EXIM BANK ผนึก DITP ติดปีกผปก.ค้าออนไลน์ในอาเซียน “The Road to Global E-Commerce 2025”

วันที่ 24 กันยายน 2568 นางสาวศนิสา พลังตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายกฤษดา สิงหา นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ สำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัล ดร.เจษฎาพัญ ทองศรีนุช นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ สำนักยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นายกันตภณ พร้อมมูล ผู้จัดการฝ่ายพันธมิตรภาครัฐและปฏิบัติการ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด และนายสิริเชษฐ์ จิรพงษ์วัฒนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ จำกัด ร่วมเปิดโครงการ “The Road to Global E-Commerce 2025” เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้ก้าวสู่โอกาสทางการค้าระหว่างประเทศผ่านช่องทาง E-Commerce ในภูมิภาคอาเซียนบนแพลตฟอร์ม TOPTHAI และ Shopee International รวมถึงการสนับสนุนสิทธิประโยชน์โครงการ SMEs Pro-Active และถ่ายทอดประสบการณ์จริงและกลยุทธ์การทำธุรกิจจากผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยสามารถเข้าถึงตลาดการค้าออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ ผ่านองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อความสำเร็จทางธุรกิจ พร้อมเปิด EXIM Export Clinic ให้คำปรึกษาด้านการเงิน และการป้องกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ 

 

EXIM BANK จับมือพันธมิตรติดอาวุธผู้ส่งออกหน้าใหม่สู่ตลาดโลก

วันที่ 21 สิงหาคม 2568 นางสาวดรัสวันต์ ชูวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงลึกติดอาวุธผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลก ภายใต้โครงการ “Exporter Incubation Program 2025” โดยมีนางสาวณัฐรุจา ไชยกองละ นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการพิเศษ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานพันธมิตรและ EXIM BANK ร่วมเป็นวิทยากร ถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการส่งออกแก่ผู้ประกอบการไทยที่สนใจเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น สิทธิประโยชน์ทางการค้า มาตรฐานสินค้าส่งออก การจัดทำแผนธุรกิจให้สอดรับกับความไม่แน่นอนของการค้าโลก ภายในงาน EXIM BANK เปิดบูท EXIM Export Clinic ให้คำปรึกษาด้านการเงินและบริการประกันการส่งออก เพื่อเสริมสภาพคล่องและบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศให้ผู้ประกอบการไทยสามารถก้าวสู่ตลาดการค้าโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

EXIM Bank ออก 8 มาตรการรับมือภาษีทรัมป์ ดันส่งออกไทย รุกตลาดใหม่ ลดเสี่ยงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ

EXIM Bank ออก 8 มาตรการรับมือภาษีทรัมป์ ดันส่งออกไทย รุกตลาดใหม่ ลดเสี่ยงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ

วันที่ 3 ส.ค.68 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก มาตรการภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งครอบคลุมการเสริมสภาพคล่อง ลดต้นทุนทางการเงิน และช่วยกระจายความเสี่ยง โดย EXIM Bank เตรียมวงเงินช่วยเหลือผู้ส่งออก ให้ความช่วยเหลือสำหรับ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้

ส่วนที่ 1 บรรเทาผลกระทบจากตลาดเดิม ดังนี้
1. เสริมสภาพคล่องและลดต้นทุนทางการเงิน
• ขยายเทอมการชำระเงินสูงสุด 365 วัน: ยืดเวลาการชำระหนี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ส่งออก
• ลดอัตราดอกเบี้ยลงสูงสุด 20% จากอัตราเดิม: สำหรับสินเชื่อที่ได้รับการขยายเทอมการชำระเงิน และสินเชื่อที่มีการเบิกใช้ใหม่
• สินเชื่อหมุนเวียนทั้งก่อนและหลังการส่งออก: สินเชื่อหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องทั้งก่อนและหลังการส่งออก
• มาตรการพักชำระเงินต้น สูงสุด 1 ปี (Pre-emptive) สำหรับผู้ที่มีสินเชื่อระยะยาว และเริ่มมีการค้างชำระหนี้

2. ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
• สินเชื่อระยะยาวเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต (Transformation Loan): เป็นวงเงินระยะยาวสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุนการดำเนินงาน เช่น การปรับปรุงโรงงาน เครื่องจักร ระบบอัตโนมัติ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.75% (ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี)

ส่วนที่ 2 สนับสนุนการหาตลาดใหม่ ทดแทนตลาดเดิม ดังนี้
1. เปิดตลาดใหม่ ช่วยกระจายความเสี่ยง
• สินเชื่อหมุนเวียนหลังการส่งออกพร้อมประกันการส่งออก (EXIM Safe Trade): นอกจากการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแล้ว ผู้ส่งออกจะได้รับการชดเชยจากธนาคารหากไม่ได้รับชำระค่าสินค้าจากคู่ค้า อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี
• สินเชื่อเพื่อการร่วมงานแสดงสินค้า (EXIM-DITP Empower Financing): โดยเป็นเงินทุนหมุนเวียน สำหรับใช้จ่ายในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศเพื่อหาตลาดใหม่

2. คงการจ้างงานด้วยเงินหมุนเวียน Soft Loan
• สินเชื่อระยะยาวร่วมกับสำนักงานประกันสังคม: เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการให้แก่ SMEs เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.00% ต่อปีคงที่ 3 ปี

#EXIMBank #ภาษีทรัมป์ #ส่งออกไทย #สงครามการค้า #สินเชื่อส่งออก #ตลาดใหม่ #มาตรการรับมือ #เศรษฐกิจโลก #SMEไทย #ประกันการส่งออก #ดันส่งออกไทย

 

 

EXIM BANK ชี้อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ 19% ผลสำเร็จเจรจาทีมไทยแลนด์ หนุนภาคส่งออกไทยปี 68 ขยายตัวดีขึ้น

วันที่ 1 สิงหาคม 2568 นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ความสำเร็จการเจรจาของทีมไทยแลนด์ ภายใต้การนำของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการเจรจาลดอัตราภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐฯ ได้เหลือเพียง 19% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ นับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดโลก โดยอัตราภาษี 19% ที่ได้มานั้นใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งสำคัญ อาทิ เวียดนาม (20%) และเท่ากับมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ (19%) ขณะที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้แม้จะได้อัตราภาษีต่ำกว่าไทย (15%) แต่ยังมีต้นทุนการผลิตรวมสูงกว่าไทย

นายบัณฑิต เปิดเผยต่อไปว่า อัตราภาษี 19% ที่ได้รับจากสหรัฐฯ จะส่งผลดีต่อประเทศไทยในด้านการดึงดูดการลงทุนของต่างชาติ ทำให้ไทยจะยังสามารถรักษาฐานการผลิตและการลงทุนไว้ได้ รวมทั้งการลงทุนโดยตรงจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมใหม่ นอกจากนี้ ในด้านการค้าระหว่างประเทศ ไทยมีโอกาสช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากประเทศที่มีอัตราภาษีสูงกว่าไทย เช่น อินเดีย (25%) เม็กซิโก (25%) และยังอยู่ระหว่างการขยายการเจรจา และแคนาดา (35%) 
นายบัณฑิต กล่าวว่า ข่าวดีที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและแนวโน้มการขยายตัวของภาคส่งออกไทยในปี 2568 ตามที่ EXIM BANK เคยคาดการณ์ไว้ที่ 0.5-1.5% โดยมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าที่คาด ประกอบกับทำให้ผู้ส่งออกคลายความกังวลลงได้มาก แม้จะยังต้องเผชิญแรงกดดันด้านราคา โดยเฉพาะกลุ่มที่มี Margin ต่ำและ SMEs ที่ยังมีความเปราะบางทางธุรกิจ ทั้งนี้ ประเทศไทยยังต้องใช้สิทธิถิ่นกำเนิดสินค้าให้ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 40% จากกรณีสินค้าผ่านประเทศที่สามหรือแอบอ้างถิ่นกำเนิดเพื่อประกอบและส่งผ่าน  (Transshipped)

นายบัณฑิต กล่าวต่อไปว่า EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ได้ดำเนินการช่วยเหลือลูกค้า ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าระหว่างประเทศสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อบรรเทาผลกระทบจากนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่มีต่อผู้ประกอบการไทย อาทิ จัดตั้งคลินิกผู้ประกอบการ (EXIM Export Clinic) ให้คำปรึกษาแนะนำและช่วยเหลือผู้ส่งออกและนำเข้าที่ได้รับผลกระทบ โดยมีมาตรการเยียวยาผ่านการขยายระยะเวลาการชำระหนี้สูงสุด 365 วัน รวมถึงมาตรการเสริมสภาพคล่อง และปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขยายความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ขยายตลาดไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ

“ขอขอบคุณทีมไทยแลนด์ในความสำเร็จของการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทย และยกระดับศักยภาพของประเทศไทยบนเวทีเศรษฐกิจโลก รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นแก่พันธมิตรทางการค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดการค้าโลก ความร่วมมือในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและยาวนานระหว่างประเทศไทยและสหรัฐฯ ซึ่งได้ร่วมมือกันในหลากหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด โดย EXIM BANK พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน เคียงข้างผู้ประกอบการไทย สนับสนุนทั้งด้านการเงินและเครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งในตลาดการค้าหลักและตลาดใหม่ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยในทุกมิติ” นายบัณฑิต กล่าว

EXIM BANK ออก 6 มาตรการเร่งด่วน “พักหนี้-เติมทุน” ช่วยผู้ประกอบการชายแดนรับผลกระทบไทยกัมพูชา

EXIM BANK ออก 6 มาตรการเร่งด่วน “พักหนี้-เติมทุน” ช่วยผู้ประกอบการชายแดนรับผลกระทบไทยกัมพูชา

วันที่ 25 ก.ค.68 นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากเหตุปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่และขยายวงกว้างไปสู่ภาคเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทยในพื้นที่ EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบในระยะสั้น ตั้งแต่การยืดหนี้ เติมทุน และผ่อนปรนเงื่อนไขวงเงินกู้เดิม ไปจนถึงมาตรการระยะกลาง กระตุ้นการส่งออกไปตลาดใหม่ เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทยก้าวผ่านความยากลำบากและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ดังนี้

มาตรการระยะสั้น มุ่งเน้นการช่วยเหลือตามความต้องการของกิจการ
• กรณีมีภาระคงค้างกับ EXIM BANK : ขยายระยะเวลาการชำระหนี้สูงสุด 365 วัน ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระหว่างขยายระยะเวลาได้ 20% จากอัตราเดิม หรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระเงิน โดยการพักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี หรือขยายระยะเวลาชำระหนี้สูงสุด 5 ปี

• กรณีต้องการเบิกกู้ใหม่เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ : 
- ลูกค้าปัจจุบัน สามารถขอวงเงิน Top up เพิ่มได้อีกสูงสุด 30% ของวงเงินหมุนเวียนเดิมที่มีกับ EXIM BANK อัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นเพียง 2.99% ต่อปี (Prime Rate -3.16%) 
- ลูกค้ารายใหม่ สามารถขอสินเชื่อ EXIM Export Booster เป็นวงเงินหมุนเวียนก่อนและหลังการส่งออก กู้ได้สูงสุด 200 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 3.99% ต่อปี (Prime Rate -2.16%) 

• กรณีต้องการรักษาการจ้างงาน : EXIM BANK ร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคมให้เงินกู้ระยะยาวสินเชื่อเอ็กซิมเพื่อส่งเสริมการจ้างงานระยะที่ 3 อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 2.00% ต่อปี คงที่ 3 ปี

มาตรการระยะกลาง มุ่งสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ลดการพึ่งพิงตลาดเดิม 

• เงินทุนหมุนเวียนเพื่อเปิดตลาดใหม่ : EXIM BANK ร่วมกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สนับสนุนการออกงานแสดงสินค้า ผ่านสินเชื่อ EXIM-DITP Empower Financing อัตราดอกเบี้ย 6.15% ต่อปี (Prime Rate) และ EXIM Safe Trade Credit เงินทุนหมุนเวียนหลังการส่งออก พร้อมประกันการส่งออก อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.99% ต่อปี (Prime Rate -2.16%) ผู้ประกอบการจะได้รับชดเชยความเสียหายกรณีไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ

• เงินทุนระยะยาวเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รองรับตลาดใหม่ (Transformation Loan) : ระยะเวลากู้ 3-10 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยสำหรับ SMEs 5.68% ต่อปี 

• พิเศษ! สำหรับผู้เอาประกันกับ EXIM BANK จะได้รับยกเว้นค่าวิเคราะห์ข้อมูลผู้ซื้อจำนวน 5 ราย เพื่อสนับสนุนการเปิดตลาดใหม่อย่างมั่นใจ 

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย Prime Rate (สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs) ของ EXIM BANK ในปัจจุบันเท่ากับ 6.15% ต่อปี

“EXIM BANK ขอส่งความห่วงใย เป็นกำลังใจให้ทหารไทย และพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน ขอให้ทุกท่านปลอดภัยและผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน ลูกค้าและผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการค้าระหว่างประเทศ สามารถรับปรึกษา หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999 หรือ Inbox Facebook ‘EXIM Bank of Thailand’”

#EXIMBANK #พักหนี้เติมทุน #สินเชื่อเพื่อส่งออก #ไทยกัมพูชา #ช่วยผู้ประกอบการ #EXIMExportBooster #วิกฤติชายแดน #มาตรการด่วนEXIM #สงครามชายแดน #SMEไทย #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้

EXIM BANK ปลื้ม ออกพันธบัตรสกุลบาท มูลค่า 6,000 ล้าน ตอกย้ำบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการเสนอขายพันธบัตรสกุลบาท จำนวน 2 ชุด เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ (II/HNW) อย่างท่วมท้น ด้วยยอดจองซื้อรวมสูงกว่า 2.4 เท่าของมูลค่าเสนอขายรวม 6,000 ล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง สนับสนุนการดำเนินภารกิจสนับสนุนและส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศของผู้ประกอบการไทย ขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การออกพันธบัตรในครั้งนี้เป็นการเสนอขายพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) รุ่นแรกของธนาคาร จำนวน 3,000 ล้านบาท สานต่อการเสนอขายพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน มูลค่ารวม 14,500 ล้านบาท ตอกย้ำบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและโลกโดยรวม

การออกพันธบัตรมีธนาคารออมสินและธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายพันธบัตร โดยแบ่งเป็น 2 ชุด ได้แก่
• พันธบัตรเพื่อความยั่งยืนของ EXIM BANK ครั้งที่ 1/2568 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2571 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.78% ต่อปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท
• พันธบัตรของ EXIM BANK ครั้งที่ 1/2568 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2573 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.90% ต่อปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท 

“พันธบัตรเพื่อความยั่งยืนในครั้งนี้เป็นการระดมทุนเพื่อนำไปใช้ขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว (Green Bond) ผนวกกับการระดมทุนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม (Social Bond) เพื่อนำไปใช้สนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และธุรกิจ SMEs ของไทยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลกอย่างยั่งยืน สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต่อยอดความเข้มแข็งตั้งแต่เศรษฐกิจฐานรากเชื่อมโยงกับ Global Supply Chain” นายบัณฑิต กล่าว

 

EXIM BANK หารือ ธนาคารแห่ง สปป.ลาว สนับสนุนการค้าการลงทุนไทย-สปป.ลาว

วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 นางวรางคณา วงศ์ข้าหลวง และนายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เข้าเยี่ยมคารวะและแสดงความยินดีกับท่านนางบุนคำ วอละจิด ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่ง สปป.ลาว (BOL) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจ ข้อมูลการค้าและการลงทุน พร้อมทั้งหารือแนวทางขยายความร่วมมือในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยใช้เงินกีบเป็นเงินสกุลหลักในการดำเนินธุรกิจและหมุนเวียนในกิจการ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการใช้เงินสกุลกีบใน สปป.ลาว รวมทั้งลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยมี Standby Letter of Credit (SBLC) จาก EXIM BANK เป็นหลักประกัน โดยมีการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อให้แก่บริษัท เบทาโกร (ลาว) อาหารสัตว์ จำกัด เป็นโครงการนำร่อง ภายใต้การลงนามสัญญาสนับสนุนทางการเงินระหว่าง EXIM BANK และธนาคารการค้าต่างประเทศลาว มหาชน (BCEL) ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว เมื่อเร็ว ๆ นี้

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 4 ก.ค.68

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 4 ก.ค.68

-นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมปิดการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์เที่ยวไทยคนละครึ่ง และแอป Amazing Thailand โดยจะให้ย้ายไปลงทะเบียนผ่าน แอปฯทางรัฐแทน หลังมีปัญหาระบบการลงทะเบียนและเข้าใช้งานตั้งแต่เปิดโครงการเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากการยืนยันตัวตนผ่าน ThaiID มีความขัดข้อง ตอนนี้ระบบค่อนข้างสับสน 

-นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานเผยว่า แม้ขณะนี้สงครามตะวันออกกลางเริ่มคลี่คลาย ทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง แต่ยังคงติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งมั่นใจว่าประเทศไทยยังมีสำรองน้ำมันเพียงพอที่ 60 วัน ทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จูป ขณะที่นำเข้า LNG ผ่านฮอร์มุซยังไร้ปัญหา

-ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK ร่วมมือกับภาครัฐ เดินหน้าโครงการคุณสู้ เราช่วย เฟส 2 ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่มีวงเงินสินเชื่อไม่สูงนัก ให้รักษาทรัพย์สินประเภทที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ รวมถึงกิจการ SMEs รายย่อย มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ และปิดจบหนี้ได้เร็ว 

 

 

EXIM BANK ผนึกกำลังภาครัฐ ช่วยลูกหนี้กลุ่มเปราะบางฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2”

EXIM BANK ผนึกกำลังภาครัฐ ช่วยลูกหนี้กลุ่มเปราะบางฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2”

วันที่ 4 ก.ค.68 นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ร่วมมือกับภาครัฐ เดินหน้าโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2” ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่มีวงเงินสินเชื่อไม่สูงนัก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินประเภทที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ รวมถึงกิจการ SMEs รายย่อย มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ และปิดจบหนี้ได้เร็ว โดยสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงและยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่เผชิญกับปัญหาในการชำระหนี้

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้พิจารณาขยายขอบเขตและเพิ่มเติมมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและลูกหนี้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2” เพื่อให้มาตรการให้ความช่วยเหลือครอบคลุมลูกหนี้ได้มากขึ้น โดยยังคงวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือให้ลูกหนี้มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติในระยะข้างหน้าเมื่อรายได้ฟื้นตัว หรือสามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งแนวทางป้องกันมิให้ลูกหนี้เสียวินัยในการชำระหนี้ (Moral Hazard) และส่งเสริมวินัยทางการเงินควบคู่ไปด้วย อันจะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

สำหรับโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” เฟส 2 ช่วยเหลือลูกหนี้ SME ที่มีวงเงินไม่สูง ปรับโครงสร้างหนี้แบบ “ลดค่างวด” และ “พักภาระดอกเบี้ย” เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยค่างวดที่จ่ายนำไปตัดชำระเงินต้นทั้งหมด ขณะที่ดอกเบี้ยที่พักไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปี จะได้รับการยกเว้น หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอดระยะเวลาของมาตรการ (ชำระเงินตรงเวลาและไม่กู้เพิ่มในช่วง 12 เดือนแรกของการเข้าโครงการ) โดยขยายคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้ามาตรการให้ครอบคลุมถึง 1) ลูกหนี้ที่มีวันค้างชำระเกิน 365 วัน และ 2) ลูกหนี้ที่เคยมีประวัติค้างชำระน้อยกว่าที่กำหนดในระยะที่ 1 คือ เคยค้างชำระ 1-30 วัน และเคยปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่วงเงินไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน และสถานประกอบการไว้ได้

EXIM BANK พร้อมเป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลือ เยียวยา และส่งเสริมผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน แม้เผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999 หรือ Inbox Facebook “EXIM Bank of Thailand”                                                                      

#EXIMBANK #กลุ่มเปราะบาง #ข่าววันนี้ #คุณสู้เราช่วยเฟส2 #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ 

 

 

EXIM BANK จับมือ DITP หนุนผู้ส่งออกไทยบุกตลาดใหม่อย่างมั่นคงและยั่งยืน

วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ร่วมเปิดงาน “EXIM-DITP Join Forces : Turning Trade Barrier into Bridges เปิดตลาดใหม่ ไร้กำแพงภาษี” จัดโดย EXIM BANK ร่วมกับ DITP พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลง “ความร่วมมือในการเสริมแกร่งผู้ส่งออกไทยสู่การเติบโตในเวทีโลกอย่างยั่งยืน” เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการเสริมศักยภาพและทรัพยากรระหว่างกัน โดยมีวิทยากรจาก EXIM BANK, DITP และผู้ประกอบการ ร่วมเสวนาหัวข้อ “Break the Barrier : บุกตลาดโลก ปักหมุดตลาดศักยภาพ” ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568

EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง นำเสนอเครื่องมือทางการเงิน “EXIM Global Growth Package” สนับสนุนให้ผู้ส่งออกไทยก้าวสู่ตลาดใหม่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ประกอบด้วย EXIM-DITP Empower Financing เงินทุนหมุนเวียนเพื่อสนับสนุนผู้ส่งออกในการร่วมงานแสดงสินค้า เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดในต่างประเทศ วงเงินสินเชื่อสูงสุด 400,000 บาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับวงเงินไม่เกิน 200,000 บาท EXIM Shield Financing เงินทุนหมุนเวียนทั้งก่อนและหลังส่งออก พร้อมบริการรับประกันการส่งออก ลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ วงเงินรับซื้อหลังการส่งออกสูงสุดถึง 50 ล้านบาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และบริการสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Foreign Exchange Forward Contract) เพื่อช่วยผู้ประกอบการบริหารจัดการและป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ภายใต้สภาวะตลาดเงินที่มีความผันผวนสูง