ธ.ก.ส.เปิดตัวเงินฝากทองเอก ดอกเบี้ยล่วงหน้า 1.60% โปรแรง! แจก Art Toy สุดน่ารัก ที่ Money Expo หาดใหญ่

ธ.ก.ส.เปิดตัว “เงินฝากทองเอก” ที่งาน Money Expo หาดใหญ่ ครั้งที่ 15 ฝากขั้นต่ำ 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย รับดอกเบี้ยล่วงหน้าเข้าบัญชีทันที ร้อยละ 1.60 ต่อปี ระยะเวลารับฝาก 9 เดือน พร้อมเปิดตัว “มด” Art Toy ตัวใหม่ล่าสุด ในชุด “AGRI ANIMAL” เมื่อฝากสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมังกรหยก ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป รับสิทธิ์จุ่ม Art Toy ชุด AGRI ANIMAL (ทุย นกเอี้ยง ผึ้ง และ มด) 1 จุ่ม และเมื่อฝากตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป รับเลย! 4 ตัว ครบเซต และชวนช็อปสินค้าแกลมเกษตรจากลูกค้า ธ.ก.ส. ทั่วประเทศนำมาให้เลือกซื้อถึงที่ พบกิจกรรมพิเศษอีกมากมายได้ที่ บูธ ธ.ก.ส. ณ หาดใหญ่ ฮอลล์ ชั้น 5 และลานโปรโมชัน ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา วันที่ 4 - 6 กรกฎาคมนี้

นายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในงาน Money Expo หาดใหญ่ ครั้งที่ 15 ธ.ก.ส. นำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “เงินฝากทองเอก” ดอกเบี้ยร้อยละ 1.60 ต่อปี โดยผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยล่วงหน้าเข้าบัญชีทันทีในวันที่ฝากเงิน ฝากขั้นต่ำครั้งละ 100,000 บาท รวมฝากสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลารับฝาก 9 เดือน (ครบกำหนดแบบวันชนวัน) สำหรับบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก นอกจากนี้ยังมี เงินฝากแก้วมรกต ฝากเริ่มต้นเพียง 2,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด รับผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 0.10 ต่อปี แถมสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองอุบัติเหตุสูงสุดถึง 25 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป คุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันพิเศษในงาน อาทิ ผลิตภัณฑ์เงินฝาก – สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ที่ฝากแล้วจะได้รับสิทธิ์จุ่ม Art Toy ในชุด AGRI ANIMAL เหล่าบรรดาสัตว์ในภาคการเกษตรสุดคิวท์ชุดใหม่ โดยเปิดตัว “มด” Art Toy ตัวใหม่ล่าสุด ที่น่ารัก น่าสะสมเพียงฝากสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมังกรหยก หน่วยละ 100 บาท ตั้งแต่ 1,000,000 บาทขึ้นไป รับสิทธิ์จุ่ม Art Toy ชุด AGRI ANIMAL (ทุย นกเอี้ยง ผึ้ง และ มด) จำนวน 1 จุ่ม (จำกัด 1 คน/สิทธิ์) หรือเมื่อฝากตั้งแต่ 10,000,000 บาทขึ้นไป รับเลย 4 ตัว ครบเซต (จำกัด 1 คน/สิทธิ์) และเมื่อฝากเงินฝากทองเอก ตั้งแต่ 500,000 บาทแต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท รับสิทธิ์จุ่ม Art Toy ชุดมังแมว 1 จุ่ม และเมื่อฝากตั้งแต่ 1,000,000 บาทขึ้นไป รับเลย Art Toy ชุดมังแมวครบเซต 4 ตัว หรือเมื่อฝากสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมังกรหยก หน่วยละ 100 บาท ชุดถุงเงินหน่วยละ 100 บาท ชุดขวัญถุง หน่วยละ 20 บาท หรือสลากดิจิทัล ธ.ก.ส. หน่วยละ 50 บาท ตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป รับกระปุกออมทรัพย์ คุณ ME โชค รุ่นรวยเหลือแจก หรือเมื่อฝากตั้งแต่ 590,000 บาทขึ้นไป รับเลยกระเป๋าล้อลาก ขนาด 20 นิ้ว

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ซึ่งถือเป็นทางเลือกในการออมเงินที่มาพร้อมความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี ที่คัดโปรโมชันพิเศษมานำเสนอ ประกอบด้วย ธกส เพิ่มรัก3 12/10 ส่งชำระ 1,000 บาท/เดือน ชำระล่วงหน้าอย่างน้อย 12 เดือน (11,520 บาท) รับกระเป๋าเดินทางล้อลาก ขนาด 20 นิ้ว 1 ใบ หรือส่งชำระ 2,000 บาทต่อเดือน ชำระล่วงหน้าอย่างน้อย 12 เดือน (23,040 บาท) หรือเมื่อสมัครกรมธรรม์ ธกส Hug (ฮัก) 10/5 ส่งชำระ 20,000 บาทต่อปีขึ้นไป เมื่อกรมธรรม์อนุมัติ รับเลยกระเป๋าเดินทางแม่ลูก จำนวน 1 เซต (ประกอบด้วย กระเป๋าเดินทางล้อลาก ขนาด 20 นิ้ว และกระเป๋าเดินทางแบบหิ้ว ขนาด 14 นิ้ว) และสมัครกรมธรรม์ ธกส รักคุณ (แบบ 2) โดยส่งชำระ 1,197 บาทต่อปี รับกระเป๋าผ้าแคนวาส BAAC Life

ด้าน สินเชื่อ ธ.ก.ส. นำผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งในและนอกภาคเกษตรมาให้คำแนะนำแก่ผู้ที่สนใจ อาทิ สินเชื่อเงินด่วนสิบหมื่น สำหรับสมาชิกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ที่เป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านแห่งประเทศไทย (ฌกส. อสม.) วงเงินกู้รายละไม่เกิน 100,000 บาท (นับรวมวงเงินกู้เดิมโครงการสินเชื่อเงินด่วนคนดีและโครงการสินเชื่อเงินด่วนกึ่งแสน) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 0.50 ต่อเดือน หรือร้อยละ 6 ต่อปี สินเชื่อเคหะเพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับข้าราชการและพนักงานองค์กรในหน่วยงานที่มี MOU กับ ธ.ก.ส. วงเงินกู้รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 5 ปีแรก เพียงร้อยละ 2.99 ต่อปี สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ สำหรับบุคลากรภาครัฐที่มีรายได้ประจำ อายุ 50 – 59 ปี สร้างรายได้คู่ขนานจากการทำการเกษตร วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 8 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก MRR - 2 ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR เท่ากับร้อยละ 6.725 ต่อปี) หรือเท่ากับร้อยละ 4.725 ต่อปี สินเชื่อเพื่อบุคลากรด้านสาธารณสุขและบุคลากรทางการศึกษา วงเงินกู้สูงสุดรายละ 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นเพียงร้อยละ 0.67 ต่อเดือน หรือร้อยละ 8 ต่อปี เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการจัดจำหน่ายสินค้าแกลมเกษตรสุดพรีเมียม จากเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. กว่า 70 รายการ ที่มาเปิดให้ผู้ที่สนใจได้เลือกช็อปอย่างเต็มที่ อาทิ ข้าวพร้อมทาน ตรา อุ่นอิ่ม จาก สกต.ร้อยเอ็ด สะดวก พกพาง่าย เก็บได้ในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 18 เดือน รับประทานได้ทันที หรือจะอุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟ เพียง 60 วินาที กาแฟลุงไข่ แบรนด์หอมละมุน by คุณฉัตร กาแฟโรบัสต้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอม รสชาติเข้มข้น และมีคุณภาพส่งตรงจากแหล่งผลิตในจังหวัดชุมพร และเจลลี่สวนปทุมทิพย์ จาก จ.ลำพูน เจลลี่รสผลไม้ หอม อร่อย นุ่ม เคี้ยวเพลิน ทำจากผลไม้แท้ๆ ด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ ภายในงาน ธนาคารยังได้นำผนังกระปุก ธ.ก.ส. แห่งความทรงจำ รวมกระปุกออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่หาดูได้ยากมาให้ประชาชนได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ เพื่อรับของที่ระลึกสุด Exclusive มากมาย ได้ที่บูธ ธ.ก.ส. ณ หาดใหญ่ ฮอลล์ ชั้น 5 และลานโปรโมชัน ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา วันที่ 4 - 6 กรกฎาคมนี้

#ธกส #เงินฝากทองเอก #ดอกเบี้ยล่วงหน้า #MoneyExpoหาดใหญ่ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ธ.ก.ส.ร่วมหนุน ส.กีฬาบาสฯ ระเบิดศึก "ลีกบาสอาชีพ Basketball Thai League 2025" ยกขีดความสามารถนักกีฬาไทยสู่ระดับนานาชาติในอนาคต

วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยนางโปรดปราน สมานมิตร รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) นายนิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร นายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย และนายมานิต วรรธนะสาร อุปนายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวการจัดการแข่งขันบาสเกตบอลอาชีพ ประจำปี 2568 รายการ “Basketball Thai League 2025” (BTL) เพื่อสร้างเวทีการแข่งขันที่มีมาตรฐานระดับอาชีพให้กับนักกีฬาบาสเกตบอลไทย ได้มีโอกาสพัฒนาทักษะ ฝึกฝน และแข่งขันอย่างต่อเนื่องในระบบลีก ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของนักกีฬาไทยให้สามารถก้าวไปสู่ระดับนานาชาติได้ในอนาคต

สำหรับการแข่งขันดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 กรกฎาคม – 3 กันยายน 2568 โดยมี 10 ทีม ชั้นนำของประเทศ เตรียมการแข่งขันในรอบแรกแล้วคัดให้เหลือ 6 ทีมสุดท้าย แข่งต่อในเลกที่สองก่อนจะนำ 4 ทีมสุดท้าย ทีผลงานดีที่สุดเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในระบบเพลย์ออฟชนะ 2 ใน 3 เกมต่อไป โดยปีนี้จะแข่งขันในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วย ปทุมธานี ชลบุรี กาญจนบุรี และ กรุงเทพฯ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 4 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ในฐานะผู้สนับสนุนสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทยตามนโยบาย 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ Plus ขอแสดงความยินดีและชื่นชมที่ล่าสุดทีมชาติไทยคว้าแชมป์ “ซุปเปอร์ กังเชียงคัพ ครั้งที่ 23” 23RD SUPER KUNG SHEUNG CUP INTERNATIONAL BASKETBALL INVITATION CHAMPIONSHIP รายการใหญ่ระดับนานาชาติ ที่ประเทศฮ่องกง นับเป็นครั้งแรกที่ไทยคว้าแชมป์รายการครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังได้มอบข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ข้าวคุณภาพจากทุ่งกุลาร้องไห้ที่ผลิตด้วยนวัตกรรมทันสมัย ทั้งประเภทข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง และข้าวไรซ์เบอรี่ สามารถเปิดรับประทานได้ทันทีและเก็บไว้ ในอุณหภูมิปกติได้นานถึง 18 เดือน ให้แก่สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย นำไปใช้รับประทานในช่วงการฝึกซ้อมและการไปแข่งขันในต่างประเทศ

ธ.ก.ส.เปิดตัว “เงินฝากแก้วมรกต” ฝากเริ่มต้นเพียง 2,000 บาท รับความคุ้มครองอุบัติเหตุ 25 เท่า สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท

ธ.ก.ส.เปิดตัว “เงินฝากแก้วมรกต” ออมง่ายแถมได้ความคุ้มครอง ฝากเริ่มต้นเพียง 2,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเงินฝาก ร้อยละ 0.10 ต่อปี แถมเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ฝากด้วยสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านเบี้ยประกัน สูงสุดถึง 25 เท่า ของยอดเงินฝากคงเหลือตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท เปิดรับฝากตั้งแต่ 27 มิ.ย. นี้ เป็นต้นไป ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

วันที่ 26 มิถุนายน 2568 นายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเสริมสร้างพฤติกรรมการออมเงินระยะยาวอย่างต่อเนื่องและร่วมสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน ธ.ก.ส. เปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝากแก้วมรกต ออมง่ายแถมได้รับความคุ้มครอง เปิดบัญชีและฝากเงินเริ่มต้นเพียง 2,000 บาทขึ้นไป โดยไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด (1 คนต่อบัญชี) รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราร้อยละ 0.10 ต่อปี โดยจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนมีนาคมและกันยายน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ (อบ.2) กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงถึง 25 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน วงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยรับความคุ้มครองหลังจากเปิดบัญชี 1 วัน สิ้นสุดความคุ้มครอง 26 มิ.ย. 2571 ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านเบี้ยประกัน ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์เปิดบัญชีต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสุขภาพแข็งแรงและมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย อายุตั้งแต่ 7 – 69 ปีบริบูรณ์ กรณีมียอดเงินคงเหลือต่ำกว่ากำหนดจะไม่ได้รับความคุ้มครอง และความคุ้มครองจะสิ้นสุดเมื่อบัญชีถูกปิด เจ้าของบัญชีเสียชีวิต หรือเมื่ออายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อธนาคารปิดการรับฝาก

เปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจนกว่าธนาคารจะแจ้งการปิดรับฝาก หรือสอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-555-0555 หรือ Facebook ธกส BAAC Thailand  หรือ Line OA: @baacfamily

ธ.ก.ส. เปิดตัว “เงินฝากแก้วมรกต” ฝากเริ่มต้น 2,000 บาท รับความคุ้มครองอุบัติเหตุ 25 เท่า สูงสุดไม่เกิน 10 ล.

 ธ.ก.ส. เปิดตัว “เงินฝากแก้วมรกต” ออมง่ายแถมได้ความคุ้มครอง ฝากเริ่มต้นเพียง 2,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเงินฝาก ร้อยละ 0.10 ต่อปี แถมเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ฝากด้วยสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านเบี้ยประกัน สูงสุดถึง 25 เท่า ของยอดเงินฝากคงเหลือตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท เปิดรับฝากตั้งแต่ 27 มิ.ย. นี้ เป็นต้นไป ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

วันที่ 26 มืถุนายน 2568 นายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเสริมสร้างพฤติกรรมการออมเงินระยะยาวอย่างต่อเนื่องและร่วมสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน ธ.ก.ส. เปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝากแก้วมรกต ออมง่ายแถมได้รับความคุ้มครอง เปิดบัญชีและฝากเงินเริ่มต้นเพียง 2,000 บาทขึ้นไป โดยไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด (1 คนต่อบัญชี) รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราร้อยละ 0.10 ต่อปี โดยจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนมีนาคมและกันยายน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ (อบ.2) กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงถึง 25 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน วงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยรับความคุ้มครองหลังจากเปิดบัญชี 1 วัน สิ้นสุดความคุ้มครอง 26 มิ.ย. 2571 ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านเบี้ยประกัน

ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์เปิดบัญชีต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสุขภาพแข็งแรงและมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย อายุตั้งแต่ 7 – 69 ปีบริบูรณ์ กรณีมียอดเงินคงเหลือต่ำกว่ากำหนดจะไม่ได้รับความคุ้มครอง และความคุ้มครองจะสิ้นสุดเมื่อบัญชีถูกปิด เจ้าของบัญชีเสียชีวิต หรือเมื่ออายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อธนาคารปิดการรับฝาก

เปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจนกว่าธนาคารจะแจ้งการปิดรับฝาก หรือสอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 หรือ Facebook ธกส BAAC Thailand  หรือ Line OA: @baacfamily

ธ.ก.ส. เป็นเจ้าภาพจัดสัมมนา "ยกระดับกระบวนการ KYC สกัดภัยทุจริตทางการเงิน"

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 นางสาวดวงสมร เจียมวิจิตร ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมธรรมาภิบาลและกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้การต้อนรับคณะอนุกรรมการด้านกำกับการปฏิบัติงาน สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ นำโดย นายกฤษดา ปัทมะผลิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานกำกับกฎเกณฑ์และกฎหมาย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และประธานคณะอนุกรรมการด้านกำกับการปฏิบัติงาน สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ในโอกาสที่ ธ.ก.ส. เป็นเจ้าภาพในการจัดสัมมนาหัวข้อ "ยกระดับกระบวนการ KYC สกัดภัยทุจริตทางการเงิน" เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับผู้ปฏิบัติงานในสถาบันการเงินของรัฐ ในมาตรก่ีการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงของลูกค้าอย่างเข้มข้น (EDD) การประเมินความเสี่ยงของลูกค้ารวมถึง Digital Fraud และปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ ทั้งนี้งานสัมมนาฯจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา  ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ 

ธ.ก.ส.พัฒนาชนบทผ่านกลไก Essence of Agriculture ยกระดับผลผลิต-เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางเกษตร สร้างรายเกษตรกรไทย

ธ.ก.ส. เดินหน้ายกระดับเกษตรกรไทยทุกมิติ ภายใต้วิสัยทัศน์ “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” ด้วยกลไกแกนกลางการเกษตร ที่มุ่งส่งเสริมและยกระดับศักยภาพเกษตรกร ผู้ประกอบการเกษตร วิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ ทั้งในด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม การตลาด และการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ เผยความสำเร็จจากข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” จาก สกต.ร้อยเอ็ด ต้นแบบการยกระดับผลิตภัณฑ์จากผลผลิตข้าวสารของสมาชิกสู่การเป็นข้าวพร้อมทานคุณภาพสูง ที่เชื่อมโยงการผลิต การแปรรูป เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ไปสู่การยกระดับรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน ซึ่งสามารถสร้างรายได้จากยอดขายรวมไปแล้วกว่า 1.8 ล้านบาท จากปริมาณการผลิตข้าวรวมกว่า 40,000 ถ้วย ในระยะเวลาเพียง 8 เดือน   

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีวิสัยทัศน์ในการเป็น “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” พร้อมเดินหน้าเพิ่มศักยภาพและยกระดับรายได้เกษตรกร ผู้ประกอบการเกษตร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ ตามแนวทางในการเป็นแกนกลางการเกษตร (Essence of Agriculture) ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้ทั้งด้านการผลิต เทคโนโลยี นวัตกรรม และการตลาด ควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงการผลิตและการตลาดตลอดห่วงโซ่ ภายใต้แผนยกระดับผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรด้วยแนวคิด ‘ทำน้อยได้มาก’ เช่น การสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้กับผลผลิตทางการเกษตรด้วยการ Repackage และ Redesign พัฒนาและยกระดับสินค้าของลูกค้าเพื่อสร้างแบรนด์ชุมชนไปสู่การเป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง (Glam Agro) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสินค้าที่น่าสนใจ มีคุณภาพ แปลกใหม่ และนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับสถาบันเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรในการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อจำหน่ายสินค้าผ่านเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกรลูกค้าของธนาคารผ่าน BAAC branch Outlet ที่สาขาของ ธ.ก.ส. กว่า 387 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งในปีบัญชี 2567 (1 เมษายน 2567 - 31 มีนาคม 2568) มียอดจำหน่ายรวมสูงสุดถึง 9.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี 2566 ที่มียอดจำหน่ายรวมทั่วประเทศ 2.1 ล้านบาท เนื่องจากมีจำนวนสาขาธนาคารที่เป็น BAAC branch Outlet เพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปีบัญชี 2567 ที่ผ่านมามีจำนวน BAAC branch Outlet เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี 2566 กว่า 236 สาขา รวมเป็น 387 สาขา พร้อมตั้งเป้าหมายปีบัญชี 2568 เดินหน้าเพิ่มสาขา BAAC branch Outlet อีก 300 สาขา รวมทั้งหมดกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ และสามารถสร้างยอดขายรวมที่ 12 ล้านบาท รวมถึงการจัดทำโครงการ BAAC Outlet Mobile ซึ่งเป็นการเปิดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบออกบูธนอกสถานที่ เช่น ลานกิจกรรมในศูนย์การค้า ตลาดนัด อาคารสำนักงาน ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินค้าของเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น   

นายฉัตรชัย กล่าวว่า สำหรับในปีบัญชี 2567 หนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นที่ ธ.ก.ส. ได้เข้าไปยกระดับสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ คือ ข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” จัดทำโดยสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด (สกต.ร้อยเอ็ด) โดย ธ.ก.ส. ได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในกระบวนการนำผลผลิตข้าวสารหอมมะลิ GI ทุ่งกุลาร้องไห้ไปสู่การเป็นข้าวพร้อมทาน  โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน (Retort Technology) เข้ามาแปรรูปข้าวให้มีคุณภาพ อร่อย ได้มาตรฐาน สามารถรับประทานได้ทันที หรืออุ่นในไมโครเวฟเพียง 60 วินาที เพื่อเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้น และยังสามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 18 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น รวมถึงยังได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความโดดเด่น สวยงาม น่ารับประทาน หลังจากนั้น ธ.ก.ส. ได้เข้าไปสนับสนุนการต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยการนำข้าวกล้องหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รีมาแปรรูปเป็นข้าว “อุ่นอิ่ม” เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่สนใจในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ โดยนับตั้งแต่ สกต.ร้อยเอ็ด เริ่มเปิดจำหน่ายข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ทั้งประเภทข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง และข้าวไรซ์เบอร์รี ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ถึงปัจจุบัน มียอดส่งจำหน่ายได้แล้วมากกว่า 40,000 ถ้วย คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท และเตรียมขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคในหัวเมืองใหญ่ และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยที่สามารถนำข้าวอุ่นอิ่มพกพาเดินทางไปทานระหว่างท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อีกด้วย

ส่วนในปีบัญชี 2568 (1 เมษายน 2568 - 31 มีนาคม 2569) ธ.ก.ส. ตั้งเป้าต่อยอดและขยายผลการพัฒนาข้าวพร้อมทานตรา“อุ่นอิ่ม” ไปยังสหกรณ์การเกษตรอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ อาทิ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครปฐม (สกต. นครปฐม) ผู้ผลิตข้าว กข. 43 ซึ่งเป็นข้าวขาวที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์ให้มีน้ำตาลต่ำ จึงมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพ และสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ (สกต. สุรินทร์) ผู้ผลิตข้าวหอมนิล ข้าวที่มีสีดำโดยกำเนิด มีรสชาติอร่อย มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์และมีคุณค่าทางสารอาหารสูง และข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ปลูกแบบธรรมชาติไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ไขมันต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2568 และจะทำให้ ณ สิ้นปีบัญชี 2568 ยอดจำหน่ายข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ทั้ง 6 ประเภท รวมกันได้มากกว่า 5 ล้านบาท ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นสมาชิกของ สกต. แต่ละแห่งมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นต่อไป โดยผู้ที่สนใจสามารถสนับสนุนและเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีจากเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม" ได้ที่ BAAC Branch Outlet ทั้ง 387 สาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในปีบัญชี 2568 ธ.ก.ส. ยังพร้อมเดินหน้าโครงการยกระดับสินค้า A-product ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ลูกค้าที่ได้รับการการันตีมาตรฐานและรับรองคุณภาพ เช่น  มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี GAP (Good Agricultural Practices) โดยธนาคารได้คัดเลือกและรวบรวมผลิตภัณฑ์ลูกค้าภายใต้ตราสัญลักษณ์ A-Product พร้อมให้การสนับสนุนในด้านองค์ความรู้ ทักษะการดำเนินธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และด้านการตลาด ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เป็น A-product กว่า 269 ราย และในปีบัญชี 2568 ธ.ก.ส. ยังคงเดินหน้ายกระดับผลิตภัณฑ์ A-Product ไปสู่สินค้า Essence ด้วยการ Re-package และ Re-design ออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้สวยงาม ทันสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ สามารถจำหน่ายได้ในตลาดที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมขับเคลื่อนการยกระดับผลิตภัณฑ์ไปสู่สินค้า Glam-Agro หรือสินค้าเกษตรติดแกลม โดยธนาคารจะคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์มาประชาสัมพันธ์การตลาดผ่านสื่อต่าง ๆ ของธนาคาร เพื่อสร้างการรับรู้ไปในตลาดอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ และสร้างรายได้ให้กับลูกค้าเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน 

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ยังพร้อมผลักดันการขยายโอกาสทางธุรกิจให้สถาบันเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) เพื่อส่งเสริมการสร้างเกษตรกรหัวขบวนและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยการเสริมทักษะความรู้ความสามารถ พัฒนาศักยภาพ สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรวบรวม การผลิต การแปรรูป พัฒนาผลิตภัณฑ์ และช่องทางการตลาด เพื่อให้สามารถขยายธุรกิจเดิมหรือเพิ่มธุรกิจใหม่ได้ โดยตั้งเป้าหมายปีบัญชี 2568 จะมีสถาบันเกษตรกร และ สกต. เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 35 แห่ง และคาดว่าจะมีเกษตรกรสมาชิกไม่น้อยกว่า 1.75 ล้านคน ได้รับโอกาสทางธุรกิจและสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจของผลิตภัณฑ์หรือรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ภายในสิ้นปีบัญชี 2568 รวมถึงสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจภาคการเกษตร โดยตั้งเป้าหมายสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจ ไม่น้อยกว่า 90 คู่ เกิดปริมาณการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 700,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,900 ล้านบาท และต่อยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ไปยังตลาดต่างประเทศในระยะต่อไป ซึ่ง ธ.ก.ส. มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในทุกมิติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนต่อไป

ครม.อนุมัติงบ 5.3 พันล้าน หนุนชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด ลดฝุ่น PM2.5 ดันอุตสาหกรรมสีเขียว

คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) จัดทำ “มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM2.5” สำหรับฤดูการผลิตปี 2567/2568 เพื่อส่งเสริมเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีทดแทนการเผา ลดปัญหา PM2.5  ยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจสีเขียว โดยเตรียมงบประมาณสนับสนุนรวม 5.3 พันล้านบาท ส่งเสริมให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย ตัดอ้อยสดคุณภาพดี ในอัตรา 69 บาทต่อตันอ้อย  

วันที่ 17 มิถุนายน 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 มีมติมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) จัดทำ “มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM2.5” สำหรับฤดูการผลิตปี 2567/2568 เพื่อส่งเสริมเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีทดแทนการเผา ลดปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจสีเขียว โดยการสนับสนุนเงินให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย ที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดี ในอัตรา 69 บาทต่อตันอ้อย คาดว่า ฤดูการผลิตปี 2567/2568 จะมีปริมาณอ้อยทั้งสิ้น 93.17 ล้านตัน โดยมีสัดส่วนปริมาณอ้อยสดคุณภาพดีร้อยละ 80 หรือประมาณ 75 ล้านตัน คิดเป็นงบประมาณสนับสนุนรวมทั้งสิ้น 5,333.5875 ล้านบาท แบ่งเป็น

(1) ค่าใช้จ่ายมาตรการสร้างแรงจูงใจแก่ชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด โดยจ่ายเงินสนับสนุนแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย ในอัตรา 69 บาทต่อตัน งบประมาณดำเนินการ 5,175 ล้านบาท 

(2) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของ ธ.ก.ส. ทั้งในด้านการชดเชยต้นทุนทางการเงินและค่าบริหารจัดการ รวมจำนวนเงิน 158.5875 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. พร้อมโอนเงินให้แล้วเสร็จ หลังจากที่ได้รับรายชื่อเกษตรกรจากสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาล เรียบร้อยแล้ว ภายใน 3 วัน ซึ่ง ธ.ก.ส. จะใช้แหล่งเงินทุนของธนาคารสำรองจ่ายงบประมาณทั้งหมดไปก่อน และเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชำระคืนต่อไป โดยรัฐบาลจะชดเชยภาระทางการคลังตามมาตรา 20(5) แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 

สำหรับการจัดทำมาตรการดังกล่าวได้รับการออกแบบภายใต้พันธกรณีด้านสิ่งแวดล้อมของ WTO มุ่งหวังให้เกษตรกรยกระดับผลผลิตของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทยสู่เศรษฐกิจใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมาตรการนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย ซึ่งภาครัฐยังคงเดินหน้าผลักดันให้เกษตรกรลดการเผาอ้อยอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้การตัดอ้อยสด 100% อย่างยั่งยืนต่อไป 

#ธกส #ข่าววันนี้ #ตัดอ้อยสด #ลดฝุ่น #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ธ.ก.ส. จับมือ บช.สอท. เปิดตัว “บริการเเจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” ยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ LINE Official BAAC Family

ธ.ก.ส. จับมือ บช.สอท. เดินหน้าเสริมแกร่งความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับประชาชนทั่วประเทศ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” บน LINE Official BAAC Family โดยสามารถเช็ก - แจ้ง – เตือนภัยมิจฉาชีพได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน LINE Official BAAC Family โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการสนับสนุนความรู้ภัยไซเบอร์ให้กับประชาชนในวงกว้าง

วันที่ 11 มิถุนายน 2568 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยไซเบอร์ในปัจจุบันที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นและมีรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ การหลอกให้โอนเงินล่วงหน้า การหลอกขายสินค้าออนไลน์  เว็บไซต์ปลอมแอบอ้างหน่วยงานรัฐ รวมถึง SMS และ LINE ปลอมแฝงลิงก์มัลแวร์ อันส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเสียหายทางทรัพย์สินและชื่อเสียง ธ.ก.ส. จึงร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดตัว “บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” ฟีเจอร์ใหม่บน LINE Official “BAAC Family” ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางการสื่อสารดิจิทัลหลักของธนาคาร ปัจจุบันที่มีผู้ติดตามกว่า 14 ล้านราย เพื่ออำนวยความสะดวกและยกระดับความปลอดภัยให้ประชาชนได้เข้าถึงเครื่องมือในการเช็ก - แจ้ง – เตือนภัยมิจฉาชีพได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ บัญชีม้าหรือบัญชีปลอมต้องสงสัย เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยและอันตราย รวมไปถึงการแจ้งเบาะแสอาชญากรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียลไทม์แบบ “All in one place” ครบจบในแชตเดียว ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในการยกระดับบริการในแพลตฟอร์มดิจิทัลให้เป็นมากกว่าการสื่อสารข้อมูลข่าวสารผลิตภัณฑ์และบริการ

สำหรับความร่วมมือกับ บช.สอท. ในครั้งนี้ จึงเป็นการพัฒนาบริการที่ ‘ปลอดภัย ใช้ง่าย และเข้าถึงได้จริง’ ที่มีการบูรณาการข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อรับมือกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และยังเป็นต้นแบบของการผนึกกำลังระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล’ ด้วยการวางรากฐานระบบ Early Warning ที่จะช่วยให้คนไทยมีความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยและรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ซึ่ง ธ.ก.ส. และ บช.สอท. พร้อมเดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันความรู้ด้านภัยไซเบอร์ในวงกว้าง ในการเดินหน้าพัฒนาและยกระดับช่องทางการสื่อสารดิจิทัลต่าง ๆ ของธนาคารไปสู่การเป็นแพลตฟอร์ม ‘Digital Life Partner’ สำหรับประชาชนไทย ที่ไม่ใช่เพียงการให้บริการทางด้านการเงินการธนาคาร แต่ยังครอบคลุมถึงการให้ความรู้ ด้านการบริหารจัดการรายได้ การพัฒนาอาชีพ การดูแลสุขภาพ และความปลอดภัยในด้านทรัพย์สิน เพื่อให้ประชาชนไทยสามารถใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและมีภูมิคุ้มกันทางการเงินอย่างยั่งยืน

พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)เปิดเผยว่า ภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในประเทศไทยทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้ภัยไซเบอร์ไม่เลือกเหยื่อ ทุกคนคือเป้าหมายได้ทันที หากไม่ระวังหรือรู้ไม่เท่าทัน โดยเฉพาะกลุ่มพี่น้องเกษตรกรหรือผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงในการถูกหลอกผ่าน SMS หรือ LINE ที่แอบอ้างว่าเป็นหน่วยงานรัฐ เช่น เงินช่วยเหลือ หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ตลอดจนมิจฉาชีพปรับเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงอย่างรวดเร็ว เข้าถึงประชาชนได้ทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ ทั้งจากการโทรหลอกลวง พัฒนาไปถึงการใช้เทคโนโลยี Deepfake หรือ AI ปลอมเสียง ปลอมภาพ เพื่อโน้มน้าวให้เหยื่อโอนเงินอย่างแนบเนียน

ทั้งนี้ภารกิจของ บช.สอท. จึงไม่หยุดอยู่เพียงการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดหลังเกิดเหตุ แต่ต้องทำให้ประชาชนมี ‘เกราะป้องกันเชิงรุก’ และรู้เท่าทันภัยล่วงหน้า โดยมุ่งสร้างเครื่องมือให้ประชาชนสามารถตรวจสอบ แจ้งเหตุ และรับการแจ้งเตือนภัยไซเบอร์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งความร่วมมือกับ ธ.ก.ส. ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายเครือข่ายการป้องกันภัยไซเบอร์สู่กลุ่มประชาชนฐานราก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องเกษตรกร การพัฒนาแพลตฟอร์ม ‘บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ’ ผ่าน LINE Official BAAC Family ไม่เพียงช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องทันเวลา แต่ยังเป็นแบบอย่างของการนำเทคโนโลยีมาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางความรู้ เพื่อให้สังคมไทยสามารถรับมือกับภัยไซเบอร์ได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังได้เปิดตัวคอนเทนต์ซีรีส์ “มุกนี้มิจแน่” คอนเทนต์สนุก เสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่รวบรวมสถานการณ์การหลอกลวงแบบต่าง ๆ ที่พบได้จริง พร้อมเฉลยด้วยข้อมูลสั้น ๆ ให้ประชาชน “จำง่าย และนำไปใช้ได้จริง” โดยเตรียมออนแอร์ผ่านช่องทางดิจิทัลหลักของธนาคาร ได้แก่ LINE, TikTok และ Facebook: BAAC Thailand อย่าลืมเช็กก่อนโอน เพื่อป้องกันตนเองจากอาชญากรรมการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสในการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ โดยสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารผลิตภัณฑ์และบริการของ ธ.ก.ส. ได้ทุกช่องทางผ่าน LINE Official BAAC Family,Facebook: ธกส BAAC Thailand, TikTok / Instagram / X: @baacthailand, www.baac.or.th หรือ Call Center โทร. 02 555 0555

ธ.ก.ส. จับมือ บช.สอท.เปิดตัวฟีเจอร์แจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพผ่าน LINE BAAC Family เสริมความปลอดภัยไซเบอร์

ธ.ก.ส.จับมือ บช.สอท. เดินหน้าเสริมแกร่งความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับประชาชนทั่วประเทศ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” บน LINE Official BAAC Family โดยสามารถเช็ก - แจ้ง – เตือนภัยมิจฉาชีพได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน LINE Official BAAC Family โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการสนับสนุนความรู้ภัยไซเบอร์ให้กับประชาชนในวงกว้าง

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยไซเบอร์ในปัจจุบันที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นและมีรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ การหลอกให้โอนเงินล่วงหน้า การหลอกขายสินค้าออนไลน์  เว็บไซต์ปลอมแอบอ้างหน่วยงานรัฐ รวมถึง SMS และ LINE ปลอมแฝงลิงก์มัลแวร์ อันส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเสียหายทางทรัพย์สินและชื่อเสียง ธ.ก.ส. จึงร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดตัว “บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ” ฟีเจอร์ใหม่บน LINE Official “BAAC Family” ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางการสื่อสารดิจิทัลหลักของธนาคาร ปัจจุบันที่มีผู้ติดตามกว่า 14 ล้านราย เพื่ออำนวยความสะดวกและยกระดับความปลอดภัยให้ประชาชนได้เข้าถึงเครื่องมือในการเช็ก - แจ้ง – เตือนภัยมิจฉาชีพได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ บัญชีม้าหรือบัญชีปลอมต้องสงสัย เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยและอันตราย รวมไปถึงการแจ้งเบาะแสอาชญากรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียลไทม์แบบ “All in one place” ครบจบในแชตเดียว ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในการยกระดับบริการในแพลตฟอร์มดิจิทัลให้เป็นมากกว่าการสื่อสารข้อมูลข่าวสารผลิตภัณฑ์และบริการ

โดยความร่วมมือกับ บช.สอท. ในครั้งนี้ จึงเป็นการพัฒนาบริการที่ ‘ปลอดภัย ใช้ง่าย และเข้าถึงได้จริง’ ที่มีการบูรณาการข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อรับมือกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และยังเป็นต้นแบบของการผนึกกำลังระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล’ ด้วยการวางรากฐานระบบ Early Warning ที่จะช่วยให้คนไทยมีความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยและรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ซึ่ง ธ.ก.ส. และ บช.สอท. พร้อมเดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันความรู้ด้านภัยไซเบอร์ในวงกว้าง ในการเดินหน้าพัฒนาและยกระดับช่องทางการสื่อสารดิจิทัลต่าง ๆ ของธนาคารไปสู่การเป็นแพลตฟอร์ม ‘Digital Life Partner’ สำหรับประชาชนไทย ที่ไม่ใช่เพียงการให้บริการทางด้านการเงินการธนาคาร แต่ยังครอบคลุมถึงการให้ความรู้ ด้านการบริหารจัดการรายได้ การพัฒนาอาชีพ การดูแลสุขภาพ และความปลอดภัยในด้านทรัพย์สิน เพื่อให้ประชาชนไทยสามารถใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและมีภูมิคุ้มกันทางการเงินอย่างยั่งยืน

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)เปิดเผยว่า ภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในประเทศไทยทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้ภัยไซเบอร์ไม่เลือกเหยื่อ ทุกคนคือเป้าหมายได้ทันที หากไม่ระวังหรือรู้ไม่เท่าทัน โดยเฉพาะกลุ่มพี่น้องเกษตรกรหรือผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงในการถูกหลอกผ่าน SMS หรือ LINE ที่แอบอ้างว่าเป็นหน่วยงานรัฐ เช่น เงินช่วยเหลือ หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ตลอดจนมิจฉาชีพปรับเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงอย่างรวดเร็ว เข้าถึงประชาชนได้ทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ ทั้งจากการโทรหลอกลวง พัฒนาไปถึงการใช้เทคโนโลยี Deepfake หรือ AI ปลอมเสียง ปลอมภาพ เพื่อโน้มน้าวให้เหยื่อโอนเงินอย่างแนบเนียน

โดยภารกิจของ บช.สอท. จึงไม่หยุดอยู่เพียงการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดหลังเกิดเหตุ แต่ต้องทำให้ประชาชนมี ‘เกราะป้องกันเชิงรุก’ และรู้เท่าทันภัยล่วงหน้า โดยมุ่งสร้างเครื่องมือให้ประชาชนสามารถตรวจสอบ แจ้งเหตุ และรับการแจ้งเตือนภัยไซเบอร์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งความร่วมมือกับ ธ.ก.ส.ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายเครือข่ายการป้องกันภัยไซเบอร์สู่กลุ่มประชาชนฐานราก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องเกษตรกร การพัฒนาแพลตฟอร์ม ‘บริการแจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ’ ผ่าน LINE Official BAAC Family ไม่เพียงช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องทันเวลา แต่ยังเป็นแบบอย่างของการนำเทคโนโลยีมาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางความรู้ เพื่อให้สังคมไทยสามารถรับมือกับภัยไซเบอร์ได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังได้เปิดตัวคอนเทนต์ซีรีส์ “มุกนี้มิจแน่” คอนเทนต์สนุก เสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่รวบรวมสถานการณ์การหลอกลวงแบบต่างๆที่พบได้จริง พร้อมเฉลยด้วยข้อมูลสั้นๆให้ประชาชน “จำง่าย และนำไปใช้ได้จริง” โดยเตรียมออนแอร์ผ่านช่องทางดิจิทัลหลักของธนาคาร ได้แก่ LINE, TikTok และ Facebook: BAAC Thailand อย่าลืมเช็กก่อนโอน เพื่อป้องกันตนเองจากอาชญากรรมการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสในการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ โดยสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารผลิตภัณฑ์และบริการของ ธ.ก.ส. ได้ทุกช่องทางผ่าน LINE Official BAAC Family,Facebook: ธกส BAAC Thailand, TikTok / Instagram / X: @baacthailand, www.baac.or.th หรือ Call Center โทร. 02-555-0555

#ธกส #บชสอท #ฟีเจอร์แจ้งเตือนภัยมิจฉาชีพ #BAACFamily #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

ธ.ก.ส. รับรางวัล Employee Experience Awards 2025 Thailand

วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 นายเกรียงไกร กัลหะรัตน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้แทนธนาคารรับรางวัล Best Diversity and Inclusion Strategy ระดับ Silver ในงาน Employee Experience Awards 2025 Thailand จัดโดยองค์กรสื่อด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลระดับนานาชาติจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมอบให้กับองค์กรดีเด่นด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ทั่วเอเชีย โดยรางวัลที่ ธ.ก.ส. ได้รับสะท้อนถึงการเป็นองค์กรที่มีการขับเคลื่อนงานในด้านการบริหารบุคลากรด้วยกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเท่าเทียมในทุกบริบทและสร้างคุณค่าให้กับทุกความแตกต่าง และนับเป็นอีกหนึ่งในรางวัลแห่งความสำเร็จของ ธ.ก.ส. ในการเป็นองค์กรที่เป็นเลิศด้านการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในระดับมาตรฐานสากล

ทั้งนี้งานดังกล่าว จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพฯ