"ตราด" จัดเปตอง "เปตองเยาวชนไทยก้าวไกลสู่สากล" "นายกฯไกรสีห์" เฟ้นหายช.ทีมชาติลุยชิงแชมป์เอเชีย 2023

นายไกรสีห์ กรรณสูต นายกสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมกีฬาจังหวัดตราด เตรียมจัดการแข่งขันเปตอง "โครงการ เปตองเยาวชนไทยก้าวไกลสู่สากล ประจำปี  2556 ประเภทคู่เยาวชนชาย อายุไม่เกิน 17ปี และประเภทคู่เยาวชนหญิง อายุไม่เกิน 17ปี ที่ สนามกีฬาเปตองเทศบาลเมืองตราด จังหวัดตราด ระหว่างวันที่ 3-4มิ.ย.2566 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อที่จะให้เยาวชนไทยได้ออกกำลังกายเล่นเปตอง และพัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่เล่นเปตองให้เก่งที่สุด จนก้าวขึ้นสู่ทีมชาติไทยในอนาคต และจะคัดเอานักกีฬาเยาวชนชายที่ติดอันดับที่ 1 -16คน และนักกีฬาเยาวชนหญิงที่ติดอันดับ 1-16คน เข้าร่วมการคัดเลือกตัวเป็นทีมชาติไทย ไปร่วมการแข่งขันเปตองชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย 2023 ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเชีย เดือนส.ค.นี้

นายไกรสีห์ กรรณสูต กล่าวว่า การแข่งขันเปตองชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย 2023 แข่งขันทั้งหมด 6ประเภทคือ ทีมชาย ทีมหญิง ทีมเยาวชนอายุไม่เกิน 17ปี ชู้ตติ้งชาย ช้ตติ้งหญิง และชู้ตติ้งเยาวชรอายุไม่เกิน 17ปี  โดยสมาคมฯเตรียมจัดการแข่งขันคัดเลือกทีมชาติไทยชุดนี้ เดือนมิ.ย.นี้ และจะเรียกนักกีฬาเข้าเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกัน ที่ มูลนิธิเพื่อพัฒนากีฬาเปตอง ซอยรามคำแหง 9 เขตวังทองหลาง กทม.เดือนก.ค.นี้ 

นอกจากนี้ สมาคมฯยังจะได้ให้สิทธิ์แก่นักกีฬาทีมที่คว้าแชมป์เอเชีย 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ได้เป็นตัวแทนทีมชาติไทยชุดชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย 2023 ทันที โดยไม่ต้องลงแข่งขันเพื่อคัดเลือกในครั้งนี้

ทั้งนี้ การแข่งขันเปตอง "โครงการเปตองเยาวชนไทยก้าวไกลสู่สากล ประจำปี 2566 เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึงจนถึงวันที่ 29พ.ค.นี้ เวลา 16.00น. และกำหนดจับสลากแบ่งสาย วันที่ 31พ.ค.นี้  ผู้ที่สนใจสมัครเข้าแข่งขันสมัครผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย ฯ https://www.petanquethai.info/ หรือโทร..02-3197622

สำหรับเงินรางวัลแต่ละประเภทมีดังนี้ คู่เยาวชนชาย อายุไม่เกิน 17ปี ทีมชนะเลิศได้รับถ้วยรางวัลพร้อมเงินบำรุงทีม 20,000บาท ทีมรองชนะเลิศได้รับถ้วยพร้อมเงินบำรุงทีม 10,000บาท และทีมอันดับ 3ทีมจะได้รับเงินรางวัลทีมละ 5,000บาท ส่วนคู่เยาวชนหญิง อายุไม่เกิน 17ปี ทีมชนะเลิศได้รับถ้วยรางวัลพร้อมเงินบำรุงทีม 20,000บาท ทีมรองชนะเลิศได้รับถ้วยพร้อมเงินบำรุงทีม 10,000บาท และทีมอันดับ 3ทีมจะได้รับเงินรางวัลทีมละ 5,000บาท

สานฝันเด็กใต้สู่นักเตะอาชีพ! "โตโยต้า จูเนียร์ ฟุตบอลคลินิก" ประเดิมคัดสนามแรกที่จ.กระบี่

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ "Toyota Junior Football Clinic 2023" สนามคัดเลือกที่ 1 จังหวัดกระบี่ ณ สนามกีฬาปลาใบ โดยมี ตัวแทน บริษัท โตโยต้า อันดามัน กระบี่ จำกัด (สำนักงานใหญ่) และน้องๆ เยาวชน ร่วมในพิธี 

การคัดเลือกสนามที่ 1 จังหวัดกระบี่ เยาวชนในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการร่วมทำการคัดเลือกกับทีมโค้ชอย่างดุเดือดจนได้ที่สุด 30 แข้งเป็นตัวแทนโซนภาคใต้ เข้าสู่รอบคัดเลือกรอบสุดท้าย จึงทำให้ทาง "โตโยต้า" หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ "Toyota Junior Football Clinic 2023" ในครั้งนี้จะเป็นโครงการช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ เยาวชนและพัฒนาฝีเท้าให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะก้าวการเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคต

การคัดเลือกรอบแรกจากทุกสนาม จะคัดเยาวชนฝีเท้าดีรวม 210 คน ผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบสุดท้าย ที่ ศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอล มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีและจะมี 46 คน ที่ผ่านรอบสุดท้ายมีสิทธิเข้าแคมป์เก็บตัวและฝึกทักษะขั้นสูงกับโค้ชมาตรฐานระดับโลกและทีมผู้ฝึกสอนจากเอสทีบี นำทีมโดยโค้ช โรนัลด์ บอเรตติ (Ronald Boretti) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ฝึกสอนและเยาวชน บริษัท สปอร์ตไทย บาวาเรีย ฟุตบอล จำกัด ซึ่งเตรียมโปรแกรมฝึกไว้อย่างเข้มข้นโดยสปอร์ตไทย บาวาเรีย ได้จับมือกับทีมไบเอิร์นมิวนิก ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีเพื่อสร้างมาตรฐานหลักสูตรการสอนฟุตบอลในประเทศไทยให้เทียบเท่าฟุตบอลทวีปยุโรป 

ตลอดการฝึกทักษะกีฬา เยาวชนจะได้เข้าร่วมโปรแกรมการจัดแข่งขันพิเศษเป็นการปะทะแข้งระหว่างนักเตะเยาวชนในรอบสุดท้ายกับทีมอะคาเดมีของสโมสรอาชีพในไทยลีก และความพิเศษที่ถือเป็นอีกไฮไลท์สำคัญคือ การจัดแข่งขันกับทีมระดับเอเชียภายใต้โครงการ Asian Dream  เพื่อให้เยาวชนได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์กีฬาฟุตบอลได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ภายในงานยังโครงการเพื่อสังคม (CSR) พิเศษในการมอบเสื้อกีฬา จำนวน 50 ตัวเพื่อพลักดันกลุ่มเยาวชนที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาฟุตบอลให้กับ อบต.เกาะกลาง (กลุ่มที่ชื่นชอบฟุตบอลที่ช่วยฝึกทักษะจัดทีมแข่งขันให้กับเด็ก ๆ ในพื้นที่) โดยมีคุณ สุริยา ปังหูล สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำ บลเกาะกลาง เป็นผู้รับมอบ

สำหรับ กิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นทั้งหมด 7 สนาม 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่, จังหวัดเชียงราย, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, จังหวัดบุรีรัมย์, จังหวัดสุโขทัย, จังหวัดสุพรรณบุรี และ จังหวัดชลบุรี ในช่วงระหว่างวันที่ 28 มีนาคม 2566 ถึง วันที่ 27 พฤษภาคม 2566 สามารถสมัครช่องทางออนไลน์ได้ที่นี่: https://tjfc.online/fb

24 เมษายน 2566 - รอบคัดเลือกจังหวัดกระบี่ สนามกีฬาจังหวัดกระบี่

6 พฤษภาคม 2566 - รอบคัดเลือกจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สนามกีฬากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

13 พฤษภาคม 2566 - รอบคัดเลือกจังหวัดบุรีรัมย์ สนามกีฬาบุรีรัมย์ ซีตี้ (เขากระโดง) สเตเดียม

20 พฤษภาคม 2566 - รอบคัดเลือกจังหวัดสุโขทัย สนามกีฬาทะเลหลวง สเตเดียม

27 พฤษภาคม 2566 - รอบคัดเลือกจังหวัดสุพรรณบุรี สนามกีฬาโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี

3 มิถุนายน 2566 - รอบคัดเลือกจังหวัดชลบุรี สนามมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติวิทยาเขตชลบุรี

10 มิถุนายน 2566 - รอบคัดเลือกจังหวัดเชียงราย สนามลีโอเชียงรายสเตเดียม

ติดตามความเคลื่อนไหว และเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจของวงการลูกหนังไทยได้ที่: TOYOTA Spirit of Football  

ส.ว่ายน้ำฯ ร่วมกับ ไทยออยล์ - เทศบาลนครแหลมฉบัง เปิดโครงการ “ช่วยชีวิต ลดวิกฤติการจมน้ำ” ปีที่ 4 ตั้งเป้าลดการจมน้ำ

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และ เทศบาลนครแหลมฉบัง เปิดโครงการ “ช่วยชีวิต ลดวิกฤติการจมน้ำ” ปีที่ 4 ประจำปี 2566 ณ สระว่ายน้ำ เทศบาลนครแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเอกธนิส พิพิธวณิชการ ที่ปรึกษาสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยและประธานบริหารโครงการพิเศษ พร้อมด้วย นายจิระเมศร์ ธนกุลอธิโรจน์ ประธานภาคกลาง 1 , นายอรรจน์ วิสุทธิถาวรวงศ์ ผู้จัดการกิจการเพื่อสังคม บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และ นายสันติ ศิริตันหยง รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง เข้าร่วมพิธีเปิดโครงการ

พลเอกธนิส พิพิธวณิชการ ที่ปรึกษาสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยและประธานบริหารโครงการพิเศษ กล่าวว่า การจมน้ําเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี สมาคมกีฬาว่ายน้ําแห่งประเทศไทยร่วมมือกับ บริษัท ไทยออยล์ จํากัด (มหาชน) และเทศบาลนครแหลมฉบัง เล็งเห็นถึงความสําคัญ จึงริเริ่มโครงการ ช่วยชีวิต ลดวิกฤตการจมน้ํา ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อให้เยาวชน จํานวน 300 คน ได้เรียนรู้ทักษะการว่ายน้ํากับบุคลากรของสมาคมฯและนิสิตจากมหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อช่วยลดการเสียชีวิตจากการจมน้ํา และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงการรณรงค์ส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางน้ํา

ทาง นายอรรจน์ วิสุทธิถาวรวงศ์ ผู้จัดการกิจการเพื่อสังคม บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทได้ดําเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการดูแลสังคม รวมถึงส่งเสริมทักษะกีฬาว่ายน้ําให้กับเยาวชนไทย เพื่อลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุทางน้ํา นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้ร่วมกับสมาคมกีฬาว่ายน้ําแห่งประเทศไทย ดําเนินโครงการ ช่วยชีวิต ลดวิกฤตการจมน้ํา เป็นปีที่ 4 ในพื้นที่เทศบาลนครแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งกิจการของบริษัท

ขณะที่ นายสันติ ศิริตันหยง รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง กล่าวว่า “ถือเป็นโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นการช่วยส่งเสริมให้เด็กด้อยโอกาสได้ฝึกฝน ทักษะการว่ายน้ํา ลดความสูญเสีย ซึ่งเทศบาลนครแหลมฉบังรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนส่งเสริมประชาสัมพันธ์โครงการไปสู่เยาวชนเพื่อได้รับทราบข่าวอย่างทั่วถึง ตลอดจนเข้าร่วมโครงการ

สำหรับโครงการ “ช่วยชีวิต ลดวิกฤตการจมน้ํา” ปีที่ 4 ประจําปี 2566 ระยะเวลาดําเนินการทั้งสิ้น 9 เดือน ตั้งแต่ มกราคม ถึง กันยายน 2566 โดยแบ่งการสอนให้กับเยาวชนอายุตั้งแต่ 7 –14 ปี ออกเป็น 2 ช่วงเวลา จํานวน 10 ชั่วโมง

นักวิชาการ แนะ "รมว.ดีอีเอส" ลุยใช้กม.ลดขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์จริงจัง

ตามที่มีข่าวว่า นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้เข้าร่วมเวทีเสวนาประเด็นเกี่ยวกับการให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ประเด็นโทษพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า และประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายหรือไม่ นั้น 

ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร หน่วยวิชาการบ่มเพาะเครือข่ายนักจัดการปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่า ประเด็นบุหรี่ไฟฟ้ากำลังอยู่ในความสนใจของเด็กและเยาวชน และยังพบว่าปัจจุบันเด็กและเยาวชน ใช้บุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก เนื่องจากมีความเข้าใจผิดว่า บุหรี่โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ไม่อันตราย ทั้งที่เมื่อสูบแล้วจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพเช่นเดียวกับบุหรี่มวน ซึ่งสถานการณ์การใช้บุหรี่ไฟฟ้า เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญและเฝ้าระวังอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเด็กและเยาวชน  

“การที่รัฐมนตรีชัยวุฒิ ออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ อาจทำให้เกิดกระบวนการสร้างความเข้าใจที่ผิดต่อบุหรี่ไฟฟ้ากับเยาวชนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพให้สังคมไทยยอมรับและสนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายหรือไม่ เพราะเป็นการนำเสนอประเด็นเพียงด้านเดียว ขณะเดียวกันในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส ควรดำเนินการจับกุมและบังคับใช้กฎหมายกับผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า เพราะถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายที่ยังมีขายในระบบออนไลน์จำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการทำหน้าที่โดยตรงของกระทรวง เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง เช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ที่สามารถจัดการกับการขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องสุขภาพของเด็กและเยาชน” 

ดร.วศิน กล่าวทิ้งท้าย โดยฝากถึงสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ว่า ให้ระมัดระวังการจัดเวทีเสวนา ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อไม่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เยาวชนเกิดความเข้าใจผิดในประเด็นบุหรี่บุหรี่ไฟฟ้าทั้งในแง่กฎหมายและโทษพิษภัย