EN Name: 
Woman

สยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ URFACE จัดงานรำลึกศิลปินกราฟิตี้ชื่อดัง

สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียม ร่วมกับ URFACE แบรนด์กระเป๋า และแอคเซสเซอรี่ที่เป็นอีกหนึ่งสตรีทแวร์แบรนด์ของไทยคุณภาพสากล จัดงาน In memory of legendary Mamafaka รำลึกครบรอบการจากไปของศิลปินกราฟฟิตี้ชื่อดัง ตั้ม - พฤษ์พล มุกดาสนิท ภายในงานพบกับผลงานที่ผ่านการคัดสรรจากศิลปินทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ ที่ส่งมาร่วมไว้อาลัยการจากไปของ "Mamafaka" ที่บ้านเกิดของเขาในจังหวัดขอนแก่น รวมกว่า 400 ชิ้น นำมาจัดแสดงให้คนกรุงเทพฯได้ชื่นชมกันเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดจำหน่ายเสื้อยืดสุดพิเศษที่ผลิตมาเพียง 100 ตัวเท่านั้น โดยรายได้ทั้งหมดจะสมทบทุนเข้าสู่ Mamafaka Foundation เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป ร่วมอุดหนุนเสื้อยืดสุดพิเศษจำนวน 100 ตัว ได้ในวันศุกร์ที่ 8 กันยายน ศกนี้เท่านั้น และพบกับนิทรรศการจัดแสดงผลงานศิลปะระลึกถึงตั้ม “In memory of legendary Mamafaka” ได้ระหว่างวันที่ 8 - 10 กันยายน 2560 ณ บริเวณร้าน URFACE Store ชั้น 2 สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียม

"บอกลา 10 วิธีเพื่อความสวย" ... #อยากสวยไม่ต้องทน

เมื่อพูดถึงเรื่องความสวยความงามแล้ว #กัดฟัน #กลั้นใจ #เจ็บนิดเดียว เพื่อความสวยแล้ว ผู้หญิงอย่างเราทนได้ .. หรือหากจะต้องเข้าคอร์สบำรุงหรือทำอะไรก็ยอม เหมือนอย่าง 10 สิ่งนี้ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเพื่อความสวย ผู้หญิงต้องอดทน ขนาดนี้! 1. Salt Scrub การขัดผิวที่เราทำกันบ่อยๆ ทนกันเป็นประจำจนชาชิน รู้มั้ยคะ จริงๆ มันสามารถทำร้ายผิวได้ เพราะผิวของเราต้อง ทนเจ็บ ทนแสบจากการบาดผิว ยิ่งตอนที่ผิวเป็นสิวหรือใครที่ผิวแพ้ง่าย การที่สครับเม็ดแข็งๆ มาบาดผิวนั้น มันทั้งเจ็บ ทั้งแสบ จนทำให้ผิวบางไปเลยก็มี 2. ฟิลเลอร์ เมื่อผิวมีริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ สิ่งที่คนคิดถึงก็คือฟิลเลอร์ ที่เราจะต้องจิ้มเข็มแหลมๆ ลงไปที่หน้าของเรา ซึ่งแน่นอนเราต้องทนเจ็บจี้ดๆ กับเข็มแหลมๆที่จิ้มลงไปอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องทนอีกอย่างก็คือ ทนเจ็บกับราคาแพงๆ และต้องทนเจ็บซ้ำๆ อีกด้วย เพราะของพวกนี้จะสลายไปใน 6-12 เดือน 3. Uguisu ดูแลผิวด้วยขี้นก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ วิธีนี้มันมีอยู่จริง กับการดูแลผิวจากขี้นกไนติงเกล หรือเรียกง่ายๆ ว่านำขี้นกมาป้ายหน้า เพื่อให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื่น ไร้ริ้วรอย แน่ใจหรือว่าเราจะ ทนเหม็น ทนขยะแขยง กันด้วยวิธีนี้จริงๆ 4. บำรุงผิวด้วยพิษผึ้ง เค้าบอกว่าพิษผึ้งมีประโยชน์มากมายกับผิวค่ะ สมัยก่อนเค้าใช้ผึ้งมาต่อยเพื่อบำรุงผิวกันแต่!! มันใช่เรื่องมั้ย ที่ต้องทำขนาดนี้ #ทนเจ็บ กับอะไรแบบนี้ หรือถึงตอนนี้จะมีหลายผลิตภัณฑ์สกัดเอาพิษผึ้งออกมา แต่ถ้าเราแพ้ละ เราจะมั่นใจกับความเชื่อประหลาดๆ แบบนี้ได้จริงๆ เหรอ? ลองคิดดู 5.เมือกหอยทาก อีกอย่างหนึ่งเป็นความเชื่อประหลาดๆเพื่อความสวย และต้องทนขยะแขยงก็คือเมือกหอยทากค่ะ ที่ญี่ปุ่น เค้านิยมให้หอยทากมาไต่ที่หน้าเพื่อที่จะใช้เมือกมาบำรุงผิวเลยนะ สาวๆ ทนความรู้สึกนั้นได้จริงๆ เหรอ แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว 6. Vampire Face Lift ทรีตเมนต์เลือด เรื่องนี้พีคมากก แค่เห็นรูปก็จินตนาการไม่ถูกแล้วจริงๆ ว่าคนทำต้องทนเจ็บขนาดไหน ขั้นตอนการทำคือต้องนำเลือดของเราออกมาผ่านกรรมวิธีต่างๆ แล้วก็ฉีดกลับมาในผิวของเรา เพื่อให้หน้าเราเด็ก แต่กว่าจะสวย มันน่ากลัวไปไหม 7.เลเซอร์ เลเซอร์ สิ่งที่เราพูดกันด้วยความเคยชิน แต่รู้มั้ย ว่ามันสามารถส่งผลเสียกับเราได้มาก ทั้งทำให้ผิวไวต่อแดด เป็นกระ ฝ้า ง่ายขึ้น ผิวบางลง หรืออาจทำให้ผิวระคายเคืองจนเป็นรอยแผลเป็นด้วย และที่สำคัญเลยคือต้องทนเจ็บระหว่างทำ และเสียเงินแพงด้วย 8.ตบหน้าเรียว ใครๆ ก็อยากหน้าเรียวเล็ก! แต่ถ้าแลกมาด้วยการ “ตบ” ละ จะทนเจ็บได้มั้ย แต่ก็มีบางคนที่มีความเชื่อว่าถ้าเราตบๆๆๆๆ หน้าแล้วจะช่วยให้ผิวกระชับ ปรับรูปหน้าให้เป๊ะ แต่กว่าหน้าจะเรียวเล็ก กัดฟันทนเจ็บกันไป แต่ก็ไม่แน่ใจว่าผิวหน้าจะพังก่อนมั้ยนะ 9.ทรีทเม้นท์ไฟ ที่ญี่ปุ่นฮิตมากๆ กับการที่ใช้ผ้าขนหนูชุบแอลกอฮอล์และจุดไฟมาวางไว้บนหน้า เพื่อจะทำให้ผิวสดชื่น กระชุ่มกระชวย ราวกับได้ยาอายุวัฒนะ แต่! ถ้ามันไหม้ละ จะต้องทนเจ็บใจไปทั้งชีวิตไหมนะ 10.สารเคมีกัดผิว วิธีสุดท้ายทำใจไม่ได้จริงๆ ทำไมเราต้องทนเจ็บและทำร้ายผิวด้วยการใช้สารเคมีกัดผิวด้วย แล้วแน่ใจเหรอว่าทำแล้วผิวจะสวยได้จริง แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะอึ้งไปกับทั้ง 10 วิธีนี้ ... แต่จำเป็นต้องทนแบบนี้ไหม? เพราะมีวิธีที่ทำให้เราสวยได้แบบไม่ต้องทนอีกต่อไปกับ #ParrotHerbal สบู่สมุนไพรวิปโฟม2 อิน 1 ตัวช่วยที่อ่อนโยนกว่า สบู่วิปโฟมนุ่มๆ ผลัดเซลล์ผิวหมดอายุอย่างอ่อนโยน เอาใจสาวรักผิว วิธีนี้นี่แหละที่ #อยากสวยไม่ต้องทน ชมคลิปวีดีโอฉบับเต็มได้ที่www.facebook.com/ParrotNatural

สยามเซ็นเตอร์ชวนคนไทย "ฉลอง 100 ปี ธงชาติไทย”

เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 100 ปี วันพระราชทานธงชาติไทย (Thai National Flag Day) วันที่ 28 กันยายน 2560 นับจากเริ่มประกาศใช้ธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย ในปี 2460 เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ และเป็นการน้อมรำลึกถึงการที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย อันประกอบด้วย 3 สี สื่อถึงสิ่งสำคัญหลักของประเทศไทย ได้แก่ สีแดง คือ ชาติ สีขาว คือ ศาสนา สีน้ำเงิน คือ พระมหากษัตริย์ นิยามความหมายจากบทพระราชนิพนธ์เรื่อง “เครื่องหมายแห่งไตรรงค์” ในพระพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สยามเซ็นเตอร์ จึงจัดแคมเปญพิเศษเพื่อเชิญชวนชาวไทยทุกคนร่วมกิจกรรมในงาน “Siam Center Idea Avenue Presents Colors of Siam” (สยามเซ็นเตอร์ ไอเดีย อเวนิว พรีเซ็นต์ คัลเลอร์ ออฟ สยาม) ผ่านรูปแบบงานนิทรรศการจัดแสดงภาพถ่ายธงชาติไทยโดยศิลปินช่างภาพชื่อดัง นิทรรศการผลงานแฟชั่นดีไซน์โดยไทยดีไซเนอร์ชั้นนำของเมืองไทย การจัดประกวดภาพถ่ายธงชาติไทย และการนำเสนอสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ Absolute Siam ณ สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานการตลาดและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า เนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี วันพระราชทานธงชาติไทย สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ขอเชิญชวนคนไทยทำหน้าที่ประชาชนชาวไทยต่อสถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของ “ธงชาติไทย” ในฐานะสัญลักษณ์ที่เป็นศูนย์รวมใจคนไทยให้เป็นหนึ่งเดียว ถือเป็นสิ่งที่ทุกคนรักและเทิดทูนในฐานะสัญลักษณ์สูงสุดของชาติ อีกทั้งเพื่อปลูกฝังไปยังเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้เกิดความรักและสามัคคีร่วมกัน จัดกิจกรรมต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม ศกนี้ พบกิจกรรมที่น่าสนใจหลากหลาย อาทิ นิทรรศการภาพถ่าย “ธงชาติไทย” Colors of Siam : Photo Exhibition โดย สยามเซ็นเตอร์ ร่วมกับช่างภาพชื่อดังของเมืองไทย นำโดย วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ภาพถ่าย วสันต์ ผึ่งประเสริฐ ศิลปินช่างภาพชื่อดัง และพันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์ ช่างภาพแฟชั่นระดับท็อปลิสต์ จัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายชุดพิเศษ ภายใต้ธีม “ธงชาติไทย” นำเสนอภาพถ่ายธงไตรรงค์และภาพที่ได้รับแรงบัดาลใจจากเฉดสีของธงไตรรงค์ ผ่าน 3 มุมมองอันยิ่งใหญ่และสวยงามหลากหลายแง่มุมผ่านเลนส์กล้องอย่างน่าประทับใจ โดยใช้เทคนิคสุดพิเศษเพื่อสร้างสรรค์ผลงานภาพด้วยวิธีการแปลกใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดง “History Exhibition” นิทรรศการบอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมา 100 ปี ธงชาติไทย เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนทั่วไป โดยจัดแสดงให้ชมฟรี ตั้งแต่วันนี้ - 31 ตุลาคม ศกนี้ ณ เอเทรี่ยม 1 ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ นิทรรศการแฟชั่นดีไซน์กว่า 20 แบรนด์ 20 ผลงาน Colors of Siam : Fashion Exhibition สยามเซ็นเตอร์ จับมือ 20 แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชั้นนำ จัดแสดงผลงานการออกแบบแฟชั่นดีไซน์รวมกว่า 20 ชุด โดยได้รับแรงบันดาลใจจากแถบสีของธงชาติ รังสรรค์สู่ผลงานคอลเลคชั่นอันทรงคุณค่าและวิจิตรงดงาม อันแสดงถึงศักยภาพภูมิปัญญาคนไทยมาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมี สินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ Colors of Siam : Absolute Siam Products ซึ่งสยามเซ็นเตอร์ได้รวบรวมสินค้าคอลเลคชั่นสุดพิเศษจากสุดยอดเแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการสร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจภายใต้คอนเซ็ปต์ “Shades of Thai” หรือเฉดสีธงไตรรงค์ ด้วยไอเดียสร้างสรรค์ที่ผสมผสานเอกลักษณ์โดดเด่นในแบบเฉพาะตัวของแต่ละแบรนด์ สู่คอลเลคชั่น Absolute Siam : Colors of Siam นำโดย Kloset ETC, Smiley Hound, Missile และ Baking Soda มาเอาใจคนรักแฟชั่น งานศิลป์ และพลพรรค Siam DNA โดยจัดแสดงในรูปแบบ Pop Up Store ที่มีเฉพาะที่สยามเซ็นเตอร์เพียงที่เดียว ณ พื้นที่ไอเดียอเวนิว ชั้น 1 และพื้นที่แฟชั่นแกลอรี่ ชั้น 2 สยามเซ็นเตอร์ สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษอีกมากมายในแบบ Absolute Siam ไปพร้อมกับการเรียนรู้และค้นหาแรงบันดาลใจในทุกๆ ซอกมุมของ สยามเซ็นเตอร์ The Ideaopolis เมืองแห่งไอเดียล้ำเทรนด์ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม ศกนี้ สอบถามที่โทร. 02-658-1000

ครั้งแรก ! เจาะลึกดีไซน์เครื่องประดับแบรนด์ SIRIVANNAVARI

พระอัจฉริยภาพของ “เจ้าหญิงดีไซเนอร์” เป็นที่ประจักษ์ไปทั่ววงการแฟชั่นโลก ในโอกาสพิเศษที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัด งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 60 (60th Bangkok Gems and Jewelry Fair) ในปีนี้จึงได้กราบทูลเชิญพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดและ ขอพระราชทานพระราชานุญาตจัดนิทรรศการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพด้านการออกแบบเครื่องประดับเพื่อเป็นไฮไลท์พิเศษของงาน สร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักออกแบบไทยรุ่นใหม่ในการพัฒนาฝีมือการออกแบบ และพัฒนาแบรนด์สู่ตลาดสากล อภิรดี ตันตราภรณ์  และ เบลล่า-ราณี แคมเปน สวมเครื่องประดับชุดฟินาเล่  มูลค่ากว่า 45 ล้านบาท อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับอันดับ 10 ของโลก และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับนำรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกแล้วราว 6,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 ของประเทศ และ ในวาระการครบรอบการจัดงานครั้งที่ 60 คณะกรรมการจัดงานได้กราบทูลเชิญพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดและขอพระราชทานพระราชานุญาตจัดนิทรรศการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพด้านการออกแบบเครื่องประดับเพื่อเป็นไฮไลท์พิเศษของงาน
นิทรรศการในครั้งนี้มุ่งเน้นการเจาะลึกเรื่องการดีไซน์เครื่องประดับเป็นครั้งแรกของแบรนด์ SIRIVANNAVARI
พร้อมทั้งจัดรวบรวมผลงานตั้งแต่คอลเลคชั่น SIRIVANNAVARI 2005 จนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 70 ชิ้น นอกจากนี้ คณะผู้จัดงานฯ ได้เตรียมกิจกรรมและนิทรรศการที่จะสร้างแรงบันดาลใจและขยายโอกาสทางการค้าไว้มากมาย อาทิ กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ซึ่งใช้อัญมณีประดับตกแต่ง หรือ Beyond Jewelry การจัดแสดงทับทิมเม็ดงาม 60 เม็ดจากการประกวด World Ruby Contest โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) กิจกรรมสัมมนาให้ความรู้และคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงบริการตรวจสอบอัญมณีเคลื่อนที่ภายในงาน โดยสถาบัน GIT และสถาบันชั้นแนวหน้าของโลก เป็นต้น  ม.ร.ว. แม้นนฤมาส ยุคล เซเลริตี้สาวเก๋ ม.ร.ว. แม้นนฤมาส ยุคล ได้บอกเล่าถึงเครื่องประดับชิ้นโปรดให้ฟังว่า ด้วยความเป็นคนชอบเดินทาง โดยเฉพาะเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ เครื่องประดับชิ้นโปรดที่ต้องมีติดตัวตลอดคือต่างหูค่ะ เพราะส่วนตัวคิดว่าสะดวกในเรื่องการพกพา โดยจะเลือกแบบเรียบๆ กับแบบที่ดูแฟชั่นหน่อยไว้ใส่เข้ากับชุดวันที่เราอยากแต่งตัวสบายๆ และจะรู้สึกภูมิใจทุกครั้งว่าชิ้นโปรดที่เราใส่เป็นของเครื่องประดับฝีมือคนไทย ที่ชาวต่างชาติให้การยอมรับและเอ่ยปากชมอยู่เสมอเลยค่ะ มัลลิกา จงวัฒนา ด้านเซเลบริตี้สาวทายาทธุรกิจเพชรพลอยเมืองไทย มัลลิกา จงวัฒนา กล่าวว่า ทับทิมโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเครื่องประดับที่จันทบุรี ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมอัญมณี แหล่งช่างฝีมือเจียระไรเพชร พลอย ดังนั้นจึงคลุกคลีและกล้าพูดเลยว่าอัญมณีและเครื่องประดับของคนไทยทัดเทียมนานาประเทศ อย่างของที่บ้านทับทิมได้ส่งออกไปที่ประเทศฝรั่งเศส เราจึงได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องนวัตกรรม พร้อมยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้ากันอยู่เสมอ สำหรับคนที่กำลังมองหาเครื่องประดับชิ้นแรก ทับทิมอยากให้ลองเลือกจากแบบที่เรียบง่าย เช่นต่างหูเพชรเม็ดเล็ก หรือมุขเกลี้ยงๆ ก็จะสามารถเข้าได้กับทุกชุดของเราค่ะ พบกับงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ครั้งที่ 60 พร้อมร่วมชื่นชมนิทรรศการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพด้านการออกแบบเครื่องประดับในพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 - 10 กันยายน 2560 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เวลา 10.00-18.00 น. ลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่ www.bkkgems.com หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169

"การ์นิเย่ เซรั่ม มาส์ก" บำรุงผิวให้นุ่มถึงขีดสุด

การ์นิเย่ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจากธรรมชาติของยุโรป ส่งเซรั่มมาส์กสุดเริ่ดที่การันตีว่าโดนใจสาวๆทุกคนแน่นอน ใหม่ล่าสุด! การ์นิเย่ เซรั่ม มาส์ก (Garnier Serum Mask) ครั้งแรกของเซรั่มมาส์ก ใช้เซรั่มมาส์ก 1 ครั้ง เสมือนการใช้เซรั่มบำรุงผิวเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ให้ผลลัพธ์ผิวดูนุ่มเด้งฉ่ำน้ำถึงขีดสุด ด้วยพลังไฮยาลูรอนิค แอซิด ที่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ถึง 1,000 เท่า นอกจากนี้ แผ่นเซรั่มมาส์กยังออกแบบพิเศษเพื่อให้กระชับรับกับโครงหน้าคนเอเชียโดยเฉพาะ มีให้เลือก 3 สูตรที่เหมาะกับแต่ละสภาพผิว ราคาเพียงแผ่นละ 69 บาท มีจำหน่ายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ สำหรับสูตรไฮเดรติ้ง สีฟ้า มีจำหน่ายเฉพาะที่วัตสัน ทุกสาขาเท่านั้น พิเศษ! กับการสั่งซื้อทันใจผ่านทางออนไลน์ ได้แล้ววันนี้ที่ www.lazada.co.th/garnier/

#Mynxbabes นิยามใหม่ของแก๊งเพื่อนสาว

ฤดูกาลใหม่นี้สาวๆจะไม่มีเหงา เพราะแก๊งเพื่อนสาว 3 สไตล์ฮ็อตอย่าง ติช่า สกาย และ เจสซี่ ได้มารวมตัวกันในคอลเลกชั่นใหม่กับคอนเซ็ปต์ #Mynxbabes นิยามใหม่ของความมิ๊งซ์ที่รวมเอาความเปรี้ยว ซ่าและแซ่บแบบคูณสามมาสร้างพลังแห่งความเฉิดฉาย จนแก๊งไหนๆเห็นเป็นต้องอิจฉาโดยเฉพาะสไตล์เก๋ล่าสุดของพวกเธอจาก Misty Mynx Autumn/Winter 2017 ที่รับรองว่าสนุกกว่าซีซั่นก่อนๆอย่างแน่นอนที่สุด ความเป็น
ผู้หญิงตามแบบฉบับมิสตี้มิ๊งซ์นั้นไม่ได้จำกัดแค่ความสวย แต่ต้องเปี่ยมด้วยพลังแห่งเฟมินิสต์สมัยใหม่อันเรียกได้ว่าเป็น Lifestyle Ideal
ที่ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ มีความสุข และกล้าที่จะแตกต่างเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตัวเอง คอลเลกชั่น Misty Mynx Autumn/Winter 2017 ได้แรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานระหว่าง Outdoor Festivals ซึ่งได้แก่ Young Romance, Sense of Femininity และ 1990 to 2005 Style ที่มีความโดดเด่นของStreetwear อย่างเช่น Slogan T-shirts นำไปแม็ทซ์กับชิ้นที่มีความ Feminine ให้ดูเก๋และหรูยิ่งขึ้น เพิ่มลุคที่สนุกและมีฟีลลิ่งของความ Modern & Contemporary เข้าไปผสมเริ่มกันที่ไลน์ Resort wear กับเสื้อผ้าดีไซน์เซ็กซี่แบบสบายๆพร้อมให้หยิบลงกระเป๋าไปใส่เก๋ริมทะเลได้เสมอ ทุกดีไซน์มิสตี้มิ๊งซ์นั้นตัดเย็บด้วยเนื้อผ้าคุณภาพและประดับด้วยวัสดุที่หลากหลายในคัทติ้งและดีเทลที่น่าสนใจ เราเน้นความเป็นตัวของตัวเอง สาวๆสามารถสนุกกับการแมทซ์ได้หลากหลายตามคาแรคเตอร์ ทำให้การจับคู่เสื้อผ้านั้นสนุกสนานขึ้นกว่าเก่า และสิ่งที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของเราก็คือยังคงมีลูกไม้อยู่ในทุกๆคอลเลกชั่น เพราะผ้าลูกไม้แสดงถึงความเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่และอ่อนหวานได้ทั้งสองสไตล์ได้อย่างสวยงาม อีกหนึ่งไลน์คือ Casual wear โดยแต่ละดีไซน์ในคอลเลกชั่นนั้นถูกออกแบบขึ้นเป็นพิเศษโดยเน้นความ Feminine เฉพาะส่วนตามความแตกต่างของทรวดทรงอย่างเสื้อครอปท็อปโชว์เอวคอดสวย เสื้อผ่าอกร้อยเชือกเน้นดีเทลช่วงหน้าอก หรือเดรสตัวยาวเนื้อผ้าพริ้วไหวเผยให้เห็นรูปทรงโค้งเว้าดูเซ็กซี่แบบเบาๆเมื่อลมพัดผ่าน เพราะ Misty Mynx เชื่อว่าคาแร็คเตอร์เป็นแค่เพียงคำจำกัดความของบุคลิกภายนอกที่ผ่านสายตาคนทั่วไป แต่สิ่งที่มากกว่าคือทัศนคติที่มาจากข้างใน เพราะความสวยของผู้หญิงทุกวันนี้ ไม่ได้วัดแค่เพียงหน้าตาหรือรูปร่าง แต่สิ่งที่จะทำให้ผู้หญิงดูสวยและมีเสน่ห์ที่สุดคือการได้รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร รู้จักเลือก และรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ให้คุณตกหลุมรักในดีไซน์หลากหลายที่ไม่เพียงสร้างคาแรคเตอร์ของคุณให้ชัดเจนยิ่งขึ้นแต่ยังเสริมความเป็นผู้หญิงได้โดยไม่บังคับให้คุณต้องหุ่นสวยเพอร์เฟค นอกจากดีไซน์ที่ตอบโจทย์ Lifestyle ให้กับสาวๆ แล้ว Misty Mynx Autumn/Winter 2017 ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ของเสื้อผ้าไลน์แอคทีฟแวร์นั่นคือ Movement ในซีซั่นนี้เน้นสไตล์ Sport ที่ให้ความคล่องตัวทุกที่ไม่ว่าจะเข้ายิม หรือแต่งเป็น everyday look แบบสปอร์ตเกิร์ล อิงเทรนด์ Athleisure ที่กำลังมาแรงโดยผสมผสานระหว่างชุดลำลองและชุดออกกำลังกายเข้าด้วยกัน ทั้งแฟชั่นและฟังก์ชั่นความคล่องตัว เป็นลุคสวยที่โดดเด่นด้วยความคล่องแคล่วใช้ออกกำลังกายได้จริงและยังดูเปรี้ยวเก๋กว่าใครทั้งในและนอกฟิตเนส โดยเฉพาะเทรนด์ของปีนี้เน้นการมิกซ์แอนด์แมทช์ชิ้นสปอร์ตกับบางชิ้นที่ดูเป็น Casual wear ที่กำลังเป็นที่นิยม ให้เป็นสไตล์ Urban Sport ด้วยการหยิบจับเสื้อผ้าและไอเท็มต่างๆมาใส่ด้วยกันอย่างไม่ถูกตีกรอบ หากอยากจะใส่สลิปเดรสกับรองเท้าผ้าใบก็ดูเป็นสาวคูล หรือกระโปรงพลีตผ้าซีทรูกับเสื้อฮู้ดดี้เสว็ตเตอร์ก็ดูหรูแบบสตรีท นอกจากสไตล์แล้ว การแต่งสวยก็ไม่จำกัดวันเวลาเช่นกันเพราะหัวใจสำคัญของสาวมิ๊งซ์คือ Life is a Party and every day is a holiday! มาสนุกกับ Lifestyle ในแบบที่เลือกได้เองเหมือนกับสามสาวมิ้งซ์และจับตาดูความ Powerful ของแก๊งนี้ไว้ รับรองว่ามีอะไรดีๆ สนุกๆ ให้ติดตามอย่างแน่นอน .. พบกับ Misty Mynx #Mynxbabes คอลเลกชั่น Autumn/Winter 2017 นี้ได้ที่ ร้าน Misty Mynxทั้ง 13สาขาทั่วประเทศ - ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่ Suppaluck.51@gmail.com

"PAUL & JOE LIPSTICK N" เจิดจรัสในแบบสาวปาริเซียน

เครื่องสำอาง PAUL & JOE (พอล แอนด์ โจ) จากประเทศฝรั่งเศส เปิดตัวลิปสติกใหม่ล่าสุด PAUL & JOE LIPSTICK N (พอล แอนด์ โจ ลิปสติก เอ็น) ลิปสติกที่สะท้อนเสน่ห์ในตัวคุณให้เปล่งประกายออกมา ด้วย 25 เฉดสีใหม่ ที่มอบความนุ่มและล็อคความชุ่มชื้นไว้บนริมฝีปาก มาพร้อมกับเนื้อลิปสติกถึง 3 แบบ ให้คุณเลือกมั่นใจได้ในแบบฉบับของคุณเอง สนุกกับการจับคู่สีลิปสติกที่คุณโปรดปรานเข้ากับเคสหลากหลายแบบ ที่ทำให้การทาลิปสติกกลายเป็นเรื่องสนุกสนาน มาเป็นผู้หญิงที่น่าหลงใหล และเจิดจรัสในแบบสาวปาริเซียนได้แล้ว ที่เคาน์เตอร์ PAUL & JOE สาขาเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และสยาม พารากอน - ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่ Suppaluck.51@gmail.com

Smart Woman I “วิไล เคียงประดู่” แนะกลยุทธ์พีอาร์มืออาชีพ

เมื่อนึกถึง “ประชาสัมพันธ์” หรือ “พีอาร์” แถวหน้าของประเทศในแวดวงโทรคมนาคมของบริษัทเอกชนแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ “วิไล เคียงประดู่” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส แม่ทัพคนสำคัญของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ค่ายสีเขียว ที่โลดแล่นอยู่ในวงการพีอาร์มากว่า 20 ปี ท่ามกลางการขับเคี่ยวของโลกธุรกิจ การจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำและการจะทำกิจกรรมให้เป็นที่โดนใจนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของทีมพีอาร์เอไอเอส เมื่อในวันนี้ “วิไล เคียงประดู่” ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหลายๆโครงการของเอไอเอส ได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของผู้คนทั่วประเทศ โดยเฉพาะโครงการเพื่อสังคมอย่าง “โครงการสานรัก” และ “โครงการ อสม.ออนไลน์” วิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เผยถึงกลยุทธ์งานประชาสัมพันธ์ว่า หัวใจสำคัญของงานพีอาร์ต้องเป็นงานที่เป็นทีมเวิร์ก เพราะสิ่งที่เราทำวันนี้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าวันข้างหน้าจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นการทำงานที่เป็นทีมเวิร์ก ร่วมมือกัน ไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยกันระดมความคิด และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัท จะทำให้งานพีอาร์มีความก้าวหน้าและผิดพลาดน้อยลง “เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปเร็วมากในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี หรือเรื่องของผลพวงมาจากเทคโนโลยี ทำให้โลกใบนี้ใกล้กันมากขึ้น ดังนั้นการเคลื่อนตัวในทุกๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพฤติกรรม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ทุกอย่างจึงรวดเร็วไปหมด บริษัทที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ทั้งหลายจึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเรามีความพร้อม มีความแข็งแกร่ง มีเม็ดเงินในการลงทุน ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงหรือก้าวให้ทันกับโลกที่มีความเคลื่อนตัวเร็ว แต่ข้อเสียคืออาจจะเคลื่อนตัวช้าเมือ่เทียบกับองค์กรขนาดเล็กที่สามารถเคลื่อนตัวได้รวดเร็วฉับไวกว่า ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้การที่องค์กรขนาดใหญ่จะก้าวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง จึงต้องคาดการณ์ก่อนล่วงหน้า สมมติว่าในปีหน้ามีจุดเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่สำคัญ องค์กรขนาดใหญ่ๆทุกองค์กร จะต้องดำเนินการก่อน เพื่อรองรับให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึงนั้นๆ” ในมุมมองของเชิงธุรกิจ วิไลกล่าวว่า “ต้องยอมรับว่าการสื่อสารในเรื่องธุรกิจโทรคมนาคมในปัจจุบันเหมือนกันหมด ซึ่งเกิดจากการแข่งขันที่ผลักดันกันไป เราเองพยายามที่ปรับกลยุทธ์ในการสื่อสารเพื่อที่จะให้เราแตกต่าง โดยสิ่งที่ทำวันนี้นั้น ทำแล้วเกิดประโยชน์กับลูกค้า เมื่อออกไปสู่ตลาดแล้วลูกค้าจะได้อะไร ประเทศได้อะไร เราจะพยายามเปลี่ยนวิธีในการสื่อสาร ซึ่งแน่นอนว่าวิธีการดูแลลูกค้า ก็จะเกิดรายละเอียดและใส่ใจมากยิ่งขึ้น สำหรับอุปสรรคในการทำงานพีอาร์ที่พบส่วนใหญ่เป็นเรื่องจุกจิก เช่นความคลาดเคลื่อนในกระบวนการสื่อสารระหว่าง “ส่วนงานโฆษณา” กับ “ส่วนงานประชาสัมพันธ์” เมื่อพบต้องรีบปรับแก้ คือถ้าการสื่อสารที่มีความสอดคล้องกันแล้ว งานจะเป็นไปตามแผนได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามในกระบวนการทำงาน เราจะมีแผนรองรับเสมอ สิ่งสำคัญคือทุกเรื่องต้องตรวจสอบหากพบข้อผิดพลาองรีบแก้ไขทันที” หากต้องรับมือกับสถานการณ์การผลัดใบขององค์กร ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโสฯ ให้คำแนะนำว่า “แน่นอนว่าในทุกองค์กรย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นหัวใจสำคัญคือเรื่องของการสื่อสารให้เข้าใจ ให้ไปในทิศทางเดียวกัน ให้รู้ในจุดมุ่งหมายเดียวกัน และการสื่อสารนั้นต้องลงไปในทีม ซึ่งแต่ละคนมีประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เท่ากัน พูดสิ่งเดียวกันอาจตีความไม่เหมือนกัน สิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าเข้าใจตรงกันก็คือการ 'ลงมือทำ' แล้วตรวจสอบ คือนอกจากจะสื่อสารให้เห็นภาพชัดไปในทิศทางเดียวกันแล้ว ในระหว่างทำงานเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน ต้อง 'ตรวจสอบ' และ 'ให้คำแนะนำ' ไปด้วย ส่วนเทคนิคการปรับให้เข้ากันคือการฟังความเห็นร่วมกัน ระดมความคิดเห็นร่วมกัน ซึ่งบางครั้งเราอาจจะมีธงในใจ แต่ถ้ามีเหตุและมีผลที่เหมาะสม ธงนั้นควรจะเปลี่ยน อย่ายึดมั่นถือมั่น ที่สำคัญแม้ว่าเราจะมีธงในใจอยู่แล้ว อย่าไปชี้นำ พยายามให้ทุกคนมีความคิดเห็น หากความคิดเห็นนั้นมีความสอดคล้อง นั่นยิ่งทำให้เรามั่นใจมากยิ่งขึ้น เราก็จะได้ชูธงที่เหมือนกัน” วิไลกล่าวอีกว่า
งานประชาสัมพันธ์หัวใจอยู่ที่ 'กลยุทธ์ในการสื่อสาร'
ทำหน้าที่เป็นเหมือนกระบอกเสียงให้บริษัท เสมือนเป็นกองทัพหนึ่งของบริษัทที่ให้บุคคลภายนอกเห็นว่าบริษัทเป็นอย่างไร ด้วยเหตุนี้งานประชาสัมพันธ์จึงต้องการคนที่เปิดใจ ศึกษาอยู่เสมอ เป็นคนที่กระตือรือร้น อัธยาศัยดี การมีใจในการให้บริการสูง และที่สำคัญที่สุดคือต้อง 'อดทน' เพราะคุณอยู่ระหว่างบุคคลภายในองค์กรและภายนอกองค์กร ในส่วนของเนื้องาน งานพีอาร์เป็นงานที่มีสเน่ห์ ไม่มีสูตรตายตัว เป็นงานที่มีกระบวนการที่จะพัฒนาตัวเราขึ้นเรื่อยๆ เริ่มต้นจากระดับพื้นฐานซึ่งมีหน้าที่หลักคือทำคอนเท้นต์ที่ได้รับมอบหมายให้ได้รับการตอบรับที่สูงจากภายนอก พอเลื่อนเป็นระดับกลางก็จะทำหน้าที่บริหารจัดการให้คอนเท้นต์ที่อยู่ในช่องทางต่างๆเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งแปลว่าคุณต้องมีกระบวนการคิด กระบวนการวางแผนและมีแผนงาน และเมื่อเลื่อนไปในระดับที่สูงขึ้นมาอีก คุณจะต้องเป็นคนที่มีกลยุทธ์ในการสื่อสารและมีกลยุทธ์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ต้องมีความเข้าใจและชัดเจนว่า สิ่งที่คุณจะส่งออกไปนั้น ใช่ตามที่ลูกค้าต้องการหรือเปล่า “คนที่ทำอาชีพพีอาร์เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น จะมีความเข้าใจในเรื่องของการวางกลยุทธ์และการสื่อสารมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีอิทธิพลมากต่อการที่จะโน้มน้าว บอกเจตนารมย์ รวมถึงการช่วยเหลือสังคม คนที่ทำอาชีพพีอาร์ต้องมองภาพรวม เพราะพีอาร์คือ 'การสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กรแบบองค์รวม' ” วิไลกล่าวทิ้งท้าย "ศุภลักษณ์ หัตถพนม"

“หญิง-รฐา” แดนซ์สะบัด ฉลอง 30 ปี “โลแลน”

เป๊ะเว่อร์ทั้งหุ่นและรูปร่างยันเส้นผมสำหรับนักร้องสาว “หญิง-รฐาโพธิ์งาม” ล่าสุดเพราะเป็นสาวชอบเรื่องความสวยงามเลยหยิบเอาเพลง “อยากสวย” มาปัดฝุ่นร้องใหม่พร้อมมิวสิควีดีโอตัวใหม่เพื่อร่วมฉลองให้กับ งาน“ผมสวยชีวิตดี 30 ปี โลแลน Beautiful Hair ,Beautiful life” ที่เพิ่งจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญนี้ไปเมื่อบ่ายวันก่อน ณ ลาน อีเดน โซน แอท เซ็นทรัลเวิลด์ บรรยากาศในงานหลังเปิดตัวด้วยวีทีอาร์แคมเปญไปแล้ว อุ่นเครื่องงานด้วย วิบูลย์ สมบูรณ์ศักดิกุล ซีอีโอ และ เสรี สมบูรณ์ศักดิกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอส.ซี.เสรีชัยบิวตี้ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ ออกมาเปิดงานฉลอง 30 ปี ก่อนจะมอบถ้วยรางวัลให้กับ อาจารย์กรประเสริฐ ประเสริฐพิพัฒ, ดร.สมศักดิ์ ชลาชล, อาจารย์มาร์ค ธาวิน พีเซียวตง และตัวแทนกลุ่มช่างทำผมต่างๆ จนถึงคิวพิธีกรหนุ่ม จอห์น-วิญญู ออกมาเปิดไฮไลท์ของงานด้วยโชว์จาก หญิง - รฐา ที่ออกมาสะบัดเรือนร่างพร้อมแดนซ์เซอร์ในเพลงอยากสวย สะกดสายตาแขกเหรื่อในงานให้ฟังกันเป็นครั้งแรก พร้อมนั่งพูดคุยถึงที่มาของเพลง “อยากสวย” ที่มาฉลอง 30 ปีให้กับโลแลน ก่อนส่งเข้าคิวเปิดตัวมิวสิควีดีโอเพลงนี้ที่เปิดซิงให้ชมกันเป็นครั้งแรกจนเรียกเสียงปรบมือสนั่น จนถึงคิวปิดด้วยการถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกพร้อมหน้ากันอย่างสนุกและอบอุ่น เสร็จงาน “หญิง” เผยความรู้สึกว่า “รู้สึกดีใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในงานครบรอบ 30 ปีครั้งนี้ เราได้มาร้องเพลงเพื่อสร้างแรงบันดาลให้กับคนอยากสวย อยากเป๊ะซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้เราประสบความสำเร็จได้ สำหรับเพลงอยากสวย หญิงว่ามันเป็นตำนานนะคะ อยู่มานานพอเอากลับมาใช้ในวันนี้เนื้อหามันก็ยังเข้ากับปัจจุบันสำหรับผู้หญิงทุกคนที่อยากสวยได้ และสำหรับเพลงนี้ตื่นเต้นนะคะ ในงานนี้หญิงเอามาโชว์เป็นครั้งแรกด้วย พอโชว์เสร็จยังรู้สึกว่าอยากเต้นเยอะกว่านี้(หัวเราะ) ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีของหญิงอีกแบบหนึ่งคะ ก็ขอฝากเพลงนี้เอาไว้กับทุกคนด้วยค่ะ

‘น้องกิ๊ฟ’ สาวยโสธร ซิวมิสซูปร้าเนชั่นไทยแลนด์คนแรก

วานนี้ (2 ก.ย.60) ที่โรงละครสยามนิรมิต ภูเก็ต กองประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ นำโดย นายภูมิรัตน์ เลิศวิศิษฎ์ชัย ประธานอำนวยการกองประกวดฯ นางสาวณหทัย เล็กบำรุง ผู้ที่ลิขสิทธิ์ จัดการประกวด “มิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017” รอบตัดสิน โดยมีนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้เกียรติชมการประกวดซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ท่ามกลางกองเชียร์ ทั้งพ่อแม่พี่น้อง ญาติของเหล่าสาวงาม และแฟนนางงามมาให้กำลังใจ พร้อมส่งเสียงเชียร์ติดขอบเวทีกันอย่างคึกคัก โดย สาวงามผู้ได้รับตำแหน่ง “มิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017” คนแรก ได้แก่ มิสซูปร้าฯ ยโสธร น้องกิ๊ฟ -นางสาวจิรประภา บุญเนื่อง รับรางวัลเงินสด 1ล้านบาท มงกุฎเพชร สายสะพาย รถยนต์โปรตอน 1 คัน และของราวัลจากผู้สนับสนุนมากมากมาย พร้อมเป็นตัวแทนสาวไทยเข้าประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนล 2017 ที่ ประเทศโปแลนด์ ในขณะที่ มิสซูปร้าฯ น่าน น้องอุ้ม - นางสาวพิณรัตน์ มะวิญธร คว้ารองมิสซูปร้าเนชั่นไทยแลนด์ 2017 รับรางวัลสายสะพายพร้อมของรางวัลจากผู้สนับสนุน สำหรับ น้องกิ๊ฟ - มิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017 อายุ 22 ปี มีบ้านเกิดอยู่ จ.ตรัง ก่อนย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ จ.ยโสธร สูง 176 ซม. หนัก 54 กก. สัดส่วน 34-25-36 กำลังศึกษาปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ก้าวเข้าสู่การประกวดนางงามเวทีระดับประเทศ กับการประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนลไทยแลนด์ 2017 เพราะอยากเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ดีใจที่ประสบความสำเร็จกับการประกวดครั้งนี้ ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประกวดนางงามเวทีระดับโลกต่อไป