ปฏิบัติเท่าเทียมทุกพรรค“บิ๊ก สพฐ.”ฮึ่ม! กำชับสถานศึกษา-บุคลากร เป็นกลางทางการเมืองช่วงเลือกตั้งท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.68 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า เนื่องด้วยขณะนี้อยู่ในห้วงเวลาของการหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้กำชับให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาทุกแห่ง วางตนเป็นกลางทางการเมือง ด้วยความเท่าเทียม โดยปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบแบบแผนของทางราชการ และหน่วยงานทางการศึกษา ที่กำหนดให้ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ต้องวางตนเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชน โดยต้องไม่อาศัยอำนาจ และหน้าที่ราชการของตนแสดงการฝักใฝ่ ส่งเสริม เกื้อกูล สนับสนุนบุคคล กลุ่มบุคคล หรือพรรคการเมืองใด ตามมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547

ทั้งนี้ สพฐ. ได้แจ้งแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้อาคารสถานที่ของสถานศึกษา โดยขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่ง แจ้งสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการขอใช้อาคารสถานที่ของบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกเพื่อแสดงกิจกรรม การแสดงออกทางการเมือง การปราศรัยหรือหาเสียงเลือกตั้งในการเลือกตั้งต่าง ๆ โดยต้องไม่มีลักษณะเป็นการขัดต่อความมั่นคง หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจก่อให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคม

นอกจากนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา สามารถพิจารณาอนุญาตให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งใช้สถานศึกษาเป็นสถานที่เปิดเวทีปราศรัยหรือหาเสียงได้ แต่ต้องดำเนินการด้วยความเป็นกลาง โดยให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองมีโอกาสเท่าเทียมกัน รวมทั้งต้องระมัดระวังมิให้มีกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายกระทำการใด ๆ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 เพื่อให้สถานศึกษาในสังกัดทุกแห่งได้รับทราบและปฏิบัติต่อไป

สพฐ.ประชุมและวิพากษ์ร่างแนวปฏิบัติฯ พัฒนาระบบจัดการพฤติกรรมบุคลากรในสถานศึกษา

ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการวิพากษ์ร่างแนวปฏิบัติการป้องกัน ส่งเสริม และแก้ไขพฤติกรรมบุคลากรในสถานศึกษา โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ดร.พีระ รัตนวิจิตร ดร.อุดม พรมพันธ์ใจ นายไพรัช กรบงกชมาศ นายคมสันต์ โพธิ์คง ดร.กิตติภพ ภวณัฐกุลธร ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. และคณะทำงานจำนวน 54 คน เข้าร่วมประชุมและวิพากษ์ร่างแนวปฏิบัติฯ ในครั้งนี้ด้วย ณ โรงแรมปริ้นซ์ตัน กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาระบบการจัดการพฤติกรรมบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาพฤติกรรมบุคลากร ส่งเสริมให้บุคลากรมีวินัยและจริยธรรมในการปฏิบัติงาน ตลอดจนพัฒนาพฤติกรรมบุคลากรให้มีความเหมาะสม สร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน และส่งเสริมการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ

รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนสถานศึกษาเสี่ยงหลุดจากระบบถึง 1 ส.ค.67

​อนาคตของชาติ อยู่ในมือทุกคน คุณสามารถช่วยป้องกันเด็กหลุดจากระบบการศึกษาได้จนถึง 1 ส.ค.67 เปิดให้สถานศึกษาบันทึกข้อมูลกลุ่มที่มีความเสี่ยงหลุดจากระบบและยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบ ตามมาตรการ Thailand Zero Dropout

วันนี้(9 ก.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ และได้สั่งการสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้ามาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) เพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ปีการศึกษา 2566 มีเด็กและเยาวชนในช่วงอายุ 3 – 18 ปีกว่า 1,025,514 คน ที่ไม่พบข้อมูลในระบบการศึกษา
 
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 23-26 กรกฎาคม 2567 นี้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จะได้ทยอยจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาคกลุ่มต่อเนื่องใน 6 สังกัดทั่วประเทศ จำนวนกว่า 8 แสนคน ซึ่งนับเป็นหนึ่งมาตรการสำคัญของรัฐบาลในการป้องกันการหลุดจากระบบการศึกษาของเด็กและเยาวชนจากครัวเรือนยากจนระดับรุนแรง โดยในปีนี้ เป็นปีแรกของการจัดสรรอัตราใหม่ตามที่ กสศ. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาระดับประถมศึกษา – มัธยมศึกษาตอนต้นจากอัตรา 3,000 บาท เป็น 4,200 บาท/คน/ปี และระดับชั้นอนุบาลคงเดิม อัตราจำนวน 4,000 บาท/คน/ปี  ซึ่งเงินอุดหนุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนค่าอาหารเช้าให้แก่กลุ่มนักเรียนทุนเสมอภาคเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนยากจน
 
สำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มที่มีความยากจนเสี่ยงหลุดจากระบบและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ระหว่างวันที่  8 ก.ค.- 1 ส.ค.  2567 นี้ กสศ.  ได้เปิดระบบทุนเสมอภาคให้สถานศึกษาบันทึกข้อมูลนักเรียนกลุ่มนี้เข้ามา (นร./กสศ.01) ผ่านระบบ cct.eef.or.th เพื่อคัดกรองความยากจนและให้ได้รับการช่วยเหลือ ในปีการศึกษา 2567 ภาคเรียนที่ 1 นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษกลุ่มใหม่ได้รับความช่วยเหลืออีกราว 5 แสนคน  ทำให้ในปีการศึกษา 2567 กสศ.จะสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงของนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษ ไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษารวมกลุ่มต่อเนื่อง ราว 1.3 ล้านคน
 
ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดพบนักเรียนที่มีความเสี่ยงหลุดจากระบบ และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ สามารถแจ้งกับโรงเรียนที่นักเรียนกำลังศึกษาอยู่ หรือ โรงเรียนใกล้เคียงจุดที่พบ ใน 6 สังกัดดังนี้  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ( พศ.)  สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และกรุงเทพมหานคร เพื่อบันทึกข้อมูลเข้าในระบบเพื่อให้ได้รับช่วยเหลือจากทุนเสมอภาค ของ กสศ. ทั้งนี้ สามารถติดตามและสอบสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดยที่ผ่านมา กสศ. ให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งสิ้น 1,200,161 คน และพบว่าทุนเสมอภาค ส่งผลให้นักเรียนทุนร้อยละ 95.95 ยังคงอยู่ในระบบการศึกษา
 
“นายกฯ ให้ความสำคัญเรื่องการศึกษา สั่งการให้ทุกหน่วยงานเดินหน้ามาตรการ Thailand Zero Dropout ต้องไม่มีเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา พร้อมย้ำว่าเด็กและเยาวชนคือผู้กำหนดอนาคตของประเทศชาติ ทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถนั้นให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และประเทศชาติ” นางรัดเกล้า กล่าว

#ข่าววันนี้ #ลงทะเบียน #สถานศึกษา #การศึกษา 

 

สพป.ตรัง เขต 2 สอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา

สพป.ตรัง เขต 2 จัดประชุมคณะกรรมการดำเนินการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ. 2567

นายดุสิต ลัคนาศิริโรรัตน์ รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 (สพป.ตรัง) ได้รับมอบหมายจากนางพัทธนันท์ นิลพัฒน์ ผอ.สพป.ตรัง เขต 2  ให้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการดำเนินการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2567 โดยมีนายปรีชา หมีนคลาน รอง ผอ.สพป.ตรัง เขต 2 ผอ.กลุ่มงาน ผอ.หน่วยตรวจสอบภายใน สพป.ตรัง เขต 2 และคณะกรรมการฯ เข้าร่วม  ณ ห้องประชุมอันดามัน 3 สพป.ตรัง เขต 2

เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการสอบคัดเลือกบุคคลฯ ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ.  ปี พ.ศ. 2567 ในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2567 ณ ห้องประชุมอันดามัน 3 สพป.ตรัง เขต 2 สอบภาค ก ความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานในหน้าที่ ซึ่งคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา  (อ.ก.ค.ศ.) ประถมศึกษาตรัง เขต 2 ได้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกบุคคลฯ ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ.  ปี พ.ศ. 2567 จำนวน 23 ราย

บุรีรัมย์ บุกจับร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า ลอบขายกลางเมืองใกล้สถานศึกษา หลังมีประชาชนร้องเรียน

ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ สั่งการให้ป้องกันจังหวัด ร่วมกับอำเภอเมือง และตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ นำกำลังบุกจับร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าลอบขายกลางเมืองใกล้สถานศึกษา หลังมีประชาชนร้องเรียน โดยหน้าร้านติดป้ายรับสักลาย แต่ข้างในขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเดียว ทั้งโพสต์ขายออนไลย์   ยึดของกลางบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์เกือบ 2,000 ชิ้น  มีชาย 3 คน อ้างเป็นพนักงานได้ค่าจ้างวันละ 300 เตรียมขยายผลติดตามตัวเจ้าของดำเนินคดี 

(26 เม.ย.67)  นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ มอบหมายให้  นายกันวลินทร์ เมืองแก้ว นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ สภ.เมืองบุรีรัมย์ และนายไชยยันต์ พาสว่าง ป้องกันจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง  และตำรวจ  บุกจับร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ตั้งอยู่ใกล้สถานศึกษาและแหล่งชุมชน  หลังได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่า ร้านดังกล่าว   ซึ่งด้านหน้าติดป้ายข้อความว่าเป็นร้านรับสักลาย แต่กลับลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีการตั้งขายทั้งหน้าร้าน และโพสต์ขายทางออนไลน์ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย     

จากการตรวจค้นภายในร้านพบบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่ใช้เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก  จึงได้ทำการตรวจยึดไปตรวจสอบที่ค่ายอาสารักษาดินแดน (อส.)จังหว้ดบุรีรัมย์ โดยของกลางที่ยึดได้ ประกอบด้วย  หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า 619 ชิ้น , เครื่องพอตบุหรี่ไฟฟ้า 21 ชิ้น ,บุหรี่ไฟฟ้าชนิดสูบแล้วทิ้ง 548 ชิ้น, น้ำยาเติมบุหรี่ไฟฟ้า 414 ชิ้น และอะไหล่บุหรี่ไฟฟ้าอีก 8 ชิ้น   

ทั้งนี้ ขณะตรวจสอบยังพบชายวัยรุ่น 3 คน อยู่ภายในร้าน จากการสอบถามก็ปฏิเสธว่า ไม่ใช่เจ้าของร้าน  เป็นเพียงพนักงานที่รับจ้างขายบุหรี่ไฟฟ้าเท่านั้น โดยได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท ทั้งอ้างว่า ได้เปิดขายบุหรี่ไฟฟ้ามาประมาณ 3 เดือนแล้ว  ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนขยายผลเพื่อติดตามตัวเจ้าของร้านมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

         นายกันวลินทร์ เมืองแก้ว นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ภายหลังจากมีประชาชนร้องเรียนทางจังหวัดว่า มีการลักลอบเปิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า ทางผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ก็ได้สั่งการให้นำกำลังฝ่ายปกครอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์   บุกจับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งหน้าร้านติดว่า รับสักลายแต่จากการตรวจสอบภายในไม่พบมีการรับสักลาย  แต่ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหน้าร้าน และโพสต์ขายออนไลน์   จึงได้ทำการจับกุม และตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก  ซึ่งผู้ที่ลักลอบจำหน่ายก็มีความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และติดตามตัวเจ้าของมาดำเนินคดีด้วย

รัฐบาลห่วงใยนักเรียน กำชับสถานศึกษาตรวจเข้มยาเสพติด ของมึนเมาทุกชนิด

รัฐบาลห่วงใยนักเรียน กำชับสถานศึกษาตรวจเข้มยาเสพติด ของมึนเมาทุกชนิด และบุหรี่ไฟฟ้า ช่วงเปิดเทอม


นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลห่วงใยนักเรียน  ซึ่งเป็นวัยอยากลองอยากรู้ และเป็นวัยที่ต้องการการยอมรับจากเพื่อน มักจะทำตามกระแส   ขาดการคิดวิเคราะห์แยกแยะที่ถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาตามมา ส่งผลต่ออนาคตทางการศึกษา


นายคารม กล่าวว่า ในช่วงเปิดภาคเรียนเทอมที่ 2/2566 กระทรวงศึกษาธิการได้กำชับให้ผู้บริหารสถานศึกษาทั่วประเทศ และหน่วยงานในกำกับทุกสังกัด ตรวจตราบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงยาเสพติดอย่างเข้มข้นทั้งภายในและบริเวณรอบสถานศึกษา เพื่อป้องกันนักสูบหน้าใหม่ในกลุ่มเด็กและเยาวชน พร้อมกับเน้นย้ำให้เพิ่มมาตรการที่เข้มแข็งปกป้องเยาวชนจากสิ่งเสพติด ตลอดจนสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับอันตรายและผลกระทบของยาเสพติด ให้เกิดการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของ นักเรียน ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม


นาคารม กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้ยังคงมีนักเรียนหลงผิดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยไม่รูัถึงอันตราย และผลกระทบที่จะตามมาในอนาคตครู ผู้ปกครองต้องร่วมมกันปลูกฝังค่านิยม ปรับทัศนคติที่ถูกต้อง สร้างการเห็นคุณค่าในตัวเอง ให้นักเรียนตระหนักรู้ถึงโทษและพิษภัยจากการสูบบุหรี่และสิ่งเสพติดชนิดอื่น ให้นักเรียนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนโรงเรียนปลอดบุหรี่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าที่อาจเป็นประตูเชื่อมให้เยาวชนไปสู่สิ่งเสพติดชนิดอื่นได้