ธ.ก.ส. ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง-นาปี ไร่ละ 1,000 บาท จัดมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก กรอบวงเงินรวมกว่า 5 หมื่นล.

ธ.ก.ส. เดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง-นาปี กว่า 4.63 ล้านครัวเรือน ได้แก่ โครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2568 โครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต 2568/69 กรอบวงเงินรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยสนับสนุนเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ รวมสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท โอนเงินรอบแรกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป วงเงินรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท เกษตรกรผู้รับประโยชน์กว่า 2.48 ล้านราย พร้อมจัดมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568/69 ได้แก่ สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โดยรัฐบาลชำระดอกเบี้ยแทนเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร พร้อมสนับสนุนค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกอีก 1,500 บาทต่อตัน และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2568/69 สถาบันฯ ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลและ ธ.ก.ส. รับชำระดอกเบี้ยแทน ตั้งเป้ารองรับปริมาณข้าวเปลือกรวม 4.5 ล้านตัน 

วันที่ 1 กันยายน 2568 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ลดค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกข้าว รวมถึงสนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีแรงจูงใจในการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของการผลิตข้าว ธ.ก.ส. พร้อมดำเนินงานตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 และที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 โดยมี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เป็นประธานในที่ประชุม ได้เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2568 และโครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต 2568/69 จำนวนรวมกว่า 4.63 ล้านครัวเรือน โดยพร้อมสนับสนุนเงินช่วย/เหลือให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2568/69 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับผู้ปลูกข้าวนาปรัง ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2568 จนถึง 31 ธันวาคม 2568 และสำหรับผู้ปลูกข้าวนาปี ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 19 สิงหาคม 2568 – 30 กันยายน 2569 ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบสถานะโอนเงินและจำนวนเงินที่ได้รับได้ทาง https://govtransfer.baac.or.th หรือ Line Official : @baacfamily  

สำหรับการโอนเงินให้เกษตรกร ธ.ก.ส. ได้จัดทำแผนการโอนเงินให้แก่เกษตรกรรอบแรก ตามรายชื่อผู้ที่ขึ้นทะเบียนสำเร็จจากกรมส่งเสริมการเกษตร โดยจะเริ่มโอนเงินครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป กรอบวงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท เกษตรกรผู้รับประโยชน์กว่า 2.48 ล้านราย โดยมีรายละเอียดการโอนเงิน ดังนี้ สำหรับโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2568 ธ.ก.ส. จะดำเนินการโอนเงินไปยังเกษตรกรทั่วประเทศในวันจันทร์ที่ 1 กันยายน 2568 จำนวนเกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์ จำนวน 769,461 ราย  กรอบวงเงินกว่า 6,280 ล้านบาท และโครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต 2568/69 ธ.ก.ส. จะดำเนินการโอนเงินแบ่งเป็น 3 รอบตามภูมิภาค ได้แก่  รอบที่ 1 : วันอังคารที่ 2 กันยายน 2568 เกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 286,831 ราย กรอบวงเงิน 2,459 ล้านบาท รอบที่ 2 : วันพุธที่ 3 กันยายน 2568 เกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 1,291,298 ราย กรอบวงเงิน 10,586 ล้านบาท และรอบที่ 3 : วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568 เกษตรในภูมิภาคอื่น ๆ ที่เหลือ จำนวน 137,478 ราย กรอบวงเงิน 1,254 ล้านบาท ทั้งนี้ ส่วนที่เหลือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะดำเนินการตรวจสอบและยืนยันการผลิตข้าวจากเกษตรกร และหลังจากได้รับการยืนยัน จะดำเนินการส่งข้อมูลให้กับ ธ.ก.ส. เพื่อดำเนินการโอนเงินช่วยเหลือต่อไป 

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. พร้อมเติมทุนสนับสนุนผ่านมาตรการรักษาเสถียรภาพข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568/69 กรอบวงเงินรวมกว่า 50,000 ล้านบาท ได้แก่ สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท เพื่อป้องกันผลผลิตข้าวเปลือกล้นตลาด รวมถึงส่งเสริมให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางจนกว่าจะถึงช่วงที่ขายได้ราคาดี โดยรัฐบาลชำระดอกเบี้ยแทนเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เกษตรกรกู้ได้รายละไม่เกิน 300,000 บาท สหกรณ์การเกษตรและชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งละไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรแห่งละไม่เกิน 20 ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนแห่งละไม่เกิน 5 ล้านบาท เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรไม่ต้องชำระดอกเบี้ย เนื่องจากรัฐบาลรับภาระในการชำระดอกเบี้ยแทน ตั้งเป้าหมายรองรับปริมาณข้าวเปลือกจากท้องตลาด 3 ล้านตัน โดยมีประเภทข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิในเขต 23 จังหวัด ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด และภาคเหนือ 3 จังหวัด (เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา)  ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต 23 จังหวัด ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานีและข้าวเปลือกเหนียว

อีกทั้ง ธ.ก.ส. ยังพร้อมสนับสนุนค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกให้อีก 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรเก็บข้าวเองได้รับ 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรฝากข้าวกับสถาบันเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับ 500 บาทต่อตัน และสถาบันฯ จะได้รับ 1,000 บาทต่อตัน โดยแจ้งความประสงค์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และทำสัญญาภายใน 28 กุมภาพันธ์ 2569 และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้สถาบันเกษตรกรในการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร หรือการนำผลผลิตมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อจำหน่ายในตลาด โดยสถาบันฯ ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลและ ธ.ก.ส. รับชำระดอกเบี้ยแทน ระยะเวลาดำเนินโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2569 และจ่ายเงินกู้ภายใน 30 กันยายน 2569 โดยทั้ง 2 โครงการ ตั้งเป้ารองรับปริมาณข้าวเปลือกรวม 4.5 ล้านตัน

สำหรับเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล สามารถเข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 ได้ตามปกติ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555

ธ.ก.ส. ร่วมคิกออฟ "30 บาทรักษาทุกที่" กระตุ้นศก.ฐานราก เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้มีภาวะพึ่งพิง

วันที่ 27 สิงหาคม 2568 นางสาวพรหมกร พรหมขัติแก้ว ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้าร่วมกิจกรรม kick off “ 30 บาทรักษาทุกที่ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้มีภาวะพึ่งพิง” โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนได้รับการดูแลและให้เกิดการจ้างงานผู้ช่วยเหลือดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง (Care Giver : CG) ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานพร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการต้นแบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลคุณภาพชีวิตผู้มีภาวะพึ่งพิง

ทั้งนี้ภายในงาน ธ.ก.ส. ได้ร่วมจัดนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการเงิน การโอนเงินให้กับผู้ที่จ้างงานดูแลผู้ที่มี ภาวะพึ่งพิง เช่น กลุ่มติดบ้าน ที่ไม่สามารถออกนอกบ้านได้ตามลำพัง และกลุ่มติดเตียง ที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยหรือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จึงจำเป็นต้องมีผู้ดูแลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สปสช. โดยมีผู้บริหารและพนักงาน ธ.ก.ส. เข้าร่วมเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

ธ.ก.ส. เปิดตลาดนัด BAAC Market ขบวนสินค้าเกษตรคุณภาพทั่วปท. ถึงมือลูกค้ากรุงเทพฯ 27-29 ส.ค.นี้  

ธ.ก.ส. รวบรวมเกษตรกรหัวขบวน ชุมชน และผู้ประกอบการภาคการเกษตร คัดสรรผลิตภัณฑ์สินค้าเด็ด คุณภาพดี สุดพรีเมียม ส่งตรงจากสวนกว่า 50 ร้านค้า มาเปิดจำหน่ายกลางกรุง สู่ผู้มือบริโภคโดยตรงในงานตลาดนัด BAAC Market ภายใต้ธีม “ขบวนสินค้าเกษตร BAAC” ระหว่างวันที่ 27-29 สิงหาคมนี้ ณ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ

วันที่ 26 สิงหาคม 2568 นายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า งานตลาดนัด BAAC Market ภายใต้ธีม “ขบวนสินค้าเกษตร BAAC” จัดขึ้นเพื่อสร้างพื้นที่ให้เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กว่า 50 ร้านค้า มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกรดพรีเมียม สด ใหม่ คุณภาพดี มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นไปถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งนอกจากจะช่วยช่องทางการตลาดและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรแล้ว ธ.ก.ส.ยังมุ่งหวังให้ลูกค้าประชาชนได้รับความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าจากเกษตรกรทั่วประเทศที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อมารวมไว้ในงานนี้ที่เดียว ประกอบด้วย

• โซนอาหารและเครื่องดื่มพื้นถิ่น : น้ำพริกแม่พลอย จ.เพชรบุรี ทั้งข้าวซอย น้ำเงี้ยว หอมกลิ่นเครื่องแกงแบบต้นตำรับ รสกลมกล่อม มาพร้อมกับน้ำพริกหลายสูตร เช่น น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกตาแดง ครัวมูรนี ข้าวหมกไก่ จ.นราธิวาส ต้นตำรับมุสลิม ฮาลาลแท้ หอมเครื่องเทศ สูตรเฉพาะปรุงอย่างพิถีพิถันจนได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์ บุษบงไก่ย่างเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ตำนานความอร่อยจากแดนอีสานยกเมนูขึ้นชื่ออย่างไก่ย่างเขาสวนกวาง หนังบางกรอบ เนื้อนุ่ม ส้มตำรสเด็ด และคอหมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว และ วสช.ชุมชนถ้ำรงค์ จ.เพชรบุรี น้ำสามรส หรือ ตาลซ่า รสเปรี้ยวจากมะนาวแป้นรำไพ ผิวบาง น้ำเยอะ ผสานกับความหวานหอมของน้ำตาลโตนด และความเค็มรสชาติกลมกล่อมลงตัว

• ผลิตภัณฑ์แปรรูป : วสช.แม่บ้านเกษตรกรบางแคสามัคคี จ.สมุทรสงคราม ผลิตภัณฑ์ของฝากจาก อ.อัมพวา ไม่ว่าจะเป็นกล้วยฉาบ มะม่วงกวน ขนมตาล และทองม้วนกรอบ ชุมชนบ้านต้นลำดวน
จ.ระยอง คัดสรรอาหารทะเลสดใหม่จากแหล่งประมง มาขึ้นบกให้ลิ้มลองความอร่อย เช่น ปลาหมึกอบแห้ง กุ้งแห้ง ปลาเส้นปรุงรส น้ำพริกทะเลสูตรเด็ดเข้มข้น ชัยธาราข้าวเกรียบเห็ดหอม จ.ฉะเชิงเทรา ทำจากเห็ดหอมเกรดคุณภาพแท้ 100 % หอม อร่อย กรอบ เคี้ยวเพลิน

• สินค้าแฮนด์เมด และกิจกรรมเวิร์กช็อป : JIIRA Stone กทม. เครื่องประดับแฮนด์เมดรังสรรค์ด้วยมือ      โดยใช้หินมงคลแท้ ดีไซน์ร่วมสมัย เสริมดวง เพิ่มพลังบวก ชุมชนท่องเที่ยวบ้านช้างตากลาง จ.สุรินทร์ เครื่องประดับฝีมือชาวบ้านจากงาช้างสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์เสริมสิริมงคลและบารมีที่หาซื้อได้ยาก และเพลิดเพลินกับการทำ DIY แม่เหล็กติดตู้เย็น เปิดโอกาสให้ผู้ที่ร่วมงานได้สนุกสนานด้วยความคิดสร้างสรรค์ประดิษฐ์ลวดลายต่าง ๆ ในแม่เหล็กติดตู้เย็นด้วยตนเอง พร้อมนำกลับบ้านได้เลย

พิเศษเมื่อซื้อสินค้าภายในงานครบ 299 บาท รับฟรี น้ำสับปะรดกระป๋องแท้ 100 % ตราชัวร์ จู๊ส หวานจากธรรมชาติ ให้วิตามิน C สูง (จำกัด 200 กระป๋อง/วัน) 1 คนต่อ 1 กระป๋องเท่านั้น ซึ่งงานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 สิงหาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 07:00-17:00 น. ณ บริเวณด้านหน้า ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร เดินทางสะดวกสบาย ด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีเขียว ลงสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประตูทางออก 4 ถึงหน้าตลาด

ลงนาม “ความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ มุ่งเน้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” ระหว่าง ธ.ก.ส. และ SME D Bank

วันที่ 22 สิงหาคม 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยนายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. และ นายเดชา จาตุธนานันท์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME D Bank)พร้อมด้วยนายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ SME D Bank ร่วมพิธีลงนาม “โครงการคู่ความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ ด้านการมุ่งเน้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” ระหว่าง ธ.ก.ส. และ SME D Bank

 

ธ.ก.ส.ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สูงสุด 0.25% ต่อปี มีผล 18 ส.ค.68

ธ.ก.ส. ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สูงสุด 0.25% ต่อปี โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) คงเหลือร้อยละ 6.375 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลูกค้านิติบุคคลชั้นดี (MLR) คงเหลือร้อยละ 6.125 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) คงเหลือร้อยละ 6.625 ต่อปี เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้สินให้กับเกษตรกรลูกค้ารายย่อยและลูกค้ากลุ่มเปราะบาง รวมถึงช่วยลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป  

วันที่ 14 ส.ค.68 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.75 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยให้มีผลทันที นั้น ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายและสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน ธ.ก.ส. พร้อมช่วยบรรเทาภาระหนี้สินให้กับเกษตรกรลูกค้ารายย่อยและลูกค้ากลุ่มเปราะบาง รวมถึงช่วยลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาให้กับผู้ประกอบการ SME ภาคการเกษตร ให้สามารถฟื้นตัวและดำเนินงานต่อได้ตามปกติในภาวะที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ธ.ก.ส. จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุดร้อยละ 0.25 ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) คงเหลือร้อยละ 6.375 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลูกค้านิติบุคคลชั้นดี (MLR) คงเหลือร้อยละ 6.125 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) คงเหลือร้อยละ 6.625 ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป 

โดย ธ.ก.ส. ได้ออกมาตรการในการดูแลด้านหนี้สินอย่างครบวงจรให้กับเกษตรกรลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรการ พักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมาตรการเฟส 2 จำนวน 1.431 ล้านราย ต้นเงินกว่า 189,000 ล้านบาท โดยธนาคารได้ดำเนินการฟื้นฟูอาชีพให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดการประกอบอาชีพให้กับผู้เข้าร่วมโครงการให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ระหว่างการเข้าร่วมมาตรการ นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ได้มีการสนับสนุนเงินทุนผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการประกอบอาชีพของเกษตรกรทั้ง รายย่อยและผู้ประกอบการเกษตร อาทิ สินเชื่อแทนคุณ สินเชื่อเงินด่วนสิบหมื่น สำหรับสมาชิก อสม. และ อสส. วงเงินกู้รายละไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ต่อเดือน และสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ เพื่อสร้างรายได้คู่ขนานจากการ  ทำการเกษตร อัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก MRR - 2 ต่อปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

#ธกส #ลดดอกเบี้ยเงินกู้ #ข่าววันนี้ #เกษตรกร #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้

 

ธ.ก.ส. ร่วมใจบริจาคโลหิต “GIVE BLOOD GIVE LIVE #คนไทยไม่ทิ้งกัน”

นายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการและโฆษกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำพนักงานพร้อมด้วยลูกค้า ประชาชน ร่วมบริจาคโลหิตในกิจกรรม “GIVE BLOOD GIVE LIVE #คนไทยไม่ทิ้งกัน” โดย ธ.ก.ส. ร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองในคลังโลหิตให้เพียงพอต่อความต้องการ สำหรับส่งต่อไปใช้ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทั่วประเทศให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะการรักษาผู้ป่วยวิกฤตที่ต้องการโลหิตอย่างเร่งด่วน ทั้งกรณีประสบอุบัติเหตุ การผ่าตัด รวมถึงกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมที่ ธ.ก.ส. ได้จัดขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส เพื่อให้ผู้บริหารและพนักงาน ธ.ก.ส. ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์หรือผู้ป่วยที่มีความต้องการรับโลหิต โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีจำนวนผู้ลงทะเบียนร่วมบริจาคโลหิต 298 ราย คิดเป็นปริมาณโลหิต 233 ยูนิต หรือ 93,200 ซีซี ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 2 อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ

ธ.ก.ส. ยกหนี้เงินกู้ครบทุกสัญญาให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธีระยุทธ ทหารกล้าเสียชีวิตชายแดนไทย-กัมพูชา

ธ.ก.ส. มอบความช่วยเหลือครอบครัว จ.ส.อ.ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย วีรบุรุษทหารกล้า ครอบครัว(ภรรยา) ได้รับการ ยกหนี้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยทุกสัญญาเงินกู้
 
วันที่ 3 ส.ค.68 นายสุรพล พลยศ ผู้อำนวยการสำนักงาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดหนองคาย เป็นผู้แทนธนาคารร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว จ.ส.อ.ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย วีรบุรุษทหารกล้า กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13 ผู้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยไทยจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 พร้อมกันนี้ ธ.ก.ส. ยังได้ส่งมอบความช่วยเหลือ ยกหนี้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้ทุกสัญญาเงินกู้ ตามที่ คณะกรรมการธนาคาร เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 โดยมี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ กรณีบุตร คู่สมรส ของลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เป็นทหาร หรือ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ โดยมี ครอบครัว(ภรรยา) ของ จ.ส.อ.ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย และเป็นลูกค้าของธนาคาร รับมอบความช่วยเหลือจาก ธ.ก.ส. ณ ศาลาบำเพ็ญกุศลวัดป่าเนินนิมิต ตำบลเชิม อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568

#ธกส #ทหารกล้า #ชายแดนไทยกัมพูชา #ยกหนี้เงินกู้ #ช่วยเหลือครอบครัว #หนองคาย #ข่าวเศร้า #ธกสช่วยเหลือ #ข่าวภาครัฐ

 

"ธ.ก.ส." ยกหนี้ให้ครอบครัวทหาร-ตชด.สละชีพปกป้องอธิปไตย

วันที่ 31 ก.ค.68  เพจ  ธกส BAAC Thailand  โพสต์ข้อความระบุว่า  ธ.ก.ส. ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัว (บิดา มารดา คู่สมรส) ของทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชา

โดยช่วยเหลือครอบครัวทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย - กัมพูชา ที่บิดา - มารดา หรือคู่สมรสเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 5555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

#ธกส #BAAC

ธ.ก.ส. ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา สินเชื่อฉุกเฉินดบ. 0% นาน 6 ด.แรก

ธ.ก.ส. จัดมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย -กัมพูชา ด้วยสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน 2568 วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก และสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท ดอกเบี้ย MRR - 2 พร้อมให้การช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ อย่างเต็มที่

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา อันส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงเกษตรกรลูกค้าโดยตรง ทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงพื้นที่ในการประกอบอาชีพ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว ธ.ก.ส. จึงจัดมาตรการเร่งด่วน เพื่อดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าเบื้องต้น ผ่านมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูให้ลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำในการนำไปสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายจากความไม่สงบดังกล่าว ประกอบด้วย 1) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2568 เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.725%) วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท ผ่อนชำระไม่เกิน
3 ปี

2) โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2 ผ่อนชำระนานสูงสุด 15 ปี

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนและลูกค้าเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยพร้อมอยู่เคียงข้างและให้การช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ อย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้ และหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ธ.ก.ส. จะดำเนินการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของที่อยู่อาศัย ทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตรของลูกค้า เพื่อวางแนวทางในการให้ความช่วยเหลือต่อไป

สำหรับเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบสามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง

ธ.ก.ส.จัดมาตรการเร่งด่วนช่วยผู้ประสบภัยพายุวิภา เลื่อนชำระหนี้-วงเงินกู้ฉุกเฉินดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก

ธ.ก.ส. เร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ จัดมาตรการช่วยเหลือลูกค้าโดยเปิดโอกาสให้สามารถเลื่อนการชำระหนี้ออกไปสูงสุดไม่เกิน 1 ปี  โดยไม่คิดดอกเบี้ยปรับ และมาตรการฟื้นฟูและเสริมสภาพคล่องเกษตรกร วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ผ่านสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน 2568 วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก และสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท ดอกเบี้ย MRR-2 พร้อมเตรียมลงพื้นที่สำรวจความเสียหายให้กับลูกค้าหลังน้ำลด เพื่อรวบรวมข้อมูลและวางแนวทางในการให้ความช่วยเหลืออื่นๆต่อไป
 
วันที่ 24 ก.ค.68 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยฉับพลันที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของพายุ “วิภา” อันส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกร ทั้งด้านการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพ รวมถึงความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย ทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตร เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว ธ.ก.ส. จึงจัดมาตรการเร่งด่วน เพื่อดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้า ผ่านมาตรการเลื่อนการชำระหนี้ออกไปสูงสุดไม่เกิน 1 ปี  โดยไม่คิดดอกเบี้ยปรับ ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่สาขาในสังกัดในพื้นที่ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2568  นอกจากนี้ ยังเตรียมวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท จัดทำมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูให้ลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำในการนำไปสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติ ประกอบด้วย 1) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2568 เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.725%) วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท 2) โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2  

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรอย่ากังวลใจในช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ธนาคารพร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ในพื้นที่ประสบภัย ได้แก่ จังหวัดน่าน และจังหวัดพะเยา จัดถุงยังชีพเพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมส่งมอบน้ำดื่ม ธ.ก.ส. และจัดทำอาหารกล่องช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ประสบภัยร้ายแรงและสนับสนุนหน่วยบรรเทาสาธารณภัยในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น และหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ธ.ก.ส. จะดำเนินการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินของลูกค้า เพื่อรวบรวมข้อมูลในการวางแนวทางการช่วยเหลือต่อไป สำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยสามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง

#ธกส #พายุวิภา #ช่วยเหลือเกษตรกร #มาตรการฟื้นฟู #น้ำท่วม #สินเชื่อฟื้นฟู #เกษตรกร #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้