ดาวโจนส์ร่วงเล็กน้อย นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงพาวเวล

วันที่ 24 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันอังคาร (23 ก.ย.) หลังจากนักลงทุนประเมินถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งระบุว่า ในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้านั้น เฟดจำเป็นต้องพิจารณาทั้งในเรื่องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,292.78 จุด ลดลง 88.76 จุด หรือ -0.19%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,656.92 จุด ลดลง 36.83 จุด หรือ -0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,573.47 จุด ลดลง 215.50 จุด หรือ -0.95%
 

ขึ้นแรง! ราคาทองปรับตัววันนี้ พุ่งบาทละ 550 บาท แท่ง 56,500 รูปพรรณ 57,300

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 23 กันยายน 2568  สมาคมค้าทองคำ แจ้งราคาทองคำล่าสุดวันนี้ ปรับเพิ่มขึ้น 550 บาท ราคาทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 56,500 บาท ราคาทองรูปพรรณขายออกบาทละ 57,300 บาท

ด้ายนักวิเคราะห์อาวุโสของ Kitco Metals กล่าวว่า ราคาทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และส่งสัญญาณว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้

Pi Daily ตลาดหุ้นโลกเริ่มไร้ปัจจัยหลังสะท้อน FED แล้ว Focus นักลงทุนของสหรัฐฯ เมื่อคืนจับจ้องที่ NVIDIA - INTEL

Pi Daily ตลาดหุ้นโลกเริ่มไร้ปัจจัยหลังสะท้อน FED ไปแล้ว โดย Focus ของนักลงทุนของสหรัฐฯ เมื่อคืนไปจับจ้องที่ NVIDIA - INTEL ส่วนหุ้นไทยวานนี้ปรับฐาน แต่ยังไม่เห็นปัจจัยกดดัน มองเป็นเพียงจังหวะ Take Profit ยังคงมองค้าปลีกน่าสนใจเตรียมรับมาตรการกระตุ้นภาครัฐ

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 124 จุด (+0.27%) ปัจจัยหนุนการลดดอกเบี้ยของ FED ยังเป็นปัจจัยหนุน พร้อมกับแรงหนุนเชิงบวกจากหุ้น Tech ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.75% กังวลกับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจชะลอตัว

เมื่อคืนที่ผ่านสหรัฐฯ รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.3 แสนรายดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 2.41 แสนราย โดยพบ US Bond Yield ปรับขึ้นมาในรุ่นอายุ 2 , 10 ปี สอดคล้องกับ Dollar Index ที่เริ่มแข็งค่าขึ้นมาและกดดันให้เงินบาทอ่อนค่ากลับมาทดสอบระดับ 31.92 บาท / ดอลลาร์ ซึ่งมองเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยผ่านการส่งออกที่คลายกังวลกับอัตราแลกเปลี่ยนพร้อมกับการท่องเที่ยวจะจูงใจมากขึ้น เป็นบวกกับหุ้น (ITC) ท่องเที่ยว (MINT CENTEL ERW) แต่ทั้งนี้จุดสนใจของนักลงทุนในสหรัฐฯ เมื่อคืนได้แก่การที่ NVIDIA ลงทุนใน INTEL ราว 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนหนึ่งประเมินว่า NVIDIA ต้องการลดการพึ่งพิง TSMC แต่หากดูที่สัดส่วนยอดขายของตลาด Semiconductor TSMC ยังคงเป็นผู้นำด้วยสัดส่วน 60% (ราคาหุ้น TSM เมื่อคืนในตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก 2.2%) คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามของฝั่งสหรัฐฯ สำหรับปัจจัยในประเทศวานนี้ SET INDEX ปรับลงราว (-0.7%) รับแรงขายอย่างมีนัยยะของนักลงทุนต่างชาติราว 3.2 พันล้าน โดยที่ไม่ได้มีปัจจัยใดๆที่มีนัยยะเชื่อว่าเป็นเพียงแรงขายทำกำไรจากการที่ SET ปรับขึ้นมาแรงก่อนหน้า หากพิจารณาที่จุดต่ำสุดล่าสุดปรับขึ้นมา 5% แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่เชื่อว่าจะเห็นในเร็วๆนี้ ส่วนกรณี CRC ได้ตัดสินใจขายหุ้นที่ถืออยู่ในส่วนของห้างรินาเชนเตที่ประเทศอิตาลี ประเมินว่าท้ายที่สุดแล้วจะกระทบกำไรราว 10% (รวมกับนำเงินไปลดภาระหนี้สินแล้ว) วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1290 – 1310 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนดัชนีก็ปรับขึ้นมาในระดับหนึ่งจนทำให้ซื้อขายที่ Forward PE 14.4x ก็เริ่มเป็นระดับที่ไม่ถูกการลงทุนในดัชนีช่วงนี้จึงเน้นเป็นเพียงการ Trading และควรมีจุด Stop Loss ชัดเจนหากเกิดข่าวร้ายหรือเผชิญการปรับฐาน หุ้นแนะนำช่วงนี้เน้นที่ Theme ดอกเบี้ยปรับลง อาทิ การเงิน (MTC) อสังหาฯ (AP SPALI) ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO CPAXT) ส่งออก (ITC) 

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท) 

แนวโน้ม SSSG ช่วง QTD ของ 3Q25 ยังทรงตัวได้ YoY ทำให้เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2H25 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้า Ready-to-eat และ Ready-to-drinks และ Synergy benefits ของ CPAXT

SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 137.00 บาท) 

SCB มุ่งมั่นในการเพิ่ม ROE และรักษาผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นด้วยการจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มธนาคารที่ 9.2% และคาดกำไรสุทธิปี 2025 จะเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ที่ 7.2%

Pi Daily ชี้ประชุม FED ลดดบ.ตามที่ประเมิน บาทเริ่มกลับมาอ่อนค่า มองบวกกับส่งออก

วันที่ 18 กันยายน 2568 Pi Daily ประชุม FED ลดดอกเบี้ยตามที่ประเมินไว้แต่ส่งสัญญาณดำเนินนโยบายตามข้อมูล โดย Dot Plot ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้และลดทั้งหมด 1 ครั้งในปีหน้า บาทเริ่มกลับมาอ่อนค่า มองบวกกับส่งออก

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 260 จุด (+0.57%) แต่อย่างไรก็ตามบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างผันผวนเพราะประธาน FED ส่งสัญญาณระมัดระวังการลดดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.76% หลังจากสหรัฐฯ รายงานสต็อกเพิ่มขึ้น

เมื่อคืนที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจพบว่า FED มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้สู่ระดับ 1.6%YOY จากเดิมที่ 1.4%YoY และอัตราการว่างงานที่ระดับเดิมราว 4.5% พร้อมกับเงินเฟ้อ (PCE) ที่ระดับ 3% แต่อย่างไรก็ตามปรับเพิ่มการลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง หรือส่งสัญญาณจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งจากนี้ ทางประธาน FED แถลงว่าตลาดแรงงานส่งสัญญาณอ่อนตัวและอาจมีผลต่อความสามารถในการรักษาอัตราการว่างงานให้อยู่ระดับต่ำแต

อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมายเพราะมีแรงกดดันจากหลายปัจจัยเช่นภาษีนำเข้าและยืนยันถึงการบริหารนโยบายยึดหลักตัดสินใจตามข้อมูลพร้อมยืนยันไม่มีการแทรกแซงทางการเมือง โดยปิดโอกาสการลดดอกเบี้ยแบบแรงเพราะกังวลว่าจะมีผลต่อทิศทางเงินเฟ้อให้เร่งตัว ภายหลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่า US Bond Yield กลับมาเร่งตัวขึ้นผสานกับ Dollar Index พลิกมาแข็งค่าและกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าทดสอบ 31.8 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนมุมมองเชิงเข้มงวดมากขึ้นจากตลาดส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าทาง FED ยังคงกังวลกับภาวะเงินเฟ้อและปิดโอกาสลดดอกเบี้ยในอัตราเร่ง ปี 26 FED ประเมินว่าจะลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้น

จากเงินบาทที่อ่อนค่ามองเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT ITC TU) ประเมินทิศทางเงินบาทมีโอกาสทยอยอ่อนค่าต่อเพราะส่งออกมีแนวโน้มเริ่มจะเติบโตในทิศทางชะลอลงหรืออาจติดลบก็เป็นไปได้เพราะช่วงแรกเร่งไปค่อนข้างแรง ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่จำนวนขอรับสวัสดิการว่างงาน Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 2.4 แสนและในประเทศรอติดตามการนำคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้า ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็วนี้ วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1295 – 1315 ภาพรวมยังดูเป็นบวกการลดดอกเบี้ยของ FED ไม่ได้ชี้นำถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่นำไปสู่ Recession แต่เป็นการลดเพื่อช่วยประครองตลาดแรงงานและในประเทศมีความคาดหวังเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่อย่างไรก็ตามด้วย Valuation SET ที่เริ่มสูง (Forward PE 14.5x) จึงไม่ได้คาดหวัง Upside ที่เยอะมากจากนี้ เชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นเป็นเพียงระยะสั้นและเลือกหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อย อาทิ ส่งออก (ITC TU) ท่องเที่ยว (MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA)

ITC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท) 

ผลประกอบการงวด 2Q25 เริ่มเห็นการฟื้นตัวจาก 1Q25 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2%QoQ ขณะที่ปัจจัยบวกที่เห็นได้มีคือการรักษาระดับกำไรขั้นต้นให้ยังอยู่ในระดับ 25% ได้ ขณะที่แนวโน้มในช่วง 2H25 คาดรายได้ยังเติบโตได้ดีอยู่ทั้งจากคำสั่งซื้อใหม่ที่รอส่งมอบอีกมากกว่า 1,600 ล้านบาท

WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท) 

2H25 ซึ่งในแง่เป้าการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามแผนเดิมในทุกธุรกิจเหมือนที่กล่าวไว้ตอนประชุมนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุด อย่างเช่นเป้าการขายที่ดิน การเพิ่มพื้นที่เช่าธุรกิจโรงงาน รวมถึงเป้าการขายน้ำและไฟ

ดาวโจนส์ปิดบวก 260.42 จุด รับเฟดลดดอกเบี้ย 0.25%

วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (17 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในแดนลบ หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณระมัดระวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,018.32 จุด เพิ่มขึ้น 260.42 จุด หรือ +0.57%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,600.35 จุด ลดลง 6.41 จุด หรือ -0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,261.33 จุด ลดลง 72.63 จุด หรือ -0.33%

หุ้นไทยรับลูก คาดเฟดประกาศลดดบ. ดันปิด+8.41 จุด มูลค่าซื้อขาย 47,455.08 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้ (16 กันยายน 2568) หุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,308.19 จุด เพิ่มขึ้น 8.41 จุด (+0.65%) มูลค่าซื้อขาย 47,455.08 ล้านบาท

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นมาได้ดีตามตลาดหุ้นภูมิภาคจากการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% โดยตลาดบ้านเราเริ่มเห็นแรงซื้อกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยปรับลดลง อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ฯ ทั้ง AP LH SPALI และกลุ่ม Non-Bank นำโดย KTC สะท้อนตลาดมองทิศทางดอกเบี้ยไทยปรับลดลงตามไปด้วย สลับแรงขายกลุ่มธนาคารที่อาจถูกดดันหากมีการลดดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาดูแลสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่ามาก ทำให้เริ่มเห็นการอ่อนค่า เป็นแรงหนุนต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในกลุ่มส่งออกและกลุ่มท่องเที่ยว

หลักทรัพย์ที่การซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

KBANK     ปิดที่ 164.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
KTB         ปิดที่ 25.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
CPALL      ปิดที่ 49.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
DELTA      ปิดที่ 161.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
KTC         ปิดที่ 30.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

ดาวโจนส์ปิดบวก S&P500 พุ่งเหนือ 6,600 จุดครั้งแรก

วันที่ 16 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (15 ก.ย.) ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่เหนือระดับ 6,600 จุดเป็นครั้งแรก โดยได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้ากับจีน ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธนี้ โดยมีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 45,883.45 จุด เพิ่มขึ้น 49.23 จุด หรือ +0.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,615.28 จุด เพิ่มขึ้น 30.99 จุด หรือ +0.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,348.75 จุด เพิ่มขึ้น 207.65 จุด หรือ +0.94%

ดาวโจนส์พุ่ง 350 จุด S&P500 ทำสถิติสูงสุด นักลงทุนคาดเฟดลดดอกเบี้ย

วันที่ 5 ก.ย.68 ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (4 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังมีข้อมูลเพิ่มเติมบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 45,621.29 จุด เพิ่มขึ้น 350.06 จุด หรือ +0.77%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,502.08 จุด เพิ่มขึ้น 53.82 จุด หรือ +0.83% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,707.69 จุด เพิ่มขึ้น 209.97 จุด หรือ +0.98%

ดาวโจนส์บวก 45,418.07 จุด นักลงทุนคาดเฟดปรับลดดอกเบี้ย หุ้น Nvidia พุ่งหนุนตลาด

วันที่ 27 ส.ค.68  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (26 ส.ค.) เนื่องจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนหน้าเป็นปัจจัยพยุงตลาด หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงในระหว่างวันจากข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศปลดลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด นอกจากนี้ ตลาดโดยรวมยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) และหุ้นอิไล ลิลลี (Eli Lilly)

ทั้งนี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 45,418.07 จุด เพิ่มขึ้น 135.60 จุด หรือ +0.30%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,465.94 จุด เพิ่มขึ้น 26.62 จุด หรือ +0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,544.27 จุด เพิ่มขึ้น 94.98 จุด หรือ +0.44%
 

หุ้นไทยหวั่นสหรัฐรีดเก็บภาษีปท.คุกคามเทคโนฯ-ภาษีจีนเพิ่ม ฉุดปิด-11.41 จุด มูลค่ารวม 5.9 หมื่นล.

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้ (26 สิงหาคม 2568) ปิดที่ระดับ 1,251.26 จุด ลดลง 11.41 จุด หรือเปลี่ยนแปลงร้อยละ 0.90 มูลค่าการซื้อขายรวม 59,158.26 ล้านบาท

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการกิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยตอบรับปัจจัยบวกจากการส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไปแล้ว ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ที่ปรับลงตามตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืน และตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดมาช่วงบ่ายก็ปรับตัวลงเช่นกัน

ปัจจัยกดดันตลาดส่วนหนึ่งมาจากการที่ประธานนาธิบดีสหรัฐสั่งปลดนางลิซ่า คุก ออกจากสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงประธานาธิบดีสหรัฐยังขู่เก็บภาษีประเทศที่คุกคามบริษัทเทคโนโนโลยีของสหรัฐ และขู่รีดภาษีจีนเพิ่มเป็น 200% เป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอน

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

ADVANC  ปิดที่ 298.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท

OR         ปิดที่ 12.40 บาท ลดลง 0.50 บาท

HMPRO  ปิดที่ 7.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

KBANK   ปิดที่ 164.00 บาท ลดลง 1.50 บาท

TRUE     ปิดที่ 12.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท