สุพรรณบุรี 3 สาวลงไปล้างสีผมในคลองจมน้ำดับสลด 2 รอด 1

สุพรรณบุรี 3 สาวลงไปล้างสีผมในคลองจมน้ำดับสลด 2 รอด 1

เมื่อเวลา 16.00น.วันที่ 7 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำจากมูลนิธิเสมอกันสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่จิตอาสาดอกแก้ว และสมาคมจักรนารายณ์ อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี รับแจ้งมีคนจมน้ำสูญหายไปภายในคลองจรเข้สามพัน  หมู่ 11 ต.อู่ทอง  อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี  จึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นคลองขนาดใหญ่ กว้างกว่า  20 เมตร น้ำลึก 3 เมตร  เมื่อกู้ภัยชุดประดาน้ำไปถึงพบนางสาวปีใหม่ อายุ 17 ปี  เล่าว่าตนได้มากับเพื่อนรวม 4 คน แต่มี 2 คน จมน้ำหายไปในคลอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดประดาน้ำ รีบลงไปค้นหาพบร่างนางสาววรารส อายุ  15 ปี รายแรก เจ้าหน้าที่จึงนำร่างขึ้นมาบนตลิ่ง ระหว่างนั้นนายณัฐวุฒิ  อายุ 19 ปี สามีนางสาววรารส อายุ 15 ปี ผู้เสียชีวิต มาเห็นร่างนางสาววรารส ภรรยา ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้เสียใจ นายณัฐวุฒิ เห็นภรรยาจมน้ำเสียชีวิต พยายามจะกระโดดน้ำลงไปในคลองให้ตายตามเมียไป  

จากนั้นเจ้าหน้าที่ระดมชุดประดาน้ำมาสับเปลี่ยน ค้นหาร่างนางสาวน้ำฝน อายุ 17 ปี อย่างต่อเนื่อง โดยมีญาติมาจุดธูปบอกกล่าวให้ค้นหาให้พบร่างนางสาวน้ำฝน นำกลับบ้าน เจ้าหน้าที่กู้ภัยลงค้นหาใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงพบร่างนางสาวน้ำฝน ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร  เจ้าหน้าที่จึงนำร่าง ทั้ง 2 ราย ส่งชันสูตรที่ รพ.อู่ทอง อย่างละเอียดอีกครั้ง  

ด้านนางสาวปีใหม่ อายุ 17 ปี ผู้รอดชีวิต กล่าวว่า ตนได้ไปย้อมทำสีผมกับเพื่อนที่จมน้ำเสียชีวิต 2 ราย หลังย้อมสีผมเสร็จจึงได้ชวนกันมาลงคลอง เพื่อล้างสารเคมีที่ย้อมสีผม ที่ใต้สะพานข้ามคลองดังกล่าว  โดยมีน้องผู้หญิง วัย 7 ขวบ อีกรายมาด้วย แต่น้องนั่งรออยู่ริมตลิ่งคลอง จากนั้นพวกตน ทั้ง 3 คน จับมือกันลงน้ำในคลอง แต่ในคลองมีจุดน้ำวนดึงร่างลงไปกลางคลอง ตนจึงปล่อยมือออกจากกลุ่มเพื่อนๆ แล้วพยายายช่วยเหลือตัวเองขึ้นมาบนฝั่งได้ รอดตายอย่างหวิดหวิด ส่วนนางสาววรารส อายุ 15 ปี และ  นางสาวน้ำฝน อายุ 17 ปี พยายามเกาะกันไป ประคองตัวจะให้พ้นน้ำ แต่ทั้ง 2 คน ได้จมน้ำหายไป จึงรีบบอกน้อง อายุ 7 ปี ที่มาด้วยให้รีบวิ่งไปตามคนในหมู่บ้านให้รีบมาช่วยแต่ไม่ทัน นางสาววรารส และ นางสาวน้ำฝน จมน้ำเสียชีวิตทั้ง 2 คน ส่วนนางสาววรารส อายุ 15 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตมีลูกชายวัย 4 เดือน เบื้องต้นทราบว่าทั้ง 3 คน ว่ายน้ำไม่เป็นด้วย
 

สระบุรี นาทีชีวิต เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำ CPR รปภ. จมน้ำรอดหวุดหวิด

สระบุรี นาทีชีวิต เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำ CPR รปภ. จมน้ำรอดหวุดหวิด

วันที่ 7 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ ว่ามีคนจมน้ำ บริเวณฝายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 (คลองส่งน้ำริมคลองชล) ถ.พิชัยฯ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลเมืองสระบุรี และกู้ภัยทางน้ำเทศบาลเมืองสระบุรี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นคลองส่งน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าว จะมีชาวบ้านเข้าลงเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงเย็น ในที่เกิดเหตุที่ได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ยังไม่พบผู้จมน้ำ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ชุดประดาน้ำลงค้นหาภายในคลองส่งน้ำ โดยใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง จึงได้พบร่างของผู้จมน้ำ ซึ่งลอยห่างจากจุดเกิดเหตุมาประมาณ 1 กม. ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำร่างขึ้นมาจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันทำ CPR บริเวณริมคลองส่งน้ำโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีแต่ชีพจรก็ยังไม่กลับขึ้นมา จากนั้นจึงได้นำร่างของผู้จมน้ำขึ้นไปยังรถกู้ชีพของ รพ.สระบุรี โดยมีญาติและลูกเฝ้าดูและร้องให้ระงมซึ่งคาดว่าผู้จมน้ำจะเสียชีวิตแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพยังไม่ละความพยายามช่วยกันทำ CPR ในรถกู้ชีพต่อจนสัญญาณชีพกลับขึ้นมา แล้วเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลสระบุรีเพื่อให้แพทย์ทำการรักษาต่อไป แต่ทั้งนี้ยังคงต้องรอดูผลของสัญญาณชีพอีก 4 ชั่วโมง 

จากการสอบถามลูกสาวผู้ที่จมน้ำ ทราบว่าผู้จมน้ำชื่อด้วง เป็น รปภ.อยู่โรงเรียนอนุบาลสระบุรี เล่าว่าปกติพ่อตนเองออกจากบ้านก็จะบอกกับตนเองว่าไปไหน แต่วันนี้ไม่ได้บอกกับตนเอง พ่อออกบ้านมากับเพื่อนเพื่อมาเล่นน้ำ และก็เมาด้วย จากนั้นเพื่อนพ่อก็โทรมาบอกว่าพ่อจมน้ำ ซึ่งพ่อตนเองจะรักตนเองมาก และตนเองก็รักพ่อมาก

ทางด้านนายสุรพัฒน์ ศิรินคร เพื่อนของผู้จมน้ำ เล่าว่าตนเองและนายด้วง ได้ดื่มเหล้าขาวกันมา จากนั้นได้ชวนกันมาเล่นน้ำที่ริมคลองชล จากนั้นนายด้วงได้โดดลงเล่นน้ำก่อนตนเองในขณะที่ตนเองกำลังผูกเชือกกับต้นไม้อยู่ เพื่อที่จะเอาไว้ดึงเวลาขึ้นจากคลอง พอหันมาอีกที่นายด้วงก็หายไปแล้ว ตนเองจึงคิดว่านายด้วงจมน้ำแน่ๆจึงได้โทรแจ้ง 1669 เพื่อให้เข้ามาช่วย

นครพนม ชื่นชมหนุ่มฮีโร่ ซีพีอาร์ ช่วยเด็กสองขวบจมน้ำหาดแห่ รอดชีวิต

ชื่นชมหนุ่มฮีโร่ อายุ 29 ปี ช่างสักลาย ฮีโร่พลเมืองดี ปั้มหัวใจ เด็กชายสองขวบจมน้ำ หาดแห่กลางน้ำโขง โชคดีรอดชีวิต นำส่งรักษาต่อโรงพยาบาล เตือนอุทาหรณ์ พ่อ แม่ผู้ปกครอง พาเด็กเล่นน้ำ ต้องคอยดูแล ไม่คาดสายตา สุดภูมิใจได้ช่วยชีวิตน้อง วอนอย่าดราม่า โทษพ่อแม่ ฝากเป็นอุทาหรณ์ รวมถึง เจ้าของพื้นที่ต้องมีการดูแลเรื่องความปลอดภัยตลอดเวลา

 

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นคลิปฮีโร่ สำหรับหนุ่มพลเมืองดี คือ นายฤทธิเดช ไชยมาตร หรือน้องป๊อบ อายุ 29 ปี หนุ่มเจ้าของร้านช่างสักลาย ไปเล่นน้ำกับแฟนสาว และเพื่อน ประสบเหตุเห็น น้องพู่กัน เด็กชายวัยประมาณ 2 ขวบ ไปเล่นน้ำกับพ่อแม่ ที่หาดแห่ กลางน้ำโขง แหล่งท่องเที่ยวเล่นน้ำคลายร้อนชื่อดัง ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จนกระทั่งเด็กชายสองขวบ คลาดสายตาพ่อแม่ หลุดจากห่วงยางจมน้ำ ลึกประมาณ 1 เมตร จมหาย โชคดีพลเมืองดี ที่เล่นน้ำใกล้เคียงในซุ้มร้านอาหารพบเห็น ช่วยงมร่างขึ้นมาทัน ในสภาพหมดสติ จนกระทั่ง น้องป็อบ ฮีโร่หนุ่มพล เมืองดี จึงทำซีพีอาร์ และเป่าปาก ตามขั้นตอนการปฐมพยาบาล คนจมน้ำ ประมาณ 2 -3 นาที ทำให้เด็ก สำลักน้ำรู้สึกตัว ก่อนช่วยกันเรียกเรือนำขึ้นฝั่งส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม  เพื่อเข้ารับการรักษา ล่าสุดอาการปลอดภัย เด็กรู้สึกตัวดี แต่ยังต้องทำการเอกซเรย์ ตรวจร่างกาย และรอการตรวจรักษา จากแพทย์ รวมถึงฟักฟื้นดูอาการใกล้ชิด จนกว่าจะปลอดภัย  โดยหลังมีคลิปช่วยชีวิต เผยแพร่ออกไปตามสื่อโซเชียลทำให้คนแห่ชื่นชม รวมถึงเรียกร้องให้ ชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ วางมมาตรการจัดทีมดูแลความปลอดภัย รวมถึงจัดเรือกู้ชีพไว้ดูแลบริการ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน และฝากพ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นอุทาหรณ์ ระมัดระวัง พาเด็กไปเล่นน้ำต้องดูแลใกล้ชิด เพราะอาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้

 

ทั้งนี้สอบถาม แม่เด็ก อายุ 25 ปี ที่เฝ้าดูอาการที่หน้าห้องฉุกเฉิน ทราบว่า ตนกับสามี พาลูกชายอายุประมาณ 2 ขวบ ไปเที่ยวหาดแห่ เล่นน้ำคลายร้อน และปล่อยให้เล่น กับพี่ชายอีกคน ประมาณ 3 ขวบ มีห่วงยางอุปกรณ์เล่นน้ำ แต่คาดสายตาไม่ถึง 5 นาที ลูกชายหลุดห่วงยางจมหายไปกับน้ำ โชคดีช่วยกันหาร่างเด็กจนเจอ ไม่ถึง 10 นาที แต่มีสภาพหมดสติ โชคดี ได้พลเมืองดี ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุช่วยซีพีอาร์ ยอมรับแทบช็อก โชคดีที่ลูกชายรอดชีวิต ฝากขอบคุณคนที่ช่วยเหลือ

สอบถาม นายฤทธิเดช ไชยมาตร หรือน้องป๊อบ อายุ 29 ปี ฮีโร่หนุ่มเจ้าของร้านช่างสักลาย เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากที่น้องรอดชีวิต ยอมรับว่า ไม่ได้มีการฝึกฝนมา แต่ชอบดูคลิปข้อมูล ขั้นตอนการช่วยชีวิตคนจมน้ำ คลิปกู้ภัย จึงนำมาเป็นทักษะในการช่วยชีวิตน้อง สิ่งสำคัญฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์พ่อแม่ผู้ปกครอง พาลูกหลานไปเล่นน้ำไม่ควรปล่อยให้คาดสายตา ไม่อยากให้ดราม่า ว่าพ่อแม่ แต่อยากให้ช่วยกันดูแลป้องกัน ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

"ราชบุรี" หนุ่มขับรถ จยย.เสียหลักพุ่งตกคลอง ชลประทานจมน้ำเสียชีวิต

ราชบุรี หนุ่มขับรถ จยย.เสียหลักพุ่งตกคลอง ชลประทานจมน้ำเสียชีวิต

เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 17 มี.ค.68 ร.ต.อ.อุเทน อำนวย พนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม รับแจ้งมีประชาชนพบรถตกลงไปในคลองชลประทาน ม.7 ต.ชำแระ ทางไปวัดรับน้ำ จึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างราชบุรี ไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถ จยย.PCX สีขาว-แดง จมอยู่ในคลองชลประทาน จึงนำรถขึ้นมาพบเป็นทะเบียน1 กล-xxxx ราชบุรี แต่ไม่พบผู้ขับขี่ ต่อมามีญาติของผู้สูญหายได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ พร้อมให้ข้อมูลว่าผู้ขับขี่ที่สูญหายนั้นคือนาย รัฐพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ28ปี คาดว่าน่าจะจมน้ำหายไป 

ต่อมาทางกู้ภัยสว่างราชบุรีได้ประสานชุดประดาน้ำสว่างราชบุรี มาทำการงมค้นหา ซึ่งใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมง ก็พบร่างของนายรัฐพงศ์ จมอยู่ใต้คลอง ห่างจากจุดที่รถตกประมาณ300เมตร จึงนำร่างขึ้นมาพร้อมแจ้งแพทย์เวรโรงพยาบาลมาทำการพิสูตรการเสียชีวิต 

จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่า ผู้ตายขับออกมาจากซอยเข้าหมู่บ้าน มาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นสามแยกตัวที รถเกิดเสียหลังพุ่งลงไปในคลองประกอบกับน้ำไหลแรงทำให้ผู้ตายจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว

สลด!หนุ่มคนงานโยงกิ่งทุเรียน ดำน้ำหาปลา จมน้ำดับอนาถ 

วันนี้ 4 มี.ค.68 เวลา 08.00 น. พ.ต.ท.พันธ์ฐิติ ศิริมูล สว. สอบสวน สภ.แกลง จ.ระยอง ได้รับแจ้งจากอาสากู้ภัย พุทธศาสตร์สงเคราะห์ ว่ามีผู้สูญหายในน้ำ บ้านชุมนุมสูง ม.7 ต.ทุ่งควายกิน อ.แกลง จ.ระยอง


หลังรับแจ้งลงพื้นที่ตรวจสอบ  ที่บริเวณสระน้ำขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 400 เมตร กว่าง 100 เมตร มีความลึกประมาณ 5-8 เมตร มีขอบบ่อมีความสูง 3 เมตร มีชาวบ้านมุงดูเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่พบผู้สูญหาย หลังจากนั้น กู้ภัยฯได้นำทีมนักประดาน้ำมางมหาผู้สูญหายใช้เวลากว่า 2 ชม. ได้นิมนต์พระสมุยุทธนาจารุธรรมโม เจ้าอาวาสวัดชุมนุมสูง มาจุดธูป  หลังจากนั้นไม่นาน ก็เจอร่างผู้เสียชีวิต สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้ ทราบชื่อภายหลังชื่อ นายกิตติชัย จันทิมา อายุ 39 ปี เป็นคน จ.นครราชสีมา


สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 3 มี.ค.68 เวลา 19.00 น. นายกิตติชัยฯ พร้อมเพื่อน รวมกัน 3 คน ได้ลงดำน้ำยิงปลาในสระน้ำขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 400 เมตร กว้าง 100 เมตร มีความลึกประมาณ 5 เมตร ขอบบ่อมีความสูง 3 เมตร มีกอผักกระฉูด ขนาดใหญ่อยู่ภายในสระน้ำ นายกิตติชัยฯ พร้อมเพื่อน ได้ลงดำน้ำพร้อมกัน หลังจากที่เพื่อนอีก 2 คน ขึ้นมาแล้ว แต่นายกิตติชัยฯ ยังไม่โผล่ขึ้นมาจากน้ำ หลังจากนั้นจึงพากันงมหา นายกิตติชัยฯ จนถึงเวลา 03.00 น. ได้ยุติการค้นหา และได้ไปดูนายกิตติชัยฯ ที่เต็นท์พบมือถืออยู่ในกางเกง แต่ไม่เจอนายกิตติชัย และได้โทรแจ้งกู้ภัยฯ เมื่อ เวลา 08.00 น.

จากการสอบถาม นายประกิต พวงพลอย 35 ปี เพื่อนร่วมงาน (เสื้อเขียว)เล่าให้ฟังว่า ตนกับผู้ตายได้ดำน้ำพร้อมกันช่วง 19.00น. ตนได้ขึ้นมาจากน้ำช่วงเวลา 19.30-19.40น. ตนได้แจ้งเพื่อนร่วมงาน แต่ยังไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ ช่วยกันดำหาแต่หากันไม่เจอ ตนมาดำน้ำหาปลากัน 3 คน คนตายมาทำงานโยงกิ่งทุเรียน

จากการสอบถาม นายอานนท์ อินอมร อายุ 39 ปี (เสื้อกรม) เล่าให้ทีมข่าวเราฟังว่า เวลาคนดำต้ำไฟใต้น้ำต้องสว่าง ตนจึงไม้รู้ว่าผู้ตายอยู่ในน้ำหรือหายไปไหน เพราะคนที่ลวไปหาปลาด้วยกันขึ้นมาหมดเเล้ว เพื่อนๆจึงต้องรอก่อน เพราะผู้ตายมีไฟติดอยู่ที่หัว แต่พวกตนพากันตามหาแต่ไม่เห็นหัวไฟของผู้ตาย

ทางด้านเจ้าหน้าที่ พ.ต.ท.พันธ์ฐิติ ศิริมูล สว. สอบสวน สภ.แกลง จ.ระยอง ได้นำร่างผู้เสียชีวิต ส่งชันศูตรที่ รพ.แกลง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้ต่อไป และจะให้ญาติติดต่อรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลศพทางศาสนาต่อไป

สลด! เสี่ยเจ้าของคาร์แคร์ วัย 68 ปี พายเรือตกปลาในอ่างเก็บน้ำประแสร์ ถูกลมพัดแรงเรือพลิกคว่ำ จมน้ำเสียชีวิต

สลด! เสี่ยเจ้าของคาร์แคร์ วัย 68 ปี พายเรือตกปลาในอ่างเก็บน้ำประแสร์ ถูกลมพัดแรงเรือพลิกคว่ำ จมน้ำเสียชีวิต

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ผกามาศ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.วังจันทร์ จ.ระยอง รับแจ้งเหตุมีผู้สูญหายในน้ำ บริเวณอ่างเก็บน้ำประแสร์ พื้นที่บ้านเขาสิงโต หมู่ 5 ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่กู้ภัย

จากการสอบสวนทราบว่าผู้สูญหายเป็นชายวัย 68 ปี เจ้าของร้านคาร์แคร์แห่งหนึ่งใน ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง โดยก่อนเกิดเหตุได้นำเรือไฟเบอร์ ขนาดกว้างประมาณ 1.5 เมตร ยาว 2 เมตร ลงไปพายตกปลากลางอ่างเก็บน้ำ ห่างจากฝั่งราว 50 เมตร ระหว่างนั้นเกิดลมพัดแรง ทำให้เรือเสียการทรงตัวและพลิกคว่ำ

ชายวัย 68 ปีพยายามว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง ขณะเกิดเหตุมีผู้พบเห็นเหตุการณ์ แต่เนื่องจากอยู่ห่างไกล จึงพยายามพายเรือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ไม่ทันการณ์ ผู้ประสบเหตุหมดแรงและจมหายไปต่อหน้าต่อตา

หลังเกิดเหตุ ผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือ แต่เนื่องจากเป็นช่วงพลบค่ำ การค้นหาเป็นไปด้วยความลำบาก ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายหน่วยงาน พร้อมกู้ภัยทางน้ำได้นำเรือยางและเรือไฟเบอร์รวม 4 ลำ ออกค้นหา ใช้เวลากว่า 10 นาที จึงพบจุดที่เรือพลิกคว่ำ ก่อนที่นักประดาน้ำจะดำลงไปในน้ำลึกประมาณ 3 เมตร และพบร่างชายวัย 68 ปี จากนั้นจึงช่วยกันนำร่างขึ้นฝั่ง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ร่วมชันสูตร ณ ที่เกิดเหตุ ก่อนส่งศพไปยังโรงพยาบาลวังจันทร์ เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

สิงห์บุรี เด็กนักเรียนลงเล่นน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็น พลัดตกกระดานลื่นจมเสียชีวิต 

สิงห์บุรี เด็กนักเรียนลงเล่นน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็น พลัดตกกระดานลื่นจมเสียชีวิต 

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์  2568  พ.ต.ท.สุเวช  ม่วงทอง สว.(สอบสวน) สภ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี รับแจ้งมีเด็กนักเรียนลงเล่นน้ำที่บริเวณ คลอง 4 ขวา หมู่ที่ 5  ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี แล้วพลัดลื่นจมหายไปในคลองชลประทาน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงขอกำลังจาก อาสาสมัครประดาน้ำ จากมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง จังหวัดสิงห์บุรี ช่วยออกกันค้นหา

ที่เกิดเหตุเป็นคลองชลประทาน ที่ทางชลประทานปล่อยน้ำลงคลองเพื่อให้ชาวนาทำนา ตรงจุดที่เด็กเล่นน้ำ พบเพียงเสื้อผ้าที่ใส่มาเล่นน้ำกองอยู่และใกล้กันพบกระดานลื่นหรือสไลด์เดอร์ที่ทำกันขึ้นมาเพื่อให้เด็กเล่น เด็กที่ลงเล่นน้ำได้จมหายไป เจ้าหน้าที่ต้องปิดประตูระบายน้ำ เพื่อลดปริมาณน้ำเพื่อให้อาสาฯ สะดวกในการค้นหา  อาสาฯ ชุดประดาน้ำใช้เวลางมหาประมาณสองชั่วโมงจึงนำร่างเด็กชายที่จมหายไปขึ้นมาได้ สภาพศพนุ่งกางเกงในตัวเดียว  ทราบชื่อ เด็กชายพีรพัทร อายุ 12 ปี  เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในเขตอำเภออินทร์บุรี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 3  ต.ท่างาม  อ.อินทร์บุรี  จ.สิงห์บุรี 

ชาวบ้านท่านหนึ่งให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เห็นเด็กมาเล่นน้ำกันสามคน พอใกล้มืดเด็กสองคนก็ขึ้นจากน้ำ แต่ตัวผู้ตายยังไม่ขึ้น บอกกับเพื่อนว่าอยากหัดว่ายน้ำและเล่นกระดานลื่นจากนั้นได้พลัดตกจากกระดานลื่นจมน้ำหายไป เพื่อนอีกสองคนได้พยายามช่วยเพื่อนแล้ว แต่ช่วยไม่ได้จึงรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน แต่ก็ไม่ทันการณ์ กว่าจะงมเจอ น้องพีรพัทร ได้เสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้ญาติไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป

 

ระยอง เจอแล้วรถตกทะเล จมห่างฝั่ง 200 เมตร  ส่วนศพคนขับลอยเกยหาดห่างจุดรถตกประมาณ 3 กม.

เจอแล้วรถตกทะเล จมก้นทะเลห่างฝั่ง200เมตร  ส่วนศพคนขับลอยเกยหาดห่างจุดรถตกประมาณ 3 กม. เป็นคนขับรถแบล็กโฮ เกิดขณะกำลังขับรถกลับบ้านหลังเลิกงาน แล้วเกิดเสียหลักตกทะเล

จากกรณี คนตกปลาแจ้งว่าพบ รถยนต์กระบะ แค็ป ยี่ห้อนิสสัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฒษ-xxx กทม. พร้อมคนขับตกลงไปในทะเล จมหายไปอย่างรวดเร็วกับคลื่นลมแรง เหตุเกิดบริเวณ ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ถ.ไอ1 ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ตำรวจตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ พบแผ่นป้ายทะเบียน และ ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ตกลงไป พร้อมทั้งร่องรอยรถยนต์ที่เป็นรอยไถลลงไป เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพรกุศล นักประดาน้ำ ลงค้นหา ผ่านไปจนถึงเช้าก็ยังไม่พบรถและคนขับ ตามที่เสนอไป

เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 17 ก.พ. พ.ต.ท.วสันต์ ยวงยิ้ม รองผกก.สอบสวน สภ.มาบตาพุด ระยอง ได้รับแจ้งว่าพบศพลอยเกยชายหาด หลังสำนักงานการนิคมอัตสาหกรรมมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง จึงประสานแพทย์เวร หน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศล พร้อมด้วยกำลังตำรวจเดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อถึงบริเวณชายหาดจุดที่ได้รับแจ้ง พบกับศพผู้ชายนอนคว่ำหน้าอยู่บนชายหาด สภาพศพใส่เสื้อเชิ้ตลายสก็อตแขนยาว กางเกงขายาวสีดำรองเท้าผ้าใบสีเทา ตรวจสอบอย่างละเอียด พบเป็นคนเดียวกับที่ขับรถตกทะเล ชื่อ นายพิชัย อายุ 50 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.อุตรดิตถ์ ทำงานเป็นคนขับรถแบล็กโฮ ของบริษัทแห่งหนึ่ง ภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หลังตรวจสอบเบื้องต้น ได้ส่งศพไปชันสูตร ที่ รพ.เฉลิมพระเกียรติฯมาบตาพุด 

ด้านญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต พอทราบว่าพบศพแล้วก็ถึงกับร่ำไห้ เสียใจต่อการจากไปโดยไม่ได้ร่ำลา

ส่วนรถยนต์ที่ตกลงไป ซึ่งเป็นรถยนต์กระบะแค็ป สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฒษ-xxx กทม. นักประดาน้ำได้งมเจอรถแล้ว โดยจมลงสู่ก้นทะเล ห่างจากจุดที่รถตกลงไปประมาณ 1 กิโลเมตร โดยตัวรถถูกคลื่นซัดไปจากจุดที่รถตกลงไปประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 200 เมตร ความลึกไม่ต่ำกว่า 6 เมตร โดยเป็นจุดตรงสันเขื่อน เจ้าหน้าที่กำลังวางแผนในการกู้รถขึ้นมา ซึ่งต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม เพราะเป็นช่วงที่มีคลื่นลมแรง ล่าสุดนักประดาน้ำได้ใช้เขือกผูกตัวรถไว้แล้ว เตรียมหาวิธีดึงรถขึ้นมา

หนุ่มขอนแก่นทะเลาะกับแม่ เรื่องเล่นโทรศัพท์จนดึก ก่อนพบกลายเป็นศพจมน้ำใน ม.ชื่อดัง

หนุ่มขอนแก่นทะเลาะกับแม่ เรื่องเล่นโทรศัพท์จนดึก  ก่อนพบกลายเป็นศพจมน้ำใน ม.ชื่อดัง แม่เผยได้กลิ่นศพและกลิ่นตัวลูกโชยมาขณะอาบน้ำก่อนตำรวจโทรมาแจ้งเหตุสลด

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 17 ก.พ.2568 ร.ต.อ.นนทพันธ์ บุดดี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีเหตุการณ์ที่ชาวบ้านที่มาออกกำลังกายรอบบึงสีฐาน ภายในมหาวิทยาลัยชื่อดังในเมืองขอนแก่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น พบศพคนเสียชีวิตอยู่ภายในบึง หลังรับแจ้งจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพและ แพทย์เวร รพ.ศรีนครินทร์ ไปตรวจสอบ พร้อมกับแจ้งประสานไปยัง นาง ธัญลักษณ์ อายุ 51 ปี ที่อยู่ 28 ม.3 ต.ทรายมูล อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งแจ้งความตามหาลูกชายหายตัวออกจากบ้านไปเมื่อกลางดึกวันที่ 14 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบศพชายเสียชีวิตในบึง สภาพศพลอยคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดสีแดง กางเกงขายาวสีดำ ก่อนจะค่อยๆลอยมาติดฝั่ง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างขอนแก่น สามัคคีอุทิศ จึงได้นำร่างขึ้นมาให้แพทย์ร่วมทำการชันสูตรบนฝั่งกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยการชันสูตรเบื้องต้นของแพทย์พบว่าศพขึ้นอึดเสียชีวิตมาแล้ว 48 - 62 ชั่วโมง

 โดยนางธัญลักษณ์ อายุ 51 ปี  มั่นใจว่าศพที่พบนั้นเป็นลูกชายตัวเอง เพราะจำเสื้อผ้าที่ใส่ และเล็บขาวที่แม่ทาให้ข้างซ้ายข้างเดียวได้ โดยผู้เสียชีวิตคือ นาย ปัญญากร อายุ 19 ปี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำร่างส่งตรวจพิสูจน์ยืนยันที่นิติเวชโรงพยาบาลศรีนครินทร์ตามขั้นตอน

นางธัญลักษณ์ กล่าวว่า  ตนเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มาเช่าบ้านเปิดร้านเสริมสวยอยู่ในหมู่บ้านสามเหลี่ยม ใกล้กับจุดเกิดเหตุและสถาบันกวดวิชาที่สมัครให้ลูก เพื่อจะเดินทางไปเรียนได้สะดวก เมื่อช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 14 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา ตนเองเปิดประตูห้องลูกชายเห็นกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ จึงได้บอกลูกให้เลิกเล่นเพราะดึกแล้ว โดยต่างคนต่างขึ้นเสียงใส่กันจนกลายเป็นทะเลาะกัน ก่อนที่ลูกออกจากบ้านไปพร้อมกับโทรศัพท์ โดยไม่ได้เอาสายชาร์จไปด้วยและติดต่อไม่ได้อีกเลย 

" ตอนที่ลูกออกจากบ้านไปนั้นตนเองร้องไห้จึงได้นั่งสมาธิอยู่ในบ้านเพื่อสงบสติอารมณ์ อยู่ๆได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวไหลออกมาอย่างแรงโดยที่มีเพียงตนเองอยู่ที่บ้าน ก่อนจะเงียบไปแล้วได้กลิ่นศพ เพราะตนเองจะเซ้นส์ไวในเรื่องกลิ่นศพ สักพักหายไป ตนเองจึงพูดออกไปว่าเอเลี่ยนใช่ไหม ซึ่งลูกชายชื่อเล่นว่าเอเลี่ยน ถ้าใช่เอเลี่ยนมาอีกที่ซิกลิ่น และก็ได้กลิ่นจริงๆ แต่ตอนนั้นยังไม่เชื่อทันทีว่าลูกจะเสียชีวิตแล้ว กระทั่งวันต่อมาได้กลิ่นตัวของลูกชาย และเสียงถอนหายใจอย่างแรงที่เป็นเสียงของลูกชาย เพราะลูกชายจะเป็นคนขี้หงุดหงิด

และช่วง 11.00 น. มีข้อความเด้งมาว่าสามารถติดต่อลูกได้แล้ว แต่ก็โทรไม่ติด เพื่อนๆของลูกก็ช่วยกันติดต่อแต่ก็ไม่มีใครโทรได้ แต่จะพบในจีพีเอสตำแหน่งของโทรศัพท์ลูกว่าอยู่ในย่านกังสดาลใกล้ๆกับจุดเกิดเหตุ จนกระทั่ง ตำรวจโทรศัพท์มาตามให้มาดูศพ หลังจากที่ตนเองได้แจ้งความลูกหายเอาไว้ กระทั่งพบว่าเป็นลูกชายตัวเองจริง เพราะจำเสื้อรุ่นของลูกชายที่ทำขึ้นตอนเรียนมัธยมกับเพื่อน และกางเกงขายาว รวมทั้งเล็บที่ตนเองทาสีขาวให้ลูกเพียงข้างเดียว"

นางธัญลักษณ์ กล่าวต่ออีกว่า ลูกชายเรียนจบมัธยมศึกษาปลายแล้ว และทำคะแนนสอบ NETSAT ของมหาวิทยาลัยที่ตัวเองอยากเข้าเรียนได้ถึงกำหนด ซึ่งลูกชายเตรียมจะไปยื่นเอาโควต้าคณะวิทยาศาสตร์ สาขาแบตเตอรี่และพลังงาน  และตอนที่ลูกเรียนอยู่สถาบันกวดวิชาใกล้บ้านนั้น อาจารย์เคยประเมินว่าลูกชายมีแนวโน้มภาวะโรคซึมเศร้า ซึ่งตนเองก็พยายามใช้คำพูดรักษาลูกดูแลลูกตลอดมา แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก่อน

 ด้าน ร.ต.อ.นนทพันธ์ บุดดี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า  ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันชันสูตรก็ได้นำร่างส่งนิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ เพื่อทำการยืนยันอัตลักษณ์บุคคลก่อนส่งศพให้กับญาติผู้เสียชีวิตนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาตามขั้นตอนต่อไป

สลด! ลูกเรือประมงเมาเหล้า เดินบนสะพานพลาดท่าตกน้ำทะเลจมดับ

เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 ก.พ.68  ร.ต.อ.ฐานิต ทีภักดี รอง สว.สอบสวน สภ.สัตหีบ  ได้รับแจ้งเหตุมีลูกเรือประมงจมน้ำเสียชีวิต ภายในสะพานท่าเทียบเรือประมงผู้ใหญ่ระพิน ม.1  ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมชุดสืบสวน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน
         
       ที่เกิดเหตุบริเวณปลายสะพานท่าเทียบเรือ พบศพชาย ทราบชื่อต่อมา นายนัฐพงษ์ บินบือราเฮ็ง อายุ 36  ปี ลูกเรือประมง ส สามารถ นุ่งเพียงกางเกงขาสั้นสีดำ ตรวจสอบไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8-10 ชม

        จากการสอบสวน นางหยวน หงษ์ทอง อายุ 79 ปี ทราบว่าผู้ตายเป็นหลานชาย ทำงานเป็นลูกเรือประมง ชอบดื่มสุราอยู่เป็นประจำ โดยจะเดินไปดื่มสุราบนฝั่ง ก่อนจะเดินกลับมานอนที่เรือประมงที่เทียบท่าอยู่บริเวณปลายสะพานทุกคืน คาดผู้ตายอาจเดินพลัดตกลงไปในน้ำทะเล ในช่วงรุ่นเช้าโดยไม่มีใครเห็น จนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว

      เบื้องต้นหน่วยกู้ภัยได้นำร่างขึ้นจากทะเล พร้อมส่งชันสูตรยัง โรงพยาบาลสัตหีบกิโลเมตรที่ 10 เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมติดต่อหาญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป...