เทรนด์เด็กยุคใหม่ Growth Mindset CURIOOkids ชูแนวคิดการศึกษา สร้างทักษะอนาคต

ในโลกยุคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) การเตรียมเด็กไทยให้พร้อมสำหรับอนาคตไม่ใช่แค่การเพิ่มคะแนนสอบ แต่คือการพัฒนาแนวคิด ทักษะ และความสามารถรอบด้าน โดยเฉพาะ “Growth Mindset” ซึ่งกลายเป็นแนวโน้มสำคัญในหมู่เด็กและผู้ปกครองยุคใหม่ “อนาคตของเด็กไทยอยู่ที่วันนี้”

คุณไพลิน เทวศักดิ์รักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง CURIOOkids Thailand กล่าวว่า เราไม่ควรสอนให้เด็กเรียนแค่เพื่อสอบ แต่ควรสร้างแนวคิดที่ทำให้พวกเขาพร้อมก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นใจ โดยเฉพาะในยุคที่ความสามารถในการปรับตัวและคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด” นั่นคือแกนหลักที่ทำให้ CURIOOkids แตกต่างจากสถาบันการศึกษาทั่วไป – การเรียนรู้เพื่อเข้าใจตัวเอง พัฒนาแบบองค์รวม และปลูกฝังทักษะที่จะใช้ได้ตลอดชีวิต

เทรนด์เด็กยุคใหม่: Growth Mindset คือคำตอบของอนาคต

หนึ่งในแนวโน้มการศึกษาที่มาแรงทั่วโลกคือ “Growth Mindset” – ความเชื่อว่าความสามารถไม่ใช่สิ่งตายตัว แต่สามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายามและการเรียนรู้ เด็กที่มีแนวคิดนี้จะกล้าท้าทายตัวเอง ไม่กลัวล้มเหลว และพร้อมเติบโตไปกับการเปลี่ยนแปลง

ในหลายประเทศ รวมถึงสถาบันการศึกษาแนวหน้าทั่วโลกต่างบูรณาการแนวคิด Growth Mindset เข้าไปในระบบการเรียน CURIOOkids เองก็นำแนวคิดนี้มาเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของหลักสูตร ด้วยวิธีการสอนที่เน้นการเรียนรู้จากกระบวนการ ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์

“เราให้เด็กได้ลองคิด ลองผิด ลองถูก สะท้อนความคิด และพัฒนาตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Growth Mindset อย่างแท้จริง” คุณไพลินกล่าว

การพัฒนาเด็กด้วย Growth Mindset ยังสอดคล้องกับรายงานของ World Economic Forum ที่ระบุว่า “ความยืดหยุ่น (resilience) และ ความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต (lifelong learning) คือทักษะสำคัญของคนทำงานในอนาคต”

ธุรกิจการศึกษาในยุคดิจิทัล: ไม่ใช่แค่ “โรงเรียน” แต่คือ “แพลตฟอร์มการเรียนรู้”

วันนี้ธุรกิจการศึกษาไม่ได้แข่งขันกันแค่ที่ “เนื้อหา” แต่แข่งขันกันที่ “ประสบการณ์การเรียนรู้” และ “การพัฒนาศักยภาพเฉพาะบุคคล” เทคโนโลยีจึงกลายเป็นกลไกสำคัญ เช่น

การเรียนแบบ Hybrid และ E-learning

การใช้ AI วิเคราะห์ศักยภาพรายบุคคล

การเรียนรู้ผ่านเกมและกิจกรรม (Gamification)

โปรแกรมเสริม Soft Skills อย่างต่อเนื่อง

CURIOOkids คือหนึ่งในตัวอย่างที่นำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับหลักสูตรอย่างสมดุล ทั้งในด้านการวิเคราะห์ความถนัดของเด็ก การวางแผนการเรียน และการสร้างพื้นที่เรียนรู้ที่เป็นมากกว่าห้องเรียน

CURIOOkids: เครือข่ายการเรียนรู้ระดับโลกที่เน้น “ทักษะแห่งอนาคต”

ด้วยสาขากว่า 40 แห่งในเอเชีย ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย พร้อมขยายสู่จีน สหรัฐฯ และประเทศแถบอ่าว CURIOOkids พัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์โลกอนาคตอย่างชัดเจน ผ่าน 4 แกนสำคัญ:

ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร

ความคิดสร้างสรรค์และผู้ประกอบการ

ทักษะเทคโนโลยีและดิจิทัล

การทำงานร่วมกันและความเป็นผู้นำ

ทุกหลักสูตรใช้ซอฟต์แวร์ประเมินศักยภาพเด็กแบบรายบุคคล เพื่อช่วยคุณครูและผู้ปกครองออกแบบเส้นทางการเรียนรู้เฉพาะตัว

แนวทางขยายธุรกิจด้วยคุณภาพและนวัตกรรม

แม้จะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นในประเทศไทย แต่ CURIOOkids ยังคงยึดหลักการขยายด้วย “คุณภาพ” มากกว่า “ปริมาณ” โดยการสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ให้กับเด็กและครอบครัวไทย พร้อมขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่สอดคล้องกับเทรนด์โลก

CURIOOkids ขยายสาขาใหม่ 3 แห่งในกรุงเทพฯ ตอบโจทย์พ่อแม่ยุคใหม่

CURIOOkids สถาบันพัฒนาทักษะเด็กระดับสากล ประกาศเปิดสาขาใหม่ที่ Central แจ้งวัฒนะ, Central ปิ่นเกล้า และ Central พระราม 3 เพื่อรองรับความต้องการของผู้ปกครองที่มองหาการเรียนรู้คุณภาพสำหรับลูก

คุณไพลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามุ่งมั่นพัฒนาเด็กให้มีทักษะครบรอบทั้งภาษา ความคิดสร้างสรรค์ และความมั่นใจในตัวเอง เพื่อเติบโตอย่างแข็งแรงในโลกอนาคต”

พิเศษช่วง Pre-Sale:
- วัดทักษะเด็ก ฟรี
- ส่วนลดค่าสมัครสูงสุด 30%*
- รับฟรี “CURIOOkids Starter Kit” สำหรับผู้ลงทะเบียนล่วงหน้า

ลงทะเบียน: bit.ly/CURIOO_CW_SOFTOPEN
LINE: @CURIOOkids
*จำนวนจำกัด

"สมายล์บัส" ใจดี "เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี" ขึ้นรถเมล์ฟรี! ตลอดปี 67


คุณกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด หรือ TSB เผยว่า TSB ได้เล็งเห็นถึงปัญหาค่าครองชีพของครัวเรือนที่ยังคงปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน อีกทั้งในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงเปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ ประจำปี 2567 ส่งผลให้ผู้ปกครองหลายคนต้องเผชิญภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบ และช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชน ทาง TSB จึงได้พิจารณานโยบายยกเว้นค่าโดยสาร สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางด้วยรถเมล์พลังงานไฟฟ้าของไทย สมายล์ บัส โดยให้สิทธิเฉพาะเด็กแรกเกิด จนถึงเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี จากปัจจุบันที่มีอัตราการจัดเก็บค่าโดยสารอยู่ที่ 10-15-20-25 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ 2 พฤษภาคม 2567 ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567

สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการจะใช้สิทธิดังกล่าว ต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรประจำตัวนักเรียนที่สามารถระบุตัวตนและอายุของผู้ถือบัตรนั้น ๆ ส่วนเด็กแรกเกิดหรือเด็กเล็ก บัสโฮสเตสจะพิจารณายกเว้นค่าโดยสารให้โดยอัตโนมัติ

ทั้งนี้ ในส่วนของประชาชนทั่วไป สามารถใช้บัตรโดยสาร HOP Card เพื่อจ่ายค่าโดยสารในราคาสุดคุ้มแบบ Daily Max Fare เหมาจ่ายค่าโดยสาร 40 บาทตลอดทั้งวัน ไม่จำกัดสาย ไม่จำกัดเที่ยว หรือ หากเดินทางเชื่อมต่อเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100% ค่าโดยสารเหมาจ่าย 50 บาทตลอดทั้งวัน ไม่จำกัดสาย ไม่จำกัดเที่ยว สำหรับผู้ที่ยังไม่มีบัตรโดยสาร HOP Card สามารถซื้อผ่าน 3 ช่องทางจำหน่าย คือ Shopee Lazada และ Line : @tsbofficial ของไทย สมายล์ บัส

นักวิชาการ แนะ "รมว.ดีอีเอส" ลุยใช้กม.ลดขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์จริงจัง

ตามที่มีข่าวว่า นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้เข้าร่วมเวทีเสวนาประเด็นเกี่ยวกับการให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ประเด็นโทษพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า และประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายหรือไม่ นั้น 

ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร หน่วยวิชาการบ่มเพาะเครือข่ายนักจัดการปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่า ประเด็นบุหรี่ไฟฟ้ากำลังอยู่ในความสนใจของเด็กและเยาวชน และยังพบว่าปัจจุบันเด็กและเยาวชน ใช้บุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก เนื่องจากมีความเข้าใจผิดว่า บุหรี่โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ไม่อันตราย ทั้งที่เมื่อสูบแล้วจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพเช่นเดียวกับบุหรี่มวน ซึ่งสถานการณ์การใช้บุหรี่ไฟฟ้า เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญและเฝ้าระวังอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเด็กและเยาวชน  

“การที่รัฐมนตรีชัยวุฒิ ออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ อาจทำให้เกิดกระบวนการสร้างความเข้าใจที่ผิดต่อบุหรี่ไฟฟ้ากับเยาวชนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพให้สังคมไทยยอมรับและสนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายหรือไม่ เพราะเป็นการนำเสนอประเด็นเพียงด้านเดียว ขณะเดียวกันในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส ควรดำเนินการจับกุมและบังคับใช้กฎหมายกับผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า เพราะถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายที่ยังมีขายในระบบออนไลน์จำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการทำหน้าที่โดยตรงของกระทรวง เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง เช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ที่สามารถจัดการกับการขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องสุขภาพของเด็กและเยาชน” 

ดร.วศิน กล่าวทิ้งท้าย โดยฝากถึงสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ว่า ให้ระมัดระวังการจัดเวทีเสวนา ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อไม่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เยาวชนเกิดความเข้าใจผิดในประเด็นบุหรี่บุหรี่ไฟฟ้าทั้งในแง่กฎหมายและโทษพิษภัย 

"ว่ายน้ำเพื่อชีวิต" ตั้งเป้าสอนเด็ก 2,200 คนทั่วปท. พ้นจมน้ำเสียชีวิต ประเดิมที่กรุงเทพฯ

พลเอกธนิส พิพิธวณิชการ ที่ปรึกษาสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย และประธานโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต ประจำปี 2566 พร้อมด้วย นายศักดิ์ชัย สุริยวงศ์ ผู้แทนประธานภาค กทม.และ นายสมาน สืบสาย หัวหน้าศูนย์เยาวชนคลองกุ่ม สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว ร่วมพิธีเปิดโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต ประจำปี 2566 ณ ศูนย์เยาวชนคลองกุ่ม กรุงเทพฯ

โครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต เป็นการร่วมมือกันระหว่าง สมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย และ บริษัทบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมเพื่อสังคม เน้นฝึกสอนการว่ายน้ำเบื้องต้นให้แก่เด็กในชุมชนที่ด้อยโอกาสและมีทุนทรัพย์น้อย โดยศูนย์เยาวชนบึงกุ่ม มีเด็กเยาวชนที่ด้อยโอกาสและเด็กพิเศษเข้าร่วมโครงการกว่า 50 คน แบ่งการฝึกสอนออกเป็น 10 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะมีการประเมินผลหลังเสร็จสิ้นการฝึกสอนด้วยการสามารถลอยน้ำได้ในเบื้องต้นและสามารถช่วยเหลือผู้อื่นในเบื้องต้นได้

พลเอกธนิส พิพิธวณิชการ ที่ปรึกษาสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยและประธานโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิต ประจำปี 2566 เปิดเผยว่า โครงการนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีมากที่ สมาคมว่ายน้ำ ได้ร่วมกับ ปตท.ร่วมกันทำกิจกรรมดี ๆ เพื่อสังคมครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้มอบโอกาสให้เด็กเยาวชนและเด็กพิเศษในแหล่งชุมชนต่าง ๆ ที่ด้อยโอกาส ได้ว่ายน้ำเป็นในเบื้องต้นลดอัตราการเสียชีวิตของเยาวชนที่เกิดจากการจมน้ำเสียชีวิต และเชื่อว่าในอนาคตต่อไปจะได้ขยายโอกาสออกไปได้ทั่วถึงและเข้าถึงเยาวชนให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย

สำหรับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สนับสนุนงบบประมาณเพื่อจัดโครงการว่ายน้ำเพื่อชีวิตขึ้นเพื่อเพื่อพัฒนาทักษะการว่ายน้ำให้เด็กด้อยโอกาสในภูมิภาคต่างๆ แสวงหาความร่วมมือกับชุมชนเพื่อต่อยอดในการเฟ้นหานักกีฬารุ่นใหม่ต่อไป และให้บริการนักกีฬาว่ายน้ำด้อยโอกาสในชุมชน นำไปสู่การลดอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำ ระยะเวลาดำเนินโครงการระหว่างช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2566 ซึ่งมีนักกีฬาว่ายน้ำเป้าหมาย เป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้อยโอกาสหรือมีทุนทรัพย์น้อยในชุมชน ทั้ง 6 ภูมิภาค ได้แก่

1) ภาคกลาง 1 จำนวน 500 คน

2) ภาคกลาง 2 จำนวน 500 คน

3) ภาคอีสาน จำนวน 500 คน

4) ภาคใต้ จำนวน 500 คน

5) ภาคเหนือ จำนวน 500 คน

6) กรุงเทพมหานคร จำนวน 500 คน