“ดีพร้อม” ปั้น Hero Brand คราฟต์ไทย ดัน Soft Power แฟชั่นสู่โลก คาดเศรษฐกิจโต 100 ล้านบาท

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เดินหน้าสร้าง Hero Brand ในอุตสาหกรรมแฟชั่นสาขาหัตถอุตสาหกรรมไทย หนุนพลังผลักดัน Soft Power แฟชั่นไทยผ่าน “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาหัตถอุตสาหกรรมไทย”ด้วยดำเนินการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการสร้างภาพลักษณ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับสู่การเป็น Hero Brand โดยวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ในด้านที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ประกอบการด้านหัตถอุตสาหกรรม ที่ประสบความสำเร็จหรือแบรนด์หัตถอุตสาหกรรมชั้นนำของไทย เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแฟชั่น สาขาหัตถอุตสาหกรรมไทย ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาดและการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ พร้อมผลักดันให้เกิด Hero Brand ในสาขาหัตถอุตสาหกรรมไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 100 ล้านบาท

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า การสนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ของไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก โดยจากคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ว่ารัฐบาลจะส่งเสริมการยกระดับภูมิปัญญาไทยไปสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Creative Culture) เพื่อส่งเสริม Soft Power ของประเทศ สนับสนุนและส่งเสริมการปรับใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน (Local Wisdom) ซึ่งเป็นศักยภาพของคนไทยและทุนทางวัฒนธรรมของประเทศไทย ทั้งอาหารท้องถิ่นไทย ผ้าไทย มวยไทย ศิลปะการแสดงไทย ดนตรีไทย ผสมผสานกับศิลปะร่วมสมัย และสุราชุมชน เพื่อยกระดับสินค้าทั้งด้านมาตรฐาน และดีไซน์ให้ทันสมัย โดดเด่น แตกต่าง และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการและเลขานุการร่วมภายใต้คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และเป็น Focal Point ในสาขาแฟชั่น ซึ่งต้องบูรณาการกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อน Soft Power สาขาดังกล่าวให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม อุตสาหกรรมแฟชั่นถือเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้งในด้านมูลค่าและการจ้างงาน โดยธุรกิจในอุตสาหกรรมสร้างรายได้ราว 3.9 แสนล้านบาท การส่งออกสินค้าแฟชั่นมีมูลค่ากว่า 2.0 แสนล้านบาท และการจ้างงานราว 7.5 แสนคนในปี 2564

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมแฟชั่นยังมีความสำคัญในฐานะที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องหนัง อัญมณีและเครื่องประดับ ค้าปลีก บริการออกแบบ และโฆษณา ซึ่งจุดแข็งที่สำคัญของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย ได้แก่ ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูงทั้งในด้านการควบคุมการผลิตสินค้า และการบริหารจัดการในกระบวนการผลิต ไทยเป็นแหล่งผลิตอัญมณีที่สำคัญ วัตถุดิบไทยมีคุณภาพไม่แพ้ชาติใดในโลก ทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าแฟชั่นให้กับแบรนด์ระดับโลก อีกทั้ง คนรุ่นใหม่ที่มีองค์ความรู้ด้านการออกแบบและสร้างแบรนด์มีความสนใจเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นมากขึ้น นอกจากนี้ แฟชั่นไทยมีเอกลักษณ์และโดดเด่นไม่เหมือนใคร สามารถผสมผสานวัฒนธรรมและเสน่ห์ของความเป็นไทยเข้ากับเทรนด์แฟชั่นสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะผ้าไหม และผ้าฝ้ายของไทยเป็นผ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและคุณภาพ มีหลากหลายชนิด สามารถผสมผสาน ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้

ทั้งนี้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมร่วมกับภาคเอกชนภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น จึงได้จัดทำ “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาหัตถอุตสาหกรรมไทย” ภายใต้โครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและนักออกแบบในอุตสาหกรรมแฟชั่น สาขาหัตถอุตสาหกรรมไทยให้มีองค์ความรู้ และทักษะที่จำเป็นในการสร้างภาพลักษณ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับสู่การเป็นแบรนด์ระดับสากล การเสริมสร้าง ภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นที่มีรากฐานมาจากทุนทางวัฒนธรรมของไทยให้มีความเป็นสากล ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแฟชั่นในปัจจุบัน และขยายโอกาสทางการตลาดให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่น

นางสาวณัฏฐิญา กล่าวต่อว่า โดยกิจกรรมดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรในสาขาหัตถอุตสาหกรรมไทย ครอบคลุมสาขางานผ้าพื้นเมือง งานปัก เครื่องหนัง เซรามิก เครื่องจักสาน และอื่น ๆ มุ่งเน้นการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับการออกแบบร่วมสมัย จำนวน 25 กิจการ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศ และระดับสากล พร้อมทั้งสร้างเรื่องราวแบรนด์ (Storytelling) และอัตลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ไทย ผ่านการฝึกอบรมเชิงลึกทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต การศึกษาดูงาน และการใช้กลยุทธ์การตลาด การสื่อสารนำไปสู่การเพิ่มยอดขายสินค้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อยอดงาน หัตถอุตสาหกรรมร่วมเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย สร้างให้โอกาสโตไกล และเชื่อมโยงสู่ตลาดโลก THAI Craft to the WORLD อย่างยั่งยืน

สำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้จะได้ลงมือปฏิบัติจริงทั้งกิจกรรมให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในสาขาหัตถอุตสาหกรรมไทย จำนวนไม่น้อยกว่า 5 Man-day/กิจการ (ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมง) อาทิ Exploration and Local Craft Workshop สร้างแรงบันดาลใจ สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง Hero Brands และ Local Artisans เรียนรู้เทคนิคในการออกแบบสินค้าสาขาหัตถอุตสาหกรรมไทยด้วยทุนทางวัฒนธรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นยกระดับสินค้าสาขาหัตถอุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าในระดับสากล กับช่างฝีมือท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงระดับประเทศในแต่ละภูมิภาคของไทย และนับว่าเป็นโอกาสที่ดีและเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพแบรนด์คราฟต์ ให้ไปสู่ระดับสากลอย่างยั่งยืน และคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 100 ล้านบาท นางสาวณัฏฐิญา กล่าวทิ้งท้าย

โดยผู้ประกอบที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งธุรกิจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทร. 0-2430-6883 กด 2 หรือติดตามความเคลื่อนไหวและข่าวสารต่างๆได้ที่ www.diprom.go.th หรือ www.facebook.com/dipromindustry

ดีพร้อม เดินหน้าปั้น Hero Brand อุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ หนุนพลัง Soft Power แฟชั่นไทย

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เดินหน้าสร้าง Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ หนุนผลักดัน Soft Power แฟชั่นไทย ผ่าน “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย” ด้วยการพัฒนาทักษะในการสร้างภาพลักษณ์ ให้คำปรึกษาเชิงลึก ยกระดับภูมิปัญญาสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ตอบโจทย์ความต้องการตลาด พร้อมปั้น Hero Brand สู่แบรนด์ระดับสากล ที่ทันสมัย แตกต่าง และมีคุณค่า ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 62 ล้านบาท

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ  ทั้งในด้านมูลค่าการส่งออก การจ้างงาน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับสาขาอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงาม ที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย โดยในปี 2567 ธุรกิจเครื่องสำอาง มีมูลค่าตลาดรวมถึง 2.81 แสนล้านบาท เนื่องจากกระแสความนิยมในการใส่ใจสุขภาพและความงาม และตลาดอีคอมเมิร์ซได้เข้ามา มีบทบาทในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ ยังคงประสบกับปัญหาในการสร้างภาพลักษณ์ให้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเท่าที่ควร การพัฒนาผลิตภัณฑ์และควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานสากล รวมถึงสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน ดังนั้นผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาและยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ ในมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการเชิงรุกให้มีศักยภาพในการแข่งขันบนฐานเศรษฐกิจยุคดิจิทัล รวมถึงให้เท่าทันกับบริบทความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและทิศทางของเศรษฐกิจโลก

โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการยกระดับศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้”ด้วยกลยุทธ์ 4 ให้ 1 ปฏิรูป ของนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มุ่งส่งเสริม พัฒนา และยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในทุก ๆ ด้าน อย่างตรงจุดผ่าน “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย” โดยการพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯให้มีองค์ความรู้ในการสร้างภาพลักษณ์ ยกระดับภูมิปัญญาสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ผ่านการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่มีรากฐานมาจากทุนทางวัฒนธรรมของไทยให้มีความเป็นสากล ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแฟชั่นในปัจจุบัน พร้อมสร้างต้นแบบ Hero Brand เพื่อยกระดับแบรนด์เครื่องสำอางไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากขึ้น รวมถึงขยายโอกาสทางการตลาดและสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ ในมิติต่าง ๆ ให้สามารถเติบโตก้าวสู่ตลาดสากลได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมให้มีความทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการปรับตัวให้เข้ากับวิถีใหม่ของโลก ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

นางดวงดาว กล่าวต่อว่า กิจกรรมดังกล่าว จะมุ่งเน้นการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์ สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทยสู่ Fashion Hero Brand ในระดับสากล โดยผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางฯ จำนวน 25 กิจการ ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการสร้างภาพลักษณ์ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งจะเริ่มจากการให้ผู้ประกอบการมองเห็น ‘คุณค่าในตัวเอง’ การให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก อาทิ ด้านการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์ การจัดทำแผนการตลาดและแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการสื่อการตลาดออนไลน์ การส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์ รวมถึงการออกแบบและผลิตคลิปวิดีโอโปรโมตเพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อ Social Media การศึกษาดูงานโรงงานต้นแบบในสาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฯ แบรนด์ไทยที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการยกระดับศักยภาพธุรกิจของตนเอง ตลอดจนการทดสอบตลาดเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างความโดดเด่น ความเป็นอัตลักษณ์ให้กับแบรนด์ของตนเอง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน พร้อมเติบโตและก้าวสู่การเป็นแบรนด์สินค้าที่เป็นที่รู้จักในระดับสากล

“กิจกรรมนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเวทีสำหรับการพัฒนาแบรนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ปลุกพลังความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการไทย กล้าถ่ายทอดอัตลักษณ์ของตนเองอย่างเต็มที่ และความงามของไทยไม่ใช่เพียงภายนอกหากแต่เป็นพลังภายในที่หยั่งรากจากวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และศรัทธาในความเป็นไทย นี่คือจุดแข็งที่ไม่มีใครเลียนแบบได้และเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาแบรนด์ในยุค Soft Power สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์การพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ไทย (Soft Power) โดย ดีพร้อม เชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการจะมีสมรรถนะและพัฒนาขีดความสามารถด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด และเกิดการสร้าง Hero Brand ในสาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย อันจะนำไปสู่การสร้างแบรนด์ไทยไปไกลในเวทีโลกด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัย แตกต่าง มีคุณค่า และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 62 ล้านบาท” นางดวงดาว กล่าวทิ้งท้าย