TGA ได้ 12 นักกอล์ฟเยาวชนคลาส C-D คว้าตั๋ว "สิงห์ ไทยแลนด์ จูเนียร์ เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ"

วันที่ 29 กันยายน 2568 สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดการแข่งขัน "สิงห์-กรุงไทย จูเนียร์ กอล์ฟ แชมเปี้ยน" รอบคัดเลือกสู่ "สิงห์ ไทยแลนด์ จูเนียร์ เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ" ดวลกันที่สนามนารายณ์ฮิลล์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ จ.ลพบุรี คลาส C (11-12 ปี), คลาส D (9-10 ปี) แข่งระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2568 มีนักกอล์ฟชิงชัยกว่า 100 คน โดยคุณรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ ได้เดินทางไปชมผลงานนักกอล์ฟดาวรุ่งไทย พร้อมให้กำลังใจ ติดขอบสนามด้วย

รายการนี้ จะคัดนักกอล์ฟชาย 3 คน และ หญิง 3 คน ในแต่ละรุ่น เข้าร่วมแข่งขัน "สิงห์ ไทยแลนด์ จูเนียร์ เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ" ซึ่งจะแข่งที่สนามกอล์ฟหลวงหัวหิน ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน 2568

โดยหลังจบการดวลวงสวิง 3 วัน ผลการแข่งขัน คลาส C (11-12 ปี) ชาย วรวิวรรธน์ ทยาวิวัฒน์ คว้าแชมป์ สกอร์รวม 1 อันเดอร์พาร์ 215 (73-72-70) ขณะที่ "รองแชมป์" อวี้ป่อ เซิน 3 โอเวอร์พาร์ 219 (69-77-73) และอันดับ 3 ริวกิ โอซากิ 5 โอเวอร์พาร์ 221 (71-75-75) ทั้ง 3 คน ได้สิทธิ์ไปเล่น "สิงห์ ไทยแลนด์ จูเนียร์ เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ"

ส่วน คลาส C หญิง นลพรรณ คำเกิด ฟอร์มร้อนแรงทั้ง 3 วัน จบที่ 10 อันเดอร์พาร์ 206 (67-72-67) คว้าแชมป์ ตามด้วย กิรณา บัตรพรรธนะ 8 อันเดอร์พาร์ 208 (69-70-69) และ พลอยนภัส อมรวานิชย์ 5 อันเดอร์พาร์ 211 (70-72-69) ทั้ง 3 คน คว้าตั๋วลุยศึกใหญ่ ปลายเดือน ตุลาคม

คลาส D (9-10 ปี)  ชาย แอนดี้ ศรีสังวาลย์ รักษามาตรฐาน จบที่ 2 โอเวอร์พาร์ 218 (74-72-72) คว้าแชมป์ โดยมี ทัตพงศ์ วงศ์วรารักษ์ อันดับ 2 สกอร์ 12 โอเวอร์พาร์ 228 (77-72-79) และ เชน คเชนทร์ชัย 15 โอเวอร์พาร์ 231 (81-76-74) ได้สิทธิ์ลุยศึก "สิงห์ ไทยแลนด์ จูเนียร์ เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ"

คลาส D หญิง ณิชาภา จบหิมเวศน์ นำม้วนเดียวจบ สกอร์ 5 อันเดอร์พาร์ 211 (71-70-70) ตามด้วย ณัฐภัสสร วงศ์สว่าง 3 โอเวอร์พาร์ 219 (73-73-73) และ มิรา พิมมะรัตน์ 13 โอเวอร์พาร์ 229 (75-78-76) ทั้ง 3 คนคว้าตั๋วสำเร็จ

การแข่งขันสัปดาห์หน้า "สิงห์-กรุงไทย จูเนียร์ กอล์ฟ แชมเปี้ยน" รอบคัดเลือกสู่ "สิงห์ ไทยแลนด์ จูเนียร์ เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ" ดวลกันที่สนามนารายณ์ฮิลล์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ จ.ลพบุรี คลาส A (15-18 ปี), คลาส B (13-14 ปี) ระหว่างวันที่ 2-5 ตุลาคม 2568 ที่สนามนารายณ์ฮิลล์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ จ.ลพบุรี

ททท.จับมือ ส.คิกบ็อกซิ่ง และ จ.กำแพงเพชร จัดกิจกรรม KIDS KAT TOURISM AND TRAINING CAMP 2025

วันที่ 27 กันยายน 2568 เรืออากาศตรีหญิง ทิรา บุญาณี กิตติกรณ์ เลขาธิการสมาคมคิกบ็อก ซิ่งแห่งประเทศไทย และ นาย กมล สิมเมือง อุปนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานร่วม ในโครงการ KIDS KAT TOURISM AND TRAINING CAMP 2025 ณ โรงแรม ชากังราว ริเวอร์วิว จ.กำแพงเพชร โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกำแพงเพชร จัดขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และ สนับสนุนให้ชุมชนร่วมมือกันและใช้เอกลักษณ์ของชุมชน พัฒนาโอกาสในการสร้างรายได้จากการจัดกิจกรรมกีฬาในจังหวัด โดยร่วมกันพัฒนาชุมชนให้สามารถรองรับการจัดกิจกรรมกีฬาที่น่าสนใจ เพื่อรองรับการเป็นชุมชนกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวในอนาคต

เรืออากาศตรีหญิง ทิรา บุญาณี กิตติกรณ์ เลขาธิการสมาคมคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทย ต้องการส่งเสริมเยาวชน ให้มีความรู้ และความเข้าใจใน กฎกติกาของกีฬา kickboxing เพราะเป้าหมายของสมาคม ต้องการที่จะเป็น Kickboxing Hub ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในระดับเอเชียให้ได้ ด้วยประเทศไทยมีฐานกีฬาต่อสู้ที่เป็นที่นิยมมากคือ มวยไทย และกีฬาต่อสู้ต่อ ทั้ง MMA, เทควันโด้, ยูยิตสู เป็นต้น

ดังนั้น KIDS KAT TOURISM AND TRAINING CAMP 2025 ครั้งที่ 1 ถือเป็นโอกาสที่ดีมากในการให้ความรู้แก่นักกีฬาเยาวชน และส่งเสริมการต่อยอดจากการที่กีฬาคิกบ็อกซิ่ง ที่ได้ถูกบรรจุในกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ และกิจกรรมนี้ถือเป็นการจัดงานแบบ (Sport Tourism) ที่ทำให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยว จากเมืองหลัก ไปสู่เมืองรองมากขึ้นตาม โครงการ ‘เมืองน่าเที่ยว Year of Celebration’ ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของเรา ซึ่งเรียกว่าเป็นการบูรณาการให้เกิดการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยใช้กีฬาเป็นสื่อ อันจะนำมาซึ่งการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร 

 

ท๊อป จิรายุส เดินสาย Bitkub CSR Roadshow สร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก เยาวชน และผู้ต้องขัง กรมพินิจฯ-กรมราชทัณฑ์ ทั่วปท.

วันที่ 9 กันยายน 2568 คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด พร้อมด้วยพนักงานบิทคับ กรุ๊ป เดินสายจัดกิจกรรมส่งต่อโอกาส “Bitkub CSR Roadshow” ครั้งที่ 1 ภายใต้แนวคิด “สร้างแรงบันดาลใจ มอบโอกาส ก้าวสู่โลกยุคใหม่” เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้กับเด็กและเยาวชน โดยมี พันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวเปิดงาน พร้อมคุณไพฑูรย์ มงคลหัตถี หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กรมราชทัณฑ์, คุณนลินนาถ ไกรนรา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และคุณสุชาติ ภวสิริพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านกิจการองค์กรและความยั่งยืน บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เข้าร่วมงาน พร้อมสองพาร์ทเนอร์คนสำคัญอย่าง Pizza Hut โดย คุณนภัสสร วิรุฬหธีระสรรค์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาศักยภาพองค์กร บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด และ Chef Cares โดย คุณวรวรรณ จั่นทิม กรรมการบริหาร วิสาหกิจเชฟแคร์ส โปรเจกต์ ร่วมสนับสนุนพิซซ่าและอาหารกลางวันมื้อคุณภาพกว่า 2,000 กล่อง ให้กับเด็กและเยาวชนจาก 13 หน่วยงาน ณ ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนบ้านสิรินธร จังหวัดนครปฐม

คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เปิดเผยว่า กิจกรรม Bitkub CSR Roadshow ในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างบิทคับ กรุ๊ปและกระทรวงยุติธรรมที่จะจัดกิจกรรมส่งมอบความรู้ความเข้าใจในการวางแผนทางการเงิน การเตรียมความพร้อมพัฒนาทักษะเทคโนโลยี และการสร้างความหวังและแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง เพื่อส่งต่อโอกาสและสร้างทางเลือกในการประกอบอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำของกรมราชทัณฑ์และเด็กและเยาวชนในสถานที่ควบคุมของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ก่อนกลับคืนสู่สังคม โดยเตรียมจัดกิจกรรมนี้ทั่วประเทศ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการส่งมอบโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาทักษะ พร้อมต่อยอดสู่การสร้างงานและอาชีพที่ยั่งยืนในอนาคต

ทั้งนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน เสก โลโซ และวงพิเศษมีนบุรี เรือนจำพิเศษมีนบุรี ที่มาส่งมอบบทเพลงแห่งความสุขและความหวัง และกิจกรรม Mental Health ในหัวข้อ “ชีวิตไม่มีปุ่มลบอดีต แต่มีปุ่มสร้างอนาคตเสมอ” โดย คุณธารา ใบแสง นักจิตวิทยาและที่ปรึกษาสุขภาพจิตจากศูนย์ส่งเสริมนวัตกรรมและสุขภาพจิต ME HUG นอกจากนี้ บิทคับ กรุ๊ป ยังมีแผนเดินหน้าจัด Bitkub CSR Roadshow ต่อเนื่องในทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อส่งต่อโอกาสและสร้างแรงบันดาลใจ โดยจะจัดขึ้นที่จังหวัดชลบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา และสุราษฎร์ธานี เพื่อขยายผลโครงการและส่งเสริมการพัฒนาผู้ต้องขังในเรือนจำของกรมราชทัณฑ์และเด็กและเยาวชนในสถานที่ควบคุมของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน

ยัวซ่าแบตเตอรี่ จับมือ โจนาธาน เข็มดี จุดพลังฝันเยาวชน “YUASA FOOTBALL INSPIRATION 2025” สนามที่ 4 จ.ระยอง

วันที่ 9 กันยายน 2568 บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เดินหน้าจุดประกายพลังเยาวชนไทย ผ่านโครงการ “YUASA FOOTBALL INSPIRATION 2025” สนามที่ 4 จังหวัดระยอง พบกับแขกรับเชิญสุดพิเศษ  "โจนาธาน เข็มดี" กองหลังทีมชาติไทย ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนกว่า 80 คน โดยได้รับเกียรติจาก คุณพัณณ์ชิตา ชีวีวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร (กลุ่มงานขาย) บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เป็นประธาน พร้อมด้วย "โค้ชโย่ง" วรวุธ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนโครงการ และตัวแทนจำหน่าย ร้านเจริญทรัพย์ไดนาโมแบตเตอรี่ ที่มาร่วมสนับสนุนและส่งเสริมการฝึกซ้อมอย่างใกล้ชิด ณ สนามฟุตบอล MOSSA SPORT SOCIETY จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา

ภายในงาน ‘โจนาธาน’ ไม่เพียงลงสนามโชว์ทักษะและแบ่งปันเคล็ดลับการเล่นฟุตบอลระดับทีมชาติ แต่ยังพูดคุยและให้กำลังใจน้อง ๆ อย่างใกล้ชิด สร้างบรรยากาศอบอุ่น เต็มไปด้วยรอยยิ้มและแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เยาวชนทุกคนได้เห็นต้นแบบนักกีฬามืออาชีพตัวจริง ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก ที่สะท้อนพันธกิจของยัวซ่าในการผลักดันศักยภาพเยาวชนไทยผ่านกีฬาอย่างต่อเนื่อง สำหรับน้อง ๆ เยาวชนอายุ 8-12 ปี ที่สนใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ สามารถสมัครและติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวและโอกาสดี ๆ จากโครงการ "YUASA FOOTBALL INSPIRATION 2025" จาก YUASA ได้ทาง FACEBOOK : YUASA CLUB

 

เยาวชน 13 ชาติ ร่วมศึกสวิง "ไทยแลนด์ จูเนียร์" โค้ช ม.ดังจากอเมริกา บินมาดูถึงสนามอัลไพน์ เชียงใหม่

การแข่งขันกอล์ฟเยาวชนนานาชาติรายการใหญ่ โดย เอเจจีเอ (American Junior Golf Association) ของสหรัฐฯ หนึ่งในการแข่งขัน "อินเตอร์เนชั่นเนล พาร์ทเวย์ ซีรี่ส์" ที่จัดแข่งขันทั่วโลก และสัปดาห์นี้มาจัดครั้งแรกที่ประเทศไทย รายการ "ไทยแลนด์ จูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพ 2025" ระหว่างวันที่ 5-7 กันยายน 2568 ที่สนาม อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ครั้งนี้มีทีมโค้ชของมหาวิทยาลัยดังจากสหรัฐอเมริกา มาแนะแนวทางการเล่นกอล์ฟ และโอกาสทางด้านศึกษาให้น้องๆเยาวชนถึงสนาม แชมป์ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันรายการ เอเจจีเอ ที่สหรัฐฯ และยังได้สิทธิ์แข่งขันระดับเยาวชนอีกหลายรายการ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 เป็นรอบซ้อมอย่างเป็นทางการ มีนักกอล์ฟ 111 คน จาก 13 ชาติ ร่วมแข่งขันด้วยอย่างคึกคัก โดยมี "โปรบูม" ปราชญ์ รัตนกูล ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันและทีมงาน ให้ต้อนรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟเยาวชนทุกคน

บริษัท โกลบอลกอล์ฟ แมเนจเม้นท์ ผู้จัดการแข่งขัน เอเจจีเอ ไอพีเอส หรือ อเมริกัน จูเนียร์ กอล์ฟ แอสโซซิเอชั่น องค์กรจัดการแข่งขันกอล์ฟระดับเยาวชนของสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก จับมือกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ และภาคเอกชน ร่วมสนับสนุนจัดแข่งขันรายการ "ไทยแลนด์ จูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพ 2025" เปิดโอกาสให้นักกอล์ฟเยาวชนได้มีการพัฒนาฝีมือแข่งขันในระดับนานาชาติ ยังเป็นการเปิดโอกาสทางด้านการศึกษาสู่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในอนาคต

โดยมีนักกอล์ฟเข้าร่วมแข่งขันรวม 111 คน จาก 13 ชาติ ประกอบด้วย ไทย, ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, อังกฤษ, เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์, ศรีลังกา, สิงค์โปร์, ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา รับสมัครนักกอล์ฟที่อายุไม่เกิน 18 ปี แบ่งเป็นนักกอล์ฟชาย 70 คน และนักกอล์ฟหญิง 41 คน เล่นสโตรคเพลย์ 3 วัน 54 หลุม ระหว่างวันที่ 5-7 กันยายน เมื่อจบการเล่น 36 หลุมแรก ตัดตัวนักกอล์ฟที่ 65 เปอร์เซนต์ และเสมอ เข้าเล่นรอบสุดท้าย แชมป์รายการนี้รับสิทธิ์ร่วมแข่งขันทุกรายการของ เอเจจีเอ (American Junior Golf Association) ของสหรัฐฯ และมีรางวัลเป็นดาวจาก เอเจจีเอ แบ่งผู้เล่นชาย-หญิง ประเภทชาย ผู้เล่นที่จบอยู่อันดับท็อป 5  รวม 12 ดวง ท็อป 10 รวม 8 ดวง ท็อป 15 รวม 4 ดวง และท็อป 50 เปอร์เซ็นต์ รวม 1 ดวง ทางด้านประเภทหญิง ผู้เล่นที่อันดับท็อป 3 รวม 12 ดวง ท็อป 5 รวม 8 ดวง ท็อป 10 รวม 4 ดวง และท็อป 50 เปอร์เซ็นต์ รวม 1 ดวง

นอกจากนี้ นักกอล์ฟเยาวชน ชายและหญิง ผลงานดีสุด 3 คน ได้รับเชิญเข้าร่วมแข่งขัน รายการ "พัฒนา อเมเจอร์ เวิลด์ กอล์ฟ แรงกิ้ง อินวิเตชั่นเนล 2025" ในเดือนตุลาคม ก่อนสิ้นปีนี้ในเดือนพฤศจิกายน ยังได้รับเชิญร่วมแข่งขันอีก 2 ทัวร์นาเมนต์ ในรายการ "เนกซ์เจน อเมเจอร์ เวิลด์ ไฟนอล 2025" ที่ประเทศออสเตรเลีย และการแข่งขันเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย "ไทยแลนด์ จูเนียร์ มาสเตอร์ส 2025" อีกทั้งในปี 2026 ยังได้รับเชิญเข้าแข่งขันรายการต่าง ๆ ดังนี้ รายการนานาชาติ ชิงแชมป์เอเชีย "แบล็ค เมาน์เท่น เอเชียน จูเนียร์ มาสเตอร์ส 2026" เดือนกุมภาพันธ์, รายการ "ยูเอส.คิดส์ กอล์ฟ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2026" เดือนเมษายน และ รายการ "ไทยแลนด์ จูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพ-เอเจจีเอ ไอพีเอส" 2026 เดือนกันยายนอีกด้วย

ทั้งนี้ ระหว่างแข่งขันของทุกวัน ยกเว้นรอบสุดท้าย ทางทีมโค้ชกอล์ฟจากระดับมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา ยังได้จัดกิจกรรม "มินิ กอล์ฟ แคมป์" เพื่อมอบความรู้ในการเล่นกอล์ฟให้กับเยาวชนในรุ่นอายุ 12-18 ปี รวมถึงจัดสัมมนาแนะแนวการเข้ารับทุนการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย โดยได้รับความสนใจจากผู้ปกครอง และน้อง ๆ เยาวชน เข้าร่วมกิจกรรม ที่ห้องประชุมสัมมนา ของสนาม อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่

กำหนดเวลาปล่อยตัวผู้เล่นรอบแรก ในวันที่ 5 กันยายน 2568 ออกสตาร์ต ทางด้านหลุม 1 และหลุม 10 กลุ่มแรก เริ่มเวลา 06.50 น. รอบบ่ายเริ่มเวลา 11.45 น. แฟนกอล์ฟสามารถเข้ามาชมการแข่งขัน และให้กำลังใจน้อง ๆ ได้ทุกวัน หรือรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันทุกวันผ่าน แอปฯ เอไอเอส เพลย์ หรือทางเพจ Facebook : The Junior Golf Series หรือ Youtube: THE JUNIOR GOLF SERIES

กรมพัฒนาชุมชน ต่อยอด "พัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่ต่อเนื่อง" ปี 2 สู่การเป็นผปก.มืออาชีพ

ก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 การเพิ่มทักษะและเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับเยาวชน ทั้งยังพัฒนาศักยภาพเยาวชน ให้สามารถเป็นผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP รุ่นใหม่ ที่จะสืบสานและต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรม ให้เป็นไปตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก”กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน จัดกิจกรรมการประกวดสุดยอดผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (New Gen 2025) ระดับประเทศ ตามโครงการพัฒนาศักยภาพเยาวชนด้านผ้าไทยและงานหัตถกรรม หัตถศิลป์ สู่การเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (New Gen 2025) พร้อมจัดพิธีมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการประกวดฯ และมอบใบประกาศนียบัตรให้กับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลกิจกรรมการประกวดสุดยอดผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (New Gen 2025) ระดับประเทศ  โดยมีนายสุรพล แก้วอินธิ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการฯ พร้อมทั้งที่ปรึกษาโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิ จากหลากหลายสาขาวิชาชีพเข้าร่วมงาน ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย นักออกแบบดีไซเนอร์ผ้าไทยที่มีชื่อเสียง  ได้แก่ นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย และที่ปรึกษาผ้าไทยใส่ให้สนุก คุณภูภวิศ กฤตพลนารา นักออกแบบ เจ้าของแบรนด์ ISSUE ดร.กรกลด คำสุข รองคณบดีฝ่ายวิชาการและรักษาการแทน ผู้อำนวยการสำนักวิชาการสร้างสรรค์ วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ผศ.ดร.รวิเทพ มุสิกะปาน ประธานหลักสูตร แฟชั่น สิ่งทอ และเครื่องตกแต่ง  วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

นายวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข นักออกแบบ เจ้าของแบรนด์ WISHARAWISH ผศ.ดร.นัดดาวดี บุญญะเดโช ประธานหลักสูตรแฟชั่น สิ่งทอ และเครื่องตกแต่ง วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ดร.ฐิศิรักน์ โปตะวณิช อาจารย์ประจำวิชาเอก การจัดการธุรกิจไซเบอร์ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ดร.กิติศักดิ์ เยาวนานนท์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนากายภาพ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ นายธนาวุฒิ ธนสารวิมล นักออกแบบ เจ้าของแบรนด์ TANDT และ อาจารย์ภทรฤน พงษ์ประสิทธิ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรแฟชั่น สิ่งทอ และเครื่องตกแต่งวิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินรอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ โดยมีเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เข้าสู่การประกวดฯ ระดับประเทศ จำนวน 40 ราย/ชิ้นงาน จากผู้เข้าประกวดที่ทำผลงานกว่า 120 ราย/ชิ้นงาน

นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ประธานในพิธีมอบรางวัลและประกาศนียบัตร กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการที่จะส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจ ในการพัฒนาศักยภาพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการอนุรักษ์ สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้สามารถขึ้นทะเบียน OTOP เป็นผู้ผลิต ผู้ประกอบการ รุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น และจะส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวได้สืบสานและต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรม หัตถศิลป์ และเป็นไปตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ผ่านการจัดกิจกรรมประกวดสุดยอดผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (New Gen 2025) ระดับประเทศ ในครั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชน ได้รับเกียรติ จากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย ดีไซเนอร์นักออกแบบที่มีชื่อเสียง  ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาผลงานของเยาวชน และตัดสินการประกวดผลงานฯ ในครั้งนี้ด้วย

นายสยาม กล่าวต่ออีกว่า จากแนวพระดำริโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ของสมเด็จพระพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ นี้ จึงได้น้อมนำแนวพระดำริมาปรับปรุงความรู้ที่ท่านพระราชทานในหลายๆเรื่อง และที่พระราชทานผ่านคณะกรรมการที่ปรึกษาหลายท่านที่ร่วมกิจกรรมในวันนี้ น้องเยาวชนทุกคนก็น้อมนำแนวพระดำริมาเผยแพร่และปฏิบัติ ส่งต่อแนวพระดำริได้มุ่งหวังให้การต่อเนื่องสืบสานและต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น จากอดีตถึงปัจจุบัน และปัจจุบันสู่อนาคต ทั้งนี้ คณะกรรมการได้คัดเลือกตัวอย่างผลงานที่ดีจากผู้เข้าประกวดทั้ง 40 ผลงาน

อย่างไรก็ตามน้องๆ เยาวชน จะได้รับประสบการณ์และองค์ความรู้จากโครงการรวมถึงได้รับความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย กรมการพัฒนาชุมชน หวังว่าพวกเราทุกคนทั้งหลายจะร่วมกันสืบสานแนวพระดำริสมเด็จพระพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และไปใช้และช่วยในการขับเคลื่อนโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ทั้งน้องๆเยาวชนและบุคลากรในสังกัดกรมการพัฒนาชุมชนต่อไปด้วย

กรมการพัฒนาชุมชน ยืนยันและมุ่งมั่นว่าจะทำงานกับเยาวชนต่อไปและเปิดพื้นที่ให้กับน้องๆ ตั้งแต่ต้นน้ำ ปลายน้ำและจะปรับปรุงให้ดีขึ้น ตั้งแต่ต้นน้ำไม่ว่าจะเป็นการจำหน้ายผลิตภัณฑ์ Onsite และOnline เพื่อเปิดช่องทางใหม่ๆให้กับน้องๆ และคาดหวังว่าจะเปิดโอกาสให้กับน้องเยาวชนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านหัตถศิลป์ และหัตถกรรมต่างๆ หวังว่าจะช่วยให้เยาวชนได้พัฒนาฝีมือและนำไปพัฒนาผลงานของตนเอง กรมการพัฒนาชุมชน จะอยู่เคียงข้างกับเยาวชนและเป็นหัวเลี้ยวหัวแรง ในการดำเนินงานกิจกรรมแบบนี้ต่อไป

 

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพเยาวชนด้านผ้าไทยและงานหัตถกรรม หัตถศิลป์ สู่การเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (New Gen 2025) ทั้ง 120 ราย จะได้รับการพัฒนาและเติบโตขึ้นเป็นผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP รุ่นใหม่ สร้างรายได้ และขอให้ทุกท่านร่วมแรงร่วมใจกันน้อมนำแนวพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตามโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ช่วยผลักดัน ส่งเสริมและกระตุ้นผ้าไทยให้มีความทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยม ในทุกเพศทุกวัย และเกิดความยั่งยืนต่อไป” นายสยาม กล่าว

นายสุรพล แก้วอินธิ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการพัฒนาชุมชน ได้ดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพเยาวชนด้านผ้าไทยและงานหัตถกรรม หัตถศิลป์ สู่การเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (New Gen 2025) เป็นปีที่ 2 ประกอบด้วยการจัดอบรมให้ความรู้กับเยาวชน รุ่นใหม่ อายุระหว่าง 13 – 25 ปี ที่มีความสนใจ ในการศึกษาเรียนรู้ และมุ่งมั่นสืบสาน ภูมิปัญญาผ้าไทยและพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาด้านผ้าไทยและงานหัตถกรรมในพื้นที่ 4 ภูมิภาค จำนวน 122 ราย และได้รับการพัฒนา ศักยภาพ ทักษะ องค์ความรู้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP รายใหม่ สืบสานและต่อยอดภูมิปัญญา งานหัตถกรรม หัตถศิลป์ และเป็นไป ตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โดยมีผลิตภัณฑ์  ที่ได้รับการพัฒนาจากโครงการฯ ทั้งสิ้นจำนวน 122 ผลิตภัณฑ์ ในวันนี้ กรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดกิจกรรมประกวดสุดยอดผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (New Gen 2025) ระดับประเทศ มีเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมประกวดผลงานฯ ทั้งสิ้นจำนวน 40 ราย โดยมีผู้ที่ชนะการประกวดฯ และได้รับรางวัล ประกอบด้วย 

- โล่รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล พร้อมรับเงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ นางสาวภัทรชุอร นาโควงค์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

- โล่รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1 รางวัล พร้อมรับเงินรางวัล 20,000 บาท ได้แก่ นายธนวัน ภูมิแสนโคตร 

แบรนด์ Thonnawan museum

- โล่รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 1 รางวัล พร้อมรับเงินรางวัล 10,000 บาท ได้แก่ นายยุทธนา จารุตัน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

- โล่รางวัลชมเชย เงินรางวัล ๆ ละ 5,000 บาท ดังนี้

1. นายอามีน มะแซ กลุ่มสัมมาชีพทำผ้าบาติกบ้านนํ้าใส

2. นายเบญญสิทธิ์ จงเจริญ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

- รางวัลพิเศษจากคณะกรรมการ เงินรางวัล ๆ ละ 5,000 บาท ดังนี้

1. นายณัฐภัทร อินทร์หัวย่าน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

2. นางสาวกนกพร ธรรมวงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

3. นายมูฮำหมัดฮาฟิส บินมะ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย

- รางวัลขวัญและกำลังใจ เงินรางวัล ๆ 2,000 บาท

1. นางสาวพาณิภัส กูลหลัง กลุ่มเลครามคราฟ

2. นายสกลราช แสงใส กลุ่มผ้าทอลายมงคลมนตราธิกาญจน์

3. นายทวีทรัพย์ ยินดีรัมย์ กลุ่มทอเสื่อกกบ้านหนองบัว

4.นายภัทรพล จันทร์โสภา  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน  

5.นายปรเมธ เจริญวาที มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ทั้งนี้ ผลงานต้นแบบของเยาวชนที่ผ่านการพัฒนาตามโครงการฯ จะได้นำไปจัดแสดงในรูปแบบ POP Up ระหว่างวันที่ 17 ถึง 21 กันยายน 2568 ณ Q STADIUM ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการในโอกาสต่อไป

โอกาสเยาวชนทำงานระหว่างเรียน “ก.แรงงาน” ดันโครงการ Learn to Earn  “สร้างรายได้–สกิล–ประสบการณ์” พร้อมต่อยอดอนาคตแรงงานไทย

วันที่ 29 สิงหาคม 2568 นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดโครงการ "Learn to Earn: เรียนรู้สู่รายได้ จบไปมีงานทำ" เพื่อส่งเสริมเยาวชนในระบบการศึกษาทำงานมีรายได้ระหว่างเรียน ณ ห้องประชุมบอลรูม 2 ชั้น 3 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร

นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แถลงถึงการผลักดันโครงการ “Learn to Earn : เรียนรู้สู่รายได้ จบไปมีงานทำ” ว่า เป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงแรงงานในการแก้ปัญหาการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ และเปิดพื้นที่ให้นักเรียน นักศึกษาได้ทำงานจริงระหว่างเรียน โดยปัจจุบันเด็กจบใหม่จำนวนมากประสบปัญหาการหางาน เพราะ ขาดประสบการณ์การทำงาน แม้จะมีความสามารถสูงในหลายด้าน เช่น ดิจิทัล กราฟิก การตลาด หรือการขาย แต่ยังไม่เคยมีโอกาสทำงานจริง โครงการนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างการเรียนกับโลกการทำงาน ให้เยาวชนได้ค้นหาตัวเอง ได้รายได้เสริม และช่วยลดภาระครอบครัว โดยเยาวชน ที่เตรียมเป็นแรงงานรุ่นใหม่ในอนาคต จะได้ประโยชน์ครบทั้ง รายได้–สกิล–ประสบการณ์ ที่ตลาดแรงงานต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการฝึก hard skill จากงานจริง และ soft skill เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม รวมถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สิ่งเหล่านี้คือทักษะที่นายจ้างยุคใหม่ต้องการ

นาย พงศ์กวิน กล่าวย้ำว่า โครงการ Learn to Earn ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ถือเป็นการลงทุนระยะยาวกับแรงงานรุ่นใหม่ เพราะจะช่วยให้เยาวชนปรับตัวกับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันภาคธุรกิจก็จะได้บุคลากรที่พร้อมทำงานจริงโดยไม่ต้องเสียเวลาฝึกสอนเพิ่มเติม โครงการ Learn to Earn จึงเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนบทบาทของกระทรวงแรงงานในการทำงานเชิงรุก เพื่อสร้างโอกาสและอนาคตที่ยั่งยืนให้กับแรงงานรุ่นใหม่ อันจะช่วยเสริมความแข็งแรงให้สังคม และเศรษฐกิจไทย

“ผมอยากให้เยาวชน ใช้โอกาสนี้ค้นหาตัวเองให้เจอเร็ว ๆ และกล้าที่จะเรียนรู้จากของจริง กระทรวงแรงงานพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ทั้งในด้านโอกาสทำงาน การสร้างระบบที่เป็นธรรม และการผลักดันมาตรการคุ้มครองเยาวชน เพื่อให้คนรุ่นใหม่เติบโตอย่างมั่นคงและเท่าเทียม” รมว.พงศ์กวิน กล่าว

นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า  การจัดงานในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย “Learn to Earn” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเยาวชนในระบบการศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียน และสร้างการรับรู้แก่นายจ้างสถานประกอบการให้เปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาได้ทำงานในช่วงที่ว่างจากการเรียน เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และเรียนรู้โลกการทำงานควบคู่ไปกับการเรียน ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง ประกอบด้วย การสัมภาษณ์พิเศษรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อพูดคุยถึงการสร้างโอกาสในการทำงานสำหรับนักเรียนนักศึกษา การเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการจ้างงานในสายอาชีพต่างๆ จากนายจ้างและสถานศึกษา ซึ่งจะช่วยให้หลักสูตรการเรียนการสอนสอดคล้องกับตลาดแรงงาน และช่วยให้นักเรียนนักศึกษาเตรียมพร้อมก่อนการทำงาน ซึ่งมีสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่
 1. มหาวิทยาลัยศรีปทุม
 2. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
 3. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
 4. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
 5. สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์
 6. มหาวิทยาลัยศิลปากร
 7. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
 8. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
 9. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
 10.มหาวิทยาลัยมหิดล
 11. มหาวิทยาลัยสยาม
 12.มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
 13.มทร.ตะวันออก
 14.มรภ.สวนสุนันทา
 15.มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
 16.วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) และโรงเรียนที่เข้าร่วม ดังนี้ วิทยาลัยอาชีวศึกษาพาณิชยการจำนงค์ รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา รร.เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้ากุนนที สถาบันการสร้างชาติ นอกจากนี้ยังสถานประกอบการร่วมจำลองการทำงาน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพีแอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) บริษัท อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ต้องการจ้างงานนักเรียนนักศึกษาในช่วงปิดภาคเรียนหรือช่วงที่ว่างจากการเรียน โดยกิจกรรมนี้จะช่วยให้นักเรียนนักศึกษาได้ทดลองทำงานจริงเพื่อสร้างประสบการณ์


ทั้งนี้ นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการหางานทำสามารถใช้บริการที่เว็บไซต์ “ไทยมีงานทำ.doe.go.th” หรือแอปพลิเคชัน “ไทยมีงานทำ” โดยคนหางานสามารถค้นหาข้อมูลตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ในตำแหน่งงานตามพื้นที่ และ ภูมิลำเนา รวมถึงจับคู่ตำแหน่งงานจากความรู้ ความสามารถ และทักษะที่มีอยู่ ส่วนนายจ้าง สถานประกอบการ ที่ต้องการเพิ่มช่องทางรับสมัครงาน สามารถลงทะเบียนนายจ้าง เพื่อประกาศตำแหน่งงาน และคัดลอกรายชื่อผู้หางาน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694

“พงศ์กวิน” ดัน Learn to Earn  “สร้างรายได้–สกิล–ประสบการณ์” ต่อยอดอนาคตแรงงานไทย

วันที่ 28 สิงหาคม 2568 นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดโครงการ "Learn to Earn: เรียนรู้สู่รายได้ จบไปมีงานทำ" เพื่อส่งเสริมเยาวชนในระบบการศึกษาทำงานมีรายได้ระหว่างเรียน 

นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยถึงการผลักดันโครงการ “Learn to Earn : เรียนรู้สู่รายได้ จบไปมีงานทำ” ว่า เป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงแรงงานในการแก้ปัญหาการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ และเปิดพื้นที่ให้นักเรียน นักศึกษาได้ทำงานจริงระหว่างเรียน โดยปัจจุบันเด็กจบใหม่จำนวนมากประสบปัญหาการหางาน เพราะ ขาดประสบการณ์การทำงาน แม้จะมีความสามารถสูงในหลายด้าน เช่น ดิจิทัล กราฟิก การตลาด หรือการขาย แต่ยังไม่เคยมีโอกาสทำงานจริง โครงการนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างการเรียนกับโลกการทำงาน ให้เยาวชนได้ค้นหาตัวเอง ได้รายได้เสริม และช่วยลดภาระครอบครัว โดยเยาวชน ที่เตรียมเป็นแรงงานรุ่นใหม่ในอนาคต จะได้ประโยชน์ครบทั้ง รายได้–สกิล–ประสบการณ์ ที่ตลาดแรงงานต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการฝึก hard skill จากงานจริง และ soft skill เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม รวมถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สิ่งเหล่านี้คือทักษะที่นายจ้างยุคใหม่ต้องการ

นาย พงศ์กวิน กล่าวย้ำว่า โครงการ Learn to Earn ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ถือเป็นการลงทุนระยะยาวกับแรงงานรุ่นใหม่ เพราะจะช่วยให้เยาวชนปรับตัวกับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันภาคธุรกิจก็จะได้บุคลากรที่พร้อมทำงานจริงโดยไม่ต้องเสียเวลาฝึกสอนเพิ่มเติม โครงการ Learn to Earn จึงเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนบทบาทของกระทรวงแรงงานในการทำงานเชิงรุก เพื่อสร้างโอกาสและอนาคตที่ยั่งยืนให้กับแรงงานรุ่นใหม่ อันจะช่วยเสริมความแข็งแรงให้สังคม และเศรษฐกิจไทย

"ผมอยากให้เยาวชน ใช้โอกาสนี้ค้นหาตัวเองให้เจอเร็ว ๆ และกล้าที่จะเรียนรู้จากของจริง กระทรวงแรงงานพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ทั้งในด้านโอกาสทำงาน การสร้างระบบที่เป็นธรรม และการผลักดันมาตรการคุ้มครองเยาวชน เพื่อให้คนรุ่นใหม่เติบโตอย่างมั่นคงและเท่าเทียม" รมว.พงศ์กวิน กล่าว

นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า  การจัดงานในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย “Learn to Earn” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเยาวชนในระบบการศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียน และสร้างการรับรู้แก่นายจ้างสถานประกอบการให้เปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาได้ทำงานในช่วงที่ว่างจากการเรียน เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และเรียนรู้โลกการทำงานควบคู่ไปกับการเรียน ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง ประกอบด้วย การสัมภาษณ์พิเศษรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อพูดคุยถึงการสร้างโอกาสในการทำงานสำหรับนักเรียนนักศึกษา การเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการจ้างงานในสายอาชีพต่างๆ จากนายจ้างและสถานศึกษา ซึ่งจะช่วยให้หลักสูตรการเรียนการสอนสอดคล้องกับตลาดแรงงาน และช่วยให้นักเรียนนักศึกษาเตรียมพร้อมก่อนการทำงาน ซึ่งมีสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่
 1. มหาวิทยาลัยศรีปทุม
 2. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
 3. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
 4. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
 5. สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์
 6. มหาวิทยาลัยศิลปากร
 7. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
 8. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
 9. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
 10.มหาวิทยาลัยมหิดล
 11. มหาวิทยาลัยสยาม
 12.มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
 13.มทร.ตะวันออก
 14.มรภ.สวนสุนันทา
 15.มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
 16.วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) และโรงเรียนที่เข้าร่วม ดังนี้ วิทยาลัยอาชีวศึกษาพาณิชยการจำนงค์ รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา รร.เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้ากุนนที สถาบันการสร้างชาติ นอกจากนี้ยังสถานประกอบการร่วมจำลองการทำงาน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพีแอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) บริษัท อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ต้องการจ้างงานนักเรียนนักศึกษาในช่วงปิดภาคเรียนหรือช่วงที่ว่างจากการเรียน โดยกิจกรรมนี้จะช่วยให้นักเรียนนักศึกษาได้ทดลองทำงานจริงเพื่อสร้างประสบการณ์

ทั้งนี้ นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการหางานทำสามารถใช้บริการที่เว็บไซต์ “ไทยมีงานทำ.doe.go.th” หรือแอปพลิเคชัน “ไทยมีงานทำ” โดยคนหางานสามารถค้นหาข้อมูลตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ในตำแหน่งงานตามพื้นที่ และ ภูมิลำเนา รวมถึงจับคู่ตำแหน่งงานจากความรู้ ความสามารถ และทักษะที่มีอยู่ ส่วนนายจ้าง สถานประกอบการ ที่ต้องการเพิ่มช่องทางรับสมัครงาน สามารถลงทะเบียนนายจ้าง เพื่อประกาศตำแหน่งงาน และคัดลอกรายชื่อผู้หางาน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694

"ลีซอ ธีรเทพ" อดีตนักเตะทีมชาติ ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน งานแข่งขันวิชาการนักเรียนท้องถิ่นระดับประเทศ

เทศบาลนครสกลนครเตรียมจัดงาน“การแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น” ครั้งที่ 14 อย่างยิ่งใหญ่ ดึง “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักเตะทีมชาติไทย “พาขวัญ” พาขวัญ น้อยใจบุญ นักแสดงสาวเจ้าถิ่น ร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน พร้อมจัดเต็มกิจกรรมตลอดการจัดงาน

วันที่ 7 สิงหาคม 2568  โรงแรม เอ็ม.เจ.เดอะมาเจสติคสกลนคร จังหวัดสกลนคร นายวีรรัตน์ ธีรมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธานในงานแถลงข่าว “การแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ระดับประเทศ ครั้งที่ 14 ประจำปี 2568” โดยมี นายโกมุท ทีฆธนานนท์ นายกเทศมนตรีนครสกลนคร นายธนาคม ไหลเจริญกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสกลนคร ผศ.ชาคริต ชาญชิตปรีชา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร และพ.ต.อ.อภิรักษ์ ศรีหารักษา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร เมืองสกลนคร ร่วมแถลงรายละเอียดการจัดงาน รวมถึง “พาขวัญ” พาขวัญ น้อยใจบุญ ศิลปินนักแสดงลูกหลานชาวสกลนคร และ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้

นายวีรรัตน์ ธีรมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เทศบาลนครสกลนคร ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานระดับประเทศครั้งนี้ แม้สกลนครจะไม่ได้เป็นจังหวัดใหญ่ แต่ด้วยความพร้อมด้านการจัดงาน และความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนพี่น้องชาวสกลนคร เรามั่นใจว่าทุกท่านจะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจจริงในการเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้เรายังอยากแนะนำเสน่ห์ของเมือง “3 ธรรม” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้แก่ “นครธรรม” ที่เต็มไปด้วยวัดวาอารามสงบงามและแหล่งภาวนา “นครแห่งธรรมชาติ” ที่มีสถานที่พักผ่อนทางธรรมชาติใกล้ตัวเมือง และ “นครแห่งวัฒนธรรมประเพณี” ที่สะท้อนวิถีชีวิตที่ของชาวอีสานอย่างแท้จริง

นายธนาคม ไหลเจริญกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เริ่มจัดการแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่นระดับประเทศ ตั้งแต่ปี 2551 เพื่อส่งเสริมคุณภาพการจัดการศึกษา รวมถึงเป็นเวทีได้แสดงศักยภาพ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา สำหรับปี 2568 เทศบาลนครสกลนครได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ โดยมีพื้นฐานมาจากความโดดเด่นในการบริหารจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสะท้อนผ่านผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ อาทิ รางวัลโรงเรียนพระราชทาน เมื่อปี 2561 และรางวัลผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่นด้านการศึกษา ขอให้มั่นใจว่างานครั้งนี้จะได้รับการจัดการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทุกองค์กรที่เข้าร่วม อีกทั้งจะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาท้องถิ่นให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับอนาคตของประเทศ 

ขณะที่นายโกมุท ทีฆธนานนท์ นายกเทศมนตรีนครสกลนคร ในฐานะเจ้าภาพผู้ดำเนินการจัดงานครั้งนี้ กล่าวว่า แม้ว่าเทศบาลนครสกลนครจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับประเทศครั้งแรก แต่ได้เตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งด้านสถานที่ บุคลากร และการอำนวยความสะดวกทุกมิติ โดยได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ทุกภาคส่วน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีมาตรฐาน และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมจากทั่วประเทศอย่างแน่นอน โดยงานในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นเวทีแสดงความสามารถของเยาวชน แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษา พัฒนาศักยภาพของท้องถิ่น และสร้างพื้นฐานที่มั่นคงในการก้าวสู่ระดับประเทศและระดับสากลในอนาคต

“สำหรับความพิเศษและนับเป็นเกียรติสูงสุดของการจัดงานในปีนี้ คือ การได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีคะแนนรวมสูงที่สุด ซึ่งถือเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จในการพัฒนาการศึกษาท้องถิ่น” นายโกมุทกล่าว

ด้าน “พาขวัญ” พาขวัญ น้อยใจบุญ ศิลปินนักแสดงสาว กล่าวว่า ภาคภูมิใจที่บ้านเกิดได้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งไม่เพียงเป็นเวทีแสดงศักยภาพทางวิชาการของเยาวชนทั่วประเทศ แต่ยังสะท้อนถึงความร่วมมือและความตั้งใจของชาวสกลนครที่พร้อมต้อนรับด้วยมิตรไมตรีและความมุ่งมั่นจริงใจในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษาไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

“ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย กล่าวว่า การได้เห็นน้อง ๆ ทุกคนมาแข่งขันทักษะวิชาการ แสดงออกถึงความสามารถ ความตั้งใจ และพลังแห่งความฝัน ทำให้นึกถึงตัวเองในวันที่ยังเริ่มต้น ซึ่งนี่คือช่วงเวลาสำคัญที่สุด เพราะทุกความพยายามในวันนี้ จะกลายเป็นรากฐานของความสำเร็จในวันข้างหน้า อยากให้น้องๆ คิดว่าชัยชนะที่แท้จริงไม่ใช่แค่การได้รางวัล แต่คือการที่เรา “ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค” และ “ไม่หยุดเชื่อมั่นในตัวเอง” บางครั้งเราอาจไม่ชนะในวันนี้ แต่นั่นไม่ใช่จุดจบ มันคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ เติบโต และกลับมาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

ทั้งนี้ เทศบาลนครสกลนคร ได้รับเกียรติจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้เป็นเจ้าภาพจัด การแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ระดับประเทศ ครั้งที่ 14 ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “Learning Together for Equality: ร่วมกันเรียนรู้ เพื่อความเท่าเทียม” ระหว่างวันที่ 25-28 สิงหาคม 2568 โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากทั่วประเทศ เข้าร่วมเป็นตัวแทนระดับภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออก และกรุงเทพฯ คาดว่าจะมีผู้เข้าประกวดแข่งขัน คณะครูผู้ฝึกสอน คณะผู้บริหาร ตลอดจนเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาเข้าร่วมงานในครั้งนี้มากกว่า 20,000 คน

กิจกรรมสำคัญในงานประกอบด้วย การแข่งขันทักษะวิชาการระดับประเทศ ครอบคลุมทุกระดับการศึกษา ตั้งแต่ปฐมวัย จนถึงอาชีวศึกษา รวม 26 ประเภท จำนวนทั้งสิ้น 154 รายการ อาทิ การประกวดแข่งขันโครงงาน ประกวดแข่งขันหุ่นยนต์ ประกวดแข่งขันร้องเพลงพระราชนิพนธ์พร้อมจินตลีลา ตลอดจนประกวดแข่งขันงานฝีมือแขนงต่าง ๆ โดยจัดการแข่งขันใน 5 สนามหลัก ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, สหกรณ์ออมทรัพย์ครูสกลนคร, วิทยาลัยเทคนิคสกลนคร, โรงแรม เอ็ม.เจ.เดอะมาเจสติคสกลนคร และโรงแรมสกลแกรนด์พาเลซ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสำคัญอื่น ๆ อาทิ การเสวนาทางวิชาการจากผู้ทรงคุณวุฒิ นิทรรศการแสดงผลงานการจัดการศึกษา และพิธีมอบโล่รางวัลแก่ผู้มีผลงานดีเด่นประเภทต่าง ๆ ประจำปี 2568 อีกด้วย

ขอเชิญชวนผู้สนใจทุกท่าน ร่วมต้อนรับและเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนกว่าหมื่นคนจากทั่วประเทศ ในการแข่งขันครั้งนี้ ร่วมสัมผัสบรรยากาศแห่งความรู้ มิตรภาพ และพลังสร้างสรรค์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ณ ใจกลางเมืองสกลนคร สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook ทักษะวิชาการนครสกลนคร ครั้งที่ 14 

"ส.บริดจ์" ส่งทัพเยาวชนลุยศึกโลก ผู้ใหญ่ใจดียื่นมือช่วยเด็กไทย

"ส.บริดจ์" ส่ง 18 เยาวชนไทย ลุยศึกบริจด์ชิงแชมป์โลก 2025 ที่อิตาลี "ชยวัฒน์ พิเศษสิทธิ์" นายกกีฬาบริดจ์ พ้อ ไร้การเหลียวแลจาก "กองทุนกีฬาชาติ" แต่ยังโชคดีที่ได้ผู้ใหญ่ใจดีในวงการ ร่วมอนุเคราะห์งบประมาณ ส่งเด็กไทยไปแข่งขันในเวทีโลก
 

วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 นายชยวัฒน์ พิเศษสิทธิ์ นายกสมาคมกีฬาบริดจ์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช นายกกิติมศักดิ์สมาคมกีฬาบริดจ์แห่งประเทศไทย ร่วมให้โอวาทและอวยพรให้กับนักกีฬาบริดจ์เยาวชนทีมชาติไทย จำนวน 18 คน พร้อมผู้ฝึกสอนและผู้จัดการทีม ก่อนเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาบริดจ์เยาวชนชิงแชมป์โลก "19th World Youth Teams Championships" ระหว่างวันที่ 12-17 ก.ค.68 ที่ประเทศอิตาลี โดยเยาวชนตัวแทนของไทย ผ่านการคัดเลือกจากการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย 2025 ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเจ้าภาพ เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับนักกีฬาและผู้ฝึกสอนชุดนี้มีทั้งหมด 23 คน แข่งขันใน 3 ประเภท ประกอบด้วย รุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 16 ปี กฤษณ์ เรืองริวงค์, ปริชญา อร่ามเรือง, จันทิมา ทองนาม, ปัญญ์ปรียา รอดฮวบ, ปุณญิสา งามเอก, อนุรักษ์ บุญอาสา โดยมี จิรวุฑฒิ์ โถทองคำ เป็นผู้ฝึกสอน

รุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปี รักษณ คงศัตรา, พลกฤต จินดากูล, ชินธีร์ สายสิทธิ์, สิรภพ แสงเถื่อน, ยุทธเดช คำพร, กฤตพัฒน์ กอนเสน โดยมี ณัฐพงศ์ พิมพิสาร เป็รผู้ฝึกสอน

รุ่นอายุไม่เกิน 26 ปี ศรัณญ์ โก๊เจริญ, พริษฐ์ พรหมจันทร์, เดชาพล นิลฉาย, ศุภโชค สอนยินดี, พลากร ผ่านสำแดง, พิมพ์วรีย์ กองเงิน โดยมี ชัชชัย เสริมพงษ์พันธ์ ผู้ฝึกสอน และนายพบสิทธิ์ กมลเวชช เป็นผู้จัดการทีม

ชยวัฒน์ กล่าวว่า แม้สมาคมฯ จะไม่ได้รับการพิจารณางบประมาณสนับสนุนจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ในการส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันรายการนี้ แต่สมาคมฯ ก็ต้องหางบประมาณสนับสนุนส่งเยาวชนชุดดังกล่าวส่งการแข่งขันให้ได้ โดยได้รับความอนุเคราะห์สนับสนุนงบประมาณจาก คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช และกลุ่มนักกีฬาบริดจ์อาวุโส หลาย ๆ ท่าน ร่วมกันสนับสนุน ต้องขอขอบคุณนักบริดจ์อาวุโส ทุกท่านที่มองเห็นความสำคัญของน้อง ๆ เยาวชนในวงการกีฬาบริดจ์ และนับเป็นความอบอุ่นความเอื้อเฟื้อ ต่อกันที่ยากหากีฬาอื่น ๆ เทียบเคียงได้ นับเป็นโชดดีของวงการกีฬาบริดจ์ที่มีพี่ ๆ ที่อาวุโส และมีศักยภาพในการช่วยกันสนับสนุนน้อง ๆ ที่มีความฝันทุกคน และทางนายชยวัฒน์กล่าวว่า ได้กำชับโค้ช และนักกีฬาทุกคนให้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถให้สมกับที่ได้รับความกรุณาจากพี่ ๆ นักกีฬาบริดจ์อาวุโสทุกท่าน

สำหรับแฟนกีฬาบริดจ์ สามารถติดตามและให้กำลังใจนักกีฬาเยาวชนทีมชาติไทย ได้ทางเพจ Facebook สมาคมกีฬาบริดจ์แห่งประเทศไทย ที่จะเกาะติดและรายงานผลการแข่งขันให้ทราบทุกวัน.