ซีพี-เมจิ ฉลองวันดื่มนมโลก เสิร์ฟนวัตกรรมผลิตภัณฑ์นมคุณภาพเยี่ยม สร้างสุขภาพแข็งแรงให้คนไทย

บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมพาสเจอไรซ์ อันดับ 1 ของประเทศไทย ชวนคนไทยดื่มนมเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ฉลองวันดื่มนมโลก(World Milk Day) โดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (The Food and Agriculture Organization หรือ FAO) กำหนดให้ตรงกับวันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี พร้อมเดินหน้าผลักดันสินค้านวัตกรรมที่มีความหลากหลาย คู่ขนานไปกับการเติบโตของตลาด ตอกย้ำเจตนารมณ์ขององค์กรในการ “เพิ่มคุณค่าชีวิต” ให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด จากผลิตภัณฑ์นมที่สด สะอาด และมีคุณภาพยอดเยี่ยม

นายอภิสิทธิ์ ธีรภาพรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมนมในประเทศไทยปีนี้มีทิศทางการเติบโตที่สดใส จากความใส่ใจ และการให้ความสำคัญต่อสุขภาพของผู้บริโภคที่เป็นไปในทิศทางบวก และตัวเลือกของผลิตภัณฑ์ในตลาดที่มีความหลากหลายมากขึ้น สอดคล้องกับงานวิจัยที่จัดทำโดยบริษัท Innova Market Insights ที่ระบุว่า ปัจจุบันผู้บริโภค 58% ทั่วโลกมองปัจจัยด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นหลักในการตัดสินใจเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะความสำคัญกับสุขภาพและโภชนาการเฉพาะบุคคล ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

“สุขภาพ และโภชนาการ คือความสำคัญอันดับแรก ที่ผู้บริโภคมองหาจากการเลือกซื้อสินค้า และในวันดื่มนมโลกปีนี้ ซีพี-เมจิ ในฐานะผู้ผลิตนมสดพาสเจอไรซ์ และโยเกิร์ตเมจิ ยังคงมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะยกระดับตลาดนมสดพาสเจอไรซ์ และขับเคลื่อนการบริโภคของคนไทยไปสู่สังคมแห่งสุขภาพดี ตามเป้าหมายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สนับสนุนให้คนไทยดื่มนมเพิ่มขึ้นมากกว่า 25 ลิตรต่อคนต่อปี ภายใน ปี 2570 โดยเฉพาะนมโคแท้ 100%”

กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ของซีพี-เมจิ ออกแบบบนแนวคิด นวัตกรรมเป็นแรงบันดาลใจ หรือ Inspiring Innovation โดยถูกคิดค้นให้มีความสมดุลระหว่าง ‘คุณประโยชน์ต่อสุขภาพ’ และ ‘รสชาติที่อร่อยและเข้าถึงง่าย’ เพื่อตอบโจทย์การบริโภคในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ซีพี-เมจิ ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและติดตามแนวโน้มตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ซีพี-เมจิ สามารถพิสูจน์ความเป็นผู้นำ ด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์นมสดพาสเจอไรซ์ และโยเกิร์ต จากรางวัลดีเด่นในหลายเวทีทั้งในและต่างประเทศ อาทิ รางวัล Most Admired Brand จากนิตยสารแบรนด์เอจ และรางวัล NIQ Breakthrough Innovation Award จาก Nielsen บริษัทวิจัยข้อมูลระดับโลกที่มีข้อมูลด้านสื่อ

“ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่มีสีสันของอุตสาหกรรมนมในบ้านเรา ผู้บริโภคจะได้เห็นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์นม   บนพื้นฐานของการนำนวัตกรรมมาขับเคลื่อนการคิด และผลิตสินค้า ซึ่ง ซีพี-เมจิ ได้ทุ่มเทวิจัย และพัฒนาสินค้า ให้สอดรับกับเทรนด์การดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น ทุกขั้นตอนการทำงานของ ซีพี-เมจิ จะขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรม และขับเคลื่อนความสุข รวมถึงประโยชน์ต่อผู้บริโภค เป็นการเพิ่มคุณค่าชีวิตให้กับผู้บริโภคตามเจตนารมณ์ที่เรายึดมั่นตลอดการดำเนินธุรกิจกว่า 3 ทศวรรษ” นายอภิสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ กล่าวสรุป

"ซีพี-เมจิ" กวาดรางวัลสุดยอดแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ผู้บริโภค ตอกย้ำเจตนารมณ์ “เพิ่มคุณค่าชีวิต”

ซีพี-เมจิ ผู้ผลิตนมสดพาสเจอไรซ์ และโยเกิร์ต คว้ารางวัล   แบรนด์ และ ผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมจาก 4 เวทีต่อเนื่อง เดินหน้าพัฒนาสินค้า ชูนวัตกรรมควบคู่คุณภาพเยี่ยม ส่งประโยชน์ที่ดีที่สุดจากผลิตภัณฑ์นมสู่มือผู้บริโภค สานต่อเจตนารมณ์องค์กรแห่งการ “เพิ่มคุณค่าชีวิต”

นางสาวอินทิรา มีสมานยนต์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด เผยความสำเร็จครึ่งปีแรกของบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ซึ่งทั้งสินค้า และแบรนด์สามารถคว้ารางวัลยอดเยี่ยมจากเวทีต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นบทพิสูจน์การทำธุรกิจบนแนวคิดในการให้ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และขับเคลื่อนตลาดด้วยนวัตกรรมและการวิจัย เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่รสชาติดี มีคุณภาพ มีเอกลักษณ์เฉพาะ ตามแบบฉบับของซีพี-เมจิ เพื่อมุ่งเน้นประโยชน์ ทางเลือกอย่างหลากหลาย และโภชนาการสูงสุดให้กับผู้บริโภค

โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ผลิตภัณฑ์ Meiji High Protein ซึ่งเป็นนมพาสเจอไรซ์โปรตีนสูง ไม่เติมน้ำตาลทราย ปริมาณไขมันต่ำ สามารถคว้ารางวัล NIQ Breakthrough Innovation Award 2024 ในประเทศไทย ในกลุ่มนมพาสเจอไรซ์จาก Nielsen บริษัทวิจัยข้อมูลระดับโลกที่มีข้อมูลด้านสื่อ และยอดขายของสินค้าชั้นนำทั่วโลก

ตามมาด้วยรางวัลเดียวกันที่ฮ่องกง ในเดือนมกราคม 2568 กับรางวัล NIQ BASES Breakthrough Innovation Awards 2024 จากผลิตภัณฑ์นมพาสเจอไรซ์  CP-Meiji Lactose Free ขนาด 946 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกจากประเทศไทยไปยังหลากหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยครองใจผู้บริโภคชาวฮ่องกงจากการเป็นสินค้านวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และมีรสชาติดี  การันตีจากยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

และในเดือนมีนาคม 2568 ซีพี-เมจิ สามารถคว้ารางวัล Most Admired Brand จากสินค้ากลุ่มโยเกิร์ต และรางวัลพิเศษ Innovation Brand Award จากโครงการสำรวจความน่าเชื่อถือด้านแบรนด์ของประเทศไทย ที่จัดขึ้นโดยนิตยสาร BrandAge ที่ร่วมมือกับอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในมหาวิทยาลัยชั้นนำจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ล่าสุด ซีพี-เมจิ ได้รับการโหวตให้เป็น Thailand Brand Super Fans 2024 ในหมวดแบรนด์ผลิตภัณฑ์นม จาก บริษัทที่ปรึกษา Baramizi โดยได้รับคะแนนการโหวตสูงถึง 46.39% ในเดือนพฤษภาคม 2568 โดย Baramizi ระบุว่า ซีพี-เมจิ เป็นแบรนด์ที่ทำผลงานได้ดีในการสร้างฐาน Superfans และการสร้างความคุ้นเคย และการบอกต่อที่เกี่ยวกับแบรนด์

“กว่า 35 ปีของ ซีพี-เมจิ โจทย์หลักของเราคือ การทำความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง และคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง และความหลากหลายในการบริโภค ขณะเดียวกัน การที่เราเป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมานาน เราเองก็ต้องพยายามสร้างความผูกพันกับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ในทุกมิติ ตั้งแต่การคิดสินค้า ไปจนถึงการทำการตลาด เราพบว่า การเป็นแบรนด์ที่ขับเคลื่อนโดยมีนวัตกรรมเป็นพื้นฐาน ทำให้ตลาดเติบโต และส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ ท้ายที่สุดคนที่ได้ประโยชน์คือผู้บริโภคที่มีทางเลือกในการมองหาสินค้าที่มีความหลากหลาย และตอบโจทย์ด้านโภชนาการและสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น”

นางสาวอินทิรา ระบุว่า ในปี 2568 นี้จะเป็นอีกปีที่ ซีพี-เมจิ เตรียมยกทัพผลิตภัณฑ์ที่มีความสดใส มีคุณประโยชน์ และจะทำให้ตลาดมีสีสันมากขึ้น

“ซีพี-เมจิ ยึดมั่นในเจตนารมณ์ขององค์กรแห่งการ เพิ่มคุณค่าชีวิต หน้าที่ของเราคือ ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย” นางสาวอินทิรา กล่าวสรุป

ซีพี-เมจิ จับมือหน่วยงาน จ.สระบุรี พัฒนาแหล่งน้ำชุมชน ดูแลชาวหนองแค 4 พันครัวเรือน

ซีพี-เมจิ จับมือหน่วยงาน จ.สระบุรี ต่อยอดพันธกิจ ดูแลแหล่งน้ำชุมชน-ประชาชน อ.หนองแค กว่า 4 พันครัวเรือน

บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผนึกกำลังหน่วยราชการจังหวัดสระบุรี เดินหน้าโครงการดูแลและพัฒนาแหล่งน้ำจืด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน จัดกิจกรรม “หนองนาก คลองดี วิถีรวมใจ” ขุดลอกคลองและกำจัดผักตบชวา ปรับภูมิทัศน์รอบคลองหนองนาก พร้อมสนับสนุนงบประมาณติดตั้งกังหันสร้างออกซิเจนให้แหล่งน้ำ จำนวน 4 เครื่อง โดยมี นายสันทัศน์ รันดาเว นายอำเภอหนองแค เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยข้าราชการ ประชาชน ตลอดจนเยาวชนในพื้นที่ และนายวิสิทธิ์ บุญเจือ ผู้อำนวยการ ซีพี-เมจิ เป็นผู้แทนบริษัทฯ นำพนักงานจิตอาสา เข้าร่วมกิจกรรม ณ พื้นที่คลองหนองนาก อ.หนองแค จ.สระบุรี

นายวิสิทธิ์ บุญเจือ ผู้อำนวยการ ซีพี-เมจิ กล่าวว่า กิจกรรม ‘หนองนาก คลองดี วิถีรวมใจ’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ ซีพี-เมจิ เติมน้ำ เติมชีวิต เป็นหนึ่งในโครงการด้านสังคมที่สำคัญของบริษัทฯ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน มุ่งพัฒนาและส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคและบริโภคให้แก่ประชาชนและชุมชนรอบโรงงาน ผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายภาครัฐและภาคประชาสังคมในจังหวัดสระบุรี

“ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้สร้างโรงผลิตน้ำดื่มเพื่อชุมชน ณ โรงเรียนหินกอง (พิบูลอนุสรณ์) โดยมีผู้รับประโยชน์จากโครงการทั้งสิ้น 3,300 ครัวเรือน เป็นโครงการนำร่องในการเข้ามาพัฒนาแหล่งน้ำสะอาดเพื่อประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม ส่วนปีนี้ เรายังเดินหน้าพัฒนาคลองหนองนาก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญ สำหรับการอุปโภคและการเกษตรกรรม โดยประเมินว่าจะมีครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 1,200 ครัวเรือน รอบโรงงานซีพี-เมจิ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี” นายวิสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่สำรวจคุณภาพน้ำของคลองหนองนาก ช่วงตั้งแต่คลองหนองครก จนถึงถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำใกล้เคียงกับ โรงงานของ ซีพี-เมจิ โดยจัดทำปีละ 4 ครั้ง พบว่า ค่าความเป็นกรด-ด่าง และค่าสารประกอบในคลอง จัดอยู่ในคุณภาพดี ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบในปัจจุบัน ได้แก่ การกระจายของวัชพืชที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้บดบังแสงที่จะส่องลงน้ำ รวมทั้งค่าออกซิเจนในน้ำอยู่ในปริมาณต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้น้ำเน่าเสีย อีกทั้งสัตว์น้ำที่เป็นสัตว์เศรษฐกิจของชุมชนลดน้อยลง

นายวิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ซีพี-เมจิ จึงสนับสนุนกิจกรรมขุดลอกคลอง และกำจัดผักตบชวา รวมทั้งติดตั้งกังหันเติมอากาศ 4 เครื่อง เพิ่มผิวสัมผัสอากาศให้น้ำ และชวนประชาชนจิตอาสาร่วมปรับภูมิทัศน์รอบลำคลอง เพื่อให้คลองหนองนากเป็นแหล่งทรัพยากรที่มีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตของคนในชุมชน ทั้งการทำการเกษตร การเป็นแหล่งอาหาร ได้แก่ การจับปลาน้ำจืด รวมทั้งการนำน้ำสะอาดมาใช้เพื่อการอุปโภคและบริโภคต่อไป

"ซีพี-เมจิ" คว้า 2 รางวัลจากเวที 2025 Thailand’s Most Admired Brand เป็นปีที่ 2

ซีพี-เมจิ คว้า 2 รางวัลจากเวที 2025 Thailand’s Most Admired Brand เป็นปีที่ 2 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ต

นายอภิสิทธิ์ ธีรภาพรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารฝ่ายการตลาด รับรางวัลแบรนด์ยอดเยี่ยม 2025 Thailand’s Most Admired Brand ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และรางวัลพิเศษ Innovation Brand Award จากโครงการสำรวจความน่าเชื่อถือด้านแบรนด์ของประเทศไทย ที่จัดขึ้นโดยนิตยสาร BrandAge

ซีพี-เมจิ ได้รับรางวัล The Most Admired Brand รักษาตำแหน่งอันดับ 1 ในหมวดโยเกิร์ตพร้อมทานในฐานะแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมากที่สุด พร้อมรับรางวัลพิเศษ Innovation Brand Award แบรนด์ที่มีนวัตกรรมหรือความคิดสร้างสรรค์นำเสนอออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ ซีพี-เมจิ ในฐานะผู้นำในผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ต ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 35 ปี โดยบริษัทมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้า เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีและตอบโจทย์ด้านโภชนาการที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้บริโภค พร้อมส่งเสริมห่วงโซ่ธุรกิจในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มนมให้เติบโต บนแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

“การสร้างนวัตกรรมของซีพี-เมจิ สะท้อนให้เห็นชัดเจนจากผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย ในทุกกลุ่มสินค้า ตั้งแต่นมสดพาสเจอร์ไรส์ จนถึงผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต ที่ได้รับความชื่นชมและชื่นชอบจากผู้บริโภค โดยในทุกการสร้างนวัตกรรมสินค้านั้น ซีพี-เมจิ จะต้องคิดค้นบนที่มาจากผู้บริโภคเป็นหลัก โดยผลิตภัณฑ์จะต้องช่วยแก้ปัญหา หรือเติมเต็มให้ผู้บริโภคมีสุขภาพหรือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ และต้องอยู่บนความสมดุลระหว่าง สุขภาพ และ ความอร่อย โดยเราจะต้องมีการศึกษาทำความเข้าใจลูกค้าและเทรนด์ตลาดตลอดเวลา เพื่อมองไปข้างหน้าด้วย เพราะนวัตกรรมสินค้าเหล่านี้จะขับเคลื่อนทำให้ตลาดเติบโต มีสีสัน และตอบรับกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ท้ายที่สุดก็จะส่งผลต่อภาพรวมของตลาด และเศรษฐกิจของประเทศที่จะเคลื่อนไปข้างหน้าได้” นายอภิสิทธิ์ ธีรภาพรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด กล่าว

สำหรับปีที่ผ่านมา ยอดขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตถ้วยหรือโยเกิร์ตพร้อมทานของ ซีพี-เมจิ เติบโตขึ้นกว่า 10% และโยเกิร์ตถ้วยของซีพี-เมจิเองก็เติบโตมากกว่าตลาด เพราะเรามีทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่และมีแคมเปญการตลาดที่ต่อเนื่อง ซึ่งผู้บริโภคให้การตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในแง่ความชื่นชอบและส่งผลถึงภาพรวมยอดขาย ซึ่งในฐานะเจ้าของแบรนด์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กุญแจสำคัญของการเจาะใจผู้บริโภค คือการเรียนรู้ และต้องเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง และสร้างนวัตกรรม ให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ตามวิสัยทัศน์ขององค์กร คือ นวัตกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจ หรือ Inspiration Innovation

“ทั้งสองรางวัลที่เราได้รับในปีนี้ เป็นความภูมิใจของแบรนด์ ที่ได้พิสูจน์ว่าทุกการทำงานของเรายังคงยืนหยัดอยู่บนการพัฒนาสินค้า เพื่อผู้บริโภค และความท้าทายต่อไป คือเราจะทำอย่างไรให้สินค้าของเราเติบโตได้อย่างดีไปเรื่อยๆ ซึ่งเราจะยังคงยืนอยู่บน 2 แกนหลัก คือ ซีพี-เมจิ จะมุ่งเน้นสินค้าเพื่อสุขภาพ และค้นหาความต้องการของลูกค้าให้เจอ ซีพี-เมจิ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของซีพี-เมจิ เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรซ์ โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวต่างๆ จนทำให้เราได้รางวัลนี้มาอย่างต่อเนื่อง และเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้เราอยากมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ต่อไป” นายอภิสิทธิ์ ธีรภาพรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด กล่าวสรุป

การมอบรางวัล Thailand’s Most Admired Brand โดยนิตยสาร BrandAge จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2000 เพื่อสำรวจความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้บริโภคในแต่ละอุตสาหกรรม โดยเป็นการสำรวจแบรนด์ใน 11 หัวข้อ จัดทำโดยทีมงานของนิตยสาร BrandAge และความร่วมมือกับอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในมหาวิทยาลัยชั้นนำจากทั่วทุกภูมิภาค

สำหรับรางวัล 2025 Thailand’s Most Admired Brand สาขาแบรนด์ยอดเยี่ยมในกลุ่มสินค้าโยเกิร์ตพร้อมทานที่น่าเชื่อถือที่สุด และรางวัล Innovation Brand Award  จัดสำรวจประชาชนทั้ง 5 ภูมิภาคจำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,500 คน ในกลุ่มที่มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนประมาณ 50,000 บาท โดยมีพิธีมอบรางวัลดังกล่าว ในวันที่ 25 มีนาคม 2568 โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ

 

จ.สระบุรี ร่วมซีพี-เมจิ จัดงานวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษฯ รุกแก้ฝุ่นควัน ส่งเสริมเยาวชนใส่ใจสิ่งแวดล้อม

วันที่ 25 ก.พ.68 จังหวัดสระบุรี และ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด จัดกิจกรรมเนื่องในวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า ภายใต้โครงการ "ซีพี-เมจิ รักษ์ป่า รักษ์น้ำ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 มอบอุปกรณ์ป้องกันและดับไฟป่ากว่า 3.6 แสนบาทเพื่อใช้ในการป้องกันและดับไฟป่าใน จ.สระบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมี นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายปรพล อดิเรกสาร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนางสาวชาลินี พูนลาภมงคล รองผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และความยั่งยืน ซีพี-เมจิ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐ ครูอาจารย์ นักเรียน และประชาชนกว่า 800 คน ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น

นายบัญชา เชาวรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสระบุรีมีการเตรียมการด้านการป้องกัน และพร้อมตั้งรับปัญหาฝุ่นควัน ตลอดจนมลพิษที่เกิดจากไฟป่า ซึ่งเป็นการทำงานที่บูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน กิจกรรมที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นตัวอย่างของการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนของภาคธุรกิจ ที่ร่วมดำเนินโครงการนี้อย่างเป็นรูปธรรมมาตลอดหลายปี ไม่เพียงการสร้างการรับรู้ความเข้าใจต่อชุมชนและประชาชน แต่รวมไปถึงการสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็น สำหรับบรรเทาภัยจากไฟป่k

ด้าน นางสาวชาลินี พูนลาภมงคล รองผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และความยั่งยืน ซีพี-เมจิ กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาความยั่งยืนตามเจตนารมย์ขององค์กรในการ “เพิ่มคุณค่าชีวิต” โดยมีการวางกรอบความร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมทั้งจังหวัดสระบุรี ในการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และร่วมจัดกิจกรรมเนื่องในวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างการตระหนักรู้เรื่องของภัยพิบัติตามธรรมชาติให้แก่ชุมชนต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังและรักษาป่าต้นน้ำที่สำคัญในพื้นที่สระบุรี โดยในปีนี้ ซีพี-เมจิ ได้สนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์ดับไฟป่า สำหรับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในการทำงาน

สำหรับ กิจกรรมในครั้งนี้ ดำเนินการเพื่อสนับสนุนแนวทางการเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5/PM10) ปี 2567 – 2568 ของจังหวัดสระบุรี ทั้งนี้ยังมีกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญ ได้แก่ การปล่อยขบวนรถรณรงค์ เคาะบ้านประชาชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องลดการเผาและอันตรายในที่โล่ง ขณะเดียวกันยังกระตุ้นจิตสำนึกด้านการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในกลุ่มเยาวชน ผ่านการประกวดวาดภาพระบายสีในหัวข้อ “ไฟป่า” นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ เกี่ยวกับการป้องกันไฟป่า โดยสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 7 (สระบุรี) อีกด้วย

​​​​​​​ ​​​​​​​

บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ในกลุ่มซีพีเอฟ ริเริ่ม “โครงการ ซีพี-เมจิ รักษ์ป่า รักษ์น้ำ” ในปี พ.ศ 2564 โดยร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดสระบุรี รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง สนับสนุนการปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 52,000 ต้น บนพื้นที่รวม 260 ไร่ และมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็น 1,000 ไร่ ภายในปี พ.ศ.2573 เพื่อดูแล อนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มุ่งขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทยในปี พ.ศ.2593

ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”

วันที่ 22 ม.ค.68 นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดงาน สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย" และเยี่ยมชมบูธ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่นำเสนอแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่การลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero ) อาทิ การจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานชีวมวล พลังงานชีวภาพ พลังงานแสงอาทิตย์ นำเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม มาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อสุขภาพกายและใจ โดยให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า ภายใต้เป้าหมายสู่ Net- Zero ซีพีเอฟ ยังเป็นบริษัทผลิตอาหารแห่งแรกของโลกที่ได้รับการอนุมัติเป้าหมายระยะสั้น และระยะยาว ตามหลักวิทยาศาสตร์ จากองค์กร Science Based Targets Initiative (SBTi)

สำหรับความร่วมมือในโครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ซีพี-เมจิ บริษัทร่วมทุนของซีพีเอฟ ดำเนินโครงการแยกขวด-ลดขยะ สร้างมูลค่าจากวัสดุเหลือใช้ โดยสนับสนุนให้นักเรียน ครู และชุมชน เรียนรู้และเข้าใจกระบวนการจัดการขยะ ตั้งแต่การคัดแยก และส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ลดการปนเปื้อนและการกำจัดโดยการเผา สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายขยะ ปัจจุบันมีสมาชิกร่วมโครงการกว่า 5,000 ครัวเรือน มีเป้าหมายคัดแยกผลิตภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชิ้น และตั้งเป้าขยายโครงการธนาคารขยะ 10 แห่ง ภายในปี 2568 เป็นการสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศเมืองนวัตกรรม Net Zero Emission และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียวด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร และชุมชน ผลักดันสระบุรีเป็นเมืองต้นแบบแห่งแรกในไทยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

​​​​​​​

'ซีพี-เมจิ รีไซขุ่น ปี 2' นำเหล่าบาริสต้าปลูกต้นไม้ 1,000 ต้น หนุนเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย

จังหวัดสระบุรี และ ซีพี-เมจิ ต่อยอดความสำเร็จ โครงการ 'ซีพี-เมจิ รีไซขุ่น ปี 2' นำเหล่าบาริสต้า ปลูกต้นไม้สร้างพื้นที่สีเขียว พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้ด้านการจัดการขยะพลาสติกอย่างต่อเนื่อง หนุนเป้าหมายสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ เมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย

วันที่ 12 พ.ย.67 นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี และนางสาวชาลินี พูนลาภมงคล รองผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และความยั่งยืน บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ร่วมกิจกรรมกิจกรรม “ปลูกต้นกาแฟ ลดโลกร้อน” ณ สถานีวนวัฒนวิจัยพระฉาย เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับผืนป่าจังหวัดสระบุรี ภายใต้ โครงการ “ซีพี-เมจิ  รีไซขุ่น ปี 2 เปลี่ยนคุณขุ่น เป็นคุณต้นไม้” ตามนโยบายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของ ซีพี-เมจิ ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการร้านกาแฟมากกว่า 80 ร้านทั่วประเทศ ด้วยการเก็บรวบรวมแกลลอนนมเมจิ ซึ่งเป็นแกลลอนพลาสติกประเภทขุ่น หรือ HDPE เพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ถูกต้องทั้งสิ้น 50,000 แกลลอน โดยทุก 50 แกลลอน ซีพี-เมจิจะเปลี่ยนเป็นการปลูกต้นไม้ 1 ต้น

นางสาวชาลินี พูนลาภมงคล รองผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และความยั่งยืน ซีพี-เมจิ กล่าวว่า  ซีพี-เมจิ ขอขอบคุณสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระบุรี สำหรับกิจกรรม “ปลูกต้นกาแฟ ลดโลกร้อน” เป็นการปิดท้ายโครงการ ซีพี-เมจิ รีไซขุ่น ปี 2 อย่างสมบูรณ์ ซึ่งการแยกขวดพลาสติก และนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลจำนวน 50,000 แกลลอนในปีนี้ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้กว่า 7,200 กิโลกรัมคาร์บอน ขณะที่การปลูกต้นไม้ สามารถนำมาคำนวนเพื่อเก็บ ค่าการกักเก็บคาร์บอนได้ปีละ 21,772 กิโลกรัมคาร์บอน ทั้งนี้ผลสัมฤทธิ์ดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเป้าหมายการลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตาม โครงการสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ หรือสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ ตามนโยบายของส่วนราชการและจังหวัดสระบุรีต่อไป

"การคัดแยกขยะ เพื่อนำไปสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ถูกวิธี เป็นกิจกรรมที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ และจากความสำเร็จของโครงการตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ซีพี-เมจิ ยังคงมีความตั้งใจที่จะเดินหน้าโครงการนี้ในปีต่อๆ ไป ตามเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของเรา ด้านการเพิ่มคุณค่าชีวิตให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ” นางสาวชาลินี กล่าว

สำหรับ โครงการ “ซีพี-เมจิ รีไซขุ่น ปี 2 เปลี่ยนคุณขุ่น เป็นคุณต้นไม้” เริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม 2567 เพื่อสร้างการตระหนักรู้และความเข้าใจให้แก่สาธารณชนในเรื่องการจัดการขยะ ตั้งแต่คัดแยก ทิ้ง และส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ปีนี้สามารถเก็บขวดพลาสติกเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ตามเป้าหมาย 50,000 แกลลอน มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน บาริสต้าจากร้านกาแฟทั่วประเทศ รวมกว่า 500 คน รวมถึงนักเรียนและประชาชนทั่วไป

ซีพี-เมจิ คว้ารางวัล Thailand’s Best Managed Companies 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจนม ชูธงเรื่องธรรมาภิบาลและการเติบโตอย่างยั่งยืน

ซีพี-เมจิ คว้ารางวัล Thailand’s Best Managed Companies 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจนม ชูธงเรื่องธรรมาภิบาลและการเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด รับรางวัล Best Managed Companies ประจำปี 2024 จัดขึ้นโดยบริษัท ดีลอยท์ ประเทศไทย จำกัด เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นการเชิดชูเกียรติ บริษัทชั้นนำที่มีความเป็นเลิศ และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับธุรกิจ และสังคม

สำหรับรางวัล Best Managed Companies พิจารณาความเป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการขององค์กร โดยใช้กระบวนการประเมินผลที่น่าเชื่อถือ ทั้งหมด 4 ด้านเพื่อประเมินคุณภาพการจัดการของธุรกิจในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านกลยุทธ์ ความสามารถและนวัตกรรม วัฒนธรรมองค์กรและพันธสัญญา ตลอดจนการกำกับดูแลและการเงินขององค์กร โดยผู้นำองค์กรจะต้องสามารถนำกระบวนการดังกล่าวไปใช้ในการปรับกลยุทธ์และนำข้อมูลเชิงลึกมาใช้ในการบริหาร การปฏิบัติการ และวางแผนเพื่อเพิ่มการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

นาวสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในบริษัท ย่อมมาจากการจัดการที่ดี โดยมีพื้นฐานมาจากการมีธรรมาภิบาลเป็นกุญแจสำคัญในการทำงาน เป็นหน้าที่ของทุกบริษัทในการสร้าง และดำเนินธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน สำหรับซีพี-เมจิ การทำให้เกิดความยั่งยืน คือการดูแลผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่

“เราจะพูดกับเกษตรกรโคนมเสมอว่า เขาคือคนต้นน้ำ ที่เราต้องสนับสนุนและดูแล หากเขาอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้ ส่วนหน้าที่ของคนกลางน้ำ ซึ่งเป็นผู้ผลิต อย่างเราก็จะต้องพัฒนาตัวเอง สร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อผลิตสินค้าที่ดี และมีคุณภาพให้กับผู้บริโภค และวันนี้รางวัลที่เราได้ 3 ปีซ้อนเป็นกระจกที่สะท้อนกลับมาว่า ความสำเร็จจากการจัดการที่ดี คือสิ่งที่เราได้ทำ และจะทำต่อไปในอนาคต”

 

ทั้งนี้ รางวัล Best Managed Companies โดยบริษัทดีลอยท์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2536 ในประเทศแคนาดา และกลายเป็นรางวัลด้านธุรกิจที่สำคัญระดับโลกที่ยกย่องความเป็นเลิศขององค์กร ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ปัจจุบันโครงการนี้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องใน 46 ประเทศทั่วโลก และมีบริษัทที่เข้าร่วมการประเมินมากกว่า 1,300 แห่ง สำหรับประเทศไทย ในปี 2567 นี้ มีบริษัทที่ได้รับรางวัลทั้งหมด 19 บริษัท โดยการมอบรางวัลจัดขึ้นในวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ           

ม.แม่โจ้ MOU ซีพี-เมจิ ดันงานวิจัยหนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมภาคเหนือ เข้าถึงเทคโนโลยีทันสมัย

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการและงานวิจัยด้านโคนม เพื่อถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการผลิต รวมถึงการสร้างฟาร์มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมตัวอย่าง เดินหน้าพัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในภาคเหนือ คู่ขนานกับการสร้างนักวิชาการรุ่นใหม่ สร้างรายได้ที่มั่นคง นำไปสู่อาชีพเกษตรกรโคนมที่ยั่งยืน โดยมี รศ.จักรพงษ์  พิมพ์พิมล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และนางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ ซีพี-เมจิ ร่วมลงนาม พร้อมด้วย ผศ.ดร.ประภากร ธาราฉาย คณบดีคณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้

รศ.จักรพงษ์ พิมพ์พิมล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยฯ พร้อมสนับสนุนงานด้านวิชาการและเป็นกลไกหลักในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพและผลผลิตโคนม นอกจากนั้นยังจะเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงเกษตรกรให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านวิชาการ และการจัดการสิ่งแวดล้อมทางด้านเกษตรและปศุสัตว์ที่เหมาะสม ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่ดีของเกษตรกรในการเข้าร่วมการอบรมทฤษฎีใหม่ๆ ที่ทันสมัย โดยมหาวิทยาลัยฯ มีนักวิชาการและวิทยากรที่เชี่ยวชาญ การพัฒนาองค์ความรู้ในการจัดการฟาร์มและจัดการโคนม เพื่อให้ได้ผลผลิตของน้ำนมดิบที่มีคุณภาพ ตรงตามมาตรฐาน และมีปริมาณที่เพียงพอต่อการบริโภคทั้งไทยและทั่วภูมิภาค” รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าว

นางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ ซีพี-เมจิ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะยกระดับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมในประเทศไทย ให้มีมาตรฐานที่เป็นเลิศโดยมีความประสงค์ ที่จะสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบจากต้นน้ำ ให้ไปสู่กลางน้ำ จนเป็นผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพถึงมือผู้บริโภค ภายใต้เจตนารมณ์ขององค์กรในการเพิ่มคุณค่าชีวิต ซีพี-เมจิ ตระหนักดีว่า การเติบโตทางธุรกิจ จำเป็นต้องทำไปควบคู่ไปกับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ให้เติบโตไปพร้อมกับบริษัท ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ถือเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญบนห่วงโซ่การพัฒนาอุตสาหกรรมนม 

"ซีพี-เมจิ ได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีการเรียนการสอน งานวิจัย และผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นด้านวิชาการโคนม เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือในครั้งนี้  จะเป็นก้าวเริ่มต้นที่สำคัญอันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ในการยกระดับขีดความสามารถของเกษตรกรโคนมไทย สร้างฟาร์มตัวอย่าง ตลอดจนผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อมต่อไป" นางสาวสลิลรัตน์ กล่าว

ด้าน นายอาทิตย์ นุกูลกิจ รองผู้อำนวยการด้านการจัดการน้ำนมดิบ ซีพี-เมจิ กล่าวว่า ซีพี-เมจิ ที่เป็นหน่วยงานสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรโคนมทั่วประเทศ จากการลงพื้นที่ทำงานตลอดระยะเวลาหลายปี พบว่าเกษตรกรโคนมมีเป้าหมายในการพัฒนาตนเอง รวมถึงพื้นที่ฟาร์มและการเลี้ยงให้มีประสิทธิภาพ ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ บริษัทฯ มีความตั้งใจในการทำงานร่วมกับอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโคนมจากคณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คาดว่าจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสนับสนุนด้านองค์ความรู้และการจัดการฟาร์มให้ได้มาตรฐาน มีส่วนช่วยเกษตรกรให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของน้ำนมดิบต่อตัว โดยก้าวข้ามปัจจัยท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งอาหารหยาบที่ขาดแคลน ซึ่งส่งผลทางตรงต่อปริมาณและคุณภาพน้ำนมดิบ

สำหรับ การลงนามบันทึกข้อตกลงในการทำงานร่วมกันนี้ ซีพี-เมจิและคณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะเดินหน้าโครงการนำร่องร่วมกับฟาร์มโคนม 14 แห่งที่เป็นสมาชิกสหกรณ์โคนมเชียงใหม่ โดยทีมการจัดการน้ำนมดิบ ซีพี-เมจิ จะลงพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อรวบรวมข้อมูล ควบคู่กับการให้ความรู้ด้านการจัดการฟาร์มที่ถูกต้องแก่เกษตรกร

CP-Meiji จัดแข่งขัน Robotics Grand Championship 2024 หนุนเด็กไทยต่อยอดทักษะหุ่นยนต์-อากาศยานไร้คนขับ

บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ร่วมกับ ชมรมวิทยาการหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย ชมรมครูหุ่นยนต์ไทย บริษัท เอ็ม รีพับบริค ซัพพลาย และโรงเรียนวัดขอนชะโงก(เขียววิมลราษฎร์อุปถัมภ์) จังหวัดสระบุรี จัดการแข่งขันทักษะวิชาการด้านหุ่นยนต์และอากาศยานไร้คนขับ "CP-Meiji Robotics Grand Championship 2024" ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีทักษะแห่งอนาคต ในศตวรรษที่ 21 โดยมี นายวิชัย บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขัน นายยุทธนา โพธิวิหค ปลัดจังหวัดสระบุรี และนางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ ซีพี-เมจิ เป็นผู้มอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการแข่งขัน ณ โรงเรียนวัดขอนชะโงกฯ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี

นางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กล่าวว่า ซีพี-เมจิ ดำเนินโครงการ 'ซีพี-เมจิ นวัตกรรม-การศึกษา-อนาคต' ตั้งแต่พ.ศ. 2563 ภายใต้เจตนารมณ์ในการเพิ่มคุณค่าชีวิต เพื่อพัฒนาการศึกษา ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน โดยร่วมมือกับโรงเรียนเครือข่ายจำนวน 9 แห่งในจังหวัดสระบุรี จัดอบรมให้ความรู้ทักษะการประกอบหุ่นยนต์และการเขียนโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรม Robotics and Coding เปิดโอกาสการเรียนรู้นอกห้องเรียน ทั้งนี้ยังส่งเสริมการแข่งขันหุ่นยนต์ในเวทีระดับประเทศและนานาชาติ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนในการเข้าศึกษาต่อด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ รวมถึงคอมพิวเตอร์ ร่วมผลิตบุคลากรที่มีประสิทธิภาพแก่ประเทศต่อไป

ด้าน ดร.กัญญ์ชิสา ทุมมาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดขอนชะโงกฯ กล่าวว่า การแข่งขันครั้งนี้ ถือเป็นการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาที่จำเป็นสำหรับนักเรียนในศตวรรษที่ 21 ผ่านเรียนรู้วิธีการออกแบบหุ่นยนต์และอากาศยาน ด้วยการประยุกต์ทักษะด้านกลศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ และคณิตศาสตร์ ร่วมกับการออกแบบความคิดสร้างสรรค์ พร้อมเปิดโอกาสให้นักเรียนทั่วประเทศแสดงผลงานในการแข่งขันหุ่นยนต์และอากาศยาน โดยใช้กติกาการตัดสินระดับสากล เพื่อต่อยอดการแข่งขันในระดับสูงหรือระดับนานาชาติ สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ในการจัดการศึกษา รูปแบบ Active Learning และ STEM ให้เด็กๆ ได้เรียนดี มีความสุข อย่างยั่งยืน

สำหรับ การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 263 ทีม กว่า 1,000 คน จาก 74 โรงเรียน ใน 30 จังหวัดแต่ละภูมิภาคของประเทศ โดยได้รับถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 6 ประเภท ได้แก่ 1.) หุ่นยนต์บังคับมือแบบขาเดินภารกิจขนส่งน้ำนมดิบรีโมทแบบสาย ซีพี-เมจิ 2.) หุ่นยนต์บังคับมือแบบขาเดินภารกิจขนส่งน้ำนมดิบรีโมทแบบสาย รวมทุกระดับชั้น 3.) หุ่นยนต์บังคับมือเคลื่อนที่ด้วยล้อภารกิจขนส่งนมรีโมทแบบสาย 4.) หุ่นยนต์ต่อสู้แบบขา 5.) หุ่นยนต์อัตโนมัติขนถ่ายหินอ่อน 6.) โครงงานหุ่นยนต์ “ไฟฟรีจากฟ้า” Solar Energy และรับถ้วยเกียรติยศจากผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี 4 ประเภท ได้แก่ 1.) หุ่นยนต์บังคับมือเตะจุดโทษ 2.) หุ่นยนต์ซูโม่หนึ่งพันกรัมควบคุมด้วยรีโมท 3.) หุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ 4.) อากาศยานไร้คนขับทำภารกิจ