EN Name: 
Real Estate

SC Asset จับมือ “โบ๊ทพัฒนา” ลุยตลาดภูเก็ต มูลค่ากว่า 8,000 ล. ประเดิม “ซี เธียเตอร์ ราไวย์” ราคาเริ่มต้น 91 ล้าน

SC Asset รุกตลาดอสังหาฯภูเก็ตครั้งแรก จับมือ “โบ๊ทพัฒนา” ยักษ์อสังหาฯหรูในภูเก็ต ประเดิมร่วมทุนโครงการแรก “ซี เธียเตอร์ ราไวย์” วิลล่าระดับ Super Luxury ติดหาดราไวย์ ราคาเริ่มต้น 91 ล้าน ในสังคมสุด Exclusive เพียง 8 ครอบครัว มูลค่าโครงการรวมกว่า 700 ล้าน พร้อมสร้างความร่วมมือระยะยาวต่อเนื่อง ตั้งเป้าพัฒนาโครงการร่วมกัน รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้าน ภายใน 3 ปี 

วันที่ 30 กันยายน 2568 นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าเจาะตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัยเพื่อขาย หรือ Engine 1 ของบริษัทให้ก้าวไปได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง ล่าสุด ได้จับมือกับบริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ โครงการโบ๊ท อเวนิว (Boat Avenue) และผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีรายใหญ่ใน จ.ภูเก็ต เพื่อร่วมทุนในโครงการ “ซี เธียเตอร์ ราไวย์” วิลล่าหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรีติดหาดราไวย์ ใน จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นวิลล่าติดหาดที่เห็นวิวทะเลจากทุกยูนิต

“ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ SC Asset ขยายการลงทุนมาที่ตลาดอสังหาฯในภูเก็ต เราได้มองหาพันธมิตรท้องถิ่นที่มีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน นั่นคือพัฒนาอสังหาฯที่สร้างคุณค่าสู่ผู้คน และ SC Asset ได้พบกับโบ๊ทพัฒนาและตัดสินใจร่วมทุนกัน โบ๊ทพัฒนา มีทั้งวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับ SC Asset  และมีความเชี่ยวชาญอย่างสูงในการพัฒนาอสังหาฯที่ภูเก็ต ในขณะที่ SC Asset ก็มีประสบการณ์อย่างสูงในการพัฒนาสังหาฯที่หลากหลาย ความชำนาญของทั้งสองบริษัทและวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน จะทำให้เกิดการสร้างสรรค์ ส่งต่อคุณค่าให้กับผู้คนได้อย่างมากมายในภูเก็ต โดยในสามปีนี้ เรามีแผนพัฒนาอสังหาฯมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท โดยเริ่มต้นที่โครงการแรก คือ “ซี เธียเตอร์ ราไวย์” วิลล่าหรูติดหาด ราคาเริ่มต้น 91 ล้าน” นายณัฐพงศ์ กล่าว

โครงการ “ซี เธียเตอร์ ราไวย์” ประกอบด้วยวิลล่าระดับซูเปอร์ลักชัวรี จำนวน 8 ยูนิต ติดชายหาดราไวย์ มูลค่าโครงการ 700  ล้านบาท ออกแบบโดยบริษัท สถาปนิก 49 จำกัด หรือ A49 บริษัทสถาปนิกชั้นนำ ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบโครงการระดับแลนด์มาร์ค ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์หรูทั้งในไทยและต่างประเทศ ตัวโครงการประกอบด้วยวิลล่า 3 แบบหลัก ได้แก่ Type S – Sapphire, Type E – Emerald และ Type A – Amethyst มอบสัมผัสแห่งความหรูหราและสง่างาม ด้วยพื้นที่ใช้สอยของวิลล่า (Building Area) กว้างขวาง ขนาด 3-4 ชั้น 4-5 ห้องนอน 673.8-884.8 ตร.ม. สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้เชื่อมต่อกับผิวทะเลอย่างกลมกลืน พร้อมมอบประสบการณ์ให้ผู้อยู่อาศัยได้ดื่มด่ำกับวิวทะเลสุดตระการตาตั้งแต่เช้าจรดค่ำผ่านการออกแบบวิวพาโนรามาในวิลล่าทุกหลัง ราคาเริ่มต้น 91 ล้านบาท

ด้านนายบุญ ยงสกุล ประธานกรรมการ บริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงของภูเก็ตในวันนี้ คือการเปลี่ยนผ่านจากหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีความคึกคักเฉพาะฤดูกาล (Seasonal) สู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก หรือ Global Destination อย่างแท้จริง เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์ลักชัวรี ที่ได้รับแรงขับเคลื่อนจากทั้งดีมานด์ของชาวไทยและชาวต่างชาติที่มองหาสินทรัพย์คุณภาพสูง

“การพัฒนาโครงการระดับลักชัวรีในภูเก็ตวันนี้ จึงต้องมองในมิติที่ลึกกว่าเดิม ต้องออกแบบใช้สอยพื้นที่อย่างคุ้มค่า สะท้อนคุณค่าของทำเล พร้อมทั้งใส่ใจในการมอบประสบการณ์การพักผ่อนและอยู่อาศัยที่เหนือระดับ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ SC Asset ในโครงการซี เธียเตอร์ ราไวย์ เราเชื่อมั่นการรวมจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายจะช่วยยกระดับมาตรฐานวิลล่าหรูในภูเก็ตสู่มิติที่ลึกขึ้นกว่าเดิม และช่วยให้มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค” นายบุญ กล่าวและว่า ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าร่วมมือกันพัฒนาโครงการในภูเก็ต เพื่อให้พร้อมรองรับกับการเติบโตของหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของไทยแห่งนี้ ในฐานะ Global Destination ที่แท้จริง

พฤกษา 10.10 “10เดย์10ดีล” ดีลหยุดโลก! มอบโปรสุดคุ้ม 10 วัน พร้อมลดเพิ่ม On Top 5% ทุกดีล สำหรับฮีโร่แพทย์และทหารทั่วประเทศ

พฤกษา จุดกระแสความคึกคักให้ตลาดอสังหาฯ ด้วยแคมเปญสุดเร้าใจ “10เดย์10ดีล” ยกทัพบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ พร้อมอยู่ กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ มอบข้อเสนอสุดคุ้มทั้งส่วนลดและของแถมตลอด 10 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 1–10 ตุลาคม 2568 พร้อมเดินหน้าตอบแทนสังคมผ่าน “โครงการพันธมิตรเพื่อบุคลากรทางการแพทย์และทหาร” มอบส่วนลด on top อีก 5% จากทุกโปรโมชัน

วันที่ 29 กันยายน 2568 นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พฤกษามุ่งมั่นในการส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านในทุกมิติ เพื่อให้ทุกครอบครัว ‘อยู่ดี ทั้งชีวิต’ และในครั้งนี้ พฤกษาได้จัดแคมเปญพิเศษ 10.10 “10เดย์10ดีล” ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของบ้านคุณภาพจากพฤกษาง่ายขึ้นในราคาที่คุ้มค่าที่สุด โดยเราได้คัดสรรดีลที่ดีที่สุด ทั้งส่วนลด ของแถม และสิทธิพิเศษมากมาย ซึ่งมีโครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ พร้อมอยู่ จากทั่วประเทศ มาให้เลือกกว่า 100 โครงการ

ภายใต้แคมเปญนี้ พบกับ 3 ไฮไลต์ดีลเด็ด ได้แก่ ดีลของแถมทุกหลังขั้นต่ำ 10 รายการ อาทิ เครื่องปรับอากาศ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, Ipad, Home Automation, ViMUT Cash Voucher และอื่นๆ  (รายละเอียดแตกต่างกันในแต่ละยูนิต สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานขายโครงการ) พร้อมด้วย ดีลส่วนลด 100 เท่า ของเงินจอง สูงสุด 3 ล้านบาท และ ดีลลับ iPhone 17 ความจุ 256 GB โดยแคมเปญนี้จะมอบให้กับลูกบ้านที่จองและทำสัญญาระหว่างวันที่ 1–10 ตุลาคม 2568 และโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

นอกจากนี้ พฤกษายังได้จัด “โครงการพันธมิตรเพื่อบุคลากรทางการแพทย์และทหาร” มอบส่วนลดพิเศษเพิ่มอีก 5% เมื่อซื้อบ้านจากแคมเปญ 10.10 “10เดย์10ดีล” หรือโปรโมชันอื่น ๆ ทุกโปรโมชัน เพื่อขอบคุณความทุ่มเทของบุคลากรทางการแพทย์และทหารที่ทำงานเพื่อประเทศ โดยสิทธิ์นี้ครอบคลุมบุคลากรทางการแพทย์ทุกสังกัด ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล พนักงานรายเดือนรายวัน สัญญาจ้าง และข้าราชการทหาร รวมทั้งพนักงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม ทั้งลูกจ้างรายเดือน รายวัน สัญญาจ้าง นอกจากนี้ ยังได้ขยายสิทธิ์ไปถึงครอบครัว ได้แก่ บิดา มารดา บุตร คู่สมรส รวมถึงคู่สมรสเพศเดียวกันที่จดทะเบียน โดยโครงการนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน – 31 ธันวาคม 2568

SCGC เปิดบ้านต้อนรับสื่อมวลชนระยอง โชว์ศักยภาพผู้นำด้านนวัตกรรมและโซลูชัน

SCGC เปิดบ้านต้อนรับสื่อมวลชนระยอง โชว์ศักยภาพผู้นำด้านนวัตกรรมและโซลูชัน และดิจิทัลโซลูชันอัจฉริยะแบบครบวงจรรายแรกของโลก 

ณ นิคมอุตสาหกรรม อาร์ ไอ แอล จ.ระยอง เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์และโซลูชันครบวงจรเพื่อความยั่งยืน นำโดย นายธาร์นา เสนี ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการและนวัตกรรม – การผลิตและธุรกิจโอเลฟินส์ และ ดร.พิเชษฐ์ ตั้งปัญญารัช ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการและนวัตกรรม – การจัดการอุตสาหกรรมและความร่วมมือทางธุรกิจ พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับสื่อมวลชน จ.ระยอง เข้าเยี่ยมชมการบริหารจัดการนวัตกรรมและโซลูชัน และการจัดการโรงงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล AI 

ในโอกาสนี้ สื่อมวลชนได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ถึงกระบวนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมระดับสากลของ SCGC ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าเพื่อความยั่งยืน ณ ศูนย์นวัตกรรมครบวงจร i2P Center” (Ideas to Products) รวมทั้งได้เยี่ยมชมดิจิทัลโซลูชันอัจฉริยะแบบครบวงจรรายแรกของโลก “DRS by REPCO NEX” (Digital Reliability Service Solutions) ที่ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญสู่การสร้างธุรกิจใหม่ ช่วยดูแลประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรแบบครบวงจร เพิ่มศักยภาพการผลิต รวมทั้งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของโรงงาน ผ่านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ณ ศูนย์บัญชาการทางดิจิทัล (Unified Operations Center: UOC)

เอพี ไทยแลนด์ ย้ำจุดยืนแบรนด์ที่เข้าใจคุณภาพชีวิตจริง ชูแนวคิด ‘ที่สุดของ LIVING QUALITY ในแบบคุณ’

นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” ถึงแม้ปีนี้จะต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้านก็ตาม แต่บริษัทฯ สามารถสร้างอัตราการเติบโตได้ในอันดับต้นของอุตสาหกรรม โดยสามารถสร้างยอดขายรวมสุทธิ (Net Presale) ได้มากกว่า 30,250 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนได้อย่างชัดเจนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์เอพี โดยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกจำนวน 25 โครงการ มูลค่ารวม 32,400 ล้านบาท ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ที่มาพร้อมแนวคิด ‘ที่สุดของ Living Quality ในแบบคุณ’ เพราะคุณภาพชีวิตที่ดีเริ่มต้นจาก ‘ความเข้าใจชีวิต’

“จุดเริ่มต้นของคุณภาพในแบบของเอพี คือ ความเข้าใจ ซึ่งนอกจากการให้ความสำคัญในเรื่องงานออกแบบพื้นที่และการก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน การเลือกใช้วัสดุคุณภาพที่แข็งแรงคงทน หรือการดูแลลูกค้าตลอด 24 ชม.แล้ว ความเข้าใจถึงคุณภาพชีวิตจริง (Living Quality) ที่เจาะลึกไปถึง Unspoken Needs – ความต้องการและความรู้สึกที่ไม่เคยสื่อออกมา เข้าใจทุกความต้องการที่หลากหลายที่ไม่ใช่แค่เรื่องของฟังก์ชันการใช้งาน แต่คือการเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก ความสบายใจ ความภูมิใจ ความรัก ความผูกพัน การได้เติบโต และการได้ใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง เพื่อส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการเอพี มีคุณภาพชีวิตที่ดีในแบบของตัวเอง”

 BEON

วันนี้ผู้คนไม่ได้มองหาที่อยู่อาศัยเพียงเพื่อฟังก์ชันการใช้งานหรือความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับคุณค่า (Value) และความจริงใจ (Authenticity) จากแบรนด์ที่สามารถสะท้อนความเข้าใจใน ‘ชีวิตจริง’ ได้อย่างแท้จริง ซึ่ง Living Quality อาจไม่ได้อยู่ที่การมีบ้านหลังใหญ่ แต่คือ ‘โมเมนต์เล็กๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน ภายในพื้นที่ที่เชื่อมต่อทุกความผูกพันของคำว่าครอบครัวให้เกิดขึ้น Connecting Space, Connecting Family หรือ จังหวะที่สามารถเรียกข้างบ้านว่า เพื่อนบ้านในทุกครั้งที่ออกวิ่งท่ามกลางพื้นที่สีเขียวแวดล้อม Better Facilities, Better Community หรือ ความรู้สึกของ We Time - Me Time ที่ตามหาท่ามกลางเมืองใหญ่’ ซึ่งทุกความเข้าใจที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาโครงการ เพื่อให้ลูกค้าทุกคนมี ‘ที่สุดของ Living Quality ในแบบของตัวเอง’

 TH Mirth Model

สำหรับเอพี Living Quality ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่คือการลงมือทำจริงในทุกขั้นตอนของการพัฒนาโครงการ โดยมี Unspoken Needs คือ What และ Empathy คือ How เมื่อผสานหลักการทั้งสองเข้าด้วยกัน ผ่าน Empathy Design ในการค้นหา Unspoken Needs ก็จะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมพื้นที่ชีวิต ที่ตอบโจทย์ทั้งกายและใจ เพื่อให้ลูกค้าสามารถออกแบบ ‘คุณภาพชีวิตที่ดี’ ได้ในแบบของตัวเอง และนี่คือเหตุผลที่เอพีเชื่อมั่นว่า…ที่สุดของ Living Quality ในแบบคุณ สามารถเกิดขึ้นได้จริง

ทั้งนี้ เพื่อทำให้แนวคิด ‘ที่สุดของ Living Quality ในแบบคุณ’ เกิดขึ้นจริง ไม่ได้หยุดอยู่ที่คำสัญญา แต่สะท้อนผ่านโครงการที่จับต้องได้จริง กับ 25 โครงการใหม่จากเอพี

- กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว จำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 9,950 ล้านบาท กับแบบบ้านโมเดลใหม่ในทุกซับแบรนด์ THE CITY - CENTRO - MODEN และพร้อมเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ BEON ที่สุดของการออกแบบ Ultra Volume ที่เชื่อมต่อพื้นที่ทุกชั้นภายในบ้านให้เป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัว พิเศษด้วยดีไซน์ชั้นลอย Vertiplex ที่เพิ่มมิติของพื้นที่ส่วนตัวให้มากกว่าที่เคย

- กลุ่มธุรกิจบ้านแฝดและทาวน์โฮม จำนวน 11 โครงการ มูลค่ารวม 9,850 ล้านบาท กับบ้านแฝดและทาวน์โฮมโมเดลใหม่ บ้านกลางเมือง THE EDITION - บ้านกลางเมือง - GRANDE PLENO - PLENO - PLENO TOWN เช่น Mirth Model ทาวน์โฮม 2.5 ชั้นที่มาพร้อมกับ Duplex Space พื้นที่พิเศษที่เพิ่มมากขึ้น หรือ CoLive Model ทาวน์โฮมแรกที่ลูกค้าสามารถปล่อยเช่าแยกชั้นได้ ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม Solo Living ที่ชอบใช้ชีวิตคนเดียว หรือ Asher Model บ้านแฝดหน้ากว้างสุด 16.4 เมตร

LIFE Udomsuk Station

- กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 10,300 ล้านบาท โครงการใหม่ที่มาพร้อมวิธีคิดในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและสเปซภายในห้องชุดที่ทลายข้อจำกัดเดิมๆ ในการใช้ชีวิตแนวตั้ง เพื่อสร้างความรู้สึกใหม่ให้ทุกพื้นที่สะท้อนตัวตน และล่าสุดกับการเปิดขาย LIFE อุดมสุข-สเตชั่น กับยอดขายที่มากกว่า 60% สะท้อนได้ถึงความเชื่อมั่นที่กลับมาของผู้บริโภคกับการอยู่อาศัยในแนวสูง

- กลุ่มธุรกิจต่างจังหวัด เตรียมเปิดโครงการใหม่ใน 2 จังหวัด มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท

อภิทาวน์ ราชบุรี และอภิทาวน์ ขอนแก่น 2 เข้าใจในทุกความต้องการส่งมอบมาตรฐานเหนือระดับ เพื่อการใช้ชีวิตที่ดีที่สุด

อัปเดตข่าวสารของทุกโครงการใหม่จากเอพี กับ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดฯ  ตลอดปี 2568 นี้ คลิก http://apth.ly/APThai25

“พระยาบางแสน” คอนโด Wellness + สหคลินิก ริมทะเล แห่งแรกของประเทศไทย

 “พระยาบางแสน”  คอนโด Wellness + สหคลินิก ริมทะเล แห่งแรกของประเทศไทย ชูจุดเด่น! ส่งต่อมรดกให้ลูกหลาน ลงทุนครั้งเดียว ได้ทั้งอสังหาฯ และ สุขภาพ พร้อมเพิ่มรายได้ต่อเนื่อง30 ปี”

บางแสนกำลังก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลาง Wellness Tourism ระดับเอเชีย และโครงการที่กำลังจะก้าวเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ “พระยาบางแสน” โดย PRAYAA WELLNESS BANGSAEN BEACHFRONT เพราะที่นี่ ไม่ใช่เพียงการซื้อคอนโดหรูริมทะเล แต่คือการลงทุนรูปแบบใหม่ที่จะรวมเอา คอนโดหรูริมทะเลระดับพรีเมียม ผนวกเข้ากับธุรกิจเวลล์เนส นำโดย Genesenn ซึ่งเป็นผู้นำด้านการแพทย์เชิงป้องกัน  โมเดลใหม่ที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์ที่ก้าวกระโดดและเติบโตเร็วที่สุดในโลก  เพราะนี่ไม่ใช่เพียงการซื้อคอนโด แต่คือการได้เป็น เจ้าของร่วมสหคลินิกริมทะเลแห่งแรกของประเทศไทย พร้อมโมเดลสร้างรายได้ชัดเจน โปร่งใส และยั่งยืน  นับเป็นการลงทุนที่เสมือนได้ส่งต่อมรดกที่มาทั้งรายได้ และสุขภาพให้ลูกหลานในอนาคต

 จุดโดดเด่น  ที่เหนือใครของ “พระยาบางแสน”

•  เป็นโครงการแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ผสาน “อสังหา + โรงแรม + สหคลินิกสุขภาพ” บนทำเลริมทะเล ที่จะทำให้คุณได้ทั้ง มูลค่าอสังหาที่เพิ่มขึ้น และ รายได้ต่อเนื่องจากธุรกิจสุขภาพ

•  รายได้ 2 ต่อ - ทั้งจากรายได้จากห้องพัก ภายใต้การบริหารร่วมกับพันธมิตร จากเชนโรงแรมระดับโลก ที่จะเข้ามาดูแลและบริหาร สร้างความมั่นใจในผลตอบแทนระยะยาว  และส่วนแบ่งรายได้จาก สหคลินิกของ Genesenn ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนกลางที่จะแบ่งรายได้ให้ตลอดระยะเวลาถึง 30 ปี   การลงทุนรูปแบบใหม่ ที่ให้ผลตอบแทนจากธุรกิจการแพทย์และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)  ที่มีดีมานด์การเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ผสานกับความเป็นเจ้าของห้องชุดติดชายหาด

• สร้างโอกาสสำหรับหมอและเจ้าของคลินิก  เพื่อเข้าร่วมเป็นพันธมิตรหรือเจ้าของร่วม โดยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ แต่ได้ทั้งระบบ ทีม และฐานลูกค้า

• ทำเลทอง   เพราะตั้งอยู่ที่หาดวอนนภา บางแสน  ใกล้กรุงเทพฯ เพียง 1  ชั่วโมง

 • Pet Friendly รองรับไลฟ์สไตล์ครอบครัวและคนรุ่นใหม่

 • ที่นี่ครบวงจร Wellness Lifestyle  ทั้ง ฟิตเนส โยคะ อาหารสุขภาพ และกิจกรรมชุมชน

 และ Highlight สุดพิเศษ!

เพื่อเป็นการฉลองการเปิดตัว “พระยาบางแสน” อย่างยิ่งใหญ่  โครงการได้มอบ สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่จองยูนิตแรกๆ  ให้แก่แฟนคลับ “แจ็คสัน หวัง” ที่จะมามอบของที่ระลึกสุด Exclusive พร้อมรับลายเซ็นจาก “Jackson Wang”  ไอดอลระดับโลกที่จะมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการใช้ชีวิตสุขภาพดีและการลงทุนที่มั่นคง กับ“พระยาบางแสน”

เพราะตลาด Wellness Tourism มีการเติบโตเฉลี่ย 9–12% ต่อปี และประเทศไทยเราคือ Hub หลักของเอเชีย “พระยาบางแสน” จึงนับเป็นการลงทุนในวันนี้ เพื่อนำไปสู่ สุขภาพที่ดี ชีวิตที่สดใส พร้อมรายได้ และความมั่นคงในอนาคต เป็นมรดกจากรุ่นต่อรุ่นสืบไป

ระวัง! บ้านมือสองติดจำนอง ซื้อบ้านไม่ได้บ้าน สูญเงิน-ถูกฟ้องขับไล่

การซื้อบ้านมือสองอาจดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีราคาย่อมเยาและเงื่อนไขที่ดึงดูดใจ แต่หากไม่ตรวจสอบให้ดี ผู้บริโภคอาจตกเป็นเหยื่อกลโกง เสี่ยงเสียเงินจำนวนมากโดยไม่ได้บ้านสมดังใจหวัง และอาจถึงขั้นถูกธนาคารฟ้องขับไล่ออกจากบ้านที่คิดว่าเป็นของตนเองก็เป็นได้

กลโกงบ้านมือสองติดจำนอง

กรณีล่าสุดพบว่ามีผู้บริโภคจำนวนมากถูกหลอกให้ซื้อบ้านที่ยังติดจำนอง โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์บางแห่งนำบ้านที่ถูกยึดและนำมาประมูลจากกรมบังคับคดีออกขายต่อ โดยใช้กลยุทธ์โฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ พร้อมเงื่อนไขชวนเชื่อ เช่น ดาวน์ต่ำ ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ไม่ตรวจเครดิตบูโร รวมถึงเสนอทางเลือกอย่าง “เช่าออม” หรือผ่อนรายวัน ทำให้มีผู้หลงเชื่อกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 300 ล้านบาท

ปัญหาคือ หลังการประมูล บริษัทไม่ได้ชำระหนี้จำนองที่ยังคงค้างกับธนาคาร ทำให้ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดยังเป็นของธนาคาร แม้ผู้บริโภคจะผ่อนบ้านกับบริษัทครบถ้วน แต่ก็ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ และสุดท้ายบ้านจะถูกยึดขายทอดตลาดอีกครั้ง ผู้บริโภคกลายเป็นผู้เสียหาย ถูกฟ้องขับไล่ และสูญเสียทั้งเงินและที่อยู่อาศัย

ตัวอย่างบริษัทและพฤติกรรมซ้ำรอย

สภาผู้บริโภคเปิดเผยว่า มีบริษัทหลายแห่งที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะเดียวกัน เช่น บริษัท แห่งหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับพฤติกรรมของบริษัท อีซี่โฮม (ประเทศไทย) จำกัด ที่เคยถูกเตือนภัยตั้งแต่ปี 2564 โดยทั้งหมดใช้วิธีการนำบ้านประมูลที่ยังติดภาระหนี้มาขายต่อ โดยไม่ปิดจำนองให้เสร็จสิ้นก่อน

วิธีตรวจสอบก่อนซื้อบ้านมือสอง

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ผู้บริโภคควรตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ให้ละเอียด โดยเฉพาะ โฉนดที่ดิน

ด้านหน้าโฉนด : ตรวจสอบชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ว่าตรงกับผู้ขายหรือไม่ หากเป็นนิติบุคคล ต้องดูหนังสือมอบอำนาจประกอบ

ด้านหลังโฉนด : ตรวจสอบว่ามีการจำนองหรือขายฝากอยู่หรือไม่ หากพบชื่อธนาคารหรือผู้รับจำนอง แสดงว่ายังมีภาระหนี้

วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือไปตรวจสอบที่ สำนักงานที่ดิน ซึ่งสามารถยื่นคำขอคัดสำเนารายการจดทะเบียนที่ดินได้ ข้อมูลจากที่ดินจะชี้ชัดว่ามีภาระผูกพันใด ๆ อยู่หรือไม่ เช่น จำนอง ขายฝาก หรืออายัด

นอกจากนี้ ปัจจุบันยังสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์กรมที่ดิน และแอปพลิเคชัน LandsMaps ที่ช่วยค้นหาข้อมูลแปลงที่ดิน แต่หากต้องการข้อมูลเชิงลึกเรื่องหนี้และจำนอง ควรไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินโดยตรง

เอกสารที่ต้องเตรียม

ผู้บริโภคที่ต้องการตรวจสอบควรนำ สำเนาบัตรประชาชน ,สำเนาทะเบียนบ้าน,สำเนาโฉนดที่ดินจากผู้ขาย และหากผู้ขายไม่ไปด้วยตนเอง ควรมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาเอกสารของผู้ขาย

ข้อควรระวังสำคัญ

ต้องขอดูโฉนดตัวจริงทุกครั้ง ไม่ควรเชื่อเพียงสำเนา อย่าเชื่อเพียงคำยืนยันของผู้ขาย ต้องตรวจสอบข้อมูลด้วยตนเอง หากพบความผิดปกติ เช่น ผู้ขายบ่ายเบี่ยงไม่ให้เอกสาร ถือเป็นสัญญาณอันตราย

ทางออกสำหรับผู้บริโภคที่เสียหาย

ผู้ที่เผชิญปัญหาหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนไปยัง สภาผู้บริโภค สายด่วน 1502 หรือยื่นเรื่องออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.tcc.or.th เพื่อขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือด้านกฎหมาย

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก่อนซื้อบ้านมือสองทุกครั้ง ควรตรวจสอบโฉนด ตรวจสอบหนี้จำนอง และขอเอกสารอย่างเป็นทางการจากสำนักงานที่ดิน เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และรักษาสิทธิ์ของตนเองให้ปลอดภัย

บ้านมือสองโดนใจ! ธอส. เปิดประมูลทรัพย์มือสองทั่วประเทศได้กว่า 800 รายการ มูลค่ารวม 891 ล้าน

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รายงานผลการจัดงาน ประมูลขายบ้านมือสอง ธอส. ประจำปี 2568 ครั้งที่ 3 เมื่อวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568 ระหว่างเวลา 10.00 – 16.00 น. ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถจำหน่ายบ้านมือสองได้สูงถึง 802 รายการ มูลค่ารวม 891 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ ฯ และปริมณฑลจำนวน 187 รายการ รวมมูลค่า 257 ล้านบาท และทรัพย์ในเขตภูมิภาคจำนวน 615 รายการ รวมมูลค่า 634 ล้านบาท โดยทรัพย์ที่ประมูลขายได้ในราคาสูงสุด 7,010,000 บาท ได้แก่ ทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดเนื้อที่ 60.2 ตารางวา  ในเขตคันนายาว กรุงเทพ ฯ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่มีทำเลดี การเดินทางสะดวก

ขณะที่ทรัพย์ที่ประมูลขายได้ในราคาต่ำสุด ได้แก่ ทรัพย์ประเภทที่ดินเปล่า ขนาดเนื้อที่ 202 ตารางวา ในอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ประมูลขายได้ในราคา 195,000 บาท เท่านั้น!! ส่วนทรัพย์ที่ได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมประมูลสูงถึง 14 ราย ได้แก่ ทรัพย์ประเภท ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ขนาดเนื้อที่ 16 ตารางเมตร ในเขตบางนา กรุงเทพฯ โดยสามารถประมูลขายได้ในราคา 1,030,000 บาท จากราคาประมูลเริ่มต้นที่ 730,000 บาท เนื่องจากเป็นทรัพย์ที่มีทำเลดี อยู่ใกล้แหล่งสาธารณูปโภค อาทิ ห้างสรรพสินค้า และสถานพยาบาล 

พิเศษสุด! สำหรับฉลองครบรอบ 72 ปี ธอส. พร้อมมอบของขวัญให้กับลูกค้าที่ชนะการประมูลที่มีราคาสูงสุดในเขตกรุงเทพ ฯ - ปริมณฑลจำนวน 72 รายแรก และในเขตภูมิภาคจำนวน 72 รายแรก สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาภายในระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด อีกทั้งผู้ชนะการประมูลทุกรายยังสามารถใช้ “ผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับทรัพย์ NPA” อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ต่อปี คงที่ 2 ปีแรก * (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 กด 5 หรือ Facebook Fanpage บ้านมือสอง ธอส. หรือ ดูข้อมูลบ้านมือสอง ธอส. ได้ที่ www.ghbhomecenter.com และ Mobile Application : GHB ALL HOME

TOA คว้ารางวัล TOP CEO 2025 ด้านอสังหาฯ ตอกย้ำผู้นำพันธมิตรสีเขียว ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

TOA คว้ารางวัลสุดยอด CEO สาขาอสังหาริมทรัพย์ จากงาน ‘DAILYNEWS TOP CEO 2025’ ตอกย้ำผู้นำพันธมิตรองค์กรสีเขียวที่พร้อมขับเคลื่อนภาคอสังหาฯ ไทยสู่ความยั่งยืน

เมื่อวันที่ 19 ก.ย.68 บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ประกาศความสำเร็จอีกครั้ง โดย คุณจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รับรางวัลเกียรติยศ สุดยอดผู้นำองค์กรในสาขาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากงาน 'DAILYNEWS TOP CEO 2025' จัดโดยเดลินิวส์ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติให้กับผู้บริหารสูงสุดขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีความโดดเด่นในการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ จนประสบความสำเร็จ ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ สะท้อนบทบาทสำคัญของ TOA ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมสี - เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และการเป็นพันธมิตรองค์กรสีเขียว ‘Green Partner’ ของภาคอสังหาฯ ไทย เพื่อเดินหน้าสู่ความยั่งยืน โดยมี คุณประพิณ รุจิรวงศ์, คุณสิริวรรณ พันธุ์ปรีชากิจ กรรมการบริหารเดลินิวส์ พร้อมด้วย คุณนต รุจิรวงศ์, คุณนนท์ รุจิรวงศ์ และ คุณนลิน รุจิรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและการตลาด (EVP) ร่วมแสดงความยินดี ที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

คุณจตุภัทร์ กล่าวว่า “ถึงแม้เราจะไม่ใช่คนสร้างบ้าน แต่เราก็เป็นคนทำให้บ้านเต็มไปด้วยสีสันที่สวยงามและยั่งยืน” คำกล่าวนี้เน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ของ TOA ที่มุ่งมั่นการสร้างสรรค์นวัตกรรมสี - วัสดุก่อสร้างรักษ์โลก ผนวกกับการดำเนินธุรกิจที่พร้อมจะเป็นพันธมิตรสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ปัจจุบัน TOA ได้ขยายธุรกิจที่เป็นมากกว่าสี - สู่ Total Solution ครบวงจร ทั้งเคมีภัณฑ์ก่อสร้างซ่อมแซมรอยแตกร้าว - รั่วซึม, ปูนมอร์ต้าสำเร็จรูป, แผ่นยิปซัม, กระเบื้อง และสุขภัณฑ์อัจฉริยะ JOMOO เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

เราพร้อมมุ่งมั่นที่จะร่วมมือผนึกเป็นพันธมิตรองค์กรสีเขียว ‘Green Partner’ กับภาคอสังหาฯ ไทย ด้วยนโยบาย ‘TOA Green Mission’ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ไปพร้อมๆ กัน โดยผลิตภัณฑ์ถึง 133 รายการของ TOA ได้รับ ‘ฉลากลดโลกร้อน’ (Carbon Footprint Reduction: CFR) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) มากที่สุดในตลาดผู้ผลิตสีของประเทศไทย แสดงถึงความตั้งใจจริงที่จะส่งมอบทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อสุขภาพให้กับทุกคน

“รางวัล DAILYNEWS TOP CEO 2025 จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นของ TOA ในการเป็นพันธมิตรที่พร้อมขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และขอสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างทุกโครงการบ้าน อาคารสูง และที่อยู่อาศัยของคนไทยตลอดไป” คุณจตุภัทร์ กล่าวปิดท้าย

สำหรับรางวัล DAILYNEWS TOP CEO 2025 ได้ผ่านการคัดสรรอย่างเข้มข้น โดยกองบรรณาธิการเดลินิวส์ ซึ่งมากด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ที่ร่วมกันพิจารณาจากผลงานที่เหมาะสมของผู้บริหารสูงสุดของแต่ละองค์กร แต่ละด้านที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ สร้างสรรค์นวัตกรรม และสร้างคุณประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง

Hansgrohe ประเทศไทย จับมือสมาคมมัณฑนากรไทย สร้างแรงบันดาลใจให้นักออกแบบรุ่นใหม่

Hansgrohe (ฮานส์โกรเฮอ) ประเทศไทย บริษัทในเครือ Hansgrohe SE ผู้ผลิตอุปกรณ์ห้องน้ำและห้องครัวระดับพรีเมียมถึงลักชัวรีจากเยอรมนี ร่วมกับสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย (Thailand Interior Designers’ Association - TIDA) ได้ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์อย่างเป็นทางการ เพื่อยกย่องและสนับสนุนนักออกแบบรุ่นใหม่ของไทย งานลงนามในครั้งนี้ยังเป็นการประกาศการสนับสนุนของ Hansgrohe ต่อเวทีรางวัล TIDA Thesis Awards (ปี 2568–2570) ซึ่งเป็นโครงการประจำปีอันทรงเกียรติที่มอบรางวัลให้กับโครงงานวิทยานิพนธ์ยอดเยี่ยมของนิสิตและนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมภายในและการออกแบบทั่วประเทศมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ

ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของ Hansgrohe ว่า การออกแบบที่ยอดเยี่ยมคือรากฐานของนวัตกรรมที่มีคุณค่า โดย Hansgrohe แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นระยะยาวในการสนับสนุนเวทีรางวัล TIDA Thesis Awards เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ความยั่งยืน และฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ของนักออกแบบรุ่นใหม่ของไทย

คุณ Christophe Gourlan, Chief Sales Officer ของ Hansgrohe Group กล่าวว่า เรามองความร่วมมือครั้งนี้ว่าเป็นการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การสนับสนุนเพียงครั้งเดียว ด้วยการเล็งเห็นถึงศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย เราตั้งใจที่จะมีส่วนช่วยพัฒนานักออกแบบรุ่นใหม่และเสริมสร้างความก้าวหน้าด้านการออกแบบของประเทศผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ การทำงานอย่างใกล้ชิดกับ TIDA จะช่วยเปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่ได้ก้าวสู่เวทีโลก ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และเชื่อมต่อกับเครือข่ายวิชาชีพที่สำคัญ

“ความสำเร็จของเราไม่ได้อยู่เพียงแค่การได้รับการยกย่องเท่านั้น แต่จะถูกสะท้อนผ่านผลลัพธ์ที่ส่งต่อไปในระยะยาว ทั้งการสร้างความร่วมมือ การจุดประกายการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และการร่วมกันกำหนดอนาคตของวงการออกแบบ”

ความร่วมมือครั้งนี้ตอกย้ำบทบาทของกรุงเทพฯ ในฐานะศูนย์กลางด้านการออกแบบสำคัญของ Hansgrohe ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยโครงการด้านโรงแรม ที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรมที่หลากหลายทั่วภูมิภาค Hansgrohe มองว่านักออกแบบไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการการออกแบบระดับโลก ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างวัฒนธรรมและความทันสมัยสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่กำหนดประสบการณ์ในห้องน้ำและห้องครัวในอนาคต

ด้านสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทยมองว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเปิดประตูสู่โอกาสให้นักออกแบบสายเลือดใหม่ของไทย โครงการ TIDA Thesis Awards ไม่เพียงสร้างพื้นที่ให้ผลงานของพวกเขามีโอกาสได้รับการยอมรับในวงการ แต่จะช่วยผลักดันให้ผลงานเหล่านี้สร้างผลกระทบที่สัมผัสได้จริง วิสัยทัศน์ระดับโลก และความมุ่งมั่นตั้งใจของแบรนด์ต่าง ๆ ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักออกแบบไทยกล้าตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้น และมองว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนักออกแบบระดับโลก

การเปิดรับผลงานในโครงการ TIDA Thesis Awards จะเริ่มขึ้นทั่วประเทศในเดือนตุลาคม 2568 สำหรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการเปิดรับผลงาน สามารถติดตามได้ที่ Facebook และเว็บไซต์ทางการของสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย

ฉลองครบ 72 ปี ธอส. ตอบแทนลูกค้าผ่อนดีต่อเนื่อง 48 เดือน รับเงินคืน 1% ของดบ.เงินกู้ที่ชำระไว้ในปี 67  

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำ “โครงการชำระดีมีคืน” ในโอกาสครบ 6 รอบ 72 ปี ตอบแทนลูกค้ารายย่อยที่มีระยะเวลาการผ่อนชำระกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ทำสัญญากู้เงิน โดยไม่เคยเป็นหนี้เสีย (NPL) ตั้งแต่วันกู้ และทุกบัญชีเงินกู้ภายใต้หลักประกันมีประวัติผ่อนชำระดีต่อเนื่อง 48 เดือนที่ผ่านมา (นับถึงเดือนสิงหาคม 2568) อย่างสม่ำเสมอและไม่น้อยกว่าเงินงวดที่ธนาคารกำหนดทุกเดือน จะได้รับสิทธิพิเศษเงินคืน 1% ของดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชำระไว้ในปี 2567 โดยเงินคืนดังกล่าวจะถูกนำไปหักชำระเงินกู้อัตโนมัติในงวดเดือนกันยายน 2568 ในวัตถุประสงค์การกู้ที่ธนาคารกำหนด โครงการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการตอบแทนลูกค้าที่ผ่อนชำระดีกับธนาคารมาอย่างยาวนานแล้ว ยังเป็นการช่วยเสริมสร้างวินัยทางการเงินผ่านการผ่อนชำระเงินงวดสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับ ธอส. ด้วย โดยคาดการณ์มีลูกค้าได้รับเงินคืนดังกล่าวมากกว่า 120,000 ราย

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank  Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALLGEN และ