ปิดงาน Smart SME EXPO 2024 เจรจาธุรกิจเฉียด 300 คู่ ยอดสินเชื่อพุ่ง 881.92 ล้าน หนุนยอดสะพัดกว่า 1,263 ล้าน

ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยสำหรับงานแฟรนไชส์แห่งปี Smart SME EXPO 2024 สร้างปรากฏการณ์เซอร์ไพรส์กลางปี ยอดเจรจาจับคู่ธุรกิจเฉียด 300 คู่  ขณะที่ยอดขอสินเชื่อในงานทะลุ 881.92 ล้านบาท มีคนร่วมงานตลอดทั้ง 4 วันรวมทั้งสิ้น 47,102 ราย ดันยอดเงินสะพัดในงานทั้งสิ้น 1,263 ล้านบาท

นางสาวณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด สรุปผลการจัดงานแสดงแฟรนไชส์ธุรกิจแห่งปี Smart SME EXPO 2024 ที่จัดเมื่อวันที่ 4-7 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า “สำหรับการจัดงานที่ผ่านมา ผลตอบรับค่อนข้างดี สวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ซบเซา  โดยมียอดคนเข้าชมงานตลอดทั้ง 4 วัน รวม 47,102 คน มีผู้สนใจเข้าอบรมอาชีพล้นห้องอบรม ร่วม 200 คน  ไม่ว่าจะเป็นเวิร์กชอปเบเกอรี่กับโรงเรียนสอนทำขนมอบและอาหาร UFM  ซูชิสร้างอาชีพกับซูชิฮานะ  และรวยด้วยวุ้นเงินล้านกับวุ้นพุงพลุ้ย สะท้อนให้เห็นว่ามีผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้อาชีพเพื่อนำไปต่อยอดและสร้างรายได้ให้ตัวเองเพิ่มมากขึ้น" 

สำหรับแฟรนไชส์ที่มียอดจองติดโผได้รับความนิยมในงาน ได้แก่ หมูสะเต๊ะบีบี,  ลูกชิ้นแม่ประณาม , COCO Walk, โคตรปั่นสมูทตี้โยเกิร์ต  เพนกวินชานมไข่มุก,  Ai-CHA , 24 Coffee Start Up,ลูกชิ้นพิษณุโลกราม่า,หมูทอดในตำนาน,  ถุงเท้า Socksy , กงสีทีบาร์, 39 Ramen, MOMO SHAKE,ก๋วยเตี๋ยวเรือปัญจะรส, Bean Bean ถั่วปั่นเพื่อสุขภาพ, ไผ่ทองสเตชั่น, เจ้พงษ์ลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์, มารุชา ,ผัดไทภูเขาไฟ, ผัดหมี่พิมายลุงนาย,Advance Vending, VJ Speed Queen, SABUY TECH, Laundry Station และ 24 wash

ส่วนยอดขอสินเชื่อในงานก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน รวมยอดจองสินเชื่อในงานทั้งสิ้น 881.92 ล้านบาท ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ครองอันดับหนึ่งยอดจองสินเชื่อสูงสุดมูลค่ารวม 568.20 ล้านบาท  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย มียอดจองสินเชื่อ 224.10 ล้านบาท   ธนาคารออมสินมียอดจองสินเชื่อ 89.62 ล้านบาท  และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จัดยอดค้ำประกันสินเชื่อในงานรวม 6.9 ล้านบาท  

ขณะที่อีกหนึ่งไฮไลท์ของงาน คือกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ ที่ได้รับความร่วมมือจาก โมเดิร์นเทรด ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ รวมทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดัง ทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมจับคู่ธุรกิจมากมาย  โดยภายในงานสามารถเจรจาจับคู่ธุรกิจได้มากถึง 231คู่  เป็นการจับคู่กับคู่ค้าภายในประเทศไทย 69 คู่ และการจับคู่กับคู่ค้าต่างประเทศรวม 66 คู่ ขณะที่จับคู่เจรจาทำเลทอง 84 คู่ และให้คำปรึกษาด้านการส่งออก 12 คู่  โดยธุรกิจที่เป็นที่ต้องการของโมเดิร์นเทรดและภาคส่งออกมากที่สุดได้แก่ ขนมขบเคี้ยว รองลงมาคือ อาหารแปรรูป และ สกินแคร์ ส่วนธุรกิจที่มีผู้สนใจเข้าร่วมเจรจาจับคู่ธุรกิจสูงสุดคือ อาหารแปรรูป รองลงมาคือ ธุรกิจความงาม และธุรกิจผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค

"ภาพรวมการจัดงาน Smart SME EXPO 2024 ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จสมความตั้งใจ เพราะเรามุ่งหวังให้งานนี้เป็นอีกหนึ่งเวทีที่เปิดโอกาสให้คนที่มองหาธุรกิจได้ไอเดียธุรกิจใหม่ๆ รวมทั้งมองเห็นช่องทางในการต่อยอดสร้างอาชีพและสร้างรายได้  เรียนรู้ที่จะปรับตัวพร้อมรับมือลุกขึ้นสู้ตั้งรับกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวในปัจจุบัน การจัดงานในครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยดีเพราะความร่วมมือของพันธมิตรหลายภาคส่วน ที่ผนึกกำลังนำโซลูชั่นส์ดีๆช่วยเหลือเอสเอ็มอีในงาน ในนามผู้จัดงานต้องขอขอบคุณเหล่าพันธมิตรจากใจจริง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือเช่นนี้ ในการสร้างเวทีให้เอสเอ็มอีไทยได้ขยาย ต่อยอด และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในทุกงานตลอดไป” นางสาวณรินณ์ทิพกล่าว

ทั้งนี้่พบกันอีกครั้งกับงานแฟรนไชส์แห่งปี Smart SME EXPO 2025  ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-6 กรกฎาคม 2568 ณ ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็คเมืองทองธานี  รวมทั้งยังมีงานมหกรรมชี้ช่องรวยแฟรนไชส์ ครั้งที่ 16 จัดระหว่างวันที่ 3-9 กันยายน 2567 ที่เซ็นทรัล เวสต์เกต และปิดท้ายสิ้นปีด้วยงานมหกรรมชี้ช่องรวยแฟรนไชส์ ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 5-8 ธันวาคม 2567 ที่เซ็นทรัล พระราม 2  และที่จะจัดขึ้นเร็ว ๆนี้กับงานสุขภาพแห่งปี THAILAND WELLNESS & HEALTHCARE EXPO 2024  ระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2567 ณ ฮอลล์ 99 ไบเทค บางนา 

        

 

 

 

ข่าวดี! ธ.ก.ส.เติม 1.5 หมื่นล้านขับเคลื่อนสินเชื่อ Contract Farming ระยะที่ 2 ยกระดับมาตรฐานเกษตรไทย

ธ.ก.ส.เดินหน้าสินเชื่อเพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) ระยะที่ 2 วงเงินรวม 1.5 หมื่นล้านบาท หนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร นำไปเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนและลงทุนในการยกระดับการผลิตให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน รวมถึงใช้ชำระหนี้เดิมที่เกิดจากการประกอบธุรกิจ สนใจแจ้งความประสงค์และสอบถามเพิ่มเติมที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2572

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อเพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) ระยะที่ 2 วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรภายใต้ระบบเกษตรพันธสัญญา ทั้งประเภทพืชและสัตว์ ให้สามารถนำไปพัฒนากระบวนการผลิต เพิ่มผลผลิตให้มีคุณภาพสูงและมีมาตรฐาน รวมถึงมีตลาดรองรับที่แน่นอน ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นและสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน คุณสมบัติผู้กู้ ได้แก่ บุคคลทั่วไป เกษตรกร นิติบุคคล กลุ่มบุคคล กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร ที่ประกอบธุรกิจทางการเกษตรหรือเป็นคู่สัญญากับผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตร โดยกู้เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียน ค่าลงทุนในการดำเนินโครงการ หรือชำระหนี้สินเดิมที่เกิดจากการประกอบธุรกิจภายใต้ระบบเกษตรพันธสัญญาที่มีสถานะหนี้ปกติ อัตราดอกเบี้ยตามประเภทลูกค้า ได้แก่ MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.975) MLR (ปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ 6.125) หรือ MOR (ปัจจุบัน MOR เท่ากับร้อยละ 7.125) ระยะเวลาชำระคืน กรณีเป็นค่าใช้จ่ายไม่เกิน 12 เดือน พิเศษไม่เกิน 18 เดือน กรณีเป็นค่าลงทุน ชำระคืนภายใน 15 ปี และสำหรับชำระหนี้สินเดิม ชำระภายใน 10 ปี พิเศษไม่เกิน 12 ปี แต่ไม่เกินกำหนดชำระตามสัญญาเดิม

     

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มุ่งสู่แกนกลางการเกษตร เพื่อยกระดับภาคเกษตรไทย ด้วยการสนับสนุนเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ ควบคู่กับการเสริมสร้างอาชีพและจัดหาตลาดรองรับผลผลิต เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร และยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน โดย ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนสินเชื่อภายใต้ระบบเกษตรพันธสัญญา    ไปแล้ว จำนวน 2,365 ราย เป็นเงินกว่า 12,656 ล้านบาท ผู้สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ได้แล้วตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มีนาคม 2572 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และ Call Center 02-555-0555

#ธกส #ข่าววันนี้ #สินเชื่อ #ContractFarming #สินค้าเกษตร

 

"SME D Bank" เปิดตัว 4 สินเชื่อใหม่ อัดฉีด 2 หมื่นล. เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ อุ้มเอสเอ็มอี พัฒนาคู่เงินทุนสร้างฐานยั่งยืน 

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาล กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเข้าถึงเงินทุน คว้าโอกาสธุรกิจเติบโตได้เต็มศักยภาพในช่วงครึ่งหลังปี 2567  จากการใช้จ่ายภาครัฐ หลัง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2567 มีผลบังคับใช้ ภาคท่องเที่ยวเติบโต โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้น SME D Bank จัดแพ็กเกจ “เติมทุนคู่พัฒนา” ไว้พร้อมบริการ ประกอบด้วย "ด้านการเงิน" ผ่าน 4 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท  มีจุดเด่นเข้าใจทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ช่วยให้มีเงินทุนไปเสริมสภาพคล่อง ยกระดับกิจการวางรากฐานสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตั้งเป้า สร้างประโยชน์ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนกว่า 10,000 กิจการ เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 90,000 ล้านบาท นำไปสู่การสนับสนุนเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง

สำหรับ 4 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ครอบคลุมทุกกลุ่มเอสเอ็มอี ตั้งแต่รายย่อย (Micro) รายย่อม (Small) และรายกลาง (Medium) วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 2.99% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 15 ปี และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน ได้แก่ สินเชื่อ "SME Refinance Plus" วงเงิน 5,000 ล้านบาท ช่วยลดต้นทุนการเงิน ผ่อนหนักเป็นเบา , สินเชื่อ "BCG Economy" วงเงิน 3,000 ล้านบาท สนับสนุนยกระดับธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืน , สินเชื่อ "Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้" วงเงิน 10,000 ล้านบาท ผ่อนปรนเงื่อนไข  ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำธุรกิจ 1 ปีก็กู้ได้ และสินเชื่อ "เสริมสภาพคล่องผู้รับเหมา" วงเงิน 2,000 ล้านบาท สนับสนุนเข้าถึงงานจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี  

นอกจากนั้นยังมีแคมเปญเสริม สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่เคยใช้สินเชื่อของ SME D Bank มาก่อน เมื่อยื่นกู้สินเชื่อและใช้วงเงิน ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ภายในเดือนกันยายน 2567 รับ Cash Back ค่าวิเคราะห์โครงการ มูลค่าสูงสุด 5,000 บาท

ขณะเดียวกัน ยังมอบบริการ "ด้านการพัฒนา" เสริมแกร่งธุรกิจครบวงจร ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ให้บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ด้วย 5 ฟีเจอร์สำคัญ ได้แก่ Business Health Check ระบบตรวจประเมินสุขภาพธุรกิจ, E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้สำคัญ ช่วยเพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชม., SME D Coach ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพ , SME D Activity ระบบจองเข้าร่วมกิจกรรมเติมความรู้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี, SME D Market ขยายตลาดด้วย E-marketplace และจับคู่ธุรกิจ  อีกทั้ง ยังมี  SME D Privilege สิทธิประโยชน์พิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย ตั้งเป้ามีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ามาใช้ประโยชน์ในแพลตฟอร์ม กว่า 20,000 ราย

ทั้งนี้ผู้ประกอบการแจ้งความประสงค์รับบริการด้านการเงินและการพัฒนาจาก SME D Bank ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น LINE Official Account : SME Development Bank  เว็บไซต์ www.smebank.co.th สาขา  SME D Bank ทั่วประเทศ เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357

ธ.ก.ส. เปิดตัวระบบ LPS เพิ่มประสิทธิภาพการให้สินเชื่อด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2567 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานในงานเปิดตัวระบบการให้สินเชื่อ (Loan Processing System : LPS) ระยะที่ 1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับการให้บริการของธนาคาร (Digital Services) ให้เป็นไปตามมาตรฐานและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ธนาคารในการเพิ่มขีดความสามารถองค์กรและบุคลากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

ในโอกาสนี้ ได้ร่วมสื่อสารการใช้งานระบบการให้สินเชื่อ LPS ระยะที่ 1 เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับพนักงาน ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ ในการนำระบบ LPS ไปปรับใช้ในการให้สินเชื่อทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของ ธ.ก.ส. ในการยกระดับการให้บริการทางการเงิน และการมุ่งไปสู่แกนกลางทางการเกษตร (Essence of Agriculture) ประกอบด้วย 1) การสนับสนุนเงินทุนเพื่อการเกษตร (Funding) 2) การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี (Technology) 3) การพัฒนาตลาดและองค์ความรู้ (Knowledge and Marketing) และ 4) การยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ (Value Added) โดยมีนายยุวพล วัตถุ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกิจกรรม ณ ห้องโถง ชั้น 2 อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่

 

"กรุงไทย" มัดรวมโปรเด็ด “สินเชื่อ-เงินฝาก” บุกแดนอีสานในงาน Thailand Smart Money อุบลราชธานี

 

ธนาคารกรุงไทย มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าทุกกลุ่ม เดินหน้าส่งผลิตภัณฑ์ทางการเงิน พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษ เอาใจลูกค้าแดนอีสาน ในงาน Thailand Smart Money อุบลราชธานี ครั้งที่ 10 ชูแนวคิด “Empowering Tomorrow พลิกการเงินดิจิทัล สู่อนาคต” ณ ลานโปรโมชัน ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซนทรัล อุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 12-14 กรกฎาคม 2567 เพื่อสนับสนุนประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างครบวงจร

สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ที่จัดโปรโมชันพิเศษภายในงาน ได้แก่ เงินฝาก Krungthai NEXT Savings ขยายวงเงินฝากตั้งแต่บาทแรกถึง 2 ล้านบาท รับดอกเบี้ยสูง 1.5% ต่อปี เมื่อเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT สมัครบัตรเดบิตกรุงไทย รับส่วนลดค่าธรรมเนียมการออกบัตร สูงสุด 600 บาท

สินเชื่อกรุงไทย Smart Money วงเงินสูง ดอกเบี้ยถูกใจ ไม่ต้องค้ำประกัน ผ่อนเพียงหมื่นละ 10 บาทต่อวัน  ให้วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน สูงสุด 1 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน ไม่มีบัญชีเงินเดือนกับ ธนาคารกรุงไทยก็กู้ได้ เพียงมีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป (อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 20% – 24% ต่อปี) สินเชื่อ อเนกประสงค์ สำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ รับเงินก้อนใหญ่ ผ่อนนาน 20 ปี ดอกเบี้ยพิเศษ วงเงิน สูงสุด 2 ล้านบาท ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน (อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 8.32% - 11.32% ต่อปี*) สินเชื่อ SME วงเงินสูง x3 ให้วงเงินสูงถึง 3 เท่า ของมูลค่าหลักประกัน กรณีไม่มีหลักประกันกู้ได้สูงสุด 3 ล้านบาท

สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบ้านกรุงไทย ดอกต่ำ โดนใจ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 3 ปี เริ่มต้นปีแรก 1.99% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 100% กู้ได้นานสูงสุด 40 ปี (อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 5.24% - 5.43% ต่อปี**) สินเชื่อกรุงไทยบ้านแลกเงิน เปลี่ยนบ้านเป็นเงิน ช่วยแบ่งเบาภาระ ดอกเบี้ยเริ่มต้นปีแรก 6.05% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 20 ล้านบาท กู้ได้นานสูงสุด 30 ปี (อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 6.80% - 8.55% ต่อปี**) สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 5 ปี เริ่มต้นปีแรก 2% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 100% กู้ได้นาน 40 ปี (อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 4.78% - 4.96% ต่อปี**)

ทรัพย์สินพร้อมขาย Krungthai NPA เหมาเหมา ซื้อสินทรัพย์ราคาพิเศษ เมื่อเหมาทรัพย์ตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป ซื้อที่อยู่อาศัย ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท รับสิทธิลดค่าธรรมเนียมโอนบ้าน เหลือ 1% พร้อมลดค่าจดจำนองเหลือ  0.01% เงื่อนไขตามมาตรการภาครัฐ

ด้านการวางแผนเพื่อสุขภาพและการลงทุน ภายในงานยังมี บูธตรวจสุขภาพกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต และสิทธิพิเศษ เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตภายในงาน กรมธรรม์ที่นำส่งและอนุมัติภายในวันที่ 12-14 กรกฎาคม 2567 รับของที่ระลึกร่มพับ 1 คัน เมื่อซื้อประกันภัยรถยนต์ Car Protect ประกันภัยทรัพย์สินสบาย ใจ หรือ ประกันภัยบ้าน  Home Beyond ของบมจ.ชับบ์สามัคคีประกันภัย เบี้ยประกันภัย 5,000 บาทขึ้นไป รับบัตร Starbucks E-Coupon มูลค่า 150 บาท เมื่อซื้อประกันภัย ออฟฟิศซินโดรม สมาร์ทแคร์ เบี้ยประกันภัย 5,000 บาทขึ้นไป ซื้อผลิตภัณฑ์ประกัน วินาศภัยของ บมจ.ทิพยประกันภัย เบี้ยประกันภัย 5,000 บาทขึ้นไป รับ TIP Shopping Bag เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ KTX ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT และมียอดเทรดครบ 50,000 บาท ภายใน 30 วัน รับ Tops e-Voucher มูลค่า 200 บาท ลงทุนภายในงาน ตั้งแต่ 400,000 บาทขึ้นไป  รับกระเป๋าถืออเนกประสงค์ เปิดบัญชีเงินฝาก Krungthai Care Savings ขั้นต่ำ 1,000 บาท คุ้มครองอุบัติเหตุ 24 ชั่วโมงทั่วโลก 25 เท่า ของยอดเงินฝากคงเหลือ สูงสุด 2.5 ล้านบาท รับประกันภัยโดย บมจ.กรุงไทยพานิชประกันภัย

ทั้งนี้ธนาคารกรุงไทย ดำเนินการตามมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมให้ความรู้สร้างวินัยทางการเงิน  กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินอย่างยั่งยืน อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง MRR  อยู่ที่ 7.57% ต่อปี (ณ วันที่ 20 พ.ย. 66) | อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้  อัตราดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 7.05% ต่อปี (ณ วันที่ 20 พ.ย. 66)  อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้  เงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.krungthai.com

#กรุงไทย #ข่าววันนี้ #สินเชื่อ #ThailandSmartMoneyอุบลราชธานี

 

 

 

"เอสเอ็มอี" กังวลต้นทุนเพิ่ม ฉุดดัชนีเชื่อมั่น Q2 ลด หวังมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ลดผลกระทบพิษ ศก.

SME D Bank จับมือ ม.ธรรมศาสตร์ เผยผลสำรวจดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี ไตรมาส 2/67 ภาพรวมปรับลดลงจากปัจจัยความกังวลต้นทุนการประกอบธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ 3 เดือนข้างหน้า เชื่อมั่นฟื้นจากคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจจะดีขึ้น พร้อมหวังภาครัฐมีการออกมาตรการช่วยผู้ประกอบการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และกระตุ้นกำลังซื้อในระบบ ทั้งนี้ SME D Bank พร้อมตอบโจทย์ เดินหน้าลดภาระการเงินด้วยสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ คู่ช่วยพัฒนายกระดับธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า SME D Bank โดยศูนย์วิจัยและข้อมูล ธพว.ร่วมกับสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เผยผลสำรวจ “ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs ต่อเศรษฐกิจและธุรกิจไตรมาส 2/2567 และคาดการณ์อนาคต” จากการสำรวจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกประเภทอุตสาหกรรม จำนวนกว่า 500 ตัวอย่าง พบว่า ภาพรวมดัชนีเชื่อมั่นฯ ไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ระดับ 52.06 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสที่1/2567 ที่อยู่ในระดับ 52.36 เนื่องจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความกังวลที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะด้านต้นทุนการประกอบการและปริมาณสินค้าคงคลัง ทั้งนี้ ปัจจัยกดดันสำคัญ ได้แก่ ด้านต้นทุนการประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังขาดความชัดเจน กำลังซื้อของลูกค้าที่ลดลง และประเด็นอื่นๆ เช่น ขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น  

ทั้งนี้เมื่อแยกพิจารณาตามประเภทอุตสาหกรรม เอสเอ็มอีด้านการผลิต ประมาณ 55% มีความเชื่อมั่นสูงกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากไตรมาส 2/2567 เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศ และการส่งออก ทำให้ธุรกิจการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเชื่อมั่นว่า ผลประกอบการและสภาพคล่องของธุรกิจการผลิตจะดีขึ้น และเชื่อมั่นจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจการผลิตในภาคการเกษตร มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังคงมีความเชื่อมั่นต่ำที่สุด และต่ำกว่าธุรกิจอื่น เช่นเดียวกับในไตรมาสที่ 1/2567 ที่ผ่านมา


ส่วนคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 3/2567) ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความเชื่อมั่นโดยภาพรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 58.60 โดยเพิ่มขึ้นในเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะด้านผลประกอบการ จำนวนคำสั่งซื้อ ราคาขายของสินค้า สภาพคล่องของธุรกิจ และปริมาณการผลิต เนื่องจากคาดการณ์เศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านต้นทุนการประกอบการยังคงอยู่ในระดับเดิม

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนอย่างทันท่วงที โดยมาตรการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มวิสาหกิจรายย่อย (Micro) และกลุ่มวิสาหกิจขนาดย่อม (Small)  ต้องการมากที่สุดคือ มาตรการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ในขณะที่ กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลาง (Medium) ต้องการมาตรการเงินลงทุนยกระดับมาตรฐาน หรือปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

นายพิชิต กล่าวสรุปว่า จากผลสำรวจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจยังไม่สนับสนุนให้เอสเอ็มอีมีความเชื่อมั่นมากนัก และยังมีความกังวลด้านต้นทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับเอสเอ็มอียังต้องการมาตรการสนับสนุน เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อ และส่งเสริมต่อการประกอบธุรกิจให้เติบโต ทั้งนี้ ในฐานะที่ SME D Bank มีบทบาทที่เป็นธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านบริการทั้งด้านการเงินที่มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อช่วยลดภาระ ผ่อนหนักเป็นเบา  สามารถบริหารจัดการต้นทุนธุรกิจได้เหมาะสม เช่น สินเชื่อ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้” ทำธุรกิจมา 1 ปีก็กู้ได้ วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6.50% ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี  ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 เดือน

ขณะเดียวกันยังมีโปรโมชันพิเศษ สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยใช้บริการสินเชื่อจาก SME D Bank มาก่อน เมื่อยื่นกู้และได้รับการอนุมัติตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ภายใน 30 กันยายน 2567 รับ Cash Back สูงสุด 3,000 บาท ควบคู่กับให้บริการด้านการพัฒนาเสริมแกร่งธุรกิจฟรีผ่านแพลตฟอร์ม “DX” by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ที่รวบรวมการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีครบถ้วนในจุดเดียวเช่น Business Health Check ระบบตรวจประเมินสุขภาพธุรกิจ  E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้สำคัญ ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพ ระบบจองเข้าร่วมกิจกรรมเติมความรู้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี และสิทธิประโยชน์พิเศษอื่นๆ อีกมากมาย สามารถแจ้งความประสงค์รับบริการ ทั้งด้านการเงินและการพัฒนาได้ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น LINE Official Account : SME Development Bank เว็บไซต์ www.smebank.co.th และสาขาของ SME D Bank ทั่วประเทศ เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  Call Center 1357 
#เอสเอ็มอี #สินเชื่อ #ดัชนีเชื่อมั่น #ข่าววันนี้

 

"ธ.ก.ส." ปล่อยสินเชื่อหนุนเกษตรกรเก็บผลไม้ป่าในต่างประเทศ สร้างรายได้ระยะสั้น

ธ.ก.ส.สนับสนุนสินเชื่อไปเก็บผลไม้ป่าในต่างประเทศสร้างรายได้ระยะสั้นให้กับลูกค้า ธ.ก.ส. 5,000 ราย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง วงเงินรายละไม่เกิน 75,000 บาท แจ้งความประสงค์และสอบถามเพิ่มเติมที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ - 31 กรกฎาคม 2567
 
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. จัดโครงการสินเชื่อเพื่อไปเก็บผลไม้ป่าในต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเก็บผลไม้ในประเทศสวีเดนและฟินแลนด์ โดยมีเป้าหมายในการป้องกันปัญหาการกู้เงินนอกระบบที่มีต้นทุนสูง และช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ในช่วงว่างเว้นจากการผลิตภาคเกษตร วงเงินสินเชื่อรวม 375 ล้านบาท เป้าหมายลูกค้า ธ.ก.ส. จำนวน 5,000 ราย แบ่งเป็นวงเงินกู้สำหรับไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในประเทศสวีเดน กู้ได้ไม่เกิน 75,000 บาท/ราย ส่วนประเทศฟินแลนด์ กู้ได้ไม่เกิน 65,000 บาท/ราย ดอกเบี้ยตามชั้นลูกค้า กำหนดชำระคืนเงินกู้เพียง 1 งวด ภายในวันที่ 31 ธันวาคมนี้

โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องเป็นเกษตรกรลูกค้าของ ธ.ก.ส. ที่ทำการเปิดบัญชีเงินกู้ และเป็นผู้ที่มีชื่อในบัญชีรายชื่อลูกค้าที่บริษัทจัดหางานได้รวบรวม และนำมาเสนอธนาคาร เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำหนังสือกู้ยืม และเงื่อนไขในการชำระหนี้ตามโครงการฯ ทั้งนี้ ธนาคารให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสวัสดิภาพการเดินทางไปทำงานดังกล่าว ที่ต้องถูกกฎหมาย รวมถึงการการันตีรายได้ที่เหมาะสมจึงไม่อนุญาตให้ลูกค้ากู้เงินเพื่อเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในต่างประเทศด้วยตนเองโดยไม่ผ่านบริษัท
 
สำหรับเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ขอสินเชื่อหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567

#ธกส #สินเชื่อ #ข่าววันนี้ #เก็บผลไม้ป่าต่างประเทศ

 

"บสย." ประชุมสถาบันการเงิน แจงรายละเอียดโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11  

​บสย.จัดประชุมชี้แจงสถาบันการเงิน โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” วงเงิน 50,000 ล้านบาท ประกาศความพร้อมลงนาม MOU 11 ก.ค. 2567 มั่นใจผลตอบรับดี จากมาตรการรัฐช่วยสนับสนุน ครอบคลุม SMEs ทุกกลุ่ม ฟรีค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน เริ่มต้น 2 ปีแรก
 
นายกิตติพงษ์ บุรณศิริ รองผู้จัดการทั่วไป สายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดประชุมชี้แจงและรายละเอียดโครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 11 (PGS 11) “บสย. SMEs ยั่งยืน” วงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี พร้อมเตรียมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 

การประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้สถาบันการเงินพันธมิตรได้ทราบข้อมูลผลิตภัณฑ์ค้ำประกัน เพื่อเตรียมพร้อมพัฒนา Product Program ร่วมกับ บสย. โดยได้ชี้แจงรายละเอียดโครงการครบทุกมิติ ประกอบด้วย สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน อาทิ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ เริ่มต้น 2 ปีแรก ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ รวมทั้งการขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อต่อราย อัตราค่าธรรมเนียมต่ำ วงเงินค้ำประกันต่อรายตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 40 ล้านบาท ระยะเวลาการค้ำประกันนานสูงสุด 10 ปี และ อัตราการชดเชยความเสี่ยงของ บสย. (Coverage Ratio) โดยมีผู้แทนจาก 18 สถาบันการเงินพันธมิตรเข้าร่วมรับฟังท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก

โดยภายหลังการชี้แจง ผู้แทนสถาบันการเงินได้ให้ความสนใจสอบถามข้อมูลและรายละเอียดผลิตภัณฑ์ค้ำประกันเป็นอย่างมาก โดยมีการแบ่งกลุ่มการค้ำประกันที่ตอบโจทย์ SMEs ในแต่ละเซ็กเมนท์ชัดเจน ทั้งประเภท บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล อาทิ “IGNITE ONE” สำหรับบุคคลธรรมดา ที่ประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตสินค้าและธุรกิจบริการ ที่ให้วงเงินค้ำประกันสูงสุดต่อราย 5 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.75% ต่อปี โดยรัฐบาลสนับสนุนฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปี อีกโครงการหนึ่งที่ได้รับความสนใจคือ “โครงการ Smart Gen” เปิดโอกาสให้ SMEs ที่ดำเนินกิจการไม่เกิน 3 ปี ได้เข้าถึงสินเชื่อ บสย. ค้ำให้สูงสุด 500,000 บาทต่อราย ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.75% ต่อปี รัฐสนับสนุนฟรีค่าธรรมเนียม 2 ปีแรก “โครงการ Small Biz” สำหรับกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ร้านค้าย่อย ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำ 2 ปีแรก และ “โครงการ Smart Green” สำหรับกลุ่มธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (BCG หรือ ESG ) ค้ำประกันสูงสุดต่อราย 40 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.5% รัฐสนับสนุนฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 4 ปีแรก เป็นต้น ทั้งนี้ บสย. ยังได้เพิ่มช่องทาง LINE OA @tcgfirst  เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการ SMEs และลูกค้า บสย. ได้มากยิ่งขึ้นผ่าน 4 บริการใหม่ ครบจบในที่เดียว เพื่อรองรับผู้ประกอบการ SMEs กว่า 3 ล้านราย โดยพร้อมเปิดให้ธนาคารสามารถใช้เป็นช่องในการสื่อสารประชาสัมพันธ์โครงการสินเชื่อต่างๆ ได้ในอนาคต
 

#บสย #สถาบันการเงิน #ข่าววันนี้ #สินเชื่อPGS11
 

SME D Bank อัดโปรเด็ด “เติมทุนคู่พัฒนา” ทำธุรกิจ 1 ปีก็กู้ได้ เสิร์ฟในงาน “Smart SME Expo 2024” วันที่ 4-7 ก.ค.นี้

SME D Bank อัดโปรเด็ด “เติมทุนคู่พัฒนา” ทำธุรกิจ 1 ปีก็กู้ได้ เสิร์ฟในงาน “Smart SME Expo 2024” วันที่ 4-7 ก.ค. นี้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)หรือ SME D Bank ยกขบวนโปรโมชั่นเต็มพิกัด “เติมทุนคู่พัฒนา” ให้บริการในงาน Smart SME Expo 2024 ระหว่างวันที่ 4-7 กรกฎาคม 2567 ณ บูธหมายเลข A10 ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี พบกับสินเชื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย เงื่อนไขพิเศษสุด! ไฮไลท์คือ สินเชื่อ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้” ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี สามารถกู้ได้ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เงื่อนไขผ่อนปรน ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6.50% ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี พร้อมปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 เดือน ช่วยเสริมสภาพคล่อง เดินหน้าธุรกิจเต็มกำลัง ควบคู่กับให้บริการด้าน “การพัฒนา” ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th) ช่วยต่อยอดยกระดับธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนั้น สำหรับลูกค้าใหม่ยังไม่เคยใช้บริการสินเชื่อจาก SME D Bank มาก่อน รับสิทธิประโยชน์เพิ่ม 2 ต่อ ได้แก่ 1.ยื่นขอสินเชื่อภายในงาน และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 2,000 บาท และ 2.ยื่นขอสินเชื่อ และใช้วงเงินรับ “Cash Back” มูลค่าสูงสุด 5,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357
 

#SMEDBank #ข่าววันนี้ #SmartSMEExpo2024 #สินเชื่อ

 

"Funding Societies" เดินเกมรุก ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่ม 2 พันล้านบาท อัพพอร์ตสินเชื่อโตกว่า 30% 

Funding Societies แพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจ SME ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มองการเติบโตของสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการ SME ในประเทศว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เล็ง 1 ปีต่อจากนี้ตั้งเป้าการเติบโตของพอร์ตที่ 30% โดยจะเร่งปล่อยสินเชื่อผ่านรูปแบบสินเชื่อเพื่อการค้าระยะสั้นเพิ่มอีก 2 พันล้านบาท โดยจะโฟกัสที่คุณภาพของสินเชื่อ และกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตต่อไปได้ อาทิ กลุ่มผู้ผลิต โมเดิร์นเทรด ผู้รับเหมาโครงการภาครัฐฯ และเอกชน เป็นต้น รับดีมานด์ของผู้ประกอบการ SME ที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหมุนเวียนธุรกิจจากสถาบันการเงินต่างๆได้คว้าโอกาสในการเติบโต ตอกย้ำการเป็นผู้นำการให้กู้ยืมโดยตรงแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก

ผู้ประกอบการ SME ยังคงประสบความท้าทายในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินต่างๆ แม้จะมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก  นับเป็นกว่า 99.5% ของวิสาหกิจทั้งประเทศ ไม่ว่าจะด้วยข้อจำกัดด้านหลักทรัพย์ค้ำประกัน การเดินบัญชีกับธนาคารที่สั้นเกินไป หรือขั้นตอนที่ยุ่งยากและใช้ระยะเวลายาวนาน ทำให้ SME ไม่สามารถเติบโตได้ ซึ่งเป็นช่องว่างทางการเงินถึงมูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านบาท ประกอบกับเศรษฐกิจระดับมหภาคที่ยังไม่มีสัญญาณการเติบโตที่แน่ชัด ธุรกิจ SME อาจพบว่าการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินอื่น ๆ มีความยากลำบากมากขึ้น เนื่องด้วยสถาบันการเงินต่าง ๆ อาจมีการขอหลักประกันและเอกสารเพิ่มเติมซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

นางสาวเอื้ออารีย์ อัจฉริยบุญ Country Head ประจำ Funding Societies ประเทศไทยกล่าวว่า Funding Societies (ภายใต้การให้บริหารของ FS Capital Co., Ltd. เชี่ยวชาญในการให้กู้ยืมโดยตรงแก่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก) จะยังคงเดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้เติบโตต่อไป เพื่อช่วยพวกเขาปิดช่องว่างทางการเงิน ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าด้วยเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม ผู้ประกอบการขนาดเล็กสามารถเติบโตสู่ขนาดกลางได้ และผู้ประกอบการขนาดกลางก็สามารถเติบโตสู่ขนาดใหญ่ได้ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อไป ทั้งนี้ Funding Societies สามารถให้การสนับสนุน SME ได้ถึง 15 ล้านบาทต่อราย ผ่านสินเชื่อเพื่อการค้าระยะสั้นแบบ B2B ที่ได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมสำหรับทุกช่วงวงจรธุรกิจของ SME ไทย 

“จุดเด่นของสินเชื่อเพื่อการค้าแบบระยะสั้นจาก Funding Societies คือการมุ่งตอบโจทย์ความต้องการที่มีความหลากหลายสำหรับลูกค้า SME ที่ต้องการเงินทุนทุกประเภท และนอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญเกี่ยวกับขั้นตอนในการทำเรื่องที่มันง่าย ความรวดเร็วในการให้บริการและการอนุมัติสินเชื่อ และที่สำคัญไม่ต้องมาที่สาขาเลย ลูกค้าสามารถทำผ่าน online ในทุกๆขั้นตอน และไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน”นางสาวเอื้ออารีย์กล่าว 

สินเชื่อเพื่อการค้าแบบระยะสั้นของ Funding Societies มาในรูปแบบ 5 ผลิตภัณฑ์ ดังนี้
1.สินเชื่อหมุนเวียนจากลูกหนี้การค้า (Invoice Financing) ซึ่ง SME สามารถนำบิลหรือใบแจ้งหนี้มาเปลี่ยนเป็นเงินหมุนเวียนได้
2.สินเชื่อใบสั่งซื้อ (PO Financing) เพื่อจ่ายค่าสินค้าและบริการล่วงหน้าไปยังซัพพลายเออร์
3.สินเชื่อธุรกิจโครงการ (Project Financing) สำหรับผู้รับเหมาจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐฯและเอกชนในการทำโครงการให้แล้วเสร็จ
4.สินเชื่อระยะสั้น (Business Term Loan) หรือสินเชื่ออเนกประสงค์
5.สินเชื่อกลุ่ม Express สำหรับ SME ขนาดเล็ก

โดยที่ผ่านมา Funding Societies ได้สนับสนุน SME ให้เข้าถึงสินเชื่อเพื่อการค้าระยะสั้นในรูปแบบต่างๆใน 5 ตลาดหลักได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดย ณ ปัจจุบันได้ให้สินเชื่อไปแล้วกว่า 1.32 แสนล้านบาท (มากกว่า 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ) รวมเป็นธุรกรรมมากกว่า 5 ล้านครั้งให้กับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) ทั่วทั้งภูมิภาค สำหรับ SME ที่มีความสนใจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.fundingsocieties.co.th

***ในประเทศไทย Funding Societies ดำเนินธุรกิจ 2 ส่วนที่ต่างกันคือ FS Siam Co., Ltd. ได้รับความเห็นชอบการระดมทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และ FS Capital Co., Ltd. เชี่ยวชาญในการให้กู้ยืมโดยตรงแก่ธุรกิจขนาดเล็ก โครงสร้างนี้ช่วยให้ Funding Societies สามารถตอบสนองความต้องการทางการเงินที่หลากหลายภายในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

#ข่าววันนี้ #FundingSocieties #สินเชื่อ #ข่าววันนี้ #เอสเอ็มอี #เงินกู้