EN Name: 
Woman

5 บุคลิกภาพ ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ

ปัจจุบันผู้หญิงทั่วโลกมีบทบาทสำคัญและมีความรับผิดชอบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในแวดวงการเมือง วิชาการ ธุรกิจ หรือวิทยาศาสตร์ จะเห็นได้ว่าผู้หญิงมีอิทธิพลมากขึ้น จากผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ด ในการสำรวจดัชนีผู้ประกอบการหญิง (Mastercard Index of Women Entrepreneurs) พบว่า
ประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิง มีอัตราในการก้าวหน้าในที่ทำงานมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิก (APAC)
และจากผลสำรวจดังกล่าว มาสเตอร์การ์ดเผยบุคลิกภาพ 5 ลักษณะที่ผู้หญิงควรมี เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ 1. พัฒนาความสามารถของตัวเองอยู่ตลอดเวลา โลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันในปัจจุบัน ผู้หญิงไม่สามารถปล่อยเวลาให้สูญเปล่าอีกต่อไป ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาพร้อมกับความสำเร็จ การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยเวลาและความมุ่งมั่น ผู้หญิงที่จะประสบความสำเร็จต้องมีความพร้อมทั้งกายและใจ ในการพัฒนาทักษะและความสามารถของเธอให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทักษะที่เธอมีนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น และไม่สามารถทดแทนได้ 2. เรื่องเงินๆทองๆ ต้องพวกเธอเลย ใครบ้างที่จะไม่รักผู้หญิงฉลาด? .. ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่นั้นมีความสามารถในการบริหารจัดการการเงินเป็นอย่างดี จากผลสำรวจการให้ความสำคัญด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในปี 2560 ซึ่งจัดทำโดยมาสเตอร์การ์ด (MasterCard Consumer Purchasing Priorities 2016) พบว่าร้อยละ 93 ของผู้หญิงไทย มีการตัดสินใจด้านการเงินเกี่ยวกับการออมและการลงทุนมากที่สุด และร้อยละ 92 ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการเงินในครัวเรือน เรื่องเงินเรื่องทองเป็นเรื่องที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะมันทำให้พวกเธอสามารถที่จะควบคุม บริหารจัดการชีวิตได้ จากการจัดสรรเงินออม การลงทุน และการควบคุมค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อยอยู่เสมอ 3. ครอบครัวต้องมาก่อน ครอบครัวมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จ ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มีครอบครัวเป็นแรงผลักดัน แม้จะต้องทำงานอย่างหนัก หรือมีความรับผิดชอบสูง แต่พวกเธอจะแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ไม่ว่าตารางงานจะแน่นแค่ไหน แต่มั่นใจได้เลยว่า ทุกครั้งที่ครอบครัวต้องการเธอ เธอจะอยู่ตรงนั้นเสมอ สำหรับผู้หญิงแล้ว ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับตัวเองถือเป็นความสำเร็จของครอบครัวด้วยเช่นกัน และความสำเร็จที่พวกเธอได้รับทั้งหมดจะไร้ค่า หากไม่ได้ร่วมแบ่งปันให้ใครเลย จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในด้านการงานส่วนใหญ่ จึงมองหาความสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวของพวกเธอและการทำงานนั่นเอง 4. สิ่งที่มีคือความมั่นใจและไม่ยอมแพ้ การมีความมั่นใจ และความเพียรพยายามเป็นคุณลักษณะที่สำคัญสำหรับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ ในทุกวันนี้ผู้หญิงถูกประเมินค่าต่ำเกินไปในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการทำงาน เพราะฉะนั้นไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เธอรู้คุณค่าของความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ และไม่ยอมให้ใครมาลดคุณค่าลงไปได้ ความเชื่อมั่นประกอบกับความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ ทำให้พวกเธอประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งใจไว้ การไม่ยอมแพ้แม้จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น แต่จะใช้โอกาสนั้นในการเรียนรู้เพื่อเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จต่อไป 5. ไม่กลัวที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จชอบที่จะรับมือกับสถานการณ์แห่งความไม่แน่นอน หากมีโอกาสที่จะลองสิ่งใหม่ๆ เธอจะอาสาเป็นคนแรกเสมอ และสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะนำพวกเธอไปสู่ความสำเร็จ เพราะมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์ เธอชอบความรู้สึกตื่นเต้นที่มาพร้อมกับความเสี่ยง และพวกเธอก็ไม่กลัวที่จะทำสิ่งที่แตกต่างออกไป ถึงแม้ฟังดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่สำหรับพวกเธอแล้วทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ

มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 22

สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (pubat) ประกาศความพร้อมจัด “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 22 (Book Expo Thailand 2017)” ภายใต้แนวคิด “ความทรงจำ” ระหว่างวันที่ 18 – 29 ตุลาคม 2560 (12 วัน) ตั้งแต่เวลา 10.00 – 12.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นิตยสาร “วงวรรณคดี” สุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า มหกรรมหนังสือครั้งนี้จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “ความทรงจำ” ซึ่งเชื่อมโยงกับนิทรรศการหลักของงานคือ “ความท๙งจำ” โดยการสนับสนุนจาก กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กรมศิลปากร และสมาคม ผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำหนังสือ ประสานความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและเอกชน สุชาดา สหัสกุล
ไฮไลท์ของนิทรรศการความทรงจำ ได้รับความอนุเคราะห์จาก ‘คุณไพศาลย์ เปี่ยมเมตตาวัฒน์’ นักสะสมหนังสือและภาพโบราณจะนำ นิตยสาร “วงวรรณคดี” ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2490 ซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาตพิเศษให้ตีพิมพ์ พระราชนิพนธ์เรื่อง “เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่ สวิทเซอร์แลนด์” ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์เรื่องแรกเมื่อทรงขึ้นครองราชย์ มาจัดแสดง
ร่วมกับหนังสือพระราชนิพนธ์เล่มอื่นๆ หนังสือที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอด 7 ทศวรรษ ในรัชสมัยของพระองค์ นอกจากนี้ยังมีสิ่งพิมพ์และของที่ระลึกต่างๆ ที่จัดทำขึ้นหลังวันสวรรคต 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนิทรรศการที่รวบรวมหนังสือและสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาแสดงให้ชมมากที่สุดอีกด้วย ‘'ที่คั่นหนังสือแห่งความท๙งจำ’ ขณะที่ สุลักษณ์ วิศวปัทมวรรณ อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวถึง นิทรรศการ 100 ABCD ซึ่งจะจัดแสดงผลงานปกหนังสือและรูปเล่มดีเด่นที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ 100 Annual Book and Cover Design 2017 หรือ 100 ABCD ว่า ปีนี้ มีผลงานที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากแวดวงศิลปะและหนังสือ โดยแบ่งเป็นประเภทปกหนังสือ 80 ผลงาน และการออกแบบรูปเล่ม 19 ผลงาน ซึ่งผลงานทั้งหมดนี้จะนำมาแสดงในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 22 นี้ รวมทั้งนำไปแสดงในงานแสดงหนังสือของต่างประเทศอีกด้วย ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูงานได้อีกช่องทางหนึ่งที่ www.100abcd.orgที่พิเศษในปีนี้ยังได้จัดทำของที่ระลึก ‘'ที่คั่นหนังสือแห่งความท๙งจำ’ Limited edition เพื่องานมหกรรมหนังสือระดับชาติในครั้งนี้โดยนักออกแบบชื่อดัง ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะมอบให้กับ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อสมทบทุนอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา

"สยามพิวรรธน์ - หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล" เชิญชม นิทรรศการ "กราบ สักการะ"

สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหาร ศูนย์การค้าสยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล จัดแสดงนิทรรศการ "กราบ สักการะ" โดย ศาสตราจารย์ถาวร โกอุดมวิทย์ (จากซ้าย)  เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์,  ชฎาทิพ จูตระกูล,  ศ.ถาวร โกอุดมวิทย์ และ  ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ร่วมเปิดนิทรรศการฯ
นำเสนอผลงานจิตรกรรมภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ด้วยรูปแบบจิตรกรรมผสมผสานเทคนิคกระบวนการของงานภาพพิมพ์ลงบนผืนผ้าใบ
สื่อให้เห็นถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ภายใต้แนวความคิดเกี่ยวกับการกราบ สักการะ ซึ่งถือเป็นการแสดงความคารวะอย่างสูงสุดตามคติความเชื่อแบบชาวตะวันออก ด้วยความน้อมรำลึกอาลัยที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย โดยผลงานทั้งหมดจำนวน 20 ผลงาน ศ.ถาวร โกอุดมวิทย์ แนวความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้ มีการเลือกเฟ้นรูปทรงของ สิ่งต่างๆ ในธรรมชาติมาเป็นสัญลักษณ์แทนความเคารพนบน้อม ตลอดจนเข้าใจและเข้าถึงสัจธรรมความเป็นจริงของทุกสรรพสิ่งที่ล้วนต้องเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่ว่าจะเป็นกิ่งไม้ ดอกไม้ ใบไม้ เถาวัลย์ ก้อนหิน เครื่องปั้นดินเผา ภาชนะรองรับน้ำ ฯลฯ ซึ่งสัญลักษณ์ในธรรมชาติที่แฝงไว้ในผลงานทั้งหมดล้วนมีความหมายเชื่อมโยงถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อาทิ ดวงเทียนและเปลวไฟ เปรียบเสมือนพระองค์ท่านซึ่งทรงเป็นดุจดั่งดวงประทีปส่องทางให้แก่ปวงชนชาวไทย เป็นความสุกสว่างรำไรเรืองรอง ขณะที่รูปทรงภูเขาภูผาสีทอง ก็เป็นสัญลักษณ์แห่งพระบารมีอันสูงส่งไพศาล พระราชหฤทัยอันหนักแน่นไม่คลอนแคลน ร่องรอยหยดไหลของสีทอง ก็เปรียบได้กับน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งรินล้นให้ความร่มเย็น สู่พสกนิกรชาวไทยมาตลอดระยะเวลา 70 ปี นอกจากนั้น นิทรรศการในครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรต์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปีพุทธศักราช 2536 นำกวีนิพนธ์ชุด “ทศพิธราชธรรม” จำนวน 50 บท ที่ประพันธ์ขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากพระจริยวัตรอันสูงส่งทรงสง่าของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเรื่องราวเนื้อหาคำกวีสอดรับกับแนวความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม พรรณนาถึงความเป็นมหาราชผู้ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรมอันยิ่งใหญ่ ในรูปแบบของร้อยกรอง กาพย์ยานี 11 ขับขานราชธรรม 10 ประการ อันได้แก่ ทาน ศีล การบริจาค ความซื่อตรง ความอ่อนโยน ความเพียร ความไม่โกรธ ความไม่เบียดเบียน ความอดทน และความเที่ยงธรรม โน้มนำให้ถ้อยความจากตัวอักษรและเส้นสีจากภาพวาด แนบประสานไปพร้อมกันด้วยความจงรักภักดีเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และแสดงความอาลัยในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในนิทรรศการ “กราบ สักการะ” โดยศาสตราจารย์ถาวร โกอุดมวิทย์ ระหว่างวันนี้– 31 ตุลาคม 2560 ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 สยามพารากอน

“ศาสตรา สถาปัตย์ ไทย” ถอดรหัสงานออกแบบพระเมรุมาศ

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ภายใต้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้สร้างสรรค์ (OKMD) โดยความร่วมมือจาก กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร และสถาบันสถาปัตยกรรมไทยเฉลิมพระเกียรติ จัด นิทรรศการ “ศาสตรา สถาปัตย์ ไทย: พระเมรุมาศ จุดเชื่อมจักรวาลและการออกแบบ” (Insight | Thai | Architecture) ถ่ายทอดองค์ความรู้ ศิลปะวิทยาการและความคิดสร้างสรรค์ทางด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมไทย ผ่านกรณีศึกษาพระเมรุมาศและพระที่นั่งทรงธรรม สถาปัตยกรรมชั่วคราวในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กิตติรัตน์ ปิติพานิช รักษาการผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) กล่าวว่า นิทรรศการ “ศาสตรา สถาปัตย์ ไทย: พระเมรุมาศ จุดเชื่อมจักรวาลและการออกแบบ” (Insight | Thai | Architecture)
นำเสนอองค์ความรู้ด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมไทย โดยมีกระบวนการออกแบบพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
เป็นศูนย์กลางในการบอกเล่าศิลปะวิทยาการและความคิดสร้างสรรค์ทางด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมไทย อันถือเป็นอาวุธสำคัญในการออกแบบ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “ศาสตรา” ในชื่อนิทรรศการครั้งนี้ นิทรรศการจะมีการแบ่งเนื้อหานิทรรศการและวัตถุจัดแสดงออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้ 1) โซน “คติจักรวาลและงานออกแบบสถาปัตยกรรมไทย” นำเสนอความเชื่อทางศาสนาและคติจักรวาล ที่เป็นพื้นฐานในการจัดผังของสถาปัตยกรรมไทย โดยจัดให้มีการฉายภาพเคลื่อนไหวของจักรวาลผ่านแบบจำลองพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม ที่มีแกนกลางเป็นเขาพระสุเมรุ และมีสัตตบริภัณฑคีรีล้อมรอบ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมไทยที่สะท้อนการวางแผนผังตามหลักคติจักรวาลได้อย่างสมบูรณ์ 2) โซน “โรงขยายแบบเท่าจริง ศิลปกรรม และศิลปสำหรับงานสถาปัตยกรรม” จำลองบรรยากาศโรงขยายแบบ หรือวิธานสถาปกศาลา พร้อมวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือในการออกแบบและขยายลาย รวมไปถึงจัดแสดงแบบร่างมือเท่าขนาดจริง (1:1) ในส่วนงานสร้างพระเมรุมาศ และอาคารประกอบ นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอศิลปะต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมชั่วคราวในงานพระราชพิธีฯ 3) โซน “ครูสร้างนักออกแบบให้เป็นคน” บอกเล่าแนวความคิดและวิถีการถ่ายทอดความรู้จากครูทางด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม อันเป็นแรงบันดาลใจให้ศิษย์ ผู้ซึ่งเป็นกลุ่มสถาปนิกที่อยู่เบื้องหลังการทำงานออกแบบและปฏิบัติการสร้างพระเมรุมาศ ให้เกิดการสร้างสรรค์ในการพัฒนาความรู้ไปสู่กระบวนการทำงาน การใช้ชีวิต และการสืบทอดงานศิลป์สู่คนรุ่นหลัง 4) โซน “เวิร์กช็อปตามรอยสถาปัตย์ไทย” เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้ศึกษาลักษณะการทำงานด้านจิตรกรรม ศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมตามรอยศิษย์มีครู ด้วยการฝึกเขียนแบบร่างลายไทยเบื้องต้น การทำตบสี เพื่อให้เข้าใจความอดทนทุ่มเทฝึกมือ ฝึกตา ฝึกสมาธิของช่างไทย ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ “ศาสตรา สถาปัตย์ ไทย: พระเมรุมาศ จุดเชื่อมจักรวาลและการออกแบบ” (Insight | Thai | Architecture) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ – 7 มกราคม 2561 เวลา 10.30 – 21.00 น. ทุกวันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) ณ ห้องแกลอรี่ ชั้น 1 อาคารส่วนหลัง ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-105-7441

นิทรรศการภาพถ่ายเฉลิมพระเกียรติ “ร.๙ ในหลวงในดวงใจ”

บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านการผลิต การประกอบ และจัดจำหน่ายเลนส์แว่นตาจากประเทศฝรั่งเศส ร่วมกับ มูลนิธิเอสซีลอร์ วิชชั่น ฟาวเดชั่น และ ศิลปินนักถ่ายภาพชั้นนำของเมืองไทยจำนวน 14 ท่าน ขอเชิญผู้สนใจเข้าชมงานนิทรรศการภาพถ่ายเฉลิมพระเกียรติ “ร.๙ ในหลวงในดวงใจ” เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่วันที่ 17 – 29 ตุลาคม 2560 ทุกวันในเวลา 10.00 – 20.00 น. ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
พบกับการนำเสนอภาพถ่ายผ่านเลนส์กล้องจำนวน 56 ภาพ ที่ล้วนสะท้อนถึงเรื่องราวอันทรงคุณค่าของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บอกเล่าถึงพระราชจริยวัตรอันงดงาม พระราชกรณียกิจนานัปการ และภาพความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อพระองค์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ตลอดระยะเวลาการครองราชย์กว่า 70 ปีของพระองค์ โดย14 ศิลปินที่ร่วมแสดงภาพถ่ายในนิทรรศการครั้งนี้ ได้แก่ สมศักดิ์ พัฒนพิฑูรย์, บุณฐไชย ไชยวิรุณเจริญ, สุรพล สุคำทัศน์, วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์, กำธร เภาวัฒนาสุข, กิติ กิตติพงศ์สถาพร, พุฒิธร พรหมดวง, สัญชัย ลุงรุ่ง, พลัฏฐ์ ไชยพิทักษ์กุล, ณกฤช จรูญศรีรักษ์, จิรฐา นรพิทยนารถ, อลิซ วิชช์โชติ, วรรณธนี อภิวัฒนเสวี, และ วรรณพงษ์ สุรโรจน์ประจักษ์ นอกจากนี้ บริษัท เอสซีลอร์ ดิสทรีบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด มูลนิธิเอสซีลอร์ วิชชั่น ฟาวเดชั่น และศิลปินนักถ่ายภาพทั้ง 14 ท่าน ยังได้ร่วมกันจัดทำ “หนังสือภาพถ่ายเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ ในหลวงในดวงใจ” มูลค่า 999 บาท ซึ่งจะมอบเป็นของขวัญพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อเลนส์โปรเกรสซีฟ Varilux X Series ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.essilor.co.th ทั้งนี้ผู้ที่ลงทะเบียนและร่วมพิธีเปิดนิทรรศการในวันที่ 17 ตุลาคม 2560 เวลา 17.00 – 20.00 น. จะได้รับของขวัญพิเศษ “กระเป๋าผ้า ร.๙ ในหลวงในดวงใจ” จำกัดจำนวนเพียง 300 ใบ สงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่มาลงทะเบียนก่อนเท่านั้น !!

ผู้หญิงพลังบวก I 1ปีที่ไม่มีพ่อ

วันที่สุดแสนวิปโยคของพวกเราชาวไทย เมื่อได้ยินแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง “เรื่องการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559” วินาทีนั้น น้ำตาชาวไทยไหลรินทุกอย่างสงบนิ่ง และเงียบสงัด ทั่วทั้งแผ่นดิน มีแต่เสียงสะอื้นไห้ พสกนิกรจำนวนมากไปรอริมถนน ตามเส้นทางที่พระบรมศพเคลื่อนผ่านออกจากโรงพยาบาลศิริราชสู่พระบรมมหาราชวัง และเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์ด้วยใจจดจ่อและโศกเศร้าเกินบรรยาย ในคราใดที่ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี หัวใจเหมือนจะแตกสลายกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้จวบจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งใกล้วันส่งเสด็จสู่สรวงสวรรค์ เชื่อว่าความรู้สึกของคนไทยทุกคนคงไม่แตกต่างกันในความอาลัยรักต่อพระองค์ "พ่อหลวงของแผ่นดิน ” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ พ่อ ” "พ่อหลวงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น King of The King ” ไม่มีกษัตริย์องค์ใดในโลกนี้ ที่จะรักประชาชนดังที่ทุกคนประจักษ์ในใจเป็นอย่างดี พ่อของแผ่นดินพระองค์นี้ได้เสด็จเยี่ยมเยือนประชาชนทุกที่บนผืนแผ่นดินไทย การเดินทางขึ้นเขา ลงห้วย ในป่า ผืนนาแห้งแล้ง แม้ลำบากกันดารอย่างไร พ่อได้ไปจนถึงทุกที่เพื่อดูแลทุกข์สุข ความเป็นอยู่ และหาแนวทางที่จะช่วยเหลือให้ได้อยู่ดี กินดี จึงเป็นที่มาของโครงการในพระราชดำริมากกว่า ๔,๕๙๖ โครงการ กระจายทั่วแผ่นดิน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สมกับเป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง วลีที่กล่าวว่า “ จะสานต่อที่พ่อทำ ” ดังกึกก้องทั่วแผ่นดินไทยเหมือนคำปฏิญาณ ที่ให้กับพ่อ ต่อจากนี้ไป ได้แต่หวังว่าจะเป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังที่ได้ให้คำปฏิญาณ หนึ่งปีที่ไม่มีพ่อเกิดปรากฎการณ์ที่เราคนไทย มีความรักสามัคคีกัน บนคราบน้ำตายังมีความเอื้ออาทรต่อกันอย่างมาก นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน บริเวณท้องสนามหลวงที่แออัดไปด้วยผู้ที่มารอคอยเพื่อกราบสักการะพระบรมศพ ที่นั่นจะมีจิตอาสาจำนวนมาก และหลายหน่วยงานมาช่วยอำนวยความสะดวก ตามความถนัด มีทั้งมาแจกอาหาร เครื่องดื่ม ยาดม ยาหม่อง บริการให้ความสะดวก รวมทั้งร่มกันแดดกันฝน บริการรถรับส่งฟรี นอกจากนี้ยังมีการทำความดีเพื่อพ่อกระจายทั่วแผ่นดิน ตามความสามารถที่แต่ละคนมีเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เห็นแล้วตื้นตันใจในน้ำใจไมตรีที่ต่างช่วยกัน “ทำดีเพื่อพ่อ” บรรดาจิตอาสาทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเป็นการ “เดินตามรอยเท้าพ่อ” เหมือนกับที่ได้เห็นพ่อทรงงานหนักเพื่อประชาชนยาวนาน ๗๐ ปี โดยไม่เลือกปฏิบัติ การทำความดีเพื่อพ่อ หรือ ทำความดีถวายพ่อ ตามที่พ่อสอนให้คิดดี ทำดี เป็นสิ่งที่ดีงาม ฟังแล้วซาบซึ้งใจ และได้ประจักษ์กับคนทั้งโลกแล้วว่า ไม่มีที่ใดเหมือนแผ่นดินของพ่อ อยากให้ทำความดีเช่นนี้ตลอดไป เชื่อว่าจะได้เห็นรอยยิ้มของพ่อประทับอยู่กลางใจเราทุกคนการทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทำให้นึกถึงโครงการในพระราชดำริ ชื่อ “ โครงการปิดทองหลังพระ ” ความหมายของคำว่า ปิดทองหลังพระ คือ การเพียรทำความดี โดยไม่มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตน จุดมุ่งหมายให้ประชาชนได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งเสริมอาชีพ กระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและศิลปวัฒนธรรมไทย ถ้าคนไทย ตั้งใจ จะเป็นคนดีของแผ่นดิน เพียงทำตามที่พ่อสอน ซึ่งพ่อได้ให้แนวทางไว้หลากหลาย ความตั้งใจนั้นก็จะบรรลุผลดังที่ตั้งใจ และสามารถดำรงชีวิตได้ด้วยตนเอง สมตามความมุ่งหมายของพ่อที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญอย่างมั่นคงถาวร โดยอยู่บนพื้นฐานของการ อยู่ดี กินดี ของประชาชน มรดกทางปัญญา ของพ่อ เรียกว่า “ ศาสตร์พระราชา ” ครอบคลุมทุกเรื่อง ทั้งดิน น้ำ ลม ฝน เพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิตของประชาชนและมวลมนุษยชาติทั่วโลก จนได้รับการยอมรับและการยกย่องจากสหประชาชาติ (UNESCO) ปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้นำศาสตร์ของพ่อไปปรับใช้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ทำให้คนไทยได้ตระหนักถึงสิ่งที่พ่อสอนเพราะเหมาะกับวิถีชีวิตของคนไทยขณะนี้ หลายคนได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำไปใช้ทำให้เกิดประโยชน์และเกิดความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อ เห็นได้จากสื่อนำมาเผยแพร่โดยนำตัวอย่างชีวิตของคนไทยหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขอย่างแท้จริง จากการดำเนินชีวิต ตามปรัชญา เศรษฐกิจ พอเพียง ของพ่อ คำว่า “พอเพียง” คือความพอประมาณ พอใจในความต้องการ ไม่โลภมาก เพื่อจะได้ไม่เบียดเบียนผู้อื่น พ่อสอนให้ทำในสิ่งตนเองถนัด และทำแล้วต้องมีความสุข พ่อให้แนวทางการปลูกฝังลักษณะนิสัย ให้คนไทยมีความเพียรพยายาม โดยผ่านบทพระราชนิพนธ์เรื่อง “พระมหาชนก” เป็นเรื่องราวของพระมหาชนก ที่มีความเพียร พยายาม รู้จักใช้สติปัญญา และความอดทนจนประสบความสำเร็จ ถ้าเด็กไทยได้รับการปลูกฝังให้มีลักษณะนิสัย เช่น พระมหาชนก ก็คงจะดีมากสำหรับการพัฒนาเยาวชนของชาติ กระทรวงศึกษาธิการควรจะให้เด็กใช้เป็นตำราเรียน อาจจะเป็นวิชาบังคับหรือ เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาเพราะเป็นตัวอย่างที่เด็กไทยควรต้องอ่าน ด้วยเหตุเพราะเทคโนโลยีทำให้เด็กไทยขาดความอดทน อยากได้อะไรทันทีทันใด ขาดความเพียรพยายาม จึงเกิดปัญหาตามมามากมายในยุคสังคม 4.0 การให้การศึกษากับเด็กไทย ควรให้ได้ศึกษาพระราชประวัติของ “พ่อ” โดยเฉพาะช่วงเวลาวัยเยาว์ สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงสอนให้พ่อ รู้จักประหยัดเก็บออมไม่ฟุ่มเฟือย และรู้จักแบ่งปันเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น รายละเอียดของพระราชประวัติบางช่วงบางตอน ถ้าได้นำมาให้เด็กได้ศึกษาตามช่วงเวลา และช่วงของวัย เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต จึงจะได้ชื่อว่า “เดินตามรอยพ่อ” อย่างแท้จริง นับแต่วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ที่ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม" เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ตลอดพระชนม์ชีพของ “พ่อ” ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน และทรงงานหนักตลอดมา ทุกข์ร้อนใดๆ พ่อดูแลปัดเป่าให้ผ่อนคลายยามที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงวิกฤติ ไม่ว่าเรื่องใด ทั้งภัยธรรมชาติ และปัญหาความขัดแย้งทางด้านการเมือง ยังมี “ พ่อเหนือเกล้าชาวไทย ” เป็นที่พึ่งฝ่าพ้นวิกฤติไปได้ วันนี้ครบ ๑ ปี ที่ไม่มีพ่อ ไม่มีความเศร้าโศกใดที่ ประชาชนคนไทยจะมีมากกว่านี้อีกแล้ว วันที่ไม่มีพ่อ ฟังเพลงสรรเสริญพระบารมี ครั้งใด น้ำตารินไหลออกจากใจ จึงขอเชิญชาวไทยมาร้องเพลงนี้ร่วมกัน และพิจารณาเนื้อร้องที่ละตอน เชื่อเหลือเกินว่าความรู้สึกคงไม่แตกต่างกัน เป็นความเศร้า อาลัย อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นสิ่งเดียวที่จะบอกพ่อคือ สัญญาว่าจะเป็นคนดีของแผ่นดิน ตราบสิ้นลมหายใจ “ ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน นบพระภูมิบาล บุญดิเรก เอกบรมจักริน พระสยามมินทร์ พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์ ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย” พสกนิกรไทยร้องเพลงนี้ด้วยน้ำตา เนื้อเพลงตรงกับส่วนลึกในหัวใจ อยากให้ “พ่อ” ได้ยิน โดยเฉพาะ ถึงตอนที่.............เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณ ธ รักษา............จนกระทั่งจบเพลง น้ำตายังไม่รู้จบ จะฟังเพลงนี้กี่ครั้งก็ร้องไห้ทุกครั้ง ความรู้สึกในใจคงเหมือนกันทุกคน ขออธิษฐานจิตต่อเทพไท้เทวา โปรดเมตตาด้วยเถิด ถ้าเกิดชาติใดขอให้ได้เป็น “ ข้ารองพระบาททุกชาติไป ” ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้า รองศาสตราจารย์วันทนา จันทพันธ์

TCDC โชว์ 3 วัสดุส่งแบรนด์ดังระดับโลก

ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการส่งออกวัสดุเพื่อเป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกจำนวนมาก ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) จึงได้ เปิดฐานข้อมูลวัสดุไทย (TCDC Materials Database) ฐานข้อมูลวัสดุและนวัตกรรมภูมิปัญญาของคนไทย เพื่อสนับหนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลวัสดุ ให้สามารถดำเนินธุรกิจสร้างสรรค์ได้อย่างมีศักยภาพ กิตติรัตน์ ปิติพานิช รักษาการผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) กล่าวว่า ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ได้รวบรวมฐานข้อมูลวัสดุไทย (TCDC Materials Database) ฐานข้อมูลวัสดุและนวัตกรรมภูมิปัญญาของคนไทย ที่มีรายละเอียดผลงาน และข้อมูลการติดต่อกับผู้ผลิต เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและนักออกแบบสามารถเข้าถึงข้อมูลวัสดุไทยอย่างครบถ้วน อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ของผู้ใช้และเป็นช่องทางการตลาด สร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย สำหรับฐานข้อมูลออนไลน์ดังกล่าวประกอบไปด้วยรายละเอียดข้อมูลวัสดุไทย รายละเอียดผู้ผลิตและช่องทางการติดต่อ โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามประเภทของวัสดุและการใช้งาน อาทิ พลาสติกชีวภาพ เซรามิก กระดาษ บรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ ฯลฯ ทั้งนี้
ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบได้รวบรวม 3 ตัวอย่างผู้ประกอบการจากฐานข้อมูลห้องสมุดวัสดุที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ผลงานของแบรนด์ดังระดับโลก ดังนี้
1. ผลิตภัณฑ์แผ่นมาส์กหน้าจากน้ำมะพร้าว โดยบริษัท พีไอพี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตแผ่นมาส์กหน้าด้วยนวัตกรรมด้านชีวภาพ ส่งออกจำหน่ายให้กับแบรนด์เครื่องสำอางระดับโลก โดยเป็นแผ่นมาส์กหน้าเส้นใยชีวภาพที่มีความละเอียดกว่าเส้นใยกระดาษ 500 เท่า ทำจากน้ำมะพร้าวแก่เหลือใช้นำมาต้มสุกหยอดด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์สายพันธุ์ที่พัฒนามาโดยเฉพาะ ทิ้งไว้จนจับตัวกลายเป็นแผ่นวุ้นและนำไปผ่านกระบวนการรีดน้ำออกให้บาง จุดเด่นของแผ่นมาส์กเส้นใยชีวภาพคือสามารถกักเก็บสารบำรุงไว้ในเนื้อมาส์กได้มากกว่าจึงสามารถปลดปล่อยเข้าสู่ผิวผู้ใช้ได้มากกว่า แผ่นมาส์กที่ทำจากกระดาษทั่วไปถึง 300 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งบริษัท พีไอพี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นเจ้าแรกๆ ในประเทศไทยที่ผลิตแผ่นมาสก์ไบโอเซลลูโลสตั้งแต่ปี 2550 และได้รับรางวัลนวัตกรรมจากรัฐบาลเกาหลีใต้ซึ่งต่อมาได้ต่อยอดเป็นช่องทางในการส่งออกแผ่นมาสก์ให้กับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำหลายแบรนด์ โดยมีมูลค่าการส่งออกกว่า 2.5 ล้านแผ่นภายใน 3 ปีหลังการเปิดตลาด 2. ผลิตภัณฑ์ส่งทอไหมไทย โดยบริษัท จุลไหมไทย จำกัด ผู้ผลิตเส้นไหมรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยส่งออกให้กับแบรนด์เครื่องนุ่งห่มแฟชั่น ทั้งในและต่างประเทศ ดำเนินกิจการมากว่า 5 ทศวรรษ 70 เปอร์เซ็นต์ ของกำลังการผลิตในประเทศป้อนให้กับผู้ผลิตผ้าไหมชื่อดังประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ อีก 10 เปอร์เซ็นต์ส่งออกไปญี่ปุ่น จีน อินเดีย และยุโรป ด้วยเอกลักษณ์ของเส้นไหมออร์แกนิคซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ประกอบกับการผสมไหมพันธุ์ไทยเพื่อให้ได้เส้นไหมที่มันเงาที่สุดและทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้นได้ดี ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นดังกล่าวจึงทำให้แบรนด์เสื้อผ้าระดับโลกจากสวีเดนติดต่อเข้ามาเป็นคู่ค้ายาวนานกว่า 6 ปี สร้างมูลค่ากว่า 26 ล้านบาทต่อปี 3. ผลิตภัณฑ์ผ้าใยกัญชง หรือผ้าเฮมพ์ โดยบริษัท ดีดี เนเจอร์ คราฟท์ จำกัด ผู้ผลิตผ้าเฮมพ์ พืชวัฒนธรรมของชาวม้ง โดยนำใยจากเปลือกมาปั่นทำเป็นเส้นด้ายแล้วทอเป็นผืนผ้า ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือแข็งแรงกว่าฝ้ายถึง 10 เท่า ไม่มีเชื้อรา ไม่เก็บกลิ่นอับชื้น ระบายความชื้นและระบายความร้อนได้ดี โดยได้เป็นวัสดุส่งออกให้กับแบรนด์รองเท้าผ้าใบชื่อดังจากอเมริกาและแบรนด์เครื่องหนังระดับโลกจากฝรั่งเศส จนสามารถขยายตลาดส่งออกต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากเฮมพ์ ที่ผลิตโดยบริษัท ดีดี เนเจอร์ คราฟท์ จำกัด มีทั้งหมดกว่า 20 รายการ อาทิ ผ้าผืนเฮมพ์100% ใยเฮมพ์ กระเป๋า หมวก รองเท้า โดยมีตลาดหลักที่ญี่ปุ่นกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และจำหน่ายในประเทศไทยประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ผู้สนใจสามารถเข้าใช้บริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่ http://materials.tcdc.or.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) 1160 อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10501 หรือสอบถามที่โทร. 02-105-7441

โชว์ผิวสวยใส เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการบำรุง

ปัจจุบันเราจึงมักเห็น คนรุ่นใหม่ใส่ใจเลือกรับประทานอาหารและออกกำลังกายกันมากขึ้น แต่ด้วยมลภาวะ ฝุ่นควัน แสงแดด และความเครียดที่เราต้องเผชิญในแต่ละวัน การดูแลตัวเองเพียงเท่านั้นอาจยังไม่เพียงพอ เภสัชกรหญิง ลักษณา ทรัพย์ชูกุล ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์วิชี่ กล่าวว่า หลายคนอาจเลือกดูแลตัวเองด้วยการรับประทานผักและผลไม้ แต่ในความเป็นจริงผิวของเราต้องการวิตามินในการฟื้นบำรุงเพื่อให้ผิวกลับมามีสุขภาพผิวที่ดี ดังนั้นควรให้ความใส่ใจในเรื่องของการดูแลผิวมากเป็นพิเศษ เพื่อผิวสวยสุขภาพดี ด้วยขั้นตอนการดูแลผิวง่ายๆ 3 ขั้นตอน วิภาวี ทับสกุล มอบกระเช้าพรีเซรั่มน้ำแร่เข้มข้นขอบคุณ ป้อม -วินิจ บุญชัยศรี 1. เริ่มต้นการทำความสะอาดด้วยการเช็ดเครื่องสำอาง ตามด้วย 2.การทำความสะอาดอย่างล้ำลึกด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้า(เจลหรือโฟม) และ 3. ปิดท้ายด้วยโทนเนอร์สำหรับเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนการบำรุง เริ่มขั้นตอนที่ 2 ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผิวด้วยการใช้
พรีเซรั่ม วิชี่ มิเนอรัล 89 (VICHY MINERAL 89) เซรั่มน้ำแร่ที่มีน้ำแร่วิชี่เข้มข้น 89 %
เป็นน้ำแร่จากหินภูเขาไฟฝรั่งเศสที่อุดมไปด้วยคุณค่าแร่ธาตุ 15 ชนิด ช่วยปรับสมดุล pH ผิว ให้พร้อมสู่ขั้นตอนการบำรุงผิว โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามสภาพผิวหน้าหรือตามปัญหาที่เกิดกับผิวหน้าของเราได้เลย Workshop สอนการแต่งหน้าโชว์ผิวเด็ก และเพื่อการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ควรเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทเซรั่มหรือเอสเซ้นส์ที่มีความเข้มข้นสูง เน้นการแก้ปัญหาควบคู่ไปกับการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นกับผิวหน้า เพราะความชุมชื่นเป็นปัจจัยพื้นฐานของการดูแลผิว และขั้นตอนสุดท้ายคือการปกป้องผิวด้วยผลิตภัณฑ์กันแดด ควรทาผลิตภัณฑ์กันแดด ก่อนเผชิญแสงแดดอย่างน้อย 30 นาที หรือแม้แต่วันที่ไม่ได้ออกจากบ้านก็ต้องปกป้องผิวด้วยผลิตภัณฑ์กันแดด เป็นประจำ นางแบบการแต่งหน้าโชว์ผิวเด็ก ช่างแต่งหน้ามือหนึ่งของเมืองไทย ป้อม-วินิจ บุญชัยศรี ได้แนะนำเทคนิคการแต่งหน้าโชว์ผิวเด็กให้ฟังว่า จากประสบการณ์ที่แต่งหน้ามาหลายปี ค้นพบว่าความชุ่มชื่นของผิวหน้าสำคัญที่สุด ถ้ามีผิวหน้าที่ดีจะทำให้การแต่งหน้านั้นง่ายมากยิ่งขึ้น โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนผิวหน้าแพ้ง่าย พอได้มาลองใช้พรีเซรั่มที่มีส่วนผสมของน้ำแร่เข้มข้น แล้วรู้สึกว่าดีมากจริงๆ ช่วยให้ความชุ่มชื่นและเป็นเกราะป้องกันผิวหน้าได้ดี เทคนิคคือตอนกลางคืนทาเซรั่มน้ำแร่มิเนอรัล 89 ก่อนครีมบำรุง และทาซ้ำอีกครั้งเป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อล็อคครีมบำรุงต่างๆ ให้ทำงานอยู่บนผิวหน้าได้ยาวนานยิ่งขึ้น หากผิวหน้าดีเราก็มีความมั่นใจและพร้อมที่จะเมคอัพต่อไป

"คัฟเวอร์มาร์ค" มอบโปรโมชั่นสุดคุ้มเฉพาะ ต.ค.นี้ !!

COVERMARK (คัฟเวอร์มาร์ค) เครื่องสำอางจากประเทศญี่ปุ่นเอาใจคุณสาวๆ มอบโปรโมชั่นสุดคุ้ม !! เมื่อซื้อแป้งผสมรองพื้น Covermark Moisture Veil LX (คัฟเวอร์มาร์ค มอยส์เจอร์ เวล แอลเอ็กซ์) แป้งที่มอบความชุ่มชื้นและสัมผัสนวลเนียน เพื่อผิวเปล่งประกายสดใสเช้าจรดเย็น ทั้งตลับและรีฟิล รับฟรีทันที Covermark Treatment Cleansing Milk (คัฟเวอร์มาร์ค ทรีทเม้นท์ คลีนซิ่ง มิลค์) ขนาด 30 กรัม ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่สามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด พร้อมทั้งคืนความชุ่มชื้นสู่ผิวหน้า เป็นเจ้าของโปรโมชั่นสุดพิเศษนี้ได้ที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอาง Covermark (คัฟเวอร์มาร์ค) ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ตุลาคม 2560

เดอะ ไมโครเดลิเวอรี่ เอ็กซ์โฟลิเอทติ้ง เฟเชียล วอช

สาวๆ รู้ไหมว่าปกติผิวของคนเราจะมีการผลัดเซลล์ผิวเกิดขึ้นทุกๆ 28 วัน แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นทำให้วงจรการผลัดเซลล์ผิวยาวนานขึ้นเป็นเหตุให้ใบหน้าหมองคล้ำและเกิดริ้วรอย philosophy (ฟิโลโซฟี) แบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ขอแนะนำ ใหม่! เดอะ ไมโครเดลิเวอรี่ เอ็กซ์โฟลิเอทติ้ง เฟเชียล วอช (The microdelivery exfoliating facial wash) ปริมาณ 240 มล. ราคา 1,200 บาท คลีนเซอร์ทำความสะอาดและขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว ผิวเนื้อเจลสูตรอ่อนโยนใช้ได้เป็นประจำทุกวันง่ายๆ
เพียงแค่ 30 วินาที เพื่อให้สาวๆ มีผิวสวยกระจ่างใสพร้อมมือรับทุกสถานการณ์
โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิต สัมผัสผลลัพธ์ความแตกต่างของผิวที่ดูกระจ่างใสยิ่งขึ้นกว่าที่เคย ติดตามโปรโมชั่นและกิจกรรมตลอดปีได้ที่ Facebook philosophy Thailand และ Instagram philosophy_thailand#philosophythailand #peelgoodfeelgood