วันที่สุดแสนวิปโยคของพวกเราชาวไทย เมื่อได้ยินแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง “เรื่องการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559” วินาทีนั้น น้ำตาชาวไทยไหลรินทุกอย่างสงบนิ่ง และเงียบสงัด ทั่วทั้งแผ่นดิน มีแต่เสียงสะอื้นไห้ พสกนิกรจำนวนมากไปรอริมถนน ตามเส้นทางที่พระบรมศพเคลื่อนผ่านออกจากโรงพยาบาลศิริราชสู่พระบรมมหาราชวัง และเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์ด้วยใจจดจ่อและโศกเศร้าเกินบรรยาย ในคราใดที่ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี หัวใจเหมือนจะแตกสลายกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้จวบจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งใกล้วันส่งเสด็จสู่สรวงสวรรค์ เชื่อว่าความรู้สึกของคนไทยทุกคนคงไม่แตกต่างกันในความอาลัยรักต่อพระองค์ "พ่อหลวงของแผ่นดิน ” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ พ่อ ” "พ่อหลวงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น King of The King ” ไม่มีกษัตริย์องค์ใดในโลกนี้ ที่จะรักประชาชนดังที่ทุกคนประจักษ์ในใจเป็นอย่างดี พ่อของแผ่นดินพระองค์นี้ได้เสด็จเยี่ยมเยือนประชาชนทุกที่บนผืนแผ่นดินไทย การเดินทางขึ้นเขา ลงห้วย ในป่า ผืนนาแห้งแล้ง แม้ลำบากกันดารอย่างไร พ่อได้ไปจนถึงทุกที่เพื่อดูแลทุกข์สุข ความเป็นอยู่ และหาแนวทางที่จะช่วยเหลือให้ได้อยู่ดี กินดี จึงเป็นที่มาของโครงการในพระราชดำริมากกว่า ๔,๕๙๖ โครงการ กระจายทั่วแผ่นดิน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สมกับเป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง วลีที่กล่าวว่า “ จะสานต่อที่พ่อทำ ” ดังกึกก้องทั่วแผ่นดินไทยเหมือนคำปฏิญาณ ที่ให้กับพ่อ ต่อจากนี้ไป ได้แต่หวังว่าจะเป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังที่ได้ให้คำปฏิญาณ หนึ่งปีที่ไม่มีพ่อเกิดปรากฎการณ์ที่เราคนไทย มีความรักสามัคคีกัน บนคราบน้ำตายังมีความเอื้ออาทรต่อกันอย่างมาก นับจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน บริเวณท้องสนามหลวงที่แออัดไปด้วยผู้ที่มารอคอยเพื่อกราบสักการะพระบรมศพ ที่นั่นจะมีจิตอาสาจำนวนมาก และหลายหน่วยงานมาช่วยอำนวยความสะดวก ตามความถนัด มีทั้งมาแจกอาหาร เครื่องดื่ม ยาดม ยาหม่อง บริการให้ความสะดวก รวมทั้งร่มกันแดดกันฝน บริการรถรับส่งฟรี นอกจากนี้ยังมีการทำความดีเพื่อพ่อกระจายทั่วแผ่นดิน ตามความสามารถที่แต่ละคนมีเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เห็นแล้วตื้นตันใจในน้ำใจไมตรีที่ต่างช่วยกัน “ทำดีเพื่อพ่อ” บรรดาจิตอาสาทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเป็นการ “เดินตามรอยเท้าพ่อ” เหมือนกับที่ได้เห็นพ่อทรงงานหนักเพื่อประชาชนยาวนาน ๗๐ ปี โดยไม่เลือกปฏิบัติ การทำความดีเพื่อพ่อ หรือ ทำความดีถวายพ่อ ตามที่พ่อสอนให้คิดดี ทำดี เป็นสิ่งที่ดีงาม ฟังแล้วซาบซึ้งใจ และได้ประจักษ์กับคนทั้งโลกแล้วว่า ไม่มีที่ใดเหมือนแผ่นดินของพ่อ อยากให้ทำความดีเช่นนี้ตลอดไป เชื่อว่าจะได้เห็นรอยยิ้มของพ่อประทับอยู่กลางใจเราทุกคนการทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทำให้นึกถึงโครงการในพระราชดำริ ชื่อ “ โครงการปิดทองหลังพระ ” ความหมายของคำว่า ปิดทองหลังพระ คือ การเพียรทำความดี โดยไม่มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตน จุดมุ่งหมายให้ประชาชนได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งเสริมอาชีพ กระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและศิลปวัฒนธรรมไทย ถ้าคนไทย ตั้งใจ จะเป็นคนดีของแผ่นดิน เพียงทำตามที่พ่อสอน ซึ่งพ่อได้ให้แนวทางไว้หลากหลาย ความตั้งใจนั้นก็จะบรรลุผลดังที่ตั้งใจ และสามารถดำรงชีวิตได้ด้วยตนเอง สมตามความมุ่งหมายของพ่อที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญอย่างมั่นคงถาวร โดยอยู่บนพื้นฐานของการ อยู่ดี กินดี ของประชาชน มรดกทางปัญญา ของพ่อ เรียกว่า “ ศาสตร์พระราชา ” ครอบคลุมทุกเรื่อง ทั้งดิน น้ำ ลม ฝน เพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิตของประชาชนและมวลมนุษยชาติทั่วโลก จนได้รับการยอมรับและการยกย่องจากสหประชาชาติ (UNESCO) ปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้นำศาสตร์ของพ่อไปปรับใช้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ทำให้คนไทยได้ตระหนักถึงสิ่งที่พ่อสอนเพราะเหมาะกับวิถีชีวิตของคนไทยขณะนี้ หลายคนได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำไปใช้ทำให้เกิดประโยชน์และเกิดความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อ เห็นได้จากสื่อนำมาเผยแพร่โดยนำตัวอย่างชีวิตของคนไทยหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขอย่างแท้จริง จากการดำเนินชีวิต ตามปรัชญา เศรษฐกิจ พอเพียง ของพ่อ คำว่า “พอเพียง” คือความพอประมาณ พอใจในความต้องการ ไม่โลภมาก เพื่อจะได้ไม่เบียดเบียนผู้อื่น พ่อสอนให้ทำในสิ่งตนเองถนัด และทำแล้วต้องมีความสุข พ่อให้แนวทางการปลูกฝังลักษณะนิสัย ให้คนไทยมีความเพียรพยายาม โดยผ่านบทพระราชนิพนธ์เรื่อง “พระมหาชนก” เป็นเรื่องราวของพระมหาชนก ที่มีความเพียร พยายาม รู้จักใช้สติปัญญา และความอดทนจนประสบความสำเร็จ ถ้าเด็กไทยได้รับการปลูกฝังให้มีลักษณะนิสัย เช่น พระมหาชนก ก็คงจะดีมากสำหรับการพัฒนาเยาวชนของชาติ กระทรวงศึกษาธิการควรจะให้เด็กใช้เป็นตำราเรียน อาจจะเป็นวิชาบังคับหรือ เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาเพราะเป็นตัวอย่างที่เด็กไทยควรต้องอ่าน ด้วยเหตุเพราะเทคโนโลยีทำให้เด็กไทยขาดความอดทน อยากได้อะไรทันทีทันใด ขาดความเพียรพยายาม จึงเกิดปัญหาตามมามากมายในยุคสังคม 4.0 การให้การศึกษากับเด็กไทย ควรให้ได้ศึกษาพระราชประวัติของ “พ่อ” โดยเฉพาะช่วงเวลาวัยเยาว์ สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงสอนให้พ่อ รู้จักประหยัดเก็บออมไม่ฟุ่มเฟือย และรู้จักแบ่งปันเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น รายละเอียดของพระราชประวัติบางช่วงบางตอน ถ้าได้นำมาให้เด็กได้ศึกษาตามช่วงเวลา และช่วงของวัย เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต จึงจะได้ชื่อว่า “เดินตามรอยพ่อ” อย่างแท้จริง นับแต่วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ที่ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม" เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ตลอดพระชนม์ชีพของ “พ่อ” ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน และทรงงานหนักตลอดมา ทุกข์ร้อนใดๆ พ่อดูแลปัดเป่าให้ผ่อนคลายยามที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงวิกฤติ ไม่ว่าเรื่องใด ทั้งภัยธรรมชาติ และปัญหาความขัดแย้งทางด้านการเมือง ยังมี “ พ่อเหนือเกล้าชาวไทย ” เป็นที่พึ่งฝ่าพ้นวิกฤติไปได้ วันนี้ครบ ๑ ปี ที่ไม่มีพ่อ ไม่มีความเศร้าโศกใดที่ ประชาชนคนไทยจะมีมากกว่านี้อีกแล้ว วันที่ไม่มีพ่อ ฟังเพลงสรรเสริญพระบารมี ครั้งใด น้ำตารินไหลออกจากใจ จึงขอเชิญชาวไทยมาร้องเพลงนี้ร่วมกัน และพิจารณาเนื้อร้องที่ละตอน เชื่อเหลือเกินว่าความรู้สึกคงไม่แตกต่างกัน เป็นความเศร้า อาลัย อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นสิ่งเดียวที่จะบอกพ่อคือ สัญญาว่าจะเป็นคนดีของแผ่นดิน ตราบสิ้นลมหายใจ “ ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน นบพระภูมิบาล บุญดิเรก เอกบรมจักริน พระสยามมินทร์ พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์ ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย” พสกนิกรไทยร้องเพลงนี้ด้วยน้ำตา เนื้อเพลงตรงกับส่วนลึกในหัวใจ อยากให้ “พ่อ” ได้ยิน โดยเฉพาะ ถึงตอนที่.............เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณ ธ รักษา............จนกระทั่งจบเพลง น้ำตายังไม่รู้จบ จะฟังเพลงนี้กี่ครั้งก็ร้องไห้ทุกครั้ง ความรู้สึกในใจคงเหมือนกันทุกคน ขออธิษฐานจิตต่อเทพไท้เทวา โปรดเมตตาด้วยเถิด ถ้าเกิดชาติใดขอให้ได้เป็น “ ข้ารองพระบาททุกชาติไป ” ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้า รองศาสตราจารย์วันทนา จันทพันธ์