MDES และ ETDA ผนึกกำลัง DGC สปป.ลาว ผลักดันความร่วมมือวางแนวทางกำกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างเป็นธรรม

ในโลกที่การคลิกเพียงหนึ่งครั้งสามารถเชื่อมต่อผู้คนข้ามพรมแดน แพลตฟอร์มดิจิทัลจึงกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจและสังคมอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ในขณะที่อิทธิพลของแพลตฟอร์มเติบโตแบบไร้ขอบเขต แนวทางกำกับดูแลระดับภูมิภาคที่ชัดเจนในอาเซียนยังมีความท้าทายที่จะตอบโจทย์ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยปัญหาอย่างข่าวปลอม การหลอกลวงออนไลน์ อัลกอริทึมที่ไม่โปร่งใส หรือการเก็บข้อมูลผู้ใช้อย่างไร้การควบคุม

นี่คือจุดเริ่มต้นของ “ASEAN Workshop on Regional Recommendations for Digital Platform Regulation” เวทีหารือเชิงนโยบายระดับภูมิภาคที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 4–5 กันยายน 2568 โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมมือกับศูนย์บริหารรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government Center: DGC) กระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร (Ministry of Technology and Communications: MTC) สปป.ลาว ในฐานะเจ้าภาพร่วม

การประชุมครั้งนี้เป็นความพยายามแรกของอาเซียนในการผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อวาง “แนวทางร่วมระดับภูมิภาค” ว่าด้วยการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานเลขาธิการอาเซียน และผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และองค์การยูเนสโก

จุดเด่นสำคัญที่สุดของเวทีนี้ นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างประเทศ ยังมีการนำเสนอผลการศึกษาของ ETDA ศูนย์รัฐบาลดิจิทัล สปป.ลาว และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ว่าด้วยภูมิทัศน์ของแพลตฟอร์มดิจิทัล และการกำกับดูแลในอาเซียนเปรียบเทียบกับประสบการณ์ของภูมิภาคอื่น และมีการนำเสนอร่างข้อเสนอเบื้องต้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกบนเวทีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อวางหมุดหมายให้กับความร่วมมือระยะยาวของภูมิภาคในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และเชื่อมโยงกันได้

เราไม่สามารถกำกับแพลตฟอร์มได้โดยประเทศเดียว

ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย กล่าวสะท้อนโจทย์ใหญ่ที่สุดของการกำกับดูแลในยุคนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า แพลตฟอร์มดิจิทัลจำนวนมากไม่มีตัวตนทางกายภาพในประเทศที่ให้บริการ ซึ่งทำให้การกำกับดูแลโดยรัฐชาติแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศขนาดเล็ก กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตัวอย่างแนวทางของสหภาพยุโรปในการสร้างกติกากลาง และความร่วมมือกันของประเทศสมาชิกซึ่งทำให้เสียงของสหภาพยุโรปมีน้ำหนักมากขึ้นในการเผชิญกับแพลตฟอร์มข้ามชาติขนาดใหญ่

ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ กล่าว่า การกำกับภายในประเทศเองก็ซับซ้อนเช่นกัน เนื่องจากกฎระเบียบเกี่ยวกับแพลตฟอร์มไม่ได้อยู่ในมือกระทรวงเพียงกระทรวงเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับหน่วยงานกำกับดูแลเฉพาะด้าน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือแม้แต่กรมการขนส่งทางบก ยิ่งตอกย้ำความจำเป็นของการประสานระหว่างหน่วยงานด้านดิจิทัลกับหน่วยงานอื่น

คุณวรรณภา พรมมัธยันต์ รองอธิบดีศูนย์บริหารรัฐบาลดิจิทัล กระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสารแห่ง สปป.ลาว กล่าวว่าอ ไม่มีประเทศใดสามารถรับมือกับภัยจากแพลตฟอร์มได้ลำพัง โดยเฉพาะเมื่อภัยคุกคามอย่าง misinformation หรือ online scam ล้วนเคลื่อนที่ข้ามพรมแดน

ข้อเสนอจากงานวิจัย: จุดเริ่มต้นของความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียน

ข้อเสนอจากการศึกษา ครอบคลุมหลายมิติ เช่น การจัดให้มี market inquiry หรือการศึกษาตลาดเชิงลึกในด้านการแข่งขันทางการค้าของแพลตฟอร์ม การสร้างฐานข้อมูลสินค้าหรือบริการที่ไม่ปลอดภัยในระดับอาเซียน การกำหนดนโยบาย “Know Your Business Customer (KYBC) สำหรับผู้ขายใน marketplace การส่งเสริมบทบาทของแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ในการยกระดับความโปร่งใสโดยเฉพาะในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อรับมือและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามที่ข้ามพรมแดน เช่น online scams เป็นต้น

ดร. สลิลธร ทองมีนสุข นักวิชาการอาวุโสของ TDRI กล่าวว่า เราเห็นชัดว่าประเทศต่าง ๆ มีความตื่นตัวในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้าน online fraud และการเฝ้าระวังภัยจากอัลกอริทึมมากขึ้น การสร้างกลไกความร่วมมือในเรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมจากแนวทางภูมิภาค และอธิบายว่า “ข้อเสนอจากงานวิจัยครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนภาพรวมของสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและแนวนโยบายในประเทศต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังเน้นไปที่การสร้างความร่วมมือและแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาที่ "ยืดหยุ่นและค่อยเป็นค่อยไป” (phased and flexible cooperation) เพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถเลือกหยิบไปปรับใช้ตามลำดับความสำคัญของแต่ละประเทศ

จากเวทีหารือสู่กลไกระดับภูมิภาค: อาเซียนกำลังเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม

ในช่วงท้ายของเวทีหารือ ตัวแทนจาก ETDA ซึ่งรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพร่วมในโครงการนี้กับ สปป.ลาว ได้กล่าวถึงแผนการดำเนินงานต่อจากนี้ โดยระบุว่า การจัดทำร่างข้อเสนอจากผลการศึกษา และจะเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นทั้งในประเทศไทยและสมาชิกอาเซียน จากนั้นจะมีการสรุปและจัดทำเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์เพื่อส่งต่อให้สำนักงานเลขาธิการอาเซียนพิจารณาเผยแพร่ต่อไป

Mr. Hazremi Hamid ตัวแทนจากสำนักเลขาธิการอาเซียนสะท้อนว่า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เนื้อหาของข้อเสนอเท่านั้น หากคือ “เส้นทางนำไปปฏิบัติ” ที่เชื่อมโยงข้อเสนอเหล่านี้กับกรอบความร่วมมือของอาเซียนที่มีอยู่แล้วอย่าง DEFA (Digital Economy Framework Agreement) และ ADM2030 (ASEAN Digital Masterplan 2030) ทั้งนี้ DEFA ซึ่งมีบทบัญญัติว่าด้วยการแข่งขัน ความปลอดภัยออนไลน์ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และประเด็นเกิดใหม่อย่าง AI ซึ่ง DEFA จะกลายเป็นกลไกที่สำคัญของการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลของอาเซียนต่อไป

และเพื่อเป็นการผลักดันอย่างต่อเนื่อง อีกหนึ่งเวทีสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ ASEAN-UNESCO Multistakeholder Forum on the Governance of Digital Platform ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ ๒๐ - ๒๒ ตุลาคมนี้ โดยประเทศไทย จะร่วมเป็นเจ้าภาพกับยูเนสโก (UNESCO) สำนักงานเลขาธิการ และ European University Institute (EUI) เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม มีส่วนร่วมให้ความเห็นต่อแนวทางการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลดังกล่าว ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความเป็นธรรม และการบังคับใช้จริง

จุดตั้งต้นของอาเซียนเพื่ออนาคตดิจิทัลที่ยั่งยืน

เมื่อเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนเติบโตแบบก้าวกระโดด และแพลตฟอร์มดิจิทัลมีลักษณะที่ข้ามพรมแดน การขาดความร่วมมือย่อมเสี่ยงทำให้ประเทศสมาชิกต้องรับมือกับความท้าทายเพียงลำพัง

เครื่องมือต่างๆ ในระดับภูมิภาคอาเซียน แม้ไม่ได้มีลักษณะเป็นกฎหมายชุดเดียวที่ใช้กับทุกประเทศ แต่อาจเริ่มต้นจากการตกลงร่วมกันในหลักการ แล้วค่อย ๆ สานต่อสู่โครงสร้างความร่วมมือที่ยืดหยุ่น เชื่อมโยง และเข้มแข็งขึ้นตามลำดับ

การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้จึงเป็นจุดตั้งต้นของการสร้างความร่วมมือกันของภูมิภาค ซึ่งจะกลายเป็นแนวทางนำไปสู่ระบบนิเวศดิจิทัลที่มีความเชื่อมั่น โปร่งใส และคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง

MDES จับมือส.ผู้ใช้ดิจิทัลไทย มอบรางวัลประกวด "DigiLife TikTok Idea Challenge Season 1" สร้างครีเอเตอร์มืออาชีพรุ่นใหม่ไฟแรง

คุณขนิษฐา ตั้งวรพจน์วิธาน อุปนายกสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) เป็นประธานในพิธีประกาศผลและมอบรางวัลโครงการประกวดคลิปวิดีโอสั้นผ่านแพลตฟอร์ม TikTok เพื่อเฟ้นหาสุดยอดครีเอเตอร์รุ่นใหม่ “DigiLife TikTok Idea Challenge Season 1” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ Digital Technology Demand Generation ด้วยความร่วมมือระหว่าง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และ สมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) เพื่อสร้างความตระหนักในการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อสร้างประโยชน์และพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงตอบนโยบายยุทธศาสตร์ของแผน (2) ในเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และ (5) พัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนและร่วมมือจากหลากหลายภาคอุตสาหกรรมจากองค์กรชั้นนำของประเทศ ที่มาร่วมเป็นโจทย์ในการแข่งขันฯ เพื่อให้นิสิต นักศึกษาได้มีโอกาสแสดงศักยภาพ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี  ใหม่ ๆ ในการผลิตคลิปวิดีโอสั้น และต่อยอดสู่การเป็นครีเอเตอร์มืออาชีพที่สร้างรายได้อย่างมั่นคงในอนาคตต่อไป

คุณขนิษฐา ตั้งวรพจน์วิธาน อุปนายกสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) กล่าวว่า โครงการประกวด "DigiLife TikTok Idea Challenge Season 1" เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ Digital Technology Demand Generation ด้วยความร่วมมือระหว่าง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และ สมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) กิจกรรมนี้จัดขึ้นเป็นปีแรก ระหว่างเดือนมกราคม - มิถุนายน 2566 มอบรางวัลทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 330,000 บาท โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักในการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อสร้างประโยชน์และพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงตอบนโยบายยุทธศาสตร์ของแผน (2) ในเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และ (5) พัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากหลากหลายภาคอุตสาหกรรมจากองค์กรชั้นนำของประเทศ ได้แก่ บริษัท เอ-พลัส ซัพพลาย จำกัด   บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท แอดวานซ์ เอนริชเชส จำกัด บริษัท มอร์ รีเทล จำกัด บริษัท สหภัณฑ์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เบสท์ แอนด์ บิลเลี่ยน บิวตี้ จำกัด บริษัท โกลบอล เมดดิคัล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท โกลบอล เบฟเวอเรจ จำกัด และ บริษัท ไดอารี่ กรุ๊ป (2007) จำกัด ที่มาร่วมเป็นโจทย์ในการแข่งขัน เพื่อให้นิสิต นักศึกษาได้มีโอกาสแสดงศักยภาพ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการผลิตคลิปวิดีโอสั้น และต่อยอดสู่การเป็นครีเอเตอร์มืออาชีพที่สร้างรายได้อย่างมั่นคงในอนาคต

โดยบริษัทจากหลากหลายภาคอุตสาหกรรมจากองค์กรชั้นนำของประเทศที่มาร่วมต่อยอดและเป็นโจทย์สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ กล่าวถึงการทำแบรนด์ในครั้งนี้ เหมือนเป็นการทำวิจัยและได้รับฟังความคิดเห็นต่าง ๆของคนรุ่นใหม่ที่มีสร้างสรรค์และหลากหลาย เป็นความรู้ที่มีมูลค่ามหาศาลสำหรับแบรนด์ต่อไป

คุณสุเมธ งามเจริญ ประธานบริษัท เอ-พลัส ซัพพลาย จำกัด กล่าวว่า แบรนด์เอบอนเน่ได้นำสครับขัดผิวมะเขือเทศมาเป็นโจทย์ของโครงการนี้ เพราะเป็นสินค้าที่มีวางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และห้างสรรพสินค้าประเทศ สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ สามารถตีความโจทย์ที่ได้รับอย่างครบถ้วน และมีไอเดียที่สร้างสรรค์ สนุกสนาน รวมถึงสามารถชูจุดเด่นที่สำคัญของสินค้าออกมาได้ชัดเจน โดยทางแบรนด์มีแผนที่จะนำคลิปและไอเดียที่น้องๆสร้างสรรค์ มาต่อยอดในการทำคอนเท้นเพื่อโปรโมทสินค้าและใช้ในสื่อช่องทางต่างๆของแบรนด์ สำหรับทุกทีมที่ร่วมส่งผลงานเข้ามา เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีแนวความคิดที่สร้างสรรค์ มีความตั้งใจ และน่าสนใจ อยากให้น้องๆได้นำความรู้ความสามารถในสิ่งที่เรียนมาช่วยกันพัฒนาและต่อยอด เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศ ในภาคธุรกิจต่างๆ ต่อไป

คุณทัศนีย์ บุญไกรลาส ผู้จัดการอาวุโสกลุ่มผลิตภัณฑ์เซตาฟิล กล่าวว่า แบรนด์ Cetaphil เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย อยู่ในตลาดมามากกว่า 75 ปี คิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง สำหรับโจทย์การแข่งขันในครั้งนี้ คือเน้นให้เห็นความแตกต่างของ Cleanser ตัวขายดี Cetaphil Gentle Skin Cleanser vs Cetaphil Hydrating Foaming Cream Cleanser ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จัดจำหน่ายในเดือน พ.ค. 2566 โดยผู้เข้าแข่งขันทุกทีมมีความคิดสร้างสรรค์ดีมาก ทำผลงานออกมาได้หลากหลาย  มีไอเดียที่สนุกสนาน และยังคงสามารถเน้นหาสำคัญให้อยู่ในวิดิโอได้  ซึ่งก็ทำให้แบรนด์เห็นถึงความ Creativity ในมุมมองของเด็กรุ่นใหม่ได้ดี โดยอยากฝากถึงน้องๆนักศึกษาทั่วประเทศว่า กิจกรรมแบบนี้เป็นกิจกรรมที่จะช่วยให้เข้าใจถึงแบรนด์, Marketing Concept และช่วยให้ได้พัฒนาการสื่อสารในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี  รวมถึงได้ฝึกฝนการนำเอา Creativity และการตีความมานำเสนอในวงกว้างและได้รางวัลเป็นอาวุธติดตัวไปด้วย  จึงอยากให้น้องๆเข้าร่วมโปรเจคต่างๆ ในอนาคตต่อไปค่ะ

คุณฑิมพิกา คุ้มโภคา Senior Digital Marketing บริษัท แอดวานซ์ เอนริชเชส จำกัด กล่าวว่า แบรนด์ The Original (ดิ ออริจินอล) โดดเด่นในเรื่องสินค้าดูแลสิว และสิวเสี้ยน โดยในการประกวดครั้งนี้ทางแบรนด์ได้นำสินค้าเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 2 ตัว คือแผ่นลอกสิวเสี้ยน สะใจ และครีมลอกสิวเสี้ยนพลังช้าง ซึ่งทีมที่ได้รางวัลสามารถทำคลิปออกมาได้ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และน่าสนใจ โดยแบรนด์ได้กำหนดโจทย์ให้นำเสนอเรื่องราวมาเล่าเรื่องในแบบไม่ดูเน้นการขายมากเกินไป และมีความแปลกใหม่ โดยน้องๆค่อนข้างทำการบ้านมาอย่างหนักและมีความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานในการประกวดได้ดี ในแง่ของการนำไปต่อยอด ทางแบรนด์จะมีการนำคลิปของน้องไปโปรโมทในช่องทางต่างๆของแบรนด์ต่อไป และทางแบรนด์คาดหวังว่าน้องๆทุกทีมจะนำประสบการณ์ในการประกวดครั้งนี้ ไปต่อยอดในการทำงานจริงหลังจบการศึกษาต่อไป

คุณพูนพัฒน์ เหลืองพิริยะพันธุ์ General Manager บริษัท มอร์ รีเทล จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ห่านฟ้าสเปรย์กันยุงเพิ่งวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2565 จึงตั้งโจทย์ให้นักศึกษาสื่อสารถึงคุณสมบัติหลักของผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 ด้าน ได้แก่ 1. ประสิทธิภาพ ในการป้องกันยุงนานถึง 7 ชั่วโมง 2. ธรรมชาติ ด้วยสารออกฤทธิ์ในไล่ยุง มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมเหยสกัดจากธรรมชาติ มีความปลอดภัยในการใช้กับผิวหนังบุคลทั่วไป 3. กลิ่นไม่ฉุน ซึ่งแตกต่างจากกลิ่นในท้องตลาดทั่วไป โดยแต่ละทีมมีการสร้างสรรผ่านการทำแอนิเมชั่น ผ่านการสร้างเรื่องราวกิจกรรมที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันยุง และทีมที่ได้รางวัลทุกทีมสามารทำผลงานออกมาได้ค่อนข้างดี โดยทางแบรนด์มีแผนจะนำผลงานน้องๆไปเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของบริษัทฯ เพื่อให้มีการแชร์และสร้างการรับรู้ในวงกว้างต่อไป

คุณอาริยา ทิพอรรถ Digital Marketing บริษัท สหภัณฑ์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (สำนักงานใหญ่) กล่าวว่า    แบรนด์ที่นำมาเป็นโจทย์คือ คอลบาเด้นท์ โดยมี 2 ผลิตภัณฑ์ให้ผู้เข้าแข่งขันเลือกทำคือ น้ำยาบ้วนปาก และยาสีฟันสมุนไพรสกัดบริสุทธิ์ ด้วยคุณสมบัติด้วยกรรมวิธีเฉพาะในการผสานคุณค่าสมุนไพรที่มีคุณสมบัติเชิงรักษา สกัดจากส่วนที่ดีที่สุดจนได้เป็น     สารสกัดสมุนไพรเข้มข้น พร้อมกลิ่นหอมสมุนไพรที่เป็นเอกลักษณ์ โดยความตั้งใจของน้องๆในการสร้างสรรค์ผลงานผ่านเรื่องราวต่างๆ ที่ตอบโจทย์การดูแลช่องปากรวมถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆ และถูกกติกาที่ทางแบรนด์ได้บรีฟไว้ตั้งแต่ต้น ทางแบรนด์เองได้วางแผนการนำสื่อของน้องๆ มาลงต่อในช่องทางของแบรนด์เพื่อเป็นการโปรโมทผลงาน เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของน้องและอยากมอบโอกาสให้น้องๆได้มาทำงานร่วมกับทางแบรนด์ต่อไป

สำหรับทีมที่ส่งผลงานเข้าร่วมทั้งหมดมีจำนวน 769 ทีม ทีมที่ผ่านเข้ารอบมาทั้งหมด 69 ทีม ซึ่งผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะต้องสร้างสรรค์ให้สอดคล้องกับหัวข้อการประกวดของโจทย์ที่ได้รับ มีดังนี้

1. รางวัลชนะเลิศ (9 รางวัล) ทุนการศึกษา จำนวน 10,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร จากสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) ได้แก่

​ทีม namwxan มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Abonne

​ทีม TriForce มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Cetaphil

​ทีม Thirty-Six มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ The Original

​ทีม Wise Asian มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ ห่านฟ้า

​ทีม ไข่เจียว มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Kolbadent

​ทีม Kiseki สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ SISTAR

​ทีม เรา2คน สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ SMOOTO

​ทีม พระแม่อวยชัยไร้พ่าย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ VITTO-C

​ทีม XOXO (พาแคร์ เบซซี่) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้รับโจทย์จากแบรนด์ FARGER

 

2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 (9 รางวัล)  ทุนการศึกษา จำนวน 8,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร จากสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) ได้แก่

​ทีม NebulaMSU มหาวิทยาลัยมหาสารคาม​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Abonne

​ทีม 2Top มหาวิทยาลัยมหาสารคาม​​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Cetaphil

​ทีม Bababi มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยสวนดุสิต​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ The Original

​ทีม sunflower มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ ห่านฟ้า

​ทีม สาวสาวสาว มหาวิทยาลัยสยาม​​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Kolbadent

​ทีม ลองทำสตูดิโอ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ SISTAR

​ทีม 99 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ​​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ SMOOTO

​ทีม ฟอเฟรม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ VITTO-C

​ทีม นีฟอาย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ FARGER

 

3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 (9 รางวัล) ทุนการศึกษา จำนวน 5,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร จากสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) ได้แก่

​ทีม E-VA มหาวิทยาลัยกรุงเทพ​​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Abonne

​ทีม USD มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Cetaphil

​ทีม YEPPY RABBIT สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ The Original

​ทีม 2nd take มหาวิทยาลัยสวนดุสิต​​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ ห่านฟ้า

​ทีม ARU Comm ARTS มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Kolbadent

​ทีม เป็ดน้อย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ SISTAR

​ทีม  เชอเม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ​​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ SMOOTO

​ทีม ชิกุวะซินโดรม สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ VITTO-C

​ทีม The ADHD​​​​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ FARGER

 

4. รางวัลชมเชย (27 รางวัล) ทุนการศึกษา จำนวน 3,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร จากสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) ได้แก่

​ทีม หลุดจัด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Abonne

​ทีม Sari risa มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ​​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Abonne

​ทีม Guineaduck สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Abonne

​ทีม Plankton มหาวิทยาลัยสวนดุสิต​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Cetaphil

​ทีม you will why me สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Cetaphil

​ทีม งานการไม่ทำรำแต่ติ๊กต็อก มหาวิทยาลัยสวนดุสิต​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ Cetaphil

​​ทีม ขายตรง 300% มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ

​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ The Original

​ทีม E3 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ The Original

​ทีม คอร์เซ็นเตอร์ไถการบ้าน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้รับโจทย์จากแบรนด์ The Original

ทีม กล้วย3สี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ ห่านฟ้า

​ทีม กุ๊กๆ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต​​​ได้รับโจทย์จากแบรนด์ ห่านฟ้า

​ทีม ชาดะดีชูเช มหาวิทยาลัยสวนดุสิต​​