สยามพิวรรธน์ ส่งมอบของบริจาคกองทัพบก ร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ได้รับผลกระทบในเขตชายแดน
เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 และเฉลิมฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน สยามพารากอน Global Destination อันดับ 1 ที่ครองใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ร่วมกับ สมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กรุงเทพมหานคร และพันธมิตรภาครัฐและเอกชน จัดงาน “ทั่วหล้า เทิดไท้ ถวายใจสดุดี” นำการแสดงศิลปวัฒนธรรมอันเป็นมรดกล้ำค่าแห่งภูมิปัญญาทั้งจากไทยและจีน ร่วมถวายพระพร และแสดง ความจงรักภักดี ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 กรกฎาคม2568 ณ พาร์ค พารากอน
สำหรับพิธีเปิดงานวันที่ 25 ก.ค. 2568 จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับเกียรติจาก คุณจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดร.ลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ คุณหยาง เสี่ยว หลง ที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน คุณจ้าว ซิน ผู้รับผิดชอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย คุณพาสินี ลิ่มอติบูลย์ กรรมการ บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ร่วมด้วย คุณอินทิรา จิตรานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ Head of Marketing Function ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ตลอดจน ผู้บริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน อาทิ คุณหลิน เหว่ย, คุณเกา กุ้ยจวิน และ คุณภวินท์ภัทร์ ธนินพูนศิริ มาร่วมงาน
โดยมี ดร.พลัง โลกศิลป์ นักร้องโอเปร่าชื่อดังและนักแสดงมากฝีมือร่วมโชว์พลังเสียงในเพลง “ไทยจีนพี่น้องสองแผ่นดิน” และต่อด้วยไฮไลต์การแสดงอันตื่นตาตื่นใจ “กังฟูเส้าหลิน” โดยสถาบันศิลปะการต่อสู้เส้าหลินมณฑลเหอหนาน ที่ถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ อันเลื่องชื่อซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก และมีถิ่นกำเนิดจากเทือกเขาทรงซาน เมืองเติงเฟิงมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีอายุกว่า 1,500 ปี
นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมสองแผ่นดิน อาทิ
- การแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้ากากเสฉวน – การแสดงที่เปี่ยมมนตร์เสน่ห์จากสมาคมอุปรากรจีน ใช้เทคนิค เปลี่ยนหน้ากากในพริบตา
- การแสดงโขนเด็ก – ถ่ายทอดเรื่องราวรามเกียรติ์โดยนักแสดงตัวน้อย
- การแสดงมัจฉาลีลา - ถ่ายทอดเรื่องราวของฝูงปลาและนางสุพรรณมัจฉา โดยใช้ลีลานาฏศิลป์ไทยผสมผสานกับท่าทางของปลา
- การแสดงฟ้อนเทียน –การแสดงนาฏศิลป์ไทยที่สะท้อน ความอ่อนช้อย อันทรงเสน่ห์ จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
- การแสดงดนตรีสืบสายวัฒนธรรมไทย-จีน- การบรรเลงขับกล่อมบทเพลงผ่านเครื่องดนตรี ที่สะท้อนวัฒนธรรมธรรมจีน “กู่เจิง” ในสไตล์จีนโบราณ ผสานการแสดงดนตรีไทยอย่าง ขิม และ ซอ
- การแสดงดนตรีออร์เคสตรา จากกรุงเทพมหานคร
- การแสดงดนตรีจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
สำหรับผู้สนใจ สามารถเข้าชมกิจกรรมได้ฟรี นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษ อาทิ รับสิทธิ์ชมการแสดง กังฟูเส้าหลินรอบพิเศษ เพียงร่วมกิจกรรมบน Facebook: Siam Paragon และแลกรับของที่ระลึก Chinese Painting & Calligraphy เมื่อช้อปครบ 2,000 บาท (จำนวนจำกัดต่อวัน)
ขอเชิญประชาชนร่วมเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมชมการแสดงสุดตระการตาและสัมผัสมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของไทย-จีน ในงาน “ทั่วเหล้าเทิดไท้ ถวายใจสดุดี” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 ก.ค.2568 (การแสดงทั่วไปแบ่งเป็น 3 รอบ เวลา 14.00 น./ 16.00 น. และ 19.30 ส่วนการแสดงกังฟูเส้าหลิน มีวันละ 1 รอบเวลา 18.30-19.30 น.) ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.02-610-8000 หรือติดตามรายละเพิ่มเติม เฟสบุ๊ค : SIAMPARAGON
#LongLiveTheKing #SiamParagon #ทั่วหล้าเทิดไท้ถวายใจสดุดี #กังฟูเส้าหลิน
วันที่ 25 ก.ค.68 กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพฯ ร่วมกับองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้งเหล่าพนักงานบริษัท ร้านค้าผู้เช่า ขอส่งกำลังใจให้ผู้ได้รับผลกระทบในเขตพื้นที่ชายแดน พร้อมเปิดพื้นที่เป็นศูนย์กลางรับบริจาคเพื่อส่งต่อให้ผู้ได้รับผลกระทบ ภายใต้โครงการ “สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย” โดยผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคอาหารแห้ง อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป ของใช้จำเป็น ฯลฯ รวมถึงเงินบริจาค ณ ศูนย์กลางการรับบริจาค บริเวณพาร์ค พารากอน ชั้น M (ทางเชื่อม BTS) สยามพารากอน ได้ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังร่วมกับสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า เปิดจุดรับบริจาคโลหิต เชิญชวนผู้ที่มีความพร้อมร่วมบริจาคโลหิตในการเตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน ในวันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. ณ Activity Room 1 ชั้น 4 อาคารจอดรถสยาม คาร์ ปาร์ค ด้านหลังศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์
แบรนด์ SIRIVANNAVARI ร่วมกับ ICONCRAFT (ไอคอนคราฟต์) พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ แหล่งรวมงานคราฟต์สร้างสรรค์จากช่างฝีมือไทยที่ใหญ่ที่สุด กลับมาสร้างปรากฏการณ์ความงามร่วมสมัยผ่านผืนผ้าไทยอีกครั้ง ในคอลเลกชันกระเป๋าผ้าไหมไทยสุดเอ็กซ์คลูซีฟประจำปี “S’CRAFT: Craftsmanship 2025” นำเสนออัตลักษณ์อันโดดเด่นของผืนผ้าจากสี่ภูมิภาคของไทย ผสานความวิจิตรของงานปักสุดประณีตในธีม “Royal Weave” พร้อมเผยโฉมผลงานสุดพิเศษแบบ One-of-a-Kind จำนวน 88 ใบในโลก เป็นครั้งแรกในงาน “S’CRAFT THAI TEXTILE TREASURES: FOUR REGIONS, TIMELESS LEGACY CRAFTSMANSHIP 2025” ผ่านแฟชั่นโชว์จากนางแบบมืออาชีพแถวหน้าของวงการ ให้ชมก่อนใครในวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568 ณ สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม ก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม
นับเป็นธรรมเนียมต่อเนื่องประจำทุกปีที่แบรนด์ SIRIVANNAVARI และICONCRAFT จะร่วมกันสร้างสรรค์ “S’CRAFT” คอลเลกชันกระเป๋าผ้าไหมไทย โดยเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญ THAI TEXTILE HEROES ของไอคอนคราฟต์ ที่มุ่งยกระดับผ้าไทย งานหัตถกรรม รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล เพื่อสะท้อนพระราชปณิธานของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์ครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์ SIRIVANNAVARI ที่ทรงมุ่งมั่นสืบสานพระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการสนับสนุนผ้าไทยบนพื้นฐานของภูมิปัญญาท้องถิ่นและฝีมือชั้นครูอย่างแท้จริง ด้วยพระปรีชาสามารถ ล่าสุดองค์การยูเนสโกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้ถวายประกาศเชิดชูพระเกียรติ และเหรียญสดุดีพระกรณียกิจ ด้านการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม และการส่งเสริมงานวิจิตรศิลป์ รวมทั้งการขับเคลื่อนวัฒนธรรม ตลอดจนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในประเทศไทย แด่องค์ดีไซเนอร์เพื่อยกย่องในพระอัจฉริยภาพด้านการส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยทรงเป็นคนไทยพระองค์แรกที่ทรงได้รับการถวายพระเกียรติคุณในด้านนี้
การกลับมาครั้งนี้ของ “S’CRAFT: Craftsmanship 2025” จึงมีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง สำหรับปีนี้เน้นออกแบบกระเป๋าผ้าไทยด้วยงานดีไซน์ร่วมสมัย สร้างสรรค์ทุกใบอย่างละเมียดละไมให้เป็นดั่งงานศิลปะอันทรงคุณค่าและมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ภายใต้ธีม “Royal Weave” ผสานความงามของผ้าไทยสี่ภาค เหนือ อีสาน กลาง และใต้ เข้ากับงานปักชั้นสูงอันประณีตจาก SIRIVANNAVARI Atelier & Academy โดยคัดสรรลวดลายและเทคนิคเฉพาะในการทอผ้าของแต่ละภูมิภาคมารังสรรค์ใหม่ให้เป็นผลงานร่วมสมัยที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ท้องถิ่นไว้ครบถ้วน เพิ่มคุณค่าด้วยลายปักที่นำสัญลักษณ์ หรือวัสดุท้องถิ่นประจำภาคมาออกแบบสร้างลวดลายอันวิจิตร สะท้อนแนวคิดร่วมสมัยที่ยังคงรักษารากเหง้าของความเป็นไทยไว้อย่างสมบูรณ์
เริ่มจาก ภาคเหนือ ที่เลือกสรรผ้าทอใยธรรมชาติซึ่งแฝงมนตร์เสน่ห์แห่งชนเผ่าจากจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงโครงการหลวงในภาคเหนือ ผสมผสานเข้ากับงานปักที่ใช้วัสดุธรรมชาติอย่างลูกเดือยโทนสีขาวครีม ร้อยเรียงกับคริสตัลและลูกปัด สอดรับกับลายผ้าทอจากชุมชนและชนเผ่า ส่วน ภาคกลาง เลือกใช้ผ้าทอหลากลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมและงานศิลปหัตถกรรมไทย มาเสริมความโดดเด่นด้วยงานปักที่บ่งบอกความเป็นไทยร่วมสมัย ผ่านดิ้นเลื่อมโลหะที่ใช้ปักประดับบนสิ่งทอชั้นสูงมานานนับพันปี ผสมผสานกับลูกปัด คริสตัลดอกไม้ และแท่งแก้วเพื่อถ่ายทอดความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม สำหรับ ภาคอีสาน เลือกใช้ผ้าไหมมัดหมี่ที่มีผิวสัมผัสและลวดลายสีสันสวยงาม แต่งแต้มด้วยคริสตัลสี แท่งแก้ว และลูกปัดแก้ว ที่ปักประดับให้กลมกลืนไปกับสีสันและลวดลายเรขาคณิตของผ้าไหมมัดหมี่ ด้าน ภาคใต้ เลือกนำศิลปะผ้าบาติกที่หลอมรวมงานหัตถศิลป์และเทคนิคการย้อมสีที่ไม่เหมือนใคร จากช่างฝีมือท้องถิ่น มาปักลวดลายสามมิติเสมือนจริงด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างไข่มุก เปลือกหอย คริสตัล และลูกปัดแก้ว ร้อยเรียงไปกับลายบาติกอันงดงาม ทำให้จินตนาการถึงทิวทัศน์ของฟองคลื่นบนหาดทราย แนวปะการังอันอุดมสมบูรณ์
โดยผืนผ้าจากแต่ละภาคถูกนำมารังสรรค์เป็นกระเป๋าหลากรูปทรง ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และคนรักแฟชั่น รวมสี่ภาค 88 ใบ ทั้ง “S’Signature Pouch” กระเป๋าทรงถุงผ้าพร้อมสายคล้องสั้นอันเป็นเอกลักษณ์ “บุษบง” (Busabong Bag) กระเป๋าทรงขนมจีบที่โดดเด่นด้วยงานจับสม๊อคอันประณีต “บุปผา” (Bupa Wristlet) กระเป๋าคล้องข้อมือสไตล์ญี่ปุ่น “บุษบา” (Busaba Clutch) กระเป๋าคลัตช์ยาวที่เหมาะกับชุดราตรี และ “ราชพฤกษ์” (Rachapruek Bag) กระเป๋าถือทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าพร้อมหูจับ ขนาดกระทัดรัด โดยทุกใบตกแต่งด้วยโลโก้และสัญลักษณ์นกยูงแห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI อีกทั้งยังมีความงามและความพิเศษเฉพาะตัว จนนับได้ว่าเป็น One-of-a-Kind ที่ควรค่าแก่การสะสม
นอกจากนี้ “S’CRAFT: Craftsmanship 2025” ยังมีไฮไลต์พิเศษเป็น “Luxe de Siam Exclusive Edit Clutch” กระเป๋าคลัตช์ที่ตกแต่งด้วยสัญลักษณ์นกยูงรำแพนสง่างามบนผืนผ้าทออันงดงามจับใจ สุดยอดผลงานจากฝีมือ อาจารย์มีชัย แต้สุจริยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ผู้พัฒนาลวดลายอันเลื่องชื่ออย่างผ้ากาบบัว ซิ่นมุกจกดาว และก่อตั้งพิพิธภัณฑ์บ้านคำปุน ในจังหวัดอุบลราชธานี และอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูศิลป์ของแผ่นดิน ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นบรมครูผ้าไหมไทย ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “จันทร์โสมา” จากกลุ่มทอผ้ายกทองหมู่บ้านท่าสว่าง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งรังสรรค์ให้คนรักผ้าไทยได้ครอบครองเพียง 2 ใบเท่านั้น
และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความร่วมมือในการยกระดับศิลปะหัตถกรรมไทยผ่านคอลเลกชันนี้ แบรนด์ SIRIVANNAVARI ได้ร่วมกับ ICONCRAFT จัดงาน “S’CRAFT THAI TEXTILE TREASURES: FOUR REGIONS, TIMELESS LEGACY CRAFTSMANSHIP 2025” เผยโฉมกระเป๋าผ่านแฟชั่นโชว์ครั้งพิเศษ เชิญเหล่านางแบบกิตติมศักดิ์มาร่วมเผยโฉมกระเป๋าในคอลเลกชัน “S’CRAFT:Craftsmanship 2025” เป็นครั้งแรกในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ณ สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม
นอกจากนี้ เพื่อถ่ายทอดพระอัจฉริยด้านงานศิลปะและการออกแบบของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เชิญชมนิทรรศการที่ถ่ายทอดเรื่องราวของกระเป๋า 88 ใบ ในคอลเลกชันพิเศษที่ถักทอขึ้นจากผ้าไทย 4 ภูมิภาค ภายใต้แรงบันดาลใจจากพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะและงานออกแบบของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา หลอมรวมภูมิปัญญาไทยกับการออกแบบร่วมสมัยสู่ผลงานที่เปี่ยมด้วยรสนิยมและคุณค่าในระดับสากล
พร้อมชมผลงานหัตถศิลป์งานปักชั้นสูงแห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ภายใต้การดูแลของ SIRIVANNAVARI Atelier & Academy ถ่ายทอดความประณีตอันทรงคุณค่าผ่านเทคนิคงานปักชั้นสูงและลวดลายงดงามซึ่งสะท้อนพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะและการออกแบบอย่างลึกซึ้ง ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2568 ณ ICONCRAFT Globe ชั้น 4 ไอคอนสยาม
“S’CRAFT:Craftsmanship 2025” ไม่เพียงเป็นคอลเลกชันกระเป๋าประจำปี แต่ยังเป็นการผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่งานออกแบบระดับโลก เพื่อส่งต่อคุณค่าแห่งหัตถศิลป์ไทยผ่านเวทีที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ ให้ทุกคนได้สัมผัสความงดงามของผ้าไทยผ่านมุมมองใหม่ที่ร่วมสมัยและมีความเป็นสากล คนรักผ้าไทยร่วมชื่นชมและเลือกซื้อกระเป๋าผ้าไหมไทยในคอลเลกชัน “S’CRAFT:Craftsmanship 2025” ได้ที่ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ติดตามความเคลื่อนไหวและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: ICONCRAFT
เดินทางสร้างความสุขจากการให้…ไม่สิ้นสุดมาครบหนึ่งทศวรรษ มูลนิธิรามาธิบดีฯ และ 5 ศิลปินชวนแฟนด้อม ร่วมฉลองของที่ระลึกการกุศลคอลเลกชัน “Giving and Happiness” (กีฟวิ่ง แอนด์ แฮปปี้เนส) ปีที่ 10 เพื่อส่งต่อความ อิ่มเอมใจ จากผู้ให้สู่ผู้รับ โดยเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญประจำปีที่แฟนๆ ต่างรอคอยที่จะได้เห็นลายเส้นซิกเนเจอร์แห่งปี บนของที่ระลึกการกุศลจากฝีแปรง 5 ศิลปิน นำโดยศิลปินที่ร่วมสร้างสรรค์คอลเลกชันนี้มาด้วยกันตลอด 10 ปี ได้แก่ “ครูโต” ม.ล.จิราธร จิรประวัติ, “ครูปาน” สมนึก คลังนอก, และสองพี่น้องศิลปิน “แป้ง” ภัทรีดา - “นวล” นวลตอง ประสานทอง พร้อมด้วย “เพียว” โลกุตรา ดิจิทัลอาร์ตติสหนุ่มที่มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานเป็นปีที่ 3 เพื่อถ่ายทอดนิยาม “ความสุขของผู้ให้และผู้รับ” ผ่านของที่ระลึกคุณภาพดี สร้างไลฟ์สไตล์สนุกๆ เพิ่มสีสันให้ชีวิตประจำวัน โดยรายได้ทั้งหมดจะนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้และจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ต่อไป
ภายในงานเปิดตัวคอลเลกชันดังกล่าว ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ และ 5 ศิลปินได้ขึ้นเวทีร่วมพูดคุยถึงที่มาและ แรงบันดาลใจ รวมทั้งมีกิจกรรมสุดพิเศษ “ART Piece to celebrate 10 Years” ที่ 5 ศิลปินได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นเด่นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญนี้ พร้อมกิจกรรมเวิร์กช็อป “Lino Printing Workshop - พิมพ์ลาย พิมพ์ใจ ..ไม่สิ้นสุด” ณ ชั้น 6 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวถึงวาระพิเศษครบรอบ 10 ปีของคอลเลกชันของที่ระลึกการกุศล “Giving and Happiness” ว่า “ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ของที่ระลึกจากโครงการ ‘Giving and Happiness’ ได้รับการสร้างสรรค์ด้วยใจจากศิลปิน เพื่อเป็นของที่ส่งต่อความสุขจากผู้ให้สู่ผู้รับ และยังส่งความห่วงใย และความหวังไปยังผู้ป่วยที่รอการรักษาอีกด้วย มูลนิธิฯ รู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณศิลปินทั้ง 5 ท่าน ที่ได้ร่วมเดินทางกับเรามาโดยตลอดตั้งแต่ปีแรก อย่าง ครูโต ครูปาน คุณแป้ง คุณนวล และในช่วง 2-3 ปี ได้คุณเพียวมาร่วมสมทบ ทุกท่านตีความ ‘ความสุข’ ในมุมมองของตัวเอง และมอบลายเส้นที่งดงามเปี่ยมพลัง และที่สำคัญขอขอบคุณผู้ที่สนับสนุนของที่ระลึกของเราเสมอมา ทุกการให้ของทุกน้ำใจมีความหมาย เพราะเป็นพลังที่ทำให้คำว่าให้…ไม่สิ้นสุดได้เกิดผลเป็นรูปธรรมจริง”
โดยศิลปินทั้ง 5 ท่าน ได้ถ่ายทอดแรงบันดาลใจในการออกแบบคอลเลกชัน “Giving and Happiness” (กีฟวิ่ง แอนด์ แฮปปี้เนส) ปีที่ 10 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความสุขของผู้ให้และผู้รับ” ดังนี้
- “ครูโต” ม.ล.จิราธร จิรประวัติ ถ่ายทอดความรักและความผูกพันที่มีต่อมูลนิธิรามาธิบดีฯมาตลอด 10 ปี ผ่านลายเส้นที่เรียบง่ายแต่อบอุ่น เพื่อสื่อว่า “รักกันแล้วเราก็ต้องช่วยเหลือและดูแล” พร้อมเผยความในใจว่า “ฉันรักกับรามาฯ มาสิบปีแล้ว ดีใจจังที่เรารักกัน รักกันแล้วเราก็ต้องช่วยเหลือและดูแล ปีนี้ฉันขยันเป็นพิเศษ วาดรูปให้รามาฯ สิบรูป กระจายรูปลงบนสินค้าที่คุณชอบ คุณได้ของของฉันกลับบ้าน และได้ทำกุศลร่วมกัน ดีใจ และขอบคุณมาก”
- “ครูปาน” สมนึก คลังนอก สร้างสรรค์เทพี “Princess Eartha” ผู้สร้างและดูแลโลก เป็นตัวแทนของมนุษย์ทุกคนที่ร่วมกันสร้างโลกที่อุดมสมบูรณ์และเปี่ยมสุข กล่าวถึงแรงบันดาลใจ ว่า “ครูปานวาดเทพี ชื่อ Princess Eartha ซึ่งเป็นผู้สร้างและดูแลโลกของเรามีดอกไม้เบ่งบานอยู่โดยรอบ มีนกเกาะแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และความสุข เทพีผู้นี้ คือตัวแทนของมนุษย์ทุกคน เพราะพวกเรานั่นแหละ คือผู้สร้างและผู้ดูแลโลกใบนี้ที่แท้จริง"
- “แป้ง” ภัทรีดา ประสานทอง นำเสนอคอนเซ็ปต์ “ความสุขที่ช้าๆ” (Slow Happiness) ผ่านรูปเต่าและปลาวาฬในลายเส้นสบายตา เพื่อมอบความรู้สึกเย็นใจและผ่อนคลาย บอกไอเดียว่า “คอลเลกชันนี้เป็นรูปความสุขที่ช้า ๆ และอยากให้เป็นความรู้สึกที่เย็นใจสบายใจ เลยวาดรูปทะเลค่ะ”
- “นวล” นวลตอง ประสานทอง แรงบันดาลใจจากภาพเด็กผู้หญิงท่ามกลางดอกไม้ สื่อถึงการสร้างสมดุลให้ชีวิต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆ ด้าน เล่าแรงบันดาลใจในปีนี้ว่า “ธีมหลักเป็นเด็กผู้หญิงอยู่กลางดอกไม้สองดอกต้องการจะสื่อถึงการบาลานซ์ชีวิตให้สมดุล เพราะเชื่อว่าถ้าเรารู้จักสมดุลของตัวเราเองก็จะนำมาสู่คุณภาพชีวิตที่ดีในทุก ๆ ด้าน”
- “เพียว” โลกุตรา นำเสนอ “Ribbon Collection” ที่เฉลิมฉลองความสุขของการเป็นผู้ให้ ผ่านภาพนักเต้นที่โบกสะบัดริบบิ้นที่วาดเป็นคำว่า “love” และ “yay” สื่อถึงความรัก และความยินดี พร้อมเล่าไอเดียว่า “คอลเลกชันประจำปีนี้ เป็นการเฉลิมฉลองความสุข ความรัก และความเบิกบานของการเป็นผู้ให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน ให้โอกาส หรือให้อภัย ล้วนเป็นพลังบวกที่นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ทั้งภาพนักเต้นในท่า Grand jeté การกระโดดกลางอากาศที่เปี่ยมด้วยพลังและอิสรภาพ การโบกสะบัดริบบิ้นที่ได้แรงบันดาลใจจากริบบิ้นรูปหัวใจอินฟินนิตี้ของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ซึ่งถูกวาดเส้นใหม่เป็นคำว่า “love” และ “yay” สื่อถึงความรักและความยินดี ผสานเข้าด้วยกัน”
สำหรับของที่ระลึกการกุศลคอลเลกชัน Giving and Happiness ปีที่ 10 ถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นของที่ระลึกการกุศลหลากหลายรายการที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ให้ได้เลือกสรรเพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเองและคนที่รัก อาทิ เสื้อยืดทีเชิ้ต สำหรับผู้ใหญ่และเด็ก, หมวกแก๊ป, กระเป๋าสะพายผ้าลิปสต็อป, กระเป๋าดินสอ, กระเป๋าโท้ทผ้าไมโคร, กระเป๋าผ้าแคนวาสอเนกประสงค์, กระเป๋าถือแคนวาสใบเล็ก, กระเป๋าพับเก็บห้อยพกพา, กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ, หมอนผ้าห่, ร่มพับ 2 ตอน, ปลอกหมอนบทสวดมนต์ และสมุดฉีก
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้และส่งต่อความสุขไม่สิ้นสุด ด้วยการสนับสนุนของที่ระลึกการกุศลคอลเลกชัน “Giving and Happiness” (กีฟวิ่ง แอนด์ แฮปปี้เนส) ปีที่ 10 ได้ที่มูลนิธิรามาธิบดีฯ (โรงพยาบาลรามาธิบดี และสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2201-2222 (ในวันและเวลาราชการ) ติดตามข่าวสารได้ที่ FB • IG • LINE @RAMAFOUNDATION หรือสั่งออนไลน์ที่ www.ramafoundation.or.th
สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม จับมือกับ KPOPMERCH ชวนเปิดประตูสู่โลกมหัศจรรย์ของตัวละครสุดน่ารักจากจักรวาล SEVENTEEN กับป๊อปอัพสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “<MINITEEN HOUSE PARTY> SEVENTEEN Official Character POP-UP in BANGKOK” ครั้งแรกในประเทศไทย! ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 – 31 สิงหาคม 2568 ณ ชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่
ภายในป๊อปอัพพบกับการเปิดบ้านเพื่อร่วมปาร์ตี้ไปกับแก๊ง MINITEEN – เหล่าคาแรกเตอร์ประจำวง SEVENTEEN ที่มาพร้อมเสน่ห์เฉพาะตัว ตั้งแต่ CHOITCHERRY กระต่ายกล้ามแน่นผู้รักโปรตีน, JJONGTORAM กระต่ายผู้มีชีวิตเพื่อการพักผ่อน, SHUASUMI กวางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล, O.C.L ลุกแมวลึกลับและซุกซน, TAMTAM ทุกวันคือความสุขเมื่ออยู่กับเสือนำโชค, FOXDUNGEE จิ้งจอกลุคเท่ที่เก็บเซอร์ไพรส์ไว้ในหาง, PPYOPULI ข้าวปั้นสุดน่ารัก, THEpalee, เจ้าชายกบผู้เปี่ยมไปด้วยอารมณ์อ่อนไหว, KIMJA มันฝรั่งที่มีงานอดิเรก คือการอาบน้ำด้วยน้ำมันทรัฟเฟิล, DOA สุนัขที่น่ารักและชื่นชอบการกอด, BBOOGYULI ส้มเขียวหวานสุดขี้อ้อนที่อยากทำทุกอย่างไปพร้อมกับคุณ, NONVER ผู้ที่ดูไม่สนใจใครแต่รับรู้ทุกอย่างด้วยจิตวิญญาณ, CHANDALEE นากสุดมั่นใจในอาณาจักรแห่งความสนุก ทั้งหมด 13 ตัวละครสุดน่ารัก พร้อมรอให้คุณมาเปิดใจในโลก MINITEEN!
พิเศษ!! ครั้งแรกในโกลบอล พบกับสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่แรกในประเทศไทย ได้แก่ Smart Tok, Acrylic Carabiner, Card wallet, Camp caps and D.I.Y. Keychain
นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆอีกมากมายให้ช้อปและสะสม ทั้งพวงกุญแจ, กระเป๋าใส่เหรียญ, ปากกา, โคมไฟมินิ, เซ็ตสติ๊กเกอร์, แม็กเน็ต, แฟ้ม, เซ็ตสายคล้องและชิ้นส่วนแท่งไฟ เป็นต้น พร้อมมอบของขวัญพิเศษเมื่อซื้อสินค้าในป๊อปอัพ รับฟรี MINITEEN Hand Fan ฟรี 1 ชิ้น
งานนี้ไม่ได้มีแค่ merch น่ารัก แต่คือการเปิดประสบการณ์ในจักรวาล MINITEEN ที่แฟนๆ จะได้ใกล้ชิดและอินกับตัวละครที่สมาชิก SEVENTEEN ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อสื่อถึงตัวตนของพวกเขาเอง ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 – 31 สิงหาคม 2568 ณ ชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Instagram: @kpopmerch_th หรือ X KPOPMERCH_TH
#SEVENTEEN #세븐틴 #MINITEEN #미니틴 #SiamDiscovery
“shoebar” (ชูบาร์) ร้านรองเท้ามัลติแบรนด์สโตร์ ภายใต้การบริหารของ ยัสปาล กรุ๊ป เปิดตัวสาขาโฉมใหม่ ณ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระรามเก้า มาพร้อมคอนเซปต์สดใหม่ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์สายบีช ผ่านบรรยากาศการตกแต่งแบบ Minimal, Natural และ Beach Vibe ที่รวบรวมรองเท้าแบรนด์ดังคอลเลกชั่นล่าสุดจากประเทศบราซิลมาให้เลือกอย่างจัดเต็ม พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “REEF” แบรนด์รองเท้าจากบราซิลที่โดดเด่นด้วยแนวคิด “Beach Freedom Meets Sustainability” เพื่อผู้ที่รักการเดินทาง ไลฟ์สไตล์กลางแจ้ง และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยมีสองเซเลบสาวชื่อดัง “วิว เบญญาภา จีนประสม” และ “มิ้ม รัตนวดี วงค์ทอง” มาร่วมแชร์ไอเดียการเลือกรองเท้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สาวๆ ที่ชื่นชอบการสไตล์การแต่งตัวแบบพักผ่อนริมทะเล
โดยร้าน shoebar โฉมใหม่ออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจากบรรยากาศของชายหาดในฝัน ถ่ายทอดผ่านดีไซน์ร้านตามแนวคิด Minimal, Natural และ Beach Vibe ที่สะท้อนความเรียบง่ายในแบบมินิมอล ผสานวัสดุสีธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตา และใกล้ชิดธรรมชาติ เชิญชวนให้ทุกคนเตรียมตัวออกเดินทางสู่การพักผ่อน เติมเต็มอารมณ์แบบ Beach Lover ได้ในทุกก้าวที่เข้ามาในร้าน ไม่ว่าจะเป็นสายแคชชวล สายมินิมอล หรือผู้ที่รักไลฟ์สไตล์กลางแจ้ง ก็สามารถค้นพบรองเท้าที่สะท้อนตัวตนได้ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และพิถีพิถันในทุกรายละเอียด
ความโดดเด่นของ shoebar มัลติแบรนด์สโตร์ คือ การคัดสรรแบรนด์รองเท้าชื่อดังจากประเทศบราซิลมารวมไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น Ipanema, ZAXY, rider, CARTAGO และ REEF โดยเน้นดีไซน์ที่สะท้อนความสนุก ไลฟ์สไตล์ริมทะเล และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งบราซิลถือเป็นผู้นำด้านแฟชั่นรองเท้ายางระดับโลก ด้วยนวัตกรรมการผลิตที่ยืดหยุ่น ทนทานต่อสภาพอากาศชื้น สวมใส่สบาย และยังเปี่ยมด้วยสีสันที่สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ แต่ละแบรนด์ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น Ipanema แบรนด์จากบราซิลที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหาด Ipanema อันเลื่องชื่อ ถ่ายทอดเสน่ห์แฟชั่นริมทะเลและความเบาสบายเหมาะกับทุกวัน, ZAXY สะท้อนความสดใส สนุกสนานในแบบผู้หญิงยุคใหม่ ด้วยดีไซน์หวานซ่อนเปรี้ยว ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล 100%, Rider รองเท้าสำหรับผู้ชายสายแอดเวนเจอร์ที่ต้องการทั้งความทนทานและสไตล์เพื่อไปได้ทุกที่ตั้งแต่ชายหาดถึงภูเขา และ CARTAGO แบรนด์ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ดูดี เหมาะกับผู้ชายทุกลุคตั้งแต่แคชชวลถึงกึ่งทางการ
พร้อมพบกับการเปิดตัวแบรนด์รองเท้าชื่อดังจากบราซิลอย่าง REEF เป็นครั้งแรกที่ร้าน shoebar ซึ่งเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นด้วยปรัชญา “Beach Freedom Meets Sustainability” แบรนด์นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความรักในการใช้ชีวิตริมหาดและการเล่นเซิร์ฟ โดยออกแบบรองเท้าที่ใส่สบาย ใช้งานได้ทั้งในเมืองและบนชายหาด ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่รักอิสระในการเดินทาง พร้อมใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนวิถีชีวิตที่ใฝ่หาความสุขอย่างเรียบง่ายและสมดุลกับธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า “REEF dream” ซึ่งชายหาดคือหัวใจและจิตวิญญาณของแบรนด์ เพราะชายหาดคือสถานที่แห่งความสนุกและเสรีภาพ เป็นที่ที่เชื่อมโยงความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์เข้ากับธรรมชาติ
โดยภายในงานได้รับเกียรติจากสองเซเลบสาวคนดัง “วิว เบญญาภา จีนประสม” และ “มิ้ม รัตนวดี วงค์ทอง” ที่มาร่วมถ่ายทอดตัวตนผ่านลุคสุดชิล ซึ่งคุณวิว มาร่วมงานในลุคกึ่งแคชชวล พร้อมสวมรองเท้า REEF คู่โปรด โดยกล่าวว่า “วิวชอบรองเท้าที่ใส่ง่ายแต่มีสไตล์กึ่งแคชชวล แบบที่ใส่ไปทะเลก็ได้ ใส่ในชีวิตประจำวันก็สะดวกสบายลงตัว วันนี้เลือก REEF เพราะดีไซน์เก๋มาก และเบาสุดๆ เหมาะกับวันที่ต้องเดินเยอะ หรือออกทริปแบบไม่ต้องคิดเยอะ” ขณะที่คุณมิ้ม สะท้อนความเป็นสาวสดใสผ่านรองเท้าจากแบรนด์ ZAXY โดยกล่าวว่า “ปกติเป็นคนที่ชอบรองเท้าสีสันสดใสอยู่แล้วค่ะ วันนี้เลยเลือก ZAXY เพราะทั้งน่ารัก สดใส ใส่สบาย และยังเป็นแบรนด์ที่รักษ์โลกด้วย เป็นความลงตัวของแฟชั่นกับความใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่เรารู้สึกดีมากเวลาใส่”
พบกับรองเท้าคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดส่งตรงจากประเทศบราซิล ที่มาพร้อมดีไซน์โดดเด่นและคุณภาพระดับพรีเมียม สัมผัสความมีสไตล์แบบไม่ซ้ำใครก่อนใคร ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน shoebar ทุกสาขา
อัปเดตข่าวสารและเทรนด์แฟชั่นล่าสุดของ “shoebar” เพิ่มเติมได้ที่
Instagram: shoebarofficial
Facebook: shoebar
LINE Official Account: @shoebar_official
คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ TimeVallée (ไทม์ วัลเลย์) ศูนย์รวมนาฬิกาหรูระดับไฮเอนด์ รวบรวมแบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากทั่วโลก พร้อมนวัตกรรม ดีไซน์ล้ำสมัย ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนรักเรือนเวลาและ IWC Schaffhausen แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ เดินหน้ายกระดับประสบการณ์และมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้สมาชิก POWER PASS ระบบสมาชิกรูปแบบใหม่จาก คิง เพาเวอร์ อย่างต่อเนื่อง ชวนสัมผัสความประณีตในโลกของเรือนเวลา IWC Schaffhausen แนะนำนาฬิกา Chronograph 2 รุ่นไฮไลท์ IWC Pilot’s Watch Performance Chronograph 41, Ref. IW388309 และ IWC Pilot’s Watch Chronograph 41 APXGP, Ref. IW378009 ด้วยแรงบันดาลใจจากสนามแข่ง Formula 1 สู่ข้อมือ ก่อนใคร ที่ คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก ชั้น 1 โซน MASTERPIECES โครงการ ONE BANGKOK พร้อมชมภาพยนตร์รอบพิเศษ “F1®The Movie” ประสบการณ์สุดเอกซ์คลูซิฟเฉพาะสมาชิก POWER PASS ณ โรงภาพยนตร์ ONE ULTRA SCREENS ชั้น 5 โครงการ ONE BANGKOK เมื่อเร็ว ๆ นี้
ภายในงาน นำเสนอนาฬิกา Chronograph สุดพิเศษ 2 เรือน เพื่อเฉลิมฉลองความร่วมมือกับภาพยนตร์ “F1®️ The Movie” โดยเฉพาะ ในฐานะผู้สนับสนุนหลักและพันธมิตรด้านนาฬิกาอย่างเป็นทางการของทีมแข่ง APXGP สะท้อนถึงความเร้าใจในนวัตกรรมและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของ Formula 1 อย่างแท้จริง ได้แก่
·IWC Pilot’s Watch Performance Chronograph 41, Ref. IW388309 เรือนเวลาระดับไฮไลต์จากคอลเลกชัน Performance Chronograph รุ่นนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ IWC ใช้ตัวเรือนทำจากโลหะมีค่าด้วยทอง 18 กะรัต 5N ผสานความสง่างามกับความล้ำสมัยผ่านหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำ เข็มนาฬิกาชุบทอง และขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำพร้อม Tachymeter scale สะท้อนความประณีตทางวิศวกรรมได้อย่างทรงพลังและหรูหราในเวลาเดียวกัน
·IWC Pilot’s Watch Chronograph 41 APXGP, Ref. IW378009 นาฬิกาโครโนกราฟสเตนเลสสตีลเรือนนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากทีม APXGP ในภาพยนตร์ F1® The Movie ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของทีมผ่านโทนสีดำ ทอง และขาวอย่างโดดเด่น มาพร้อมฝาหลังแซฟไฟร์เคลือบสีสโมกกี้ พิมพ์โลโก้ APXGP สีทอง และสายยางสีดำที่มาพร้อมระบบ EasX-CHANGE® ซึ่งเปลี่ยนสายได้อย่างสะดวกสบาย เสริมความพิเศษด้วยลายแกะสลักด้วยเลเซอร์เฉพาะรุ่น เพื่อเฉลิมฉลองความร่วมมือครั้งนี้
นอกเหนือจากนาฬิกาที่ปรากฏในภาพยนตร์ ยังมีการจัดแสดงคอลเลกชันนาฬิกา Pilot’s Watch รุ่นเด่นจาก IWC ที่ได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่รุ่น Big Pilot อันเป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงรุ่น Chronograph สุดคลาสสิก และรุ่น Performance Chronograph ที่เปี่ยมด้วยพลัง แขกผู้ร่วมงานจึงได้มีโอกาสสัมผัสโลกแห่งความเที่ยงตรงทางวิศวกรรมและดีไซน์เหนือกาลเวลาของ IWC อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
สัมผัสประสบการณ์สุดเอกซ์คลูซิฟ พร้อมพบกับนาฬิการุ่นพิเศษ ได้ที่ TimeVallée แห่งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สามารถเลือกช้อปได้ทุกช่องทางที่ LINE Official Account : @KINGPOWER หรือช้อปผ่านช่องทาง CALL TO SHOP เพียงโทร. 02 – 338 – 7870 และ CHAT TO SHOP เพียง Add LINE Official Account : @KP_ChatToShop หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง KING POWER CONTACT CENTRE 1631
ท่ามกลางสถานการณ์ที่คุณแม่ในไทยจำนวนมากต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้า ซึ่งเป็นผลจากความคาดหวังจากสังคม Mrs. Thailand World นครนายก ได้ออกมาจุดประเด็นสำคัญว่า "แม่ต้องมีความสุข" โดยเสนอ 3 แนวทางปลดล็อกความกดดันภายในใจคุณแม่ พร้อมย้ำแนวคิดที่ว่า เบื้องหลังเด็กที่มีความสุขทุกคน ย่อมมีแม่ที่มีความสุขอยู่เสมอ (Behind every happy child, there’s a happy mother) เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแรงสำหรับเด็กทุกคน
คุณชนิตา ศรีดาเกษ เครธอร์น หรือ แซมมี่ Mrs Thailand World นครนายก เปิดเผยถึงสถิติว่า คุณแม่ในไทยประมาณร้อยละ 8.4 จากการสำรวจระดับประเทศ และบางข้อมูลระบุว่าสูงถึง 1 ใน 5 คน ต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งแม่ ลูก และครอบครัว โดยกล่าวเสริมว่า "เบื้องหลังตัวเลขนี้คือ เสียงของแม่หลายคนที่กำลังแบกรับภาระทางอารมณ์ และตั้งคำถามว่า 'การมีความสุขในแบบของตัวเองคือความเห็นแก่ตัวจริงหรือ?'" (อ้างอิง: Panyayong et al. (2013). Postpartum Depression Among Thai Women: A National Survey. Journal of the Medical Association of Thailand, 96(7), 761-767. และงานวิเคราะห์อภิมานในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีรายงานความชุกรวมสูงถึงร้อยละ 22.32)
คุณชนิตา ให้ความเห็นว่า “สังคมมักคาดหวังให้แม่เสียสละ ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อลูกและครอบครัว จนความสุขส่วนตัวถูกมองข้าม ซึ่งสร้างภาระหนักอึ้งทางจิตใจ ดังนั้น การที่แม่มีความสุข คือรากฐานสำคัญของการมีครอบครัวที่อบอุ่นและลูกที่มีพัฒนาการที่ดี"
จากประสบการณ์ส่วนตัว คุณชนิตาได้สัมผัสถึงความท้าทายทางจิตใจ และได้ค้นพบว่าการได้ทำในสิ่งที่รัก หรือการได้มีเวลาทำในสิ่งที่เติมเต็มพลังงานให้ตัวเอง คือพื้นที่แห่งความสุขที่สำคัญ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า "การที่แม่ได้มีพื้นที่สำหรับความสนใจส่วนตัว คือการเติมพลังให้ชีวิต เป็นการสร้างความสุขที่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด"
ในฐานะที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ขององค์กร เซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save the Children Thailand) คุณชนิตาเผยว่า หลังจากที่ได้ทำงานกับเซฟ เดอะ ชิลเดรน พบว่า 'เบื้องหลังเด็กที่มีความสุขทุกคน ย่อมมีแม่ที่มีความสุขอยู่เสมอ' ด้วยเหตุนี้เองทำให้เธอมุ่งมั่นผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อคุณแม่ทุกคน และตัดสินใจใช้ชื่อว่า Sammy Save the Mothers ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นส่วนหนึ่งของ Save the Children โดยเน้นการช่วยเหลือและสร้างความสุขให้กับคุณแม่โดยเฉพาะ ด้วยความเชื่อว่า การสร้างความสุขให้แม่ คือการสร้างรากฐานที่แข็งแรงที่สุดเพื่ออนาคตที่ดีของเด็กๆ ทุกคน
จากการได้ข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับงานสุขภาพ กระทรวงสาธารสุข พบว่ายังมีช่องว่างในระบบสาธารณสุขไทย "แม้ว่าคุณแม่จะมีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิต แต่ในปัจจุบัน หากมีอาการเหล่านี้ คุณแม่มักจะถูกส่งต่อไปยังแผนกสูตินรีเวช ซึ่งแพทย์สูติฯ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชโดยตรง และบางครั้งอาจมองข้ามสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิตไปได้ นี่คือช่องว่างสำคัญในประเทศไทยที่ต้องได้รับการแก้ไข" เธอเสริมว่า ประเทศไทยยังคงขาดแคลนบุคลากรด้านสุขภาพจิตอย่างมาก โดยมีจิตแพทย์โดยรวมเพียงประมาณ 1.28 คน ต่อประชากร 100,000 คน ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของโลกประมาณ 9 คนต่อประชากร 100,000 คน แสดงให้เห็นว่าการเข้าถึงการดูแลเฉพาะทางยังเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไป และยากยิ่งกว่าสำหรับคุณแม่
(อ้างอิง: 1. อ้างอิง: กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ณ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 จากรายงาน https://www.thaihealthreport.com/th/articles_detail.php?id=167 2. WHO Mental Health Atlas 2017 https://www.who.int/publications/i/item/who-mental-health-atlas-2017 ดูข้อมูลได้ในหน้า 32 (Table 6.1) ที่ระบุค่า Median of Mental Health Workforce per 100 000 population)
"รัฐบาลควรพิจารณาเร่งรัดการสร้างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตให้เพียงพอ และพัฒนาระบบการคัดกรองและการส่งต่อผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณแม่ทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลที่เหมาะสมได้โดยไม่ถูกมองข้าม" คุณชนิตากล่าวเรียกร้อง
Mrs Thailand World นครนายก ได้ให้ 3 คำแนะนำที่คุณแม่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อสนับสนุนให้คุณแม่ทุกคนค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง
สำรวจใจตัวเอง ความสุขเริ่มต้นที่ความเข้าใจ "แม่ต้องถามตัวเองว่า 'ตอนนี้มีความสุขไหม?' ถ้ายัง อะไรจะทำให้ตัวเองมีความสุข" เธอกล่าวเน้นย้ำว่า การรู้จักและยอมรับความต้องการของตัวเองคือจุดเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การสังสรรค์กับเพื่อน หรือการมีเวลาส่วนตัวเพื่อทำกิจกรรมที่รัก สิ่งเหล่านี้คือการลงทุนเพื่อสุขภาพจิตที่ดีของแม่
จัดลำดับความสำคัญ สมดุลชีวิตที่แม่สร้างได้ "การจัดลำดับความสำคัญไม่ได้หมายถึงการทิ้งการดูแลลูกไปเลย" เธอกล่าวเสริม "แต่มันคือการบริหารจัดการเวลาและพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด" คุณแม่สามารถสร้างสมดุลระหว่างบทบาทหน้าที่กับการดูแลตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าละเลยหน้าที่ หากคุณแม่มีสุขภาพจิตที่ดี มีความสุขและมีพลังงานเต็มเปี่ยม ก็จะสามารถดูแลลูกและครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มที่กว่าเดิม
สื่อสารกับคนรอบข้าง สร้างความเข้าใจและขอการสนับสนุน เธอให้คำแนะนำว่า "แม่ควรบอกกับคนรอบข้างให้ตระหนักรู้และให้โอกาสแม่ได้ไปมีความสุขบ้าง" นี่คือการเปิดใจพูดคุยกับคู่ชีวิต พ่อของลูก หรือกับปู่ย่าตายายและญาติผู้ใหญ่ ให้เข้าใจว่าแม่เองก็ต้องการเวลาพักผ่อนและเติมพลัง การลดความคาดหวังที่ไม่จำเป็นจากคนรอบข้าง และการได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ จะช่วยลดแรงกดดันทางใจ และทำให้คุณแม่สามารถมีความสุขในแบบของตัวเองได้อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องแบกรับความรู้สึกผิดใดๆ อีกต่อไป
คุณชนิตา ศรีดาเกษ เครธอร์น Mrs. Thailand World นครนายก กล่าวทิ้งท้ายว่า "ถึงเวลาแล้วที่สังคมควรหันมาให้ความสำคัญกับ สุขภาพจิตและการมีความสุขของแม่ เพื่อสร้างครอบครัวที่เข้มแข็ง และสังคมที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน"
การประกวดรอบตัดสิน Mrs. Thailand World เพื่อคัดเลือกตัวแทนประเทศไทยจะจัดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ ณ แฟชั่นฮอลล์ แฟชั่นไอส์แลนด์ เวทีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม "Shine Your Aura" มุ่งเฟ้นหาและเชิดชูผู้หญิงที่มีศักยภาพและบทบาทในสังคม โดยเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่สมรสแล้วได้แสดงออกถึงความสามารถ ความคิด และคุณค่าที่เปล่งประกายจากภายใน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ ในสังคม และผู้ที่ได้รับตำแหน่ง Mrs Thailand World จะเป็นตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขัน Mrs World ที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกาต่อไป
เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 และเพื่อเฉลิมฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน ศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมกับ สมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กรุงเทพมหานคร และพันธมิตรภาครัฐและเอกชน จัดงาน “ทั่วหล้าเทิดไท้ ถวายใจสดุดี” ระหว่างวันที่ 25 – 28 กรกฎาคม 2568 ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M มหกรรมการแสดง ศิลปวัฒนธรรมอันเป็นมรดกล้ำค่าแห่งภูมิปัญญาทั้งจากไทยและจีน ยกระดับและผสานพลังแห่ง Soft Power และเชื่อมโยง สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพระหว่างสองชาติ ตื่นตากับไฮไลต์การแสดง สุดพิเศษ ที่ไม่ควรพลาด ดังนี้
กังฟูเส้าหลิน – ศิลปะการต่อสู้อันเลื่องชื่อทีโด่งดังไปทั่วโลกมีถิ่นกำเนิดจากเทือกเขาทรงซาน เมืองเติงเฟิงมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีอายุกว่า 1,500 ปี ถ่ายทอดท่วงท่าที่แข็งแกร่ง ผสานสมาธิและจิตวิญญาณแห่งเซน (วันละ 1 รอบการแสดง เวลา 18.30 – 19.30 น)
- การแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้ากากเสฉวน – การแสดงที่เปี่ยมมนตร์เสน่ห์จากสมาคมอุปรากรจีน ใช้เทคนิค เปลี่ยนหน้ากากในพริบตา
- การแสดงโขนเด็ก – ถ่ายทอดเรื่องราวรามเกียรติ์โดยนักแสดงตัวน้อย
- การแสดงมัจฉาลีลา - ถ่ายทอดเรื่องราวของฝูงปลาและนางสุพรรณมัจฉา โดยใช้ลีลานาฏศิลป์ไทยผสมผสานกับท่าทางของปลา
- การแสดงฟ้อนเทียน –การแสดงนาฏศิลป์ไทยที่สะท้อน ความอ่อนช้อย อันทรงเสน่ห์ จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
- การแสดงดนตรีสืบสายวัฒนธรรมไทย-จีน- การบรรเลงขับกล่อมบทเพลงผ่านเครื่องดนตรีที่สะท้อนวัฒนธรรมธรรมจีน “กู่เจิง” ในสไตล์จีนโบราณ ผสานการแสดงดนตรีไทยอย่าง ขิม และ ซอ
- การแสดงดนตรีออร์เคสตรา จากกรุงเทพมหานคร
- การแสดงดนตรีจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
สำหรับผู้สนใจ สามารถเข้าชมกิจกรรมได้ฟรี นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษ อาทิ รับสิทธิ์ชมการแสดง กังฟูเส้าหลิน รอบพิเศษ เพียงร่วมกิจกรรมบน Facebook: Siam Paragon และแลกรับของที่ระลึกเมื่อช้อปครบ 2,000 บาท (จำนวนจำกัดต่อวัน) ตลอดจนการสาธิตชงชาและลิ้มรสชาคุณภาพจากมูลนิธิโครงการหลวง
ขอเชิญประชาชนร่วมเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมชมการแสดงสุดตระการตาและสัมผัสมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของไทย-จีน ในงาน “ทั่วเหล้าเทิดไท้ ถวายใจสดุดี” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 25 – 28 ก.ค. 2568 (สำหรับวันเปิดงาน 25 ก.ค. 2568 การแสดงจะมีรอบ 16.00 น. ส่วนวันที่ 26-28 ก.ค.2568 การแสดงทั่วไปแบ่งเป็น 2 รอบ เวลา 13.00 น. และ 16.00 น. และการแสดงกังฟูเส้าหลิน มีวันละ 1 รอบเวลา 18.30-19.30 น.) ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-610-8000 หรือติดตามรายละเพิ่มเติม เฟสบุ๊ค : SIAMPARAGON
#LongLiveTheKing #SiamParagon #ทั่วหล้าเทิดไท้ถวายใจสดุดี #กังฟูเส้าหลิน