BacktoSchool

"MARU CHULA" จัดแคมเปญ Back to school ต้อนรับเปิดเทอม จัดโปรโมชันพิเศษ! ซื้อคอนโดในงานนี้ “ฟรี!ค่าจอง+ฟรี!สัญญา”  เพียงแสดงบัตรนักศึกษารับเพิ่ม “I-pad air M3” พิเศษสุดๆ 7-8 มิ.ย.นี้เท่านั้น

ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการ MARU CHULA (มารุ จุฬา) ได้จัดแคมเปญ Back to school ต้อนรับเปิดเทอมในวันที่ 7-8 มิถุนายน 2568 เพื่อช่วยแบ่งเบารายจ่ายของผู้ปกครองก่อนเปิดเทอม ซื้อคอนโดในงานนี้ รับโปรโมชัน 0 บาท “ฟรี!ค่าจอง+ฟรี!สัญญา” และพิเศษยิ่งขึ้น เพียงท่านแสดงบัตรนักศึกษารับ I-pad air M3 เฉพาะงานนี้เท่านั้น  ณ สำนักงานขาย (Sales Gallery) ตั้งแต่เวลา 9.30 -18.00 น.

โครงการ มารุ จุฬา ตั้งอยู่ใกล้อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ และถนนบรรทัดทอง เพียง 200 เมตร ใกล้ทุกสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้างสรรพสินค้าชื่อดัง สามย่านมิตรทาวน์, จามจุรีสแควร์, สยามสแควร์ และ MBK เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า MRT หัวลำโพง และ ทางด่วนศรีรัช ตัวโครงการเป็น Pet friendly สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ และมีความเป็นส่วนตัว เพียง 219 ยูนิต ราคาพิเศษ 1 ห้องนอนใหญ่ 31 ตร.ม. เริ่มเพียง 4.45 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการ มารุ จุฬา มียอดขายประมาณ 65% โดยเริ่มการก่อสร้างชั้นรากฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

สำหรับโครงการมีการเปิด PRE-SALE ไปเมื่อเดือนกันยายน 2567 พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างจริง และเปิดสำนักงานขาย (Sales Gallery) เป็นครั้งแรก ให้บุคคลทั่วไปได้เยี่ยมชมห้องตัวอย่างในวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ Maru Chula เป็นกลุ่มคนทำงานย่านพระราม 4, สีลม, สาทรรวมถึงกลุ่มบุคลากรและนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาใกล้เคียง ทั้งนี้ ภายใต้แบรนด์ Maru เป็นการเปิดตัวโครงการที่ 3 สืบเนื่องมาจากกระแสตอบรับของทั้ง 2 โครงการก่อนหน้านี้ คือ Maru ลาดพร้าว และ Maru เอกมัยที่ Sold Out ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำความสำเร็จในเรื่องของยอดขาย และได้รับการการันตีเรื่องคุณภาพและความเชื่อมั่นจากลูกค้า 

โดยโครงการนี้ บริษัทฯ ได้ต่อยอดนำรูปแบบดีไซน์ ฟังก์ชันของห้องพักอาศัย รวมถึงดีไซน์ภายนอกตัวอาคาร มาพัฒนาต่อสำหรับโครงการใหม่ เน้นตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าวัยทำงานและนักศึกษาได้มากยิ่งขึ้น โดยFacilities หลักๆ ของคอนโด เน้นออกแบบมาเพื่อรองรับกลุ่มนักศึกษา หรือ คนทำงาน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สำหรับการติวหนังสือ นั่งทำงาน หรือประชุมเป็นต้นซึ่งบางโซนเปิดใช้งานตลอด 24 ชม.ชูจุดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่จัดเต็มกว่า 20 รายการ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สำหรับการติวหนังสือ นั่งทำงาน หรือประชุม ฯลฯ ที่ช่วยให้การใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเรียน หรือทำงานของผู้อยู่อาศัยง่ายขึ้น สะดวกขึ้น  

ผู้สนใจสามารถเข้าชมโครงการในงาน Back to school วันที่ 7-8 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 9.30 -18.00 น. ณ สำนักงานขาย (Sales Gallery) หรือคลิก https://www.mjd.co.th/maru/chula หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่  MJD Contact Center 1266  Line Official > @mjd.th (https://bit.ly/MJDLine)

ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จัดแคมเปญต้อนรับเปิดเทอม “Back to School: Joyful for the playful” สร้างประสบการณ์ช้อปสนุกสุดคุ้มต้อนรับเปิดเทอมกับส่วนลดสูงสุดถึง 50% พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจัดเต็ม เอาใจคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ ได้เตรียมความพร้อมอย่างครบครัน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 68 – 18 พ.ค. 68 ที่ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 12 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่ ราชพฤกษ์, สระบุรี, ลาดกระบัง, ฉะเชิงเทรา, บ้านฉาง, ศรีสมาน, บุรีรัมย์, ลพบุรี, ตรัง, ปราจีนบุรี, ถลาง, และ กำแพงเพชร

พบกับหลากหลายสินค้าไฮไลต์สุดพิเศษ อุปกรณ์การเรียนที่ลดสูงสุดถึง 50% จาก Robinson Department Store, Tops, Supersports, B2S และ OfficeMate เป็นต้น ร่วมด้วยโปรโมชัน   ช้อปสุดคุ้ม เมื่อช้อปครบ 500 บาทภายในงาน BACK TO SCHOOL รับคูปองส่วนลดรวมมูลค่ากว่า 700 บาท จากร้านค้าชั้นนำภายในศูนย์การค้าฯ ที่ร่วมรายการ อาทิเช่น go! WOW, Tops, Supersports, Power Buy, B2S, OfficeMate, แว่นท็อปเจริญ, Taywin, APEX, Mister Donut, Auntie Anne's และ Arigato เป็นต้น ช่วยเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเทอมอย่างครบวงจร

พลาดไม่ได้! มาร่วมสร้างความสุข สนุกสนาน เตรียมความพร้อมรับเปิดเทอมไปกับแคมเปญ “Back to School: Joyful For The Playful” ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 68 – 18 พ.ค. 68 ที่ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ แล้วพบกันที่ศูนย์การค้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของครอบครัว เพื่อเตรียมพร้อมวันเปิดเทอมนี้ให้พิเศษกว่าที่เคย

ติดตามข้อมูลข่าวสาร โปรโมชัน และกิจกรรมใหม่ๆ ของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ผ่านทาง Facebook Page: Robinson Lifestyle (https://www.facebook.com/RobinsonLifestyleMall)  

#โรบินสันไลฟ์สไตล์ #RobinsonLifestyle #BackToSchool #JoyfulForThePlayful

"พาณิชย์" เผยห้าง-ร้านลุยลดราคา Back To School ลดรายจ่ายผู้ปกครอง

ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการ “พาณิชย์สั่งลุย ลดราคา Back To School 2024” ห้างเซนทรัลพลาซ่า เวสต์เกต จ.นนทบุรี ห้างดูโฮม สาขาบางพูน จ.ปทุมธานี และร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ สาขาราชบพิธ กทม. พบว่าโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในด้านผู้ขายหรือผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้ให้บริการ และแพลตฟอร์ม ต่างนำเสนอส่วนลดสินค้าและบริการกันเต็มที่ และในด้านผู้ซื้อ ผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ต่างออกมาเลือกซื้อสินค้าและบริการที่จำเป็นในช่วงเปิดเทอม ทำให้บรรยาการการจับจ่ายใช้สอยในห้าง-ร้านต่างๆ ค่อนข้างที่จะคึกคัก หลายแห่งมียอดขายที่โตขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

โดยห้างเซนทรัลพลาซ่า ยกขบวนร้านค้าในเครือมาลดราคาตามกลุ่มสินค้า อาทิ บีทูเอส (B2S) ลดราคาสินค้าหนังสือและตำราเรียน เครื่องเขียนและอุปกรณ์  ออฟฟิศเมท (Office Mate) ลดราคาอุปกรณ์สำนักงาน โต๊ะ-เก้าอี้ทำงาน เครื่องเขียน พาวเวอร์บาย (Power Buy) ลดราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งโน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต ซูเปอร์สปอร์ต (Supersports) ลดราคากระเป๋าเป้รองเท้า ชุดว่ายน้ำ และอุปกรณ์กีฬา ท๊อปส์ (Tops) ลดราคาสินค้าอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป

สำหรับศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ลดราคาสินค้าที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนแบบครบวงจร เช่น ชุดนักเรียน ถุงเท้า/รองเท้า หนังสือและตำราเรียนเครื่องเขียน อุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนต่างๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต นักศึกษาแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่ครู อาจารย์ และโรงเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญด้วย

ขณะที่ดูโฮม (DO Home) ซึ่งเน้นจำหน่ายของตกแต่งและของใช้ในบ้าน แต่ก็ได้นำสินค้า Back to School มาลดราคาจำนวนมาก เช่น กระเป๋าเป้นักเรียน เครื่องเขียน โต๊ะ/เก้าอี้ทำงาน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์กีฬา เป็นต้น

ทั้งนี้ โครงการ "พาณิชย์สั่งลุย ลดราคา Back To School 2024" จัดขึ้นตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการลดรายจ่ายให้แก่ผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม โดยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.67 และจะลดต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ค.67 มีสินค้าและบริการร่วมลดราคา 12 หมวด รวมกว่า 8,000 รายการ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายชื่อผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการได้ทางเว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน www. dit.go.th 

#พาณิชย์ #ลดราคา #BackToSchool #ข่าววันนี้ #เปิดเทอม

โก โฮลเซลล์ (GO Wholesale) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เข้าร่วมงานเปิดตัวโครงการ “พาณิชย์ สั่งสุย ลดราคา Back to School 2024” กับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม โดย นางสาวอรวรรณ ศิริโชติรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กรและรัฐสัมพันธ์ และ นายอดิวัจน์ หิรัญยบุญกาญจน์ ผู้จัดการทั่วไป โก โฮลเซลล์ สาขารังสิต ให้การต้อนรับ นายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี, นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน, ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน และคณะผู้บริหารกระทรวง ในโอกาสเยี่ยมชมบูทจัดแสดงสินค้า ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์

ทั้งนี้ โก โฮลเซลล์ ทุกสาขา ได้จัดแคมเปญ “GO Wholesale To School เพิ่มกำไร เพิ่มยอดขาย รับเปิดเทอม” ขนทัพสินค้าจำนวนกว่า 300 รายการ ลดราคาสูงสุด 50% ตั้งแต่วันที่ 8 - 21 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน ตลอดจนวัตถุดิบและสินค้าคุณภาพ สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารในโรงอาหารของโรงเรียน ร้านค้าโดยรอบสถานศึกษา ตลอดจนธุรกิจอื่นๆ ที่เตรียมความพร้อมรับความคึกคักในช่วงเปิดเทอมที่จะถึงนี้ 

เพราะบ้านคือพื้นที่ในการใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับคนในครอบครัว โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ บ้านเป็นทั้งพื้นที่แห่งความสุข ความผ่อนคลาย ความปลอดภัย ทุกช่วงเวลาที่เกิดขึ้นภายในบ้านจะมีส่วนสำคัญในการบ่มเพาะความฝัน และจินตนาการของพวกเขาออกมาได้ไม่รู้จบ ถ้าหากจะให้เด็กๆ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านในฝันของแต่ละคน พวกเขาจะสะท้อนจินตนาการเหล่านั้นออกมาแบบใด

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ผู้นำด้านค้าปลีกสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้านที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย ได้เชิญชวนเยาวชนไทยอายุระหว่าง 6 – 12 ปีบริบูรณ์ทั่วประเทศ ร่วมส่งผลงานภาพวาดระบายสี ในหัวข้อ "บ้านในฝัน" ในแคมเปญ Back to School ช้อปสนั่น FUN สุดต้อนรับเทศกาลเปิดเทอม เพื่อให้เด็กๆ ได้สะท้อนจินตนาการเกี่ยวกับเรื่องบ้าน ด้วยการออกแบบบ้านที่แบ่งเป็นห้องต่างๆ ตามจินตนาการของตัวเอง ไม่จำกัดเทคนิคการวาดและลงสี ชิงทุนการศึกษาและของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 450,000 บาท โดยการประกวดในครั้งนี้ มีน้องๆ เยาวชนทั้งจากภาคการศึกษาและภาคประชาชนรวมกว่า 500 คน ให้ความสนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวด

คณะกรรมการได้พิจารณาผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ ความครบถ้วนสวยงาม การนำเสนอมาสคอตของมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. การจัดองค์ประกอบของภาพ ความประณีต ความสวยงาม และความสมบูรณ์ของภาพโดยรวม ตลอดจนเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งเยาวชนจากภาคการศึกษาที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ 3 อันดับแรกทั้ง 3 คน ได้แก่ เด็กหญิงศรินธร สารผล (อายุ 12 ปี) เด็กหญิงจิระณัฐท์ ปันทวี (อายุ 11 ปี) และเด็กหญิงทักษพร ธีรวัฒนเศรษฐ์ (อายุ 11 ปี) ได้มาถ่ายทอดเรื่องราวและแรงบันดาลใจของผลงานบ้านในฝันจากจินตนาการของแต่ละคน รวมไปถึงความรู้สึกในการเข้าร่วมโครงการประกวดวาดภาพระบายสีในครั้งนี้

เริ่มจากเจ้าของผลงานรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 อย่างเด็กหญิงศรินธร สารผล หรือน้องน้ำข้าว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนเอ.เจ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ได้วาดภาพบ้านในฝันที่มีแนวคิดรักษ์โลกอย่าง "บ้านพลังงานสะอาด" ที่เกิดจากความชื่นชอบอยู่บ้านที่มีอากาศเย็นสบาย มาวาดเป็นบ้านในฝันที่อยู่ใต้น้ำ โดยเปรียบเทียบน้ำเป็นความเย็นสบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกจากพลังงานสะอาดภายในบ้าน

"ทุกวันนี้ ที่ใครๆ อยากให้โลกของเรามีพลังงานสะอาดใช้กันทุกคน หนูเคยเห็นไอเดียเครื่องกำเนิดไฟฟ้าใน YouTube ไม่รู้ว่ามีจริงหรือยัง แต่หนูแค่วาดอะไรที่หนูชอบลงไป เช่น เรือไฟฟ้า ห้องสมุด สนามบาส ลิฟต์แก้ว คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ๆ ซึ่งมาจากจินตนาการของหนูหมดเลยค่ะ แล้วในบ้านยังมีห้องนอน ห้องสร้างสรรค์ ห้องประดิษฐ์ใหม่ๆ ด้วยค่ะ ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่หนูเดินไปร้านมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. และเมื่อหนูเห็นของชิ้นนั้นๆ แล้วมาคิดต่อว่าถ้าเอาของชิ้นนั้นๆ ไปทำอย่างนี้จะดีไหม เช่น ชั้นวางของ เอามาประกอบเป็นชั้นวางของเคลื่อนที่เพื่อย้ายโต๊ะทำงาน จะได้สะดวกมากขึ้น ทำให้เกิดจินตนาการ และวาดภาพบ้านในฝันหลังนี้ออกมา"

น้องน้ำข้าว ยังได้เล่าถึงแรงบันดาลใจของการเข้าร่วมโครงการประกวดวาดภาพระบายสีของมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ที่เห็นว่าเป็นโครงการที่น่าสนุก น่าสนใจ และได้ใช้ความสามารถในการแสดงออกทักษะทางด้านศิลปะ อีกทั้งยังมองว่ากิจกรรมในครั้งนี้น่าจะทำให้เด็กหลายๆ คนได้ใช้เวลากับผู้ปกครองมากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก และหวังว่าในอนาคตจะมีกิจกรรมสำหรับเยาวชนที่ถนัดด้านในอื่นๆ เพื่อที่จะได้เห็นความสามารถของเด็กไทยในหลายๆ ด้านต่อไป

ในส่วนผลงานของน้องๆ ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 และ 3 นั้น แม้บ้านในฝันของน้องๆ ทั้งสองจะมีจุดเริ่มต้นจากความชื่นชอบในโลกใต้ทะเลเหมือนกัน แต่ผลงานกลับมีความโดดเด่นและสวยงามแตกต่างกันตามสไตล์ของตนเอง

โดยผลงานรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 จาก เด็กหญิงจิระณัฐท์ ปันทวี หรือน้องเอิร์น ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนคำเที่ยงอนุสสรณ์ จ. เชียงใหม่ อย่าง "บ้านแมงกะพรุน" น้องเอิร์นได้แรงบันดาลใจจากความชื่นชอบในโลกใต้ทะเลและสัตว์ทะเลต่างๆ ที่น้องเอิร์นไม่ค่อยได้มีโอกาสไปสัมผัสมากนัก สู่บ้านในฝันใต้ทะเลที่ใช้ระยะเวลาในการสร้างสรรค์ผลงานเกือบ 1 เดือน

"ปกติหนูชอบวาดภาพวิว เพราะมองแล้วรู้สึกสบายตา การเข้าร่วมกิจกรรมนี้ หนูคิดว่าได้วาดสิ่งที่ชอบและได้พัฒนาฝีมือการวาด รวมไปถึงการระบายสี หนูเริ่มต้นจากการดูหัวข้อ แล้วลองคิดว่าเราชอบอะไร ก่อนจะร่างภาพลงไปบนกระดาษ ตอนที่วาดภาพรู้สึกตื่นเต้น และมีความสุข และคิดว่าจะลองพัฒนาฝีมือไปอีกเรื่อยๆ"

และอีกหนึ่งผลงานที่สวยงามไม่แพ้กันจาก เด็กหญิงทักษพร ธีรวัฒนเศรษฐ์ หรือน้องไข่มุก ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนอนุบาลชลบุรี จ.ชลบุรี ซึ่งได้รับรางวัลที่ 3 จากการเข้าร่วมโครงการนี้ น้องไข่มุกได้เล่าถึงความชื่นชอบและความมั่นใจในการวาดภาพ ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่ตนถนัด โดยวาดภาพบ้านในฝันของตนเองเป็น "บ้านสัตว์ทะเลสุดมหัศจรรย์" บ้านสีสันสดใสที่ประกอบไปด้วยห้องต่างๆ เช่น ห้องนอน ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ห้องสมุด และห้องอาบน้ำ อยู่ภายในตัวแมงกะพรุน

"ภาพวาดบ้านสัตว์ทะเลสุดมหัศจรรย์เกิดจากที่หนูชอบไปทะเล และชอบสัตว์ทะเลมาก หนูจึงได้ไอเดียมาวาดเป็นภาพ เพราะรูปร่างของแมงกะพรุนมีความคล้ายห้องค่ะ ระหว่างที่วาดคุณแม่ก็จะให้คำแนะนำนิดหน่อย ใช้เวลาประมาณ 1 วันในการวาด และ 1 วันในการระบายสี โดยใช้เทคนิคสีไม้ ซึ่งเป็นสีที่หนูถนัด และชื่นชอบ หนูรู้สึกภูมิใจในผลงานของตัวเองมากๆ"

จินตนาการของเด็กๆ เกิดขึ้นได้จากการพบเห็นเรื่องราวและสิ่งต่างๆ รอบตัว ยิ่งได้พบเจอความแปลกใหม่มากขึ้นเท่าไหร่ ความฝันของเด็กๆ ก็จะยิ่งพัฒนาไปได้ไกลมากขึ้นเท่านั้น

ทั้งนี้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันความสามารถของเยาวชนไทย ให้พัฒนาก้าวไกลอย่างยั่งยืนสู่ระดับสากล และมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์โครงการและกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจตามพันธกิจของมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ในการส่งมอบสินค้าที่หลากหลาย มีคุณภาพ และคุ้มค่าในการจับจ่าย ด้วยสินค้ากว่า 15,000 รายการ ใน 10 แผนก โดยยึดมั่นคำขวัญที่ว่า "Always Low Prices" หรือ "ราคาถูกคุ้มเสมอ" ในการให้บริการมากกว่า 600 สาขาทั่วประเทศไทย