ชุมพร พบแล้วร่าง “น้องปอ” นักเรียน.ม.6 ลงเล่นน้ำถูกคลื่นซัดกลืนหายในทะเล

ชุมพร พบแล้วร่าง “น้องปอ” นร.ม.6 ลงเล่นน้ำถูกคลื่นมรสุมกลืนหายในทะเล พบติดอยู่ในซอกหินหัวเขื่อนปากร่องน้ำห่างจุดเกิดเหตุ 1 กม.แม่ ญาติ ร่ำไห้ หลังรอลูกชายมานาน 3 วัน 
       

จากกรณี นายปรมี อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนศรียาภัย กลับจากทำกิจกรรมที่โรงเรียนในตัวเมืองชุมพร แล้วช่วงบ่ายเลิกกิจกรรมออกจากโรงเรียนกลับบ้าน แล้ว ไปเล่นน้ำทะเลกับเพื่อนๆที่สะพานท่าเทียบเรือสะพลี หมู่ 5 ตำบลสะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร แล้วถูกคลื่นลมที่กรรโชกแรงซัดจมหายไปต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ เหตุเกิดตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 28 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา 
           

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 30 ธ.ค.66 นักประดาน้ำหน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ซึ่งเป็นกำลังหลักสแตนบายจุดเกิดเหตุตลอด 24 ชั่วโมง โดยได้รับการสนับสนุนจากเทศบาลตำบลสะพลี และ อบต.สะพลี ทั้งอุปกรณ์เครื่องมือ เสบียง สถานที่พัก พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดศรชล.ชุมพร นำเรือยางออกค้นหาทางน้ำและเดินเท้าตามชายฝั่งตลอด 3 วันที่ผ่านมา
             

กระทั่งเมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน นักประดาน้ำหน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิชุมพรการกุศลสงเคราะ ได้นำเรือยางออกค้นหาตามจุดต่างๆ จนพบร่างของนายปรมี  หรือน้องปอ ติดอยู่ในซอกหินบริเวณหัวเขื่อนปากร่องน้ำทางเข้าออกของเรือประมง ห่างจากจุดเกิดเหตุสะพานท่าเทียบเรือประมงสะพลี ประมาณ 1 กิโลเมตร จึงแจ้งไปยัง พ.ต.ท.สุขสันต์ ยิ้มแย้ม รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.ปะทิว พร้อมด้วย พ.ต.อ.อนุรักษ์ ประดับมุข ผกก.สภ.ปะทิว แพทย์เวร รพ.ปะทิว มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
           

จากการชันสูตรศพผู้ตายคว่ำหน้าไม่มีเสื้อผ้า ติดอยู่ในซอกหินหัวเขื่อนซึ่งเป็นเขื่อนเรียงหินบริเวณปากทางร่องน้ำสำหรับเรือประมงใช้เข้าออกหลบคลื่นลมในอ่าวท่าจอดเรือประมง และเรือท่องเที่ยว สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน โดยมี นางเจนจิรา อายุ 43 ปี ผู้เป็นแม่ที่มาเฝ้ารอคอยลูกชายอยู่ที่ชายหาดนาน 3 วัน ไม่ยอมกลับบ้านจนแทบไม่ได้หลับได้นอน พร้อมกับญาติๆ ที่มาติดตามรอฟังข่าวจากทีมกู้ภัย เมื่อเห็นร่างลูกชายทั้งแม่และญาติๆต่างพากันร่ำไห้เสียใจ  ด้านเจ้าหน้าที่ได้นำศพน้องปอนักเรียนชั้น ม.6 ส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อสรุปสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
     

 หลังจากนั้นนายมนัส อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นตาของน้องปอ นักเรียนที่เสียชีวิต พาญาติจุดธูปบริเวณริมชายหาดบอกกล่าว หลังจากพบร่างน้องปอ ว่า ก่อนหน้านั้นได้บนบานสานกล่าวให้เจ้าที่เจ้าทาง พบเจอหลานชายโดยเร็วไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่อพบแล้วก็มาจุดธูปบอกอีกครั้ง


       

ด้านนายวัชรินทร์  สุวพิศ  ปลัด อบต.สะพลี หัวหน้าทีมกู้ภัยทางน้ำกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ชุมพร กล่าวว่า  ไปพบร่างน้องลอยติดอยู่ เพราะว่าด้วยระดับน้ำที่กำลังกำลังขึ้นแล้วก็ร่างน้องที่เขาติดอยู่ก็ใกล้เคียงกับระดับน้ำก็เป็นอย่างที่เราคาดไว้ว่าน้องเขาไม่ได้อยู่ในพื้นที่อ่าวที่จุดที่เกิดเหตุแต่ถูกคลื่นซัดออกไป คลื่นลมค่อนข้างแรง ไม่เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ
         

หัวหน้าทีมกู้ภัยทางน้ำ กล่าวอีกว่า ฝากเสียใจกับครอบครัวของน้องเขาด้วย จริงๆแล้วในวันปีใหม่ในช่วงปีใหม่ก็เป็นเทศกาลแห่งความสุขก็ไม่น่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้  ขอบคุณทีมงานทุกทีมที่มาช่วยสนับสนุนขอบคุณพี่น้องประชาชนนะครับที่สนับสนุนเครื่องดื่มอาหารให้แก่กู้ภัย  หวังว่าทุกคนนะครับทุกท่านคงจะเที่ยวปีใหม่ด้วยความสุข
 

หนุ่มบ้านใหม่ กาญจนบุรี วัย 30 แก้ผ้าล่อนจ้อน ขี่รถ จยย.โชว์ เสียหลักพุ่งตกคลองชลประทาน จมน้ำดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.34 น.ของวันที่ 29 ธ.ค.66 ร.ต.อ.วันชัย  พุฒิเอก รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำรอง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุของมูลนิธิขุนรัตนาวุธว่า เกิดเหตุมีคนขี่รถจักรยานยนต์คาดว่าน่าจะเสียหลักพุ่งตกคลองชลประทานเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนเลึยบริมคลองสายพังตรุ-สระเศรษฐี หมู่ 5 ต.พังตรุ อ.ท่าม่วงฯ จึงลงบันทึกประจำนวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่อง จากนั้น จึงรีบเดินทางไแตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ให้มาร่วมชุนสูตรพลิกศพ
     

พบว่าจุดเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธประจำจุดรอรับเหตุตำบลบ้านใหม่ ร่วมกับนักประดาน้ำชุดสายธารของมูลนิธิฯ กำลังลงค้นหาร่างผู้สูญหายภายในน้ำ โดยใช้เวลานานประมาณ 1 ชม.จึงพบศพผู้ที่จมหายไปในน้ำ และนำศพ และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิกสีเหลืองดำ ซึ่งล้มคว่ำอยู่ในพงหญ้าริมถนนขึ้นมาให้ตำรวจและแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ
     

จากการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตรายนี้ ซึ่งเป็นผู้ชาย สภาพศพเปลือยกายล่อนจ้อน ไม่ได้สวมเสื้อผ้าแต่อย่างใด ตามร่างกายไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย ตรวจสอบทราบชื่อผู้ตายชื่อนายอดิศร อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132/4 หมู่ 3 ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ตรวจสอบที่รถจุกรยานยนต์พบว่าด้านหน้ารถเสียหายเล็กน้อย 
     

จากการตรวจสอบหลักฐานและสภาพแวดล้อมสันนิฐานว่า นายอดิศร ผู้ตายน่าจะขับขี่รถจักรยานยนต์เสียหลักพุ่งตกลงไปในคลองชล ตัวรถไปค้างอยู่ริมคลองชลฯ ไม่ได้ตกลงไปในน้ำ ส่วนร่างของนายอดิศรกระเด็นตกลงไปในน้ำจมน้ำหายไป จนกระทั่งนักประดาน้ำของมูลนิธิฯ สามารถงมค้นหาจนกระทั่งพบร่างดังกล่าวในลักษณะที่ไม่สวมเสื้อผ้าแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามสอบสวนปากคำบรรดาญาติว่า ผู้ตายเป็นอะไร ทำไมขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมใส่เสื้อผ้า จึงมอบศพให้มูลนิธิฯ นำศพไปฝากไว้ที่ รพ.ฯ พอรุ่งเช้าก็จะนำศพไปส่งแผนกนิติเวช รพ.ศูนย์ราชบุรี เพื่อให้แพทย์ทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 

นครศรีธรรมราช ค้นหายังไม่พบร่าง หนุ่มตกใจชายฉกรรจ์คล้ายตำรวจ กระโดดคลองจมหาย

นครศรีธรรมราช ยังค้นหาไม่พบร่าง หนุ่มตกใจชายฉกรรจ์คล้ายตำรวจ กระโดดคลองจมหาย กู้ภัยต้องถอนกำลังเหตุน้ำแรงจัด พ่อพ้อแจ้งความตำรวจรับแค่คนหายอ้างไม่ใช่ตำรวจทั้งที่เสื้อกั๊กระบุชัด “สืบสวน”-คู่หูกระโดดหนีด้วยกันแฉถูกขว้างซ้ำทั้งจอบเหล็ก - ท่อนไม้ – ลูกมะพร้าว

การติดตามค้นหานายพีระพงศ์ หรือโอม อายุ 25 ปี ชาวหมู่ 1 ตำบลมะม่วงสองต้น อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช หายตัวไปในลำคลองมะม่วงสองต้น สายนี้เป็นเวลา 2 วันแล้ว ยังไม่ทราบชะตากรรม หลังจากที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปขณะที่นายพีระพงศ์ และเพื่อนอีกคนนั่งคุยกันที่ริมคลอง หลังจากนั้นได้กระโดดน้ำหนีลงคลองด้วยความตกใจ ทั้งที่นายพีระพงษ์ ว่ายน้ำไม่เป็น ขณะที่เพื่อนอีกคนได้ประคองตัวเองได้ลอยไปขึ้นฝั่งได้ห่างจากจุดเกิดเหตุไปหลายร้อยเมตร โดยมีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุบันทึกกลุ่มชายที่เข้าไปได้บางส่วน และพบว่ามีการสวมเสื้อกั๊กแสดงฝ่ายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และด้านหลังปรากฏข้อความชัดเจนว่า “สืบสวน” แต่ข้อความสังกัดด้านล่างไม่ชัดเจนว่าสังกัด หน่วยงานใด

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องถอนกำลังออกจากลำคลองสายนี้เนื่องจากกระแสน้ำที่เชี่ยว ไม่สามารถประดาน้ำค้นหานายพีระพงศ์ได้ โดยเวลาที่สูญหายไปในขณะนี้มากกว่า 48 ชั่วโมงแล้ว สันนิษฐานว่าหากร่างของนายพีระพงศ์อยู่ในลำคลองอาจจะติดอยู่กับสิ่งกีดขวางได้น้ำและพ่อนายพีระพงศ์ ยืนยันว่านายพีระพงศ์สะพายกระเป๋าคาดอกอยู่ด้วยจึงกังวลว่าสายคล้องคาดอกจะไปเกี่ยวปัญอุปสรรคสิ่งกีดขวางใต้น้ำ และเชื่อว่าหากนายพีระพงศ์ขึ้นฝั่งได้แล้วจะต้องติดต่อครอบครัวหรือกลับมาที่บ้านแล้ว ส่วนโทรศัพท์ของนายพีระพงศ์นั้นได้ชาร์ตแบตเตอรี่ไว้ไม่ได้ติดตัวขณะเกิดเหตุ

นายสมพร พ่อของนายพีระพงศ์ หรือโอม ระบุว่าวานนี้ได้ไปแจ้งความเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว และบอกว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาไล่ทำให้ตกใจกระโดดหายลงไปในคลองรวมทั้งทำลายทรัพย์สินเป็นรถจักรยานยนต์ ของนายพีระพงศ์ เจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งความปฏิเสธว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจแน่ ถ้าตำรวจไม่ทำเช่นนี้ เขาจึงรับแจ้งความไว้แค่เพียงคนหายเท่านั้น นายสมพร เล่าภายหลังอีกว่าวันนี้ได้นำภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดไปให้เจ้าหน้าที่ดูแล้ว เขาเฉยแม้จะเห็นภาพชัดเขาบอกเพียงแค่ว่าไม่ใช่ตำรวจ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดตามหาตัวเพื่อนของนายพีระพงศ์ ที่กระโดดคลองลงไปพร้อมกัน  ได้เปิดเผยว่ายอมรับว่าเป็นผู้เสพยาจริง แต่ขณะเกิดเหตุนั้นนั่งอยู่กับเพื่อนคือโอม ไม่ได้ทำอะไรนั่งคุยเล่นกันปกติ จนเหลือบไปเห็นกลุ่มชายพวกนี้ที่บุกเข้าไม่มีใครใส่เครื่องแบบ พื้นที่ก็มีรั้วรอบ บุกเข้ามาที่ขนำ ด้วยความตกใจจึงบอกโอมว่าตำรวจ หลังจากนั้นจึงกระโดดลงไปในคลองไปพร้อมกันคนละทิศคนละทาง  และเห็นชัดว่าพวกนั้นยังพยายามทำร้ายโดยใช้จอบเหล็กที่วางอยู่ขว้างลงมาในคลองเกือบโดนศีรษะ หลังจากพยายามลอยคอได้ถูกขว้างซ้ำกับผลมะพร้าวและท่อนไม้หลายครั้ง จนรอดพ้นไปจากจุดนั้น ส่วนโอมได้หายไปในคลองไม่รู้ว่าจะมีชีวิตหรือไม่อย่างไร และยังยืนยันด้วยว่ารถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่นั้นเพื่อนขับมายังอยู่ในสภาพปกติ เมื่อขึ้นฝั่งได้กลับมาดูอีกทีพบว่าถูกทำลายเสียหายยับเยิน

อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบภาพพบว่าด้านหลังของเสื้อกั๊กบรรทัดบนสุดระบุข้อความพออ่านได้ว่า “สืบสวน” ส่วนด้านล่างนั้นน่าจะเป็นสังกัดไม่ชัดว่าจะเป็น สภ.เมืองนครศรีธรรมราชหรือไม่ ส่วนรถที่กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ใช้เป็นกระบะ 4 ประตู 2 คัน คันแรกสีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อีกคันสีดำติดแผ่นป้ายทะเบียน ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามปรับแผนในการค้นหาอีกครั้ง.

อาถรรพ์ 2 ศพ เสียชีวิตในสวนยางที่เดียวห่างกันไม่ถึงเดือน

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 19 ธ.ค. ร.ต.อ.กฤษฏิ์ เหล่าโพธิ์ชัย รอง.สว.(สอบสวน)สภ.โสกก่าม อ.เซกา จ.บึงกาฬ รับแจ้งจาก นายภาณุวิชญ์ สีลาวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านโนนยางคำ ว่ามีเหตุจมน้ำเสียชีวิต ที่สระน้ำท้ายหมู่บ้านโนนยางคำ หมู่ 7 ต.บ้านต้อง อ.เซกา จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมประสาน นพ.โฆสิต วุฑฒิรักษ์ กู้ภัยสว่างศรีวิไลฯ จุดบึงโขงหลง ไปยังที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตเป็นชายทราบชื่อต่อมา นายบุญเฮือง สอาดแพน อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 70ม.7 บ้านโนนยางคำ ต.บ้านต้อง  สภาพศพสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงวอร์มขายาวสีดำ ตรงเอวมีสายเชือกผูกกะละมังไว้และมีปูนาติดที่กะละมังอยู่ 2 ตัว 

นายเรืองฤทธิ์  สอาดแพน อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นน้องชายผู้ตายให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้ตายได้ออกมาหาปลาแบบนี้เป็นประจำหน้าแล้ง ในวันที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 09:00 น ก็ได้ออกมาหาปลาในช่วงเช้า จนกระทั่งช่วงบ่ายไม่เห็นพี่ชายกลับมาเพราะปกติช่วงเที่ยงๆ ก็จะกลับมาจากหาปลาแล้ว เอะใจจึงออกตามหาตรงที่สระน้ำข้างสวนยางพาราที่ผู้ตายมาหาปลาเป็นประจำ สังเกตเห็นกะละมังลอยอยู่กลางสระน้ำ และเห็นรองเท้าแตะถอดไว้อยู่ข้างสระน้ำ  จึงสงสัยว่าพี่ชายจะประสพเหตุจมน้ำ ได้ประสานกู้ภัยสว่างบึงโขงหลงให้มาช่วยงมหา จึงพบว่าจมน้ำเสียชีวิตแล้ว สันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง

น่าแปลกใจที่สวนยางแห่งนี้เมื่อวันที่ 24 พ.ย เดือนที่แล้ว ก็ได้มีคนใช้เชือกผูกคอตัวเองตายอยู่บนต้นยางพารา ซึ่งห่างจากสระน้ำไม่ถึง 5 เมตร เจ้าของสวนยางจึงต้องตัดโค่นต้นยางทิ้งไปเหลือแต่ตอ และร่องรอยทำกระทงจุดธูปเทียนทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ตาย และชาวสวนยางใกล้เคียงที่กรีดยางพาราได้ยินเสียงร้องไห้เป็นประจำและไม่มีใครกล้าเข้ามากรีดยางในสวนยางพาราที่มีคนผูกคอตายแห่งนี้ แม้เจ้าของสวนยางเองบอกให้คนมากรีดเอายางไปขายมาแบ่งเงินกันใช้ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้ามา จึงน่าจะเป็นอาถรรพ์ตัวตายตัวแทน ส่วนศพผู้ตายญาติไม่ติดใจร้อยเวรจึงมอบให้ไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป

 


 

ไร้วี่แวว! เร่งค้นหา เด็กวัย 3 ขวบพลัดตกน้ำแม่น้ำปัตตานี

วันที่ 15 ธ.ค.66 จากกรณี พ.ต.อ.สมยศ สมบัตรมาก ผกก.สภ.แม่ลาน ได้รับแจ้งเกิดเหตุเด็กพลัดตกคลองปัตตานีสูญหาย ที่ม.3 ต.ม่วงเตี้ย อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพร้อมประสานเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายทั้งนักประดาน้ำฉลามภัย กู้ชีพ กู้ภัย เข้าที่เกิดเพื่อค้นหาน้อง ทราบชื่อ ด.ญ. นิฟิตรี สือรี อายุ 3 ขวบ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. เวลา 15.00น.ที่ผ่านมา

 สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เป็นวันที่2 ในการค้นหาน้องวัย3 ขวบพลัดตกในแม่น้ำ โดยช่วงเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้มีการใช้เรือยนต์ค้นหาทางน้ำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่จุดที่น้องพลัดตก ไปถึงจุดปลายน้ำ โดยเน้นค้นหาริมแม่น้ำที่มีพงหญ้าขึ้นหนาแน่น และจุดที่มีก่อไผ่ขนาดใหญ่ริมแม่น้ำที่อาจจะมีร่างของน้องไปติด ซึ่งการทำงานครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากได้มีการเปิดเขือน ทำให้มีน้ำเป็นจำนวนมากไหลเชี่ยว การใช้เรือค้นหานั้นจึงเป็นอุปสรรค์มาก ทำให้ต้องยุติค้นหาในภาคเช้า ก่อนกลับมาเพื่อว่างแผนอีกครั้ง

โดยภาคบ่ายหลังได้มีการว่างแผน เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลัง พร้อมเรือ2 ลำ ในการออกค้นหาอีกครั้ง โดยเดินทางไปยังจุดที่เจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งตาข่ายไว้ก่อนหน้านี้ โดยห่างจากจุดที่น้องพลัดตก1 กม. ซึ่งได้มีการขึนตาข่ายไว้ทั้ง2ฝั่ง เพื่อหวังว่ารางของน้องอาจจะติด เมื่อเจ้าหน้าที่นำเรือไปตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบร่างของน้องแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงเดินทางกลับมาอีกครั้ง เพื่อว่างแผนต่อ ก่อนนำนักประดาน้ำ3นายลงไปงมหาจุดปลายน้ำที่เป็นร้องน้ำ หรือจุดที่คิดว่าอาจจะมีร่างของน้องติด ซึ่งการใช้นักประดาน้ำ เจ้าหน้าที่ต้องเลือกจุดที่คิดว่าปลอดภัย เนื่องจากมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว อีกทั้งยังมีน้ำวน ทำให้การค้นหาตลอดทั้งวันยังคงไปอย่างลำบาก จนถึงช่วงค่ำก็ยังไม่มีวีแว่วของน้อง และยังไม่ทราชะตากรรม ทั้งนี้ หากค้นหาน้องยังไม่เจอ เจ้าหน้าที่ก็จะออกค้นหาอีกครั้งในเช้าพรุ่งนี้

 อย่างไรก็ตาม ด้านครอบครัวของน้องยังคงตกใจ และเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางแม่ได้ร้องให้ออกมาอยู่ตลอด ญาติพี่น้องต้องค่อยปลอบใจอยู่ข้างๆ ซึ่งคำพูดสุดท้ายที่แม่พูดกับลูกสาว คือ ถ้าแม่ขายดี แม่จะซื้อของเล่นให้ลูก ซึ่งนั้นเป็นคำที่แม่พูดก่อนจะออกไปทำงานขายของที่ต่างจังหวัด กระทั้งทราบข่าวว่าน้องพลัดตกน้ำ

 
นายอาดัม สะอิ รองประธานหน่วยกู้ชีพฉลามภัยจ.ยะลา เปิดเผยว่า ทีมฉลามภัยได้ประสานจากชาวบ้านเมื่อเวลาบ่าย3 กว่าจะเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุก็5โมงเย็นแล้ว เพราะเราต้องเตรียมและกำลังพล เมื่อมาถึงตนจึงได้วางแผนออกค้าหาจุดที่เขาวิเคราะห์ว่าน้องจะไปติดที่บริเวณกอไผ่ หรือจุดที่มีน้ำลึก แต่เมื่อคืนที่ค้นหาน้ำลึกเพียง2 เมตร เพราะว่าได้มีการปิดเขือนไว้

 
นายอาดัม เผยอีกว่า เช้าวันนี้ตั้งแต่7โมง ตนพร้อมด้วยกำลังพลใช้เรือออกไปดูทิศทางของกระแสน้ำ จากเมื่อคืนที่น้ำน้อย และเช้าวันนี้ทีมีน้ำมาก กระแสน้ำนั้นจะเปลี่ยนทิศทางหรือไม จากที่ดูพบว่ามีการแสน้ำที่เปลี่ยนไปมากทำให้เป็นอุปสรรค์ด้วย ส่วนตาข่ายเจ้าหน้าที่วางไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วความยาว50 เมตร ที่วางไว้เพราะถ้าร่างของน้องไหลตามกระแสน้ำก็อาจจะติดตาข่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะไปตรวจดูเป็นระยะๆ  

 นายอาดัม เผยตอนท้ายว่า เคสลักษณะนี้ที่นักประดาน้ำจะเจอเด็กเลยมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ถ้าจะเจอก็วันที่ 2 หรือวันที่3 ศพที่ลอยขึ้นมา ดังนั้นก็ต้องดูอีกครั้ง เพราะศพผู้ใหญ่กับเด็กจะต่างกัน เด็กน้ำหนักตัวจะเบา กระแสน้ำก็จะพัดไปไกลกว่าเดิม ส่วนจะไปเกี่ยวกับกิ่งไม้หรือกอไผ่ก็มีโอกาสเป็นไปได้

 

ชลบุรี คาดลมหนาว ทำคนหาปลาตายคาสระ ค้นหายังไม่พบ

ลมหนาวแรก พัดคนหาปลาวัย 60 ปี ตกเรือจมอ่างเก็บน้ำบางพระ คนรับซื้อปลาสงสัย ไม่นำปลามาขาย ขี่รถไปดูพบเรือลอยอยู่ในน้ำบริเวณพงหญ้า รถ จยย.และรองเท้าอยู่ริมฝั่ง รีบแจ้งกู้ภัยลงค้นหานานกว่า 7 ชม.ยังไม่พบ ลูกทราบข่าวรีบเดินทางจากระยองลุ้นให้พบร่างพ่อ


     เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 18 พ.ย. 66  ศูนย์วิทยุกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา  ได้รับแจ้งเหตุมีผู้สูญหายในน้ำที่บริเวณอ่างเก็บน้ำบางพระหลังวัดตโปทาราม หมู่ 8 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ศรีราชา และเจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดสมุทรดำกว่า 10 นาย เข้าร่วมตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุพบ นายคมสันต์ ทองเสถียร อายุ 37 ปี พ่อค้ารับซื้อปลาและชาวบ้านยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ริมฝั่งอ่างเก็บน้ำบางพระ พร้อมเปิดเผยว่า สงสัยว่านายแป หรือพุฒิพงศ์ อายุประมาณ 62  ปี ซึ่งเป็นคนหาปลาได้สูญหายไป ภายในอ่างเก็บน้ำบางพระ โดยในช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. นายแป ผู้สูญหายจะเดินทางมาหาปลาที่ได้ลงตาข่ายไว้ภายในอ่างเก็บน้ำบางพระ เป็นประจำทุกวัน และจะนำปลาขึ้นมาขายให้กับตนในเวลาประมาณ 7-8 โมงเช้า แต่ในวันนี้เมื่อถึงเวลา 11.00 น.แล้ว นายแปยังไม่นำปลามาขาย จึงขี่รถจักรยานยนต์ มาดูในจุดที่นายแป วางตาข่ายดักปลาไว้จึงพบเห็นเรือของนายแป ลอยอยู่ในพงหญ้าภายในอ่างเก็บน้ำ แต่ไม่พบตัวนายแป จึงลงไปดูที่จอดเรือจึงพบว่ามีรถจักรยานยนต์ honda scoopy i สีฟ้าขาว ของนายแปลจอดอยู่ พร้อมกับรองเท้า 1 คู่ จึงเอะใจคิดว่าเกิดเหตุร้ายกับ นายแปแน่นอน จึงโทรประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าร่วมตรวจสอบและช่วยค้นหาร่างนายแป ซึ่งคาดว่าน่าจะตกลงไปในอ่างเก็บน้ำ เนื่องจากในช่วงเช้าในบริเวณนี้มีลมพัดค่อนข้างแรงมาก คนหาปลาส่วนใหญ่มักจะไม่ลงไปหาปลาในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากเกรงจะเกิดอันตราย เพราะกระแสลมแรงจึงทำให้มีคลื่นหัวขาวขึ้นเป็นจำนวนมาก ชาวประมงและคนหาปลามักไม่นิยมลงหาปลาในช่วงเวลานี้


      หลังจากนั้น จน.ตำรวจ สภ.ศรีราชา และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา ได้นำเจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดสมุทรดำและนักประดาน้ำเข้าร่วมค้นหาจำนวนเกือบ 10 นาย ลงค้นหาภายในจุดที่นายแป วางตาข่ายดักปลาและค้นหาในแต่ละจุดที่น่าสงสัย แต่ก็ยังไม่พบร่างนายแปล หลังจากนั้นทางเพื่อน ๆ ของนายแป สามารถติดต่อไปยัง นายพัฒ์ศิธา  อายุ 39 ปี ลูกชายและลูกสาว ได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุด้วยท่าทีตกใจและเป็นกังวลอย่างมาก พากันกอดคอร้องไห้ด้วยความเป็นห่วง โดยลูกสาวได้จุดธูปไหว้ที่เกิดเหตุ ขอให้เจ้าหน้าที่ได้พบร่างของพ่อโดยเร็ว 

หลังจากนั้น ทีมกู้ภัยฯ ได้ลงน้ำค้นหาเป็นเวลานานแต่ก็ไม่พบร่าง จึงนำกำลังขึ้นมาวางแผนกันใหม่ และลงไปค้นหาอีกรอบในช่วงเย็นเวลา ประมาณ 17.30 น. ก่อนจะไปเก็บตาข่ายที่นายแป ใช้ดักปลา และคาดว่าถ้านายแป ตกน้ำร่างก็อาจจะไปพันกับตาข่ายก็เป็นได้ แต่พอเก็บตาข่ายขึ้นมาก็ยังไม่พบร่างของนายแป แต่อย่างใด


      ทางด้าน นายพัฒ์ศิธา ลูกชาย เปิดเผยว่า ตนเองลงไปกับทีมกู้ภัยฯ แล้ว พบว่าจุดที่พ่อตกไปนั้นมันกว้างไม่รู้จุดที่แน่นอน โดยตามหาตามจุดต่าง ๆ แล้วก็ยังไม่พบ จึงต้องอาศัยนักประดาน้ำร่วมกันต้นหา โดยมีอุปสรรคเป็นที่ลมค่อนข้างแรง ไม่รู้ว่าจะพัดร่างไปทางไหน บริเวณริมฝั่งเป็นป่าหญ้าน้ำค่อนข้างลึกและไม่รู้จุดตก จึงทำให้ค้นหาค่อนข้างลำบาก ตอนนี้ก็หวังแค่อย่างเดียวขอให้เจอร่างของพ่อก่อน ไม่ว่าจะอยู่ในลักษณะใดก็แล้วแต่แค่นี้ก็พอใจแล้ว  ซึ่งพ่อของตนเองไม่ใช่เป็นคนที่แอบขึ้นมาจากน้ำแล้วจะไม่บอกใคร ท่านเป็นคนรักของรักครอบครัว จะไม่ทิ้งทรัพย์สินใดใดไว้แน่นอน คือถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่ ตนเองมั่นใจว่าพ่อจะต้องออกมาแน่นอน 
     

ล่าสุด ทีมนักประดาน้ำกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา ยังคงทำการค้นหาอย่างต่อเนื่อง และจะหยุดทำการค้นหา ต่อเมื่อสภาวะอากาศและอุณหภูมิของน้ำในอ่างเก็บน้ำเย็นลง จนอาจเกิดอันตรายกับทีมกู้ภัยฯ ได้
 

หนุ่มพงตึก ท่ามะกา จ.กาญจน์ ดวงถึงฆาต วางตตข่ายดักปลาปากท่อในคลองดิน เผลอลื่นหัวทิ่มลงคลองจมน้ำดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 12 พ.ย.66 ร.ต.อ.ภูรี  เถียรประภากุล รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ฯ เกิดเหตุมีชาวบ้านไปหาปลาที่บริเวณคลองดินสายเขาพระ-หนองพันท้าว หมู่ 2 ต.เขาสามสิบหาบ ไปพบศพผู้เสียชีวิตลอยอยู่ในน้ำ หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่อง 
     

จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.มะการักษ์ ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพ จากการตรวจสอบพบว่า ภายในลำคลองดินดังกล่าวมีร่างผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายลอยคว่ำหน้าจมน้ำอยู่ จึงประสานไปที่มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์(กู้ชีพขุนรัตนาวุธ)เพื่อขอกำลังนักประดาน้ำชุดสายธารให้มาดำเนินการนำศพขึ้นจากน้ำเพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ
     

ตรวจสอบสภาพศพผู้เสียชีวิตรายนี้ตามร่างกายไม่มีบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย สาเหตุการเสียชีวิตน่าจะเกิดจากขาดอากาศหายใจ ตรวจสอบหลักฐานบัตรประชาชนของผู้ตายทราบชื่อผู้ตายชื่อนายจักรินทร์(ขอสงวนนามสกุล)อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/3 หมู่ 5 ต.พงตึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
     

เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายจักรินทร์ ผู้ตายมึนเมาสุราแล้วได้เอาตะข่ายที่เย็บเป็นรูปทรวงกรวยมาดักปลาที่บริเวณปากท่อระบายน้ำในคลองอยู่นั้น อยู่ๆ ผู้ตายได้เกิดหัวทิ่มตกลงไปในคลองจมน้ำหายไป สอบถามญาติไม่มีใครติดใจสงสัยสาเหตุการตาย จึงมอบร่างให้มูลนิธิฯ นำศพไปเก็บรักษาไว้ที่ รพ.ฯ เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับศพไปจัดการตามประเพณีทางศาสนาต่อไป
   

สุดช็อก! หนุ่มฝีพายวัย 17 ปี ว่ายน้ำข้ามฝั่งจู่ๆ จมน้ำหาย งานแข่งเรือยาวหล่มเก่า

วันที่ 30 ตุลาคม 2566 เวลา 16.00 สภ.หล่มเก่า ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุหนุ่มวัยรุ่นฝีพายอายุ 17 ปี จมน้ำเสียชีวิต บริเวณคลองลำน้ำพุงใกล้จุดงานประเพณีแข่งขันเรือยาวออกพรรษาประจำปี 2566 ณ ท่าน้ำวัดทุ่งธงชัย หมู่ที่ 11 ต.หล่มเก่า อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ จึงรุดออกตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ เจ้าหน้าที่เทศบาลฯ โดยมี ส.ส. บุญชัย กิตติธาราทรัพย์ เพชรบูรณ์ เขต 3 นายเสกสรร กลิ่นพูน นายอำเภอหล่มเก่า พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ สารภูษิตสันต์ ผกก.สภ.หล่มเก่า พ.ต.ท.สมพงษ์ โสภา รอง ผกก.ป.สภ.หล่มเก่า ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุครั้งนี้ ที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่ฯ ระดมค้นหาร่างหนุ่มฝีพายที่จมน้ำหายไป ท่ามกลางประชาชนนับร้อยคนที่ต่างพากันเอาใจช่วย จนกระทั่งเวลา 17.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ฯ สามารถนำร่างหนุ่มฝีพายขึ้นมาจากลำน้ำพุงได้สำเร็จ


ก่อนเกิดเหตุ นายวรกิจ อายุ 17 ปี ที่อยู่ 54/1 หมู่ 4 ต.หล่มเก่า อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ผู้ตายได้ไปร่วมแข่งขันเรือพายประจำปี 2566 อ.หล่มเก่า โดยเป็นฝีพายของทีมสไบแพร อบต.หินฮาว อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ หลังจากแข่งเรือเสร็จสิ้นเวลา 15.40 น. ต่อมาเวลา 16.00 น. ขณะที่ผู้ตาย ได้นั่งเล่นกับเพื่อนลูกเรือทีมเดียวกัน บริเวณริมคลองฝั่งบ้านวัดตาล ได้มีคนเรียกให้ผู้ตายไปหาที่ริมคลองฝั่งวัดทุ่งธงไชย ผู้ตายจึงลงไปว่ายน้ำเพื่อจะข้ามคลองไปอีกฝั่ง ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาช่วงเย็นใกล้ค่ำ น้ำค่อนข้างเย็น และใต้ผิวน้ำลงไปประมาณ 3 เมตร น้ำไหลค่อนข้างเชี่ยว เมื่อผู้ตายว่ายน้ำผ่านกึ่งกลางลำคลองไปได้เล็กน้อย ผู้ตายอาจเป็นตะคริวว่ายน้ำต่อไปไม่ไหว โดยมีชาวบ้านเห็นผู้ตายโบกมือขอความช่วยเหลือประมาณ 2-3 ครั้ง แล้วก็จมลงใต้น้ำไป 


ขณะที่ นายจำรัส พูดคล่อง นายกเทศมนตรีตำบลหล่มเก่า เปิดเผยว่า นายวรกิจ(ผู้ตาย) หนุ่มวัยรุ่นฝีพายเรือแข่งสไบแพร ของ อบต.หินฮาว จมน้ำเสียชีวิต ในงานประเพณีแข่งเรือยาวเทศกาลออกพรรษาหล่มเก่าครั้งนี้ เกิดหลังเสร็จสิ้นการแข่งเรือวันที่สอง ประเภททีมผสมขาย-หญิง 30 ฝีพาย โดยเรือสไบแพรแข่งชนะได้อันดับ 4 ซึ่งนายวรกิจ จึงได้กระโดดลงลำน้ำพุงพร้อมว่ายข้ามฝั่งโดยรอบแรกว่ายผ่านได้ตลอด สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดเป็นตะคริวขึ้นมากะทันกัน จนเป็นเหตุทำให้จมน้ำเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวนายวรกิจ (ผู้ตาย) ด้วยและคิดว่าไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก

สาวเมียนมา เดินควงกระเป๋าเงินหลุดมือ เอื้อมหยิบพลาดลื่นตกคลอง หลานสาวเห็นเข้าช่วยแต่ก็พลาดจมน้ำหายทั้งคู่

 เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2566 พ.ต.ท.สันติ หนูช่วย สารวัตรเวร สภ.บางแพ รับแจ้งมีคนสูญหายในคลองชลประทาน ประตูน้ำหัวโพ ม.4 ต.หัวโพ อ.บางแพ หลังรับแจ้ง ได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยมูลนิธิรวมใจการกุศล และประสานชุดประดาน้ำ มาทำการค้นหา 

ที่เกิดเหตุเป็นคลองชลประทานขนาดใหญ่  เบื้องต้นผู้ที่สูญหายเป็นหญิง 2 ราย ชาวเมียนมา ทราบชื่อรายแรก น.ส.โมโม่ อายุ 30 ปี อีกรายชื่อ น.ส.เอเย อายุ 18 ปี เป็นหลานสาว 

จากนั้นนักประดาน้ำได้ทำการลงค้นหาใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง ก็พบร่างผู้สูญหายชื่อน.ส.โมโม่ อายุ 30 ปี ซึ่งห่างจากจุดที่ตกประมาณ200 เมตร ส่วน น.ส.เอเย อายุ 18 ปี ยังไม่พบ นักประดาน้ำของมูลนิธิรวมใจยังคงค้นหากันต่อไป

นางไคมาอู อายุ 42 ปี กล่าวว่า ตนผ่านมาพบว่าทั้ง 2 คนเดินอยู่ริมคลอง จากนั้นเห็นหลานสาวคิอ น.ส.เอเย นั้นกำลังเก็บยอดมะขามอยู่ริมรั้ว ส่วน น.ส.โมโม่ ยืนเล่นที่ริมคลองโดยใช้หูกระเป๋าเงินควงที่นิ้วและหมุนเล่น ปรากฏว่าหูของกระเป๋าหลุดออกจากนิ้วและกระเป๋ากระเด็นตกลงไปในคลองชล น.ส.โมโม่จึงรีบถอดรองเท้าเพื่อจะลงไปคว้ากระเป๋าเงินแต่พลาดลื่นตกลงไปในคลอง น.ส.เอเย เห็นจึงรีบถอดรองเท้าเพื่อจะลงไปคว้ามือ น.ส.โมโม่ แต่เกิดผลาดไปอีกคนทำให้ทั้ง2 จมหายไป  ซึ่งทั้ง 2 ว่ายน้ำไม่เป็น คนที่ผ่านมาเห็นก็ไม่สามารถช่วยได้ เนื่องจากน้ำลึกและน้ำไหลแรง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาดังกล่าว
 

บุรีรัมย์ ตาใจสลายร้องไห้โฮ หลานชาย 9 ขวบ ลื่นไถลตกสระน้ำจมดับ

วันที่ 19 ต.ค. 66 เมื่อเวลา 16.00 น.พ.ต.ท ศรศักดิ์ พากระโทก สารวัตร(สอบสวน)สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน มีเด็กจมน้ำเสียชีวิต จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัยวังกรูดสตึก และชุดประดาน้ำกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์

ที่เกิดเหตุเป็นสระน้ำของชาวบ้านก่อนเข้าหมู่บ้านโนนพะไล ต.นิคม ซึ่งสระน้ำกว้าง 40 เมตร ยาว 40 เมตร ลึกประมาณ 8 เมตร กู้ภัยได้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงพบร่างของ ด.ช.วรวุธ หรือน้องหยก อายุ 9 ขวบ เป็นนักเรียนชั้นป.4 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในอ.สตึก ท่ามกลางการกรีดร้องของชาวบ้านที่มามุงดูอยู่ขอบสระ

นายทองคูณ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่38 ม.4 บ้านหนองม่วง ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นตาของน้องหยก เล่าว่า ช่วงปิดเทอมทุกเช้าหลานจะขอมาเล่นอยู่ที่โรงเรียน เป็นประจำเนื่องจากมี Wi Fi ซึ่งตนเองก็ไม่ว่าอะไร จนเที่ยงไม่เห็นหลานกลับบ้านไปกินข้าว จึงออกตามหาจนกระทั่งมาเจอรถจักรยานของหลานจอดอยู่ปากทางเข้าสระน้ำ จะเดินตามหาจนพบรองเท้าของหลานวางอยู่ขอบสระ จึงตระโกนเรียกหาน้องหยกแต่ไม่มีเสียงตอบรับ หลังจากนั้นจึงกลับมาที่โรงเรียน เพื่อสอบถามว่าหลานไปเล่นกับใคร จนมาทราบว่าหลานไปเล่นกับรุ่นพี่ ป.5 ซึ่งอยู่โรงเรียนเดียวกัน

จึงออกตามหา ด.ช.เอ (นามสมมุติ)อายุ 10 ขวบ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ ป.5 จนมาทราบว่า เด็กทั้ง 2 คน ขักชวนกันมาจับปลาซึ่งอยู่ข้างสระดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 09.00 น.หลังจากจับปลาเสร็จ ได้พากันมาล้างตัวเนื่องจากเปื้อนโคลนที่สระน้ำดังกล่าวก่อนที่จะกลับ จังหวะนั้นน้องหยก ได้ลื่นไถลตกลงไปในสระ ทำให้ ด.ช.เอ ตกใจจึงรีบกลับบ้านและไม่กล้าบอกใครเนื่องจากกลัวถูกทำโทษว่าพากันไปเล่นใกล้สระน้ำ จนตนเองมาทราบช่วงเย็นว่าหลานตกน้ำเสียชีวิต