“ดีอี” เตือนภัย “มิจฉาชีพ” เปิดบัญชี TikTok “ธ.กรุงไทย” ปลอม ลวงปล่อยสินเชื่อครัวเรือนละ 200,000 บ.

ดีอี เตือนภัย “มิจฉาชีพ” เปิดบัญชี TikTok “ธ.กรุงไทย” ปลอม ลวงปล่อยสินเชื่อครัวเรือนละ 200,000 บ.ผ่อนนาน 60 เดือน ระวังหลอกดูดเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อ ครัวเรือนละ 200,000 บาท ผ่อนนาน 60 เดือน” รองลงมาคือเรื่อง “เพจ ออมสินพลัส โดย ธ.ออมสิน เปิดขายหวยออนไลน์ถูกกฎหมาย” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ-แชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความสูญเสียทั้งข้อมูลส่วนบุคคล ทรัพย์สิน และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 11 – 17 กรกฎาคม 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 887,665 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 671 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 627 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 36 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 8 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 214 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 89 เรื่อง โดยในจำนวนนี้เป็นข่าวปลอมเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง ธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อ ครัวเรือนละ 200,000 บาท ผ่อนนาน 60 เดือน

อันดับที่ 2 : เรื่อง เพจ ออมสินพลัส โดย ธ.ออมสิน เปิดขายหวยออนไลน์ถูกกฎหมาย

อันดับที่ 3 : เรื่อง OR เปิดเสนอขายหุ้นสามัญ IPO ให้ประชาชนทั่วไป เริ่มต้น 5,000 บาท ปันผลวันละ 1,480 บาท

อันดับที่ 4 : เรื่อง กระทรวงยุติธรรม เปิดเพจเฟซบุ๊กให้ผู้ถูกหลอกลวงทางออนไลน์ ลงทะเบียนรับเงินคืน

อันดับที่ 5 : เรื่อง โอ้กะจู๋ จับมือ OR เปิดขายหุ้น เริ่มต้น 1,000 บาท รับปันผล 390 บาทต่อวัน พร้อมผู้เชี่ยวชาญจาก ก.ล.ต. ให้คำแนะนำ

อันดับที่ 6 : เรื่อง PTT ส่ง SMS ให้คลิกลิงก์ใช้คะแนนสะสมก่อนหมดอายุ

อันดับที่ 7 : เรื่อง เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง ติดต่อแจ้งวิธีผูกบัญชีเพื่อขอรับเงิน ช.ค.บ.

อันดับที่ 8 : เรื่อง ลงทุนหุ้น OR เพื่อร่วมเป็นเจ้าของร้านกาแฟ เริ่มต้น 5,000.- รับปันผล 1,480.- /วัน

อันดับที่ 9 : เรื่อง ติดต่อรับเงินคืนจากการถูกฉ้อโกงออนไลน์ ผ่านเพจ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

อันดับที่ 10 : เรื่อง PTT ส่ง SMS แจ้งผู้ใช้บริการ ให้แลกคะแนนสะสมผ่านลิงก์

“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวการชักชวนให้ลงทุนโดยอ้างชื่อหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ข่าวการให้บริการสินเชื่อของธนาคารรัฐ และข่าวการให้บริการของหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งตัวบุคคลที่เชื่อและแชร์ข้อมูลส่งต่อกันไปเป็นวงกว้าง ทำให้ประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้” นายเวทางค์ กล่าว

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อ ครัวเรือนละ 200,000 บาท ผ่อนนาน 60 เดือน” กระทรวงดีอี ได้ประสานงาน ธนาคารกรุงไทย กระทรวงการคลัง ตรวจสอบพบว่า เป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ธนาคารกรุงไทยไม่มีบริการปล่อยสินเชื่อ ครัวเรือนละ 200,000 บาท ผ่อนนาน 60 เดือน ผ่านบัญชี TikTok ชื่อ bbbbi989 โดยบัญชีดังกล่าวเป็นมิจฉาชีพแฝงตัวมาหลอกลวง ซึ่งได้มีการนำภาพของธนาคารกรุงไทยไปแอบอ้าง ทั้งนี้ ธนาคารไม่มีนโยบายปล่อยสินเชื่อผ่านบัญชี TikTok ใด ๆ ทั้งสิ้น โดยหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ 02-111-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่เพจเฟซบุ๊ก Krungthai Care (https://www.facebook.com/krungthaibank) ดังนั้นขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการสมัครขอรับสินเชื่อผ่านทางออนไลน์ ซึ่งเท่ากับเป็นการให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่มิจฉาชีพ

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)

|  Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 3 ก.ค.68

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 3 ก.ค.68 

-ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ  วิเคราะห์นัยยะอัตราภาษีสหรัฐฯ-เวียดนาม ระเป็นจุดเปรียบเทียบที่ไทยต้องพยายามทำให้ได้ไม่น้อยหน้า 0% 20% และ 40% โดย 0% สำหรับสินค้าสหรัฐที่จะส่งมาที่เวียดนาม-20% สำหรับสินค้าเวียดนามทุกอย่างที่ส่งออกมาที่สหรัฐ  และ 40% สำหรับสินค้าจีนหรือประเทศอื่นๆที่จะแอบส่งมาให้เวียดนาม แล้วส่งต่อไปที่สหรัฐ

-กรมบัญชีกลางได้รับแจ้งจากประชาชนว่า ขณะนี้มิจฉาชีพได้แอบอ้างใช้ชื่อผู้บริหารของกรมบัญชีกลางและชื่อของหน่วยงานในเอกสารปลอมเพื่อหลอกร่วมลงทุน กรมบัญชีกลางขอแจ้งว่า กรมบัญชีกลางไม่มีนโยบายเกี่ยวกับการลงทุนใดๆทั้งสิ้น อย่าหลงเชื่อในทันที ขอให้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก่อนดำเนินการใดๆ

-ธอส.ส่งโปรโมชันเด็ดร่วมงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่ 15 นำโดยสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยพิเศษคงที่ปีแรกเพียง 0.99% ต่อปี,สลากออมทรัพย์ ธอส. ผลตอบแทนสูงพร้อมลุ้นรับรางวัลใหญ่มูลค่าสูงสุด 3 ล้านบาท และบ้านมือสอง ธอส. คัดพิเศษทั่วประเทศ คุณภาพดีกว่า 500 รายการ ลดราคาสูงสุด 50% จากราคาปกติ พร้อมรับของสมนาคุณภายในงานมากมาย ที่เซ็นทรัล หาดใหญ่ ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568

เตือนภัย! มิจฉาชีพแอบอ้างชื่อผู้บริหารกรมบัญชีกลางหลอกลงทุน ยันไม่มีนโยบาย

เตือนภัย! มิจฉาชีพแอบอ้างชื่อผู้บริหารกรมบัญชีกลางหลอกลงทุน ยันไม่มีนโยบาย

วันที่ 3 ก.ค.68 นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้รับแจ้งจากประชาชนว่า ขณะนี้มิจฉาชีพได้แอบอ้างใช้ชื่อผู้บริหารของกรมบัญชีกลางและชื่อของหน่วยงานในเอกสารปลอมเพื่อหลอกให้ประชาชนร่วมลงทุน กรมบัญชีกลางขอแจ้งว่า “ผู้บริหารของกรมบัญชีกลางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอกสารปลอมดังกล่าว และกรมบัญชีกลางไม่มีนโยบายเกี่ยวกับการลงทุนใดๆทั้งสิ้น” ดังนั้น หากท่านได้รับการติดต่อหรือถูกเชิญชวนให้ร่วมลงทุนใด ๆ อย่าหลงเชื่อในทันที ขอให้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก่อนดำเนินการใดๆ

“ปัจจุบันมิจฉาชีพยังคงแอบอ้างใช้ชื่อผู้บริหารระดับสูงของกรมบัญชีกลางหรือชื่อหน่วยงานเพื่อหลอกลวงประชาชน โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการหลอกลวงไปเรื่อย ๆ จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และรีบร้อนดำเนินการใดๆต้องตรวจสอบจนมั่นใจก่อนทุกครั้ง และเพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ขอให้ติดตามข่าวสารของกรมบัญชีกลางอย่างใกล้ชิด ได้ที่เว็บไซต์กรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th และสื่อโซเชียลของกรมบัญชีกลางที่เชื่อถือได้ต้องมีเครื่องหมายถูก (verified) เท่านั้น หรือสอบถามโดยตรงได้ที่ Call Center ของกรมบัญชีกลาง หมายเลข 0-2270-6400 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลางกล่าว

#มิจฉาชีพ #ข่าววันนี้ #กรมบัญชีกลาง #หลอกลงทุน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

กรมบัญชีกลางเตือนภัย! มิจฉาชีพอ้างให้ดำเนินการกรอกข้อมูล หรือลงนามแบบฟอร์มใหม่ PDPA

กรมบัญชีกลางเตือนภัย! มิจฉาชีพอ้างให้ดำเนินการกรอกข้อมูล หรือลงนามแบบฟอร์มใหม่ PDPA

วันที่ 2 ก.ค.68 นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางและกระทรวงการคลัง ได้รับแจ้งจากอดีตผู้บริหารและข้าราชการบำนาญหลายท่านว่ามีเจ้าหน้าที่ติดต่อให้มาลงนามในแบบฟอร์มใหม่ของกรมบัญชีกลาง เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) โดยให้มาดำเนินการที่หน่วยงานต้นสังกัด หรือกรมบัญชีกลาง หรือกระทรวงการคลัง แล้วแต่กรณี และในบางกรณีให้ส่งอีเมลยืนยัน กรมบัญชีกลางขอแจ้งว่า “กรมบัญชีกลางไม่มีนโยบายแจ้งให้ผู้รับบำนาญ มาดำเนินการกรอกข้อมูลหรือลงนามในแบบฟอร์มใหม่ของกรมบัญชีกลาง เกี่ยวกับ PDPA ตามที่มิจฉาชีพอ้าง” ดังนั้น ขอให้ท่านที่ได้รับการติดต่อในลักษณะดังกล่าว อย่าหลงเชื่อ ไม่ตอบกลับอีเมล หรือกดลิงก์ใด ๆ ตามที่ได้รับแจ้ง 

“กรมบัญชีกลางขอเน้นย้ำว่า “ไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ติดต่อข้าราชการ ผู้รับบำนาญหรือทายาทโดยตรง เพื่อให้ดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกรมบัญชีกลาง” ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ขอให้ติดตามข่าวสารของกรมบัญชีกลางอย่างใกล้ชิด เพื่อรู้เท่าทันกลโกงรูปแบบใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งช่องทาง
การติดตามข่าวสารของกรมบัญชีกลางที่เชื่อถือได้ ได้แก่ เว็บไซต์กรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th และสื่อโซเชียลของกรมบัญชีกลางที่มีเครื่องหมายถูก (verified) เท่านั้น หรือสอบถามโดยตรงได้ที่ Call Center ของกรมบัญชีกลาง หมายเลข 0-2270-6400 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลางกล่าว

#กรมบัญชีกลาง #มิจฉาชีพ #ข่าววันนี้ #PDPA #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

AOC 1441 เตือนภัย “มิจฉาชีพ” อ้างเป็น “จนท.เอไอเอส-ตำรวจ” ขู่เอี่ยวคดีฟอกเงิน หลอกโอนเงินตรวจสอบบัญชี พบสูญเงินเกือบ 22 ล.

วันที่ 30 มิถุนายน 2568 นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 23 – 29 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย 

คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 3,900,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ชักชวนเทรดหุ้นน้ำมัน ผู้เสียหายสนใจจึงสอบถามรายละเอียดต่างๆ ผ่านทาง Messenger Facebook จากนั้นโอนเงินเพื่อเริ่มเทรดหุ้น ในช่วงแรกสามารถถอนเงินจากระบบได้จริง ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเทรดหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพยังคงแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 2 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 1,198,349 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยมหิดล มิจฉาชีพแจ้งหมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานให้ผู้เสียหายโทรติดต่อ เพื่อคัดลอกเอกสารชดเชยเงินครองชีพ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโทรติดต่อไปที่หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว จากนั้นได้รับคำแนะนำให้เพิ่มเพื่อนทาง Line และให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ จนถึงการสแกนใบหน้าเข้าใช้งานแอปพลิเคชันของธนาคาร พบว่ายอดเงินในบัญชีได้ถูกโอนออกไปจนหมด ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 3,587,998 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาผ่านช่องทาง Facebook เป็นการแจกสินค้าตัวอย่างให้ทดลองใช้ฟรี โดยมีเงื่อนไขว่าต้องกด Like กด Share และถ่ายภาพหน้าจอส่งทาง Line ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line เพื่อทำกิจกรรม ต่อมาได้รับการชักชวนให้ลงทุนเพื่อรับผลตอบแทน ช่วงแรกได้รับเงินจริง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพอ้างว่าเกิดข้อผิดพลาดจะต้องโอนเงินเพื่อยืนยันบัญชีเรื่อยๆ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 4 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 10,462,875 บาท ทั้งนี้ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่จาก AIS แจ้งว่ามีบุคคลนำบัตรประชาชนของผู้เสียหายไปเปิดหมายเลขโทรศัพท์เพื่อใช้ในทางผิดกฎหมาย จากนั้นโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน จะต้องโอนเงินไปตรวจสอบหากไม่ให้ความร่วมมือจะทำการอายัดบัญชีและแจ้งข้อหาเพิ่ม ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปจนหมด จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

และคดีที่ 5 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 2,700,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Tiktok ชักชวนหารายได้พิเศษโดยลงทุนขายสินค้าออนไลน์ แจ้งให้โอนเงินสำรองทุนเพื่อสั่งสินค้ามาจำหน่ายและรอรับค่าคอมมิชชัน ช่วงแรกได้รับเงินจริง ผู้เสียหายจึงโอนเงินลงทุนเพิ่มมากขึ้นแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพอ้างว่าผู้เสียหายทำรายการผิดพลาด จะต้องโอนเงินไปเรื่อยๆ จนกว่าระบบจะเปิด ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินอีกหลายครั้งแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 21,849,222 บาท 

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 27 มิถุนายน 2568 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้ 

1. สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,854,320 สาย / เฉลี่ยต่อวัน 3,065 สาย 

2. ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 739,409 บัญชี / เฉลี่ยต่อวัน 1,313 บัญชี 

3. ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่ (1) หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 233,657 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 31.60 (2) หลอกลวงหารายได้พิเศษ 170,235 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 23.02 (3) หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 104,972 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.20 (4) หลอกลวงลงทุน 102,982 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 13.93 (5) หลอกลวงให้กู้เงิน 52,601 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.11 (และคดีอื่นๆ 74,962 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 10.14) 

“จากเคสตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มิจฉาชีพใช้กลอุบายหลอกลวงผู้เสียหาย โดยอ้างเป็น เจ้าหน้าที่เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เอไอเอส ข่มขู่ผู้เสียหายว่าเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ก่อนโอนสายให้กับผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชี รวมทั้งยังพบเคสหลอกลงทุน หรือหารายได้พิเศษ และเคสอ้างเป็นเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย หลอกลวงให้ติดตั้งแอปฯ ซึ่งพบว่ามีมูลค่าความเสียหายรวมเกือบ 22 ล้านบาท ทั้งนี้ขอย้ำว่า หากมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรต่างๆ หรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการ ควรตรวจสอบให้แน่ชัด โดยเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ จะไม่มีการติดต่อกับประชาชนโดยตรง หรือติดต่อผ่านทางโซเชียลมีเดีย และจะไม่มีการให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีแต่อย่างใด นอกจากนี้ไม่ควรดาวน์โหลดแอปฯ หรือกดลิงก์ที่ไม่รู้ที่มาแน่ชัดอย่างเด็ดขาด ด้านการลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง” นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าว 

อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน ก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ อย่ากดเข้าลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด และอัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่แน่ใจ โดยกระทรวงดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง 


หากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441 
แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.) 
| Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com 


--------------------------------------------------------------------------------------

AOC 1441 เตือนภัย “มิจฉาชีพ” อ้างเป็น “จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ครู” หลอกติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน พบสูญเงินกว่า 9 ล.

AOC 1441 เตือนภัย “มิจฉาชีพ” อ้างเป็น “จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ครู” หลอกติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน พบสูญเงินกว่า 9 ล้านบาท 

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 16 – 22 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย 

คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 2,250,015 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ชักชวนเทรดหุ้นน้ำมันดิบ ได้รับผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line ที่แสดงหน้าเพจเพื่อสอบถามรายละเอียด จากนั้นทำตามขั้นตอนที่ได้รับคำแนะนำ โดยโอนเงินเพื่อเทรดหุ้น ช่วงแรกได้รับเงินจริง จึงโอนเงินไปเทรดหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องโอนเงินจ่ายค่าสอนเทรดและค่าภาษีก่อน แต่เมื่อโอนไปแล้วยังคงไม่ได้รับเงิน ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 2 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 1,786,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารกรุงไทย แจ้งว่าขณะนี้มีบุคคลอื่นนำเอกสารมอบอำนาจจากผู้เสียหายเข้ามาถอนเงินที่ธนาคาร หากไม่ได้เป็นผู้มอบอำนาจในการทำธุรกรรมครั้งนี้ แนะนำให้ติดต่อแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นโอนสายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้รับแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าและคดีฟอกเงิน จะต้องโอนเงินทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วจะทำการคืนเงินให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปทั้งหมด หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก 

คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 1,003,395 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครู แนะนำให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชันที่ช่วยให้สมาชิกสหกรณ์เข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ ของสหกรณ์ได้สะดวกยิ่งขึ้น จึงทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่แนะนำจนเสร็จสิ้น ต่อมาภายหลังได้รับข้อความจากธนาคารแจ้งว่ายอดเงินในบัญชีได้ถูกโอนออกไปจนหมด ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 4 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 2,540,816 บาท ทั้งนี้ผู้เสียหายพบโฆษณาสอนเทรดหุ้นผ่านช่องทาง Facebook ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line ที่แสดงหน้าเพจเพื่อสอบถามรายละเอียด จากนั้นถูกดึงเข้า Group Line สอนเทรดหุ้น แนะนำให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน และทดลองโอนเงินเพื่อเทรดหุ้นทีละน้อย ช่วงแรกสามารถถอนเงินได้จริง จึงโอนเงินเทรดหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ ภายหลังตรวจสอบจากหน้า Facebook พบว่ามีบุคคลอื่นๆ ส่งสัญลักษณ์แสดงความรู้สึกโกรธจำนวนหลายข้อความ ทำให้ทราบว่าเป็นเพจปลอม

และคดีที่ 5 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 1,454,623 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Tiktok ชักชวนทำงานหารายได้พิเศษ เป็นการร่วมลงทุนเพื่อรับเงินปันผลจากการขายออนไลน์ ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line และทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพแนะนำ โดยโอนเงินไปลงทุนช่วงแรกได้รับผลตอบแทนจริง จึงโอนเงินไปลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถถอนเงินได้และยังได้รับแจ้งให้โอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก

สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 9,034,849 บาท 

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 20 มิถุนายน 2568 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้ 
1. สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,833,952 สาย / เฉลี่ยต่อวัน 3,067 สาย 
2. ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 725,396 บัญชี / เฉลี่ยต่อวัน 1,305 บัญชี 
3. ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่ (1) หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 229,664 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 31.66 (2) หลอกลวงหารายได้พิเศษ 167,560 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 23.11 (3) หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 101,141 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 13.94 (4) หลอกลวงลงทุน 101,139 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 13.94 (5) หลอกลวงให้กู้เงิน 51,732 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.13 (และคดีอื่นๆ 74,160 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 10.22) 

“จากเคสตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มิจฉาชีพใช้กลอุบายหลอกลวงผู้เสียหาย โดยอ้างเป็น เจ้าหน้าสหกรณ์ออมทรัพย์ครู หลอกให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน รวมทั้งยังพบเคสการหลอกลงทุนเทรดหุ้น และเคสข่มขู่เป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร อ้างว่าผู้เสียหายพัวพันกับการฟอกเงิน ซึ่งพบว่ามีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 9 ล้านบาท ทั้งนี้ขอย้ำว่า หากมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรต่างๆให้ติดตั้งแอปฯ ควรตรวจสอบให้แน่ชัด และห้ามดาวน์โหลดแอปฯ หรือกดลิก์ที่ไม่รู้ที่มาแน่ชัดอย่างเด็ดขาด ด้านการลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ด้านหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ จะไม่มีการโทรติดต่อโดยตรง หรือติดต่อผ่านทางโซเชียลมีเดีย และจะไม่มีการให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีแต่อย่างใด” นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าว 

อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน ก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ อย่ากดเข้าลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด และอัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่แน่ใจ โดยกระทรวงดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง 

หากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441 แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)  | Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com 

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 20 มิถุนายน 2568

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 20 มิถุนายน 2568 

-กระทรวงแรงงาน เปิดศูนย์ช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล–อิหร่าน ปลัดกระทรวงแรงงานขอความร่วมมือแรงงานดาวน์โหลดแอป Smart TOEA และเปิดระบบติดตามตำแหน่ง เพื่อให้ติดตามพิกัดของแรงงานได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยให้ทีมช่วยเหลือสามารถให้การดูแลหรืออพยพได้ทันท่วงทีในสถานการณ์ฉุกเฉิน

-กรมบัญชีกลางเตือนอย่าหลงเชื่ออ้างชื่อผู้บริหารแจ้งให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และผู้รับบำเหน็จบำนาญ ส่งเอกสารข้อมูลบัญชีเงินฝากที่จะทำการคุ้มครองเงินฝาก เพื่อสร้างหลักประกันคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมาย ย้ำไม่มีนโยบายขอข้อมูลดังกล่าว ชี้เป็นมิจฉาชีพแอบอ้างหลอกขอข้อมูล

-กระทรวงการคลังเกาะติดสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่จะมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ทั้งนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด พร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทันทีหากเกิดผลกระทบ

 

เตือนภัย! มิจฉาชีพหลอกซื้อของผ่าน OpenChat

วันที่ 13 มิ.ย.68 เพจ ตำรวจสอบสวนกลาง  โพสต์ข้อความระบุว่า พ่อค้าแม่ขายสายออนไลน์โปรดระวัง มิจฉาชีพทำเนียนแกล้งเป็นลูกค้า คอมเมนต์ตามโพสต์ขายของว่า “สนใจในสินค้า หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม” แล้วให้ทักบ้านเขียว เพื่อคุยกันต่อ จากนั้นค่อยวางสเตปมิจฯ หลอกเอาข้อมูลสินค้าเพื่อนำไปหลอกต่อ จากนั้น จะอ้างว่าขอซื้อขายผ่านคนกลางแล้วลากเข้ากลุ่ม OpenChat

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงรวบรวมวิธีการที่มิจฉาชีพมักใช้มาฝากกันครับ

โดยในขั้นแรกมิจฉาชีพจะไปคอมเมนต์ในโพสต์ขายของต่างๆ ว่าสนใจสินค้า ช่วยทักบ้านเขียวมาที

จากนั้นจะทำการคุยเกี่ยวกับข้อมูลสินค้า อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ช่วยส่งรูปมาให้ดูหน่อย หรือให้ส่งรูปคู่กับบัตรประชาชนมาให้ดูหน่อย โดยอ้างว่ากลัวโดนหลอก หลังจากได้ข้อมูลครบแล้ว จะมีอยู่ 2 ทางเลือกคือ ไม่ซื้อ และนำข้อมูลไปใช้หลอกคนอื่นต่อ

หรืออีก 1 ตัวเลือกก็คือ สนใจและจะขอซื้อ แต่อยากซื้อผ่านคนกลาง หากตอบตกลง มิจฉาชีพจะดึงเข้าร่วมกลุ่ม OpenChat ต่อไป

เมื่อเข้าร่วมกลุ่ม OpenChat แล้ว มิจฉาชีพจะให้ ลงทะเบียนร้านค้า จากนั้นจะให้ทำการโอนเงินเข้า - ออกบัญชีพ่อค้าคนกลางเพื่อเป็นการทดสอบ ว่าเป็นคนจริงๆ สามารถรับและโอนคืนได้ 100%

จนสุดท้ายจะมีรอบที่เราโอนเงินเข้าไปและไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ หลังจากนั้นคนกลางและมิจฉาชีพก็จะหายตัวไปในที่สุด

มีบางครั้งจะอ้างว่า บัญชีโดนล็อก ไม่สามารถถอนเงินออกได้ เพราะมีการทำรายการหลายครั้งมากเกินไป หากอยากได้เงินคืนให้โอนเงินมาตรวจสอบเพิ่ม และจะปลดล็อกบัญชีให้ต่อไป หากหลงเชื่อโอนไปอีก มิจฉาชีพก็จะบล็อกและหายตัวไปในที่สุด

 

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัย พี่น้องประชาชน พ่อค้าแม่ค้าตามช่องทางออนไลน์ ว่าหากเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้ อย่าหลงเชื่อโดยเด็ดขาด และหากต้องส่งรูปต่างๆ ให้ทำการใส่ลายน้ำก่อนทุกครั้ง

รวมทั้งหากต้องส่งคู่กับบัตรประชาชน หรือ บัตรอื่นๆ เพื่อยืนยัน ให้ขีดฆ่าสำเนาบัตร ลงวันที่ และวัตถุประสงค์ทุกครั้ง

หากมีผู้ใดพบเจอมิจฉาชีพในลักษณะนี้ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนศูนย์ AOC 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

ขอบคุณ เพจ  ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)

 

#มิจฉาชีพ #Openchat #ขายของ #เตือนภัย #CIBเตือนภัย #CIB #ตำรวจสอบสวนกลาง

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 11 มิถุนายน 2568

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 11 มิถุนายน 2568 

-กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยกองคุ้มครองแรงงาน จัดโครงการอบรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ Zoom Meeting หลักสูตร “กฎหมายแรงงานเกี่ยวกับการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นายจ้างและลูกจ้างมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและแนวปฏิบัติในการจัดเก็บ สะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

-กรมการค้าภายใน ผนึกกำลังสมาคมตลาดสดไทย จัดแคมเปญ Thai Fruits Festival 2025 by DIT ระดมขายทุเรียนคุณภาพ หลากราคา กระตุ้นการบริโภค พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมต่อเนื่องช่วยระบายผลไม้ พยุงราคาทรงตัว

-ธ.ก.ส.จับมือ บช.สอท.เดินหน้าเสริมแกร่งความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับประชาชนทั่วประเทศ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพบน LINE Official BAAC Family โดยสามารถเช็ก-แจ้ง-เตือนภัยมิจฉาชีพได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน LINE Official BAAC Family โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ประกันสังคมเตือน! อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพโทรหลอกให้แอดไลน์รับเงินชราภาพ เสี่ยงถูกขโมยข้อมูล-สูญเงิน

ประกันสังคมเตือน! อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพโทรหลอกให้แอดไลน์รับเงินชราภาพ เสี่ยงถูกขโมยข้อมูล-สูญเงิน

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ขอเรียนประชาสัมพันธ์ถึงภัยจากแก๊งมิจฉาชีพที่แฝงตัวบนสื่อออนไลน์ ซึ่งกำลังระบาดหนักในขณะนี้ โดยในปัจจุบันยังคงมีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประกันสังคมโทรศัพท์แจ้งให้ผู้ประกันตนแอดไลน์เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพเป็นเงินบำเหน็จชราภาพ โดยให้ส่งเอกสารเพื่อหลอกให้ผู้ประกันตนกดลิงก์เข้าไปเพื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว และนำไปสวมรอยทำธุรกรรมจนสูญเสียทรัพย์สิน หรืออาจถูกนำไปก่ออาชญากรรมอื่นๆ ได้ ซึ่งจะทำให้เกิด   ความเดือดร้อนยุ่งยากภายหลัง จึงขอแจ้งเตือนผู้ประกันตนหรือประชาชนทุกคน ไม่ควรหลงเชื่อข้อมูลที่ได้รับจากโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว ควรติดต่อสอบถามสำนักงานประกันสังคมโดยตรง อีกทั้งผู้ประกันตนไม่ควรให้ข้อมูลทางการเงินข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลการทำธุรกรรมออนไลน์ รหัส OTP ที่ได้รับผ่าน SMS และที่สำคัญอย่าหลงโอนเงินตามคำบอกของมิจฉาชีพโดยเด็ดขาด
 
โดยสำนักงานประกันสังคม ไม่มีนโยบายให้ผู้ประกันตนติดต่อเจ้าหน้าที่และจัดส่งเอกสารเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์แต่อย่างใด และอย่าหลงเชื่อกลลวงของมิจฉาชีพ อย่างไรก็ตามผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพได้ด้วยตนเอง ผ่านระบบ e – Self Service ทางโทรศัพท์มือถือหรือผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th ได้ทุกวัน

ทั้งนี้หากผู้ประกันตนพบเห็นเว็บไซต์ปลอม เพจปลอมหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ที่แอบอ้างชื่อสำนักงานประกันสังคมโปรดแจ้งมายังสำนักงานประกันสังคม หรือหากท่านเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพดังกล่าว สามารถแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที และหากผู้ประกันตนประสงค์จะรับทราบข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานประกันสังคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ

#ประกันสังคม #ข่าววันนี้ #มิจฉาชีพ #ผู้ประกันตน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์