"TIDLOR" โชว์กำไร Q2/67 แกร่ง 1,091 ล้านบาท มั่นใจคุม NPL ไม่เกิน 2%

TIDLOR โชว์กำไร Q2/67 แกร่ง 1,091 ล้านบาท มั่นใจคุม NPL ไม่เกิน 2%

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2567 บริษัทยังคงสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งธุรกิจสินเชื่อและธุรกิจนายหน้าประกัน โดยมีกำไรสุทธิที่ระดับ 1,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ มั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถคุม NPL ให้ไม่เกิน 2% ได้ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบธุรกิจเดียวกัน

ทั้งนี้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาสที่ 2/2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการบริหารธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสำรองในระดับสูง และยังคงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากการจัดอันดับเครดิตที่ “A/Stable” จากทริสเรทติ้ง ซึ่งถือเป็นระดับสูงที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีวงเงินกู้คงเหลืออีกกว่า 23,000 ล้านบาท พร้อมทั้งยังคงอัตราหนี้สินต่อทุนในระดับต่ำที่ 2.5 เท่า

 

ธอส.ปล่อยสินเชื่อใหม่ปี66 ตามเป้าหมาย ยืนยัน NPL อยู่ในระดับที่เหมาะสม

นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2566 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายในปี 2566 ซึ่งตั้งไว้ที่ 235,480 ล้านบาทแล้ว แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ยังคงสามารถสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง มีคุณภาพชีวิต และความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย โดยธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งจะทำให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันในปี 2566 ยังสามารถจำหน่ายบ้านมือสอง ธอส.ได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน  

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ธนาคารสามารถบริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ปัจจุบันอยู่ที่ 4.06% ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีแนวโน้มลดลง ส่วนลูกค้าในกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ที่มีปัญหาในการผ่อนชำระเงินงวด ธนาคารให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาธนาคารได้มีมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้รองรับในการดูแลลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และในปี 2567 ธอส. พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลังอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยสนับสนุนให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองต่อไป

“ที่ผ่านมา ธอส. มีการบริหารจัดการที่ดี มีการประเมินความเสี่ยงทุกครั้งก่อนออกผลิตภัณฑ์ ให้ความสำคัญกับคุณภาพของการปล่อยสินเชื่อ โดยพิจารณาจากความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดของลูกค้าทุกราย ทำให้ ธอส. สามารถบริหารจัดการหนี้เสียได้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ธอส. ยังได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อให้ลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบจากการชำระเงินงวด และยังคงรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป”

ธอส.ปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 66 ตามเป้าหมาย 235,480 ล้านบาท ยืนยัน NPL อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพิ่มโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้น โดย ณ วันที่ 21 ธ.ค.66 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งในปี 66 ตั้งไว้ที่ 235,480 ล้านบาท ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม ยืนยันในปี 67 พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ช่วยสนับสนุนคนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองต่อไป

นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2566 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายในปี 2566 ซึ่งตั้งไว้ที่ 235,480 ล้านบาทแล้ว แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" ยังคงสามารถสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลังในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง มีคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย โดยธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งจะทำให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันในปี 2566 ยังสามารถจำหน่ายบ้านมือสอง ธอส.ได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ธนาคารสามารถบริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ปัจจุบันอยู่ที่ 4.06% ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีแนวโน้มลดลง ส่วนลูกค้าในกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ที่มีปัญหาในการผ่อนชำระเงินงวด ธนาคารให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาธนาคารได้มีมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้รองรับในการดูแลลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และในปี 2567 ธอส. พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลังอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยสนับสนุนให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองต่อไป

"ที่ผ่านมา ธอส. มีการบริหารจัดการที่ดี มีการประเมินความเสี่ยงทุกครั้งก่อนออกผลิตภัณฑ์ ให้ความสำคัญกับคุณภาพของการปล่อยสินเชื่อ โดยพิจารณาจากความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดของลูกค้าทุกราย ทำให้ ธอส. สามารถบริหารจัดการหนี้เสียได้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ธอส. ยังได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อให้ลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบจากการชำระเงินงวด และยังคงรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป"นายกฤษณ์ กล่าว

ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

#ธอส #สินเชื่อ #NPL

 

"ออมสิน" ไม่ทิ้งลูกหนี้ NPL ออกมาตรการ "ไม่คิดดอกเบี้ย-ลด ดบ.ค้าง-เงินงวดทั้งหมดตัดเงินต้น" ผ่อนจ่ายเดือนละ 100 บาท

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายใต้โครงการ “สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19” วงเงินรายละไม่เกิน 10,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวให้กับประชาชนที่ขาดรายได้ช่วงวิกฤติที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในระยะเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือแก้ไขเครดิตแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ลูกหนี้บัญชี 21) ที่มีสถานะเป็น NPL ให้กลับมามีสถานะหนี้ปกติ ธนาคารออมสินจึงออกมาตรการ “ไม่คิดดอกเบี้ย ลดดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมด และนำเงินที่ชำระไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน” โดยให้ลูกหนี้เริ่มผ่อนชำระเพียง 100 บาทต่อเดือนสำหรับงวดที่ 1-6 หลังจากนั้นงวดที่ 7-12 ผ่อนชำระ 300 บาทต่อเดือน และขยายระยะเวลาการชำระจนถึงเดือนตุลาคม 2567 ขอเชิญชวนลูกหนี้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ลงทะเบียนสมัครเข้ามาตรการช่วยเหลือได้ที่ช่องทาง MyMo หรือ www.gsb.or.th สำหรับลูกหนี้ที่ไม่มี MyMo สามารถลงทะเบียนผ่านช่องทางเว็บไซต์ธนาคาร www.gsb.or.th ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2566

 

"ฉัตรชัย ศิริไล" เอ็มดีป้ายแดงธ.ก.ส. ลุย "แก้หนี้เสีย-เพิ่มรายได้" เกษตรกร

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส. กล่าวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งวันนี้เป็นวันแรก ถึงภารกิจสำคัญ 3 เรื่อง ที่จะเร่งดำเนินการในปีนี้ ภารกิจที่ 1. การดูแลลูกค้าเกษตรกร ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากโควิด ซึ่งที่ผ่านมาได้มีมาตรการพักหนี้ ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้มีความเปราะบาง แม้ว่าหนี้ที่ไม่ก่อเกิดรายได้ (NPL) จะปรับลดลงมาเหลือ 8-9% จากที่เคยขึ้นไปสูงสุด 12% ในช่วงปลายปีบัญชีที่ผ่านมา รวมถึงต้องติดตามลูกหนี้กลุ่มสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) ให้ดี เพราะว่าทุก 90 วัน ลูกหนี้กลุ่มนี้มีโอกาสที่จะไหลเป็น NPL เพิ่มขึ้นได้

"นโยบายแก้หนี้ต้องทำทันที โดยสัปดาห์นี้ จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางการแก้หนี้และปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งกลุ่มหนี้เสีย และกลุ่ม SM ซึ่งกลุ่มนี้อาจจะเป็นคลื่นระลอกใหม่ที่จะไหลมากระทบ คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ไตรมาส จึงจะเห็นผลในการแก้ไขคุณภาพหนี้ได้ระดับหนึ่ง ส่วนแนวทางการลด NPL ลง จะต้องมาตรวจสอบกันอีกทีว่าจะต้องจัดทำมาตรการอะไรบ้าง" 

ส่วนภารกิจที่ 2. การเร่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดูแลลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนของธนาคาร ซึ่งปัจจุบันลูกค้าธนาคารมีจำนวนมาก มีปริมาณการทำธุรกรรมสูง แต่สัดส่วนหนี้ต่อรายไม่ได้สูงมาก ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว และช่วยลดต้นทุนด้วย

ภารกิจที่ 3. การบริหารเงินฝากให้มีประสิทธิภาพ โดยจะต้องมีการใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องส่วนเกิน บริหารงบดุลไม่ให้มีปัญหา และบริหารต้นทุนเงินฝากให้สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อไม่ให้ ธ.ก.ส. มีต้นทุนมากเกินความจำเป็น

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ธ.ก.ส. พร้อมจะใช้นโยบายพักหนี้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร หากเป็นนโยบายของรัฐบาล และเป็นการดูแลเกษตรกรกลุ่มเปราะบางจริง ๆ แต่ถ้าเป็นลูกหนี้ที่ไม่มีปัญหา และยังมีความวามารถในการชำระหนี้ ก็ต้องทำให้เห็นว่าการพักหนี้ไม่มีประโยชน์ เพราะดอกเบี้ยยังเดินอยู่ ขณะที่เงินต้นไม่ลดลง ซึ่งสุดท้ายก็จะกลายเป็นหนี้เสียจริง ๆ