บุรีรัมย์ 3 นักเรียน ม.2 แอบไปเล่นน้ำหลาก พลัดตกฝายน้ำล้น 2 รอดมา 1 สูญหาย 1 กู้ภัยระดมค้นหา

อำเภอลำปลายมาศ เกิดเหตุนักเรียนหญิงชั้น ม.2 จำนวน 3 คน หนีพ่อแม่ไปเล่นน้ำที่ฝายน้ำล้นแล้วเกิดลื่นพลัดตกน้ำ เผยคนว่ายน้ำเป็นลื่นจะตกน้ำคนว่ายน้ำไม่เป็นเข้าไปช่วยร่วงไปทั้ง 2 คน คนว่ายน้ำไม่เป็นหายไปกับสายน้ำ ค้นหานาน 3 ชม.ยังไม่พบร่าง

วันที่ 2 ต.ค.67 ร.ต.อ. การุณ จันทร์ดอก รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีคนจมน้ำที่บริเวณฝายน้ำล้นบ้านห้วยตะเคียนหนองกระทุ่ม ต.บ้านยาง อ.ลำปลายมาศ จึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมเข้าร่วมตรวจสอบพร้อมชุดประดาน้ำ

ที่เกิดเหตุเป็นฝายน้ำล้นขนาดความกว้างประมาณ 80 เมตร มีสะพานลอยขนาดเล็กอยู่ด้านบนไว้สำหรับรถจักรยานและรถจักรยานยนต์สัญจรได้ จุดล้นของน้ำมีความลึกประมาณ 25 -30 ซม.มีชาวบ้านมาพยายามให้การช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก

ส่วนเด็กที่จมน้ำหายไปคือ ด.ญ.ดวงกมล หรือน้องอี๊ฟ อายุ14 ปี เด็กนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ลำปลายมาศ จากนั้นหน่วยกู้ภัยนำชุดประดาน้ำลงไปค้นหาใต้น้ำ ซึ่งเป็นไปด้วยความลำบากเพราะกระแสน้ำเชี่ยว ผ่านไปนานกว่า 3 ชม.จนถึงเวลานี้ 18.00 น.ยังไม่พบร่างของน้องอยู่ระหว่าประสานชุดประดาน้ำเพิ่ม

นางสาวจารุวรรณ อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 90 หมู่ที่ 2 ต.หนองโดน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ แม่น้องอี๊ฟที่จมน้ำหายไป เล่าว่าปกติจะบอกให้ลูกตลอดว่าห้ามไปเล่นน้ำเพราะช่วงนี้เป็นฤดูน้ำหลาก แต่ลูกสาวมักจะแอบไปกับเพื่อนเช่นเดียวกับครั้งนี้ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาหวังให้ลูกรอดปลอดภัย

สอบถามเพื่อนน้องอี๊ฟที่ไปด้วยกันเล่าว่า พวกตนมาด้วยกัน 3 คนมาถ่ายรูปและลงเดินเล่น ช่วงเกิดเหตุตนกำลังเล่นบริเวณสันน้ำ แต่กำลังลื่นจะตกน้ำ น้องอี๊ฟ ได้เอามือมาคว้าไว้แต่สุดท้ายลื่นไหลไปด้วยกันจนตกน้ำ

ตอนนั้นตนพยายามประคองเอาไว้ส่วนน้องอี๊ฟจับแขนตนเอาไว้ ระหว่างที่ตนกำลังจะเกาะกิ่งไม้ได้น้องอี๊ฟกลับหลุดออกไปหายไปกับสายน้ำ จึงรีบไปแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบดังกล่าว

อุดรธานี พบแล้วร่างหนุ่มหาปลาพลัดตกฝายน้ำล้นหาย 5 วัน ร่างไหลกับน้ำเชี่ยวเกือบ 2 กม.

พบร่างแล้ว หนุ่มอุดรวัย 49 พลัดตกฝายน้ำล้นน้ำเชี่ยว ร่างไหลไปกับน้ำลอดท่อข้ามถนนเกือบ 2 กม.ไปโผล่ข้างต้นข่าริมห้วยจนขึ้นอืด เจ้าของบ้านไปขุดข่าแทบช็อคเจอศพเน่า ลอยมาข้างต้นข่า ญาติจุดธูปบอกวิญญาณไม่หนาวอีกแล้ว ขณะที่เจ้าของบ้านเล่าสุนัขเห่าหอนทั้งคืน ฝากเตือนประชาชนระวังช่วงนี้น้ำในแม่น้ำลำคลองน้ำไหลเชี่ยว ออกหาปลาระวังพลัดตกน้ำได้

วันนี้ (25ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายวีระพงษ์ อายุ 49 ปี ชาวบ้านโพนบก หมู่ 4 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ออกไปหาปลาที่ฝายน้ำล้นห้วยริน บ้านศรีเชียงใหม่ ต.นาดี อ.เมือง จ.อุดรธานี ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 21 ก.ย.67 เกิดพลัดตกฝาย ร่างไหลไปกระแสน้ำเชี่ยวกราก นานกว่า 4 วันหาร่างไม่เจอ ต่อมากู้ภัยนำนักประดาน้ำไปงมหาร่างตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. ผ่านมาหลายวันก็หาร่างไม่เจอ จนต้องนำรถแบ็คโฮไปช่วย เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ แต่ก็ต้องถอนกำลังเพราะหาร่างของนายวีระพงษ์ไม่เจออีก

ล่าสุดวันนี้ เวลา 07.00 น.พ.ต.ท.เจษฎา ว่องไว สว(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งจากน.ส.ทองวรรณ คนคิด อายุ 52 ปี ชาวบ้านศรีเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพบศพคนแรก พาเจ้าหน้าที่ไปดูศพของนายวีระพงษ์ ที่อยู่หลังบ้าน ศพอยู่ลำห้วยติดกับกอข่าข้างลำห้วย โดยมีจอกแหนปกคลุม ศพไม่สวมเสื้อมีแต่กางเกงในตัวเดียว สภาพศพขึ้นอืด คาดว่าศพลอยมาตามลำห้วยรินทางท่อผ่านถนนจนมาติดอยู่ตรงหลังบ้าน ชาวบ้านได้นำร่างขึ้นมาจากลำห้วยอย่างทุลักทุเลเพราะพื้นดินมีดินโคลน เจ้าหน้าที่ฯ ชันสูตรศพไม่พบร่องรอยบาดแผลถูกทำร้าย ส่วนญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงจุดธูปบอกวิญญาณจะได้นำศพไปบำเพ็ญตามประเพณีต่อไป

นางทองวรรณ เล่าว่า บ้านตนเองติดกับลำห้วยริน เมื่อเช้านี้เดินไปหลังบ้านจะไปขุดหน่อข่า ปรากฎว่า เจอร่างคนตายอยู่ในน้ำมีจอกแหนคลุมร่าง โผล่เห็นมือหงิกงอ ตกใจแทบช็อค รู้แน่ว่าเป็นนายวีระพงษ์เพราะชาวบ้านและญาติๆ ตามหา จึงรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านมาทันที  ซึ่งที่ตรงนี้ห่างจากฝายน้ำล้นที่นายวีระพงษ์พลัดตกลงไปประมาณ 2 กม.คาดว่าหลังจมน้ำร่างได้ไหลมากับน้ำเชี่ยวผ่านท่อลอดถนน และศพอยู่ใต้จอกแหนมาตั้งแต่วันแรก จึงทำให้กุ้ภัยหาร่างแถวฝายน้ำล้นไม่เจอ เพราะศพไหลมากับน้ำ จริงๆ แล้วตนเองได้กลิ่นเหม็นศพมา 3 วันแล้วแต่ก็มองหาร่างไม่เจอ แต่ก็แปลกใจสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้สิบๆ ตัวเห่าหอนกลางคืนมา 3 วันแล้ว เรื่องลี้ลับเรื่องวิญญาณส่วนตัวเชื่อสุนัขเขามองเห็นเรื่องแบบนี้ และเชื่อว่าวิญญาณนายวีระพงษ์อยากขึ้นจากน้ำแต่ขึ้นไม่ได้ จนมาวันนี้ศพโผล่ ก็แสดงความเสียใจด้วย ก็ขอฝากเตือนประชาชนที่ชอบดื่มเหล้า หรือชอบหาปลาตามลำห้วย ช่วงนี้น้ำในลำห้วยฝายน้ำล้นที่อุดรน้ำหลากไหลเชี่ยวระวังพลัดตกน้ำได้

ชัยภูมิ สลดนักเรียนชายวัย 13 ปี เล่นน้ำท่วม ถูกน้ำซัดจมหายข้ามคืน พบเป็นศพใต้ฝาย 

ชัยภูมิ สลดนักเรียนชายวัย 13 ปี เล่นน้ำท่วม ถูกน้ำซัดจมหายข้ามคืน พบเป็นศพใต้ฝาย 

วันที่ 24ก.ย.67 หลังจากนายเสกสรร สวัสดิ์ศรี นายอำเภอเกษตรสมบูรณ์ ได้ลงพื้นที่ติดตามการค้นหาเด็กจมน้ำหายตัวไปที่ฝายวังยาว บ้านสารสอด หมู่ 15 ต.หนองโพนงาม อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ 

เมื่อเวลา 09.00น.เมื่อวานที่ผ่านมา(23ก.ย.67) ทราบว่าผู้จมน้ำไปทราบชื่อว่า ด.ช.วิทวัธ อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านเป้าวิทยา อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ได้ออกมาเล่นน้ำท่วมที่ฝายน้ำล้นบ้านวังยาว ต.หนองโพนงาม พร้อมกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน 6 คน น้ำหน้าฝายน้ำล้นได้ไหลแรงซัดร่าง ด.ช.วิทวัช จมหายไปกับสายน้ำใต้ฝายน้ำล้น ได้แจ้งให้นายสงัด สำราญรื่น นายก อบต.หนองโพนงาม ,นายสวัสดิ์ สุดสี ผู้ใหญ่บ้านสารจอด ม.4 ตำบลหนองโพนงามทราบเรื่อง ได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยังทีมงานป้องกันฯ อบต.หนองโพนงาม หน่วยกู้ภัย จาก อ.เกษตรสมบูรณ์ กู้ภัยหลวงศิริ อ.หนองบัวแดง หน่วยกู้ชีพกู้ภัย มูลนิธิสว่างคุณธรรม จ.ชัยภูมิ อบต โป่งนก อ. เทพสถิต ให้มาช่วยกันค้นหาร่างน้องวิทวัช ที่จมหายไปกับสายน้ำ 

โดยออกค้นหาทางเรือตามริมฝั่งทั้ง 2 ด้านตลอดเส้นทางน้ำประมาณ 1 กิโลเมตร และทีมนักประดาน้ำจากชุดกู้ภัยสว่างคุณธรรมจังหวัดชัยภูมิ ได้ดำน้ำค้นหาแบบเรียงหน้ากระดานบริเวณฝายวังยาว แต่ด้วยกระแสน้ำได้ไหลเชี่ยว การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก จนถึงเวลา 20.00น.ยังไม่พบร่างน้องวิทวัช วัย 13 ปี จึงได้ยุติการค้นหาเนื่องจากเป็นเวลาค่ำคืนเกรงจะเป็นอันตรายกับทีมกู้ภัย ในตอนเช้าวันนี้(24ก.ย.67)หน่วยกู้ชีพกู้ภัย ได้ออกค้นหาร่างน้องวิทวัช วัย 13 ปี อีกครั้ง 

จนถึงเวลาประมาณ 08.00น.หน่วยประดาน้ำจึงพบร่างไร่วิญญาณของน้อง ด.ช.วิทวัธ วัย 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านเป้าวิทยา อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ อยู่ใต้สายน้ำห่างจากฝายน้ำล้นวังยาว บ้านสารสอด หมู่ 15 ต.หนองโพนงาม ประมาณ 500 เมตร มูลนิธิต่างๆช่วยกับนำร่างไร้วิญญาณน้องวิทวัช ขึ้นมายังบนฝั่งลำน้ำ ท่ามกลางพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เด็กชายวิทวัช มาดูการงมหาร่างน้องวิทวัช อย่างใจจดใจจ่อตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา(23)

เมื่อเห็นร่างน้องวิทวัช ต่างปล่อยโฮร้องให้ออกมาจากการสูญเสียน้องวิทวัช ตำรวจ สภ.เกษตรสมบูรณ์ ได้ร่วมกับแพทย์เวร รพ.เกษตรสมบูรณ์ ชันสูตรพลิกศพเสียชีวิตจากขาดอากาศ จากการเสียชีวิต ญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิตน้องวิทวัช วัย 13 ปี ได้มอบร่างให้กับญาติไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

อนาถ! หนูน้อยชาวเมียนมาวัย 4 ขวบ ดวงถึงฆาต วิ่งเล่นไล่กวดสุนัข เกิดพลาดพลัดตกบ่อทราย จมน้ำดับ

อนาถ! หนูน้อยชาวเมียนมาวัย 4 ขวบ เคราะห์ร้ายดวงถึงฆาต วิ่งเล่นไล่กวดสุนัข เกิดพลาดพลัดตกบ่อทราย จมน้ำดับ ที่กาญจนบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 24 ก.ย.67 ร.ต.อ.บุญเขต  รักชาติ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ฯ ว่าเดิดเหตุมีเด็กวัย 4 ขวบจมน้ำเสียชีวิต เหตุเกิดที่บ่อทราย หมู่ 1ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกาฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นบ่อทรายร้าง

หลังรับแจ้ง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สมบัติ  โพธิ์งาม ผกก.สภ.ท่าเรือ ทราบเรื่อง จากนั้น จึงเดินทางไปตรวจสอยที่เกิดเหตุ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.มะการักษ์ ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพ พบว่าจุดเกิดเหตุนักประดาน้ำชุดสายธารของมูลนิธิขุนรัตนาวุธ และอาสาสมัครกู้ชีพประจำจุด ต.ท่าเรือ ได้ลงงมค้นหาร่างของเด็กชายที่จมน้ำเสียชีวิตรายนี้ขึ้นมาไว้บนบกแล้ว 


จากการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ไม่พบว่าตามร่างกายของเด็กน้อยมีบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด แพทย์ลงความเห็นสาเหตุการตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ จึงมอบศพให้มูลนิธิฯ นำศพส่งแผนกนิติเวช รพ.ศูนย์ราชบุรี ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย

เบื้องต้นสอบสวนทราบชื่อผู้ตายชื่อ ด.ช.ธิติ ไม่มีนามสกุล อายุ 4 ปี พ่อแม่เป็นแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมารับจ้างทำงานอยู่ในบ่อทราย 

จากการสอบสวนปากคำพ่อและแม่ของเด็กน้อยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ตอนบ่าย 3 โมง เห็น ด.ช.ธิติ ผู้ตายได้วิ่งเล่นไล่กวดสุนัขที่เลี้ยงไว้ ด้วยความซุกซนตามประสาเด็ก แล้วหายไป จึงช่วยกันออกตามหาแล้วไปพบรองเท้าลอยอยู่ในบ่อทราย จึงคาดว่า เด็กพลัดตกลงไปในบ่อทราย ซึ่งมีความลึกระดับ 5-10 เมตร จึงแจ้งเถ้าแก่เจ้าของบ่อทรายให้ทราบ และประสานไปยังมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ประจำจุดรอรับเหตุ ต.ท่าเรือ เพื่อขอเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำมาช่วยลงงมค้นหาจนกระทั่งพบร่างและนำขึ้นฝั่ง ส่วนสาเหตุคาดว่า เด็กคงวิ่งเสียหลักพลัดตกลงไปในบ่อทรายโดยที่ไม่มีใครเห็น จนกระทั่งจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว จึงประสานพนักงานสอบสวนและแพทย์เวรให้มาทำการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นและส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่ รพ.ศูนย์ราชบุรี เพื่อหาสาเหตุการตายตามระเบียบของกฎหมายต่อไป
         

เข้าฝันอยากไปกราบพ่อแม่วันเกิด หนุ่มอุดรฯพลัดตกฝายน้ำล้น กระแสน้ำเชี่ยวพัดสูญหายสามวันยังหาร่างไม่เจอ

เตือนภัย ช่วงนี้ฝนตกหนักน้ำหลากอย่าชะล่าใจใกล้ฝายน้ำที่มีน้ำไหลเชี่ยวกรากอาจจะพลัดตกน้ำเสียชีวิตได้  ที่จ.อุดรธานี หนุ่มอุดรวัย 49 ออกหาปลาในฝายน้ำล้น เห็นปลากระโดดเต้นหน้าฝายดีใจจะได้ปลาตัวใหญ่จะลงไปเก็บปลาถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดจมหายสามวันแล้วหาร่างยังไม่เจอ มาเข้าฝันน้าชายบอกยังไม่อยากตายนั่งผิงไฟอยู่หน้าฝายรู้สึกหนาวช่วยหลานด้วย อยากกลับไปเป็นคนวันที่ 27 ก.ย.ครบวันเกิด 49 ปีจะไปกราบพ่อแม่

วันนี้ (23 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.อุดรธานี มีชาวบ้านออกไปหาปลาที่ฝายน้ำล้น เกิดพลัดตกน้ำที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากตั้งแต่ 5 โมงเย็นวันที่ 21 ก.ย.67 ที่ผ่านมาเพราะหลายวันที่ผ่านมาที่อุดรมีฝนตกหนักมาตลอด เหตุเกิดที่ฝายน้ำล้นห้วยริน บ้านศรีเชียงใหม่ ต.นาดี อ.เมือง จ.อุดรธานี จนถึงวันนี้ยังหาร่างไม่เจอ

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่เกิดเหตุพบชาวบ้านรวมทั้งครอบครัวผู้สูญหายเดินทางมาจุดธูปปักลงดินขอเจ้าที่เจ้าทางขอให้เจอร่าง ทราบชื่อผู้สูญหายพลัดตกน้ำ คือ นายวีระพงษ์ อายุ 49 ปี หรือชื่อเล่น “พงษ์”  ชาวบ้านโพนบก หมู่ 4 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ขณะที่นักประดาน้ำจากหน่วยกู้ภัยงมหาร่างตั้งแต่เย็นวันเสาร์จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เจอร่าง จึงทำการถอนตัว

นายทองพูน อายุ 75 ปี พ่อของนายพงษ์ บอกว่า นายพงษ์เป็นลูกชายคนโต ยอมรับลูกชายกินเหล้าบ่อย เขาจะมานอนที่นาใกล้ฝายน้ำล้นทุกวัน เย็นวันเสาร์บอกพ่อว่า จะเอาสวิงไปหาปลาที่ฝายน้ำล้นเห็นปลากระโดดตรงฝายน้ำล้นเยอะจะได้ปลาไปทำอาหารให้พ่อกิน พอไปนานไม่เห็นกลับมาจึงออกตามหา มาเจอถังสี เสื้อผ้าถอดอยู่และข้องใส่ปลา อยู่ข้างๆ ฝายน้ำล้น แต่ไม่เห็นคน เชื่อว่าลูกชายจะตกน้ำตายแน่ เพราะชอบดื่มเหล้าและมีอาการวูบอยู่บ่อยครั้ง หลังลูกชายหายก็แจ้งหน่วยกู้ภัยมางมหาศพแต่ไม่เจอจึงจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทางเพื่อเปิดทางให้เจอร่าง จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เจอ

ทางด้านนายหลอด อายุ 70 ปี น้องชายของพ่อนายพงษ์ บอกว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตนได้ฝันเห็นนายพงษ์หลานชายนั่งผิงไฟอยู่ข้างฝายน้ำล้น จึงตะโกนถามไปว่า มึงไปไหนมาชาวบ้านเขาตามหากันทั่ว ในความฝันนั้น นายพงษ์ก็บอกว่า ผมนั่งผิงไฟอยู่นี่นานแล้วทำไมไม่พากันเห็นผม ผมรู้สึกหนาวช่วยผมด้วย ผมยังไม่อยากตาย เอาสวิงมาหาปลาจะเอาไปให้พ่อแม่กิน และใกล้วันเกิดวันที่ 27 ก.ย.67 ครบ 49 ปีผมด้วยผมอยากไปกราบพ่อและแม่ในวันเกิด ในความฝันนายพงษ์พูดกับน้าชาย จนถึงวันนี้วันที่ 3 ก็ยังหาร่างนายพงษ์ยังไม่เจอเพราะกระแสน้ำฝายน้ำล้นเชี่ยวกราก หากจมน้ำจริงคงต้องรอให้ศพลอยขึ้นมา

บึงกาฬ ผู้ป่วยจิตเวชจมน้ำในสวนยางดับอนาถ

บึงกาฬ ผู้ป่วยจิตเวชจมน้ำในสวนยางดับอนาถ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 23 ก.ย.พ.ต.ต.วิษณุชัย คารมย์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ รับแจ้งเหตุมีคนจมน้ำเสียชีวิต อยู่ในบ่อน้ำภายในสวนยางพารา ติดกับทุ่งนาบ้านโคกสวาง (โคกสะหวาง) หมู่ที่ 6 ต.นาสวรรค์ อ.เมืองบึงกาฬ จึงประสานแพทย์เวร รพ.บึงกาฬ และหน่วยกู้ภัยร่วมใจบึงกาฬ ไปตรวจที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุห่างจากหมู่บ้านประมาณ 300 เมตร ทราบว่าผู้ประสบเหตุถูกญาตินำศพขึ้นมาจากบ่อน้ำแล้ว ซึ่งบ่อดังกล่าวมีความลึกประมาณ 4 เมตร 

ทราบชื่อต่อมาว่า นายเรย์ หรือบุญมี อายุ 46 ปี สภาพศพสวมใส่เพียงกางเกงในตัวเดียว เนื้อตัวซีดขาว ไม่พบบาดแผลตามร่างกาย ทราบจากญาติว่าผู้ตายป่วยเป็นโรคจิตเวชมานานกว่า 20 ปี ชอบมาเล่นอยู่ในป่าสวนยางพารา บางทีตอนกลางคืนก็ยังออกมาเดินเล่นอยู่ในสวนยาง ก่อนเกิดเหตุหายตัวออกจากบ้าน ญาติจึงออกตามหา เห็นแต่รองเท้าแตะวางอยู่ขอบบ่อ จึงเอาไม้ไผ่ยาวกว่า 4 เมตร ลองกระทุ้งดูสะดุดจึงมั่นใจว่าจมน้ำอยู่ใต้ก้นบ่อ และพี่ชายได้มุดน้ำลงงมเอาร่างขึ้นมาได้ รอตำรวจและแพทย์เวรมาชันสูตรต่อไป

สันนิษฐานว่าขณะที่ผู้ตายมาเดินอยู่บนขอบบ่อที่มีไม้กระดานพาดอยู่ อาจจะเกิดการลื่นตกลงไป ซึ่งผู้ตายว่ายน้ำไม่แข็งแรง พยายามตะกุยตะกายหาที่ยึดและว่ายน้ำเข้าฝั่ง จนหมดแรงจมน้ำตายอนาถดังกล่าว.
    

อุดรธานี ยายร้องไห้แทบขาดใจหลานไปเล่นฝายน้ำล้น จมน้ำดับต่อหน้าเพื่อน ขนลุกตาของเด็กจมน้ำปีที่แล้ว

ช่วงนี้ฝนตกในภาคอีสานหนักแทบทุกจังหวัด น้ำตามลำห้วย ฝายน้ำล้นน้ำเพิ่มไหลแรงเชี่ยวกราก เตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลานดีๆ ด้วย ที่จ.อุดรธานี เกิดเหตุสลดข่าวเศร้าวันเสาร์  น้องโลมหนูน้อยวัย 13 ปีไปเล่นน้ำกับเพื่อนเห็นตัวปลาเป็นๆ กระโดดลงน้ำไปจับเกิดพลัดตกฝายน้ำล้นท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวจมน้ำดับต่อหน้าเพื่อนๆ ยายรู้ข่าวร้องไห้แทบขาดใจรักหลานคนนี้มาก เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ เผยลางสังหรณ์ก่อนได้ยินข่าวร้าย จู่ๆ ถังใส่ถ่านใต้เตียงเกิดไฟลุกปริศนา ชาวบ้านขนลุกปีที่แล้วตาของเด็กจมน้ำจุดเดียวกันนี้เชื่อวิญญาณตาอยากมารับหลานไปอยู่ด้วย

วันนี้ (21 ก.ย.67) เวลา 15.00 น.หน่วยกู้ภัยส่งเสริมธรรมจุดบริการอ.หนองหาน จ.อุดรธานี  รับแจ้งจากชาวบ้าน มีเด็กจมน้ำที่ฝายน้ำล้นหนองนาคุก บ้านโคกทุ่งยั้ง หมู่ 5 ต.โพนงาม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ตอนนี้ยังไม่ทราบร่างคาดว่าเสียชีวิต หลังรับแจ้งนักประดาน้ำของมูลนิธิฯ รีบเดินทางไปที่เกิดเหตุทันที โดยที่เกิดเหตุเป็นฝายน้ำล้นห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กม.ความลึกของน้ำประมาณ 4 เมตร มีชาวบ้านทราบข่าวเด็กจมน้ำพามามุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก ทราบชื่อเด็กชายที่จมน้ำคือ ด.ช.ธีระภาพ อายุ 13 ปี หรือน้องโลม อยู่บ้านโคกทุ่งยั้ง หมู่ 5 ต.โพนงาม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี โดยน้องโลมพลัดตกฝายจมน้ำต่อหน้าเพื่อนๆ ที่พากันมานั่งกินส้มโอและน้ำอัดลมข้างริมฝายน้ำล้นรวม 6 คน ท่ามกลางกระแสน้ำไหลผ่านฝายน้ำล้นอย่างเชี่ยวกราก ส่วนชาวบ้านที่รู้ข่าวพากันมามุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก ทุกคนภาวนาให้น้องโลมที่พลัดตกน้ำลอยไปติดฝั่งที่ไหนสักแห่ง ให้รอดปลอดภัย โดยใกล้ริมฝั่งฝายน้ำล้นพบเสื้อน้องโลมและรองเท้าแตะตกอยู่ที่เกิดเหตุ ขณะที่ญาติๆ ได้จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง แม่ธรณีขอเปิดทางให้นักประดาน้ำหาร่างน้องให้เจอ  เวลา 17.00 น.นักประดาน้ำจึงนำร่างของน้องโลมขึ้นมาได้ ห่างจากจุดพลัดตกน้ำประมาณ 100 เมตร

ต่อมา น.ส.สมหวัง อายุ 51 ปี ผู้เป็นยายของน้องโลมรู้ข่าวเดินทางมาที่เกิดเหตุเห็นร่างหลานชายหมดลมหายใจแล้ว ร้องไห้แทบขาดใจเป็นลมแล้วเป็นลมอีกจนเพื่อนบ้านต้องคอยปลอบใจ พร้อมบอกว่า ยายบอกแล้วอย่ามาๆ ก็ไม่ฟัง จะพากันมานั่งกินอะไรตรงนี้ พร้อมกับเล่าทั้งน้ำตาให้นักข่าวว่า หลานชายคนนี้เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด แม่เขาทิ้งเอาไว้ให้เลี้ยงไปมีผัวใหม่ รักหลานมาก ก่อนเกิดเหตุหลานชายได้ขอเงิน 10 บาท บอกว่าจะเอามาแชร์กับเพื่อนซื้อน้ำอัดลมกินกับเพื่อน ไม่คิดว่าจะมาเล่นน้ำตรงนี้ หลังหลานจมน้ำ มีเพื่อนน้องโลมวิ่งมาบอกว่าน้องโลมตกน้ำครับยาย ตนเองตกใจแทบช็อครีบออกมาทันที

ผู้เป็นยาย บอกอีกว่า ไม่คิดว่าหลานจะจากไปเร็วเพียงนี้ ก่อนเกิดเหตุมีลางสังหรณ์ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายว่าหลานจะเสียชีวิต โดยช่วงห้าโมงเช้า ถังใส่ถ่านอยู่ใต้เตียงในบ้านจู่ๆ ไฟก็ได้ลุกไหม้ไม่รู้สาเหตุ ตนก็รีบไปดับไฟ เมื่อตกบ่ายมารู้ข่าวหลานจมน้ำเสียชีวิต ไม่คิดว่าไฟไหม้ถ่านในบ้านจะเป็นลางไม่ดีแบบนี้ บักหล่าเอ๊ย หลานรักหลานแพงทำไมมาจากยายไปเร็วแบบนี้ จากนี้ไปยายจะอยู่กับใคร ตาก็จมน้ำตายไปหนึ่งคนแล้ว เล่าไปร้องไห้แทบขาดใจ หัวอกคนเป็นยาย

ด.ช.อะตัง เพื่อนน้องโลม บอกว่า บ่ายวันนี้พวกผมชวนกันมาที่ฝายน้ำล้น มาด้วยกัน 6 คน พากันซื้อน้ำอัดลมและส้มโอมากินข้างฝายน้ำล้น นั่งกินอยู่ดีๆ จังหวะนั้นเองพี่โลมเห็นปลาตัวใหญ่โผล่มาอยู่ใกล้ๆ จึงถอดเสื้อถอดรองเท้ารีบจะไปเอาปลาแต่เกิดพลัดตกลงน้ำ ตอนนั้นน้ำไหลแรงมาก พวกผมก็เห็นพี่โลมจมน้ำต่อหน้าต่อตา ก็จะพยายามไปช่วยแต่ไม่กล้าเพราะน้ำไหลเชี่ยวมาก จึงรีบวิ่งไปบอกผู้ใหญบ้านให้มาช่วยกลับมาไม่พบพี่โลมแล้ว

ทางด้าน นายบัวเรือง โสศรีภา  กำนัน ต.โพนงาม บอกว่า ที่ฝายน้ำล้นแห่งนี้สร้างมาเกือบ 20 ปีแล้ว น้องโลมเป็นศพที่ 2 ที่จมน้ำ ศพแรกเป็นตาแท้ๆ ของน้องโลมเองจมน้ำเสียชีวิตตรงที่เดียวกันนี้เมื่อปีก่อนนี่เอง น้องโลมเป็นศพที่ 2 ที่เสียชีวิตที่ตรงนี้ ก็ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต ก็ฝากเตือนผู้ปกครองช่วงนี้ฝนตกชุกน้ำตามฝายน้ำล้นน้ำไหลเชี่ยวอย่าให้ลูกหลานมาเล่นน้ำ คงต้องประกาศและกำชับให้ผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่บ้านเตือนเด็กๆ ด้วย

ขณะที่ชาวบ้านขนลุกอาถรรพ์ฝายน้ำล้นกินคนบ้านโคกทุ่งยั้ง  ศพนี้เป็นศพที่ 2 ศพแรกเป็นตาของน้องโลมแท้ๆ  จุดเดียวกันนี้ด้วย เชื่อตาน้องโลมยังไม่ไปผุดไปเกิดมาโผล่ให้หลานเห็นเป็นปลาหลานก็กระโดดลงน้ำจะเอาปลา สุดท้ายจมน้ำเสียชีวิต เชื่อวิญญาณตาของน้องโลมหลานแท้ๆ อยากเอาหลานไปอยู่ด้วย

 

ปทุมธานี กล้องวงจรปิดจับภาพลุงคิดสั้นกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย

ปทุมธานี กล้องวงจรปิดจับภาพลุงคิดสั้นกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย

เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 14 ก.ย.67 พ.ต.ท.กวี ช่วยสร้าง สารวัตรสอบสวนสภ.ปากคลองรังสิตได้รับแจ้งมีคนจมน้ำเสียชีวิตบริเวณศาลาท่าน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาภายในวัดเทียนถวาย ม.2 ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์นิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้ง

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย1 รายเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้งได้นำร่างขึ้นมาจากแม่น้ำแล้วทราบชื่อนายวีระศักดิ์ อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 ม.4 ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี และพบถุงผ้าใส่สัมภาระพร้องกับน้ำและนมกล่อง และไม้เท้า ของผู้เสียชีวิตวางอยู่ที่ศาลา

จากการสอบถามนายคงเพชร อายุ 26 ปี ลูกเลี้ยงของผู้เสียชีวิตบอกว่า เมื่อช่วงบ่ายโมงกว่าๆพ่อบอกให้ตนเองพามาที่วัดเพื่อที่จะมาพบเจ้าอาวาสแต่ก็ไม้เจอ แกจึงให้พามานั่งที่ศาลาท่าน้ำพอนั่งได้สักพักแกก็บอกว่าอยากฆ่าตัวตาย แต่ผมก็ห้ามแกไว้หลังจากนั้นแกก็บอกว่าให้ผมไปเอาเอกสารของผมและซื้อนมกล่องมาด้วยตนเองก็ไป พอกลับมาก็ก็เห็นแต่ไม้เท้าแล้ว แกคงจะคิดมากที่ลูกแท้ๆไม่เอาแกแล้ว ซึ่งแกคงน้อยใจลูก ซึ่งตนเองมาอยู่กับพ่อเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆเลย 26 ปี กลับมาก็ไม่เจอแกแล้วตนเองทำงานเป็นเด็กติดรถส่งอะไหล่แอร์ได้วันล่ะไม่กี่ร้อยบาท

ด้านนายสมบูรณ์ ปานแย้ม นายกเทศมนตรีตำบลบ้านใหม่ บอกว่า คนตายติดค่าเช่าห้องหลายเดือนแล้ว ซึ่งคนตายมาอยู่กับลูกเลี้ยงซึ่งแกมาที่วัดแห่งนี้คงจะมาหาที่อยู่ใหม่พอดีไม่เจอเจ้าอาวาส และคิดว่าแกตั้งใจจะฆ่าตัวตายจึงบอกให้ลูกไปเอาเอกสารที่บ้านพอกลับมาก็เจอแต่ไม้เท้าแล้ว

  ด้านพ.ต.ท.กวี ช่วยสร้าง สารวัตรสอบสวนสภ.ปากคลองรังสิต หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วจึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้งนำผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งกล้องวงจรปิดก็จะเห็นว่าผู้เสียชีวิตลงน้ำไปเอง

อนาถ! เมืองกาญจน์ วันเดียวมีคนจมน้ำดับ 2 ราย

อนาถ! เมืองกาญจน์ วันเดียวมีคนจมน้ำดับ 2 ราย รายแรกเป็นหนุ่ม วัย 48 ลงไปงมหาลูกกลอ์ฟขาย คาดเป็นตะคริวจมน้ำดับ รายที่ 2 เป็นหญิงชรากระโดดสะพานข้ามแม่น้ำฆ่าตัวตาย
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเหตุจมน้ำตายรายแรกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 14 ก.ย.67 ร.ต.ท.ณัฐพล  ทองสีขาว รองสารวัตรสอบสวน สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ฯ ว่าเกิดเหตุมีคนจมน้ำดับ ภายในสระน้ำสนามกอล์ฟชื่อดังแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ต.วังด้ง เจ้าหน้าที่นักประดาน้ำทีมชลกาญจน์ของมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ได้ช่วยกันงมค้นหาและนำศพขึ้นจากสระน้ำมาไว้บนบกแล้ว หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.เตชินทร์  บรรจง ผกก.สภ.ลาดหญ้า ทราบเรื่อง

     จากนั้น จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบทึ่เกิดเหตุ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนา ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพพบว่า ทีมนักประดาน้ำได้นำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาไว้ที่ริมขอบสระแล้ว แพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพพบว่า ตามร่างกายไม่มีบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย สอบสวนทราบชื่อผู้ตายชื่อนายชาญยุทธ(ขอสงวนนามสกุล)อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134/1 หมู่ 1 ต.วังด้ง อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี

จากการสอบสวนปากคำญาติทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเวลา 21.30 ของวันที่ 13 ก.ย.67 ผู้ตายกับเพื่อนรวม 2 คนซึ่งทำงานอยู่ภายในสนามกอล์ฟ ได้รับจ้างเจ้าของสนามกอล์ฟซึ่งเป็นคนต่างชาติ ให้ลงงมหาลูกกอล์ฟที่จมอยู่ในสระน้ำแล้วผู้ตายได้จมน้ำหายไป จนกระทั่งเช้าบรรดาญาติของผู้ตายได้ประสานขอกำลังนักประดาน้ำมาลงงมค้นหาจนกระทั่งพบว่า นายชาญยุทธ เสียชีวิตแล้ว จึงช่วยกันนำศพขึ้นมาจากน้ำและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่อง สอบถามภรรยาและญาติไม่มีใครติดใจสาเหตุการเสียชีวิต จึงมอบศพให้มูลนิธิฯ นำศพส่งแผนกนิติเวช รพ.พหลพลพยุหเสนา เพื่อให้แพทย์ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป

ส่วนรายที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.45 น.ของวันเดียวกันนี้ ร.ต.อ.ชัยรัตน์  จันทร์อนันต์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากตำรวจสายตรวจประจำจุดบริการประชาชนตู้แม่กลอง หมู่ 12 ต.ปากแพรกฯ ว่า เจ้าหน้าที่นักประดาน้ำชุดสายธารของมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ได้น้ำร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิงชราขึ้นมาจากน้ำในแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งเป็นหญิงชราที่มีการโพสต์แจ้งหายในโลกโซเชียล  หลังทราบเรื่องจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญทราบเรื่อง

จากนั้น จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบจุดที่เจ้าหน้าที่นำศพขึ้นมาไว้บนบก ตรวจสอบหลักฐานทราบชื่อผู้ตายชื่อนางจำปี(ขอสงวนนามสกุล)อายุ 79 ปีตามร่างกายไม่พบว่า มีบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย สอบถามบรรดาลูกหลานและญาติๆ ไม่มีใครติดใจ หรือสงสัยสาเหตุการตาย เพราะเชื่อว่า กระโดดสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองฆ่าตัวตายเอง จึงมอบศพให้ญาตินำศพไปดำเนินการตามประเพณีทางศาสนา
      

อนาถ! ผู้เฒ่าหนองตากยา กาญจน์ วัย 74 ผลัดตกคลองจมน้ำดับ ขณะหวดหญ้าริมคลองชลประทาน

อนาถ! ผู้เฒ่าหนองตากยา กาญจน์ วัย 74 ผลัดตกคลองจมน้ำดับ ขณะหวดหญ้าริมคลองชลประทาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น.ของวันที่ 9 กันยายน 2567 ร.ต.อ.ภูรี เถียรประภากุล รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ฯ ว่าเกิดเหตุมีคนจมน้ำเสียชีวิตในพื้นที่หมู่ 4 บ้านเขาสามสิบหาบ ต.เขาสามสิบหาบ อ.ท่ามะกา หลังรับแจ้งจึงลงบันทึกประจำวันเพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่อง
     
จากนั้น จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.มะการักษ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ชีพของมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ประจำจุดรอรับเหตุ อ.ท่ามะกา จุดเกิดเหตุบริเวณริมคลองชลประทานสายบ้านเขาสามสิบหาบ-บ้านท่ามะกา พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายชราไม่สวมเสื้อ สวมแต่กางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว ซึ่งบรรดาญาติๆ ได้ช่วยกันนำร่างขึ้นมาไว้บนบกพบว่า เสียชีวิตแล้ว สอบสวนทราบชื่อผู้ตายชื่อนายใส(ขอสงวนนามสกุล)อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 4 ต.เขาสามสิบหาบ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ผลการชันสูตรพลิกศพพบว่าตามร่างกายของผู้ตายไม่มีบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย

สอบถามญาติทราบว่า ขณะที่ผู้ตายกำลังใช้มีดหวดหญ้าบริเวณริมคลองชลฯ คาดว่าน่าจะเป็นลมผลัดตกลงคลองฯ จมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว สอบถามบรรดาญาติไม ใครติดใจสงสัย จึงมอบศพให้ญาตินำศพไปจัดการตามประเพณีทางศาสนาต่อไป