ศก.ไทยเดือนพ.ย.ชะลอจากบริโภคลดลง การลงทุนหดตัว หลังหมดแรงส่งเงินหมื่นบาท

ศก.ไทยเดือนพ.ย.ชะลอจากบริโภคลดลง การลงทุนหดตัว หลังหมดแรงส่งเงินหมื่นบาท

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.67 นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทย ในเดือนพฤศจิกายนชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการบริโภคภาคเอกชนลดลง หลังจากที่เร่งไปในเดือนก่อนจากมาตรการเงินโอนภาครัฐ สอดคล้องกับกิจกรรมในภาคการค้า ด้านการลงทุนภาคเอกชนปรับลดลงจากทั้งหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ และหมวดก่อสร้าง อย่างไรก็ดี ภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ และการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นจากหมวดยานยนต์และสินค้าเกษตรแปรรูป สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่องจากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับต่ำและลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีปัจจัยกดดันจากสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับบางภาคอุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่สูงขึ้น

โดยเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนตามหมวดพลังงาน จากผลของฐานต่ำในปีก่อนที่มีมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากหมวดอาหาร ตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นจากผลของภัยแล้งในช่วงก่อนหน้า ด้านตลาดแรงงานโดยรวมทรงตัวจากเดือนก่อน โดยการจ้างงานในภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวปรับดีขึ้น แต่การจ้างงานในภาคการค้ารถยนต์และการผลิตวัสดุก่อสร้างปรับลดลง ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพิ่มขึ้นตามดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่กลับมาสมดุล รวมถึงดุลการค้าที่เกินดุลเพิ่มขึ้น

ขณะที่เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงในเกือบทุกหมวดหลัก หลังจากที่เร่งไปในเดือนก่อนจากมาตรการเงินโอนภาครัฐ โดยเฉพาะหมวดสินค้าไม่คงทนตามปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และหมวดสินค้าคงทนตามยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์หลังจากที่เร่งขึ้นสูงในเดือนก่อน แม้ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ ด้านการใช้จ่ายในหมวดบริการทรงตัว สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวในประเทศที่ดีขึ้นหลังสถานการณ์ น้ำท่วมในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือคลี่คลาย และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

สำหรับเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน โดยการลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ลดลง จากยอดจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะรถกระบะและรถแทรกเตอร์ และการนำเข้าสินค้าทุนที่ลดลงหลังเร่งนำเข้าในเดือนก่อน นอกจากนี้ การลงทุนด้านการก่อสร้างลดลง จากทั้งยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง โดยเฉพาะพื้นที่เพื่อที่อยู่อาศัยและอุตสาหกรรม

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นในหลายสัญชาติโดยเฉพาะ อินเดีย ญี่ปุ่น และจีน ขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียลดลงชั่วคราวจากผลของน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ของไทย สำหรับรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงหลังจากเร่งไปในช่วงก่อน ประกอบกับในเดือนนี้จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียที่ค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงปรับลดลง

ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดยานยนต์และสินค้าเกษตรแปรรูปเป็นสำคัญ โดยหมวดยานยนต์เพิ่มขึ้นตามการส่งออกรถยนต์นั่งและรถกระบะไปออสเตรเลียและอาเซียน รวมถึงการส่งออกยางล้อไปสหรัฐฯ สำหรับหมวดสินค้าเกษตรแปรรูปเพิ่มขึ้นตามการส่งออกยางสังเคราะห์ไปจีนเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี การส่งออกไปสหรัฐฯ ในหลายสินค้าลดลง ได้แก่ เครื่องจักรและเครื่องอุปกรณ์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ที่ส่วนหนึ่งได้รับผลจากการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดโดยสหรัฐฯ

สำหรับมูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อนในเกือบทุกหมวดสินค้า โดยหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางลดลง ตามปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการนำเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับหมวดสินค้าอุปโภคและบริโภคลดลงเช่นกัน หลังจากเร่งไปในเดือนก่อน โดยสินค้าคงทนลดลงตามการนำเข้าโทรศัพท์จากจีน ขณะที่สินค้าไม่คงทนลดลงตามการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม อย่างไรก็ดี หมวดสินค้าทุนเพิ่มขึ้นตามการนำเข้าคอมพิวเตอร์จากจีนเป็นสำคัญ การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายเงินบำเหน็จ บำนาญ และค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ สำหรับรายจ่ายลงทุนขยายตัวสูงจากฐานที่ต่ำในปีก่อนที่ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ล่าช้า โดยส่วนใหญ่เป็นการเบิกจ่ายของหน่วยงานด้านคมนาคมและสาธารณูปโภค ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวเล็กน้อย ตามการเบิกจ่ายในโครงการด้านคมนาคมเป็นสำคัญ

โดยดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน โดยเฉพาะหมวดอาหารและเครื่องดื่มตามน้ำตาล หลังจากได้เร่งผลิตไปในช่วงก่อนหน้า และอาหารสัตว์สำเร็จรูปที่สินค้าคงคลังอยู่ในระดับสูง และหมวดยานยนต์ จากทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะ อย่างไรก็ดี การผลิตบางหมวดปรับเพิ่มขึ้นบ้าง อาทิ ปิโตรเลียม และแผงวงจรรวม ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจากอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน โดยอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเพิ่มขึ้นจากผลของฐานต่ำในปีก่อนที่มีมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ประกอบกับราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่หมวดอาหารสดลดลงตามราคาผัก เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากหมวดอาหารเป็นสำคัญ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งผ่านราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นจากผลของภัยแล้งในช่วงก่อนหน้า

สำหรับภาวะตลาดแรงงานโดยรวมทรงตัวจากเดือนก่อน โดยการจ้างงานในภาคบริการ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวปรับดีขึ้น ชดเชยกับการจ้างงานในภาคการค้ารถยนต์และการผลิตวัสดุก่อสร้างที่ปรับลดลง ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ที่กลับมาสมดุล จากดุลบริการภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับดุลการค้าเกินดุลเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าที่ลดลง ด้านการระดมทุนของภาคธุรกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในทุกช่องทาง โดยการระดมทุนผ่านสินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้นจากธุรกิจกลุ่มโฮลดิ้งและภาคการผลิต ขณะที่ตลาดตราสารหนี้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจในภาคบริการและก่อสร้างเป็นสำคัญ และตลาดทุนเพิ่มขึ้นจากธุรกิจในภาคบริการเพื่อขยายกิจการ

ทั้งนี้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ. ในเดือนพฤศจิกายน 2567 เฉลี่ยอ่อนค่าลง ตามความไม่แน่นอนของขนาดการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกอบกับตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของแนวนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลัก ซึ่งอาจส่งผลต่อภาคการค้าและการท่องเที่ยวของไทย

#ธปท #ข่าววันนี้ #แบงก์ชาติ #แจกเงินหมื่น #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

เศรษฐกิจไทยพ.ย.67 รับหนุนส่งออก-ท่องเที่ยวโต-แจกเงินหมื่นเฟส 1 

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ย.67 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 67 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ อย่างไรก็ดีการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนยังคงชะลอตัว ต้องติดตามผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคใต้ รวมถึงสถานการณ์ของภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.67 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 ว่า “สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤศจิกายน 2567 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ อย่างไรก็ดี การบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนยังคงชะลอตัว ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคใต้ รวมถึงสถานการณ์ของภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป” โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

-เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน เเต่การบริโภคหมวดสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว: โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.8 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 0.6 สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.9 จากระดับ 56.0 ในเดือนก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนพฤศจิกายน 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 8.0 อย่างไรก็ดี การบริโภคหมวดสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว สะท้อนจากปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ -30.1 และ -4.5 ตามลำดับ และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -0.9 และ -0.1 ตามลำดับ

-เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัว: โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -5.1 และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -6.4 ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -20.7 และลดลงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -5.6 สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 17.8 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 0.2 ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -0.6 และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -4.5

-มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 25,608.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 8.2 และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ร้อยละ 7.0 ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ โดยขยายตัวร้อยละ 40.8 35.8 และ 16.7 ตามลำดับ นอกจากนี้ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง อาหารสัตว์เลี้ยง และยางพารา ขยายตัวร้อยละ 44.8 18.1 และ 14.1 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกน้ำตาลทราย ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปรับตัวลดลง ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทยพบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดอินเดีย อินโดจีน (4) จีน และสหรัฐฯ และขยายตัวร้อยละ 31.6 21.0 16.9 และ 9.5 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ตลาดญี่ปุ่น และฮ่องกง หดตัวร้อยละ -3.7 และ -9.9 ตามลำดับ 

-เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนพฤศจิกายน 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 3.15 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 19.5 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 4.1 โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 1.3 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 0.5 ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว และมันสำปะหลัง เป็นต้น อย่างไรก็ดี ผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน ลดลงจากเดือนก่อน สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -3.6 และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -2.3 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 91.4 จากระดับ 89.1 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเพื่อจำหน่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี 2) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และ 3) ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง 

-เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี: สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ร้อยละ 0.95 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.80 ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ร้อยละ 64.0 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 237.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

#ข่าววันนี้ #กระตุ้นเศรษฐกิจ #ท่องเที่ยว #แจกเงินหมื่น #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

 

สรุปไฮไลท์การเมืองรอบวัน 24 ธันวาคม 2567

 

# นายทักษิณ​ ชิน​วัตร​ อดีต​นายก​รัฐมนตรี​ ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินสถานการณ์การเมืองในปี 2568​ ว่า​ การเมืองคงไม่มีอะไร ยังเหมือนเดิม พรรคร่วมรัฐบาลก็เหมือนเดิม การที่ไม่เห็นด้วยกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนลิ้นกับฟัน อย่างไรก็ต้องอยู่ด้วยกันจนจบ ไม่มีน่ากังวล 

lส่วนกรณีที่นายสนธิ​ ลิ้มทองกุล​ ประกาศจะลงถนนอีก นายทักษิณ​ กล่าวว่า​ “ไม่เป็นอะไร ถนนมีไว้ให้คนเดิน คนเดินหรือรถก็ว่าไป”

 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนในโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท เฟสที่ 3 นั้นน่าจะได้ความชัดเจนในช่วง ไตรมาส 2 ของปี 2568 รายละเอียดทั้งหมดให้ถามที่กระทรวงการคลังอีกครั้ง

น.ส.แพทองธาร เปิดเผยว่า ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็น โดยการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐที่มีสัญชาติไทย และมีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะจ่ายเงินกับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,000 บาทต่อคน โดยให้เร่งจ่ายเงินครั้งแรกใน มกราคม 2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ 

# นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพิจารณาคุณสมบัติผู้เข้ารับตำแหน่งประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายหลังมีกระแสคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ไม่ผ่านคุณสมบัติเข้ารับตำแหน่ง ว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกายังอยู่ระหว่างหารือ

และยังไม่มีข้อสรุป หรือมติใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ คาดว่าจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ เพื่อหาข้อสรุปกรณีคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ต่อไป

ครม.เคาะเงินหมื่นเฟส สอง 60 ปีขึ้นไป จ่ายตามไทม์ไลน์เดิมไม่เกิน ม.ค.68

 

วันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็น โดยการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐที่มีสัญชาติไทย และมีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะจ่ายเงินกับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,000 บาทต่อคน โดยให้เร่งจ่ายเงินครั้งแรกใน มกราคม 2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ 

“พิชัย​” เผยกำลังพิจารณาเคาะจ่ายเงินหมื่นเฟส​ 2 อยู่ ลั่น​ไม่มีแท้ง​ ทำแล้วต้องมีเงินจ่าย

 

วันที่ 11 ธ.ค.67 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย​ ชุณหวชิร​ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท เฟส 2 ในกลุ่มผู้สูงอายุ ยังคงเป็นไปตามไทม์ไลน์เดิมหรือไม่​ ว่า​ เรื่องนี้กำลังจะพิจารณาดูว่าจะดำเนินการอย่างไร ขณะนี้มีการยื่นเรื่องมาอยังตนได้พิจารณา​ในหลายทางเลือก

ผู้สื่อข่าวถามว่า การดำเนินโครงการในเฟสต่อๆ ไปจะมีเงินในการดำเนินโครงการหรือไม่​ นายพิชัย​ ถึงกลับหัวเราะ​ ก่อนระบุว่า “เราจัด​ ก็ต้องมีเงินสิครับ”

เมื่อถามว่า จะเห็นการดำเนินการในเฟสจะต่อๆ ไป​ ไม่แท้งใช่หรือไม่​  นายพิชัย​ กล่าวว่า​ ยังเดินต่อและเดินอยู่

"สนธิญา" บุกยื่นหลักฐานเพิ่มให้ "ศาล รธน." เอาผิด "เพื่อไทย" แจกเงินหมื่นไม่ตรงปกตามที่หาเสียง

วันที่ 9 ธ.ค.67 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายสนธิญา สวัสดี ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ที่รัฐบาลดำเนินโครงการแจกเงินหมื่นแตกต่างจากนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต 10,000 บาท   ที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 โดยมีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การแจกและกลุ่มบุคคล ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป ว่าด้วยการการเลือกตั้ง  ส.ส.2561  และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีหรือไม่ และหากศาลรับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัย ขอให้สั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยุติการปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ทั้งนี้ เอกสารที่นายสนธิญานำมายื่นวันนี้เป็นคำร้อง 4  ฉบับที่ได้เคยยื่นต่อกกต.และผู้ตรวจการแผ่นดิน ในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี  2566  เพื่อให้ตรวจสอบนโยบายหาเสียงดังกล่าว  รวมถึงหนังสือตอบกลับจากผู้ตรวจการแผ่นดินที่นายสนธิญามองว่า ทำให้ตนเองสามารถมาใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้

นายสนธิญา กล่าวว่า เอกสารเพิ่มเติมที่นำมายื่นต่อศาลในวันนี้เป็นหลักฐานที่ทำให้ศาลเห็นว่านโยบายดิจิตอล  10,000 บาท     รัฐบาลไม่ได้ทำแม้แต่ประการเดียว การทำที่ผ่านมาทำในรูปแบบของการแจกเงิน โดยใช้รูปแบบเดียวกับรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา     ซึ่งขณะนั้นการแจกเงินทำเพราะเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด -19  แต่ขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นกลับคืนขึ้นมาแล้ว ตนจึงไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินในโครงการดังกล่าว ที่สำคัญกลุ่มคนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปที่พรรคเพื่อไทยเคยประกาศว่าจะได้รับเงินตามนโยบายดิจิตอล10,000 บาทนั้น วันนี้คนกลุ่มนี้ผิดหวังไปแล้ว  40 ล้านคน จากจำนวนคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย 56 ล้านคน และการแจกของรัฐบาลไม่ตรงปก จึงขัดต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี    และรัฐธรรมนูญมาตรา 258   พ.ร.ป ว่าด้วยการการเลือกตั้ง  ส.ส.2561

"ผู้ตรวจการแผ่นดินยังไม่ชัดเจนว่าประเด็นนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่  เพราะรัฐบาลแจกเงินหมื่นและแจกให้เฉพาะผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่นโยบายที่หาเสียงไว้คือจะแจกเป็นเงินดิจิตอล ผ่านระบบสื่อสารออนไลน์และให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป ใช้จ่ายในรัศมี 4 กิโล เขาก็กำลังพยายามสืบเสาะหาเอกสาร  แต่เนื่องจากมันจะเกินระยะเวลา 60 วันที่กฎหมายกำหนด     ซึ่งจะทำให้ผู้ร้องเสียโอกาสในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ  ทางผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงมีหนังสือแจ้งกลับมาให้ผมยื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญเลย"  นายสนธิญา กล่าว

นายสนธิญา กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้กกต. ระบุว่าได้มีการสอบถามพรรคเพื่อไทยไปแล้ว และเห็นว่าพรรคเพื่อไทยทำถูกต้อง แต่ตนอยากถามกลับไปว่ากรณีที่น.ส.แพทองธาร ออกมายืนยันว่าจะทำดิจิตอลวอลเลตต่อไปแล้วทำไม่ได้ กกต.จะรับผิดชอบอย่างไร ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพรรคเพื่อไทยกระทำการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กกต.ก็ต้องรับผิดชอบด้วย  เพราะไม่เช่นนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า  แต่ละพรรคก็จะแข่งกันประกาศนโยบายที่พอถึงเวลาแล้วก็ทำให้เป็นจริงไม่ได้ สุดท้ายประชาชนก็เบื่อหน่ายการเมือง เพราะนักการเมืองโกหก

"ผมไปดูข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าช่วงอายุของคนที่มากที่สุดในขณะนี้คือ 20-45 ปี    มีจำนวนเกือบ 35 ล้านคน ซึ่งคนกลุ่มนี้นโยบายดิจิตอลวอลเลต ไม่ได้ให้เขาเลย ไม่รวมคนอายุ 16-24 ปีซึ่งมี 7 ล้านคน    ถ้ารวมคนกลุ่มนี้แล้ว   จะอยู่ที่ 37 - 40 ล้านคน    คนกลุ่มนี้ไม่ได้เงินตามที่นโยบายของพรรคเพื่อไทยประกาศเท่ากับว่าหลอกเขา ถามว่าคนเหล่านี้ได้เลือกพรรคเพื่อไทยไปแล้วทำอย่างไร คนที่ได้เงินไปแล้ว    ผมแสดงความยินดีด้วยแต่คนที่ไม่ได้    รัฐหรือพรรคเพื่อไทยจะชดเชยอย่างไร" นายสนธิญากล่าว

 

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 3 ธ.ค.67

ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 3 ธ.ค.67 

-"รมว.นฤมล" แจ้งข่าวดี มติ ครม.ล่าสุดเคาะจ่ายเงินไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ให้ชาวนาทั่วประเทศ เงินถึงมือไม่เกิน 10 วันทำการ

-ผู้ว่าฯ ธปท.จับตา 3 ความไม่แน่นอนกระทบนโยบายการเงิน จ่อแถลงมาตรการแก้หนี้ 11 ธ.ค.นี้

-ขุนคลังหวังประชุม กนง.รอบ ธ.ค.หั่น ดบ.ลง/ส่งสัญญาณขึ้น VAT ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล-บุคคลธรรมดาเหลือ 15%

-แจกเงินหมื่นผู้สูงอายุเฟส 2 ยังไม่เข้า ครม.ขอดู กม.ให้ชัดเจน คนไม่มีสมาร์ทโฟนรอลงทะเบียน

-โพลล์ซีอีโอ ส.อ.ท.กังวลนโยบายทรัมป์ 2.0 เร่งปรับตัวสกัดสินค้าจีนทะลักเข้าไทยพุ่ง

-"ธปท." ขอความร่วมมือสถาบันการเงิน-non bank ปรับเกณฑ์ผ่อนชำระ-เพิ่มวงเงินเติมสภาพคล่องลูกหนี้พิษน้ำท่วมภาคใต้

-"เอกนัฏ" ลงใต้ด่วน เยียวยาน้ำท่วม ปล่อยคาราวานถุงยังชีพ 5 จังหวัด ออกมาตรการช่วยผู้ประกอบการหลังน้ำลด

-"พิชัย" สั่งการน้ำท่วมภาคใต้ สินค้าห้ามขาด-ห้ามแพง ขอความร่วมมือห้างเตรียมของอุปโภคบริโภคให้ครบ

-บสย.ส่งมาตรการด่วน เยียวยาลูกค้า-ลูกหนี้น้ำท่วมภาคใต้ พักค่าธรรมเนียม-พักหนี้ 6 เดือน ช่วย SMEs ฟื้นฟูกิจการ     

-ธอส.ขานรับนโยบายรัฐบาลน้ำท่วมภาคใต้ ออกมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกค้าและประชาชน

-คิวสำรองผู้ประกันตน 3 พันกว่ารายยื่นรับสิทธิโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ตั้งแต่วันที่ 9-24 ธ.ค.67 

-เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง(ทองคำ 96.5%) เปิดตลาดเมื่อเวลา 09.04 น. ราคาปรับขึ้น 100 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้ออยู่ที่บาทละ 43,000 บาท ขายออก 43,100 บาท สำหรับทองรูปพรรณรับซื้ออยู่ที่บาทละ 42,220.60 บาท ขายออก 43,600 บาท ส่วนราคาทองคำโลก (Gold Spot) อยู่ที่ระดับ 2,636.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

-SET ปิดวันนี้(3ธ.ค.)ที่ 1,454.75 จุด เพิ่มขึ้น 17.65 จุด (+1.23%) มูลค่าซื้อขาย 46,701.92 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นรับแรงซื้อจากกองทุนลดหย่อนภาษี และมี Sentiment บวกจากซีอีโอ Nvidia มาไทย ขณะที่รอลุ้นประธานเฟดจะส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ หากลดดอกเบี้ยอาจเป็นแรงหนุนและช่วยดึง Fund Flow ไหลกลับมา แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดชะลอตัวหลังวันนี้ขึ้นไปมากแล้วแต่เชื่อพักช่วงสั้น ให้แนวต้าน 1,500 จุด แนวรับ 1,440 และ 1,430 จุด

#ราคาทอง #ธปท #ชาวนา #แจกเงินหมื่น #ไร่ละพัน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

แจกเงินหมื่นผู้สูงอายุเฟส 2 ยังไม่เข้า ครม.ขอดู กม.ให้ชัดเจน คนไม่มีสมาร์ทโฟนรอลงทะเบียน

แจกเงินหมื่นผู้สูงอายุเฟส 2 ยังไม่เข้า ครม.ขอดู กม.ให้ชัดเจน คนไม่มีสมาร์ทโฟนรอลงทะเบียน

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่าโครงการแจกเงินหมื่นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เฟสที่ 2 ยังไม่เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องของความครบถ้วนของข้อมูล เอกสาร จำเป็นต้องมีการปรับข้อมูลให้ครบถ้วนคาดจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ภายในสัปดาห์หน้า ขณะที่การจ่ายเงินผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น "ทางรัฐ" และผู้ที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว จะได้รับเงินทันภายในช่วงตรุษจีน

ส่วนผู้สูงอายุที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะเปิดให้ลงทะเบียน ขอให้รอดูความชัดเจนว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนได้เมื่อไหร่ ขณะนี้กำลังเร่งรัดหน่วยงานภาครัฐ และธนาคารรัฐ เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการลงทะเบียน ยืนยันสิทธิ์ เพราะคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มประมาณสูง มีปัญหาเรื่องการเดินทาง

#แจกเงินหมื่น #ผู้สูงอายุ #ข่าววันนี้ #ไม่มีสมาร์ทโฟน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

 

"ธปท." เผยเศรษฐกิจเดือน ต.ค.ดีขึ้นตามการท่องเที่ยว-บริโภคเอกชน อานิสงส์เงินหมื่นบาท

ธปท.เผยเศรษฐกิจเดือน ต.ค.ดีขึ้นตามการท่องเที่ยว-บริโภคเอกชน อานิสงส์เงินหมื่นบาท

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนต.ค.67 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน จากรายรับภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากมาตรการเงินโอน 10,000 บาท สอดคล้องกับกิจกรรมในภาคการค้าที่เพิ่มขึ้น ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรม ปรับเพิ่มขึ้นตามการส่งออกที่ไม่รวมรถยนต์ และอุปสงค์ในประเทศที่ปรับดีขึ้น

สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐ ขยายตัวจากทั้งรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในบางภาคส่วนยังชะลอตัวจากปัญหาเชิงโครงสร้างและความสามารถในการแข่งขันที่ด้อยลง ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนตามหมวดพลังงาน จากผลของฐานต่ำในปีก่อนที่มีมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ อย่างไรก็ดี หมวดอาหารสดลดลงจากราคาผักตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้น หลังปัญหาน้ำท่วมคลี่คลาย สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัว โดยหมวดอาหารปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่หมวดที่ไม่ใช่อาหารปรับลดลง ด้านดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุลใกล้เคียงเดือนก่อน โดยดุลการค้าเกินดุลลดลงจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ขาดดุลลดลง จากการส่งกลับกำไรที่ลดลง หลังเร่งไปในเดือนก่อนหน้า ด้านตลาดแรงงานปรับแย่ลง จากการจ้างงานในภาคบริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิ ภาคการค้า และก่อสร้าง สอดคล้องกับสัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานรายใหม่ต่อจำนวนผู้ประกันตนรวมที่ปรับเพิ่มขึ้น

น.ส.ปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. เปิดเผยว่า ในเดือนต.ค.นี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อยู่ที่ 2.7 ล้านคน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 2.5 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวมาเลเซีย และจีนชะลอลง ส่วนหนึ่งจากปัจจัยในประเทศ ขณะที่นักท่องเที่ยวหลายสัญชาติ อาทิ เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และนักท่องเที่ยวระยะยาว (long-haul) โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเยอรมนียังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้รายรับภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 2.8% จากเดือนก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวพำนักในไทยสะสม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากกลุ่มยุโรป รวมถึงค่าใช้จ่ายต่อวันที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยตั้งแต่ 1 ม.ค.-24 พ.ย.67 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 31.3 ล้านคน

- เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในทุกหมวด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (เงินโอน 10,000 บาท) โดยการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นใน 1) หมวดสินค้าไม่คงทน จากปริมาณการใช้น้ำมัน และยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว และยาสูบ 2) หมวดสินค้าคงทน ตามยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ และยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 3) หมวดสินค้ากึ่งคงทน จากปริมาณการนำเข้าสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม โดยเฉพาะเสื้อผ้า และ 4) หมวดบริการ จากหมวดโรงแรมและภัตตาคาร สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวไทย และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น

- ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมที่ลดลง ส่วนดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากหมวด 1) เคมีภัณฑ์ ตามการผลิตยา 2) เครื่องใช้ไฟฟ้า สอดคล้องกับการส่งออกเครื่องปรับอากาศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับอุปสงค์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและการซื้อทดแทนหลังน้ำท่วมคลี่คลาย และ 3) หมวดอาหารและเครื่องดื่ม จากอาหารสัตว์สำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์นม อย่างไรก็ตาม การผลิตลดลงในบางหมวด อาทิ ปิโตรเลียม จากปริมาณสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูง และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน ตามการส่งออกที่ชะลอลง

- มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำ ทรงตัวจากเดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ตามการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าไปยังทวีปอเมริกาเหนือ และหมวดอิเล็กทรอนิกส์ ตามการส่งออกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ไปยังตลาดอาเซียน ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปลดลง หลังปัญหาการขาดแคลนอุปทานของประเทศคู่ค้าคลี่คลายต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกน้ำมันปาล์ม และยาง ไปอินเดีย และน้ำตาลไปกัมพูชา รวมถึงหมวดยานยนต์ ลดลงตามการส่งออกรถยนต์นั่ง และรถกระบะไปยังตลาดอาเซียน และออสเตรเลีย

- มูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในทุกหมวดจาก 1) วัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง ตามปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม รวมทั้งการนำเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไต้หวัน 2) สินค้าอุปโภคและบริโภค ตามการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือจากจีน รวมถึงผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม และ 3) สินค้าทุนไม่รวมเครื่องบิน ตามการนำเข้าเครื่องจักรและเครื่องอุปกรณ์จากญี่ปุ่นและจีน

- เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในทุกหมวดหลัก โดยการลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับเพิ่มขึ้นตาม 1) การนำเข้าสินค้าทุน โดยเฉพาะหมวดเครื่องจักรเครื่องมือที่ใช้ในงานทั่วไป มอเตอร์ไฟฟ้า และเรือ 2) ยอดจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศ จากเครื่องจักรและเครื่องมือทั่วไป และ 3) ยอดจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นตามรถแทรกเตอร์ สำหรับการลงทุนด้านการก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ อิฐบล็อก ซีเมนต์ และพื้นสำเร็จรูปคอนกรีต รวมถึงพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างปรับดีขึ้น จากพื้นที่ฯ เพื่อที่อยู่อาศัย และเพื่ออุตสาหกรรมและโรงงาน

- การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอน ขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลาง โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายค่าจัดการเรียนการสอนของหน่วยงานด้านการศึกษา และการเบิกจ่ายเงินบำเหน็จ บำนาญ และค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ ด้านรายจ่ายลงทุน ขยายตัวสูงจากการเบิกจ่ายโครงการลงทุนของหน่วยงานด้านคมนาคม และด้านการศึกษา สำหรับรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ขยายตัวจากการเบิกจ่ายในโครงการด้านการสื่อสาร และสาธารณูปโภค

- ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 0.83% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามหมวดพลังงานจากผลของฐานต่ำในปีก่อน ที่มีมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ขณะที่หมวดอาหารสดลดลงจากราคาผักตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้น หลังปัญหาน้ำท่วมคลี่คลาย สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 0.77% ทรงตัว โดยราคาอาหารปรับสูงขึ้น แต่ราคาของใช้ส่วนตัวปรับลดลง

- ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 0.7 พันล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยดุลการค้าเกินดุล 1.4 พันล้านดอลลาร์ เกินดุลลดลงจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ขาดดุลลดลง จากการส่งกลับกำไรที่ลดลงหลังเร่งไปในเดือนก่อนหน้า ตลาดแรงงานปรับแย่ลงจากการจ้างงานในภาคบริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิ ภาคการค้ายานยนต์ และก่อสร้าง สอดคล้องกับสัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานรายใหม่ต่อจำนวนผู้ประกันตนรวมที่ปรับเพิ่มขึ้น ด้านการระดมทุนของภาคธุรกิจโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ตามการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พลังงาน และการค้า ขณะที่การระดมทุนผ่านตลาดทุนเพิ่มขึ้นจากธุรกิจขนส่ง รวมถึงการระดมทุนผ่านสินเชื่อภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและร้านอาหาร

- อัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนต.ค.67 เฉลี่ยอ่อนค่าลง ตามความไม่แน่นอนของขนาดการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนค่าเงินบาทในเดือน พ.ย. ซึ่งข้อมูลจนถึงวันที่ 25 พ.ย.67 พบว่าค่าเงินบาทยังอ่อนค่าลงต่อเนื่อง หลังจากมีผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้การนำของ "โดนัลด์ ทรัมป์" อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง และเฟด อาจจะไม่ปรับลดดอกเบี้ยได้เท่ากับที่เคยประเมินไว้

น.ส.ปราณี กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังมีแรงส่งจากภาคท่องเที่ยว ซึ่งดูได้จากเครื่องชี้ เช่น จำนวนการจองตั๋วที่นั่งเครื่องบินเข้าไทยที่เพิ่มขึ้น และ Seat capacity ที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยเฉพาะเที่ยวบินจากยุโรป รวมทั้งคำค้นหาเกี่ยวกับการเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ที่สะท้อนจาก Google destination ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีนี้จะสอดคล้องกับที่ ธปท.ได้เคยประเมินไว้

ขณะที่การส่งออกสินค้า แม้การส่งออกในเดือนต.ค.จะอยู่ในระดับสูง แต่ยังต้องจับตาความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้า "โดนัล ทรัมป์" ซึ่งจะมีต่อปริมาณการค้าโลก และเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการตอบโต้ทางการค้าต่างๆจากจีนและประเทศอื่นๆ ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมทยอยฟื้นตัวขึ้น แต่ยังมีบางอุตสาหกรรมที่ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง และการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลให้รายรับธุรกิจ และรายได้ครัวเรือนในบางกลุ่มยังเปราะบาง โดยสิ่งที่ต้องติดตามในระยะถัดไป คือ 1.ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายการค้าของสหรัฐฯที่จะส่งผลต่อการส่งออก และการผลิต 2.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

#ธปท #แบงก์ชาติ #ข่าววันนี้ #แจกเงินหมื่น #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 


 

จับตา ! ครม.สัญจรเชียงใหม่ เคาะ "แจกเงินหมื่น เฟส 2" 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ จ.เชียงใหม่ ในวันศุกร์ที่ 29 พ.ย.นี้ มีวาระที่น่าสนใจนอกเหนือจากวาระที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) มีมติเห็นชอบเงินช่วยเหลือชาวนา ช่วยค่าเก็บเกี่ยวและปัจจัยการผลิตข้าว เป็นเงินไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ หรือไม่เกินครัวเรือนละ 10,000 บาทแล้ว วงเงินงบประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท

รวมถึงวาระที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เตรียมเสนอขออนุมัติงบกลาง เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำ เตรียมความพร้อมโครงการและฟื้นฟูโครงการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน 564 ราย วงเงิน 2.9 พันล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีวาระสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณา โดยกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอขอความเห็นชอบนโยบายรัฐบาลเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินดิจิทัลเฟส 2 ให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3 - 4 ล้านคน ซึ่งวางไว้ให้สามารถใช้จ่ายได้ก่อนช่วงตรุษจีนปี 68

ทั้งนี้ สำหรับ จ.เชียงใหม่ ถือเป็นบ้านเกิดของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บิดาของ น.ส.แพทองธาร และเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย (พท.)