Whoscall จับมือ Grab ดันแคมเปญ “รู้ทันทุกมิจ” สร้างเกราะไซเบอร์ป้องกันภัยหลอกลวง

Whoscall ผนึกกำลัง Grab สร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ให้แก่ลูกค้าและไรเดอร์ ทั่วประเทศ ภายใต้แคมเปญ “รู้ทันทุกมิจ เปิดโปงทุกมุก” ความร่วมมือที่ต่อยอดแคมเปญสู่การวางรากฐานระบบความปลอดภัยไซเบอร์อย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความไว้วางใจและการดูแลอย่างแท้จริงระหว่างแบรนด์และผู้ใช้งานในทุกมิติ

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.68 บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่นชั้นนำ (TrustTech) และผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Whoscall เดินหน้าสานต่อแคมเปญ “รู้ทันทุกมิจ เปิดโปงทุกมุก” ร่วมกับพันธมิตร แกร็บ ประเทศไทย สร้าง “คอมมูนิตี้ดิจิทัลที่รู้เท่าทันมิจฉาชีพ”  เพื่อยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ให้ลูกค้า (user) และไรเดอร์ (rider) ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยในความร่วมมือครั้งนี้ Whoscall ได้มอบแพ็กเกจ Whoscall พรีเมียม เบสิก นาน 90 วันฟรีแก่ลูกค้า Grab และคนขับแกร็บ โดยสามารถแลกรับได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2568 ผ่านโปรแกรม GrabRewards และ GrabBenefits ส่วนลูกค้า Whoscall สามารถรับส่วนลดจาก Grab ได้ผ่านทาง แอปฯ Whoscall

รายงานจาก Forrester Research [1] ระบุว่า ลูกค้าที่รู้สึกผูกพันกับแบรนด์ (Brand Affinity) มี Lifetime Value [2] สูงขึ้นถึง 306% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความไว้วางใจและการดูแลอย่างจริงใจ ความร่วมมือระหว่าง Whoscall และ Grab ในครั้งนี้ จึงเป็นการตอกย้ำแนวความคิดที่ว่า “สร้างเกราะป้องกันให้ผู้ใช้งาน เสริมความมั่นใจให้ทุกวันปลอดภัย”  ทั้งสองแบรนด์ต่างเชื่อในเป้าหมายเดียวกัน คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย น่าไว้วางใจ และส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้งาน พร้อมมุ่งเน้นการปกป้องในทุกสถานการณ์ ผ่านโซลูชันด้านความปลอดภัยที่เข้าถึงง่ายและใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ได้แก่

  • แจกโค้ด Whoscall พรีเมียม เบสิกจำนวน 10,000 โค้ด ให้กับลูกค้าทั่วไปผ่านโปรแกรม GrabRewards และสำหรับไรเดอร์ผ่านโปรแกรม GrabBenefits แพ็กเกจพรีเมียมช่วยเพิ่มประสบการณ์และความสะดวกสบายในการใช้งาน
  • ฟีเจอร์ใหม่ “การแจ้งเตือนด้วยเสียง” Voice Alert เพิ่มความปลอดภัยจากมิจฉาชีพได้ทุกช่วงเวลาไม่เว้นแม้แต่ตอนขับขี่ผ่านเสียงแจ้งเตือนเมื่อได้รับสายที่มีความเสี่ยงเป็นมิจฉาชีพโดยไม่ต้องละสายตา

นายแมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) กล่าวว่า  “Whoscall เชื่อว่าการป้องกันภัยไซเบอร์ที่ยั่งยืน ต้องเริ่มจากการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนในสังคม ทั้งในเชิงเทคโนโลยีและความรู้ความเข้าใจ ด้วยความร่วมมือกับ Grab ในครั้งนี้ จึงเป็นการต่อยอดการป้องกันที่เข้าถึงได้จริงในชีวิตประจำวัน โดย Grab ได้มีบทบาทสำคัญในการนำเครื่องมือป้องกันภัยไซเบอร์อย่าง Whoscall เข้าถึงกลุ่มคอมมูนิตี้ทั้งผู้ใช้บริการและกลุ่มขับแกร็บ”

“เรามอบโค้ดการใช้งาน Whoscall พรีเมียม เบสิก ให้กับผู้ใช้ Grab เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานแบบพรีเมียม พร้อมพัฒนาฟีเจอร์ “การแจ้งเตือนด้วยเสียง” Voice Alert เพื่อเข้าถึงได้ทุกช่วงขณะ แม้ตอนขับขี่ วิสัยทัศน์ของเราชัดเจนว่า Whoscall จะไม่หยุดอยู่แค่การเตือนภัย แต่ต้องเป็นพลังที่สร้างความไว้วางใจ ช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจ” นายแมนวู กล่าวเสริม

นางสาวอรวรา เอื้อสุนทรวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์ และพันธมิตร แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Whoscall ในการยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับผู้ใช้บริการ และคนขับแกร็บ ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มดิจิทัล แกร็บ ตระหนักดีถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ เราจึงมุ่งมั่นสร้างแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ และพาร์ทเนอร์ของเรา โดย  เราเชื่อว่าเทคโนโลยีไม่ควรเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ควรเป็น ‘เกราะ’ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานในคอมมูนิตี้ของเราใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนและยากต่อการรับมือในปัจจุบัน”

ความร่วมมือระหว่าง Whoscall และ Grab ในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนวิสัยทัศน์ของทั้งสององค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานของ “คอมมูนิตี้ดิจิทัลที่รู้เท่าทัน” อย่างแท้จริง  และ Whoscall จะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีที่เข้าใจมนุษย์ เพื่อให้การใช้ชีวิตในโลกออนไลน์ของทุกคนปลอดภัยมากกว่าที่เคย

สามารถศึกษาวิธีการใช้งานฟีเจอร์ “การแจ้งเตือนด้วยเสียง (Voice Alert)” บนแอปพลิเคชัน Whoscall ที่ https://whoscall.com/th/blog/articles/1701

---------------------------------------------------------------

[1]  https://shorturl.at/lrIKq

[2]  Lifetime Value คือ มูลค่ารวมที่ลูกค้าหนึ่งคนจะสร้างให้กับแบรนด์ตลอดช่วงเวลาที่เป็นลูกค้า

กระทรวงดีอี ต้อนรับผู้บริหาร Grab ระดับภูมิภาค พร้อมร่วมหารือเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

กระทรวงดีอี ต้อนรับผู้บริหาร Grab ระดับภูมิภาค พร้อมร่วมหารือเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารระดับภูมิภาคจาก Grab Holding Inc. นำโดย มร. อเล็กซ์ ฮันเกต ประธานบริษัทฯ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ  ในโอกาสเดินทางมาเยี่ยมชมและติดตามการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมร่วมหารือในประเด็นต่างๆ อาทิ โอกาสในการพัฒนาความร่วมมือในอนาคตเพื่อยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย การสานต่อความร่วมมือกับ depa ในการพัฒนาคอร์สอบรมออนไลน์ผ่านโครงการ GrabAcademy การส่งเสริมให้ธุรกิจแพลตฟอร์มดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรมเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการคนไทย ภายใต้การกำกับดูแลที่เหมาะสมตาม พ.ร.บ. เศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางในการบริหารธุรกิจแพลตฟอร์มในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนของ Grab ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI และแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง การส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)

ส่งลูกจบหมอ-ปลดหนี้นอกระบบ สองคนขับเปลี่ยนวิกฤตการเงิน สู่ชีวิตที่มั่นคงด้วย Grab

ส่งลูกจบหมอ - ปลดหนี้นอกระบบ สองคนขับเปลี่ยนวิกฤตการเงิน สู่ชีวิตที่มั่นคงด้วย Grab

ไม่มีใครวางแผนที่จะเป็นหนี้ และไม่มีใครที่อยากจะเริ่มต้นใหม่ตอนอายุเกือบ 50 แต่บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เรามีเวลาตั้งตัวเสมอไป สำหรับบางคน วันที่ไม่มีงาน ไม่มีเงิน และไม่มีใครให้พึ่งพิง คือวันที่พวกเขาต้องเลือกว่าจะ “ยอมแพ้” หรือ “ลุกขึ้น” แต่สำหรับ พี่ฮาท และ พี่อ้อ พวกเขาเลือกที่จะลุกขึ้น แม้ไม่มีอะไรอยู่ในมือเลยก็ตาม นอกจากความตั้งใจและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้เท่านั้น

เริ่มจากศูนย์ สู่เทพแห่งเดลิเวอรี

พงษ์ศักดิ์ คันธโชติ หรือ  “พี่ฮาท” คนขับ GrabFood วัย 50 ปี จากโคราช ที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เขาคือหัวหน้าครอบครัวที่เคยต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่หนักหนาในชีวิต โดยก่อนหน้านี้ พี่ฮาทเคยทำงานในต่างประเทศ ทั้งลาวและเกาหลีใต้ มีรายได้ประมาณ 45,000 ต่อเดือน ซึ่งเพียงพอสำหรับการเลี้ยงดูครอบครัวได้ไม่ลำบาก แต่เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 ในปี 2563 รายได้ที่เคยมีกลับหยุดชะงัก ในช่วงเวลาที่ต้องการใช้เงินมากที่สุดในชีวิต กับการส่งลูกสาวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงไม่ใช่น้อย

“ตอนนั้นผมเครียดมากเลยครับ  รายได้หายไปหมด ไม่มีเงินเข้ามาเลย ในขณะที่รายจ่ายยังรออยู่เต็มไปหมด ตอนนั้นคิดแค่ว่า จะทำอะไรก็ได้ให้มีรายได้เข้ามาก่อน” ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจเริ่มขับแกร็บตามคำแนะนำจากคนใกล้ตัว

“ผมเริ่มขับแกร็บครั้งแรกในวันครอบครัว (14 เมษายน) ยังจำออเดอร์แรกได้ไม่เคยลืม ต้มเลือดหมูเจ๊บ๊วย แถวสี่แยกคลองเตย ซึ่งจากตอนแรกคิดแค่ว่าจะลองขับเล่นๆ แต่สุดท้ายการขับแกร็บกลับกลายเป็นอาชีพหลักในการหารายได้ที่สามารถช่วยให้เราหาเลี้ยงครอบครัวได้จริง” พี่ฮาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม

พอเริ่มขับแกร็บ รายได้ก็เริ่มเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ แม้จะยังไม่มากในช่วงแรก แต่ก็พอให้พี่ฮาทตั้งหลักได้ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายเรื่องเรียนของลูกก็ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่เลี่ยงไม่ได้ พี่ฮาทจึงได้ลองมองหาทางกู้เงินมาเสริม แต่ก็เจอแต่ปัญหาเดิมๆ อย่าง ไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ ไม่มีสลิปเงินเดือนตามที่ธนาคารต้องการ จะหันหน้าไปพึ่งพาญาติและคนรู้จักก็รู้สึกลำบากใจ จนสุดท้ายเขาได้รู้จักกับ “Grabการเงิน” ที่ให้คนขับอย่างเขามีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นเนื่องจากมีข้อมูลการให้บริการอยู่แล้วในระบบ

“ไม่ถึง 5 นาที เงินก็เข้าเลยครับ ไม่ต้องมีเอกสารอะไรเพิ่ม เพราะแกร็บมีประวัติของเราครบถ้วนอยู่แล้ว” เขาได้รับสินเชื่อเงินสดกว่า 40,000 บาท ซึ่งกลายมาเป็นทุนหมุนเวียนใช้ในการทำงาน จ่ายค่าเทอมลูก ค่าครองชีพรายเดือน และเป็นทุนสำรองยามฉุกเฉิน

พี่ฮาทไม่เคยปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เขารับงานอย่างสม่ำเสมอ วิ่งงานเต็มที่ทุกวัน และตั้งใจให้บริการให้ดีที่สุด จนสามารถไต่ระดับเป็น “เทพแกร็บไบค์” (คนขับแกร็บที่ทำรอบขับในระดับสูงสุด) ซึ่งทำให้เขาได้สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น ทั้งส่วนลดอัตราดอกเบี้ยจาก Grabการเงิน ประกันรถมอเตอร์ไซค์ และประกันอุบัติเหตุ รวมไปสวัสดิการอื่นๆ อีกมากมาย ที่มาคอยช่วยสนับสนุนคนขับ

"ขอแค่เรามีวินัย ขยัน และวิ่งงานให้สม่ำเสมอ อยู่ให้ถูกจุด ถูกที่ ถูกเวลา ออเดอร์ก็จะเยอะขึ้น และเป้าหมายก็จะชัดเจนขึ้นเอง” พี่ฮาทเล่าอย่างภาคภูมิใจพร้อมทิ้งท้ายว่า 

“ตอนนี้ลูกผมเรียนจบหมอแล้วครับ สำหรับคนเป็นพ่อ ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว”

ขับลุยทุกเส้นทาง เพื่อให้บ้านมีรอยยิ้ม

อีกหนึ่งเรื่องราวจาก ชุติกาญจน์ เผ่าผาง หรือ “พี่อ้อ” วัย 45 ปี คุณแม่ลูกหนึ่งจากกรุงเทพฯ ที่ลุกขึ้นมาสู้เพื่อครอบครัวในวันที่ชีวิตเริ่มติดขัด ภาระค่าใช้จ่ายในบ้านสูงขึ้น งานประจำไม่มั่นคง และหนี้นอกระบบเริ่มก่อตัว สิ่งเดียวที่เธอเชื่อในตอนนั้น คือ เธอต้องลุกขึ้นมา “เปลี่ยนชีวิตด้วยตัวเอง”

ก่อนหน้านี้ พี่อ้อเคยทำงานเป็นพนักงานบัญชีในร้านทองมานานกว่า 10 ปี แต่เมื่อกิจการเริ่มขาดทุน ร้านจำเป็นต้องปลดพนักงานเกือบทั้งหมด เธอจึงผันตัวมารับงานบัญชีแบบฟรีแลนซ์ ซึ่งพอเลี้ยงตัวเองได้ แต่ยังไม่พอสำหรับบ้านที่มีทั้งคุณแม่ พี่ชาย และลูกชายคนเดียวของเธอ 

“รายได้ประจำไม่พอแน่ค่ะ ทั้งค่าเทอมลูก ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากับข้าว บางเดือนถึงกับต้องไปพึ่งเงินกู้นอกระบบมาใช้จ่าย” พี่อ้อกล่าว และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเริ่มขับแกร็บเป็นอาชีพเสริมในช่วงปลายปี 2566 เพราะไม่ต้องลงทุนเพิ่ม เชื่อถือได้ และสามารถจัดสรรเวลาทำงานเองได้หมด รายได้จากการวิ่งงานช่วยให้พี่อ้อสามารถประคองสถานการณ์ด้านการเงินในแต่ละเดือนได้มากขึ้น

แต่พอถึงช่วงเปิดเทอม พี่อ้อรู้ทันทีว่ารายได้ตอนนี้อาจไม่พอรับมือกับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่กำลังมาถึง อีกทั้งยังมีหนี้นอกระบบราว 50,000 บาท ที่ยังต้องจ่ายค่อยดอกเบี้ยอีก พี่อ้อเลยตัดสินใจขอสินเชื่อกับ Grabการเงิน “เรามั่นใจว่าเราผ่อนได้แน่ๆ เพราะเราขับแกร็บอยู่แล้ว และเนื่องจากมีระบบแบบหักรายวัน เราจึงเชื่อว่าเราใช้หนี้หมดได้แน่นอน”

การขับแกร็บควบคู่กับงานบัญชี ช่วยให้พี่อ้อสามารถปลดหนี้นอกระบบได้หมดภายใน 3-4 เดือน ความคล่องตัวทางการเงินก็กลับคืนมา โดยมีรายได้จากแกร็บเป็นแรงหนุนหลักที่ช่วยให้บ้านหลังนี้ผ่านช่วงเวลาที่ยากๆ มาได้ 

พี่อ้อแบ่งเวลาจากงานบัญชีฟรีแลนซ์มาขับแกร็บทุกวัน โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่ 6 โมงเช้า ไปจนถึงราวบ่ายโมงของทุกวัน จากนั้นจึงกลับไปทำงานบัญชีต่อในช่วงบ่ายถึงค่ำ ด้วยวินัยและการวางแผนที่ชัดเจน ทำให้พี่อ้อสามารถจัดการทั้งเรื่องรายได้และเวลาได้อย่างลงตัว รวมไปถึงการไต่ระดับผู้ขับขี่เป็น “เซียนแกร็บคาร์” (คนขับแกร็บที่ทำรอบขับในระดับสูง) ได้สำเร็จ

พี่อ้อยังได้พูดถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับจากการเป็นเซียนแกร็บคาร์ ที่รวมทั้งบัตรเติมน้ำมันฟรี หรือการผ่อนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ “การขับแกร็บช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้เสริมและมีสิทธิประโยชน์ที่ดี อีกทั้งยังถือเป็นอาชีพที่ปลอดภัยมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงอย่างเรา” พี่อ้อกล่าว

จากวันที่เคยกังวลว่าจะเลี้ยงครอบครัวไหวไหม วันนี้พี่อ้อมีคำตอบแล้วว่า...ไหว และไปต่อได้อีก “อยากบอกทุกคนที่มองหาอาชีพเสริม หรือรายได้ที่มั่นคง ว่าการขับแกร็บคือโอกาสที่เราสามารถคว้าไว้และจัดการได้ด้วยตัวเอง

"แกร็บ" เผยสถิติที่สุดแห่งปี 2024 "หมูเด้งฟีเวอร์" ยอดเรียก Grab ไปเขาเขียวพุ่งเฉียด 3 เท่า 

"แกร็บ" เผยสถิติที่สุดแห่งปี 2024 "หมูเด้งฟีเวอร์" ดันยอดเรียก Grab ไปเขาเขียวพุ่งเกือบ 3 เท่า 

แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยข้อมูลสถิติ “ที่สุดแห่งปี 2024” ครอบคลุมทั้งธุรกิจการเดินทางและเดลิเวอรีในประเทศไทย โดยปีที่ผ่านมา บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมทั้งจากคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะบริการใหม่อย่าง GrabCar SAVER ที่เติบโตขึ้นกว่า 400% พบกระแส “หมูเด้งฟีเวอร์” ดันยอดเรียกรถไปสวนสัตว์เขาเขียวเพิ่มขึ้น 267% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนและประเทศในอาเซียนติดท็อป 5 ใช้บริการมากที่สุด โดยเน้นเรียกรถไปห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้ง ฟากบริการฟู้ดเดลิเวอรี เมนู “อาหารไทย” และ “อเมริกาโน่เย็น” ยังครองใจผู้ใช้บริการเป็นอันดับหนึ่ง กระแสไวรัลของหมีเนยดันยอด Butterbear พุ่งเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ “ดูไบช็อคโกแลต” “ชาผลไม้พรีเมียม” และ “สมูตตี้เพื่อสุขภาพ” เป็นเมนูมาแรงแห่งปี

 

บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน

ปี 2567 เรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงเติบโต รับอานิสงส์ “ท่องเที่ยวคึกคัก-หมูเด้งฟีเวอร์-ไลน์อัพอีเวนท์”

บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมจากคนไทยและต่างชาติ โดยมียอดใช้บริการสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริการใหม่อย่าง GrabCar SAVER ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเรียกรถในราคาที่ประหยัดลง โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึงกว่า 400% ในหัวเมืองหลัก

กระแส “หมูเด้ง” ที่กลายเป็นขวัญใจของคนทั่วโลก ไม่เพียงช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวในประเทศ แต่ยังดันยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ที่เดินทางไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียวให้เติบโตขึ้นกว่า 267%

นโยบายรัฐบาลที่ผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น “World Class Event Hub” ทำให้ปีนี้เราได้เห็นความคึกคักของวงการอีเวนท์ ไม่ว่าจะเป็น งานประชุมและนิทรรศการ งานแฟร์ รวมถึงการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินไทยและเทศ ซึ่งส่งผลให้ยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ไปงานเหล่านี้เติบโตขึ้นถึง 25% โดยเฉพาะการเดินทางไปราชมังคลากีฬาสถาน ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อิมแพ็คอารีนา และไบเทค บางนา

 

ต่างชาติมั่นใจใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ไป “สนามบิน แหล่งช้อปปิ้ง และเที่ยวเมืองรอง”

ด้วยบริการที่สะดวกสบายและราคาที่โปร่งใสทำให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว สะท้อนผ่านยอดใช้บริการที่สนามบินต่าง ๆ ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 67% โดย 5 ชาติที่ใช้บริการมากที่สุด คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม

ห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้งยังคงเป็นจุดหมายปลายทางหลักที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไป โดย 5 สถานที่ยอดฮิต คือ ไอคอนสยาม (ICONSIAM) เซ็นทรัลเวิลด์ (CentralWorld) สยามพารากอน (Siam Paragon) ถนนข้าวสาร และตลาดนัดจตุจักร นอกจากนี้ อีกหนึ่งห้างที่มาแรงที่สุด คือ เอ็มสเฟียร์ (EMSPHERE) ไลฟ์สไตล์มอลล์ใจกลางสุขุมวิท ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมา

จังหวัดเมืองรองยังได้รับความนิยมต่อเนื่องจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล สะท้อนผ่านยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ที่เติบโตขึ้นกว่า 90% โดยเฉพาะใน 5 เมืองน่าเที่ยวอย่างเชียงราย ตาก อุดรธานี อุบลราชธานี และพิษณุโลก

 

ฟีเจอร์มาแรง “จองรถล่วงหน้า ใช้รถอีวี”

ฟีเจอร์จองรถล่วงหน้า (Advance Booking) กลับมาได้รับความนิยมหลังแกร็บประกาศปรับโฉมใหม่ โดยสามารถจองรถล่วงหน้าได้ถึง 7 วันและมีประกันคุ้มครองสูงสุดถึง 800,000 บาท โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่นิยมใช้บริการเพื่อเดินทางไปสนามบิน ไม่ว่าจะเป็น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และกระบี่

คนไทยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สะท้อนผ่านจำนวนผู้ใช้บริการที่ใช้ฟีเจอร์เลือกใช้รถอีวี (Grab EV Rides) เพิ่มขึ้นกว่า 200% โดยฟีเจอร์ดังกล่าวพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสค้นหารถ EV ในพื้นที่และช่วงเวลานั้นๆ เพื่อให้บริการเป็นตัวเลือกแรก

 

บริการฟู้ดเดลิเวอรี

“อาหารไทย” และ “อเมริกาโนเย็น” ครองใจคนไทยเป็นอันดับหนึ่ง

อาหารไทยยังคงครองใจผู้ใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี โดยเฉพาะเมนูสั่งง่ายในราคาสบายกระเป๋า โดย 5 เมนูขายดีแห่งปี คือ ส้มตำ ไก่ทอด ข้าวมันไก่ หมูปิ้ง รวมถึงเมนูที่ทำจากหมูอย่าง “ไข่พะโล้” และ “ข้าวขาหมู” ซึ่งมียอดสั่งในเดือนกันยายนเติบโตขึ้นกว่า 38% จากอิทธิพลของ “หมูเด้ง” ฟีเจอร์

ขณะที่กาแฟและชายังคงเป็นเมนูเครื่องดื่มขายดีตลอดปี นำโดย “อเมริกาโน่เย็น” กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลที่ตอบโจทย์คอกาแฟสายสุขภาพ โดยมียอดสั่งรวมทั้งปีถึง 5 ล้านแก้ว รองลงมา คือ “ชาไทย” โดยเฉพาะเมนู “เสลอปี้ชาไทย” สุดฮิตที่แทบทุกแบรนด์ส่งมาชิงตลาด ตามมาด้วยเอสเพรสโซ่เย็น ชาเขียวเย็น และชานมไข่มุก

 

กระแส “บัตเตอร์แบร์” แรงไม่หยุด “ดูไบช็อคโกแลต ชาผลไม้ สมูตตี้” เมนูมาแรงแห่งปี

กระแสไวรัลของหมีเนยขวัญใจโซเชียลมาแรงไม่แผ่วตลอดทั้งปี ทำให้ยอดสั่งเมนูต่าง ๆ ของบัตเตอร์แบร์ (Butterbear) พุ่งเป็นประวัติการณ์โดยเติบโตกว่า 1,200%

ชาผลไม้พรีเมียมแบรนด์ดังจากประเทศจีนที่ตบเท้าเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น เจี้ยนชา (JIAN CHA) ชาจี (CHAGEE) และ ไนซือ (NaiXue) ได้รับกระแสความนิยมจากคนไทยไม่ขาดสาย โดยมียอดขายเฉลี่ยเติบโตขึ้นถึง 10 เท่า โดยเฉพาะ “ชาองุ่นปั่นครีมชีส” ที่กลายเป็นไอเทมที่มาแรงที่สุดในปีนี้

เมนูเพื่อสุขภาพยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มฟู้ดดี้สายเฮลท์ตี้ ไม่ว่าจะเป็น อาซาอิโบลว์ที่ดังต่อเนื่องข้ามปี สลัดแร็ปผักล้น ไปจนถึงสมูตตี้เพื่อสุขภาพที่เป็นกระแสจาก “น้ำปั่น Erawon” จนกลายเป็นอีกหนึ่งเมนูฮิตติดลมบน โดยเฉพาะ Oh! Juice แบรนด์น้องใหม่จากโอ้กะจู๋ ที่ปั่นทั้งกระแสและยอดขายไปอย่างถล่มทลายจนเติบโตขึ้นกว่า 400% ภายในระยะเวลา 3 เดือน

ฟากของหวานอย่าง “ดูไบช็อกโกแลต” รวมถึงเมนูขนมหวานที่มีส่วนผสมของถั่วพิตาชิโอ กลายเป็นไอเท่มสุดฮอตแห่งปี โดยเฉพาะแบรนด์ The Rolling Pinn ที่มียอดขายถล่มทลายในช่วงครึ่งปีหลัง และทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นกว่า 20 เท่า

 

ฟีเจอร์มาแรง “สั่งเป็นกลุ่ม กินที่ร้าน”

ฟีเจอร์คำสั่งซื้อกลุ่ม (Group Order) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นโดยมียอดสั่งอาหารเติบโตขึ้นสองเท่าหลังแกร็บฟู้ดอัปเกรดฟีเจอร์ให้สามารถสั่งอาหารร่วมกันได้สูงสุดถึง 10 คนและเพิ่มทางเลือกในการแบ่งจ่ายได้ถึง 3 ออปชัน

เทรนด์การกินข้าวนอกบ้านดันให้ฟีเจอร์กินที่ร้าน (Dine Out) เติบโตขึ้น โดยมียอดใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 11 เท่าในไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะในร้านบุฟเฟต์ ซึ่ง 3 ร้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ โม โม่พาราไดซ์ (Mo-Mo-Paradise) โคเอ็น (Kouen) และซูกิชิ (Sukishi) 

#แกร็บ #หมูเด้ง #Grab #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #สวนสัตว์เขาเขียว

 

"แกร็บ" ปรับโฉมบริการจองรถล่วงหน้า ชู 3 ไฮไลท์ “ถูกใจ มั่นใจ อุ่นใจ”

แกร็บ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน ประกาศยกเครื่องบริการ “จองรถล่วงหน้า” (Advance Booking) หวังมัดใจผู้ใช้บริการและเหล่านักเดินทางด้วย 3 จุดเด่น ทั้งการจองรถล่วงหน้าได้สูงสุด 7 วันก่อนการเดินทาง เพิ่มระบบจัดสรรคนขับและดูแลลูกค้าเป็นพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง และขยายวงเงินคุ้มครองประกันอุบัติเหตุสูงสุดถึง 800,000 บาท พร้อมส่งโปรโมชันพิเศษมอบส่วนลด 30% เพียงใส่โค้ด “ADVANCE” และแจกฟรีกางเกงช้างรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันจากแกร็บ เมื่อเดินทางไป-กลับ สนามบินสุวรรณภูมิ

นางสาวเมธินี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ทเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แกร็บมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและบริการให้สามารถตอบสนองพฤติกรรมการเดินทางของผู้คนในปัจจุบัน ทั้งในด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย โดยหนึ่งในบริการที่แกร็บได้ริเริ่มและพัฒนาเพื่อแก้ pain point ของผู้ใช้บริการที่ต้องการเรียกรถเมื่อมีนัดหมายสำคัญหรือในช่วงเวลาเร่งด่วน คือ การจองรถล่วงหน้า (Advance Booking) ซึ่งได้รับความนิยมทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะการใช้บริการดังกล่าวเพื่อเดินทางไปยังสนามบิน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 40% และเพื่อเป็นการยกระดับประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้น ในปีนี้เราจึงได้พัฒนาระบบและปรับปรุงบริการดังกล่าว เพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความมั่นใจและอุ่นใจในการเดินทางไปถึงยังจุดหมายที่ตั้งใจได้อย่างไร้กังวล”

3 ไฮไลท์ของบริการเรียกรถล่วงหน้า (Advance Booking) โฉมใหม่ ได้แก่

•ถูกใจ ด้วยการจองรถได้ล่วงหน้าถึง 7 วัน: เพื่อเพิ่มความสะดวกในการวางแผนการเดินทาง แกร็บเปิดให้ผู้ใช้บริการสามารถจองรถล่วงหน้าได้นานสูงสุดถึง 7 วัน หรืออย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และสามารถเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการเดินทางได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงก่อนการเดินทางโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งยังขยายเวลารอรับผู้โดยสารที่จุดรับนานถึง 15 นาทีเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผู้ใช้บริการ โดยบริการ Advance Booking ครอบคลุมประเภทรถที่หลากหลาย อาทิ JustGrab GrabCar GrabCar(Premium) GrabSUV GrabVan GrabCar Lady รวมถึงบริการคนขับมืออาชีพ GrabDriveYourCar 

•มั่นใจ ด้วยระบบจัดสรรคนขับและบริการดูแลลูกค้า 24 ชั่วโมง: เพื่อให้มั่นใจว่าคนขับจะมารับผู้โดยสารได้ตรงเวลาแกร็บได้พัฒนาระบบการจัดสรรงานที่จะล็อกเวลาพาร์ทเนอร์คนขับ 1 ชั่วโมงล่วงหน้าเพื่อให้เดินทางมาถึงยังจุดหมาย โดยผู้ใช้บริการสามารถสามารถตรวจสอบสถานะการจองและติดตามสถานะการเดินทางของคนขับได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน ทั้งยังสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าพิเศษซึ่งให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงผ่านช่องทาง Help Centre หากพบปัญหาในการจองรถ ทั้งนี้ ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยจนคนขับไม่สามารถไปรับผู้โดยสารได้ แกร็บจะมอบคะแนน GrabRewards เพื่อชดเชยให้กับผู้ใช้บริการ

•อุ่นใจ ด้วยประกันอุบัติเหตุคุ้มครองตลอดทริป: เสริมความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการด้วยการเพิ่มวงเงินประกันอุบัติเหตุที่มอบความคุ้มครองตลอดการเดินทาง โดยแกร็บได้ทำประกันอุบัติเหตุเพื่อให้ความคุ้มครองผู้ใช้บริการ Advance Booking เป็นพิเศษ ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุด 800,000 บาท (จากปกติ 200,000 บาท) ในกรณีที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง

นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการ Advance Booking ยังสามารถรับส่วนลด 30% (สูงสุดไม่เกิน 80 บาท) เพียงใส่โค้ด ADVANCE ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2567 และพิเศษ! สำหรับผู้ใช้บริการ Advance Booking ที่เดินทางไป-กลับสนามบินสุวรรณภูมิ รับฟรี กางเกงช้างรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันจาก Grab (มีจำนวนจำกัดเพียง 1,000 ตัวเท่านั้น) โดยรับได้ ณ ศูนย์บริการ Grab (จุดรับ-ส่งผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 4) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://grb.to/advanceTH

#แกร็บ #Grab #ข่าววันนี้ #จองล่วงหน้า 



 

"แกร็บ" เปิดตัวแคมเปญ “สุขทันที…ที่เที่ยวกับ Grab” ชวนเที่ยวเมืองรอง-โปรโมท Unseen Thailand

แกร็บ ประเทศไทย ขานรับนโยบาย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนคนไทยเที่ยวทั่วไทย สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในเมืองรอง ผ่านแคมเปญ “สุขทันที…ที่เที่ยวกับ Grab” ดึงอินฟลูเอนเซอร์ดัง พาเที่ยว แลนด์มาร์กใหม่แบบ Unseen อวดซอฟต์พาวเวอร์ไทย ภายใต้คอนเซปต์ “ชิม-มู-ช้อป” ผ่านการเดินทาง ที่สะดวก ปลอดภัย มั่นใจไปกับแกร็บ พร้อมเตรียมเซอร์ไพรส์ใหญ่เอาใจเหล่านักเดินทาง จัดเต็มด้วยส่วนลดค่าบริการเรียกรถและกิจกรรมพิเศษลุ้นรางวัลใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 35 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้-30 มิ.ย.67
 
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองในประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งยกระดับเมืองรองให้เป็นเมืองหลักทางการท่องเที่ยว เพื่อลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในเมืองหลัก และกระจายรายได้ทาง  การท่องเที่ยวสู่เมืองรองมากขึ้น พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีทางการท่องเที่ยวผ่านแนวคิด “สุขทันที ที่เที่ยวไทย” ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมืองรองในแต่ละพื้นที่ ซึ่งความร่วมมือกับพันธมิตรทางการท่องเที่ยวอย่างแกร็บ ประเทศไทย ในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างความสุขอีกทางหนึ่งสำหรับนักเดินทาง เพราะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองรองผ่านการใช้บริการแกร็บ ซึ่ง ททท. มีความเชื่อมั่นว่ากิจกรรมดังกล่าวจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจ ปลุกกระแสการท่องเที่ยวเมืองรอง พร้อมทั้งส่งมอบความสุขและประสบการณ์อันทรงคุณค่าตลอดระยะเวลาการเดินทางท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย  กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยความแตกต่างหลากหลาย และเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ทำให้สามารถดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมา แกร็บ ในฐานะพันธมิตรหลักของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันและสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านการให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันที่มีมาตรฐานทั้งในด้านความสะดวก ความปลอดภัย และคุณภาพการให้บริการ ครอบคลุมจังหวัดท่องเที่ยวทั้งหัวเมืองหลัก และเมืองรองที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนผ่านจำนวนเที่ยวการเดินทางของบริการเรียกรถแกร็บในเมืองรอง 31 จังหวัด ที่เติบโตขึ้นถึง 50% ” 

โดยในช่วงไตรมาสสองของปีนี้ แกร็บยังคงเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองไทย ด้วยการส่งแคมเปญ ‘สุขทันที…ที่เที่ยวกับ Grab’ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นในการสานต่อความร่วมมือกับ ททท. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองรองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวแบบ Unseen ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เคยไป พร้อมเพิ่มความน่าสนใจด้วยการดึงอินฟลูเอนเซอร์มาร่วมผลิตคอนเทนต์ภายใต้ธีม ‘ชิม-มู-ช้อป’ ชวนคนไทยมาร่วมเที่ยวตามรอย พร้อมจัดกิจกรรมลุ้นชิงรางวัลใหญ่เพื่อกระตุ้นการเดินทางไปเมืองรองมากขึ้น

  

แคมเปญ “สุขทันที…ที่เที่ยวกับ Grab” ประกอบด้วย 2 กิจกรรมหลัก คือ

•กิจกรรมโปรโมทการท่องเที่ยวทั่วไทยผ่านอินฟลูเอนเซอร์: แกร็บเตรียมปล่อยคอนเทนต์ “สุขทันที…ที่เที่ยวกับ Grab เดอะซีรีส์” ดึงตัวอินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยวอย่าง นน-ชิโนรส ดวงรัตน์ จากช่องChino To Share และบาส-ภาณุภัทร์ สุกัลยารักษ์ จากช่อง Go Went Go และเพจท่องเที่ยวชื่อดัง Sneak out หนีเที่ยว มาร่วมพาเที่ยวภายใต้ธีม “ชิม-มู-ช้อป” เพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว Unseen   ที่น่าสนใจ พาชิมอาหารเมนูเด็ดจากร้านดังประจำจังหวัด เดินสายไหว้พระและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมพาไปช้อปปิ้งของพื้นเมืองเป็นที่ระลึก นอกจากนี้ แกร็บยังจัดโปรโมชันพิเศษ มอบส่วนลดค่าบริการเรียกรถสำหรับผู้ใช้บริการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 8 ล้านบาท เพียงใส่โค้ด "NEWAMAZING" รับส่วนลดสูงสุดไม่เกิน 100 บาท

•กิจกรรมชวนผู้บริโภคร่วมชิงรางวัลใหญ่ไปเที่ยวเมืองรอง: แกร็บส่งกิจกรรมสนุกลุ้นรับโชค 2 ต่อ โดยต่อที่ 1 รับส่วนลดค่าบริการเรียกรถ เพียงใส่โค้ด “AMAZING” ลดสูงสุด 100 บาท เมื่อใช้บริการ JustGrab, GrabCar. GrabCar และ GrabCar Plus ใน 31 เมืองรองที่แกร็บให้บริการ รวมมูลค่ากว่า 27 ล้านบาท ต่อที่ 2 ลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษรวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท อาทิ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-น่าน พร้อมที่พัก โรงแรม อีโค่ลักชัวรี่ Patamma Hideaway Resort 3 วัน 2 คืน สำหรับ 2 ท่าน จำนวน 2 รางวัล สร้อยคอทองคำ 1 สลึง จำนวน 10 รางวัล หูฟัง AirPods รุ่น 3 จำนวน 10 รางวัล และบัตรกำนัล GrabGift มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 50 รางวัล 
 

ทั้งนี้ ภายในงาน ยังได้รับเกียรติจากแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแกร็บ “เบลล่า ราณี” มาร่วมชวนคนไทยเดินทางท่องเที่ยวไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทย ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง ผ่านบริการเรียกรถของแกร็บที่จะมอบความสะดวกสบาย และความปลอดภัยให้กับทุกคน

"แกร็บ" จับมือ ททท.ส่งแคมเปญ “อะเมซิ่งทั่วไทย มั่นใจไปกับ Grab” ยกระดับประสบการณ์เดินทาง-เสริมความมั่นใจให้นัดท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ

แกร็บ ประเทศไทย จับมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวแคมเปญ “อะเมซิ่งทั่วไทย มั่นใจไปกับแกร็บ” เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ด้วยการยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ  ผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ การจัดทำไกด์บุ๊ค Grab & Go หรือ คู่มือท่องเที่ยว 2 ภาษาที่รวบรวมข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารดังที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด การจัดทำคอร์สอบรมออนไลน์เพื่อเตรียมพร้อมให้กับพาร์ทเนอร์คนขับในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว และการมอบส่วนลดค่าเดินทาง พร้อมจัดกิจกรรมออนไลน์ที่ให้ทุกคนได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวเพื่อลุ้นรับของรางวัลใหญ่มากมาย 

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ภายหลังจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน1 มียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 9.9 ล้านคน ซึ่งสร้างรายได้ให้กับประเทศแล้วกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย 25 - 30 ล้านคน สร้างรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท ผนวกกับรายได้จากนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศ 8.8 แสนล้านบาท ทำให้รายได้รวมจากการท่องเที่ยวจะมุ่งสู่ 2.38 ล้านล้านบาทภายในสิ้นปี โดยในปีนี้ ททท. ยังคงเดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวสำหรับตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวตามเป้าหมายทั้งในแง่รายได้และการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ควบคู่ไปกับการ Shape Supply ยกระดับห่วงโซ่อุปทานให้มีมาตรฐานการให้บริการในระดับสากล ตลอดจนการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว สอดรับการส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ สร้าง Meaningful Travel ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวเหนือระดับและน่าประทับใจ และเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายนี้ ททท. จึงได้จับมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน รวมถึง แกร็บ ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้นำแพลตฟอร์มที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันอันดับ 1  โดยร่วมกันจัดแคมเปญพิเศษในช่วงกลางปี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจด้านการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย”

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า การยกระดับมาตรฐานการเดินทางเพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักที่แกร็บให้ความสำคัญ โดยที่ผ่านมาบริการการเดินทางของแกร็บได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติ เนื่องจากตอบโจทย์ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความโปร่งใสของราคา โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการเรียกรถผ่านแกร็บเพิ่มขึ้นกว่า 25%2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ เพื่อร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยและสร้างความมั่นใจในเรื่องของการเดินทางให้กับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ล่าสุดเราจึงได้ร่วมมือกับ ททท. จัดแคมเปญ ‘อะเมซิ่งทั่วไทย มั่นใจไปกับแกร็บ’ เพื่อร่วมโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสำคัญ พร้อมยกระดับมาตรฐานการให้บริการของพาร์ทเนอร์คนขับให้กลายเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว”

โดย แคมเปญ “อะเมซิ่งทั่วไทย มั่นใจไปกับแกร็บ” ประกอบไปด้วย 3 กิจกรรมพิเศษ คือ

-จัดทำไกด์บุ๊ค "Grab&Go" หรือ คู่มือท่องเที่ยว 2 ภาษา ที่รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร งานเทศกาลและกิจกรรมที่น่าสนใจที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดใน 4 เมืองท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยจัดทำทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพื่อแจกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งภายในรถ GrabCar Premium จุดท่องเที่ยวและสถานที่ต่างๆ อาทิ โรงแรม สนามบิน ร้านอาหาร และช่องทางต่างๆ ในเครือข่าย ททท.  พร้อมสามารถอ่านในฉบับออนไลน์ได้ที่ www.grab.com/th/campaign/travel-guidebook-2023/

-พัฒนาหลักสูตรอบรมออนไลน์ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บในหัวข้อ “เจ้าบ้านที่ดี” โดยได้วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจาก ททท. มาร่วมจัดทำคอร์สอบรมออนไลน์บน GrabAcademy  เพื่อให้ความรู้และคำแนะนำกับพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บ (ทั้ง GrabCar และ GrabTaxi) เกี่ยวกับการให้บริการกับนักท่องเที่ยวในฐานะด่านหน้าที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวเบื้องต้น

-จัดกิจกรรม #เที่ยวมั่นใจไปกับGrab เพื่อชิงแพคเกจทริปท่องเที่ยวไปภูเก็ต และของรางวัลใหญ่อีกมากมาย พร้อมมอบส่วนลดการเดินทางสูงสุดถึง 15% โดยแกร็บเตรียมจัดกิจกรรมเพื่อเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมสนุกผ่านการแชร์ภาพถ่ายประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยไปกับ Grab พร้อมติด #เที่ยวมั่นใจไปกับGrab บนเฟสบุ๊ค GrabTH  เพื่อลุ้นรับรางวัลใหญ่ อาทิ แพคแกจทริปท่องเที่ยวตั๋วเครื่องบินไป-กลับภูเก็ต พร้อมที่พัก 3 วัน 2 คืน สำหรับ 2 ท่าน มูลค่ารวมกว่า 50,000 บาท  นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ กระเป๋าเดินทาง และส่วนลดค่าบริการเดินทางของ Grab โดยกิจกรรมนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 - 30 มิถุนายน 2566 นอกจากนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเดินทาง แกร็บยังมอบส่วนลดสำหรับบริการ JustGrab GrabCar และ Grab Electric VIP Taxi โดยรับส่วนลดสูงสุด 100 บาทเพียงใส่รหัส “NEWTRAVEL”  สำหรับผู้ใช้ใหม่ และส่วนลดสูงสุด 80 บาทเมื่อใส่รหัส “TRAVEL” สำหรับผู้ใช้ปัจจุบัน พร้อมรับส่วนลดพิเศษเพิ่มเติม3 15% สำหรับบริการ GrabFood และ GrabMart หลังใช้บริการเรียกรถ ตั้งแต่ 1 มิถุนายน - 15 กรกฎาคม 2566 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ “อะเมซิ่งทั่วไทย มั่นใจไปกับแกร็บ” ได้ที่ https://www.grab.com/th/blog/travel-amazing-2023/

Grab จับมือ Zoom ส่งเสริมความสำเร็จของพนักงานผ่านการทำงานร่วมกัน

Zoom สนับสนุน Grab แอพลิเคชั่นชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานในทุกสำนักงานของบริษัท เพื่อช่วยให้พนักงานได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นและผสมผสาน โดยใช้โซลูชั่นที่หลากหลายบนแพลตฟอร์มของ Zoom ได้แก่ Zoom Rooms, Zoom Events, Zoom Meetings และ Zoom Webinars

Grab ให้บริการในหลายภาคส่วน ได้แก่ การขนส่งสิ่งของและผู้โดยสาร และดิจิทัลไฟแนนซ์ในกว่า 500 เมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพนักงานและทีมงานของ Grab ทำงานอยู่ทั่วภูมิภาคและนอกภูมิภาคอย่างในซีแอตเติล เบงกาลูรู และ คลูช-นาโปกา โดยใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพอย่าง Zoom เพื่อช่วยให้ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

นอกจาก Zoom Whiteboards แล้ว Grab ยังใช้ Zoom Rooms ในห้องประชุมของบริษัทกว่า 400 ห้องเพื่อช่วยให้พนักงานทำงานร่วมกัน และยังใช้ Zoom Events และ Zoom Mesh สำหรับการจัดงานประชุมบริษัทหรือทาวน์ฮอลล์ นับเป็นการใช้ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม Zoom กับงานขนาดใหญ่ของบริษัท มีการใช้ Zoom Meetings และ Webinars เพื่อสื่อสารออนไลน์กับทีมงาน พันธมิตร และลูกค้า นอกจากนี้ยังใช้ Zoom กับ Workspace Reservation และทดลองใช้ Zoom IQ for Sales ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์การสนทนาอัจฉริยะ เพื่อพัฒนาทักษะของผู้ขายแพลตฟอร์ม Grab For Business 

อดัม เซเยอร์ หัวหน้าแผนกวิศวกรรมสำหรับโซลูชั่น Grabber Technology กล่าวว่า ที่ Grab เราตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมการทำงานด้วยความร่วมมือร่วมใจกันและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้หากเราช่วยให้ทีมของเราประสบความสำเร็จ โดยการใช้เทคโนโลยีและทรัพยากรที่เหมาะสม รวมถึงทีมงานของเราที่มีอยู่ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในพื้นที่อื่นๆ การใช้ Zoom กับการทำงานที่หลากหลายช่วยให้เราทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ     

ด้าน ริกกี้ คาพัวร์ หัวหน้าแผนกเอเชียแปซิฟิกของ Zoom กล่าวว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสถานที่บ่มเพาะนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ซึ่งนำโดยบริษัทชั้นนำ เช่น Grab เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ให้การสนับสนุนพันธกิจของ Grab ในการขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยโซลูชั่นของเรา Zoom มุ่งมั่นที่จะมอบแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยให้กับลูกค้าของเรา เพื่อการทำงานร่วมกันซึ่งเป็นพื้นฐานของกิจกรรมด้านธุรกิจอื่นๆ ที่สำคัญ ตั้งแต่พัฒนาประสบการณ์พนักงานไปจนถึงเปลี่ยนผ่านประสบการณ์ของลูกค้า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีความน่าตื่นเต้นในการดำเนินงาน และเราหวังว่าจะได้ให้การสนับสนุนบริษัทที่กำลังเติบโตและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในภูมิภาคนี้