หุ้นสหรัฐพุ่ง ดัชนี Dow Jones บวก 483 จุด หลังเงินเฟ้อต่ำคาด จับตา กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% วันนี้

Pi Daily ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 483 จุด (+1.1%) ขณะที่ Nasdaq และ S&P500 ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากเงินเฟ้อสอดคล้องกับที่คาดหมายไว้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.7% กังวลอุปสงค์ชะลอลง  จับตา กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% วันนี้

วันที่ 13 ส.ค.68 บล.พายเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อประจำเดือน ก.ค. พบว่าขยายตัว 2.7%YoY ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.8%YoY ปัจจัยกดดันยังคงมาจากราคาพลังงาน (Energy -1.6%YoY บ้ำมันเบนซิน -9.5%YoY) แต่อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่นักลงทุนคล้ายกับว่าจะตอบรับเชิงบวกและมองในทางผ่อนคลาย สะท้อนผ่านการปรับลงของ US Bond Yield

ด้านปัจจัยในประเทศวันนี้นักลงทุนจะไปให้น้ำหนักกับประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะทราบผลทางการในช่วง 14.00 ข้อมูลจาก Bloomberg Consensus เชื่อว่าที่ประชุมจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% โดยสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ราว 23 ท่าน พบว่าจำนวนเสียงราว 14 ท่านเชื่อว่าจะปรับลดดอกเบี้ยและอีก 9 ท่านเชื่อว่าจะคงดอกเบี้ยระดับเดิม จากข้อมูลข้างต้นพบว่าเสียงค่อนข้างก้ำกึ่งระหว่างลดกับไม่ลด ไม่ไปทางใดทางหนึ่งอย่างมีนัยยะ แต่ความเห็นเราเชื่อว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เนื่องด้วยเงินเฟ้อไทยที่ต่ำ (ล่าสุด -0.7%YoY) และมีแนวโน้มว่าจะติดลบต่อเนื่องเพราะราคาน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำผสานกับค่าไฟฟ้าที่ปรับลง (FT) ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำและในช่วงถัดไปมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะขยายตัวต่ำลงกว่าครึ่งปีแรก เพราะว่าส่งออกได้เร่งไปก่อนหน้าแล้ว

ในขณะที่การท่องเที่ยวยังไม่มีสัญญาณเชิงบวกจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจีน ข้อมูลล่าสุดพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ช่วง 1 ม.ค. – 10 ส.ค. สะสมที่ 20.19 ล้านราย (-6.9%YoY) และหากพิจารณาเป็นรายสัปดาห์จะพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมขยายตัวเล็กน้อย 7%WoW โดยนักท่องเที่ยวจีนกลับมาขยายตัว 5%WoW มาเลเซียขยายตัว 11%WoW มองเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น เพราะหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนยังลดลง แต่อย่างไรก็ตามการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นปัจจัยหนุนต่อกลุ่มการเงิน (MTC SAWAD)

ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ -0.9 ล้านบาร์เรล วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1250 – 1270 มีปัจจัยหนุนจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกหลังเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดการณ์ แต่ยังเชื่อว่า Upside จำกัด ด้วยพื้นฐานไทยและ Valuation ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นเพียงแค่การเก็งกำไรระยะสั้นพร้อมกับเลือกหุ้นที่มีปัจจัยหนุน อาทิ การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ค้าปลีก (CPALL) อสังหาฯ (AP SPALI) เครื่องดื่ม (TACC)

CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท) 
รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 2.3 พันล้านบาท (+5%YoY, -14%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด หนุนจากยอดขายที่โต 2%YoY อัตรากำไรขั้นต้นรวมทรงตัว YoY ค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลง 15 bps YoY จาก Synergy benefits และการค่าใช้จ่ายควบคุมที่ดี กำไร 1H25 คิดเป็น 43% ของประมาณการกำไรปี2025

KTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 32.00 บาท) 
ผลการดำเนินงานใน 2Q25 ออกมาคาดที่ 1.9 พันล้านบาท (+3.8% YoY, +1.8% QoQ) งบดุลแข็งแกร่ง NPL ratio ลดลงที่ 1.8% เรามองว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้กำลังซื้อลดลง และการปล่อยสินเชื่อใหม่ระมัดระวังสูงขึ้น ส่งผลสินเชื่อขยายตัวจำกัด ดังนั้น คาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรได้เพียง 1.5% ในปี 2025-26 อย่างไรก็ดี เราแนะนำ “ซื้อ” จาก (1) Valuation ไม่แพง ซื้อขายที่ PBV’25E ที่ 1.6x

#หุ้นสหรัฐ #DowJones #Nasdaq #SP500 #เงินเฟ้อสหรัฐ #ตลาดหุ้นไทย #กนง #ลดดอกเบี้ย #SETIndex #ราคาน้ำมัน #CPAXT #KTC

NocNoc x LG x KTC จัดโปรแรง 3 ต่อ “ลดจัดหนัก ผ่อน 0% กระหน่ำคูปองเพิ่ม ช่วยคนไทยอัปเกรดบ้านให้ Smart & Save

NocNoc แพลตฟอร์มเรื่องบ้านของคนไทยผนึกความร่วมมือ LG แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก และ KTC ผู้นำด้านสิทธิประโยชน์บัตรเครดิต กระตุ้นตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงกลางปี อัดโปรแรงเฉพาะลูกค้าที่ซื้อสินค้าจาก LG Official Store บนแพลตฟอร์ม NocNoc และชำระผ่านบัตรเครดิต KTC อัดโปรช้อปคุ้ม 3 ต่อ ‘ลดสูงสุด 50%* - แจกคูปองลด top up เพิ่ม – ผ่อน 0%* นานสูงสุด 6 เดือน’ ตลอดเดือนกรกฎาคม 68 คาดกระตุ้นยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าโต 3 เท่า

นายอนุพงศ์ ทะสดวก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส จำกัด หรือ NocNoc ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ เปิดเผยว่าในช่วงกลางปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวะสำคัญในการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการเลือกสินค้าคุณภาพ ที่มาพร้อมความคุ้มค่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผู้คนระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายมากขึ้น ขณะเดียวกันเทรนด์การจับจ่ายช่วงกลางปียังสะท้อนว่าผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจกับการปรับปรุงบ้าน หรืออัปเกรดเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสานทั้งความสะดวกและเทคโนโลยีใหม่ ๆ NocNoc ในฐานะแพลตฟอร์มเรื่องบ้านที่เข้าใจทั้งภาพรวมตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภค จึงร่วมมือกับ LG ผู้นำเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก และบัตรเครดิต KTC จัดโปรโมชั่นสุดคุ้ม 3 ต่อ ให้ลูกค้าสามารถอัปเกรดบ้านแบบ Smart & Save ได้ง่ายขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษที่เหนือกว่าทั้งส่วนลด คูปอง และการผ่อนชำระ 0%* รองรับการตัดสินใจซื้อของลูกค้าทั้งกลุ่มที่มีการวางแผนไว้แล้วและกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการตัดสินใจซื้อจากข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ โดยตั้งเป้าว่าจะช่วยเพิ่มแรงกระเพื่อมให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ากลางปีคึกคักขึ้นตลอดเดือนกรกฎาคมนี้

NocNoc ได้ร่วมกับ LG และบัตรเครดิต KTC จัดโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะบนแพลตฟอร์ม NocNoc ตั้งแต่วันที่ 1-31 กรกฎาคม 2568 โดยเป็นโปรโมชั่นสุดคุ้ม 3 ต่อ ได้แก่ 
ต่อที่ 1 สินค้าจากร้าน LG Official Store บน NocNoc ลดสูงสุดถึง 50%* ทุกกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า         

ต่อที่ 2 แจกคูปองส่วนลดร้านค้า ลดเพิ่มสูงสุด 18%* ใช้ได้ทันทีไม่มีขั้นต่ำ เมื่อช้อปสินค้าที่ร่วมรายการ จำนวนจำกัด และส่วนลดเพิ่มอีกมากมาย อาทิ ลดเพิ่ม 15% เมื่อช้อปครบ 20,000 บาท , ลดเพิ่ม 12%* เมื่อช้อปครบ 15,000 บาท , ลดเพิ่ม 10%* เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท และลดเพิ่ม 8%* เมื่อช้อปไม่มีขั้นต่ำ

ต่อที่ 3 คูปองส่วนลดเพิ่มสูงสุด 12%* สูงสุด 4,500 บาท เมื่อช้อปครบ 45,000 บาท
● กรอกโค้ด SX507LGAO1 ลดเพิ่ม 10% สูงสุด 1,200 บาท เมื่อช้อปครบ 7,000 บาท
● กรอกโค้ด SX507LGAO2 ลดเพิ่ม 10% สูงสุด 3,000 บาท เมื่อช้อปครบ 25,000 บาท 
● กรอกโค้ด SX507LGAO3 ลดเพิ่ม 10%  สูงสุด 4,500 บาท เมื่อช้อปครบ 45,000 บาท

พิเศษ สำหรับลูกค้าที่ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต KTC บัตรเดียวเท่านั้น สามารถผ่อนชำระ 0%* ได้นานสูงสุด 6 เดือน พร้อมรับดีลสุดพิเศษ รับส่วนลดเพิ่ม 12%* สูงสุด 3,000 บาท เมื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า LG และผ่อน 0% ตั้งแต่ 17,000 ขึ้นไป  เพียงกรอกโค้ด PAIKTCLG12 (จำกัดจำนวนเพียง 100 สิทธิ์ตลอดรายการ)
“การจัดโปรโมชั่นความร่วมมือระหว่าง 3 องค์กรในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้าบนแพลตฟอร์ม NocNoc เท่านั้น แต่ยังถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงกลางปี โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ในช่วงกลางปีถือเป็นช่วงที่ชะลอตัวลง โดยเราตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายให้โตขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับยอดขายรายเดือนในปี 2568 

ด้านนายซองฮัน จอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า LG และ NocNoc ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง และสินค้าในร้านค้า LG Official Store ที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม NocNoc ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าด้วยเช่นกัน การันตีจากรางวัล Top Seller ผู้ขายที่มียอดขายสูงสุดบนแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะ 5 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น ทีวี เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก และสินค้ากลุ่มไอที  เนื่องในโอกาสครบรอบเดือนเกิดของ LG จึงได้มอบโปรโมชั่นพิเศษเพื่อคืนกำไรให้กับลูกค้าคนสำคัญที่ให้การสนับสนุนเสมอมา โดยมุ่งหวังว่าข้อเสนอสุดพิเศษครั้งนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าได้เลือกอัปเกรดบ้านและยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและประหยัดพลังงาน ภายใต้ราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมกันนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงกลางปีให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

นายณัฐสิทธิ์  สุนทราณู  ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า KTC มองเห็นถึงศักยภาพของแพลตฟอร์ม NocNoc ในฐานะศูนย์กลางตลาดอีคอมเมิร์ซด้านสินค้าและบริการเรื่องบ้านที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฐานลูกค้าที่มีความ Loyalty ต่อแบรนด์สูง มีอัตราการซื้อซ้ำและ มียอดสมาชิกบัตรเครดิต KTC ผ่อนชำระเติบโตสูงถึง 200% ในครึ่งปีแรกของปี 2568 และยังสอดคล้องกับแนวทางของ KTC ในการสร้างประสบการณ์ใช้จ่ายที่คุ้มค่า และยกระดับสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกบัตรเครดิต ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่ KTC จะได้ร่วมผลักดันกำลังซื้อช่วงกลางปี และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังมองหาทั้งความคุ้มค่า และช่วงแบ่งเบาภาระ โดย KTC ได้จัดแคมเปญผ่อนชำระ 0%* และโค้ดส่วนลดเพิ่ม เพื่อช่วยให้การตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพเป็นเรื่องง่ายขึ้น และยังตอกย้ำบทบาทของ KTC ในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่พร้อมสนับสนุนทุกโอกาสในการขยายตลาดร่วมกับผู้ประกอบการชั้นนำ

ช้อปเครื่องใช้ไฟฟ้า LG สุดคุ้มตลอดเดือนกรกฎาคม ที่ NocNoc โหลดเลย https://bit.ly/45SHhz6 หรือดูรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3Is2G8n เรื่องบ้าน...ให้ NocNoc ช่วยนะ

 

 

ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นตามความคาดหวังภาษีทรัมป์ แต่พื้นฐานยังไม่แข็งแกร่ง

Pi Daily ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาด้วย Sentiment คาดหวังเจรจาการค้าไทย - สหรัฐฯ แต่พื้นฐานยังไม่ตามมาเท่าใด ยังไม่เห็นการปรับประมาณการไม่ว่าเศรษฐกิจหรือกำไร ผลประกอบการล่าสุดที่รายงาน BBL +0.3%YoY TISCO -6%YoY KTC +3.7%YoY (ไม่หวือหวา)

วันที่ 21 ก.ค.68 บล.พายเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 142 จุด (-0.3%) นักลงทุนกังวลกับปัจจัยภาษีการค้าหลังมีรายงานว่า Trump จะผลักดันให้เก็บภาษีการค้ากับ EU อัตราสูง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.3% หลากหลายปัจจัยผสมผสานไม่ว่าจะเป็นภาษีการค้ารวมไปถึงความกังวลด้านอุปทานหายไปจากการประกาศคว่ำบาตร

คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนพบว่าใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาดหมายไว้ ถ้อยแถลงภายในระบุว่าแม้จะทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนแต่ก็ยังคงต่ำกว่าเดือน ธ.ค. 24 ถึง 16% ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่น่าจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆนี้ ยกเว้นแต่ว่าความมั่นใจด้านเงินเฟ้อจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ หรือทิศทางการค้ามีเสถียรภาพมากกว่านี้ โดยรวมทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ เหมือนดีขึ้นบ้างแต่ยังไม่แข็งแกร่ง สะท้อนผ่านการปรับลงของ US Bond Yield และแนวโน้มยังคงเป็นลักษณะปรับลง ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้ได้แก่ (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Flash PMI) ทั้งภาคบริการและภาคผลิตของทั้งสหรัฐฯและ EU ในวันพฤหัสบดี Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 53 , 52.7 (สำหรับของสหรัฐฯ) และในวันเดียวกันก็จะมีการรายงานยอดขายบ้านมือหนึ่ง Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 6.5 แสนหลังคาเรือน

ส่วนปัจจัยในประเทศรอติดตามการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ  ข้อมูลล่าสุด ทีม Thailand ได้ยื่นข้อเสนอให้กับสหรัฐฯ พร้อมเชื่อว่าข้อเสนอที่ยื่นให้นั้นทางสหรัฐฯน่าจะพอใจ (ทีม Thailand ได้เจรจากับสหรัฐฯ ล่าสุดในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา) ทางรัฐมนตรีคลังของไทยเชื่อว่าก่อนวันที่ 1 ส.ค. ไทยจะได้อัตราภาษีใหม่ที่ต่ำกว่าระดับ 36% พร้อมเชื่อว่าอัตราภาษีจะอยู่ในระดับ 20% นอกจากนี้รอติดตามมูลค่าการส่งออกของไทยในเดือน มิ.ย. Bloomberg Consensus คาดการณ์มูลค่าส่งออกจะขยายตัว 18.5% พร้อมกับมูลค่าการนำเข้าที่จะขยายตัว 17.7%YoY โดยที่ยังเกินดุลการค้าราว 902 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในสัปดาห์นี้ที่ผ่านมา SET INDEX ปรับขึ้นมา 7.6% ส่วนหนึ่งเชื่อว่านักลงทุนกำลังคาดหวังกับการเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐฯแต่อย่างไรก็ในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญทั้งเศรษฐกิจและการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน ในสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า BBL , TISCO ได้รายงานผลประกอบการ 2Q25 ซึ่งทั้ง 2 ธนาคารมีกำไรที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่ำไม่ว่าจะปีนี้หรือปีหน้า โดยการปรับขึ้นมาทำให้ SET ขึ้นมาซื้อขายที่ 13.4x Forward PE เริ่มสูงหากเทียบกับดัชนี Kospi , Hang Seng การปรับขึ้นจึงควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้นและไม่ควรไล่ราคา

สัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1180 – 1230 ในเชิงกลยุทธ์ การลงทุนเน้นเพียง Trading และพร้อมรับกับความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นเพราะการปรับขึ้นมาเป็นเพียง Valuation ที่ไม่แพงและมีความคาดหวังเจรจา แต่พื้นฐานยังไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น พร้อมเลือกหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อยกว่าดัชนีและมีพื้นฐานดี อาทิ KTC KTB CPF KBANK BDMS ICHI CPALL MTC MINT

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท)
Valuation ที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ราว 14xPE’25E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต พร้อมด้วยผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังระดับ 3% โดยเราคาดรายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 6.7 พันล้านบาท (+8%YoY, -11%QoQ) หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 20 bps YoY แม้คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 จะชะลอตัวเล็กน้อย YoY ที่ 0.5% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้น 10 bps YoY เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2H25 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้า Ready-to-eat และ Ready-to-drinks และ Synergy benefits ของ CPAXT แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศมีแนวโน้มลดลง

MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
2Q25 กำไรปกติจะเติบโตสูง QoQ และมีโอกาสเติบโต YoY หนุนจาก 1) แนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม ด้วยยอดการจองล่วงหน้าตั้งแต่เดือนเมษายนอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะในโซนยุโรปที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หนุน RevPar ปรับตัวสูงขึ้น 2) โรงแรมในประเทศไทยได้รับอานิสงค์จากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ทั้งอัตราการเข้าพัก (Occupancy) และ RevPar อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และ 3) คาดรายได้ธุรกิจร้านอาหารจะฟื้นกลับมาทรงตัว YoY ด้วยยอดขายไอศกรีมมะม่วง เมนูฤดูกาลยอดนิยมที่เลื่อนเปิดการขายจาก 1Q25 มาใน 2Q25 เนื่องจากสภาพอากาศต้นปีที่หนาวยาวนานกว่าปีก่อน

#ตลาดหุ้นไทย #การเจรจาการค้า #SETIndex #KTC #CPALL #MINT #หุ้นแนะนำ #เศรษฐกิจไทย #การลงทุน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้

 

"เคทีซี" กำไรครึ่งปีแรก 3,755 ล้าน ส่วนแบ่งตลาดบัตรเครดิต-สินเชื่อโตต่อเนื่องทุกผลิตภัณฑ์

เคทีซีเผยครึ่งปีแรก 2568 กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทเติบโตอยู่ที่ 3,755 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อรวม 107,104 ล้านบาท สะท้อนความมั่นคงของธุรกิจ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์เชิงรุกและต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย ครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์หลัก พร้อมเดินหน้าสร้างฐานการเงินที่เติบโตแข็งแกร่ง สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันมากขึ้น จากความไม่แน่นอนของภาคการส่งออกและการผลิตที่ยังเปราะบาง ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน อุตสาหกรรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคโดยรวมยังคงชะลอตัว ในส่วนของเคทีซียังสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ลูกหนี้บัตรเครดิตมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 15.4% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 13.3% และลูกหนี้สินเชื่อบุคคลมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 6.8%”

โดยท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย เคทีซียังคงจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี และรักษาระดับเงินสำรองที่แข็งแกร่งและเพียงพอ โดยอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ 1.83% และ NPL Coverage Raio ที่ 419.9% โดยในไตรมาส 2/2568 กลุ่มบริษัทยังรักษาฐานรายได้รวมให้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6,812 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมตามการขยายตัวของพอร์ตและปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลงอยู่ที่ 4,340 ล้านบาท จากการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ทำให้กลุ่มบริษัทสามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 เท่ากับ 1,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% และครึ่งแรกปี 2568 กำไรสุทธิเท่ากับ 3,755 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% 

“นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจให้เกิดผลกำไรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เคทีซียังให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ตลอดกระบวนการ ภายใต้กรอบการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ซึ่งเป็นรากฐานในการทำธุรกิจที่จะช่วยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว และด้วยปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพการเติบโตของเคทีซี ภายหลังจากมีการซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) ในวันที่ 25 มิถุนายน 2568 จำนวน 129,204,600 หุ้น และวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จำนวน 243,262,200 หุ้น คิดเป็นอัตรา 5.01% และ 9.45% ของทุนจดทะเบียนตามลำดับ ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นให้มีการกระจายตัวมากขึ้น โดยมีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อเคทีซีในวงกว้างจากหลากหลายกลุ่มนักลงทุนอย่างชัดเจน โดยบมจ. ธนาคารกรุงไทยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นลำดับที่ 1 และให้การสนับสนุนเคทีซีเช่นเดิม รวมถึงโครงสร้างคณะกรรมการบริษัท โครงสร้างผู้บริหารและนโยบายการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานด้วยความโปร่งใสและสร้างพอร์ตคุณภาพที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 เคทีซีมีฐานสมาชิกรวม 3,508,827 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 107,104 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.2%) อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) ลดลงอยู่ที่ 1.83% จำนวนสมาชิกบัตรเครดิต 2,813,627 บัตร (เพิ่มขึ้น 3.5%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 69,925 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.0%) NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.14% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มูลค่า 146,584 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.4%) สมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 695,200 บัญชี (ลดลง 5.1%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 35,396 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.0%) NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 2.32% และมียอดสินเชื่อใหม่ของ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” จำนวน 1,048 ล้านบาท ในส่วนของลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) มีมูลค่า 1,782 ล้านบาท (ลดลง 29.4%) ซึ่งเคทีซีได้หยุดปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และปัจจุบันมุ่งเน้นการติดตามหนี้และบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่ 

ขณะเดียวกันเคทีซียังคงดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางในประกาศของ ธปท. ที่ 3/2568 เรื่อง การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending: RL) โดยบริษัทได้มีการพิจารณาลูกหนี้แต่ละรายให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ และไม่ทำให้ลูกหนี้มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นจากภาระหนี้เดิมเกินสมควร ได้แก่ การเปลี่ยนประเภทหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้เงินกู้สินเชื่อบุคคลระยะยาว มาตรการลดภาระการเงินโดยเครดิตดอกเบี้ยคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิตของลูกหนี้ การขยายระยะเวลาชำระหนี้ การปรับลดค่างวด เป็นต้น รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://www.ktc.co.th/about/news/measure และในฐานะที่เคทีซีเป็นสถาบันการเงินในกลุ่มธุรกิจของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จึงได้ร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยเหลือลูกหนี้ในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ระยะที่ 1 และได้ขยายความช่วยเหลือสู่โครงการฯ ระยะที่ 2 เพื่อสนับสนุนลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่มีโอกาสรอดให้สามารถฟื้นตัวกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ เมื่อรายได้ฟื้นตัวก็สามารถปิดจบหนี้ได้ โดยสมาชิกที่เข้าเกณฑ์สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/khunsoo ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ถึง 30 กันยายน 2568

โดย เคทีซีประเมินว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ต่างๆ ข้างต้น จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในส่วนของแหล่งเงินทุน กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยืมทั้งสิ้น 58,081 ล้านบาท (รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) แบ่งสัดส่วนเป็นเงินกู้ยืมระยะยาว 59% เงินกู้ยืมระยะสั้น (รวมส่วนของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี) 41% และ อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.64 เท่า ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 1.97 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับภาระผูกพัน (Debt Covenants) ที่กำหนดไว้ 10 เท่า และมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) วงเงินกู้ยืมระยะสั้น 20,780 ล้านบาท และวงเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงไทยอีก 2,000 ล้านบาท โดยมีภาระหนี้หุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนดชำระในครึ่งหลังของปี 2568 ทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท สภาพคล่องในมือที่สูงกว่าภาระหนี้ที่ใกล้ครบกำหนดถึง 2.2 เท่า บ่งชี้ถึงสถานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง

#เคทีซี #บัตรเครดิต #สินเชื่อบุคคล #ผลประกอบการ #KTC #การเงินการลงทุน #เศรษฐกิจไทย #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้

หุ้นไทยปิดเช้าลบ 2.81 จุด วอลุ่ม 3.3 หมื่นล้าน รับแรงกดดันถล่มขาย KTC ช่วงบ่ายเกาะติด กนง.ลุ้นลดดอกเบี้ย

หุ้นไทยปิดเช้าลบ 2.81 จุด วอลุ่ม 3.3 หมื่นล้าน รับแรงกดดันถล่มขาย KTC ช่วงบ่ายเกาะติด กนง.ลุ้นลดดอกเบี้ย

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 SET ปิดเช้าที่ 1,097.20 จุด ลดลง 2.81 จุด (-0.26%) มูลค่าซื้อขาย 33,683 ล้านบาท การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทำระดับสูงสุด 1,101.93 จุด และต่ำสุด 1,090.74 จุด

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าปรับลง เล็กน้อยหลังจากเมื่อวานนี้รีบาวด์ขึ้นมาค่อนข้างมาก แรงกดดันหลักวันนี้มาจากแรงเทขายหุ้น KTC ที่มีประเด็นเฉพาะตัว พบว่ามูลค่าการซื้อขายสูงถึงกว่า 1.38 หมื่นล้านบาท ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นรายตัวที่ซื้อขายกันสูงสุดเฉลี่ย 3-4 พันล้านบาท/วัน ขณะที่ทั้งในและต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้ดัชนีเป็นการแกว่งตัวเพื่อรอปัจจัย ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

แนวโน้มช่วงบ่ายยังรอติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) หากมีมติลดดอกเบี้ยลงก็จะหนุนตลาดหุ้นในช่วงบ่ายปรับตัวขึ้นได้ แต่หากคงดอกเบี้ยก็คงไม่มีผลมากนัก ให้แนวต้าน 1,100-1,105 จุด แนวรับ 1,085-1,090 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

KTC มูลค่าการซื้อขาย 13,817.70 ล้านบาท ปิดที่ 23.10 บาท ลดลง 1.90 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,241.52 ล้านบาท ปิดที่ 31.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,034.66 ล้านบาท ปิดที่ 105.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 947.90 ล้านบาท ปิดที่ 154.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 901.62 ล้านบาท ปิดที่ 279.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

 

“KTC DIGITAL CREDIT CARD” บัตรเครดิตสุดปลอดภัยครั้งแรกในไทย ปักหมุดนวัตกรรมล้ำ ในงาน BOT Digital Finance Conference

เคทีซีโชว์เคสนวัตกรรมล่าสุด “บัตรเครดิตเคทีซี ดิจิทัล” (KTC DIGITAL CREDIT CARD) บัตรเครดิตอัจฉริยะที่ปลอดภัยที่สุดครั้งแรกในไทย เหนือกว่าด้วย 3 จุดเด่นที่ให้คุณได้มากกว่าที่เห็น ปลอดภัยกว่า สบายใจกว่าและรวดเร็วกว่า เชิญสัมผัสและสมัครใช้งานก่อนใคร พร้อมรับสิทธิพิเศษที่บูธเคทีซี โซนบี 13 ชั้น 2 ในงาน BOT Digital Finance Conference อาคารศูนย์การเรียนรู้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 14-15 กันยายน 2566

นายธศพงษ์ รังควร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ในงาน “BOT Digital Finance Conference 2023” ปีนี้ เคทีซีได้เตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดมานำเสนอเป็นโชว์เคส ก่อนจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2566 นั่นก็คือบัตรเครดิตเคทีซี ดิจิทัล (KTC DIGITAL CREDIT CARD) ซึ่งถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่สุดของความปลอดภัยครั้งแรกในไทยที่เคทีซีคัดสรรมาจัดแสดงเพื่องานนี้โดยเฉพาะ” 

“ความพิเศษของ KTC DIGITAL CREDIT CARD โดดเด่นอย่างมากในเรื่องของความปลอดภัยที่เหนือชั้น ซึ่งมาพร้อม 3 จุดเด่นคือ ปลอดภัยกว่า กับการใช้จ่ายออนไลน์มั่นใจขั้นสุด ด้วยเลขหลังบัตรที่เปลี่ยนทุกครั้งที่ขอ (Dynamic CVV/CVC2) และใช้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง มั่นใจกับการผูกบัตรฯ เมื่อใช้จ่ายออนไลน์ พร้อมควบคุมการใช้งานได้ตามต้องการผ่านแอปพลิเคชัน “KTC Mobile” รวดเร็วกว่า ด้วยการใช้จ่ายได้ทันทีหลังได้รับการอนุมัติกับการใช้จ่ายออนไลน์ สแกนจ่ายด้วย QR Pay และผูกบัตรกับระบบชำระบนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น กูเกิล เพย์ (Google Pay) สวอทช์ เพย์ (Swatch Pay) เป็นต้น และสบายใจกว่ากับการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ปลอดภัยไม่มีสะดุดที่ร้านค้าทั่วไป ไร้กังวลจากการขโมยข้อมูลด้วยบัตรพลาสติกไร้หมายเลขบนบัตร (Numberless Card)” 

“นอกเหนือจากความปลอดภัยของบัตรขั้นสูงแล้ว รูปลักษณ์ของบัตรพลาสติกยังเน้นการดีไซน์ที่โชว์ความโมเดิร์น ด้วยตัวบัตรที่โปร่งแสง (Translucent) และมีเพียงโลโก้แบรนด์ของเครือข่ายกับเคทีซีในฐานะผู้ออกบัตร กับชื่อของผู้ถือบัตรเท่านั้น โดยปราศจากตัวเลขและข้อมูลสำคัญบนบัตร เพื่อความปลอดภัยของผู้ถือบัตรในการใช้จ่าย ซึ่งน่าจะถูกใจกลุ่มเป้าหมายสมาชิกเคทีซี และคนทุกเจนเนอเรชันที่ชอบความโมเดิร์น แปลกใหม่มีสไตล์ และเห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยเป็นหลัก ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรสามารถทำรายการขอบัตรพลาสติกได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน “KTC Mobile” หลังจากมีการเปิดบัตรอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้”

โดยผู้สนใจที่ชื่นชอบนวัตกรรมล้ำๆ สามารถทดลองสัมผัสบัตรเครดิต KTC DIGITAL ด้วยตนเองก่อนใคร โดยเตรียมเอกสาร e-Document สมัครที่บูธเคทีซี ในงาน “BOT Digital Finance Conference 2023” บัตรฯอนุมัติใช้ได้ทันที พร้อมรับสิทธิซื้อโดนัท ออริจินอล เกรซ คริสปี ครีม (Krispy Kreme) จำนวน 12 ชิ้น ในราคาพิเศษ 9 บาท ผ่านบัตร KTC DIGITALCREDIT CARD   

สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีสามารถรับสิทธิพิเศษที่บูธเคทีซีในงาน ใช้คะแนน KTC FOREVER 199 คะแนน หรือใช้คะแนน MAAI 99 คะแนน แลกรับโดนัทคริสปี ครีม 2 ชิ้น หรือใช้คะแนน KTC FOREVER 199 คะแนน หรือใช้คะแนน MAAI 99 คะแนน แลกรับเครื่องดื่มเย็นทรูคอฟฟี่ โก (TrueCoffee Go) 1 แก้ว