"ดีอี" ปิดกั้นเพจปลอม "หน่วยงานรัฐ" อ้างช่วยเหลือเหยื่อคดีออนไลน์ เตือนปชช.ระวังสูญเงิน-ข้อมูลส่วนตัว

"ดีอี" ปิดกั้นเพจปลอม "หน่วยงานรัฐ" อ้างช่วยเหลือเหยื่อคดีออนไลน์ เตือนปชช.ระวังสูญเงิน-ข้อมูลส่วนตัว

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินเฝ้าระวัง ตรวจสอบภัยออนไลน์ ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างเข้มข้น ของกระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำให้ขณะนี้มิจฉาชีพได้เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการใช้ เพจ/URL ปลอม โดยอ้างอิงหน่วยงานรัฐ เปิดรับให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากคดีออนไลน์ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ

“ปัจจุบันพบว่ามิจฉาชีพได้เปลี่ยนรูปแบบวิธีการหลอกลวงให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น โดยเปิดเพจปลอม และนำเอารูปของผม หรือรูปของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามภัยออนไลน์มาใช้อ้างอิง เพื่อหลอกลวงประชาชน เช่น เพจกองทุนเพื่อเข้าถึงความยุติธรรม ฯลฯ ซึ่งกระทรวงดีอี ได้ประสานผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดำเนินการปิดกั้นเพจปลอมดังกล่าวไปแล้ว เพื่อป้องกันประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ พร้อมกันนี้กระทรวงดีอี จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพราะถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน” รองนายกฯ ประเสริฐ กล่าว
 
ขณะเดียวกันกระทรวงดีอี ได้ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) บูรณาการความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการใช้ช่องทางออนไลน์กระทำความผิด โดย ยธ.พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านการฟ้องคดี เรียกร้องค่าเสียหาย ขณะเดียวกันกระทรวงดีอี ยังได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 เพื่อเพิ่มบทลงโทษให้กับผู้กระทำผิดกฎหมายดังกล่าว รวมไปถึงการประสานงานกับผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย ในการกำหนดเงื่อนไขการซื้อโฆษณาที่จะต้องมีการตรวจสอบเนื้อหาของโฆษณา และการยืนยันตัวตนก่อนการซื้อโฆษณาในโซเชียลมีเดียทุกครั้ง
 
อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนสังเกตุเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าด้านหลังชื่อบัญชีเพจของหน่วยงาน ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเป็นเพจทางการของหน่วยงานที่ได้รับการยืนยันตัวตนแล้ว ไม่ใช่มิจฉาชีพ และขออย่าหลงเชื่อ เพจ/URL ที่น่าสงสัย ซึ่งถูกส่งต่อๆกันจากบุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่น่าไว้วางใจ หรือกดลิงก์แพลตฟอร์มต้องสงสัยภายในโซเชียลมีเดีย เพจ และ URLs ผิดกฎหมาย เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ทำให้สูญเสียทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือหากมีการแชร์ต่อๆกัน อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างได้
 
แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.) |  Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com

เปิดผลคดีออนไลน์ เดือน พ.ค. พบมูลค่าเสียหายกว่า 3 พันล. หลอกซื้อขายสินค้ามากสุด

“คารม” เผยผลแจ้งความออนไลน์ เดือน พ.ค 67 มูลค่าความเสียหายกว่า 3 พันล้านบาท เฉลี่ยวันละ 100 กว่าล้านบาท หลอกลวงซื้อขายสินค้ามูลค่าความเสียหายสูงสุด ย้ำเตือน ปชช. ระมัดระวัง

วันที่ 9 มิ.ย.67 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ผลการแจ้งความออนไลน์ ผ่าน https://www.thaipoliceonline.com ตั้งแต่ 1-31 พฤษภาคม 2567 รวม 35,562 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 3,479,743,939 บาท เฉลี่ย 112,249,804 บาทต่อวัน ผลการอายัดบัญชี จำนวน 40,186 บัญชี ยอดขออายัด จำนวน 3,614,849,808 บาท ยอดอายัดได้ จำนวน 385,064,258 บาท

สำหรับประเภทคดีออนไลน์ที่มีการแจ้งความมากที่สุด 5 อันดับแรก ดังนี้ 1.หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (ไม่เป็นขบวนการ) มูลค่าความเสียหาย 166,937,072 บาท 2.หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 596,137,348 บาท 3.หลอกให้กู้เงิน มูลค่าความเสียหาย 142,591,527 บาท 4.หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 1,315,603,145 บาท และ 5.หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่น มูลค่าความเสียหาย 235,266,277 บาท 

“จากรายงานข้อมูลดังข้างต้น ยังมีประชาชนหลงกลตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ขอประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ ที่เชิญชวน ชักชวนโดยวิธีการต่างๆ  หากถูกหลอก สามารถแจ้งความออนไลน์ที่ https://www.thaipoliceonline.com หรือสอบถามที่เบอร์ 1441 หรือ 081-866-3000”นายคารม ย้ำ

ประชาชนแจ้งความคดีออนไลน์เดือนเดียว 2.6 หมื่นเรื่อง มูลค่าเสียหายกว่า 4 พันล้าน

“คารม” เผยผลแจ้งความออนไลน์ มูลค่าความเสียหาย เดือน มี.ค 67 กว่า 4 พันล้านบาท เฉลี่ยวันละร้อยกว่าล้านบาท

วันที่ 8 เม.ย.67 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ผลการแจ้งความออนไลน์ ผ่าน https://www.thaipoliceonline.com ตั้งแต่ 1-31 มีนาคม 2567 รวม 26,507 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 4,647,605,683 บาท เฉลี่ย 149,922,764 บาทต่อวัน ผลการอายัดบัญชี จำนวน 28,233 บัญชี ยอดขออายัด จำนวน 1,084,534,377 บาท ยอดอายัดได้ จำนวน 588,166,925 บาท

สำหรับประเภทคดีออนไลน์ที่มีการแจ้งความมากที่สุด 5 อันดับแรก ดังนี้ 1. หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (ไม่เป็นขบวนการ) มูลค่าความเสียหาย 1,012,114,930 บาท 2. หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 466,096,930 บาท  3.หลอกให้กู้เงิน มูลค่าความเสียหาย 112,960,804 บาท 4.หลอกให้ลงทุนเกี่ยวกับทรัพย์สินดิจิทัล มูลค่าความเสียหาย 1,119,439,292 บาท และ 5. Call center มูลค่าความเสียหาย 289,775,739 บาท 

“จากรายงานข้อมูลดังข้างต้น ยังมีประชาชนหลงกลตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ขอประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ ที่เชิญชวน ชักชวนโดยวิธีการต่างๆ  หากถูกหลอก สามารถแจ้งความออนไลน์ที่ https://www.thaipoliceonline.com หรือสอบถามที่เบอร์ 1441 หรือ 081-866-3000”นายคารม ย้ำ

"รมว.ดีอีเอส" แต่งตั้ง "ผบ.ตร." นั่งประธานคณะอนุฯ เดินหน้าปราบ "คดีออนไลน์"

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 27 พ.ค.66 พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะประธานกรรมการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ ลงนามคำสั่งคณะกรรมการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ 3/2566 ลง 17 พ.ค.66 เรื่อง “แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” โดยแต่งตั้ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เป็นประธานอนุกรรมการ มีปลัดกระทรวงดีอีเอส และ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร เป็นที่ปรึกษา

นอกจากนี้ มีส่วนราชการเกี่ยวข้องเป็นอนุกรรมการ รวมทั้งผู้แทนสมาคมธนาคารเข้าร่วมในคณะทำงาน มีอำนาจหน้าที่สำคัญอาทิ เช่น หารือร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องในการปฏิบัติตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566  การเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูล การแจ้งข้อมูลหลักฐาน การกำหนดเหตุอันควรสงสัย หรือการปฏิบัติอื่นใดตามกฎหมาย รวมทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันให้หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน นำไปเผยแพร่ โดยจัดการประชุมร่วมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมาย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งมิติของการป้องกัน การปราบปรามและการประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบการบูรณาการร่วมกัน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตามนโยบายรัฐบาลมาต่อเนื่อง ทั้งมิติการปราบปราม ที่มีการจับกุมเครือข่ายผู้กระทำผิดจำนวนมาก รายล่าสุด จับกุมแก๊งมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นธนาคาร หน่วยงานต่างๆ ส่ง SMS ลิงก์ดูดเงิน พร้อมของกลางรถโมบายเคลื่อนที่ อุปกรณ์ส่งสัญญาณต่างๆ และในห้วงนี้ (15-31 พ.ค.66) มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ บัญชีม้า ซิมม้า จับกุมกว่า 100 คดี

ด้านการป้องกัน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ดำเนินโครงการวัคซีนไซเบอร์ สร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน ร่วมกับภารรัฐ เอกชน และส่วนต่างๆ ผลิตสื่อให้ความรู้ทางออนไลน์ ส่งการเตือนภัยรูปแบบต่างๆ ให้ประชาชนมาต่อเนื่อง และผลิตครูไซเบอร์ ทั้ง ครู ก (ตำรวจ) 116 คน และ ครู ข (ตำรวจร่วมกับประชาชน) 8,132 คน ออกไปเผยแพร่ให้ความรู้กับประชาชนในสถานศึกษา และชุมชน และเป็นผู้ร่วมผลักดัน พ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น ในการปราบปรามบัญชีม้า ซิมม้า  การอายัดบัญชีโดยทันทีของธนาคาร ทำให้ประชาชนเมื่อถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินจากบัญชี  สามารถโทรศัพท์เข้าสายด่วนของธนาคาร เพื่อให้ธนาคารระงับธุรกรรมไว้ชั่วคราว  แล้วนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ ให้ธนาคารอื่นและผู้ประกอบธุรกิจผู้รับโอนทุกยอดทราบและระงับการทำธุรกรรมไว้ทันที จากนั้นให้ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อมีคำสั่งเป็นหนังสือให้ระงับการทำธุรกรรมภายใน  7 วัน นับแต่วันที่มีการแจ้งความร้องทุกข์”

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ผลการมุ่งมั่นทำงานของ ผบ.ตร. พร้อมข้าราชการตำรวจในสังกัด ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการทุกมิติ ทั้งการปราบปราม การป้องกัน และการผลักดันกฎหมาย ทำให้ปัจจุบันสถิติคดีออนไลน์ลดลงจากเดิมเฉลี่ยรับแจ้งวันละ 790 เรื่อง ลดเหลือรับแจ้งวันละ 673 เรื่องต่อวัน สามารถอายัดบัญชีได้ทันทีจากเดิม 87 ล้านบาท เป็น 92 ล้านบาท แม้ว่ากฎหมายจะเพิ่งผ่านมาได้ไม่กี่เดือน

อย่างไรก็ตาม คำสั่งแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่แต่งตั้ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เป็นประธานอนุกรรมการ จะทำให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะมิติการบูรณาการทำงานร่วมกัน ที่จะมีการขับเคลื่อนประชุมร่วมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เชื่อว่าจะช่วยทำให้คดีอาชญากรรมออนไลน์ลดลงต่อเนื่อง ประชาชนถูกหลอกหลวงน้อยลง

ผบ.ตร.ฝากเตือนประชาชนที่ยังหลงผิด เข้าร่วมกับมิจฉาชีพในการหลอกหลวง ขออย่าได้เห็นแก่รายได้ที่นำมาเสนอ หากถูกจับกุม ดำเนินคดี มีโทษสูง เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ รวมทั้งคนที่เปิดบัญชีม้า ซิมม้าต่างๆ ด้วย ส่วนพี่น้องประชาชนทั่วไปอย่าไปหลงเชื่อ อย่าไปรีบตัดสินใจ หากได้รับโทรศัพท์ SMS และอย่าไปโอนอะไรง่ายๆ หากสงสัยให้ติดต่อธนาคาร หน่วยงานราชการ หรือแจ้งหรือปรึกษาตำรวจได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์หมายเลข สายด่วน 1441 หรือ 081-8663000 ตลอด 24 ชม.