ROCTEC ผลงาน Q1 ปีงบประมาณ 2568/69 รายได้รวมโต 9.1% กำไรพุ่ง 63.0% ธุรกิจ ICT หนุน

บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ “ROCTEC” รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2568/69 (เมษายน – มิถุนายน 2568) ด้วยรายได้รวม 825 ล้านบาท เติบโต 9.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของกลุ่มธุรกิจการให้บริการด้าน ICT ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนรายได้ให้กับบริษัท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 85% ของรายได้รวม ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงาน และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมในต่างประเทศซึ่งมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 11 ส.ค.68 นายเว่ย แซม แลม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ROCTEC กล่าวว่า “ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์การมุ่งสู่ธุรกิจการให้บริการไอซีทีแบบครบวงจร ที่สามารถต่อยอดฐานลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มงานระบบเทคโนโลยีแบบครบวงจร (Integrated Technology Solutions) ที่ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่าย และระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างชัดเจนในกลุ่มหน่วยงานภาครัฐและสถาบันต่าง ๆ ในฮ่องกง เราจะเดินหน้าต่อยอดจุดแข็งด้านเทคโนโลยีและการบริหารโครงการ เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกตลาดที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ”

โดยในไตรมาสนี้บริษัทยังมีพัฒนาการสำคัญ ได้แก่ การเริ่มต้นรับรู้รายได้จากโครงการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมถึงความคืบหน้าในการปรับเงื่อนไขของธุรกรรม Hello LED กับ PlanB ซึ่งยังคงมูลค่าธุรกรรมเดิม พร้อมทั้งได้กำหนดเงินมัดจำที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ แม้ทั้งสองรายการยังไม่ส่งผลต่อผลประกอบการในเชิงตัวเลขอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสนี้ แต่สะท้อนถึงความสามารถของบริษัทฯ ในการต่อยอดเครือข่ายพันธมิตร และการสร้างโอกาสทางธุรกิจและทางการเงินในระยะยาวได้อย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงประเมินว่าแนวโน้มธุรกิจในปีงบประมาณ 2568/69 โดยเฉพาะธุรกิจในกลุ่มบริการด้าน ICT จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการโซลูชันเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ROCTEC จึงเดินหน้ายกระดับขีดความสามารถในการให้บริการ ผ่านการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (in-house R&D) ควบคู่กับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์โครงสร้างพื้นฐานเมืองอัจฉริยะ แม้เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความไม่แน่นอนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตลาดหลัก ได้แก่ ประเทศไทยและฮ่องกง ซึ่งได้รับผลกระทบในระดับจำกัดเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีรายได้ที่อยู่ระหว่างการส่งมอบและรอการรับรู้แล้วกว่า 67% ของเป้าหมายประจำปีงบประมาณ 2568/69 ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงของกระแสรายได้ในช่วงเวลาที่เหลือของปี บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน และส่งมอบคุณค่าระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้นในทุกสภาวะเศรษฐกิจ

"ROCTEC" เปิดผลงาน Q3 ปี 67/68 โตแข็งแกร่ง พร้อมตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ขาย Hello Bangkok สร้างศักยภาพเติบโตในธุรกิจ ICT

ROCTEC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567/68 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง พร้อมการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ขาย Hello Bangkok เสริมสร้างศักยภาพการเติบโตในธุรกิจ ICT

เมื่อวันที่ 14 ก.พ.68 นายเว่ย แซม แลม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ร็อคเทค โกลบอล (ROCTEC) เปิดเผยว่า บริษัทได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567/68 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการเติบโตทางธุรกิจและประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในการขายหุ้น 50% ใน บจก. ฮัลโล บางกอก แอลอีดี (HELLO) ซึ่งช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางการเงินและมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจบริการไอซีที (ICT Solutions)ที่มีศักยภาพสูงในอนาคต

โดยในไตรมาส 3 ปี 2567/68 บริษัทมีรายได้รวม 727 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567/68 ROCTEC มีรายได้สะสมรวม 2,303 เพิ่มขึ้น 15.2% และบริษัทฯ ยังกำไรสุทธิรายไตรมาสอยู่ที่ 84 ล้านบาท เติบโตถึง 24.0% และกำไรสะสมช่วง 9 เดือนอยู่ที่ 238ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนและการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยมีรายได้จากธุรกิจบริการไอซีทีอยู่ที่ 622 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การเติบโตนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งในตลาดระบบคมนาคมขนส่ง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของโครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศฮ่องกงและไทย รวมถึงการนำเสนอโซลูชันทางเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเติบโตนี้ยังเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาและปรับปรุงบริการของ ROCTEC โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยและพัฒนาภายในองค์กร (in-house R&D) เพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ROCTEC ได้ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในการขายหุ้น 50% ใน HELLO ให้กับ บมจ. แพลน บี มีเดีย (Plan B) มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ i) มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจบริการไอซีทีที่มีศักยภาพสูงในอนาคต และ ii) เสริมสร้างความยืดหยุ่นทางการเงิน โดย ณ ไตรมาส 3 ปี 2567/68 บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดกว่า 1,634 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับรายได้จากการขาย HELLO จะช่วยเพิ่มระดับสภาพคล่องของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งในปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นบริษัทปลอดหนี้

นายเว่ย แซม แลม ให้มุมมองทิศทางธุรกิจในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้า ROCTEC ยังคงมุ่งมั่นขยายบทบาทในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศฮ่องกงและไทย พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีงานในมือ (backlog) มากกว่า 90% ที่ได้รับการส่งมอบหรือเซ็นสัญญาแล้ว แสดงถึงความมั่นคงของรายได้และโอกาสในการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ การเข้าร่วมเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS Group) ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เสริมโอกาสในการขยายตลาด และการเข้าถึงโครงการขนส่งขนาดใหญ่ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของ BTS Group ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆในธุรกิจบริการไอซีที  ICT ของ ROCTEC อย่างยั่งยืน
 

กมธ.ICT จัดสัมมนา “ความพร้อมของประเทศไทยกับการใช้ประโยชน์ดาวเทียม NGSO”

 

เมื่อเร็วๆนี้คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา นำโดย พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการ และพลเอก สุรพงษ์  สุวรรณอัตถ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม ได้ดำเนินการจัดสัมมนา เรื่อง “ความพร้อมของประเทศไทยกับการใช้ประโยชน์ดาวเทียม NGSO” ณ ห้องวายุภักษ์ 5 ชั้น 5 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิเป็นตัวแทนภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและส่งเสริมการพัฒนาดาวเทียมสื่อสารและกิจการอวกาศของประเทศไทย ได้แก่ 1. นายภุชพงค์  โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2. นางสาวอรศรี  ศรีระษา ผู้อำนวยการส่วน สำนักกิจการดาวเทียมสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 3. นายสืบศักดิ์  สืบภักดี กรรมการบริหารและเลขาธิการสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 4. นายศมาธร  เทียนกิ่งแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด

และ 5. รศ.ดร.สมยศ  เกียรติวนิชวิไล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเพื่อรับฟังข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และรวบรวมข้อมูลจากการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ ในด้านนโยบายกิจการอวกาศและดาวเทียม ด้านการอนุญาตและกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมและดาวเทียม ด้านการให้บริการโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีอวกาศและดาวเทียม และด้านการพัฒนาบุคลากรด้านกิจการอวกาศและดาวเทียม ซึ่งจะมีบทบาทและความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต

​​​​​​​

 กมธ.ไอซีทีวุฒิสภา หนุนดูแลผู้สูงอายุ 

พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการ การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมกมธ.ไอซีที วุฒิสภา  ได้หารือและเสนอแนะความคิดเห็นอย่างหลากหลาย เรื่อง "นวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงด้านสุขภาพ"  หลังได้เชิญ 3 หน่วยงานรัฐ  ชี้แจงข้อมูล  เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในการดูแลผู้สูงอายุในภาวะพึ่งพิง 

นายนิพนธ์ นาคสมภพ โฆษษกกมธ.ไอซีทีวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร กล่าวว่า กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้พัฒนางานด้านผู้สูงอายุ ด้วยการจัดทำดิจิทัลเซอร์วิส "Gold Application" เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ  ทั้งการให้บริการกู้ยืมเงินทุน เพื่อการประกอบอาชีพจากกองทุนผู้สูงอายุ ผ่านช่องทางออนไลน์ https://www.dop.go.th/th และ Gold Application ในด้านการพัฒนาศักยภาพ (E learning) ผ่านหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ  18 ชั่วโมง ผ่านช่องทางออนไลน์ https://www.thaielderlycare.org/ และ Gold Application   

ด้านสุขภาพ มุ่งเน้นการ ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ (ศพส.)  12  แห่ง  มาใช้ขับเคลื่อนงานด้านนวัตกรรม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมสูงอายุ  โดยใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยี อย่างเหมาะสม การใช้หมายเลขโทรศัพท์ของศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 เพื่อเป็นสื่อกลางในการให้ข้อมูลและลงทะเบียนขอรับการบริการ  ขณะนี้มีผู้ประสงค์เข้าสู่สถานบริการ 2,000 คน มีผู้อยู่ในศูนย์บริการ 1,238 คน กมธ.ไอซีที วุฒิสภา เสนอแนะการวางแผนระยะยาว เพื่อการบริหารจัดการผู้สูงอายุ การมุ่งประชาสัมพันธ์การใช้แอปพลิเคชัน Gold  เพื่อให้รับรู้กันอย่างแพร่หลาย การหาหน่วยงานเข้ามาดูเรื่อง การใช้เทคโนโลยีเพื่อดูแลผู้สูงอายุโดยตรง เพื่อให้ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวก 

กมธ.ไอซีที วุฒิสภา เสนอแนะว่า การจัดทำมาตรฐานเพื่อรองรับนวัตกรรมใหม่ ยังการขาดแคลนห้องปฏิบัติการรองรับการทดสอบของมาตรฐานใหม่ จึงขอให้ทางภาคเอกชน และรัฐบาลช่วยสนับสนุน ห้องปฏิบัติการมากขึ้น หลังจากพบว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้จัดทำมาตรฐานฯในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ 255 มาตรฐาน และมีมาตรฐานบังคับ จำนวน 5 มาตรฐาน  และในปี 2567  สมอ.เตรียมจัดทำโครงการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มาตรฐานอุตสาหกรรม และบริการทางการแพทย์  12 มาตรฐาน เช่น อุปกรณ์ช่วยพยุง ลุก-ยืน เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หรือ อุปกรณ์ฝึกเดิน มุ่งผลักดันเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะหุ่นยนต์ และ เครื่องกล  กลุ่มดิจิทัล เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต เชื่อมกับอุปกรณ์ต่างๆ การกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเครื่องใช้ผู้สูงอายุ ควรให้เป็นมาตรฐานเดียว เช่น อุปกรณ์เต้าเสียบปลั๊กแบบ 2 ขา และ 3 ขา  ยังไม่มีมาตรฐานเพื่อบังคับการใช้งาน

ส่วนของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ ศลช. (TCELS) ได้บริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรม  เช่น ระบบการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน ระบบบริการดูแลที่บ้านมีคุณภาพในราคาเป็นธรรม การสนับสนุนหุ่นยนต์ฝึกเดิน การพัฒนาเครื่องหุ่นยนต์ช่วยฝึกเดินสำหรับผู้ป่วยอาการหลอดเลือดสมองหรือผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุต่าง ๆ  ขณะนี้มีการใช้งานในหลายโรงพยาบาล ต้นทุนราคา 3 - 4 ล้านบาท ถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศหลายเท่าตัว  คณะอนุกรรมาธิการมองว่า ยังได้รับงบประมาณค่อนข้างจำกัด ควรส่งเสริมให้ สปสช.ใช้นวัตกรรมในประเทศมากขึ้น