พบโดรน 50 ลำ-เคลื่อนไหวเพิ่มกำลัง "กองทัพภาคที่ 2" สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมแจงเหตุทหารก่อเหตุยิงประชาชนก่อนอัตวินิบาตกรรม

"ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พบโดรน 50 ลำ-เคลื่อนไหวเพิ่มกำลัง พร้อมเหตุทหารก่อเหตุยิงประชาชนก่อนอัตวินิบาตกรรม"

เมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 เพจ กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความระบุว่า

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

ประจำวันที่ 15 สิงหาคม 2568 (ณ เวลา 14.00 น.)

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอแถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ประจำวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 14.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้

สถานการณ์โดยรวม ตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ(โดรน) ของฝ่ายตรงข้าม ในพื้นที่ชายแดน 37 ลำ พื้นที่ตอนใน 13 ลำ และตรวจพบการอพยพของประชาชนกัมพูชาพื้นที่ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร อีกทั้งยังตรวจพบแสงอินฟาเรด 10 จุด กำลังเคลื่อนที่จากหลังเขาพนมประสิทธิโส ขึ้นไปบนเขาห่างจากจุดตรวจ ประมาณ 1-2 กม. คาดว่ามีการเพิ่มกำลัง ฝ่ายเรายังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในเขตอธิปไตยของไทย มีการเตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยยึดมั่นตามข้อตกลงของการประชุม GBC ที่ผ่านมา

กรณีเหตุการณ์ที่มีกำลังพลปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ประชาชนในพื้นที่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 68 เวลา 00.45 น. ส่งผลให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว กำลังพล ร้อย.ร.1623 ได้ยินเสียงปืนดังต่อเนื่องประมาณ 10 นัด บริเวณถนนข้างวัด บ.เขื่อนแก้ว อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ต่อมา หน่วยได้ดำเนินการตรวจสอบยอดกำลังพล และพบว่า พลฯ รัฐภูมิ เทพศิริ สังกัด ร้อย.ร.1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่งออกไป

ทั้งนี้ หน่วยในพื้นที่ได้ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นมีข้อมูลสอดคล้องกันว่า พลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งเวลา 10.40 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบชายแต่งกายชุดทหาร นอนคว่ำหน้า ถอดหมวกเหล็ก โดยมีอาวุธปืนเล็กยาวเอ็ม 16 วางอยู่ข้างกาย บริเวณห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร การปฏิบัติเป็นไปอย่างรอบคอบ โดยใช้โดรนตรวจสอบทางอากาศ และจัดกำลังพลเข้าปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าว ภายหลังการตรวจสอบยืนยันว่าเป็น พลฯ รัฐภูมิ เทพศิริ ซึ่งได้ใช้อาวุธปืนประจำกายทำการอัตวินิบาตกรรมจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ในส่วนของสาเหตุ และแรงจูงใจ หน่วยจะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน และรายงานความคืบหน้าต่อไป

การดำเนินงานด้านจิตอาสา กำลังพลจิตอาสาพระราชทาน มทบ.25 ร่วมอำนวยความสะดวก ในพิธีบำเพ็ญกุศลศพ และพิธีพระราชทานเพลิงศพ ประชาชนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา ณ ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดประทุมเมฆ ต.ในเมือง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์

ศอ.จอส. พระราชทาน จ.สุรินทร์ โดย นอภ.สังขะ, ส่วนราชการ, ผู้นำชุมชม, ชุด ชป.กร.กกล.สุรนารีที่ 220, สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอสังขะที่ 8 และประชาชนจิตอาสา ลงพื้นที่ดำเนินการซ่อมแซมบ้านประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์ ณ บ้านเลขที่ 68 บ.ไทยสมบูรณ์ ม.2 ต.บ้านชบ อ.สังขะ จ.สุรินทร์

ศอ.จอส. พระราชทาน จ.บุรีรัมย์, รอง ผอ.รมน.จังหวัด บ.ร.(ท.), จิตอาสาพระราชทาน ร่วมกับทีมเยียวยาจิตใจ รพ.ละหานทราย, อสม.ประจำหมู่บ้าน เข้าเยี่ยมพบปะให้กำลังใจญาติ ของ ร.ต. ธีรยุทธ กระจ่างทอง กำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ บ.หนองยาง ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ญาติผู้เสียชีวิตมีกำลังใจดีขึ้น คลายความโศกเศร้า

#สถานการณ์ชายแดน #กองทัพภาคที่2 #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ข่าวความมั่นคง #ชายแดนตึงเครียด #ข่าวด่วน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

ศรีสะเกษประกาศคุมเข้ม! ยังไม่อนุญาตให้กลับบ้าน เหตุสถานการณ์ชายแดนไม่สงบ

วันที่ 2 ส.ค.68 มีรายงาว่า  วิทยุสื่อสาร/โทรสาร ในราชการกรมการปกครอง จังหวัดศรีสะเกษ ได้ออกหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ศก ๐๐๑๘.๒/ว ๒๓๘ จาก ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ถึง นายอําเภอ ทุกอําเภอ ระบุข้อความว่า...

1. อ้างถึงหนังสือวิทยุจังหวัดศรีสะเกษ ด่วนที่สุด ที่ ศก 0018.2/ว 238 ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ 

2. เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัย จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพักอาศัย ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่ทางราชการจัดให้หรือสถานที่ต่างๆ ชะลอการเดินทางกลับภูมิลําเนาจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและขอให้อําเภอพิจารณาดําเนินการดังนี้

1) ประชาสัมพันธ์ขอให้ประชาชนงดกลับเข้าภูมิลําเนาพื้นที่ใกล้ชายแดนจนกว่า จะมีประกาศจากทางราชการ และขอให้ประชาชนติดตามรับฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ
2) มอบหมายให้กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกตรวจสอบพื้นที่ หากพบวัตถุระเบิดหรือสิ่งแปลกปลอมอื่นใด จากเหตุที่มีการสู้รบในพื้นที่ ขอให้ใช้ความระมัดระวัง และให้รีบรายงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตํารวจ และหน่วยทหารในพื้นที่ เข้าดําเนินการตรวจสอบ
และทําลาย

3) กรณีมีเสียงดังคล้ายระเบิดในพื้นที่อําเภอชายแดน อย่าได้ตื่นตกใจเนื่องจากเป็นการเก็บกู้ และทําลายระเบิดที่ตกค้างในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ ขอให้อําเภอ ยึดหลักปฏิบัติ “พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” ในระดับสูงสุด จึงเรียนมาเพื่อทราบ

(นายสุริยา บุตรจินดา) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
“ศรีสะเกษ : ปลอดภัย สัมฤทธิผล ยั่งยืน”

ศบ.ทก.อัปเดตชายแดนไทยกัมพูชาตลอดคืนไร้เหตุปะทะรุนแรง เฝ้าระวังต่อเนื่อง 7 จังหวัดแนวชายแดน

ศบ.ทก.อัปเดตชายแดนไทยกัมพูชาตลอดคืนไร้เหตุปะทะรุนแรง เฝ้าระวังต่อเนื่อง 7 จังหวัดแนวชายแดน

วันนี้ (31 กรกฎาคม 2568) เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่าตั้งแต่ช่วงดึกของเมื่อคืนที่ผ่านมา วันพุธ 30 กรกฎาคม 68 ตั้งแต่ 21.00 น .จนถึงช่วงเช้า เวลา 07.00 น.วันนี้ยังไม่มีรายงานเหตุการณ์รุนแรงใดๆที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทยในทุกพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายทหาร พลเรือน ฝ่ายปกครอง และหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันเหตุ อย่างต่อเนื่อง

#ไทยกับกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ศบทก #สถานการณ์ชายแดน #ข่าวความมั่นคง #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้ #เจรจาชายแดน #ไทยกัมพูชาล่าสุด

   

 ผบช.ภ.2 ตรวจความพร้อม "ภ.จว.ตราด" ขับเคลื่อนแผน "พิทักษ์ส่วนหลัง" พร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดน

เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2568 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เดินทางไปยังตำรวจภูธรจังหวัดตราด ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 จังหวัดพื้นที่รับผิดชอบที่มีติดต่อกับประเทศกัมพูชา เพื่อประชุมกำชับการปฏิบัติตามแผน "พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง" และการอพยพประชาชน พร้อมเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนส่วนหน้าอย่างทันท่วงทีเมื่อมีคำสั่ง

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบความพร้อมของกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ การสื่อสาร และแผนปฏิบัติการต่างๆ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งต้องสามารถสนับสนุนภารกิจส่วนหน้าได้ทุกเมื่อ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนอพยพประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาลและการขนส่งทางการแพทย์

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ยิ่งยศยังได้กำชับให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและระวังภัยในพื้นที่ชายแดน โดยให้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการสืบสวนหาข่าว และตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อป้องกันและบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเฝ้าระวังอาชญากรที่อาจฉวยโอกาสในช่วงสถานการณ์เช่นนี้

"การตั้งจุดตรวจและจุดสกัดต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยไม่ทำให้เกิดความตื่นตระหนก พร้อมดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยมั่นใจว่าตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมสนับสนุนและทำหน้าที่พิทักษ์ส่วนหลังอย่างเต็มความสามารถ" พล.ต.ท.ยิ่งยศกล่าว

ทั้งนี้ ผบช.ภ.2 ยังได้ขอให้ตำรวจลงพื้นที่ชี้แจงและประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน พร้อมต้านข่าวลวงที่อาจสร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชน

เงินบาทปิด 32.26 อ่อนค่าลงหลังข่าวชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะตึงเครียด

เงินบาทปิด 32.26 อ่อนค่าลงหลังข่าวชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะตึงเครียด

วันที่ 23 ก.ค.68 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดที่ระดับ 32.26 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.11/13 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.11 - 32.29 บาท/ดอลลาร์ เย็นนี้เงินบาทอ่อนค่า เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลกและภูมิภาค โดยเมื่อช่วงเช้าเงินบาทค่อนข้างแข็งค่า แต่หลังจากรับรู้ข่าวสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรไทยประมาณ 3,500 ล้านบาท สะท้อนว่ายังคงมีกระแสเงินทุนไหลเข้า

"ในช่วงเช้า เงินบาทได้ลงไปทำสถิติที่ระดับ 32.11 บาท/ดอลลาร์ ถือเป็นระดับที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 3 ปีกว่า ก่อนที่จะรับข่าวไทย-กัมพูชาในช่วงบ่าย และอ่อนค่าลง" นักบริหารเงิน กล่าว

สำหรับปัจจัยที่ตลาดจับตาคืนนี้ คือจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ของสหรัฐฯ และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.10 - 32.35 บาท/ดอลลาร์ พร้อมมองว่า ถ้าสถานการณ์ไทย-กัมพูชารุนแรงขึ้น มีแนวโน้มที่เงินบาทจะอ่อนค่าไปอีก แต่ต้องดูปัจจัยภายนอกประกอบไปด้วย เช่น ดีลการค้ากับสหรัฐฯ และราคาทองในตลาดโลก 

#เงินบาท #เศรษฐกิจไทย #ตลาดการเงิน #สถานการณ์ชายแดน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ค่าเงิน #เศรษฐกิจโลก 

 

ผบ.ทบ. ติดตามสถานการณ์ชายแดน จ.น่าน ย้ำใช้ศักยภาพกำลังพลและสิ่งอุปกรณ์ที่ได้รับอย่างเต็มที่

ผบ.ทบ. ติดตามสถานการณ์ชายแดน จ.น่าน ย้ำใช้ศักยภาพกำลังพลและสิ่งอุปกรณ์ที่ได้รับอย่างเต็มที่ พร้อมตรวจเยี่ยม รพ.ค่ายสุริยพงษ์ พัฒนางานสายแพทย์เพื่อกำลังพลและประชาชน

วันนี้ (๑๓ มิ.ย.๖๗) พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก นำคณะผู้บังคับบัญชาและเจ้ากรมฝ่ายเสนาธิการตรวจเยี่ยมกองกำลังผาเมืองในพื้นที่ จ.น่าน และ จ.พะเยา โดยมีกำหนดการ ๒ วัน คือ ๑๓ - ๑๔ มิ.ย.๖๗ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางมาพบปะเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบนโยบายให้กับทางหน่วยไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๕ - ๑๖ มี.ค.๖๗ ที่ผ่านมา โดยในวันแรกคณะได้เข้าเยี่ยมชมอนุสาวรีย์วีรกรรม พลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) ทุ่งช้าง อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นเพื่อสดุดีวีรกรรมของวีรชนในอดีต ที่ได้สละชีวิตร่วมกันต่อสู้เพื่อปกป้องราชอาณาจักรไทยจากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ก่อนเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์ทหารกลางแจ้ง อนุสรณ์สถาน ๑๗ ทหารกล้า ณ ฐานปฏิบัติการ ๑๗ ทหารกล้า (ฐานปฏิบัติการบ้านห้วยโก๋นเก่า) อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ซึ่งในอดีตทหารไทยทั้ง ๑๗ นาย ได้ต่อสู้เพื่อรักษาฐานแห่งนี้ไว้ได้ และปัจจุบันกองทัพบกได้ร่วมกับ จ.น่าน ปรับปรุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้บทเรียนจากการรบในอดีต “ยุทธภูมิบ้านห้วยโก๋น” ให้กับกำลังพล ครอบครัว ประชาชนและเยาวชนทั่วไป

จากนั้นคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมติดตามการปฏิบัติงานของกองกำลังผาเมืองและหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ ๓๒ ณ กองบังคับการกองร้อยทหารพรานที่ ๓๒๐๒ ฐานปฏิบัติการบ้านห้วยโก๋น ซึ่งดูแลรับผิดชอบระหว่างชายแดนไทยกับ สปป.ลาว และเมียนมา โดยผู้บัญชาการทหารบกได้รับฟังการบรรยายสรุปของหน่วยในการปฏิบัติตามพันธกิจ ๕ ประการของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ได้แก่ การเฝ้าตรวจและป้องกันชายแดน, การเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน, การแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน, การประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และการปฏิบัติในพื้นที่ระวังป้องกัน รวมทั้งภารกิจอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งกองกำลังผาเมืองยังคงติดตามประเมินสถานการณ์ชายแดนทั้ง ๒ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดทางหน่วยได้จัดตั้งกองบังคับการควบคุมกองกำลังผาเมืองด้านลาว เพื่อดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งในและระหว่างพื้นที่ชายแดน ขณะเดียวกันหน่วยได้รายงานผลการแจกจ่ายสิ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกได้ให้การสนับสนุนให้กับหน่วยปฏิบัติ อาทิ โดรนตรวจการณ์, เครื่องค้นหาด้วยดาวเทียม, กล้อง Action Camera บนหมวก และกล้องตรวจจับความเคลื่อนไหว พร้อมรายงานผลการสกัดกั้นจับกุมสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ โดยเฉพาะยาเสพติดได้รวมกว่า ๓๐๐ ครั้ง ยึดของกลางเป็นยาบ้า ๑๔๗.๒ ล้านเม็ด เฮโรอีน ๒๕๖.๖ กก. ไอซ์ ๑,๒๔๘.๓ กก. ฝิ่น ๑๗๙.๕ กก. และคีตามีน ๒๙.๒ กก. ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน (๒๕๖๖) สามารถจับกุมยาบ้าได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า ๓ เท่า คือจาก ๔๒ ล้านเม็ด เป็น ๑๔๗.๒ ล้านเม็ด และยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีรายงานกำลังพลได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โอกาสนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบโอวาทให้กับกำลังพลกองกำลังผาเมือง “ขอให้ใช้ศักยภาพในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบตามแนวชายแดนอย่างเต็มที่ พร้อมประสานร่วมกับส่วนราชการ ฝ่ายปกครองและประชาชนในพื้นที่ชายแดนอยู่สม่ำเสมอ โดยต้องไม่มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ในพื้นที่อย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันขอให้ใช้สิ่งอุปกรณ์ที่ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสภาพภารกิจอย่างเต็มขีดความสามารถ ภายใต้คู่มือการปฏิบัติงานฯ ที่หน่วยได้พัฒนาปรับปรุงขึ้นใหม่ เพื่อให้กำลังพลทุกนายสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างถูกต้องตามหลักกฎหมาย และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน” 

จากนั้นคณะได้เดินทางไปยังจุดตรวจร่วม บ.แหน อ.ท่าวังผา จ.น่าน เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากมณฑลทหารบกที่ ๓๘ ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบในพื้นที่ จ.น่าน พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติงาน ก่อนเดินทางไปยังโรงพยาบาลค่ายสุริยพงษ์ เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกที่ได้นำศักยภาพของทหารเหล่าแพทย์ในการดูแลรักษากำลังพล ครอบครัวและประชาชนในพื้นที่ จ.น่าน ร่วมกับผู้ว่าราชการ จ.น่าน และคณะมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยได้เยี่ยมชมภายในอาคารผู้ป่วยนอก (หลังใหม่) ที่ได้รับความอนุเคราะห์จากทางมูลนิธิรักษ์ป่าน่านฯ ในการก่อสร้างอาคาร เพื่อรองรับผู้รับบริการที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกได้ตรวจสถานที่ สิ่งอุปกรณ์ และพบปะเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์รวมทั้งผู้ป่วย พร้อมรับฟังและสอบถามปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ เพื่อพิจารณาแนวทางในการพัฒนางานสายแพทย์ของกองทัพบกอย่างเหมาะสม ก่อนที่จะร่วมปลูกต้นสัก (จากป่าสักนวมินทราชินี) เพื่อเป็นที่ระลึกให้กับทางหน่วยต่อไป  

​​​​​​​ ​​​​​​​