Shopee ผนึก ITA ปลุกพลังความสำเร็จให้ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ภายใต้แนวคิด “Success in Motion”

สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน ประจำประเทศไทย และ สถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทยร่วมกับ ช้อปปี้ (Shopee) ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวันจัดกิจกรรม “Shopee x ITA Seller Conference ปีที่ 2” หลังจากประสบความสำเร็จจากแคมเปญ “Best of Italy – ยกอิตาลีมาให้ช้อป” ในปี 2566 นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภทจากประเทศอิตาลีมาให้ผู้บริโภคเลือกช้อป พร้อมโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษ โดยไฮไลท์ที่สำคัญของกิจกรรมทุกปีคือการแบ่งปันองค์ความรู้ กลยุทธ์การตลาด และแนวคิดการปรับตัวในยุคอีคอมเมิร์ซ จากกูรู ผู้บริหาร และเจ้าของธุรกิจชั้นนำที่ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มของช้อปปี้ โดยในปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิมภายใต้แนวคิด “Success in Motion-ก้าวทันความเปลี่ยนแปลง สู่ความสำเร็จ” เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการในประเทศไทยได้เปิดโอกาสใหม่ทางธุรกิจบนโลกอีคอมเมิร์ซร่วมกับช้อปปี้

คุณเปาลา กุยด้า ข้าหลวงพาณิชย์ประจำสำนักพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย กล่าวว่า “กิจกรรม “Shopee x ITA Seller Conference ปีที่ 2” นี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมสินค้าจากอิตาลีให้เข้าถึงผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ผ่านการแบ่งปันเครื่องมือ กลยุทธ์ และข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในการต่อยอดธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพในการขาย ด้วยการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยและโอกาสทางธุรกิจที่ช้อปปี้มอบให้ โดยหวังว่ากิจกรรมนี้จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันแบรนด์อิตาลีให้ประสบความสำเร็จในตลาดไทย พร้อมทำหน้าที่เป็นเสมือนทูตในการถ่ายทอดคุณค่าและคุณภาพของสินค้าอิตาลีสู่ผู้บริโภคในประเทศไทยอย่างยั่งยืน”

คุณธัญญธร เหล่าวัชระ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ช้อปปี้ ประเทศไทย กล่าวว่า “ ช้อปปี้ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของ SME และผู้ประกอบการรายย่อยในเศรษฐกิจดิจิทัลไทย จึงมุ่งสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนผู้ขายอย่างครบวงจร ทั้งด้านเทคโนโลยี เครื่องมือการตลาด และโอกาสเข้าถึงผู้บริโภค ผ่านกิจกรรมและแคมเปญต่าง ๆ โดยเชื่อว่าความสำเร็จของแพลตฟอร์มจะเกิดขึ้นได้จากการเติบโตอย่างยั่งยืนของผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ซึ่งความร่วมมือระหว่างช้อปปี้กับสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) และสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทยในแคมเปญ “Best of Italy - ยกอิตาลีมาให้ช้อป” ในครั้งนี้ถือเป็นปีที่ 2 หลังประสบความสำเร็จในปี 2566 ทั้งในแง่ของการกระตุ้นยอดขาย เสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ และการเชื่อมโยงผู้ขายกับผู้ซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปีนี้ได้รับการตอบรับจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 70 แบรนด์ ภายใต้แคมเปญนี้ยังมีการการจัดกิจกรรม “Shopee x ITA Seller Conference ปีที่ 2” ภายใต้แนวคิด “Success in Motion – ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงสู่ความสำเร็จ” ซึ่งมุ่งเป็นแรงสนับสนุนสำคัญให้แบรนด์และผู้ขายปรับตัวทันต่อโลกอีคอมเมิร์ซ และเติบโตอย่างมั่นคง”

กิจกรรม “Shopee x ITA Seller Conference ปีที่ 2” นี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรชื่อดังร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ กลยุทธ์ทางการตลาด และแนวคิดการปรับตัวในยุคอีคอมเมิร์ซ ผ่าน 3 ช่วงสำคัญ ได้แก่:

ช่วงที่ 1: Business Insight ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดด้านธุรกิจ เศรษฐกิจ และแรงบันดาลใจจากผู้บริหารและเจ้าของแบรนด์ระดับแนวหน้าที่ประสบความสำเร็จ
·ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน,พิธีกรและผู้ดำเนินรายการชื่อดัง กล่าวถึงวิวัฒนาการการค้าแต่ละยุคสมัยไว้ว่า “มนุษย์หลงใหลสิ่งของจากแดนไกลมาตลอด แต่เดิมมีเพียงชนชั้นสูงที่เข้าถึงได้ ด้วยข้อจำกัดด้านเวลาและการเดินทาง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกเข้าสู่ยุคการค้าระหว่างประเทศอย่างแท้จริง จนมาวันนี้ทุกคนมี ‘ห้างสรรพสินค้าทั่วโลก’ ในมือผ่านแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซอย่างช้อปปี้ซึ่งโดยส่วนตัว มีการสั่งสินค้าจากอิตาลีเป็นประจำโดยเฉพาะในช้อปปี้ เสน่ห์ของสินค้าจากอิตาลีอยู่ที่ “Craftmanship” งานฝีมือที่ไม่อาจลอกเลียนแบบได้ สินค้าเหล่านี้เปรียบเสมือนทูตที่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรม และผลักดันเศรษฐกิจของอิตาลีให้อยู่ในกลุ่มประเทศชั้นนำของโลก”

·คุณโอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล, นักแสดง โปรดิวเซอร์ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Oab’s” เล่าถึงการปั้นแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ ว่า “จากจุดเริ่มต้นที่คนจดจำ “Oab’s” ในฐานะแบรนด์ของดารา ในวันนี้เราเติบโตด้วยคุณภาพ โดยปัจจัยสำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า ผ่านเครื่องมือใหม่ๆ ที่ช้อปปี้ช่วยสนับสนุน โดยไม่พลาดทดลองทุกแคมเปญที่แพลตฟอร์มแนะนำ โดยเฉพาะ Shopee Live ที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างยอดขายได้จริง และทำให้เราได้โต้ตอบฟังเสียงผู้บริโภคได้โดยตรงทุกวัน ปรับคอนเทนต์และเวลาตามพฤติกรรมผู้บริโภค เราจึงสามารถใช้ทุกความคิดเห็นมาพัฒนาสินค้าที่ปลอดภัย ซื่อสัตย์ และตอบโจทย์จริง ๆ ให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

·คุณจิม ปิยะภาพ เลิศธนไพบูลย์, กรรมการผู้จัดการแบรนด์เครื่องสำอางค์ไทยชื่อดัง “Her Hyness”  ได้บอกเล่าถึงเทรนด์ของธุรกิจ อีคอมเมิร์ซยุคใหม่ว่า “ในยุคที่การขายออนไลน์ดุเดือด ความน่าเชื่อถือและความจริงใจคือหัวใจสำคัญของแบรนด์ รีวิวจากผู้ใช้จริง (User-Generated Content) อย่างตรงไปตรงมา จะช่วยสร้างความไว้วางใจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะรูปแบบวิดีโอสั้นที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ และเพิ่งเปิดตัวในช้อปปี้ เป็นอีกเครื่องมือที่น่าสนใจที่แบรนด์ควรเรียนรู้และใช้ทุกเครื่องมือให้เป็น พร้อมสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่นและบอกต่อด้วยความภาคภูมิใจ”

ช่วงที่ 2: เปิดมุมมองอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจผ่านช้อปปี้
· คุณกิ๊ฟซ่า ปิยา พงศ์กุลภา นักร้อง นักแสดง เผยเส้นทางความสำเร็จจาก “Shopee Affiliate Marketing Solutions” (AMS) ว่า “AMS ของช้อปปี้เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ เพียงแค่สร้างลิ้งค์ แล้วแชร์ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Shopee VDO ลิ้งค์ใน IG Story หรือแม้แต่โพสใน Facbook ก็ทำได้ง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงหรือเป็นดารา เพราะผู้ติดตามหรือแฟนคลับแม้จะมีความชอบในตัวบุคคลหรือคอนเทนต์ที่นำเสนอ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าแฟนคลับจะซื้อของ ฉะนั้นต้องสร้างฐานลูกค้าใหม่ด้วยตัวตนใหม่ในฐานะแม่ค้า จากจุดเริ่มต้นที่ยอดขายเป็นศูนย์ สู่การไลฟ์ขายสินค้าทุกประเภทด้วยความสม่ำเสมอ มีแผนคอนเทนต์ชัดเจน และเทคนิคปิดการขายแบบมืออาชีพ ทำให้สร้างยอดขายหลักล้านโดยไม่ต้องมีสต๊อกสินค้า เคล็ดลับสำคัญคือ ต้องใช้จริง รีวิวจริง และสื่อสารด้วยความรู้สึกจริง จึงถ่ายทอดออกมาให้ลูกค้าเชื่อในสินค้าและซื้อสินค้าได้”

· คุณไอซ (ไอซพาดี้) ภาวิดา ชิตเดชะ, อินฟลูเอนเซอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Happy Sunday” ได้บอกเล่าเทคนิคการสร้างคอนเทนต์เพื่อสนับสนุนการขายว่า “การขายของผ่านออนไลน์ไม่ใช่แค่การพูดให้เก่ง แต่ต้องรู้จริง ใช้จริง และเล่าให้ฟังอย่างจริงใจจุดเริ่มต้นของเราคือการทำคอนเทนต์แบบเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟัง จนสร้างความคุ้นชินกับแบรนด์เราใช้ข้อมูลหลังบ้านจาก “Shopee Affiliate Marketing Solutions” (AMS) มาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อต่อยอดทุกคลิปต้องมีจุดเด่น บอก Pain Point ยิ่งมีชื่อเสียงยิ่งต้องโชว์วิธีใช้จริงให้เห็นภาพเพราะแฟนคลับที่เป็นลูกค้าคาดหวังสูง เราจึงเลือกขายแต่ของที่ดีจริงเท่านั้น”

ช่วงที่ 3 : เปิดมุมมองเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ Shopee University
· นำเสนอฟีเจอร์และเครื่องมือทางธุรกิจบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ที่จะช่วยเร่งการเติบโตของผู้ขาย พร้อมนำเสนอโปรโมชั่นสำหรับร้านค้าที่ต้องการเข้าร่วมแคมเปญ “Best of Italy ยกอิตาลีมาให้ ช้อป” โดยร้านค้าที่เข้าร่วมแคมเปญจะได้รับสิทธิประโยชน์แบบครบวงจร อาทิ โค้ดส่วนลด Shopee Voucher ตลอดทั้งปี รวมถึงแคมเปญใหญ่ต่างๆ การโปรโมทผ่านหน้าแรก Shopee, Microsite แคมเปญ Shopee Live และ Shopee Video  

สำหรับผู้บริโภคสามารถช้อปสินค้าคุณภาพจากประเทศอิตาลีในแคมเปญ “Best of Italy ยกอิตาลีมาให้ ช้อป”ได้แล้ววันนี้จนถึง15 มกราคม2569 ผ่านช่องทาง https://shopee.co.th/m/psh-italian-trade-agency 

 

Shopee Affiliate Marketing 2025 เชื่อมพลังแบรนด์-ช้อปปี้ครีเอเตอร์แนวหน้า ปั้นรายได้ ขยายโอกาสที่ไม่สิ้นสุด

งาน Shopee Matchmaking Event 2025 จะปิดฉากลงไปแล้วเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา แต่เส้นทางสู่การสร้างรายได้ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเติบโตยิ่งขึ้น จากจำนวน Shopee Affiliated Creator กว่า 500 คน ที่เข้าร่วมงาน เพื่อพบปะกับ 80 แบรนด์ชั้นนำบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ บรรยากาศภายในงานคึกคักและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ ทั้งเนื้อหาสาระและพื้นที่พิเศษสำหรับการสร้างความร่วมมือระหว่างแบรนด์และครีเอเตอร์ โดยงานถูกแบ่งออกเป็นสองช่วงหลัก ช่วงแรกเป็นการอัปเดตความสำเร็จของ Shopee Affiliate ในปี 2024 ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเติบโตของหนึ่งใน Shopee Affiliated Creator ที่สามารถสร้างรายได้จากค่าคอมมิชชันสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อเดือน ไม่เพียงเท่านั้น ในปี 2025 ช้อปปี้ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้กับครีเอเตอร์ ผ่าน 3 โปรแกรม "Boost Up Creator Income" ที่จะช่วยต่อยอดและทวีคูณรายได้ให้มากยิ่งขึ้น

1.Shopee Golden Tick – เครื่องหมายรับรองความเป็นครีเอเตอร์มืออาชีพ ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษเหนือกว่าครีเอเตอร์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ค่าคอมมิชชันเพิ่มขึ้น 5%, โค้ดส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้า, และการเพิ่มการมองเห็นของคอนเทนต์
2.YouTube Shopping – การต่อยอดคอนเทนต์ให้กลายเป็นรายได้ ผ่านความร่วมมือสุดเอ็กคลูซีฟกับ YouTube Shopping Program ในการเปลี่ยนคอนเทนต์ให้เป็นแหล่งรายได้ โดยแค่ 1 คลิป ก็สามารถสร้างรายได้มากกว่า 10 ช่องทาง
3.ShopeeFood Affiliate – ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่ยกระดับจากการติดลิงก์รีวิวสินค้าแบบเดิม สู่การสร้างรายได้ในตลาด Food Delivery ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับครีเอเตอร์สายรีวิวอาหาร พร้อมค่าคอมมิชชันสูงสุดถึง 50%

นอกจากนี้ภายในงานบริเวณโซน Matching ระหว่างแบรนด์และครีเอเตอร์ เพื่อเปิดโอกาสให้เหล่า Shopee Creator และแบรนด์ได้พบปะพูดคุยแบบตัวต่อตัว แลกเปลี่ยนไอเดีย พร้อมเสนอค่าคอมมิชชันกันได้อย่างเต็มที่ และที่พิเศษสุด หลายๆบูธยังมีสินค้ามาแจกให้ครีเอเตอร์ได้ทดลองใช้กันฟรีๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์และแปะลิงก์กันได้ทันที ซึ่งครีเอเตอร์หลายคนลงมือทำคอนเทนต์และเตรียมได้รับออเดอร์กันตั้งแต่ยังไม่ทันเดินออกจากงาน เพื่อยืนยันถึงความสำเร็จของงาน Shopee Affiliate Marketing 2025 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 เราได้คัดบทสัมภาษณ์จากตัวแทนแบรนด์ชั้นนำ และ ครีเอเตอร์ ที่เข้าร่วมงาน มาร่วมแชร์ประสบการณ์และมุมมองเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในงานนี้ 

ตัวแทนจากแบรนด์ Mizumi กล่าวว่า “ได้เข้าร่วมงาน Shopee Affiliate Marketing 2025 นี้ ถือเป็นครั้งที่สอง พร้อมแบรนด์น้องใหม่ Gentle Colors หลังจากยอดขายและการรับรู้ของแบรนด์จากลูกค้าเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนมากๆ เนื่องจากการพูดคุยกับ Shopee Affiliated Creator ทำให้สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ดีขึ้น Shopee Affiliated Creator ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวสินค้า เพิ่มความน่าเชื่อถือ และทำให้ลูกค้าเข้าใจแบรนด์ โดยเฉพาะในธุรกิจเครื่องสำอางที่ต้องการการสื่อสารที่ชัดเจนและละเอียด การเข้าร่วมงานครั้งนี้ แบรนด์คาดหวังขยายโอกาสทางรายได้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ พร้อมแนะนำ Gentle Colors ผ่านครีเอเตอร์ที่ใช้สินค้าจริงและสามารถเล่าเรื่องราวของแบรนด์ให้ละเอียดชัดเจน ซึ่งช่วยเสริมความน่าเชื่อถือและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น”

ทางด้านตัวแทนของครีเอเตอร์ที่ได้มาร่วมงานฯ เริ่มที่ คุณภัส จากช่อง ploypapas41 (ภัสนะคะ) ครีเอเตอร์สายบิ้วตี้ กล่าวว่า“ภัสเข้าร่วมโปรแกรม Shopee Affiliate มาได้ประมาณ 2 ปี แล้วค่ะ จุดเริ่มต้นของภัสคือการที่เป็นครีเอเตอร์อยู่แล้วและต้องการหารายได้เสริม โดยเริ่มต้นจากการเลือกสินค้าที่ตัวเองใช้จริงมาทำรีวิว ซึ่งพบว่าโปรแกรม Shopee Affiliate ช่วยให้การเข้าถึงผู้ติดตามง่ายขึ้น เมื่อแนะนำสินค้า ผู้ติดตามสามารถกดลิงก์เพื่อซื้อสินค้าได้ทันที และที่สำคัญคือการมีโค้ดส่วนลดจาก Shopee ยิ่งช่วยเพิ่มความชอบให้กับผู้ติดตามมากขึ้น ในการเข้าร่วมกิจกรรม Matchmaking ครั้งนี้ ภัสได้มีโอกาสพบปะกับครีเอเตอร์ท่านอื่นๆ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลเกี่ยวกับการนำเสนอเนื้อหาบนแต่ละช่องทาง นอกจากนี้ยังได้ทราบถึงการเติบโตของ Shopee Affiliate และผู้ที่ทำรายได้จากโปรแกรมนี้จนสามารถทำเป็นรายได้หลักได้เลยค่ะ”

ถัดมาที่ คุณปราง จากเพจ มอปอ อยากบอกต่อ เผยว่า “ปรางได้เข้าร่วมโปรแกรม Shopee Affiliate มานานกว่า 3 ปี ปรางมองว่าเทคนิคที่ทำให้เครื่องมือ Shopee Affiliate เข้าถึงผู้ติดตามได้ดีคือ การรีวิวสินค้าที่จริงใจ ตรงปก และตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการคอยอัปเดตสินค้าใหม่ๆอยู่เสมอ สำหรับกิจกรรม Shopee Matchmaking ปรางได้พบปะกับแบรนด์ต่างๆ ทำให้ปรางอัปเดตข้อมูลสินค้าใหม่ ๆ ซึ่งช่วยให้เพจของปรางมีความเคลื่อนไหวและน่าติดตามตลอดเวลา อีกทั้งยังได้ค่าคอมมิชชั่นพิเศษจากการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย” 

ถึงงานจะงานจบ แต่โอกาสช้อปยังไม่สิ้นสุด! พบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษจากแบรนด์และเหล่า Shopee Affiliate Creator ในแคมเปญ 4.4 ลด ร้อน แรง ที่กำลังจะถึงนี้ พร้อมให้คุณช้อปปิ้งกับข้อเสนอสุดฮอต ที่ช้อปปี้!  https://shopee.co.th/m/4-4 ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญอื่นๆ ของช้อปปี้ ได้ที่  https://shopee.co.th/ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันช้อปปี้ได้ฟรีจาก App Store, Google Play Store และ App

"ช้อปปี้" ผนึกกำลัง 6 หน่วยงานรัฐ ดัน SMEs ไทยสู่เวทีโลกดันยอดขาย ทะลุราวพันล้านบาทในปี 67

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 750,000 ล้านบาทภายในปี 2568[1]ซึ่งเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยที่พร้อมปรับตัวและใช้เทคโนโลยีในการขยายขีดความสามารถ การสนับสนุนจากภาครัฐในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ทั้งในกระบวนการผลิตและช่องทางการตลาดออนไลน์ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในระดับโลกและเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มที่

ช้อปปี้ ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ครองใจผู้ใช้งานชาวไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจ  SME ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการเติบโตที่ยั่งยืน จึงได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ 6 หน่วยงานภาครัฐชั้นนำ ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมการค้าภายใน, กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, กรมพัฒนาชุมชน, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในทุกด้าน ผ่านการจัดโครงการและกิจกรรมหลากหลาย ทั้งเวิร์กช้อป และหลักสูตรพัฒนาธุรกิจ ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีเยี่ยมจากร้านค้าที่เข้าร่วม โดยร้านค้าที่เข้าร่วมสามารถผลักดันยอดขายบนช้อปปี้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด  และสามารถผลักดันยอดขายบนช้อปปี้ให้เติบโตราวพันล้านบาทในปี 2567  การร่วมมือระหว่างช้อปปี้และภาครัฐเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างโอกาสและขยายฐานธุรกิจ SME ไทยสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนและแข็งแกร่งในระดับสากล

การัน อำบานี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ที่ช้อปปี้ เรามุ่งมั่นในการเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยความเชื่อมั่นในความสามารถของสินค้าไทยที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งในตลาดภายในประเทศและระดับสากล การร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างโอกาสให้กับธุรกิจไทย แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการขยายขีดความสามารถของเศรษฐกิจฐานรากและผลักดันแบรนด์ไทยให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก ผ่านแคมเปญ ‘Shopee & Thai Sellers: Empowering Growth’ เราเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการไทยในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคตอย่างแน่นอน”

“Shopee & Thai Sellers: Empowering Growth” 
ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจไทย ก้าวสู่ความสำเร็จในโลกยุคดิจิทัล เพื่อกระตุ้นการเติบโตของอีคอมเมิร์ซช่วงปลายปีให้คึกคัก ช้อปปี้เดินหน้าสานต่อความร่วมมือกับ 6 หน่วยงานภาครัฐ เปิดตัวแคมเปญ “Shopee & Thai Sellers: Empowering Growth” โดยแคมเปญนี้เป็นการรวบรวมร้านค้าและสินค้าของผู้ประกอบการไทยที่อยู่ภายใต้ความร่วมมือระหว่างช้อปปี้และหน่วยงานภาครัฐ ประจำปี 2567  มากกว่า 3,000 ร้านค้า มาร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านแคมเปญออนไลน์สุดพิเศษบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ พร้อมร่วมฉลองมหกรรมส่งท้ายปี “Shopee 12.12 ลดใหญ่วันเกิด” ตั้งแต่วันนี้ถึง 12 ธันวาคม 2567 ผ่านแคมเปญพิเศษจาก 6 หน่วยงาน 
• สุขใจซื้อของไทย: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดแคมเปญนี้ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าไทยคุณภาพดี เกรดพรีเมียมจากทั่วประเทศมาให้ได้เลือกช้อป พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษตลอดปี

• ผลิตภัณฑ์หมู่บ้านทำมาค้าขาย จาก 9 วิสาหกิจชุมชน : กรมการค้าภายใน รวบรวมผลิตภัณฑ์ 9 วิสาหกิจชุมชน ที่ได้รับการพัฒนา โดยผู้เชี่ยวชาญและดีไซด์เนอร์ชั้นนำของไทยเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ไทยสู่สากล

• รวมสินค้าท็อป ช้อปร้าน TOPTHAI: กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ส่งเสริมการเติบโตของผู้ประกอบการไทยผ่านการนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษ จากร้านค้า TOPTHAI จำหน่ายสินค้าไทย คุณภาพดี ผลักดันผู้ประกอบการไทยจากทุกกลุ่มสินค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอาหาร สินค้าสุขภาพและความงาม สินค้าของใช้ภายในบ้าน 

• Super SME Market: สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สนับสนุนผู้ประกอบการไทยผ่านการคัดสรรคุณภาพสินค้า SMEs ทั่วประเทศ เพื่อให้นักช้อปได้ช้อปสะดวก ช้อปของดี กับมหกรรมสินค้าสุดยอด SMEs ร่วมผลักดันเศรษฐกิจไทยเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก 

• OTOP Amazing: กรมการพัฒนาชุมชน เปิดตัวโครงการ 6 สีสัน SEASON SALE ทะลุปี ตลาดอะเมซิ่ง ของกินของใช้ ของดีทั่วไทย คัดผลิตภันฑ์ชุมชนของเด่น ของดี ทั่วไทย จากผู้ประกอบการ OTOP ทั่วประเทศมามอบให้นักช้อปชาวไทย

• OTOP MARCHE’: สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) จัดกิจกรรม OTOP MARCHE’ กิจกรรมรวบรวมสินค้าโอทอปที่การันตีด้านความคิดสร้างสรรค์โดย CEA ภายใต้โครงการ GLOBAL OTOP 2024: THE UNVEILED WISDOM เผยนิยามสินค้าโอทอปไทย การันตีความคิดสร้างสรรค์ในหลากหลายรายการ

โอกาสอันสำคัญนี้นับเป็นช่วงเวลาที่เราอยากเชิญชวนให้นักช้อปทุกท่านร่วมสนับสนุนสินค้าจากผู้ประกอบการไทย สินค้าเหล่านี้ไม่เพียงแต่โดดเด่นในด้านคุณภาพ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยที่สามารถสร้างความสำเร็จในตลาดออนไลน์ พร้อมทั้งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
 
นักช้อปสามารถร่วมช้อปปิ้งและสนันสนุนสินค้าจากผู้ประกอบการไทยไปกับแคมเปญ “Shopee & Thai Sellers: Empowering Growth”  ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.shopee.co.th/m/Shopee-Thaisellers   หรือเข้าแอปพลิเคชั่นช้อปปี้ พิมพ์คำว่า “สินค้าไทย” และ “สินค้าไทยบนช้อปปี้” ในช่องค้นหา ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 12 ธันวาคม 2567

ยอดขายปัง! Shopee 9.9 ประเทศไทย กวาดพันล้านเพียง 18 นาที วันที่ 9 เดือน 9

ช้อปปี้ อีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ที่ครองใจผู้ใช้งานในประเทศไทย ฉลองความสำเร็จปีที่ 9 กับการเป็นผู้ริเริ่มแคมเปญดับเบิ้ลเดท ‘9.9’ ซิกเนเจอร์แคมเปญที่คนไทยรู้จักกันดี เรามุ่งมั่นตอบสนองความต้องการและพัฒนาแอปพลิเคชันของเราให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้งานในทุกกลุ่ม ทำให้ช้อปปี้กลายเป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อม มุ่งเน้นการมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อ ผู้ขาย หรือเหล่าครีเอเตอร์นักสร้างสรรค์บนแพลตฟอร์ม Shopee 9.9 Super Shopping Day มีส่วนสนับสนุนการเติบโตและความยั่งยืนของพันธมิตรแบรนด์ ภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการชาวไทยอย่างมาก

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.67 นายการัน อำบานี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) เผยว่า “ ช้อปปี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่แคมเปญซิกเนเจอร์ของเราได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักช้อป ไม่เพียงเท่านี้ ช้อปปี้ยังสามารถเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่ ผู้ประกอบการ แบรนด์พันธมิตร และเหล่าครีเอเตอร์นักสร้างสรรค์ โดย 9.9 ปีนี้ ในฐานะอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 เรามุ่งมั่นในการมอบประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ใช้งาน ผ่านข้อเสนอและดีลที่คุ้มค่า  การมอบความสะดวกสบายผ่านโปรแกรมและเครื่องมือทางการตลาด ตลอดจนการมีส่วนร่วมผ่านฟีเจอร์สุดแกร่ง อย่าง Shopee Live, Shopee Video  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ช้อปปี้จะสามารถช่วยปลดล็อคโอกาสในการเติบโตใหม่ๆให้กับผู้ประกอบการทั้งยังมอบความสุขและความเพลิดเพลินให้กับผู้บริโภค ด้วยการยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์แบบครบวงจรในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งช่วงปลายปีอย่างดีที่สุด”

เจาะลึก 9 ปีแห่งความสำเร็จผ่าน Shopee 9.9 วันช้อปแห่งปี
ช้อปปี้ ไม่เพียงเป็นแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์เท่านั้น แต่เรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่ผู้ใช้งานอย่างเต็มที่ ในแคมเปญ 9.9 นี้ เราได้เห็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ หลายประการที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

• เปิดประตูสู่โอกาสด้วย ‘Feature & Marketing Tools’ อันทรงพลัง-ช้อปปี้ถือเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมและสร้างมาตรฐานใหม่ในอีคอมเมิร์ซไทย เราพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบันและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต แคมเปญ 9.9 ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขาย และครีเอเตอร์ ผ่าน Shopee Live, Shopee Video และ Shopee Affiliate Program

o Shopee Live: ช้อปปี้ถือเป็นเจ้าแรกในไทยที่เปิดตัวฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ  จนทำให้เป็นฟีเจอร์ทรงพลังที่ดีเสมอมา โดยวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา Shopee Live ช่วยให้ร้านค้าสร้างยอดขายโตกว่า 8 เท่า และร้านค้าท้องถิ่นรายหนึ่งสามารถสร้างยอดขายโตกว่า 23 เท่า โดยสะท้อนให้เห็นว่าร้านค้าสามารถดึงดูดและสร้างความบันเทิงให้กับผู้ซื้อด้วยเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมและข้อเสนอที่ดีที่สุดบน Shopee Live อีกทั้งเราพบว่า สกินแคร์ อุปกรณ์ทำอาหาร และอาหารสัตว์เลี้ยง คือสินค้าขายดีบน Shopee Live ในแคมเปญ 9.9 

o Shopee Video: ฟีเจอร์มาแรงแหล่งรวมคลังรีวีวที่ได้รับความนิยมจากนักช้อป คอนเทนต์ครีเอเตอร์ และแบรนด์พันธมิตร โดยวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา โดยร้านค้าและแบรนด์สามารถสร้างยอดขายทะลุกว่า 22 เท่า และในแคมเปญ 9.9 ที่ผ่านมาร้านสินค้าอุปโภคบริโภคร้านหนึ่งสามารถสร้างยอดออเดอร์ทะยานไปกว่า 80 เท่า บน Shopee Video เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ และพบว่าสินค้าที่มีราคาแพงที่สุดที่ซื้อบน Shopee Video คือบ้านสำเร็จรูปที่มีราคาสูงกว่า 300,000 บาท

o Shopee Affiliate Program: ตอกย้ำโปรแกรมทรงประสิทธิภาพและเครือข่ายเน็ตเวิร์คที่แข็งแกร่ง ในแคมเปญ 9.9  ช้อปปี้สามารถช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์ที่ร่วมในโปรแกรม สร้างยอดขายให้กับแบรนด์บน Shopee Mall เติบโตมากกว่า  5.5 เท่า และพบว่า หนึ่งในร้านสกินแคร์ท้องถิ่นสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 142 เท่าในช่วงแคมเปญ 9.9  และเครื่องใช้ภายในบ้าน, เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง และความงามและของใช้ส่วนตัว เป็น 3 หมวดหมู่สินค้าฮิตที่ครีเอเตอร์ตัวยงเลือกโปรโมทผ่าน Shopee Affiliate Program 

ทั้งนี้เพื่อสร้างคอนเทนต์อิโคซิสเท็มอย่างครบวงจร ช้อปปี้แทกทีมเหล่าแบรนด์พันธมิตรชั้นนำกว่า 30 แบรนด์มาร่วมกิจกรรม Shopee 9.9 Creative Content Collaboration ในวันที่ 9 เดือน 9 ผ่านคอนเซ็ปต์ “ที่สุดแห่งปี” โดยได้รับกระแสตอบรับในโลกโซเชียลมีเดียด้วยยอดการเข้าถึงทะลุไปกว่า 15 ล้านครั้ง

• ยกระดับ ‘ความสะดวกสบาย’และ‘ความไว้วางใจ’ที่เหนือกว่า-ตลอดแคมเปญ 9.9 ช้อปปี้ เรามอบประสบการณ์การช้อปที่ดีที่สุด โดยมอบความสะดวกสบายและความไว้วางใจในทุกการช้อป ผ่านโปรแกรมที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของนักช้อปอย่างครบถ้วน o ช้อปก่อน ผ่อนสบาย กับ ‘SPayLater’: ช้อปปี้มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุดผ่านการชำระเงินที่สะดวกสบายให้นักช้อปทุกคนในการเลือกช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย โดยพบว่าบริการการชำระเงินแบบ SPayLater เป็นหนึ่งในช่องทางที่นักช้อปนิยม พบว่าสินค้ากว่า 350 ล้านรายการ รองรับการชำระเงินที่สะดวกสบายด้วย SPayLater และความงามและของใช้ส่วนตัว เครื่องใช้ภายในบ้าน, เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง และความงามและของใช้ส่วนตัว ถือเป็นหมวดหมู่สินค้าที่นักช้อปใช้บริการ SPayLater มากที่สุดในแคมเปญ

o เสิร์ฟดีลเดือด โปรสะใจ กับนักช้อปสายกิน: ShopeeFood เผย สุดยอดจังหวัดที่ยืน1 เรื่องการใช้ ShopeeFood คือ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และนนทบุรี และพบว่า นักกินออนไลน์เสิร์ชหาเมนูส้มตำ หม่าล่า และยำ มากที่สุดในวันที่ 9 เดือน 9 นักช้อปสามารถติดตามรายละเอียดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ช่วงปลายปีที่กำลังจะมาถึงพร้อมกิจกรรมสุดพิเศษที่ห้ามพลาดของช้อปปี้ ได้ที่ https://shopee.co.th/ 

Dodolove ต่อยอดความสำเร็จจากรางวัล Beat Buyer Satisfaction Brands อัดโปรฯแรงใน Shopee 9.9 วันช้อปแห่งปี ตอกย้ำแบรนด์ที่ครองใจคุณแม่

DODOLOVE (ดูดูเลิฟ) แบรนด์ชั้นนำสินค้าเพื่อแม่และเด็ก ต่อยอดความสำเร็จจากการคว้ารางวัล Beat Buyer Satisfaction Brands ในหมวดหมู่ของเล่น สินค้าแม่และเด็ก จากงาน Shopee Awards Thailand 2024 ล่าสุดจึงได้ผนึกกำลัง Shopee เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ชั้นนำกลุ่มสินค้าแม่และเด็กที่ครองใจผู้บริโภค ร่วมฉลองในมหกรรมช้อปออนไลน์ Shopee 9.9 วันช้อปแห่งปี ด้วยการส่งมอบโปรโมชันสุดพิเศษด้วยส่วนลดสูงสุดกว่า 1,999. บาท – แทนการขอบคุณผู้บริโภคที่ไว้วางใจ

เมื่อวันที่ 4 ก.ย.67 นายธนวิชญ์ ศรีสด ผู้จัดการทั่วไป, ดูดูเลิฟ กล่าวว่า “นับเป็นอีกหนึ่งในความสำเร็จและความภาคภูมิใจ ของ แบรนด์ DODOLOVE ที่ได้รับรางวัล BEST BUYER SATISFACTION BRANDS จากงาน SHOPEE AWARDS THAILAND 2024 ซึ่งในฐานะแบรนด์ชั้นนำสินค้าเพื่อแม่และเด็ก ที่ผลิตขึ้นมาโดยยึดหลักแนวคิด “ถูกสุขอนามัย สะดวกสบาย คุณแม่วางใจ ลูกมีความสุข” ทำให้เป็นเครื่องยืนยันถึงกระแสตอบรับของผู้บริโภคที่เล็งเห็นถึงความตั้งใจของแบรนด์ และให้ความไว้วางใจ ด้วยเหตุนี้ DODOLOVE จึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด เพื่อแม่และเด็ก พร้อมด้วยความคุ้มค่าและสะดวกสบาย ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Shopee ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชอันดับ 1 ครองใจนักช้อปชาวไทย และเพื่อเป็นการขอบคุณและตอบแทนผู้บริโภค จึงได้จัดแคมเปญร่วมฉลองในเทศกาล Shopee  9.9 วันช้อปแห่งปี มอบโปรโมชันที่คุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าให้กับผู้บริโภคทุกคน”

ดูดูเลิฟ (Dodolove) ทำถึง! เรื่องคุณแม่และลูกน้อย เอาใจคุณแม่สายช้อปออนไลน์ด้วยโปรสุดปัง จากสินค้าหลากหลายครอบคลุมทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ทิชชู ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์สำหรับคุณแม่ก่อนคลอด ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยและอีกมากมาย ที่ร้าน Dodolove Official Store บน Shopee Mall ในมหกรรมช้อปออนไลน์ Shopee 9.9 วันช้อปแห่งปี อาทิ ส่วนลดสูงสุด 85% และ โค้ดลดเพิ่ม 1,999.-% โค้ดส่งฟรีขั้นต่ำ 0 บาท ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ยอดฮิต อาทิ ผ้าอ้อมสำเร็จรูป Standard Soft ห้ามพลาด Flash Sale วันที่ 9 กันยายน 2567 เที่ยงคืน! และปิดด้วย Shopee Live พร้อมแนะนำสินค้าราคาสุดคุ้ม อย่าง

-DODOLOVE เครื่องนึ่งขวดนมพร้อมอบแห้ง สามารถฆ่าเชื้อด้วยไอน้ำอุณหภูมิสูงระบบหมุนเวียน หรืออบแห้งโดยลมร้อน มีฟังก์ชั่นการใช้งานถึง 4 ฟังก์ชั่น ละลาย, อุ่นอาหาร, ฆ่าเชื้อ, อบแห้ง และยังสามารถตั้งเวลาการใช้งานได้อีกด้วย มาพร้อมความจุขนาดใหญ่ ถึง 3 ชั้น สะดวกต่อคุณพ่อคุณแม่มือใหม่พร้อมปลอดภัยต่อลูกน้อยอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ที่คุณแม่วางใจโดยได้รับการรับรองจาก FDA และปลอดสาร BPA ราคาโปรโมชัน 1,142 บาท

-DODOLOVE Standard Soft กางเกงผ้าอ้อม นุ่ม อ่อนโยน บางเบา ใส่สบาย พร้อมมอบการปกป้องลูกน้อยให้สบายตัว ยิ้มได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยขอบขาและขอบเอวกระชับกับสรีระ ไร้กังวลเรื่องการรั่วซึม ให้ลูกน้อยเล่นสบายได้ทุกการเคลื่อนไหว ที่มาพร้อมความคุ้มค่า ราคาโปรโมชัน 717 บาท

-DODOLOVE Baby Wipes ผ้าเช็ดทำความสะอาดสำหรับเด็ก ผ้าเช็ดทำความสะอาดก้นเด็ก สูตรอ่อนโยน ผ้าเช็ดทำความสะอาดอเนกประสงค์ผลิตจากน้ำบริสุทธิ์ 99% ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง จึงเช็ดทำความสะอาดผิวลูกน้อยได้อย่างมั่นใจ พร้อมสารสกัดจากอโลเวร่า ช่วยให้ผิวนุ่มรู้สึกสดชื่น ดูแลผิวลูกน้อยอย่างอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม ที่เป็นสารตกค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการระคายเคืองผิว สามารถทำความสะอาดได้บ่อยโดยคุณแม่ไม่เป็นกังวล ราคาโปรโมชัน 253 บาท

ทีมแม่บ้านสายช้อปเตรียมตัวให้พร้อมแล้วมากับ Dodolove ด้วยความค้มค่าที่มากกว่าใน Shopee 9.9 วันช้อปแห่งปี ตั้งแต่วันที่ 6-11 กันยายน 2567 พร้อมรับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย เพียงก่อนการชำระเงินลูกค้า สามารถกดเก็บโค้ดของ Dodolove ได้ที่หน้าร้าน และโค้ดส่วนลดของช้อปปี้จากหน้าแคมเปญไม่ว่าจะ เป็นโค้ดส่วนลด โค้ดส่งฟรี หรือโค้ดรับ Shopee Coins คืน นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถใช้ Shopee Coins เป็นส่วนลดเพิ่มเติม โดย 1 Shopee Coin จะมีมูลค่าเท่ากับ 1 บาท พร้อมเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์ มากมายเมื่อชำระผ่าน ShopeePay

 

 

Shopee จับมือ AFF จัด “ASEAN Club Championship Shopee Cup™” TROPHY TOUR เดินทางถึงกรุงเทพฯ 30 ส.ค.นี้

Shopee คว้าดีลครั้งสำคัญ จับมือ สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (AFF) สนับสนุนถ้วยรางวัล THE ASEAN CLUB CHAMPIONSHIP SHOPEE CUP™ (เดอะ เอเซียน คลับ แชมเปี้ยนชิป ช้อปปี้ คัพ) ซึ่งเป็นครั้งแรกสำหรับการแข่งขันอย่างเป็นทางการระหว่างสโมสรในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อชิงแชมป์สโมสรฟุตบอลแห่งชาติอาเซียน  พร้อมเชิญแฟนๆนักบอลสโมสรเข้าร่วมงานเชิญถ้วยรางวัล (TROPHY TOUR JOURNEY)

หลังจากจัดแสดงที่สิงคโปร์ เมื่อ 26 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา  TROPHY TOUR (โทรฟี่ ทัวร์) ถ้วยรางวัล ASEAN Club Championship Shopee Cup™ เดินทางถึงกรุงเทพฯ ประเทศไทย วันที่ 30 สิงหาคม  ในขณะที่ถ้วยรางวัลใหม่สำหรับการแข่งขันสโมสรชั้นนำระดับภูมิภาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีกำหนดการเดินทางไปเยือน 4 ภูมิภาคในปีนี้

THE ASEAN CLUB CHAMPIONSHIP SHOPEE CUP™  เปิดโอกาสให้แฟนบอลเข้ามาสัมผัสกับถ้วยรางวัลของจริงด้วยตัวเอง ถ่ายทอดความเป็นน้ำหนึ่งน้ำใจเดียวกันผ่านการแข่งขันกีฬา โดยมีนักเตะจากสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, อิคซาน ฟานดี้ และเชาว์วัตน์ วีระชาติ จะเข้าร่วมงานตั้งแต่เวลา 15:00 น. ที่สเฟียร์ แกลลอรี่ 2 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ โดยงานจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 11:00 น. - 19:00 น.

Shopee Cup™ Trophy Tour ครั้งนี้ เริ่มต้นในกรุงฮานอยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะเดินทางต่อไปยังกรุงจาการ์ตาในวันที่ 7 กันยายน หลังจากมาเยือนกรุงเทพฯ และจะไปสิ้นสุดที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 21 กันยายน แฟน ๆ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของ ASEAN United FC

การแข่งขัน ASEAN Club Championship Shopee Cup™ เป็นการแข่งขันสโมสรระดับภูมิภาคที่เป็นทางการครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อค้นหาแชมป์สโมสรประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในทุก ๆ ปี การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มครั้งแรกได้เริ่มขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม โดยมี 12 สโมสรชั้นนำจากทั่วภูมิภาค ASEAN ถูกจับฉลากมาเจอกัน

การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มที่มีทั้งสโมสรแชมป์จากไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และอื่นๆ จะจัดขึ้นภายธีม “home-or-away” และดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 โดยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นในรูปแบบสองเลก ในวันที่ 14 และ 21 พฤษภาคม 2568

การแข่งขัน ASEAN Club Championship Shopee Cup™ เป็นการแข่งขันสโมสรระดับภูมิภาคที่เป็นทางการครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อค้นหาแชมป์สโมสรประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในทุก ๆ ปี การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มครั้งแรกได้เริ่มขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม โดยมี 12 สโมสรชั้นนำจากทั่วภูมิภาค ASEAN ถูกจับฉลากมาเจอกัน

การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มที่มีทั้งสโมสรแชมป์จากไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และอื่นๆ จะจัดขึ้นภายธีม “home-or-away” และดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 โดยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นในรูปแบบสองเลก ในวันที่ 14 และ 21 พฤษภาคม 2568

ถ้วยรางวัล Shopee Cup™ ถูกสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนถึงโลโก้ของ Shopee Cup™ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรวงข้าวที่เป็นสัญลักษณ์ของ ASEAN ที่สะท้อนถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศสมาชิก ASEAN ทั้งสิบประเทศ โดย ถ้วยรางวัล Shopee Cup™ มีน้ำหนักไม่ถึง 13 กิโลกรัม มีความสูง 28.6 เซนติเมตร และกว้าง 43 เซนติเมตรที่ปากถ้วย ถ้วยรางวัลนี้เป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันที่แข็งแกร่งและความสามัคคีระหว่างประเทศสมาชิก ASEAN ที่ผสมผสานกับจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน

ภายในงานจะมีการแสดงที่น่าสนใจ พร้อมทั้งการจัดแสดงถ้วยรางวัล Shopee Cup™ ที่ถูกออกแบบและสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือระดับโลกจาก Thomas Lyte แฟนบอลจะมีโอกาสได้ชมและถ่ายรูปกับถ้วยรางวัล Shopee Cup™ และยังมีช่วงเวลาพิเศษ Meet & Greet กับนักเตะจากสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่จะมาร่วมสัมภาษณ์บนเวทีภายในงานด้วย นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมให้แฟน ๆ ได้ร่วมสนุกเพื่อชิงรางวัลสินค้า Shopee Cup™ สุดพิเศษ

งาน  ASEAN Club Championship Shopee Cup™ Trophy Tour เปิดให้เข้าชมฟรี นอกจากนี้ยังมีการแจกบัตร Meet & Greet แบบจำกัดจำนวน ซึ่งสามารถร่วมชิงรางวัลได้ผ่านช่องทางดิจิทัลของ ASEAN United FC

"พาณิชย์" ทำดัชนีใหม่ ความพึงพอใจการซื้อสินค้าออนไลน์ เผยอยู่ในระดับพึงพอใจมาก

"พาณิชย์" ทำดัชนีใหม่ ความพึงพอใจการซื้อสินค้าออนไลน์ เผยดัชนีอยู่ในระดับพึงพอใจมาก

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้พัฒนาดัชนีเศรษฐกิจการค้าตัวใหม่ คือ ดัชนีความพึงพอใจผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ (รายไตรมาส) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และใช้ติดตาม
และประเมินศักยภาพของผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม/ภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยให้การพิจารณาหามาตรการหรือนโยบายที่สนับสนุนธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศได้มากขึ้น 

โดยดัชนีความพึงพอใจการซื้อสินค้าออนไลน์ เป็นการสะท้อนคุณค่าของแพลตฟอร์มผ่านมุมมองของลูกค้าโดยตรง (Customer perception) จากการใช้บริการบน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ E-Commerce โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชั่นสั่งอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่ง สนค. เริ่มจัดทำดัชนีตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566 โดยมีการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 4,700 คน ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วประเทศ (884 อำเภอ/เขต) โดยพิจารณาจาก 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ (1) ด้านราคาสินค้า ค่าขนส่ง และมาตรการส่งเสริมการขาย (2) ด้านคุณภาพของสินค้าและการขนส่ง (3) ด้านบริการก่อน/หลังการขาย การให้รายละเอียดข้อมูลสินค้า และความสะดวกในการใช้งาน และ (4) ด้านความน่าเชื่อถือ 

สำหรับข้อมูลล่าสุด ดัชนีความพึงพอใจการซื้อสินค้าออนไลน์โดยรวม ในไตรมาส 2 ปี 2567 อยู่ในระดับพอใจมาก (ในช่วง 60 - 79.99) ที่ระดับ 68.49 สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 64.61 เป็นการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีจากทั้ง 3 แพลตฟอร์ม โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันสั่งอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้น 4.36 จุด อยู่ที่ระดับ 70.82 รองลงมา อีคอมเมิร์ซ เพิ่มขึ้น 3.94 จุด อยู่ที่ระดับ 68.96 และตามด้วย โซเชียลมีเดีย เพิ่มขึ้น 3.33 จุด อยู่ที่ระดับ 65.68 อีกทั้ง ยังเป็นการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีในทุกองค์ประกอบ นำโดยด้านบริการก่อนการขาย/หลังการขายฯ เป็นที่น่าสังเกตว่า ในไตรมาส 2 ทั้งในปี 2567 ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากไตรมาสก่อนหน้า อาจสะท้อนมาตรการส่งเสริมการขายจากแพลตฟอร์มที่มีจำนวนมากในช่วงเทศกาลจำหน่ายสินค้ากลางปี รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมใช้เงินโบนัสซื้อสินค้าและบริการเพื่อให้รางวัลกับตนเองและครอบครัวในช่วงสงกรานต์

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเป็นรายแพลตฟอร์ม พบว่า แอปพลิเคชั่นสั่งอาหารและเครื่องดื่ม ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด รองลงมาได้แก่ อีคอมเมิร์ช และโซเซียลมีเดีย ตามลำดับดังนี้

-แอปพลิเคชันสั่งอาหารและเครื่องดื่ม ดัชนีความพึงพอใจฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าในทุกองค์ประกอบ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากสุดในด้านคุณภาพของสินค้าและการขนส่ง อยู่ที่ระดับ 71.01 รองลงมาคือ การบริการก่อน/หลังการขายฯ (ระดับ 69.82) ด้านราคาสินค้าและค่าขนส่งฯ (ระดับ 70.75) และด้านความน่าเชื่อถือ 
(ระดับ 71.71) ตามลำดับ

-อีคอมเมิร์ซ ดัชนีความพึงพอใจฯ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนในทุกองค์ประกอบ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากสุดในด้านการบริการก่อน/หลังการขายฯ อยู่ที่ระดับ 67.87 แม้ว่าระดับดัชนีที่ยังต่ำกว่าด้านอื่นๆ รองลงมา คือ ด้านราคาสินค้า ค่าขนส่งฯ (ระดับ 70.62) ด้านคุณภาพของสินค้าและการขนส่ง (ระดับ 68.88) และด้านความน่าเชื่อถือ (ระดับ 68.47) ตามลำดับ เมื่อพิจารณารายแพลตฟอร์มย่อย พบว่า Shopee มีดัชนีความพึงพอใจฯ เพิ่มขึ้น 4.45 จุด อยู่ที่ระดับ 70.79 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในด้านการบริการก่อนและหลังการขาย ขณะที่ Lazada มีดัชนีความพึงพอใจ เพิ่มขึ้น 3.43 จุด อยู่ที่ระดับ 67.13 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในด้านคุณภาพของสินค้าและการขนส่งที่เพิ่มขึ้นถึง 68.53 ทั้งนี้ Shopee มีดัชนีความพึงพอใจฯ สูงกว่า Lazada ในทุกองค์ประกอบ

-โซเชียลมีเดีย ดัชนีความพึงพอใจฯ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าในทุกองค์ประกอบเช่นกัน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากสุดในด้านคุณภาพสินค้าและการขนส่ง อยู่ที่ระดับ 66.14 รองลงมา คือ ด้านการบริการก่อน/หลังการขายฯ (ระดับ 65.21) ด้านความน่าเชื่อถือ (ระดับ 64.30) และด้านราคาสินค้าและค่าขนส่งฯ (ระดับ 67.06) เมื่อพิจารณา
รายแพลตฟอร์มย่อย พบว่า TikTok ได้คะแนนความพึงพอใจฯ เพิ่มขึ้น 4.47 จุด อยู่ที่ระดับ 71.00 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากสุด ในด้านราคาสินค้าและค่าขนส่ง ส่วน Facebook ดัชนีความพึงพอใจฯ เพิ่มขึ้น 2.19 จุด อยู่ที่ระดับ 60.36 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากสุดในด้านความน่าเชื่อถือ ซึ่งอยู่ในระดับพอใจปานกลางที่ระดับ 58.41 ทั้งนี้ TikTok มีดัชนีความพึงพอใจฯ สูงกว่า Facebook ในทุกองค์ประกอบ

ผอ.สนค. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในภาพรวมความพึงพอใจด้านบริการก่อนการขาย/หลังการขายฯ ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด สะท้อนให้เห็นว่า การค้าออนไลน์ในประเทศไทยนอกจากจะมียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็วแล้วยังมีพัฒนาการไปในทิศทางบวกทั้งด้านการบริการและด้านราคาสินค้า/ค่าขนส่ง เพื่อดึงดูดผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทั้งกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อราคาสูงและกลุ่มที่มีความต้องการซับซ้อน ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่ผู้ประกอบการเน้นมาตรการส่งเสริมการขายด้านราคาเป็นหลักเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น ปัจจุบัน Lazada มีนโยบาย Try&Buy รับสินค้าขนาดทดลองได้ฟรีหรือในราคาสุดคุ้ม ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า ขณะที่ Shopee เสนอแผนการผ่อนชำระโดยไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย เป็นเวลานานถึง 10 เดือน สำหรับ TikTok เน้นการสนับสนุนเครื่องมือและฟีเจอร์ต่างๆ ให้ร้านค้าสามารถสร้างประสบการณ์และความบันเทิงในการซื้อสินค้า (Shoppertainment) ได้ง่าย เป็นต้น 

ขณะเดียวกันภาครัฐให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) เพื่อรองรับการเติบโตการค้าออนไลน์ที่ยั่งยืนผ่านเครื่องมือต่าง ๆ โดยเฉพาะมาตรการด้านกฎหมาย ซึ่งมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2567 หรือ "มาตรการส่งดี" (Dee-Delivery) มีสาระสำคัญคือ ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่เรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) ต้องจัดทำหลักฐานการรับเงิน อาทิ รายละเอียดผู้ส่งสินค้าและรายละเอียดเกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า (เช่น รายละเอียดสินค้า ทั้งประเภทสินค้า ขนาด น้ำหนัก และสี รวมถึงจำนวนเงินที่จัดเก็บ เป็นต้น) โดยผู้ให้บริการขนส่งต้องถือเงินค่าสินค้าเป็นระยะเวลา 5 วัน ก่อนนำส่งเงินให้ผู้ส่งสินค้า ส่วนผู้บริโภคสามารถเปิดดูสินค้าก่อนชำระเงินได้โดยบันทึกภาพถ่ายหรือวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน หากสินค้าไม่ตรงตามที่สั่งซื้อ ผู้บริโภคสามารถปฏิเสธการชำระเงินและไม่รับสินค้าได้ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 ตุลาคม 2567 คาดว่า มาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ดัชนีความพึงพอใจสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในด้านความน่าเชื่อถือ คุณภาพสินค้าและการขนส่ง อย่างไรก็ตาม อาจมีปัจจัยทอนจากราคาขนส่งที่มีโอกาสปรับสูงขึ้น เนื่องจากผู้ให้บริการขนส่งสินค้ามีต้นทุนในการบริหารจัดการสูงขึ้น เพื่อให้มีการบริการตามที่มาตรการกำหนด และอาจส่งผ่านต้นทุนดังกล่าวมายังผู้บริโภคในระยะถัดไป

ผอ.สนค. กล่าวสรุปว่า ผลของดัชนีความพึงพอใจการซื้อสินค้าออนไลน์ ไตรมาส 2 ปี 2567 ชี้ว่า ผู้บริโภคมีระดับความพึงพอใจมากในการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มและร้านค้ามีการปรับตัวจากเดิมที่ให้ความสำคัญกับด้านราคาสินค้าและบริการ ไปสู่การยกระดับคุณภาพด้านบริการมากขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของภาครัฐควรมีการกำหนดมาตรฐานการดูแลและคุ้มครองผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น

#กระทรวงพาณิชย์ #ข่าววันนี้ #สินค้าออนไลน์ #Shopee #TikTok

 

 

“พาณิชย์” ร่วมกับ "Shopee" ผลักดัน 9 วิสาหกิจชุมชน เพื่อส่งเสริมการตลาดสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ร่วมกับ Shopee อีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ครองใจนักช้อป ชาวไทย เปิดตัวโปรโมชั่นแคมเปญโครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านทำมาค้าขายแห่งเดิมเป็นหมู่บ้านดิจิทัล (กลุ่มผ้าและหัตถกรรม) เพื่อส่งเสริมการตลาดสินค้าชุมชนผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ประกาศความร่วมมือกับ Shopee ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและการขายผลิตภัณฑ์จาก 9 วิสาหกิจชุมชน หลังจากโครงการฯ ได้ร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับคุณค่าและมูลค่าให้สามารถแข่งขันกับตลาดได้ อีกทั้งยังผลักดันให้ชุมชนสามารถเพิ่มช่องทางการตลาดและยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยได้มีกิจกรรมการเรียนรู้เทคนิคการตลาดและการขายจากวิทยากรที่เชี่ยวชาญจาก Shopee เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การทดสอบการขายจริง ตั้งแต่วันที่ 11 - 31 กรกฎาคม 2567 ผ่านเว็บไซต์ https://shopee.co.th/m/DIT-Community ทั้งนี้ โครงการฯ ร่วมกับ Shopee ขอเชิญผู้ที่หลงไหลผลิตภัณฑ์ของคนไทยและนักช้อป ร่วมมาอุดหนุนผลิตภัณฑ์จากชุมชน โดยรายละเอียดโปรโมชั่นถึง 3 ต่อ ดังนี้

•  ต่อที่ 1: รับโค้ดส่วนลดมูลค่า 100 บาท จำนวน 400 สิทธิ์ ไม่จำกัดขั้นต่ำการสั่งซื้อ

•  ต่อที่ 2: แจก Shopee Coin มูลค่ารวมสูงสุด 1,000 Coin ให้ผู้เข้าชม Shopee Live ของชุมชน ในวันที่ 13 กรกฎาคม โดยสามารถดูตารางเวลาไลฟ์แต่ละชุมชนได้ที่เว็บไซต์

• ต่อที่ 3: โค้ดส่งฟรี เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์จากชุมชนในโครงการฯ

 

กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเสริมสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน ทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้และสร้างความรับรู้ให้กับสินค้ากลุ่มผ้าและหัตถกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการชุมชนสามารถใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่าพลาดโอกาสดีๆ ในการร่วมสนับสนุนสินค้าจากหมู่บ้านทำมาค้าขายแห่งเดิมที่ได้พัฒนามาเป็นหมู่บ้านดิจิทัล เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและความยั่งยืนในท้องถิ่น

CEA OTOP Marché x Shopee ช้อปสนุก ชิมสนั่น สัมผัสอร่อยแบบ Thai Taste

CEA OTOP Marché x Shopee ส่งออกสินค้า Food & Beverage โอทอปไทยสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ  สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ได้จัดทำโครงการ Global OTOP 2024: The Unveiled Wisdom เผยนิยามใหม่สินค้าโอทอปไทย ชูความโดดเด่นผู้ประกอบการ OTOP  พร้อมยกระดับธุรกิจสู่โอกาสการเชื่อมโยงตลาดสากลด้วยความคิดสร้างสรรค์อย่างครบวงจร ส่งเสริมและสนับสนุนสินค้า OTOP ดึงเสน่ห์อัตลักษณ์ท้องถิ่น จุดเด่น และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างการรับรู้และการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น โดยโครงการ Global OTOP 2024 แบ่งเป็น 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1) กิจกรรมอบรมสัมมนาให้ความรู้ผู้ประกอบการโอทอป (OTOP Creative Ignitions) 2) กิจกรรมพัฒนาคุณภาพสินค้าโอทอป (OTOP Alchemizing The Vision) และ 3) กิจกรรมส่งเสริมรายได้ผู้ประกอบการโอทอป (OTOP Marché)

สำหรับ CEA OTOP Marché x Shopee ปีที่ 2 เป็นหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ CEA ได้ผลักดันร่วมกับ Shopee เพื่อสนับสนุนและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ทั้งในประเทศและระดับสากล ให้แก่ผู้ประกอบการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยกิจกรรมส่งเสริมการขายกว่า 15 ผลิตภัณฑ์ ใน 9 จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งสินค้าเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่  Healthy Crunchy Snacks น้ำลายสอของทานเล่นเพื่อสุขภาพ  New Exotic Drinks ดื่มด่ำรสชาติใหม่แห่งความฟิน Thai Appetite Enhancers เพิ่มความอร่อยให้มื้ออาหาร

ไฮไลต์สินค้าโอทอปสัมผัสความอร่อยแบบ Thai Taste มีหลากหลาย เช่น กุเลาทองแม่แป้นตากใบ จากจังหวัดนราธิวาส กับรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของปลากุเลาเค็มตากใบ กับกลิ่นหอมอ่อน ๆ และรสเค็มนวลอมหวาน, ปลาสลิดพอดีคำ จากกรุงเทพฯ ที่คัดสรรวัตถุปลาสลิดชั้นดี พร้อมปรุงออกมาจนได้รสชาติแต่ละคำที่พอดีต่อความอร่อย สุขภาพ และรสนิยม, TOONE' Supreme Tuna Floss จากจังหวัดปัตตานี แบรนด์ข้าวตังหน้าทูน่าหยองที่ผลิตจากทูน่าสดจากธรรมชาติ คัดสรรคุณภาพจากชาวประมงโดยตรง และ เวร่าโกลด์ จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เครื่องดื่มว่านหางจระเข้ผสมน้ำผลไม้เเท้ ๆ ที่คัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพแล้วนำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ฯลฯ

สำหรับผู้ที่สนใจซื้อสินค้าโอทอป CEA OTOP Marché x Shopee ภายใต้โครงการ Global OTOP 2024: The Unveiled Wisdom เผยนิยามใหม่สินค้าโอทอปไทย สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ https://shopee.co.th/m/ceaotop   พร้อมโค้ด ชื่อ CEAOTOPMARCHE ส่วนลด 50% (คำสั่งซื้อขั้นต่ำ 100 บาท ลดสูงสุดไม่เกิน 50 บาท) ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม - 20 พฤษภาคม 2567 เฉพาะร้านค้าและสินค้าในโครงการฯ เท่านั้น

เปิดพฤติกรรมซื้อออนไลน์ วัยรุ่นนิยม TikTok วัยอื่น Shopee-Lazada แนะเข้าใจพฤติกรรมดึงดูดใจนักช้อป 

เปิดพฤติกรรมซื้อออนไลน์ วัยรุ่นนิยม TikTok วัยอื่น Shopee-Lazada แนะเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคปรับธุรกิจให้ดึงดูดใจนักช้อป 

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์ ไตรมาส 4/2566 พบว่า พฤติกรรมการซื้อออนไลน์ทั้งความถี่และยอดมูลค่ามีความสัมพันธ์กับอายุ กลุ่มวัยรุ่นซื้อบ่อยแต่เน้นไม่แพงมาก โดยนิยมซื้อผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซที่สร้างความบันเทิง และเพิ่มความสุขให้ตนเอง (Shoppertainment) ตรงกันข้ามกับผู้บริโภคที่มีอายุสูงที่ซื้ออาจจะไม่บ่อย แต่เน้นคุณค่าและคุณภาพของสินค้าและบริการที่จับต้องได้ ส่งผลให้อีคอมเมิร์ซดั้งเดิม Shopee และ Lazada ยังคงได้รับความนิยมสูง สำหรับการค้าออนไลน์ มีแนวโน้มการแข่งขันกันสูง ทำให้แพลตฟอร์มต่างๆ เร่งพัฒนาเครื่องมือและฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคซึ่งมีความภักดีต่อแพลตฟอร์มไม่เท่ากันโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่มีการซื้อสินค้าออนไลน์จากหลายแพลตฟอร์ม และพร้อมที่จะเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่าได้ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรเตรียมตัวตั้งรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเข้าใจกลุ่มลูกค้าและตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างตรงจุด

โดยข้อมูลจาก e-Conomy SEA 2023 ฉบับล่าสุด รายงานว่า เศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทย จะมีมูลค่าประมาณ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 สูงเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการค้าออนไลน์ และคาดว่าปี 2568 จะมีมูลค่าถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น เพื่อให้เข้าใจและติดตามภาวะการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสนอนโยบายสนับสนุนการค้าได้อย่างตรงจุด สนค. จึงได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคและการใช้แพลตฟอร์มของผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ จำนวนกลุ่มตัวอย่างรวม 4,699 คน ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วประเทศ (884 อำเภอ/เขต)

ทั้งนี้พฤติกรรมการซื้อออนไลน์ทั้งความถี่และยอดมูลค่าซื้อมีความสัมพันธ์กับอายุ โดยกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มซื้อสินค้าออนไลน์บ่อยครั้งสวนทางกับยอดมูลค่าซื้อ (ซื้อบ่อยแต่เน้นไม่แพงมาก) โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นวัย Gen Z มีสัดส่วนผู้ที่ซื้อออนไลน์บ่อยขึ้นในไตรมาส 4/2566 เทียบกับไตรมาส 3/2566 สูงถึงร้อยละ 32 แต่ส่วนใหญ่ซื้อเฉลี่ยต่ำกว่า 1,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 58 โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้สามารถใช้เทคโนโลยีในการค้นหาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการที่มีลักษณะเฉพาะของตนเอง (Personalization) ได้เป็นอย่างดี แต่อาจมีข้อจำกัดด้านรายได้ จึงทำให้มูลค่าซื้อรวมยังน้อยกว่ากลุ่มอื่น ขณะที่ผู้บริโภคที่มีอายุสูงมีแนวโน้มซื้อสินค้าออนไลน์ด้วยความถี่ลดลง แม้ว่าอาจจะมียอดการใช้จ่ายที่สูงกว่า (ซื้อไม่บ่อยแต่เน้นคุณภาพ) เช่น กลุ่มผู้บริโภคอายุ 50 – 59 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัย Gen X มีสัดส่วนผู้ที่ซื้อสินค้าถี่ลดลง ในไตรมาส 4/2566 สูงถึงร้อยละ 40 แต่ก็มีสัดส่วนผู้ที่มียอดซื้อต่อเดือน 3,001 – 5,000 บาท สูงกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ (อยู่ที่ร้อยละ 16) สะท้อนศักยภาพในการซื้อสอดคล้องกับรายได้ที่อยู่ในระดับสูง แต่ก็มีความรอบคอบในการใช้เงินซึ่งไม่มองแค่หาความคุ้มค่าของสินค้า แต่ยังให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและการบริการของร้านค้าในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ เป็นต้น อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์มซื้อสินค้าออนไลน์อาจยังไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอายุ 60 ปีขึ้นไปบางกลุ่ม หรือวัย Baby Boomer ที่มีแนวโน้มซื้อถี่ลดลง และมียอดการซื้อเฉลี่ยต่ำกว่า 1,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 46 เป็นรองเพียงกลุ่ม Gen Z อาจเนื่องมาจากมีอุปสรรคในการปรับตัวกับการซื้อสินค้าออนไลน์หรือมีอุปกรณ์ไม่พร้อม รวมถึงมีความกังวลด้านความปลอดภัย และอาจต้องการเพียงสินค้าพื้นฐานที่ตอบสนองความต้องการที่จำเพาะเจาะจง เช่น สินค้าใช้ในครัวเรือนหรือสินค้าสุขภาพ เป็นต้น

สำหรับแพลตฟอร์มยอดนิยมที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าออนไลน์โดยพิจารณาทั้งจากความถี่ในการใช้งานและยอดมูลค่าซื้อส่วนมาก เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และ 20 – 29 ปี TikTok ก้าวขึ้นมาเป็นช่องทางนิยมอันดับ 2 เป็นรองเพียง Shopee ชี้ให้เห็นถึงกระแสความนิยมของโซเชียลคอมเมิร์ซในกลุ่มวัยรุ่น ที่เน้นการสร้างความสุขและความบันเทิงให้กับนักช้อป หรือที่เรียกว่า “Shoppertainment” ผ่านการรับชมการไลฟ์สตรีมและวิดีโอสั้นเกี่ยวกับบอกเล่าประสบการณ์การใช้สินค้า และข้อมูลสินค้าอื่น ๆ ที่สร้างสรรค์จากผู้ใช้งานและอินฟลูเอนเซอร์ ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคช่วงวัยอื่น อีคอมเมิร์ซดั้งเดิม Shopee และ Lazada ยังคงได้รับความนิยมมากกว่า TikTok เนื่องจากจุดแข็งในเรื่องระบบที่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะการจัดการร้านค้าและสินค้า ระบบการชำระเงิน รวมถึงกลไกการคืนสินค้า ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มความไว้วางใจระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ทั้งนี้ผู้บริโภค อายุ 50 – 59 ปี และกลุ่ม Baby Boomer ยังคงนิยมซื้อสินค้าออนไลน์ผ่าน Facebook เป็นอันดับ 3 รองจาก Shopee และ Lazada เนื่องจากมีความเคยชินในการใช้งาน ทำให้การถาม/ตอบข้อมูลสินค้าผ่านช่องแชทและไลฟ์สตรีมเป็นไปได้อย่างสะดวก ประกอบกับผู้ขายมักเสนอส่วนลดราคาที่น่าดึงดูดใจ อย่างไรก็ดี ปัญหาความเชื่อถือและมาตรฐานของร้านค้าอาจทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้หันไปเลือกใช้แพลตฟอร์มอื่น ๆ

ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวเพิ่มเติมว่า แพลตฟอร์มต่างๆ กำลังผลักดันจุดแข็งของตนเอง และเร่งพัฒนาเครื่องมือและและฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนการทำตลาดในยุคปัจจุบัน และยกระดับวิธีการขายให้มีความหลากหลายมากขึ้น ดังนั้น จะเห็นภาพของการผสมผสานระหว่างระบบการค้าออนไลน์แบบดั้งเดิมกับแบบโซเชียลคอมเมิร์ซ (Hybrid) มีมากขึ้น เช่น Shopee และ Lazada เปิดให้บริการเครื่องมือไลฟ์สตรีมเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและการเชื่อมต่อกับลูกค้า สำหรับ TikTok เพิ่ม TikTok Shop เพื่อให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชัน ขณะที่ลูกค้าเองก็นิยมใช้หลายแพลตฟอร์มร่วมกัน เพื่อซื้อสินค้าและการบริการจากแพลตฟอร์มที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่า

ทั้งนี้เมื่อวิเคราะห์ความภักดีของผู้บริโภคต่อแพลตฟอร์มต่าง ๆ (Customer Loyalty) โดยพิจารณาจากสัดส่วนของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าออนไลน์บ่อยสุดบนแพลตฟอร์มเพียงไม่กี่ช่องทาง (ไม่เกิน 2 แพลตฟอร์ม) พบว่าผู้บริโภคอายุมากขึ้นมีความหลากหลายในการใช้แพลตฟอร์มต่ำ หรือมีความภักดีต่อแพลตฟอร์มสูง โดยผู้บริโภคอายุ 50 – 59 ปี และ 60 ปีขึ้นไป มีการใช้ไม่เกิน 2 แพลตฟอร์ม คิดเป็นร้อยละ 69 และ 66 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ขณะที่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี มีการใช้ไม่เกิน 2 แพลตฟอร์ม ร้อยละ 47 ของผู้ตอบแบบสอบถาม

โดยผู้ประกอบการออนไลน์ จึงควรพัฒนาและปรับธุรกิจให้เข้ากับเทรนด์ตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผ่านกลยุทธ์ต่อไปนี้ 1) นำเสนอสินค้าและการบริการที่มีคุณภาพและแตกต่าง ให้ตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมการใช้จ่ายของแต่ละกลุ่มลูกค้า บนแพลตฟอร์มที่เป็นช่องทางหลัก รวมถึงพิจารณาแพลตฟอร์มอื่น ๆ ประกอบด้วยหากลูกค้ามีพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านหลายแอปพลิเคชัน 2) ติดตามเทรนด์ธุรกิจและการทำตลาดใหม่ๆ เป็นประจำ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น การทำตลาด Affiliate Commerce ที่อาศัยตัวแทนในการช่วยขายและโปรโมตสินค้าหรือบริการ เป็นต้น 3) ใช้ระบบจัดการหลังบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การทำ Customer Data Platform เป็นซอฟต์แวร์ที่ติดตามและรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากแพลตฟอร์มต่างๆ มาไว้ที่เดียวกัน รวมถึงการใช้โปรแกรมสำหรับจัดการยอดคำสั่งซื้อจากหลายแพลตฟอร์ม สินค้าคงคลัง และการเงิน เป็นต้น 4) ประยุกต์ใช้ Generative AI ซึ่งสามารถเป็นตัวช่วยได้ตั้งแต่กระบวนการสร้างเนื้อหาได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ และวิดีโอ หรือการทำกลยุทธ์ธุรกิจ ตลอดจนการทำแชทบอทเพื่อตอบคำถามลูกค้าได้อย่างทันท่วงที และ 5) ติดตามกฎหมาย/ระเบียบสำหรับทำการค้าออนไลน์ เช่น การจดทะเบียนร้านค้า และการจ่ายภาษี เป็นต้น ที่เปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับภาวะการค้าในปัจจุบัน เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างไม่สะดุดและยั่งยืน นอกจากนี้ ผู้บริการแพลตฟอร์มควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและดูแลร้านค้าให้นำเสนอข้อมูลสินค้าตามความเป็นจริงและเสนอสินค้าให้ถูกต้องตรงตามที่โฆษณาไว้

 

#TikTok #Shopee #Lazada