ศธ.ปลื้ม Mindset "สภานักเรียนวันเด็ก" เร่งหนุนข้อเสนอพลิกโฉมการศึกษา ตั้งเป้าทำฝันนักเรียนให้เป็นจริง

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ และโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เผยว่า เสียงสะท้อนผู้เรียน หลังรับข้อเสนอจากคณะสภานักเรียน และโพลวันเด็กแห่งชาติ ปี 2568 ภูมิใจ Mindset พลังบวกของนักเรียนไทย พร้อมยืนยันการดำเนินการตามแนวทางของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ให้ความสำคัญกับผู้เรียนที่เป็นเด็กและเยาวชน เร่งพัฒนาปรับเปลี่ยนสู่ความเปลี่ยนแปลงให้ขึ้นจริงในสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
.
ทั้งนี้ผ่านพ้นมาเกือบสัปดาห์สำหรับงานวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ นอกจากกิจกรรมสร้างสรรค์ที่จัดขึ้นเพื่อเด็กและเยาวชนแล้ว สิ่งที่สะท้อนถึงความต้องการของผู้เรียนทั้งประเทศได้อีกส่วนหนึ่งคือข้อเสนอจากคณะสภานักเรียนนั่นเอง รวมถึงผลสำรวจหรือโพลต่าง ๆ ก็บ่งบอกได้ถึงความต้องการของผู้เรียนได้ดีเช่นกัน และในปีนี้ผลได้ออกมาว่าเด็กไทยอยากเห็นโรงเรียนและการเรียนที่สนุกขึ้น รองลงมาคือเทคโนโลยีพัฒนาเจริญก้าวหน้า ส่วนของขวัญที่อยากได้จากรัฐบาลคือทุนการศึกษาหรือเงินช่วยเหลือ รวมถึงแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์สำหรับเรียน นอกจากคุณพ่อคุณแม่แล้วคนที่เด็กไทยชื่นชมและเป็นไอดอลคือ ลิซ่า ลลิษา รองลงมาคือคุณครูที่ติดโผแรงบันดาลใจของเด็กในทุกปี

อย่างที่ทราบกันว่าหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของวันเด็กแห่งชาติคือน้องคณะสภานักเรียนผู้เป็นตัวแทนกระบอกเสียงให้เพื่อนนักเรียนทั่วประเทศ เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อยื่นข้อเสนอถึงความต้องการด้านการศึกษา ซึ่งในปีนี้คณะสภานักเรียนได้ยื่นข้อเสนอ 3 เรื่อง ทั้งการส่งเสริมค่านิยมหลัก “รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ในกลุ่มเยาวชนไทย รวมถึงเรื่องความรักโรงเรียน รักเพื่อน และน้อง สร้างโรงเรียนแห่งความสุข ร่วมป้องกันให้ทุกคนห่างไกลจากบุหรี่ไฟฟ้า รู้เท่าทันภัยออนไลน์ และ ZERO DROPOUT ติดตามและค้นหาเด็กที่ตกหล่นให้กลับเข้ามาเรียนในระบบ ซึ่งสภานักเรียนทั่วประเทศจะร่วมขับเคลื่อนตามบริบทและความเหมาะสมของแต่ละโรงเรียน 

หากย้อนไปในวันเด็กแห่งชาติปีที่แล้วคณะสภานักเรียนก็ได้มีข้อเสนอในประเด็นการมีส่วนร่วมของสภานักเรียนในบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา การรู้จักประวัติศาสตร์ในท้องถิ่นของตนเองอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการรู้จักมารยาทการใช้โทรศัพท์ในห้องเรียน และการส่งเสริมแนวทางการป้องกันการบูลลี่ในสถานศึกษา ซึ่งสิ่งที่เห็นเด่นชัดถึงความเปลี่ยนแปลงที่ ศธ.นำข้อเสนอมาดำเนินการในระยะ 1 ปี ที่ผ่านมาจนเกิดเป็นกระแสสังคมคือการปรับเครื่องแบบลูกเสือ และสุขาดีมีความสุข ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของนักเรียนในโรงเรียนให้เหมาะสมในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเร่งรัดการพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตและร่างกายของนักเรียนอย่างจริงจังจนเริ่มต้นในหลายโรงเรียนแล้ว เรื่องดูแลสวัสดิการของผู้เรียนก็ได้รับความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน เกิดเป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่หลากหลายและยืดหยุ่นเพื่อให้นักเรียนมีทักษะที่ตอบโจทย์ในอนาคตตรงกับข้อเสนอของสภานักเรียน

เสียงเหล่านี้คือเสียงอันทรงพลังในการเปลี่ยนแปลงทิศทางระบบการศึกษา ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ที่เป็นจุดปรับเปลี่ยนความร่วมมือกับผู้เรียนในการพัฒนาการศึกษาและมุ่งเน้นการสร้างความสุขในการเรียนรู้ ที่ถูกกลั่นกรองถึงความต้องการของนักเรียนอย่างแท้จริงในการสะท้อนมุมมองและข้อเสนอแนะการปฏิรูปการศึกษา และ ศธ.ได้ให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับข้อเสนอและผลสำรวจดังกล่าว ตอบโจทย์ความต้องการของนักเรียนในยุคดิจิทัลทั้งในเรื่องของการปรับปรุงหลักสูตร การเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ และการส่งเสริมทักษะที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง เพื่อนำมาสู่การปรับเปลี่ยนสู่การพลิกโฉมการศึกษาไทย 

เห็นได้ชัดเจนว่าการพัฒนาการศึกษาในยุคของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงจากคณะสภานักเรียน และทุกข้อเสนอที่ได้รับจากเด็ก ๆ เพราะพวกเขาคือผู้ที่มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่พวกเขาจะได้รับ การปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่เราตั้งใจให้เกิดขึ้นจริงในระบบการศึกษาไทย ไม่เพียงแค่มองมิติปัจจุบันแต่ยังมองไปข้างหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีได้ การรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การปฏิรูปการศึกษามีความสอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง ไม่เพียงแต่จะรับข้อเสนอเหล่านี้มาพิจารณาแต่ยังมองว่าเป็นโอกาสในการพลิกโฉมการศึกษาไทยให้มีความทันสมัยและเข้ากับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

"ภูมิใจที่ได้เห็น Mindset นักเรียนไทยในเชิงบวกมากขึ้น ศธ.พร้อมรับฟังทุกเสียงของผู้เรียนเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาระบบการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ทุกข้อเสนอที่ได้รับจะเร่งดำเนินการเพื่อปฏิรูปการศึกษา สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมให้เป็นจริงได้ไม่เกินฝัน จากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งนักเรียน ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษา ขอยืนยันว่าเราจะเดินหน้าพลิกโฉมการศึกษาไทยต่อไปในปีนี้ ให้ทุกเสียงของนักเรียนที่สะท้อนมาได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังในทุกมิติ" 

"ภูมิธรรม" หวังสร้าง mind set ให้เกิดในทุกภาคส่วน เพื่อต่อต้านทุจริตในสังคมไทย

วันที่ 26 ก.ค.2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) รุ่นที่ 15 จัดกิจกรรมสัมมนาสาธารณะหัวข้อ “นวัตกรรมในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนไทยไม่โกง ในยุค Digital Disruption” พล.ต.อ

วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า การจัดหลักสูตร นยปส.รุ่นที่ 15 เป็นหลักสูตรที่มีเป้าหมายพัฒนาผู้นำที่มีคุณภาพและสร้างความร่วมมือในการต่อต้านการทุจริตประเทศไทย และผู้ศึกษาก็จะใช้โอกาสนี้ใช้เวทีนี้เสนอยุทธศาสตร์ มาตรการหรือแนวทางการป้องกันการทุจริต ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ในการก่อปราบปรามการทุจริตอต่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าจะทำให้การปราบปรามการทุจริตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยกระดับค่า CPI ให้สูงขึ้น และนโยบายการแก้ไขปัญหาทุจริตของ ป.ป.ช.ปัจจุบัน เน้นการป้องกันนำการปราบปราม การจะป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือทั้งภาครัฐเอกชนและประชาคม 


ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ภาพลักษณ์ของไทยในเรื่องการป้อฃกันการทุจริตคอร์รัปชั่นถือว่าต่ำกว่าเป้าหมาย ดูจากดัชนีการรับรู้การทุจริตคอรัปชั่น หรือค่า CPI ของไทย อยู่ในลำดับที่ 108 จาก 180 ประเทศ เป็นคะแนนที่ต่ำกว่าเป้าหมายค่อนข้างมาก ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในสังคมไทย เป็นเรื่องที่เรารู้ เราอยากแก้ แต่ก็ยังแก้ไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาที่สะสมในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นปัญหาที่มีความสำคัญและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในทุกด้าน โดยนโยบายรัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น โดยเฉพาะในยุค Digital disruption มีเทคโนโลยีต่างๆมากมาย ทำให้ต้องวิ่งแข่งกับการทุจริตคอรัปชั่น การแก้ไขปัญหาก็มีความยากขึ้น 

ดังนั้นการแก้ไขปัญหาการทุจริตจะต้องดูในหลายเรื่องให้สัมพันธ์กัน และต้องหาอย่างจริงจังถึงองค์ประกอบของปัญหาคืออะไร ส่วนตัวคิดว่าการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นถือเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจและหาช่องทางในการแก้ไขให้มากขึ้น จะต้องใช้กลไกกระบวนการและวิธีการในการแก้ไขปัญหา และคิดว่าหัวใจสำคัญที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นในสังคมไทยก็คือ mind set ประชาชน และทุกภาคส่วนจะต้องมีส่วนร่วมกัน หากเราไม่สามารถเปลี่ยน mind set ของข้าราชการ ผู้บริหารระดับสูง ราชการและเอกชน โดยยังยืนในจุดที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติและไม่คำนึงถึงความรู้สึกทางด้านจริยธรรม จะส่งผลให้การแก้ไขยิ่งยาก เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกและเป็นอันตรายต่อสังคมไทย 

ดังนั้นต้องสร้างสำนึกให้เกิดขึ้นให้ได้ ขณที่ป.ป.ช.ก็พยายามดำเนินการในหลายเรื่อง แม้หลายเรื่องจะลุล่วงดีขึ้นบ้าง แต่การแก้ไขปัญหาก็ยังไม่ลดลง ไม่คลี่คลายทำให้เกิดความสบายใจ โดยสำคัญต้องสร้างสำนึก ความตั้งใจในการช่วยกันแก้ไขปัญหา

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า วันนี้การจะแก้ไขปัญหาไม่ใช่เรื่องยาก หากทุกคนมีส่วนร่วม เรียนรู้ หาองค์ความรู้ในการช่วยกนแก้ไขปัญหา พร้อมย้ำว่าการสร้างจิตสำนึกให้เกิดในทุกภาคส่วน ให้มีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตในสังคมไทย ตนได้มีข้อเสนอในหลายๆเรื่องให้กับนักศึกษา นยปส.ที่กำลังรวบรวมข้อมูล เสนอแนะมาตรการต่างๆมายังรัฐบาลให้ออกนโยบายในการดำเนินงาน ทั้งนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลง ปัญหาการทุจริตมีความซับซ้อน ดังนั้นการที่จะป้องกันคือการเปลี่ยนแปลง mindset สร้างจิตสำนึกให้เกิดขึ้น และเท่าทันที่จะใช้เทคโนโลยีต่างๆที่มีความทันสมัย แต่สุดท้ายจะต้องใช้การมีส่วนร่วมจาก ประชาชน เป็นสิ่งสำคัญ และหน่วยงานภาครัฐก็จะต้องบูรณาการร่วมกันเพื่อให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพ

อีกทั้งข้อเสนอของนักศึกษา นยปส.จะเป็นทางเลือกเชิงนโยบายที่สำคัญที่รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐที่จะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสังคมไทยทุกภาคส่วนให้มีสำนึก สร้างการรับรู้การทุจริต ซึ่งจะเป็นมาตรการป้องกันทุจริตในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมต่อไป