"ดีพร้อม" โชว์ศักยภาพอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย สู่ตลาดแฟชั่นมุสลิม

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิม สู่ตลาดแฟชั่นเชิงสร้างสรรค์ ปั้นผู้ประกอบการ 20 แบรนด์ไทย เป็นสินค้าพรีเมี่ยมสู่ตลาดสากล ภายใต้แนวคิด "Our Culture Muslims"

วันที่ 11 ส.ค.68 นายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้แทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้มองเห็นโอกาสในความท้าทายที่จะยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่นสาขาเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทยสู่ตลาดแฟชั่นมุสลิม ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ตามนโยบาย 4 ให้ 1 ปฏิรูป ให้ทักษะใหม่ ให้เครื่องมือที่ทันสมัย ให้โอกาสโตไกล ให้ธุรกิจไทยที่ดีคู่ชุมชน และปฏิรูปดีพร้อมสู่องค์กรที่ทันสมัยของนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มุ่งส่งเสริม พัฒนา และยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในทุกด้านอย่างตรงจุดผ่าน “กิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและ เครื่องแต่งกายมุสลิมให้เป็น Premium สู่สากล (Muslim Fashion to Global)” ภายใต้แนวคิด "Our Culture Muslims"

ทั้งนี้มุ่งเน้นส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการแฟชั่นมุสลิมไทยให้สามารถแข่งขันในระดับสากล ผ่านการพัฒนาสินค้า เชิงวัฒนธรรมให้เป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่นระดับพรีเมี่ยม จากการฝึกอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ และการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก ทั้งในด้านการออกแบบลวดลายและการวางแพทเทิร์น การตัดเย็บ การยกระดับกระบวนการผลิตสู่มาตรฐานพรีเมี่ยม การวางแผนธุรกิจ การตลาด และการสร้างแบรนด์ การเชื่อมโยงตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ และการเชื่อมโยงเครือข่ายทางธุรกิจอย่างครบวงจร รวมถึงสนับสนุนการใช้ภูมิปัญญาและทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อยกระดับสินค้าทั้งด้านมาตรฐานและดีไซน์ให้ทันสมัย โดดเด่น แตกต่าง และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก

นายวุฒิชัย กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวมีการบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อต่างๆอาทิ สไตล์มุสลิมวิถีแห่งความงามและศรัทธา การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าให้สินค้าน่าสนใจแบบมืออาชีพ ความรู้พื้นฐานด้านการควบคุมมาตรฐานการผลิตสินค้ากลุ่มแฟชั่นมุสลิม เทคนิคการทอและการย้อมสีธรรมชาติจากพืชท้องถิ่น พร้อมทั้งกิจกรรม Workshop ในหัวข้อ กลยุทธ์การตลาดและโอกาสการขยายธุรกิจ แนวโน้มการออกแบบ/ตัดเย็บสินค้าแฟชั่นมุสลิม และ การทำแพทเทิร์น เสื้อผ้าแฟชั่นมุสลิม โดย คุณศิริชัย ทหรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำแพทเทิร์น และการตัดเย็บ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ THEATRE และ ผศ.ดร.รวิเทพ มุสิกะปาน อาจารย์ และ ดร.กรกลด คำสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแฟชั่นและการตัดเย็บ และ ดร.นวัทตกร อุมาศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอ

ตลาดเสื้อผ้ามุสลิมเป็นหนึ่งในตลาดขนาดใหญ่ ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งในปัจจุบันพฤติกรรมการซื้อเสื้อผ้าของผู้บริโภคชาวมุสลิมทั่วโลก สูงเป็นอันดับ 3 รองจากตลาดเสื้อผ้าสหรัฐฯ และจีน ด้วยมูลค่าราว 230,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 7.43 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่าประชากรมุสลิมโลกจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 73 ในช่วงปี 2553 - 2593 ทำให้ประชากรมุสลิมมีจำนวนมากถึง 2,800 ล้านคน คิดเป็นราวร้อยละ 30 ของประชากรโลก ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีในการเติบโตของสินค้าแฟชั่นมุสลิม และคาดว่าจะมีมากขึ้นในทุกปี สำหรับประเทศไทยนับว่ามีศักยภาพในฐานะผู้ผลิตสินค้าฮาลาลที่มีความหลากหลาย อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลฮาลาล อาหารฮาลาล การท่องเที่ยวฮาลาล เวชภัณฑ์ฮาลาล แฟชั่นสำหรับชาวมุสลิม เป็นต้น

สำหรับกิจกรรม “กิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายมุสลิมให้เป็น Premium สู่สากล (Muslim Fashion to Global)” นี้มีผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วมกว่า 26 กิจการ และมีผู้ประกอบการผ่านการคัดเลือกจำนวน 20 กิจการ เกิดผลิตภัณฑ์ต้นแบบใหม่จำนวน 20 ผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมทั้งแฟชั่นมุสลิมชายและหญิง ที่สะท้อนพลังสร้างสรรค์ของ “แฟชั่นมุสลิมไทย” ให้มีความพร้อมก้าวสู่ระดับสากล โดยคาดว่าจะสามารถขยายผลทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดรายได้กว่า 70 ล้านบาท และสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน ดีพร้อม เชื่อมั่นว่าการดำเนินกิจกรรมนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายแฟชั่นมุสลิม ให้มีคุณภาพสูงเป็นสินค้า Premium ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในตลาดสากล

 

 

“แฟชั่นและเครื่องแต่งกาย” คอลเลกชันล่าสุด พาเหรดมาให้ช็อปในงาน “สหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส ครั้งที่ 29” 26–29 มิ.ย.นี้ที่ไบเทค บางนา

กลุ่มสินค้าแฟชั่นและเครื่องแต่งกายในเครือสหพัฒน์ เตรียมเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ล่าสุดที่สะท้อนเทรนด์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ไม่ได้มองหาเพียงความสวยงาม แต่ต้องการความมั่นใจ ฟังก์ชัน และเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส กล่าวว่า งานปีนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ของเครือสหพัฒน์ที่ตอบสนองทั้งรสนิยมและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยได้รวบรวมสินค้านวัตกรรม การออกแบบที่แตกต่าง และฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริง เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสเทรนด์ใหม่ก่อนใคร พร้อมข้อเสนอสุดคุ้ม

ไฮไลต์ปีนี้เริ่มจาก วาโก้ ที่จะเปิดตัวคอลเลกชันพิเศษ “Wacoal X Sahred Toy” เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นที่มีทั้งเสื้อยืด เสื้อกล้าม กระเป๋าผ้า ร่ม Griptok ที่ออกแบบร่วมกับนักออกแบบชื่อดัง “ต๊อด Sahred Toy” ซึ่งได้นำความเชื่อด้านมูเตลูมาผสมผสานเข้ากับแฟชั่นในชีวิตประจำวันได้อย่างมีสไตล์ 

แบรนด์น้องใหม่ GSP BoyBoy จะนำเสนอคอลเลกชัน “GSP BoyBoy X Greenie & Elfie” ที่ร่วมสร้างสรรค์กับศิลปิน “ตู่ ณัฐพงศ์ รัตนโชคสิริกูล” ถ่ายทอดเรื่องราวของมิตรภาพและจินตนาการผ่านลาย Comic Pop สดใส มีเอกลักษณ์ บอกเล่าการเดินทางของแฟชั่นจากป่ามหัศจรรย์สู่เมืองใหญ่ ผ่านเสื้อผ้าดีไซน์สนุกที่สวมใส่ได้จริง
ด้าน เชอรีล่อน จะเปิดตัวนวัตกรรม “Deep Care Collagen” ที่ผสานคุณสมบัติของการดูแลผิวไว้ในเส้นใย มีให้เลือกทั้งถุงน่อง ปลอกแขน และถุงเท้า ที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น พร้อมช่วยกระชับและบำรุงผิวทุกครั้งที่สวมใส่ ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจทั้งความงามและสุขภาพผิว

ส่วน แพน แบรนด์รองเท้าชั้นนำ แนะนำรองเท้าทำงานรุ่นใหม่ “X-calibur” ที่พัฒนาโดยผสมผสานคุณสมบัติของรองเท้ากีฬากับรูปทรงทันสมัยของรองเท้าใส่ทำงาน ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อมอบความนุ่มสบาย รองรับการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน ลดความเมื่อยล้า ตอบโจทย์ผู้สวมใส่ที่ต้องการความคล่องตัวและความมั่นใจควบคู่กัน

พิเศษสำหรับสาย Grooming และไลฟ์สไตล์ Black Amber – The Gentleman’s Grooming Lounge เตรียมมอบประสบการณ์ใหม่สำหรับสุภาพบุรุษที่ใส่ใจในบุคลิก ด้วยบริการตัดแต่งทรงผมในบรรยากาศที่ผสมผสานกลิ่นหนัง เครื่องเสียงวินเทจ และบริการระดับพรีเมียม เพื่อเสริมภาพลักษณ์อย่างมีสไตล์ พร้อมเครื่องดื่มชั้นดีให้บริการในพื้นที่ที่ออกแบบให้รู้สึกผ่อนคลายเสมือนอยู่บ้านเพื่อนเก่า

ผู้สนใจพบกับสินค้าไฮไลต์ต่างๆได้ที่งาน “สหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส ครั้งที่ 29” Big Shop Big Show ระหว่างวันที่ 26–29 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 - 21.00 น. ณ ฮอลล์ 98–100 ไบเทค บางนา

สศท.เปิดเวทีประชันไอเดียสร้างสรรค์งานออกแบบเครื่องแต่งกาย นำอัตลักษณ์ภูมิปัญญาสู่วงการแฟชั่นไทย 

สศท.เชิญชวนนักออกแบบผู้ที่สนใจ และกลุ่มนิสิต/นักศึกษา ร่วมประชันเวทีปลดปล่อยไอเดียสร้างสรรค์ผลงาน ในโครงการเยาวชนสร้างสรรค์ต่อยอดแฟชั่นหัตถศิลป์ไทย sacit Youth Crafts Camp (sacit Soft Power : A Crafted and Creative Experience)” ภายใต้แนวคิดการออกแบบ: sacit The Future of Crafts มุ่งขับเคลื่อนผ้าไทยสู่ Soft Power ด้านแฟชั่น เชื่อมโยงงานศิลปหัตถกรรมผ้าทอจากมรดกทางภูมิปัญญาของไทยจากกลุ่มครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ให้เป็นที่รู้จัก และก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นไทย 

นางพรรณวิลาส แพพ่วง รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย หรือ สศท. เปิดเผยว่า เมื่อเทรนด์แฟชั่นจากทั่วทุกมุมโลกกำลังให้ความสนใจด้านสิ่งแวดล้อม จึงเป็นโอกาสที่ดีของ สศท. ในการเผยแพร่ทุนทางวัฒนธรรมที่มีความสัมพันธ์กับการอนุรักษณ์ภูมิปัญญาภายใต้การผลักดันด้านความยั่งยืนด้านหัตถกรรมไทยประเภทต่างๆ ซึ่งผ้าทอเป็น1 ใน 9 เครื่องในประเภทงานศิลปหัตถกรรมของ  สศท. กล่าวคืองานประเภทเครื่องทอ ซึ่งในภูมิประเทศไทยมีศักยภาพด้านความสมบูรณ์ในพื้นที่สูงมาก ทั้งในเรื่องการหยิบใช้วัสดุพื้นถิ่นเข้ามาเป็นส่วนผสมของผ้าทอ อาทิ การทำสีย้อมจากวัสดุธรรมชาติ การผลิตเส้นด้ายตุ่นจากต้นฝ้ายพื้นเมือง การใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมในการรักษาสภาพเส้นด้ายให้คงทนจากการหมักผ้าด้วยโคลน และการคิดค้นเทคนิคการทอผ้าจากการใช้รากความคิดในสังคม-วัฒนธรรมของตนเอง

สำหรับสิ่งเหล่านี้ เป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้ผ้าทอที่มีลักษณะเฉพาะของกลุ่มครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรมสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นได้ ปัจจุบันกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการสร้างความยั่งยืนให้แก่โลกในทุกมิติ ทอผ้าจากธรรมชาติในประเทศไทยมีการคิดค้นเทคนิคเฉพาะในแต่ละขั้นตอนก่อนจะทอออกมาเป็นผืนผ้าที่งดงามแสดงถึงความปราณีต ใส่ใจ ในทุกขั้นตอน  หาก สศท. จะผลักดันผ้าทอของครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรมเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นจากผ้าไทยให้ไปสู่เวทีระดับโลก รวมถึงการแสวงหาโอกาสในการแสดงศักยภาพสู่ระดับนานาชาติได้นั้น จุดสำคัญต้องมาจากแนวคิดการสร้างสรรค์ผลงาน ที่ต้องมีการเปิดรับแนวคิด ไอเดียผ่านมุมมองของนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่เป็นบทบาทสำคัญในการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผ้าทอไทยที่สามารถสร้างสรรค์ไปสู่วงการแฟชั่น 

ทั้งนี้จึงเกิดเป็นแนวคิดในโครงการ sacit Youth Crafts Camp (sacit Soft Power : A Crafted and Creative Experience) ที่มุ่งสนับสนุนให้นักออกแบบรุ่นใหม่ นิสิต/นักศึกษา ได้เข้ามาพัฒนาผลงานเครื่องแต่งกายจากการนำผ้าไทยของสมาชิก สศท. ประเภทเครื่องทอ มาเป็นวัสดุหลักในการออกแบบเครื่องแต่งกายแฟชั่น การพัฒนาคิดค้นเทคนิคผิวผ้าและพื้นผิว (Surfaces & Texture)  หรือรูปแบบเครื่องแต่งกายที่ทันสมัย ในแนวคิด “The Future of Crafts” เพื่อให้แฟชั่นที่มีจุดกำเนิดจากผ้าไทยสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย และทุกเจเนอเรชั่น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ สศท.ให้ความสำคัญผ่านการจัดกิจกรรมเวทีประกวดประชันไอเดีย การออกแบบเครื่องแต่งกายแฟชั่น เพื่อปั้นนักออกแบบหน้าใหม่ให้กับวงการแฟชั่นไทย อีกทั้งการร่วมสืบสาน สร้างสรรค์งานผ้าไทยจากสมาชิก สศท. ประเภทเครื่องทอ ให้เป็นเทรนด์แฟชั่นร่วมสมัยในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไปได้ 

โดยขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ sacit Youth Crafts Camp (SACIT Soft Power : A Crafted and Creative Experience) ภายใต้แนวคิด: sacit The Future of Crafts โดยเปิดรับสมัครแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ประเภทบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปที่มีความสามารถในการออกแบบและตัดเย็บ หรือควบคุมการตัดเย็บให้เป็นไปตาม sketch ได้อย่างเหมาะสม สวยงาม และสามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน  และประเภท นิสิต/นักศึกษา ซึ่งเป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาในระดับปริญญาตรี หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือเทียบเท่า นอกจากนี้ยังเปิดรับสมัคร กลุ่มสมาชิก สศท. ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ประเภทเครื่องทอเข้าร่วมโครงการเพื่อสนับสนุนผ้าทอ และถ่ายทอดทักษะความเชี่ยวชาญ องค์ความรู้ภูมิปัญญารวมถึงการผลิตผ้าผืน ประเภทผ้าทอแก่นักออกแบบที่เข้าร่วมการประกวดในโครงการ

โดยผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัคร และรายละเอียดได้ที่ https://www.sacit.or.th/th/detail/2024-06-15-20-24-09?event-project=1  โดยส่งใบสมัครและแบบร่างผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2567 สอบถามเพิ่มเติมโทร. 093-619-9463 โดยให้นำเสนอรูปแบบ กระบวนการออกแบบ และตัดเย็บชุดผ้าไทยที่แสดงให้เห็นถึงการต่อยอดคุณค่าผ้าไทย มุ่งเน้นให้สวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ตรงกับความต้องการของทุก Generation ด้วยการผสมผสานองค์ความรู้ และภูมิปัญญาผ้าทอให้สอดรับกับทักษะการออกแบบเครื่องแต่งกายแฟชั่นได้อย่างยั่งยืน  

นอกจากนี้คณะกรรมการจะคัดเลือกผลงานจากแบบร่าง ประเภทละ 15 ผลงาน รวม 30 ผลงาน พร้อมทั้งสนับสนุนเงินทุน เพื่อตัดเย็บชุดจริงให้นางแบบได้นำเสนอบนรันเวย์ในการประกวดรอบชิงชนะเลิศเพื่อชิงเงินรางวัล มูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ซึ่งจะจัดขึ้นใน วันที่ 25 สิงหาคม 2567 ภายในงาน Craft Bangkok 2024 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค