จันทบุรี  สุดสลดเจ้าของวัย 67 ปี ห่วงสุนัขคู่ใจตกบ่อน้ำ รีบลงไปช่วยตัวเองพลัดจมดับ ส่วนตูบเพื่อนบ้านมาเจอช่วยได้ทัน

จันทบุรี  สุดสลดเจ้าของวัย 67 ปี ห่วงสุนัขคู่ใจตกบ่อน้ำ รีบลงไปช่วยตัวเองพลัดจมดับ ส่วนตูบเพื่อนบ้านมาเจอช่วยได้ทัน แต่ไม่รู้เจ้าของจมอยู่ก้นสระ

เวลา 14.00 น. วันที่ 2 ก.พ. 68 พ.ต.ต.ธนเชษฐ์ พรหมทา สว.สส.(สอบสวน)สภ.เมืองจันทบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุกู้ภัย สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี ว่ามีเหตุคนจมน้ำเสียชีวิตในบ่อน้ำในสวนผลไม้ ภายในซอยเจดีย์ 1 ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี หลังรับแจ้ง ได้พร้อมด้วยตำรวจสืบสวน แพทย์นิติเวช รพ.พระปกเกล้า และกำลังอากสากู้ภัยฯ ร่วมเดินทางตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบเป็นบ่อน้ำปูผ้าใบ มีความกว้างประมาณ  20 x 20 เมตร โดยในบ่อ ยังมีน้ำที่มีความลึกประมาณ1-2 เมตร และยังมีท่อนไม้ไผ่ ตลอดจนแหนลอยเต็มสระ ไม่สามารถมองเห็นจุดที่ร่างผู้เสียชีวิตจมอยู่ ต่อมาทางเจ้าของบ่อจึงได้ทำการเปิด มอเตอร์สูบระบายน้ำออก จนเหลือปริมาณน้ำประมาณ 1 เมตร ก่อนกำลังอาสากู้ภัยฯ จะใช้เชือกโรยตัว ลงไปกู้นำร่างผู้เสียชีวิต ขึ้นมาจากบ่อน้ำได้อย่างทุลักทุเล 

จากการสอบสวน ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมา คือ นายบุญมี อายุ 67 ปี ชาว ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี ขณะที่ น.ส.อารีรัตน์ อายุ 55 ปี หลานผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่ นายบุญมี จมน้ำน่าจะเกิดจากการที่ลงไปช่วยเจ้า โคล่า หรือเจ้าแดง สุนัขพันธ์ไทย หมาจรเพศผู้ ที่เก็บมาเลี้ยงได้ประมาณ 1 ปี ที่เดินเล่นซุกซนและพลัดตกลงไปในบ่อเพื่อนบ้าน จนตัวเองจมน้ำเสียชีวิต ส่วนเจ้าโคล่า ยังสามารถตะเกียกตะกายว่ายอยู่ในสระ จนเจ้าของสระมาช่วยไว้ได้ทัน แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่า นายบุญมี เจ้าของหมา จมอยู่ก้นสระแล้ว

ทั้งนี้ นายบุญมี เป็นคนรักสุนัขมาก เคยเก็บสุนัขจรมาเลี้ยงและเคยตกน้ำ จนต้องเสี่ยงตายว่ายลงไปช่วยมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งลูกหลานก็เคยห้ามปราม เตือนเอาไว้ แต่ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเกิดซ้ำรอยอีก

ขณะที่ นายชัชพล อายุ 24 ปี เจ้าของบ่อน้ำที่มาพบศพ เล่าเหตุการณ์ว่า ช่วงสายที่ผ่านมา ได้เข้ามาที่สวน เพื่อเปิดมอเตอร์สูบน้ำเข้าสวนปกติและพบสุนัขสีแดง ว่ายตะเกียกตะกาย อยู่ในสระและมีหมวก 1 ใบลอยอยู่ในน้ำ ตลอดจนรองเท้าบูธอีก 1 ข้างตกอยู่ที่ขอบบ่อ คิดว่าสุขนับซุกซนคาบมาเล่นก่อนจะพลัดตกลงไป จึงได้รีบลงไปช่วยขึ้นมาได้ทัน แต่ตอนนั้นไม่ทราบว่าเจ้าของ จมน้ำอยู่ในบ่อแล้ว 

ต่อมาได้มีญาติของผู้ตายมาตามหา และสังเกตเห็นหมวกกับรองเท้าบูธ ตลอดจนฝักบัวรดน้ำ จำได้ว่าเป็นของผู้ตาย จึงขอความช่วยเหลือให้ลงไปดูในสระ เมื่อลงไปลองใช้เท้าควานดูใต้น้ำ ก็สัมผัสเจอร่างของผู้เสียชีวิต จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและช่วยเหลือดังกล่าว

 

พบศพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ลอยอยู่ในทะเล ตำรวจเร่งตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล

พบศพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ลอยอยู่ในทะเล ตำรวจเร่งตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 มกราคม 2568 ร.ต.อ.สนั่น โคตานนท์ (สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา สาขาโค้งดงตาล ได้รับแจ้งว่าพบศพชาวต่างชาติลอยคว่ำหน้าอยู่ในทะเล บริเวณหน้าชายหาดจอมเทียน ตรงข้ามจอมเทียนซอย 14 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน เมืองพัทยา

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ หน่วยกู้ภัยทางทะเลเมืองพัทยาได้นำเรือยางออกไปค้นหา ก่อนจะพบศพชาวต่างชาติลอยคว่ำหน้าอยู่ในทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 200 เมตร จึงนำศพขึ้นมาบนชายหาด

เบื้องต้นพบว่าเป็นศพชายชาวต่างชาติ โดยยังไม่ทราบสัญชาติ อายุประมาณ 50-60 ปี สวมกางเกงว่ายน้ำสีขาวตัวเดียว ตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 7-8 ชั่วโมง ตำรวจได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานก่อนส่งศพไปชันสูตรพลิกศพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง พร้อมตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล

นายวัลลภ บุญชู เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยพิบัติทางทะเล เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาได้รับรายงานจากผู้ประกอบการย่านจอมเทียน ว่าพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายร่างมนุษย์ลอยคว่ำหน้าอยู่ในทะเล จึงรีบนำเรือยางออกไปตรวจสอบ และพบศพชาวต่างชาติห่างจากชายฝั่งประมาณ 200 เมตร ก่อนนำร่างกลับเข้าฝั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ

อุดรธานี แม่ร่ำไห้แทบขาดใจลูกชายสัตวแพทย์พลัดตกน้ำดับวันเกิดชาวบ้านลืออาถรรพ์สระบะกลืนชีวิตคน

ที่ อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี หัวอกแม่ร่ำไห้แทบขาดใจลูกชายป่วยชักกระตุกพลัดตกหนองน้ำไชยวาน เผยเป็นหนุ่มนายสัตวแพทย์อนาคตไกลวัยแค่ 37 ปี คาดเดินกินลมชมวิวเกิดชักกระตุกทำให้จมน้ำเสียชีวิต แม่สุดเศร้าลูกชายมาเสียชีวิตวันเกิดพอดี ส่วนชาวบ้านลืออาถรรพ์หนองน้ำไชยวานจะเอาชีวิตคนได้แล้ว 3 เหลืออีก 2 หมายเอาชีวิต 5 คนถึงจะพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.30 น.ของคืนที่ผ่านมา 8 ม.ค.68 กู้ภัยส่งเสริมธรรมจุดบริการหนองหานและกู้ภัยสว่างเมธาธรรมจุดบริการหนองประปลา รับแจ้งจากตร.สภ.ไชยวาน ขอให้นักประดาน้ำงมหาร่างผู้พลัดตกน้ำที่หนองไชยวานใกล้กับเทศบาลต.ไชยวาน ต่อมานักประดาน้ำได้ช่วยงมหาศพใช้เวลาประมาณ 2 ชม.จึงนำร่างขึ้นมาได้ทราบชื่อคือนายนรากร อายุ 37 ปีหรือหมอท็อป เป็นนายสัตวแพทย์ประจำปศุสัตว์อำเภอไชยวาน ขณะที่ญาติๆ และภรรยามาเห็นร่างร้องไห้แทบขาดใจ โดยมีรถยนต์กระบะโตโยต้าสีดำของผู้เสียชีวิตจอดอยู่ริมหนองน้ำ ก่อนที่กู้ภัยจะนำร่างไปส่งที่บ้านเกิดของผู้เสียชีวิตต่อไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 6 บ้านเหล่าสวนกล้วย ต.โนนทองอินทร์ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ญาติๆ ได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้ามีชาวบ้านและเพื่อนร่วมงานเดินทางมาร่วมงานศพ เตรียมฌาปนกิจศพวันเสาร์ที่ 11 ม.ค.68 ที่จะถึงนี้

นางทองปาน อายุ 57 ปี แม่ของหมอท็อป เผยว่า หมอท็อปเป็นลูกชายคนโต ทำงานเป็นหมอปศุสัตว์วัวควาย ทำงานอยู่ที่ปศุสัตว์ อ.ไชยวาน ลูกชายไม่สบายใจมาตั้งแต่เดือนพ.ค.67 เป็นคอกระตุกบังคับคอตัวเองไม่ได้อาจจะเป็นเพราะทำงานด้านนี้อาจจะใช้กล้ามเนื้อเยอะก็เป็นไปได้ ไปหาหมอรพ.ศูนย์อุดรธานี หมอวินิจฉัยไม่ได้จึงส่งตัวไปรักษาตัวที่รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น หมอก็ไม่ฟันธงน้องเป็นโรคกล้ามเนื้อคอบิดหรือเปล่า ก็รักษามาเรื่อยๆ แต่ก็แค่ทุเลา อาจจะทำให้ลูกชายเครียด ลูกชายท้อ แม่ก็ให้กำลังใจตลอดเดี๋ยวก็หาย เมื่อวานตอนเย็นคาดว่าลูกชายเลิกงานไปเดินเล่นแถวหนองน้ำไชยวาน อาจจะทำให้กระตุกและพลัดตกน้ำ เสียใจมากที่ลูกชาย เขามีลูกชาย 1 คน อายุเพียง 5 ขวบ ที่ผ่านมาก็ให้กำลังใจลูกชายมาตลอด เขาก็สู้ทุกๆ วันแม่และพ่อจะขับรถไปส่ง แต่เมื่อวานให้เขาขับรถไปเอง อาจจะไปจอดริมหนองแล้วเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ทำให้ชักกระตุกตกน้ำเสียชีวิต  เขาเป็นความหวังของพ่อแม่อยากทำงานด้านปศุสัตว์ก็ได้มาทำงานใกล้บ้าน แต่ที่โชคร้ายคือลูกชายมาเสียชีวิตในวันเกิดตัวเองคือวันที่ 9 ม.ค.68 ครบ 37 ปีพอดี เสียใจมากที่มาสูญเสียลูกชายไปไม่มีวันกลับ แม่เล่าไปก็น้ำตาคลอไป

ขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุหนองน้ำไชยวานขนาดใหญ่ในพื้นที่ 108 ไร่ เวิ้งน้ำกว้างและลึกมากใกล้กับสำนักงานเทศบาลต.ไชยวาน โดยชาวบ้านแถวนี้บอกว่า หนองน้ำแห่งนี้มีอาถรรพ์ภาษาอีสานเขาเรียกว่า สระบะกินคน จะบะคนเอาชีวิตจำนวนเท่าไหร่หลังจากขุดสระขึ้นมา เท่าที่ทราบจะหมายเอา 5 ชีวิต เสียชีวิตมาแล้ว 3 คน ยังเหลืออีก 2 คนให้ครบ 5 คนหนองน้ำกลืนอาถรรพ์กลืนชีวิตคน

ชุมพร พบแล้ว 2 พ่อลูก สังเวยฝนตกลมแรงเรือฟาดเสาตอม่อสะพาน จมหายในคลองนาคราช

ชุมพร พบแล้ว 2 พ่อลูก สังเวยฝนตกลมแรงเรือฟาดเสาตอม่อสะพาน จมหายในคลองนาคราช

จากเหตุการณ์ฝนตกหนักลมแรงเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาทำให้สองพ่อลูกถูกกระแสน้ำซัดเรือไฟเบอร์ไปฟาดกับเสาตอม่อสะพานข้ามคลองนาคราชพลัดตกน้ำจมหายพื้นที่ตำบลตากแดด อ.เมืองชุมพร กู้ภัย ฝ่ายปกครองอำเภอเมือง ตำรวจน้ำ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนและอีกหลายหน่วยงานระดมค้นหาร่วม 4 วัน ล่าสุดพบแล้วทั้ง 2 รายส่วน  ส่วนชายวัย 50 ปี มีศักดิ์เป็นพ่อและตาเลี้ยงผู้ตายว่ายน้ำเข้าฝั่งสำเร็จจึงรอด

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.45 น.วันที่ 17 ธ.ค.67 ร.ต.อ.ธนกาญจน์ ทับขำ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งว่าพบศพผู้เสียชีวิตลอยติดอยู่ในกอหญ้าริมคลองนาคราช ใกล้ถนนคอนกรีตสายสำนักสงฆ์เขาน้อย หมู่ 6 ตำบลตากแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมแพทย์โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุมีชาวบ้านให้ความสนใจมุงดูอยู่เป็นจำนวนมากหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ใช้ผ้าห่อร่างผู้เสียชีวิตขึ้นจากน้ำไว้บนคันดินริมคลองเพื่อรอแพทย์ร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจชันสูตรพลิกศพ โดยสภาพศพเป็นชายร่างบวมอืดสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า นุ่งกางเกงยืดขาสั้นสีเทา ลำตัวมีรอยสักหลายแห่ง

ต่อมานางฐิตาภา อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/4 หมู่ 2 ตำบลบ้านนา อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร และญาติเดินทางมาขอดูศพพร้อมกับร่ำให้ โดยยืนยันว่าเป็นศพของลูกชายคือนายไชยยุทธ หรือโจ้ อายุ 30 ปี คนเดียวกับที่ถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวซัดเรือไปฟาดกับเสาตอม่อสะพานในคลองนาคราชเมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมาจมหายไปพร้อมลูกชายวัย 10 ขวบ ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของลูกชายนางฐิตาภาฯ

 ทางด้านนายนพพร  มีสติ  ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองชุมพร ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองชุมพร สนธิกำลังร่วมหลายหน่วยงานพร้อมอุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำและบนบกออกตระเวนปูพรมค้นหาตลอด 3 วันที่ผ่านมาแต่ไม่เจอ 

จนกระทั่งวันนี้เริ่มค้นหาตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า ทั้งล่องเรือทางน้ำและตระเวนบนบกแนวสันคันดินริมคลองปรากฏว่าพบร่างผู้เสียชีวิตดังกล่าวชื่อนายไชยยุทธ อายุ 30 ปี ห่างจากจุดเรือล่มประมาณ 1 กิโลเมตรสภาพลอยคว่ำหน้าจึงแจ้งชุดกู้ภัยดำเนินการต่อ ส่วนเด็กอายุ 10 ขวบยังไม่พบ หลังจากนี้ก็จะเร่งค้นหาต่อไปตามแนวริมตลิ่ง 

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 13.20 น.ชุดค้นหาพบร่างเด็กชายวัย 10 ขวบแล้ว ซึ่งลอยห่างจากจุดเรือล่มประมาณ 4-5 กิโลเมตรในพื้นที่ตำบลทุ่งคา

ทั้งนี้ญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุพร้อมมอบศพให้แพทย์ชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนมอบศพให้ญาตินำไปทำพิธีตามประเพณีต่อไป

 

ชุมพร พ่อเลี้ยงกับลูกชายวัย 10 ขวบ พลัดตกเรือสูญหายต่อหน้าต่อตาญาติ หลังฝนตกหนักลมแรง กู้ภัยชาวบ้านระดมค้นหา 2 วันไร้วี่แวว

ชุมพร พ่อเลี้ยงกับลูกชายวัย 10 ขวบพลัดตกเรือสูญหายต่อหน้าต่อตาญาติในคลองนาคราชหลังฝนตกหนักลมแรงกู้ภัยชาวบ้านระดมค้นหา 2 วันไร้วี่แวว

เมื่อเวลา10.00 น.วันที่ 16 ธ.ค.67 นายวิทยา เขียวรอด ปลัดจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายนวรัตน์ วงศ์ปิ่นเพ็ชร์ นายอำเภอเมืองชุมพร  ปลัดอำเภอเมืองชุมพร ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่อำเภอเมืองชุมพร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ กู้ชีพ กู้ภัย และทีมmind father น้ำเรือสกู๊ตเตอร์ จำนวน 4 ลำ ร่วมปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย 2 ราย ทราบชื่อคือนายไชยยุทธ หรือโจ้ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 464/4 หมู่ 6 ตำบลตากอแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร พ่อเลี้ยง ด.ช.กษิดิ์เดช  หรือน้องมอส อายุ 10 ขวบ ที่สูญหายไปด้วยกันระหว่างร่องเรืออยู่ในคลองนาคราช ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลตากแดด ช่วงเกิดฝนตกหนักลมแรง โดยมีญาติและน.ส.จรรญารัตน์ อายุ 28 ปี ภรรยานายไชยยุทธ์ และแม่น้องมอสเฝ้าติดตามการค้นหาอย่างใกล้ชิด

สอบถามนายสุชิน อายุ 50 ปี ญาติที่รอดชีวิตหลังจากพายเรือไปด้วยกันกับผู้สูญหาย ทราบว่า เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาช่วยเวลาประมาณ 4 โมงเย็นตนพร้อมด้วยหลานชาย 2 คนคือนายไชยยุทธ หรือโจ้ พ่อเลี้ยงของน้องมอสอายุ 10 ขวบ ทั้งหมดมาเอาเรือไฟเบอร์ยาวประมาณ 4-5 เมตร ซึ่งจอดอยู่ริมฝั่งคลองนาคราชหรือคลองผันน้ำจากคลองชุมพร มีความกว้างและลึกไม่ต่ำกว่า 4 เมตรห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อจะเอากลับไปขนสิ่งของหนีน้ำท่วม แต่ขณะนั้นมีฝนตกหนักน้ำในคลองไหลเชี่ยวและแรงทำให้ขณะที่พายเรืออยู่กลางลำคลองถูกน้ำพาเรือไปกระแทกกับเสาตอหม้อสะพานข้ามคลองอย่างรุนแรงทำให้ทั้ง 3 คนพลัดตกเรือ นายสุชิน พยายามช่วยเหลือหลานทั้ง 2 คน แต่ไม่สามารถต้านทานแรงไหลเชี่ยวของน้ำได้ นายสุชินบอกว่าตัวเองแทบเอาตัวเองไม่รอด ขณะเดียวกันเห็นหลานชายทั้ง 2 คนจมหายต่อหน้าต่อตาจึงว่ายทวนน้ำเข้าฝั่งแจ้งให้คนช่วยตั้งแต่วันเวลาที่สูญหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การค้นหาทั้งหน่วยกู้ภัย จิตอาสาของภาคเอกชนฝ่ายปกครองของอำเภอเมืองชุมพร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และญาติและชาวบ้านระดมกำลังกันตามหาทั้งในน้ำและแนวริมคลองตั้งแต่วันที่ 14 รวมสูญหาเป็นเวลา 2 วันก็ยังไร้วี่แวว แต่ยังมีการค้นหาต่อไปเพราะครอบครัวยังหวังให้เกิด ปาฏิหาริย์
 

สังเวยอีกหนึ่งชีวิต ทะเลเสม็ดกลืนร่างนักท่องเที่ยวจีนหายไปในทะเล ช่วยขึ้นมาได้แต่ไม่อาจยื้อชีวิต

สังเวยอีกหนึ่งชีวิต ทะเลเสม็ดกลืนร่างนักท่องเที่ยวจีนหายไปในทะเล ช่วยขึ้นมาได้แต่ไมีอาจยื้อชีวิตไว้ได้

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 13 ธ.ค. พ.ต.ต.กิตติชัย วงเปี้ย สว.(สอบสวน) สภ.เพ จ.ระยอง ได้รับแจ้งเกิดเหตุนักท่องเที่ยวจมน้ำเสียชีวิต บริเวณหาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด ม.4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง จึงได้ประสาน เจ้าหน้าที่อุทยานเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด แพทย์เวร รพ.ระยอง และหน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศล เดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบนักท่องเที่ยวกำลังยืนมุงกันริมชายหาด ลงไปตรวจสอบพบร่างผู้หญิงสูงอายุ นอนหมดสติบนชายหาด เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปช่วยปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ท่ามกลางความเสียใจของญาติและเพื่อนนักท่องเที่ยว ต่อมาจึงเคลื่อนศพลงเรือมายังท่าเรือบ้านเพ ก่อนจะนำส่งชันสูตรที่ รพ.ระยอง

จากการตรวจสอบทราบต่อมาว่าผู้เสียชีวิต คือ นชื่อ Mrs.HAN YING สัญชาติจีน อายุ 59 ปี ที่เดินทางมาท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ 

นางสาววาสนา ไกด์นำเที่ยวเปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวทั้งหมดเป็นชาวจีนพักอยู่ที่พัทยา แล้วมีโปรแกรมเดินทางมาเที่ยวเกาะเสม็ดบริเวณหาดทรายแก้ว โดยจะ เดินทางไป-กลับ แล้วเกิดเหตุไม่คาดคิดผู้เสียชีวิตพร้อมสามีและเพื่อนๆ ได้ลงไปเล่นน้ำทะเลบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยน้ำทะเลไม่มีคลื่นลมแรงและเล่นน้ำบริเวณที่มีระดับน้ำไม่ลึก ไม่คิดว่าผู้เสียชีวิตจะจมน้ำได้ ขนาดสามีของผู้เสียชีวิตเองยัง ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สรุปผู้เสียชีวิตอาจจะวูบแล้วจมน้ำ เตรียมแจ้งสถานทูตจีนทราบ เพื่อช่วยเหลือต่อไป

แหม่มรัสเซีย ลงเล่นน้ำทะเล ถูกตะคริวคร่าชีวิตสลดริมหาดพัทยา

แหม่มรัสเซีย ลงเล่นน้ำทะเล ถูกตะคริวคร่าชีวิตสลดริมหาดพัทยา

วันที่ 7 ธ.ค.67 เวลา 00.47 น. ร.ต.อ.ปาณสาร ครองสิทธิ์ รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุ พบร่างสาวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจมน้ำทะเลนอนหมดสติ บนชายหาดบริเวณโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ปากซอย 3 ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังรับแจ้ง จึงนำกำลังสายตรวจ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานพัทยา รุดตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุ พบว่าชายหาดพัทยา อยู่ในช่วงน้ำลง น้ำทะเลลึกห่างจากฝั่งประมาณ 20 เมตร ตรวจสอบ พบร่างนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ทราบชื่อคือ น.ส.นิโคล (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าหมดสติ โดย ส.ต.อ.ฐากูร อภัยพันธ์ ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม สภ.เมืองพัทยา ที่มาถึงจุดเกิดเหตุก่อนใคร เร่งเข้าปั๊มหัวใจเหยื่อ สลับกับกู้ภัยฯ ที่ตามมาสบทบ แต่สุดท้ายไม่พบสัญญาณชีพจรที่ตอบสนอง ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 30 นาที 

จากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ตำรวจพบกระเป๋าสะพายสีดำของผู้ตายวางอยู่บนชายหาด ห่างจากจุดพบร่างประมาณ 200 เมตร ตรวจสอบภายในมีเอกสารประจำตัว กุญแจห้องพัก และทรัพย์สินอื่นๆ จำนวนหนึ่ง ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบถาม นายอาทิตย์ อายุ 43 ปี ผู้พบศพคนแรกระบุว่า ระหว่างเดินเล่นชายหาดหาจุดตกปลา เห็นผู้ตาย ตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่กำลังลงไปว่ายน้ำทะเลเล่นอยู่เพียงลำพัง ถัดมาประมาณ 50 นาที เดินย้อนกลับมาพบผู้ตายนอนแน่นิ่งอยู่บนชายหาด เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าผู้ตายไม่ได้นอนเล่น พบว่าอยู่ในอาการที่หมดสติ จึงคิดว่าคงจมน้ำ เลยรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว
 

เบื้องต้น ตำรวจคาดว่า ผู้ตายได้ลงเล่นน้ำทะเลในช่วงกลางคืน ซึ่งสภาพอากาศที่เย็น จึงทำให้เกิดเป็นตะคริวกินขาประกอบกับว่ายน้ำออกไปไกล และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สุดท้ายจมน้ำเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ได้นำร่างผู้ตายส่งตรวจชันสูตรยัง รพ.บางละมุง เพื่อสรุปหาสาเหตุการตายที่ชัดเจนอีกครั้ง ก่อนประสานญาติรับร่างไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป

 

ผงะ!!! พบร่างหญิงลอยน้ำ มีร่องรอยบริเวณคอซ้ำ คลองเดียวกันกับศพชาย เมื่อ 3 วันก่อน

ผงะ!!! พบร่างหญิงลอยน้ำ พบมีร่องรอยบริเวณคอ ซ้ำ จุดพบศพ เป็นคลองเดียวกันกับศพชายลอยน้ำเมื่อ 3 วันก่อน

วันนี้ 2 ธันวาคม 2567 เมื่อเวลา ประมาณ 07.00น. พ.ต.ท.เทียนชัย โพธิ์สาราช สว.สอบสวนสน.บางโพงพาง และ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตลอยน้ำ บริเวณถนนจันทน์ตัดนราธิวาส ถนนนราธิวาส จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบศพหญิงอายุประมาณ49-50ปีใส่เสื้อขาวกางเกงสีดำ ลอยอยู่ภายในคลองช่องนนทรี

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุและได้มีโอกาสพูดคุยกับ นาย ชานนท์ แก้วพรหมมา อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เผยว่า ช่วงเวลา6โมงกว่า มีผู้คนมามุงดูบริเวณคลองดังกล่าว ด้วยสัญชาตญาณกู้ภัยจึงรถไปตรวจสอบ จึง พบศพหญิงดังกล่าวจึงประสานเจ้าที่ตำรวจและทีมกู้ภัย โดยหลังจากนำศพหญิงดังกล่าวขึ้นจากคลอง จากการตรวจสอบพบ หญิงคนดังกล่าวมีร่องรอยถูกเชือกรัดที่บริเวณคอ 

ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าหญิงคนดังกล่าวคือใคร เนื่องจากไม่มีเอกสารติดตัวจึงนำร่างส่ง นิติเวชโรงพยาบาลจุฬาเพื่อชันสูตรและพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พร้อมแพทย์นิติเวชจุฬาเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และมอบหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างส่งชันสูตรที่รพ.ตำรวจเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตและพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป

สลด! ปิดเทอม เด็กชาย-หญิง ลงเล่นน้ำฝายน้ำล้น จมดับ 2 ราย

 เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 26 ต.ค.67 พ.ต.ต.พรชัย เหลือผล สารวัตรสอบสวน สภ.พลูตาหลวง ได้รับแจ้งมีคนจมน้ำ 2 ราย บริเวณ ฝายน้ำล้น คลองบางไผ่ ม.2 ต.พลูตาหลวง  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งได้รีบรุดไปตรวจสอบพร้อมทีมประดาน้ำมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ หน่วยกู้ภัยสว่างพรฯ ระยอง มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ พัทยา  
 
 ที่เกิดเหตุ จนท.ประดาน้ำ ได้ดำน้ำลงค้นหารอบบริเวณฝายน้ำล้น เป็นเวลา 1 ชม. จนพบร่าง ด.ญ.ขวัญชนก พูลเขียว อายุ 13 ปี และ นาย วรกันต์ สว่างอารม อายุ 15 ปี ทั้ง 2 ราย ร่างติดอยู่กับพื้นใต้น้ำ ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต 


   
จากการสอบถามกลุ่มเพื่อนผู้ตายทราบว่า ได้ขี่รถ จยย.มาเล่นน้ำเพื่อคลายร้อน ในช่วงปิดเทอม ขณะเล่นน้ำอยู่เหนือฝายน้ำล้นนั้น ผู้เสียชีวิตทั้งคู่ได้ถูกกระแสน้ำพัดเข้าไปในฝายน้ำล้น ก่อนจะถูกกระแสน้ำวนดูดร่างจมน้ำหายไป พวกตนและเพื่อนๆ ที่เห็นเหตุการณ์ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ แต่ทั้งคู่ได้เสียชีวิตแล้ว 


   
 เบื้องต้น จนท.ตำรวจ ได้ทำบันทึกที่เกิดเหตุ ก่อนจะเรียก กลุ่มเพื่อนๆ ผู้ตายมาสอบสวน เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนนำร่างทั้งคู่ส่งชันสูตรยัง รพ.สัตหีบ กม.10 เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป 

 

วธ.สั่งสำรวจความเสียหาย-เร่งฟื้นฟูโบราณสถานจมน้ำ

“รมว.วัฒนธรรม” สั่งสำรวจความเสียหายโบราณสถานและเครือข่ายที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรวบรวมนำข้อมูลรายงาน ครม. กำชับเร่งทำแผนบูรณะซ่อมแซมและฟื้นฟู เยียวยาหลังสถานการณ์น้ำลด

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.67 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการและองค์การมหาชนในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ครั้งที่ 3/2567 เมื่อเร็วๆนี้ หน่วยงานสังกัดใน วธ. ได้รายงานผลการดำเนินการที่ผ่านมา ซึ่งกรมศิลปากรได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมโบราณสถานในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ อาทิ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีโบราณสถานหลายแห่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งกำชับให้กรมศิลปากรติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ทราบว่ากรมศิลปากร กำลังเร่งจัดทำแผนบูรณะซ่อมแซมและแผนฟื้นฟูโบราณสถานหลังน้ำลด รวมทั้งจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความมั่นคงของโครงสร้างโบราณสถาน เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบการทำแผนบูรณะซ่อมแซมและฟื้นฟู ประกอบกับกรมศิลปากรมีการจัดตั้งงบประมาณฉุกเฉินไว้สำหรับบูรณะซ่อมแซมโบราณสถานไว้ แต่เนื่องจากในปีนี้ เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ มีโบราณสถานได้รับผลกระทบหลายแห่ง กรมศิลปากรได้รายงานว่างบประมาณฉุกเฉินที่ตั้งไว้อาจจะไม่เพียงพอ เพราะจะต้องมีการสำรวจและฟื้นฟูโบราณสถานหลังน้ำลดจำนวนมากและแม้ว่าจะได้เสียหาย แต่ต้องติดตามตรวจสอบให้ละเอียด เพราะความชื้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมอาจจะส่งผลกระทบต่อโบราณสถานในระยะยาว 

“ดังนั้น จึงมอบหมายให้กรมศิลปากร และทุกหน่วยงานประเมินความเสียหายจากอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมาของแหล่งโบราณสถาน และแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม เครือข่ายทางวัฒนธรรมที่อยู่ในความดูแลของ วธ. เพื่อเป็นข้อมูลในการขอจัดสรรงบประมาณในการบูรณะซ่อมแซม รวมถึงให้พิจารณาจัดกิจกรรมช่วยเหลือ อาทิ การแสดงของศิลปินแห่งชาติเพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย การเยียวยาและช่วยเหลือกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้รับผลกระทบ” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว

​​​​​​

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า ได้กำหนดให้หน่วยงานในสังกัด วธ. เร่งสำรวจจำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบ จำนวนโบราณสถานที่ได้รับเสียหายและแนวทางการช่วยเหลือ เพื่อนำรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงเพื่อจัดสรรงบประมาณบูรณะซ่อมแซม ที่สำคัญเป็นข้อมูลในการจัดหาแนวทางช่วยเหลือและเยียวยาต่อไป ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานจะต้องมีการรายงานข้อมูลดังกล่าวให้ตนทราบโดยเร็วที่สุด