต้น คาดว่า เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 วัน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ตำรวจยังไม่สามารถระบุได้ว่า เกิดจากการจมน้ำหรือถูกทำร้าย แต่ส่งศพให้แพทย์ผ่าพิสูจน์ศพต่อไป

หญิงสาววัย 25 ปี ที่พบศพเป็นคนแรก บอกว่า ตนเองและแฟนหนุ่มกำลังขี่รถไปทำงานกัน โดยใช้เส้นทางสายนี้เป็นประจำ เมื่อขี่รถผ่านจุดเกิดขึ้นเหตุสังเกตุเห็นเหมือนมีคนอยู่ในน้ำ แต่ก็ไม่ได้หยุดดูเดินไปทำงานตามปกติ กระทั่งช่วงพักกลางวันตนเองแฟนขี่รถกลับ และมองไปที่จุดเดิม ก็พบว่าเป็นคนจริง ๆ จึ่งแจ้งให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงให้ช่วยดู ก็พบว่าเป็นคนจมน้ำเสียชีวิต จึงแจ้งตำรวจให้ทราบ
ด้านนางสาว อายุ 52 ปี ผู้ที่รู้จักกับผู้ตาย ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายชื่อนายเล็ก อายุประมาณ 50 ปี พักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอบ่อไร่ จ.ตราด ซึ่งก่อนหน้านี้ย้อนหลังไป 2-3 เดือน นายเล็ก มักจะขี่รถจักรยานสีแดง มานั่งกินเหล้าอยู่แถวบ้านเป็นประจำ เมื่อเมาเหล้าก็มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับคนแถวนั้นบ่อยครั้ง กระทั่งนายเล็กหายไปกว่า 1 เดือน ไม่เคยเจออีกเลย กระทั่งวันนี้ทราบข่าวจากน้องชายว่ามีคนเสียชีวิต และมีลักษณะคล้ายกับนายเล็กจึงเดินทางมาดู ก็พบว่า เป็นนายเล็กจริง ส่วนข้อมือซ้ายที่ขาดนั้น ก็มาจากเหตุทะเลาะวิวาทเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว ที่ตั้งวงเหล้ากินเหล้ากัน เมามีปากเสียงและถูกฟันข้อมือจนขาด

อย่างไรก็ตาม ในที่เกิดเหตุตำรวจไม่พบรถจักรยานสีแดงของนายเล็ก และยังไม่สรุปสาเหตุการเสียชีวิต ว่านายเล็กจมน้ำเองงหรือถูกกระทำให้เสียชีวิต จะต้องรอผลการชันสูตรศพจากโรงพยาบาลตราดอีกครั้ง
 

สุดเวทนา ตาวัย 63 ป่วยโรคร้ายระยะสุดท้าย อยากออกมาสูดอากาศนอกบ้าน เป็นครั้งสุดท้าย พลัดตกบ่อกุ้งจมน้ำเสียชีวิต

วันที่ 15 ก.ค. 67 เวลา 09.30 น. พ.ต.ต.เนรมิต พงษ์สาลี สว.สส.(สอบสวน) สภ.เมืองจันทบุรี พร้อมตำรวจสืบสวน แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลพระปกเกล้า และกำลังอาสากู้ภัย สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี ร่วมตรวจสอบเหตุพบผู้เสียชีวิตลอยน้ำ ภายในบ่อกุ้ง หลังวัดเนินโพธ์ พื้นที่ ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ ตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ่อกุ้งเก่า พบร่างผู้เสียชีวิตลอยอยู่ริมบ่อกุ้ง ห้างจากขนำไปประมาณ30 เมตร ต่อมาทางตำรวจได้ประสานอาสากู้ภัยฯ นำร่างผู้เสียชีวิต ขึ้นมาตรวจสอบ เบื้องต้นผู้เสียชีวิตเป็นชาย อยู่ในสภาพสวมผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ไม่สวมเสื้อผ้า ร่างกายผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่พบบาดแผลที่เกิดจากการถูกทำร้าย เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 12-15 ชั่วโมง ตรวจสอบภายในขนำยังพบมีชามข้าว ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ตลอดจนข้าวของอื่นๆ วางอยู่ในสภาพปกติ ทางตำรวจจึงได้ถ่ายภาพบันทึกไว้เป็นหลักฐาน 

จากการสอบสวนของ พ.ต.ต.เนรมิต พงษ์สาลี สารวัตรเวรเจ้าของคดี ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายกิตติกวิน กลิ่นมุข อายุ 63 ปี เป็นชาว อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ขณะที่ น.ส.พรรณวดี ประสพนุช อายุ 55 ปี หลานสาวผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า นายกิตติกวิน ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าชาย ป่วยเป็นโรคร้าย (HIV)ระยะสุดท้าย โดยได้เริ่มการรักษามาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งตนได้เป็นผู้ดูแลพาไปรับการรักษาตลอด เนื่องจากน้าชาย ไม่มีครอบครัว โดยให้พักอาศัยกินอยู่ที่ขนำนากุ้ง โดยตนที่จะนำข้าวอาหารมาให้ทุกวัน

ปัจจุบัน น้าชายอาการเริ่มทรุดลงไม่สามารถเดินไปไหนได้ตามปกติ จะใช้วิธีขยับตัวไปมาแทน และต้องสวมใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ตลอดเวลา ซึ่งปกติน้าชายมักจะชอบแอบออกมานอกขนำ ซึ่งตนได้เคยเตือนแล้วหลายครั้ง แต่น้าชายไม่ฟังบอกว่าแค่อยากออกมาสูดอากาศก่อนถึงวาระ

จนช่วงวานเย็นนี้ ได้เข้ามาดูแลเก็บกวาดส่งให้ที่ขนำ และยังพบตัวพูดคุยกับ น้าชายปกติ จนรุ่งเช้าได้นำอาหารมาให้ ก็ไม่พบตัวจึงเดินออกตามหาและพบวัตุ คล้ายถุงพลาสติกลอยอยู่ในบ่อกุ้งจึงเดินเข้าไปดูก็บพว่าเป็นร่างของน้าชาย ได้จมน้ำเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งให้ผู้ใหญ้ทราบและประสานตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว
 

จากกรณีเมื่อช่วงเย็นของ(13 ก.ค.67) ที่ผ่านมา ที่มีกลุ่มนักเรียน ม.3 วัย 15 ปี ซึ่งทั้งหมดเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน จำนวน 5 คน ชวนกันมาเที่ยวที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ในช่วงวันหยุดเรียน แล้วลงเล่นน้ำกัน 4 คน จนถูกคลื่นซัดจมทะเล จนทางเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือขึ้นมาได้ 3 คน โดย 2 คน คือ ด.ช.วิว และด.ช.กร ปลอดภัยดี ส่วนเด็กชายบีม อยู่ในอาการหมดสติต้องปั๊มหัวใจช่วยเหลือนำส่งรพ.ถลาง และอีกคนคือ เด็กชายมิกซ์ สูญหายไปในกระเเสน้ำทะเลที่กำลังเเรง ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบร่างและชะตากรรมของน้อง

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (14 ก.ค.) ที่บริเวณหาดสุรินทร์ ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดค้นหาประกอบด้วย หน่วยกู้ชีพกุศลธรรม ชุดปฏิบัติการใต้น้ำ เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล นำเจ๊ตสกีค้นหาอย่างต่อเนื่อง แต่จากสภาพอากาสมีฝนตกและคลื่นลมแรง เป็นอุปสรรคและอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ จึงต้องหยุดการค้นหาชั่วคราวก่อนจนกว่าฝนหยุดตก

โดยก่อนการค้นหา นายอนุสรณ์ 49 ปี ผู้เป็นพ่อของน้องมิกซ์ หรือปรเมศ อายุ 15 ปี ผู้สูญหาย ได้จุดธูป 36 ดอกพนมมือไหว้  ฟ้า-ดิน เจ้าแม่ย่านาง เจ้าแม่คงคา เจ้าแม่ธรณีเพื่อขอพบร่างลูกชาย ในบริเวณจุดที่น้องมิกซ์ได้จมน้ำหายไปด้วยความเศร้าสลดแก่เจ้าหน้าที่เเละชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุ 

ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ เผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ได้จุดธูปไหว้ให้เปิดทางขอให้เจอร่างของลูก โดยตนมาอยู่ภูเก็ต 5 ปี 2 เดือน ลูกชายเรียนโรงเรียนถลางพระนางสร้าง และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มาให้การช่วยเหลือค้นหาลูกชายของตน และขอให้พบร่างลูกชายโดยเร็วที่สุด และช่วงนี้คลื่นลมแรงมีความเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในการค้นหา และตนไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่อยากเจอร่างลูกเร็ว ๆ

ด้านไลฟ์การ์ดหน้าหาดสุรินทร์ กล่าวว่า ในการค้นหาวันนี้อากาศค่อนข้างปิดทิวทัศน์ในทะเลมองไม่เห็น น้ำขุ่น คลื่นแรงและอุปสรรคตอนนี้ในการค้นหาค้นนั้นจะน้ำขุ่น คลื่นแรง ทำให้ค้นในทะเลยากลำบาก โดยใช้วิธีเดินเท้าหน้าชายหาดก่อน หลังจากคลื่นสงบก็จะลงค้นหาในทะเลอีกครั้ง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่13ก.ค.67 ร.ต.อ.วรภัค ศุภสวัสดิ์ ร้อยเวรสอบสวนสภ.สามโคก ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตอยู่ในบ่อน้ำซึ่งเป็นบ่อดินเก่าริมถนนทางหลวงหมายเลข 9 วงแหวนรอบนอก ม.3ต.บางกระบือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.สามโคก และผู้ใหญ่บ้านและแพทย์นิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
   

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 รายทราบชื่อนายยุทธพร อายุ 50  ปี  อยู่บ้านเลขที่ 37/187  ม.3 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ลักษณะสวมกางเกงยีนส์สวมรองเท้าผ้าใบไม่สวมเสื้อคว่ำหน้าอยู่กลางบ่อน้ำ โดยแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตมาแล้ว3-5 วัน ริมถนนข้างทางพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ honda รุ่น spacy_i สีแดงหมายเลขทะเบียน 1กอ xxxx  กรุงเทพมหานคร จอดอยู่และมีหมวกกันน็อคยี่ห้อ index สีดำวางอยู่บนกระจกรถด้านขวา
   

จากการสอบถามนายเกียรติศักดิ์ อายุ 42 ปี ชาวบ้านบอกว่าเจอรถจักรยานยนต์จอดอยู่ตั้งแต่เมื่อวานช่วงเช้าแต่ไม่พบผู้ขับขี่กระทั่งเช้าวันนี้ตนเองได้ขับรถผ่านมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกู้ภัยจอดอยู่ในที่เกิดเหตุตนเองจึงได้จอดรถลงมาดูก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่กลางบ่อน้ำดังกล่าว  

ต่อมานางพรพรรณ อายุ42ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาที่สภ.สามโคก ได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สามีได้ออกจากคอนโดจอด 07.30 น.เพื่อที่จะไปส่งลูกที่โรงเรียนจากนั้นเขาก็หายไปตนเองคิดว่าเขาไปไหนตามปกติ จากนั้นเขาก็โทรศัพท์มาหาตนและถามว่ากินข้าวหรือยังเวลาประมาณ9โมงกว่าๆ จากนั้นประมาณช่วงเที่ยงเขาก็โทรศัพท์มาหาตนเองและถามว่าเปลี่ยนชื่อที่โทรศัพท์เขาเป็นปะป๋า2หรือเปล่าตนก็บอกว่าจะบ้าเหรอไม่ได้เปลี่ยนตนเองไม่สามารถที่จะเปิดโทรศัพท์เขาได้เลย เพราะลูกบอกว่าปะป๋าใช้ใบหน้าสแกน ตนเองเข้าประชุมประมาณบ่าย2 โมงอีก2 ครั้ง แต่ตนเองปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ไม่ได้รับและมีมิจฉาชีพโทรมาเยอะ

พอตนเองกลับมาที่บ้านก็หยิบโทรศัพท์มาดูก็พบว่าสามีโทรศัพท์มา ตนเลยก็เลยโทรกลับไปก็ไม่มีคนรับไลน์ไปก็ไม่มีคนอ่าน ตนเองก็โทรศัพท์ทุกวันพอช่วงเช้าวันศุกร์ตนเองก็ไปแจ้งความที่สน.ประชาชื่นให้ช่วยตามหาและขอความช่วยเหลือจากพี่รู้จักกันที่ทำงานอยู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ช่วยตามหาสามี จากนั้นพี่ที่สำนักงานตำแห่งชาติให้เอาใบที่ไปแจ้งความไว้ที่สน.ประชาชื่นเอาไปให้เขา เขาจะช่วยเช็คให้ และก็จับสัญญาณโทรศัพท์ได้ว่าอยู่ที่สามโคก ตนเองก็โทรศัพท์หาเรื่อยๆ และติดต่อทางโรงพยาบาลในปทุมธานีก็ไม่มี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่บอกว่าให้โทรศัพท์ไปที่สภ.สามโคกให้ช่วยติดตาม

จนเมื่อช่วงเช้าของวันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ไปบอกว่าพบรถจักรยานยนต์แล้ว และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้วจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยโทรศัพท์ไปหา ซึ่งสามีเป็นอดีตผู้จัดการส่วนขายของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งที่สามีลาออกมาเพราะเขาบอกว่าที่นั้นไม่มั่นคงและก็ลาออกเอง ตนเองนี้สามีก็ขับรถอยู่แอฟโบล์ซึ่งเป็นแอฟส่งผู้โดยสาร ซึ่งเขาก็บอกตนเองตลอดว่าอย่าทิ้งเขาน่ะรักเขาไหม ซึ่งตนเองบ้านอยู่ต่างจังหวัดและมีลูกด้วย1 คนตนเองยอมอยู่ที่นี่เพื่อเขาและอยู่ด้วยกันมานานมากแล้ว ซึ่งเขามีปัญหาที่คอและขับต่างจังหวัดนานๆเขาจะปวดคอ และมีคำหนึ่งเขาพูดว่าพรอย่าทิ้งพี่น่ะ พี่มีแค่ลูกลูกกับพรเท่านั้น
   

ด้าน ร.ต.อ.วรภัค ศุภสวัสดิ์ ร้อยเวรสอบสวนสภ.สามโคก หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วจึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง