รีบเก็บ NCP ก่อนขึ้น XD 27 ส.ค. นี้ รอรับปันผลเน้นๆ พ่วงผลงานปีนี้โตแรง

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 งานนี้มีแต่เฮง สำหรับแฟนคลับ บมจ.ไนซ์ คอล หรือ NCP ปิดงบครึ่งปีแรก 68 โตแรง กำไรสุทธิพุ่ง 67.67% แถมบอร์ดใจป้ำ เคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล หุ้นละ 0.0555 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD 27 ส.ค.รับเงินเข้ากระเป๋า 11 ก.ย. ถ้าไม่อยากพลาดเงินปันผลดีๆ แถมอนาคตไกลรีบตุนด่วน!! ฟากบิ๊กบอส "ศรัณย์ เวชสุภาพร" แอบกระซิบ ผลงานปีนี้โตตามเป้าหมายแน่นอนคร้า

NCP คว้าคะแนนระดับ "ดีเยี่ยม" AGM Checklist 2568

NCP ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ รับคะแนนประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ในระดับ "ดีเยี่ยม" (4 เหรียญ) จากโครงการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 (AGM Checklist) สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจัดโดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (Thai Investors Association) 

วันที่ 19 สิงหาคม 2568 นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทให้ความสำคัญต่อการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งครอบคลุมหลักความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เพื่อส่งเสริมประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

NCP ท็อปฟอร์ม! ครึ่งแรกปี 68 กำไรพุ่ง 67.67% บอร์ดเคาะปันผล 0.0555 บ. ขึ้น XD 27 ส.ค. นี้

 NCP โชว์ฟอร์มแรง! ไตรมาส 2/68 กวาดกำไรสุทธิ 5.27 ล้านบาท โต 36.18% ผลักดันกำไรสุทธิครึ่งปีแรกแตะ 11.10 ล้านบาท โตแรง 67.67% จากปีก่อน แรงหนุนหลักมาจากธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ที่ยังร้อนแรงต่อเนื่อง เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล หุ้นละ 0.0555 บาท ขึ้น XD 27 ส.ค. นี้

วันที่ 14 สิงหาคม 2568 นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ว่า มีกำไรสุทธิ 5.27 ล้านบาท เติบโต 36.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 46.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.42% ส่งผลให้ผลประกอบการรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 11.10 ล้านบาท เติบโต 67.67% และมีรายได้รวม 95.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท

ผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มาจากรายได้ธุรกิจให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายสินค้าครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) รวม 24.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 328.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะการขยายบริการในธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมกันนี้ บริษัทได้มุ่งเน้นการใช้พนักงานขายในการขยายตลาดการให้บริการในธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ารายได้จากการขายสินค้า ส่งผลให้กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงาน 6 เดือนปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.0555 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) คือวันที่ 27 สิงหาคม 2568 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล วันที่ 28 สิงหาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2568

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะการให้บริการธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มต่อเนื่อง รวมถึงแผนเพิ่มจำนวน Telesales เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าในกลุ่ม "Dedicated Telesale Outsourcing Service" ที่มีอัตราการเติบโตสูง รวมถึงเตรียมนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาผสานกับธุรกิจ Telesales ด้วยการทำตลาดรูปแบบใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโต เพิ่มผลลัพธ์การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและช่วยหนุนผลงานปี 2568 เติบโต 20-30% ตามเป้า

“การให้บริการ Dedicated Telesale Outsourcing เป็นการให้บริการที่มีอัตรากำไรสูง สามารถสร้างเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดงวด 6 เดือนปี 2568 บริษัทฯ สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 66.57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าภาพรวมทั้งปี 2568 จะมีรายได้ และกำไร เติบโตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้” นายศรัณย์ กล่าว 

NCP สุดฮอต! Q1/68 กำไรโตแรง 112% ธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ปังไม่หยุด

NCP โชว์ผลงาน Q1/68 สุดฮอต กวาดกำไรสุทธิ 5.83 ล้านบาท ทะยาน 112% ธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing โตไม่หยุด ลูกค้าแห่ใช้บริการแน่น พร้อมส่งซิกไตรมาส 2 เติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์สินค้าใหม่ “ไข่ผำ” มาแรง มั่นใจปี 68 รายได้มาตามนัดเติบโต 20-30%

วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales), ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1/2568ว่า  มีกำไรสุทธิ 5.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจ Upselling Service และ Dedicated Telesale Outsourcing ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เน้นให้พนักงานขาย ขยายธุรกิจบริการในธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ารายได้จากการขายสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจ Upselling Service และธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing อยู่ที่ 12.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.79 ล้านบาท หรือ 836.43%  เมื่อเทียบกับงวด 3 เดือนแรกปี 2567
 
ขณะที่ ต้นทุนขายสินค้าลดลง 16.43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงมากขึ้น สาเหตุหลักมาจากสัดส่วนการขายสินค้าแบรนด์ของบริษัทฯ (House Brand) ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าสินค้าที่มาจากคู่ค้า ทำให้ต้นทุนขายของบริษัทฯ ลดน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการให้บริการใน 3 กลุ่มธุรกิจ ทั้ง ธุรกิจ Telesales, Upselling Service และ Dedicated Telesale Outsourcing ที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง บริษัทได้ออกสินค้าใหม่เพื่อสุขภาพ (House Brand) “ไข่ผำ” เพื่อสริมสร้างสุขภาพและตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า สอดรับเทรนด์ Health and Beauty ที่ได้รับการตอบรับที่ดี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2568 เติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนที่กำหนด และผลักดันภาพรวมตลอดทั้งปี 2568 มีรายได้เติบโต 20-30% ตามเป้า

“ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 จากธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ที่โตโดดเด่นต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมุ่งเน้นขยายตลาดงานบริการเพิ่มขึ้น ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ารายได้จากการขายสินค้า ส่งผลให้กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปียังเป็นโอกาสและมีแนวโน้มสดใสตามการเติบโตของตลาดและความต้องการของกลุ่มลูกค้า” นายศรัณย์ กล่าว

NCP รุกหนัก! แตกไลน์สินค้าเมกะเทรนด์ ลุยเจาะตลาด “คนรุ่นใหม่-สัตว์เลี้ยง” ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 20-30%

บมจ.ไนซ์ คอล (NCP) เปิดแผนธุรกิจปี 2568 ทุ่มงบ 10 ล้านบาท พัฒนาระบบเทคโนโลยี และเทคโนโลยี AI เพิ่มประสิทธิภาพงานขาย เล็งเปิดตัวสินค้า (House Brand) การันตีคุณภาพระดับพรีเมี่ยมกว่า 10 รายการ พร้อมรุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสำหรับสัตว์เลี้ยง เสริมแกร่งธุรกิจ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 20-30%


เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2568 นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เปิดเผยแผนการดำเนินธุรกิจปี 2568 ว่า บริษัทได้วางแผนการดำเนินงานเพื่อสานต่อความสำเร็จอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเน้นบทบาทการเป็น Telesales ที่ตอบโจทย์การให้บริการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) อย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายการให้บริการธุรกิจ Upselling Service และ Dedicated Telesale Outsourcing เพิ่มขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการสำหรับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ รองรับการขยายตัวธุรกิจ Telesales  โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปีนี้ 20-30% โดยมีปัจจัยหนุนการเติบโตจากธุรกิจ Upselling Service และ Dedicated Telesale Outsourcing รวมถึงเทรนด์การดูแลสุขภาพที่เติบโตต่อเนื่อง จากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ของประเทศไทย และการดูแลรักษาสุขภาพของกลุ่ม Gen X และ Gen Y 

โดยปีนี้ บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (House Brand) การันตีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม มากกว่า 10 รายการ สอดรับเทรนด์ Health and Beauty ของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความงาม รวมถึงการเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น 

ไม่เพียงเท่านี้ บริษัทยังเตรียมขยายตลาดไปสู่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสัตว์เลี้ยง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก (Pet Parent) ส่งผลให้ตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างก้าวกระโดด นับเป็นการเพิ่มศักยภาพของผลิตภัณฑ์และการตลาดใหม่ๆ ที่ช่วยหนุนการเติบโตของ NCP อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท ในการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานขาย โดยจะนำเทคโนโลยีมาช่วยในการผลิต การขายและการบริการลูกค้า การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ความต้องการของตลาดและปรับกลยุทธ์การขายให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับการขยายจำนวนพนักงาน Telesales ทั้งพนักงาน Telesales ประจำ และผู้ต้องขังภายในเรือนจำหรือทัณฑสถานหญิงที่ทำหน้าที่ Telesales ตามโครงการ “คืนคนดีสู่สังคมกับกรมราชทัณฑ์” โดยการฝึกอาชีพและส่งเสริมทักษะการทำงานให้แก่ผู้ต้องขัง ประเภทการขายทางโทรศัพท์ (Telesales) บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 200 คน แบ่งเป็น พนักงาน Telesales ประจำ 100 คน จากเดิมที่มีในขณะนี้ 100 คน รวมเป็น 200 คน และเพิ่มจำนวนผู้ต้องขัง ที่ทำหน้าที่เป็น Telesales อีก  100 คน ในเรือนจำหรือทัณฑสถานหญิงอีก 2 แห่ง จากเดิมที่มี 3 แห่ง ได้แก่ เรือนจำกลางสมุทรปราการ ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ และทัณฑสถานหญิงชลบุรี รองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มธุรกิจ Upselling Service และ Dedicated Telesale Outsourcing

สำหรับแผนธุรกิจ ใน 3-5 ปีข้างหน้า NCP ตั้งเป้าขยายธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ, ขยายช่องทางจัดจำหน่าย, สร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ และขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ

“NCP พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค และมองหาพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง โดยมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 20-30% จากการเติบโตของธุรกิจ “Dedicated Telesale Outsourcing Service และ Upselling Service” ที่โดดเด่น รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (House Brand) ที่ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตลอดปี” นายศรัณย์ กล่าว 

NCP สุดปัง! ปี 67 กำไรทะยาน 24.18% บอร์ดเคาะปันผล 0.068 บาท ขึ้น XD วันที่ 6 พ.ค.นี้

NCP มาแรง! ประกาศงบปี 67 ฟันกำไรสุทธิ 15.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.18%  การบริการ “Upselling Service  และ Dedicated Telesale Outsourcing” โตแรง 1,947.15% ลูกค้าใช้บริการแน่น หนุนผลงานโตแกร่ง บอร์ดใจป้ำเคาะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.068 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 6 พ.ค.นี้ 

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.68 นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales), ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) เปิดเผยผลประกอบการปี 2567 ว่า มีกำไรสุทธิ 15.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.18% เมื่อเทียบกับปี 2566 จากสัดส่วนรายได้จากการบริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) เพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจบริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) ในอัตราที่สูง ส่งผลให้กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิปี 2567 เพิ่มสูงขึ้น

สำหรับรายได้ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการบริการ จำนวน 181.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.88% เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยรายได้จากการบริการที่เพิ่มขึ้น ได้รับปัจจัยหนุนจาก 1.ธุรกิจให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายสินค้าครั้งแรก (Upselling Service) และ 2.ธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) ที่สามารถสร้างรายได้ 25.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,947.15% เมื่อเทียบกับปี 2566 จากการขยายการให้บริการจากธุรกิจ Dedicated Telesale Outsourcing ที่เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า 

ส่วนรายได้จากการขายรวม 156.38 ล้านบาท ลดลง 9.02% เมื่อเทียบกับปี 2566 เนื่องจากบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นให้พนักงานขายไปขยายตลาดงานบริการเพิ่มในธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ารายได้จากการขายสินค้า

นอกจากนี้ ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตรา 0.068 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 12.24 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) คือวันที่ 6  พฤษภาคม 2568 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2568

นายศรัณย์ กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจปี 2568 บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายจำนวนพนักงาน Telesales เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้า รวมทั้งมองหาโอกาสขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ และลูกค้ารายใหม่ๆ เพื่อช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งในอนาคต

“การให้บริการ Upselling Service  และ Dedicated Telesale Outsourcing ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง ที่สะท้อนจากอัตรากำไรขั้นต้นปี 2567 ที่เพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 62.68% จากปี 2566 ที่อยู่ระดับ 57.78%  เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้การให้บริการ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่ารายได้จากการขายสินค้า ทำให้บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2568 ยังสดใสอย่างต่อเนื่อง จากสัญญาณภาพรวมเศรษฐกิจประเทศและการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว”

 

ไม่ผิดหวัง! NCP เทรดวันแรก ราคาเปิด 2.28 บาท เหนือจอง 14% มุ่งต่อยอดธุรกิจ 2 บริการใหม่ ปั้นยอดขายรับเทรนด์ดิจิทัล หนุนธุรกิจโตแกร่ง

นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดตลาดที่ราคา 2.28 บาท เพิ่มขึ้น 14% จากราคา IPO หุ้นละ 2.00 บาท สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี มีศักยภาพการเติบโตสูง และมั่นใจในกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท ที่สอดรับไปกับเทรนด์การเติบโตของโลกดิจิทัล รวมถึงผลประกอบการที่มีโอกาสเติบโตได้อีกไกลในอนาคต

"ขอบคุณนักลงทุน ที่ให้การต้อนรับหุ้น NCP อย่างอบอุ่น วันนี้นับเป็นก้าวสำคัญและความภาคภูมิใจ ที่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้สำเร็จ ในฐานะผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales) ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) ระดับแถวหน้าของประเทศ โดยคณะผู้บริหารและพนักงานทุกคน พร้อมมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน"

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน จะใช้ก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่เพื่อรองรับพนักงานที่เพิ่มขึ้น และวางแผนให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เรื่องธุรกิจ Telesales โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จช่วงไตรมาส 3/2568,  ก่อสร้างห้องทำงาน Telesales ในเรือนจำ ตามการขยายโครงการโครงการคืนคนดีสู่สังคมในเรือนจำ รวม 5 แห่ง ภายในปี 2569, พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ สำหรับธุรกิจใหม่และพัฒนาระบบเครือข่าย เพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนพนักงานภายในสิ้นปี 2568 และเป็นเงินทุนหมุนเวียน 

ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจภายหลังการระดมทุน จะมุ่งต่อยอดยอดจากธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเดิม ซึ่งเป็น Business Model ใหม่ ที่จะทำให้บริษัทฯ เติบโตไปกับโลกดิจิทัล ควบคู่กับตลาด E-commerce ที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบด้วย 1.การให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) เป็นบริการสำหรับคู่ค้าพันธมิตรที่ต้องการให้ NCP จัดหาพนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) เพื่อติดต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สนับสนุนให้ยอดขายเพิ่มผ่านการนำเสนอโปรโมชั่นต่างๆ ที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นยอดขายต่อบิลให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น และ 2.ธุรกิจให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) เป็นการจัดหาทีมขายผ่านโทรศัพท์ (Telesales) เฉพาะเจาะจงให้กับเจ้าของสินค้า รวมถึงการให้บริการแบบครบวงจร ที่ครอบคลุมไปถึงการจัดการระบบคลังสินค้า การจัดส่ง การเก็บเงิน การวางแผนแนวทางนโยบายการขายสินค้าผ่านการวิเคราะห์การสั่งซื้อในอดีตของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำร่วมกับการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอาจมีความสนใจ ทำให้ NCP สามารถให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลายธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบจำนวนมากเลือกใช้ Telesales ในการทำการตลาดออนไลน์เพื่อต่อยอดธุรกิจ ส่งผลให้บริการของบริษัทฯ เป็นที่ต้องการของตลาด ด้วยเหตุนี้เอง NCP จึงเปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย ที่เข้าไปสนับสนุนธุรกิจ E-Commerce ให้มีผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นับเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเพิ่มพนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ที่เป็นพนักงานประจำและผู้ต้องขังเป็น 1,000 คน จากปัจจุบันที่มี 219 คน ประกอบด้วย พนักงานประจำ 85 คน และผู้ต้องขัง 134 คน โดยมีแผนขยายขอบเขตการทำงานในเรือนจำเพื่อให้มีพนักงาน Telesales เพิ่มขึ้นปีละ 100-150 ที่นั่ง (2-3 เรือนจำ/ปี) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเข้านำเสนอโครงการและสำรวจพื้นที่เรือนจำแห่งใหม่อีก 5 แห่งทั่วประเทศ (โดยในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2567 มีแผนเข้าสำรวจพื้นที่เรือนจำแห่งใหม่อีก 1 แห่ง ส่วนปี 2568-2569 คาดเปิดดำเนินการอีกปีละ 2 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาและนำเสนอโครงการ)

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน NCP กล่าวว่า การเปิดซื้อขายหุ้นวันแรกในราคาเปิดเหนือจอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ NCP โดยบริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO จำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.00 บาท รวมจำนวนเงินที่ได้ 100  ล้านบาท ไปต่อยอดธุรกิจ สร้างความเข้มแข็ง พร้อมทั้งผลักดันการเติบโตให้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมาย

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ได้แสดงความจำนงค์ขอ Lock Up หุ้นทั้งหมด 100% โดยได้ทำสัญญากับบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เพิ่มเติมในสัดส่วนที่เหลือจากการติด Silent period เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะงดการเสนอขาย หรือโอนด้วยวิธีการใดๆ นับแต่วันที่หุ้นเริ่มซื้อขาย (Lock-Up) เพื่อแสดงความจริงใจ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดแก่นักลงทุน และพร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriters)  กล่าวว่า นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ NCP ที่จะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนไปต่อยอดธุรกิจให้แข็งแกร่ง เพราะถือเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจ E-Commerce ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดย NCP ถือเป็นบริษัทที่มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำ การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัว และไม่มีภาระต้นทุนที่สูง ซึ่งการกำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ราคา 2 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E)เท่ากับ 28.14 เท่า นับเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และถือว่ามีความเหมาะสมสำหรับนักลงทุน โดยเชื่อว่า NCP จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนในอนาคต

นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนร่วม (Joint Lead Underwriters)  กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหาร ด้านการทำการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) มากว่า 20 ปี อีกทั้ง NCP ที่เปิดดำเนินธุรกิจมากว่า 11 ปี มีผลขาดทุนเพียงปีแรกที่เริ่มดำเนินการ และปีที่บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างองค์กร แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีความระมัดระวัง สามารถบริหารธุรกิจท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี โดยมองว่า ธุรกิจ E-Commerce ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ถือเป็นโอกาสสนับธุรกิจ NCP ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งโครงการ “คืนคนดีสู่สังคม” นับเป็นการให้โอกาสคนอื่น สุดท้ายแล้วก็จะสะท้อนกลับมาเป็นผลดีกับ NCP ในการต่อยอดการขยายทีมงานได้มีประสิทธิภาพ และรวดเร็วแบบยั่งยืนในอนาคต

NCP ปลื้ม IPO 50 ล้านหุ้น ขายเกลี้ยง! พร้อมลงสนามเทรดmai วันแรก 31 ก.ค. นี้

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP ผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales), ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) เปิดเผยว่า NCP เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “NCP” รวมจำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.00 บาท เป็นวันแรก วันที่ 31 กรกฏาคม 2567 ทั้งนี้ เมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว NCP จะเป็นบริษัทที่มีฐานทุนที่แข็งแกร่ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตได้ตามแผนและกรอบเวลาที่ทางบริษัทได้วางไว้

นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriters) เปิดเผยว่า จากการเปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.00 บาท ระหว่างวันที่ 19 และ 23-24 กรกฎาคม 2567 กระแสตอบรับดีเยี่ยม นักลงทุนจองซื้อหุ้น NCP หมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว เพราะมั่นใจในพื้นฐานของบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและมั่นคง 

นางสาวออมสิน ศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriters) เปิดเผยว่า NCP ดำเนินธุรกิจที่อยู่ในเมกะเทรนด์การค้าออนไลน์ หรือ E-Commerce ที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบันและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต จึงมั่นใจหุ้น NCP จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในวันแรกที่เข้าเทรดในตลาด หลังให้ความสนใจจองซื้อหุ้น NCP เป็นจำนวนมาก 

นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เปิดเผยว่า การเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)  ครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่สำคัญในการขยายธุรกิจให้แข็งแกร่ง และต่อยอดการขยายโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงตามกลยุทธ์ ในฐานะผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales), ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) ระดับแถวหน้าของประเทศ พร้อมขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้น NCP อย่างล้นหลาม สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ