"ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย" ประกาศจุดยืนเรื่องความปลอดภัยของวัคซีน HPV

วันที่ 31 ม.ค.68 เพจเฟซบุ๊ก ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย โพสต์ประกาศจุดยืนของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่องความปลอดภัยของวัคซีนเอชพีวี (HPV vaccine) ระบุว่า...

ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ขอแสดงจุดยืนเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนเอชพีวี โดยราชวิทยาลัยฯ ได้ทบทวนข้อมูลวิชาการด้านประสิทธิภาพและความ
ปลอดภัยของวัคซีนเอชพีวี และร่วมจัดกำแนวทางการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก พ.ศ. 2567 (https://www.nci.go.th/th/cpg/e-book/Cervical_Cancer/mobile/index.html#p=1) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิหลายสาขา พบว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 องค์การอนามัยโลก และ Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ได้ทบทวนข้อมูลเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนเอชพีวีจากการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 270 ล้านเข็ม พบว่าวัคซีนเอชพีวีมีความปลอดภัยสูงมาก ส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาตรงตำแหน่งที่ฉีดยา ได้แก่อาการปวด บวม ผื่นแดง อาการแพ้รุนแรงพบได้น้อยมาก (https://www.who.int/groups/global-advisory-committee-on-vaccine-safety/t...)

ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยจึงสนับสนุนการฉีดวัคซีนเอชพีวีสำหรับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 ของภาครัฐ และการฉีดวัคซีนเอชพีวีสำหรับประชาชนทั่วไป
ตามแนวทางเวชปฏิบัติเพื่อประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งอันดับ 4 ในสตรีไทย รวมถึงป้องกันมะเร็งและโรคอื่นๆ ที่มีสาเหตุ
จากเชื้อเอชพีวี


31 มกราคม 2568

 

DKSH ร่วมกับ MSD ผนึกกำลังขยายการเข้าถึงวัคซีน HPV ในประเทศไทย

DKSH ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด ในการขยายโอกาสเติบโตทางธุรกิจในประเทศไทย โดยความร่วมมือในครั้งนี้ DKSH จะเดินหน้าส่งเสริมการเข้าถึงผลิตภัณฑ์วัคซีนและโซลูชันด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องของ MSD ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต่อสู้กับโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV ในประเทศไทย

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ด้านโซลูชันการดูแลสุขภาพและผู้นำด้านการขยายตลาด สำหรับบริษัทผู้ผลิตเวชภัณฑ์ยา บริษัทผู้ผลิตยาจำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (OTC) ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และเครื่องมือแพทย์ ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นสาขาในประเทศไทยของบริษัทวิจัยและผลิตชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก ภายใต้ความร่วมมือนี้ DKSH จะดูแลการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัคซีน HPV (Human Papillomavirus) ให้สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น    ส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้แก่ผู้ป่วยในประเทศไทยอีกด้วย

ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีน HPV ในประเทศไทย ซึ่งยังคงเผชิญกับความท้าทายในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน การศึกษาวิจัยเรื่อง "นโยบายและแผนการผลิตและพัฒนาวัคซีนในประเทศไทย” ระบุว่าประเทศไทยยังคงประสบปัญหาการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอสำหรับจำนวนประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตสุขภาพและโรคระบาด เป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมในการเข้าถึงการรักษาและการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในประชากรกลุ่มเปราะบาง

ภายใต้ข้อตกลงนี้ DKSH จะให้บริการจัดจำหน่ายแบบครบวงจร (Contract Sales Organization) และบริการโซลูชันสำหรับผู้ป่วย (Patient Solutions) เพื่อขยายการเข้าถึงวัคซีน HPV ในช่องทางต่างๆ ให้ได้มากที่สุด ทั้งทางโรงพยาบาล คลินิก และพันธมิตรผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพทั่วประเทศไทย

ดร.แมรี เสรฐภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ DKSH ในครั้งนี้ จะส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงวัคซีนของเราได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการฉีดวัคซีนมีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจของ DKSH ในประเทศไทยที่มียาวนานกว่าร้อยปี ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ทางการตลาดที่โดดเด่น บริษัทฯ จึงมีความมั่นใจในความร่วมมือในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง”

นายแพทริค แกรนเด รองประธานฝ่ายบริหาร และหัวหน้าฝ่าย Commercial Outsourcing ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก DKSH กล่าวเพิ่มเติมว่า  “ความร่วมมือกับ MSD ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านเวชภัณฑ์ยาและวัคซีน จะช่วยให้เราสามารถส่งมอบวัคซีนผ่านนวัตกรรมโซลูชันที่ครบวงจรของเราให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ดียิ่งขึ้น ความร่วมมือครั้งนี้ยังตอกย้ำพันธกิจที่สำคัญในการกำหนดกลยุทธ์การเข้าถึงตลาดที่เหมาะสมให้กับพันธมิตรทางธุรกิจของเรา ด้วยเครือข่ายและผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินงาน DKSH จึงพร้อมที่จะส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีน HPV ของ MSD ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น” 

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ DKSH ในการตอบสนองความต้องการด้านสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย ในฐานะพันธมิตรด้านสุขภาพที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน DKSH ยืนหยัดที่จะพัฒนาการเข้าถึงนวัตกรรมโซลูชันต่างๆ และส่งเสริมสุขภาพของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น