TEAMG ไม่พลาด! ลุยประมูลงานรัฐ-เอกชน ดัน Backlog ช่วงปลายปี 66

นโยบาย "รัฐบาลเศรษฐา1" วางกรอบนโยบายบริหารและพัฒนาประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ-การใช้จ่าย-เพิ่มความเชื่อมั่นเพื่อดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่นั้น ทาง บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ได้เตรียมตัวพร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างเต็มกำลังจากภาครัฐและเอกชน ทั้งงานอาคาร โครงสร้างพื้นฐาน งานบริหารจัดการน้ำ งานนวัตกรรมประหยัดพลังงาน รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านการลงทุนและพัฒนาโครงการ หวังเพิ่มงานในมือ (Backlog) ให้แข็งแกร่งต่อเนื่องจากปัจจุบันที่มี Backlog ไปแล้วกว่า 5,600 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ ผลงานยังโตแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ

TEAMG กางแผนครึ่งปีหลัง ต่อยอดลงทุน-พัฒนาโครงการ รุกประมูลงานใหม่ภาครัฐ-เอกชน หนุนรายได้ปี 66 โตตามเป้า

ดร.อภิชาติ สระมูล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผย ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 382.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ผลักดันให้มีกำไรสุทธิ 25.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 346.8% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิครึ่งปีแรกของปี 2566 เท่ากับ 66.55 ล้านบาท เติบโตขึ้น 177% เทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565 กำไรที่เติบโต เป็นผลมาจากการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง มีการควบคุมต้นทุนขายและ
การให้บริการได้เป็นอย่างดี ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้จากการขายและให้บริการ อยู่ที่ร้อยละ 30.6 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน 

สำหรับผลงานในครึ่งปีแรก งานในด้านธุรกิจเกี่ยวเนื่องของบริษัทเติบโตโดดเด่น เนื่องจากบริษัทได้รับงานโครงการขนาดใหญ่ร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ โครงการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ ระยะที่ 1 ขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ และ โครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า ระยะที่ 2 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ โครงการก่อสร้างระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางฯ (District Cooling) ของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการลงทุนของบริษัท ได้เริ่มทำการก่อสร้างในไตรมาสที่ผ่านมา และจะแล้วเสร็จ สามารถรับรู้รายได้ประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2568 โดยรายได้ตลอดอายุสัมปทาน 20 ปี มูลค่ารวมประมาณ 590 ล้านบาท

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง TEAMG ยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆ โครงการขนาดใหญ่ มูลค่าสูง ของภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งงานธุรกิจที่ปรึกษา และงานธุรกิจเกี่ยวเนื่อง งานลงทุนและพัฒนาโครงการ อาทิ งานออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน โครงการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก งาน Engineering Procurement Contract (EPC) งานบริหารจัดการน้ำ และงานนวัตกรรมประหยัดพลังงาน (Energy Efficiency) นอกเหนือไปจากงานสำรวจและออกแบบโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่า 114 ล้านบาท ที่บริษัทได้ลงนามสัญญาไปแล้วในไตรมาสที่ 3 นี้  เป็นผลให้ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) และรอส่งมอบอีกจำนวนมาก แบ่งเป็นงานด้านที่ปรึกษา กว่า 4,800 ล้านบาท และโครงการลงทุน กว่า 800 ล้านบาท 

“ภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรก ถือว่าเติบโตตามเป้า และในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะสามารถเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงมุ่งมั่นเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจที่ปรึกษา และเติบโตในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง มุ่งเป็นผู้ลงทุนหรือผู้พัฒนาโครงการ เพิ่มมากขึ้น
ในอนาคตเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน”

TEAMG เดินหน้าลดก๊าซเรือนกระจก  เยียวยาภาวะโลกร้อน

นับวันโลกยิ่งร้อนระอุ… แต่ บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ หรือ TEAMG ก็ไม่นิ่งนอนใจ!!! ร่วมขับเคลื่อนแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ-ลดโลกร้อน คลอดแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งเป้าลด 5% ในปี 2566 นี้คร้าาาา “บอกเลยไม่ได้โม้” เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนรถยนต์ในองค์กรเป็นรถ Hybrid จัดเปลี่ยนแอร์รุ่นใหม่ทดแทนแอร์เก่า ลดค่า BOD จาก Septic Tank ลง 5% รวมถึงลดการใช้ไฟฟ้าในสำนักงานลง 5% เปลี่ยนโหมดทำงานจาก Paperwork สู่ Paperless/Reuse เพื่อลดการใช้ประดาษลง 2% พร้อมเลือกเดินทางกับสายการบินที่ปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำ และใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า!

นอกจากนี้ TEAMG ยังเชิญชวนคนไทยทั่วประเทศ ร่วมแสดงพลังของคนรักษ์โลก พร้อมใจปิดไฟ...ให้โลกพักสักงีบ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ในวันเสาร์ที่ 25 มี.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 20.30-21.30 น. เพื่อลดภาวะโลกร้อน หรือ 60+ Earth Hour 2023 พร้อมกับประเทศต่างๆ กว่า 190 ประเทศ รวม 7,000 เมืองทั่วโลก เนื่องในวันปิดไฟเพื่อโลก

ทีมกรุ๊ปเตือนระวังน้ำทะเลหนุนสูง-น้ำเค็มรุกลำน้ำเจ้าพระยาสัปดาห์นี้

“ทีมกรุ๊ป” เตือนพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง-น้ำเค็มรุกลำน้ำเจ้าพระยาช่วงสัปดาห์นี้ เชื่อมั่นไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการผลิตน้ำประปาแต่อย่างใด วอนประชาชนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด
 
นายชวลิต จันทรรัตน์ วิศวกรแหล่งน้ำ และกรรมการ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง และค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด รวมทั้งติดตามข้อมูลจากกรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา กรมอุทกศาสตร์ การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค และหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกรมอุทกศาสตร์ ได้ออกประกาศ สภาวะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ และพื้นที่ใกล้เคียงว่า จะเกิดสภาวะน้ำทะเลหนุนสูง คาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะสูงประมาณ 1.70 - 2.00 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทำให้น้ำเค็มรุกตัวเข้าสู่ลำน้ำเจ้าพระยา น้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ถนนหลายสายถูกน้ำท่วม และอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำใช้อุปโภค-บริโภค ทำให้น้ำประปาในบางพื้นที่มีรสชาติเค็มและกร่อย รวมถึงการใช้น้ำเพื่อการเกษตร  

ทั้งนี้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะบริเวณนอกคันกั้นน้ำหรือแนวฟันหลอ ในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงและความเค็มรุกตัวบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิดในช่วงวันที่ 19-22 มีนาคม ซึ่งคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเท่ากับการเกิดน้ำทะเลหนุนสูงเมื่อวันที่ 14 – 18 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณปากแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำเพชรบุรี ขอให้ระวังน้ำทะเลหนุนสูง รวมถึงน้ำเค็มรุกพื้นที่การเกษตรด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจค่าความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานีสูบน้ำดิบสำแล จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำประปาหลักของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมายังมีค่าความเค็มของน้ำไม่เกินมาตรฐานในการใช้สำหรับผลิตน้ำประปา (0.25 กรัมต่อลิตร) และเชื่อมั่นว่าน้ำเค็มจะรุกไปไม่ถึงสถานีสูบน้ำดิบสำแล เนื่องจากกรมชลประทาน ได้เตรียมการป้องกันและเฝ้าระวังค่าความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มการระบายน้ำเพื่อเจือจางค่าความเค็ม จึงช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นลงได้ในระดับหนึ่ง แต่เพื่อความไม่ประมาท อยากขอให้ประชาชนที่ใช้น้ำโดยตรงจากแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองสาขาต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง และสภาวะน้ำกร่อยที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ด้วย