"Smarthome" ยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว ชูจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัย

"Smarthome" ยืนหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทุกครอบครัว ชูจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัย

เมื่อพูดถึงแแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เชื่อว่าใครหลายๆ คน คงจะนึกถึงแบรนด์ “Smarthome” เป็น 1 ในคำตอบในใจอย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่แข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ทันสมัยและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ "Smarthome" กันให้มากยิ่งขึ้น

"Smarthome (สมาร์ทโฮม) เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ตอบสนองรูปแบบชีวิตแนวใหม่  โดยมีบริษัท สเต็ป ฟอร์เวิร์ด กรุ๊ป จำกัด  เป็นผู้นำเข้าและจำหน่าย

มีผู้ก่อตั้งทั้งหมด 3 ท่านได้แก่ คุณธวัช มานะวงค์ (Executive Director) , คุณวิศรุต ทวีรุจนะ (Managing Director) และคุณณัฐพล รอดชุม (Managing Director) ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ สำหรับสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมไปถึงเครื่องใช้ ไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำเสนอสินค้าที่ดี มีคุณภาพ เน้นรูปลักษณ์สวยงาม ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้เข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย

สินค้าของ "Smarthome" ครอบคลุมและหลากหลาย อาทิ หม้อทอดไร้น้ำมัน, เตาปิ้งย่าง, เครื่องปั่น, กระติกน้ำร้อน, เตาอบ, เตาแม่เหล็กไฟฟ้า, หม้อเอนกประสงค์,เครื่องฟอกอากาศ, เครื่องดูดฝุ่น, พัดลม, หม้อหุงข้าว, ตู้เย็น, เครื่องทำน้ำแข็ง และเครื่องทำแซนวิซ เป็นต้น 

มีช่องทางการจัดจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงโมเดิร์นเทรด อาทิ Big-C , Lotus , Makro ,GO Wholesale, 7-Eleven และ CJ Express รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทยและตลาดอีคอมเมิร์ซ E-commerce เพื่อเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Lazada , Shopee , TikTok Shop และอื่นๆ เพื่อทำให้การซื้อสินค้ากลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย มากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของสินค้า Smarthome คือ 1.มีคุณภาพตามมาตรฐานและผลิตภัณฑ์ต้องผ่านการตรวจสอบก่อนถึงมือลูกค้า 2.มีความทันสมัย สามารถ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกวัย ในราคาที่เป็นมิตรและเข้าถึงได้สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง ทำให้สามารถเลือกซื้อได้สะดวกและมั่นใจว่าสินค้ามีความคุ้มค่าที่สุด 3.มีการรับประกันที่ยาวนานถึง 3 ปี เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ ในคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้า และ4.มีบริการหลังการขายที่พร้อมให้บริการลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับ ความสะดวกสบายและความพึงพอใจที่สุดในการใช้บริการ

ไม่เพียงเท่านี้ บริษัทยังมุ่งเน้นด้านบริการอย่างเต็มที่ โดยมีทีม After-Sales Service บริการหลังการขาย ให้คำปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน ตั้งแต่วันจันทร์-วันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 08.30 น. - 18.00 น. (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) อีกทั้งเรายังมีรับประกันสินค้าถึง 3 ปี ให้กับตัวสินค้า นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้า โดยเรามีพนักงานขายประจำอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทุกสาขา เพื่อให้บริการข้อมูลแก่ลูกค้าอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯไม่เพียงแต่มุ่งหวังในผลกำไรเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นที่จะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ และเน้นให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุดเป็นสำคัญ จึงไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคม โดยมีโครงการ "ซื้อ 1 ชิ้น ปัน 1 บาท" ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี โดยทุกการซื้อสินค้าหนึ่งชิ้น เราจะร่วมสมทบทุนเพื่อนำเงินจำนวนนี้ ไปส่งมอบคืนสู่สังคม แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆคือ 1.มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กด้อยโอกาส รวมทั้งเด็กสัญชาติต่างๆ ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน 2.สนับสนุนหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ 3.อุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา เช่น การสร้างศาลาวัดเพื่อสั่งสอนหลักธรรม แก่ประชาชน และมอบทุนการศึกษาแก่สามเณรเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนา นับได้ว่าเป็นองค์กรคุณภาพที่ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ใครไม่อยากตกเทรนด์สินค้าดี มีคุณภาพ ราคาจับต้องได้  สามารถเข้าไปดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smart-home.co.th/ 

"ซัมซุง" ชวนประชันความเจ๋ง ครีเอทวิดีโอคอนเทนต์ SmartThings “Make Life Smart เวอร์” ชีวิตสมาร์ทขึ้นด้วยแอปฯ SmartThings

เตรียมตัวให้พร้อม! ซัมซุงเชิญชวนทุกคนมาร่วมกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ ในโครงการครีเอทวิดีโอคอนเทนต์ SmartThings “Make Life Smart เวอร์” พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้โชว์ความเจ๋งและความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่! อวดฟีเจอร์ SmartThings สุดเจ๋ง ว่าชีวิตของคุณสมาร์ทขึ้นได้ด้วยแอปฯ SmartThings และสินค้าของซัมซุงอย่างไร?

กติกาง่ายๆเพียงสร้างวิดีโอความยาวไม่เกิน 1 นาที เพื่ออวดความสมาร์ทของแอป SmartThings ร่วมกับสินค้าของซัมซุงตามไลฟ์สไตล์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่คุณเชื่อมต่อไว้ อวดไลฟ์สไตล์ที่คุณชอบ ความสะดวก ง่าย ประหยัด รวมถึงปลอดภัยในแบบของคุณ แล้วโพสต์วิดีโอลงบนโซเชียลมีเดียที่คุณมีได้ทุกช่องทาง โดยเปิดเป็น Public และใส่ Hashtag ที่กำหนด สำหรับคลิปวิดีโอที่ได้รับยอดวิวมากที่สุดจะมีโอกาสลุ้นรับรางวัลจากซัมซุงสูงสุดถึง 26 รางวัล รวมมูลค่าทั้งหมด 109,706 บาท!  

อันดับ 1 จำนวน 1 รางวัล  TV 65” Neo QLED 4K ราคา 50,990 บาท

อันดับ 2 จำนวน 2 รางวัล Galaxy Watch7 (Bluetooth, 40mm.) รางวัลละ 10,900 บาท / 1 รางวัล

อันดับ 3 จำนวน 3 รางวัล เครื่องฟอกอากาศ (AX32BG3100GBST)  รางวัลละ 8,990 บาท / 1 รางวัล

รางวัลชมเชย Central Voucher จำนวน 20 รางวัล รางวัลละ 500 บาท / 1 รางวัล

ปลดปล่อยให้จินตนาการของคุณให้โลดแล่นกับการครีเอทคลิปสุดเจ๋ง! ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมการประกวดได้แล้ววันนี้ - 31 สิงหาคม 2567 เวลา 18.00 น. เท่านั้น พร้อมติดตามร่วมลุ้นการประกาศผลในวันที่ 13 กันยายน 2567 

สมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3W3aMHL

ก่อนที่จะเริ่มต้นความสนุก อย่าลืมดาวน์โหลดแอป SmartThings เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่นี่: ดาวน์โหลด SmartThings

#SmartThingsMakeLifeSmartเวอร์ #ควบคุมทุกอย่างได้ในแอปเดียว #Smarthome #SmartThings  #Samsung

 

 

“Smarthome” เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง รุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ชูจุดเด่นสินค้ามีมาตรฐาน-ดีไซน์ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกครอบครัว

สเต็ป ฟอร์เวิร์ด กรุ๊ป ภายใต้แบรนด์ "Smarthome" เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง  รุกหนักตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทั้งไฟฟ้าเล็กและไฟฟ้าใหญ่ เตรียมออกโปรดักส์ใหม่ หลากหลายโปรดักส์ ขยายกลุ่มสินค้าให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของตลาด หวังกระตุ้นยอดขายครึ่งปีหลังนี้ พร้อมชูจุดเด่นสินค้ามีมาตรฐาน-ดีไซน์-เทคโนโลยีทันสมัย ด้วยบริการหลังการขายที่ดี มั่นใจตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์

นายธวัช มานะวงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สเต็ป ฟอร์เวิร์ด กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ "Smarthome" (สมาร์ทโฮม) ที่ตอบสนองรูปแบบชีวิตแนวใหม่ กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนจะบุกตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งไฟฟ้าเล็กและไฟฟ้าใหญ่ ในครึ่งปีหลังปีนี้  โดยมุ่งเน้นทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ครอบคลุมตลาดไปยังทุกเซกเมนต์ และขยายกลุ่มสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ สินค้าของบริษัทฯ เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลาย ทั้งยังตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ ประกอบกับมีเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองความต้องการ ทำให้ลูกค้าเข้าใจลักษณะการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หลากหลายโปรดักส์ โดยชูจุดเด่นสินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐาน ดีไซน์สินค้าที่มีความทันสมัย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ทุกวัย ในราคาจับต้องได้และเข้าถึงได้สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้สะดวกและมั่นใจว่าสินค้ามีความคุ้มค่าสูงสุด รวมถึงมีการการรับประกันสินค้าที่ยาวนานถึง 3 ปี เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้า นอกจากนี้ยังมีบริการหลังการขายที่พร้อมให้บริการลูกค้า และพนักงานขายเพื่อแนะนำสินค้าประจำการที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทุกสาขา  อีกทั้งลูกค้ายังสามารถดูรายละเอียดและวิธีการใช้งานของสินค้าได้ในช่องทางออนไลน์ต่างๆของ Smarthome ได้ทั้ง Facebook,YouTube,TikTok ของเรา เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายและความพึงพอใจสูงสุดในการใช้บริการ

โดยบริษัทฯ คาดว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และจะมียอดขายสูงขึ้นช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของปี เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้บริโภคจะมองหาของขวัญ หรือมีกิจกรรมจับรางวัลต่างๆ และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จะเป็นสินค้ากลุ่มหลักๆ ที่ผู้บริโภคจะมองเพื่อซื้อหา เพราะมีราคาไม่สูงและขนาดของสินค้าพอเหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญให้กัน

“โลกที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันทำให้ผู้บริโภคหันมาช้อปปิ้งทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทำให้บริษัทฯให้ความสำคัญในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มากที่สุด โดยบริษัทฯจะมุ่งเน้นการตลาดควบคู่ทั้งในส่วนของออนไลน์และออฟไลน์ และเชื่อมั่นว่าสินค้าแบรนด์ "Smarthome" มีความคุ้มค่า คุ้มราคา คุ้มคุณภาพ ทำให้มั่นใจเราจะเป็นตัวเลือก อันดับที่ 1 ของลูกค้าได้ไม่ยาก” นายธวัช กล่าว

สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ "Smarthome" มีสินค้าครอบคลุมและหลากหลาย อาทิ เครื่องฟอกอากาศ, เครื่องดูดฝุ่น, พัดลม, หม้อหุงข้าว, ตู้เย็น, เครื่องทำน้ำแข็ง และเครื่องทำแซนวิซ เป็นต้น  โดยสินค้ามีจำหน่ายอยู่ทั่วทั้งประเทศ ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงโมเดิร์นเทรด อาทิ  Big-C , Lotus, Makro,GO Wholesale, 7-Eleven และ CJ Express รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทยและตลาดอีคอมเมิร์ซ E-commerce เพื่อเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Lazada , Shopee , TikTok Shop และอื่นๆ เพื่อทำให้การซื้อสินค้ากลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย มากยิ่งขึ้น

นายธวัช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสฉลองครบรอบ 11 ปี บริษัทฯ ได้ออกแคมเปญ “แจกทอง” เพียงลูกค้าซื้อสินค้า Smarthome รุ่นใดก็ได้ แล้วลงทะเบียนรับประกันสินค้า รับ 1 สิทธิ์ ลุ้นรับของรางวัล ระยะเวลากิจกรรมตั้งแต่วันที่ 1 - 31 กรกฎาคม 2567 โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smart-home.co.th/

"ออริจิ้น" จับมือ "เดลต้า" ยกระดับบ้าน-คอนโด-โรงแรม สู่ความยั่งยืน ส่งมอบนวัตกรรมกรีนและ Smart Home พลิกโฉมประสบการณ์การใช้ชีวิต

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI ผนึกกำลัง “เดลต้า” เตรียมส่งมอบนวัตกรรมสมาร์ทโฮม-นวัตกรรมอาคารเขียว อาทิ นวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์, EV Charger สู่โครงการบ้านจัดสรร-คอนโด-โรงแรม ใหม่ในเครือออริจิ้น สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภคสู่ความยั่งยืน นำร่องใน 3 โครงการ ภายใน ไตรมาส 2/2567 นี้ พร้อมร่วมลุยกิจกรรมเพื่อสังคมและกิจกรรมการตลาดทั้งในและต่างประเทศ

นางอารดา จรูญเอก ประธานอำนวยการ และกรรมการกำกับดูแลบรรษัทภิบาลเพื่อความยั่งยืน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ผู้นำโซลูชันการจัดการพลังงานและความร้อนและผู้นำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ในการนำนวัตกรรมสมาร์ทโฮม และนวัตกรรมอาคารเขียว (Green Building Solutions) ของ DELTA มาใช้ภายในโครงการพัฒนาใหม่ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ทั้งกลุ่มโครงการบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL และโรงแรมภายใต้บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEO

“วันนี้ประเด็นสำคัญที่ผู้คนทั่วโลกต่างตระหนักร่วมกันคือเรื่องความยั่งยืน ผู้คนต้องการมีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดีต่อสุขภาพมากขึ้น และมีนวัตกรรมอัจฉริยะมากขึ้น ออริจิ้นในฐานะหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ มุ่งมั่นสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อมาร่วมส่งมอบนวัตกรรมที่ช่วยสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ หรือ Low-carbon society ให้ผู้บริโภค DELTA ถือเป็นพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนสอดคล้องกัน และเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีนวัตกรรมกรีนและนวัตกรรมอัจฉริยะต่างๆ อย่างครบถ้วน เชื่อว่าสินค้าของ DELTA จะเข้ามาช่วยเติมเต็มความสุข ยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตให้แก่ผู้บริโภคในบ้าน คอนโดมิเนียม และโรงแรมของเราได้” นางอารดา กล่าว

ทั้งนี้เบื้องต้น บริษัทจะนำสินค้าและนวัตกรรมของ DELTA อาทิ EV Charger, ERV Wall Type, UV Sanitizer, Smart Pole เข้ามานำร่องใช้ในโครงการใหม่ในเครือออริจิ้น ดิ ออริจิ้น อี 22 สเตชั่น, เบลกราเวีย ราชพฤกษ์-นครอินทร์ ภายในช่วง ไตรมาส 2/2567 นี้ และจากนั้น จะทยอยนำไปใช้ในโครงการใหม่อื่นๆ รวมถึงดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกันต่อไป

ด้านนายแจ็คกี้ จาง ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง DELTA และออริจิ้น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการยกระดับการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น โดยโซลูชันการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคารของเดลต้าสามารถช่วยแก้ไขปัญหาใหญ่อย่างมลพิษทางอากาศ PM2.5 ในประเทศไทย พร้อมช่วยส่งเสริมสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ขณะเดียวกัน DELTA ยังคงมุ่งมั่นร่วมกับพันธมิตรภาคอสังหาริมทรัพย์ดำเนินการส่งมอบโซลูชันระบบอัตโนมัติและระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยอัจฉริยะที่หลากหลาย ควบคู่กับโซลูชั่นสถานีชาร์จรถไฟฟ้าตลอดจนพลังงานสีเขียวเพื่อสภาพแวดล้อมการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน

โดยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะยาวครั้งนี้มุ่งเน้นให้ประโยชน์แก่ลูกค้าของออริจิ้น ด้วยการส่งมอบสินค้าและโซลูชันที่หลากหลายของ DELTA ตั้งแต่กลุ่มสมาร์ทโฮมโซลูชัน อาทิ ระบบอาคารอัตโนมัติ ระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยอัจฉริยะ และโซลูชันการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคาร เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดี พร้อมช่วยประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ DELTA จะร่วมมือกับออริจิ้นในการพัฒนาโซลูชันอาคารสีเขียวโดยใช้โซลูชันการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และระบบกักเก็บพลังงานที่มีประสิทธิภาพของ DELTA นอกจากนี้ ออริจิ้น และ DELTA ยังมีแผนจะดำเนินงานด้านกลยุทธ์การตลาดร่วมกัน อาทิ การจัดอีเวนท์ภายในประเทศ การจัดอีเวนท์ในต่างประเทศ การทำโรดโชว์ ขณะเดียวกัน ยังมีความมุ่งมั่นจะเดินหน้าทำกิจกรรมเพื่อสังคมและชุมชนร่วมกัน ตอบโจทย์การสร้างสังคมและชุมชนที่ยั่งยืนอีกด้วย

สำหรับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เป็น ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการจัดการพลังงานและความร้อนและผู้นำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในเครือ Delta Electronics, Inc. มีกลุ่มธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ กลุ่มพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มระบบอัตโนมัติ กลุ่ม Mobility และกลุ่มระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดดเด่นด้วยโซลูชันประหยัดพลังงานที่ผ่านการวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสำนักงานขายอยู่ในหลากภูมิภาคสำคัญทั่วโลก รวมถึงมีฐานการผลิตและศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D center) ในไทย และนานาประเทศ

ขณะที่ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 158 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 1/2567) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton),ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 247,795 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร