CP ALL เดินหน้าโมเดล “สร้างผู้นำสถานศึกษาแห่งอนาคต” กว่า 50 แห่งทั่วประเทศ รับมือการศึกษาในยุคดิจิทัล

 

ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้าพลิกโฉมโรงเรียน CONNEXT ED ผ่านโมเดล “ผู้นำสถานศึกษาแห่งอนาคต”  ดึงผู้บริหาร ครู กว่า 50 แห่งจาก 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับ “ผู้นำสถานศึกษา” เรียนรู้ ปรับตัว สร้างการเปลี่ยนแปลง ให้สามารถขับเคลื่อนพัฒนาโรงเรียนไทย สอดรับกับบริบทของโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้ เพื่อสร้างคนและบริหารจัดการสถานศึกษาก้าวทันความเปลี่ยนแปลง

ภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร.ภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เปิดงานสัมมนาและแสดงวิสัยทัศน์เพื่อปลุกพลังผู้นำสถานศึกษา นอกจากนี้ภายในงานได้เปิดโอกาสให้ผู้นำฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทักษะใหม่ ๆ ผ่านกิจกรรม Workshop และสัมมนาเชิงปฏิบัติการ อาทิ 5 ยุทธศาสตร์การดำเนินงานมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี โดย กรกช นาวานุเคราะห์ เลขานุการมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี,  Leadership Transform โดย ธัญพร เอียดตน บริษัท ปัญญธารา จำกัด บริษัทในกลุ่มซีพี ออลล์, Power of Brand: พลังการสร้างแบรนด์ขับเคลื่อนโรงเรียนสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล โดย แอ๊ม-ศรัณย์ แบ่งกุศลจิต เจ้าของช่อง TikTok “การตลาดการเตลิด” และ จากแนวคิดสู่หลักสูตร ร่วมสร้างศูนย์การเรียนรู้คุณภาพ โดย ดร.ม.ล.สรสิริ วรวรรณ คณบดีคณะครุศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

การจัดสัมมนาครั้งนี้สะท้อนเจตนารมณ์ของซีพี ออลล์ในการร่วม “สร้างคน” ขับเคลื่อนการศึกษาถือเป็นรากฐานของสังคมที่ยั่งยืน โดยร่วมมือระหว่างภาคเอกชน สถานศึกษา และผู้ประกอบการ สนับสนุนทั้งองค์ความรู้ เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนและการต่อยอดสู่แผนงานเชิงปฏิบัติ จุดเน้นสำคัญของเวทีนี้ไม่ใช่เพียงการให้ความรู้ แต่คือการ “ปลุกพลังผู้นำสถานศึกษา” ให้เข้าใจภาพใหญ่ของการศึกษาไทยในบริบทโลก และกล้าที่จะนำการเปลี่ยนแปลงกลับไปสู่โรงเรียนอย่างมีทิศทางเพื่อประโยชน์สูงสุดของเยาวชนไทย

#ConnextEd #ซีพีออลล์ #เซเว่นอีเลฟเว่น #ซีพีออลล์สร้างคน #สร้างคนผ่านการศึกษา

 

เซเว่น อีเลฟเว่น ยกทัพสินค้าเด็ดชุมชน ร่วมงาน OTOP Midyear 2025 หนุนสินค้าไทยสู่โมเดิร์นเทรดเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดพื้นที่ Business Matching

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ประกาศความพร้อมเข้าร่วมงาน OTOP Midyear 2025 ที่จัดขึ้นโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ระหว่างวันที่ 7–15 มิถุนายน 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1–3  ยกบูธ 7-Eleven จัดเต็มทั้งโซนจำหน่ายสินค้า OTOP นำเสนอสินค้าดีจากชุมชนทั่วไทย และกิจกรรมเพื่อยกระดับผู้ประกอบการท้องถิ่นให้ก้าวสู่ตลาด Modern Trade อย่างยั่งยืน

เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้าผลักดันสินค้าไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมโอกาสต่อยอดธุรกิจให้ “ปัง” อย่างแท้จริง! ภายใต้แนวคิด “SME โตไกลไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยและชุมชนท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง ยึดแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของไทยผ่านกลยุทธ์ 2 ให้  คือ ให้ช่องทางจำหน่าย และให้ความรู้ ด้วยการเปิดพื้นที่จำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั่วประเทศให้กับสินค้า OTOP ที่ผ่านการคัดสรร รวมถึงสนับสนุนด้านองค์ความรู้ การตลาด บรรจุภัณฑ์ และสื่อโฆษณา เพื่อสร้างมาตรฐานให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

การเข้าร่วมงาน OTOP Midyear 2025 จึงไม่ใช่เพียงแค่การจำหน่ายสินค้า แต่คือการผลักดัน “สินค้าชุมชน” ให้กลายเป็น “สินค้าระดับประเทศ” ที่สามารถแข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยมี เซเว่น อีเลฟเว่น เป็นพาร์ทเนอร์ เป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนาสินค้าให้ทันสมัยตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยในงานได้จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อผู้ประกอบการ อาทิ

• 7-Eleven Pop Up Store รวบรวมสินค้า OTOP คุณภาพจากทั่วประเทศ กว่า 200 รายการ
• OTOP Business Matching สร้างโอกาสต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อพลิกโฉมสู่ช่องทาง Modern Trade โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเสนอสินค้า และรับคำแนะนำจากทีมคัดเลือกสินค้าของ เซเว่น อีเลฟเว่น โดยมีผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่พร้อมให้คำแนะนำครบวงจร ติดอาวุธให้กับผู้ประกอบการ OTOP ที่ต้องการขยายธุรกิจไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาสินค้า การตลาด และการเข้าสู่ระบบจัดจำหน่ายของเซเว่นฯ
• ศูนย์ให้คำปรึกษา ที่พร้อมให้ช่องทางขาย และความรู้ เพื่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะ ที่รวมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายด้าน อาทิ แนะนำการนำเสนอสินค้าผ่านระบบออนไลน์ และการเตรียมพร้อมเข้าสู่ระบบจำหน่ายของ Modern Trade นอกจากนี้ยังมี ALL Food Tech  ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์อาหาร พร้อมให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีอาหาร เพื่อพัฒนาและต่อยอดสินค้าให้พร้อมเข้าสู่ตลาด การพัฒนาสูตรอาหาร การบริหารต้นทุน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
• บริการจากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ที่พร้อมให้คำปรึกษาด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ถ่ายภาพสินค้า ผลิตสื่อ และทำโฆษณาให้ “โดดเด่นและจดจำได้” การสื่อสารทางการตลาด ออกแบบโฆษณาให้ตรงใจผู้บริโภค และการวางกลยุทธ์การตลาด
• ช้อปสบายไม่ต้องหิ้วของกลับเอง ด้วยบริการจาก SPEED-D บริการส่งสินค้ากลับบ้าน ช่วยให้ผู้ร่วมงานช้อปสินค้า OTOP ได้อย่างสะดวก เริ่มต้นเพียง 15 บาท พร้อมโปรส่งฟรีเมื่อครบเงื่อนไข เฉพาะในงานเท่านั้น

สำหรับสินค้า OTOP ที่นำมาเอาใจสายช้อป ทั้งอาหาร ของกินเล่น เครื่องดื่ม และของใช้ อาทิ น้ำพริก ตรา ป้าแว่น, ก๋วยเตี๋ยวเรือ ตรา จั๊บจั๊บ, แคปหมูไร้มัน ตรา แม่แช่ม, แจ่วฮ้อนเผ็ดต้นตำรับ ตรา แม่ประคอง, แป้งหมักไก่สำเร็จรูป ตรา บังลัน, ซีอิ๊วดำเค็มชั้นที่หนึ่ง ตรา กวางดาวทอง, ข้าวตังหมูหยอง ตราปึงหงี่เชียง, ทองม้วน ตรา แม่สมาน, เผือกกรอบ ตรา บ้านมะขาม, ข้าวแต๋นงาดำ ตรา ฉัตรไทยฟู้ดส์, กล้วยตากอบน้ำผึ้ง ตรา บางกระทุ่ม, เครื่องดื่มน้ำผึ้งมะนาว ตรา บีสไมล์, ยาสีฟันสมุนไพร ตรา เทพไทย น้ำมะพร้าวสกัดเย็น ตรา Tropicana แชมพูมะกรูด ตรานิ่มพร, สบู่สมุนไพร ตรา ชีววิถี และยาน้ำมัน ตรา วังว่าน เป็นต้น

งาน OTOP Midyear 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 15 มิถุนายน 2568 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1–3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี        โดยความมุ่งมั่นของ เซเว่น อีเลฟเว่น คือการร่วมสร้างรากฐานธุรกิจที่เข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการชุมชน เป็นพลังผลักดันผู้ประกอบการไทยให้เติบโตบนเวทีการค้าสมัยใหม่ ผ่านการสนับสนุนในทุกมิติ ตั้งแต่พัฒนาผลิตภัณฑ์ไปจนถึงมือผู้บริโภค ทั้งช่องทางจัดจำหน่าย การออกแบบสินค้า และสื่อการตลาดครบวงจร

#CPALL #7Eleven #7ElevenTH #เซเว่น #SME #SMEโตไกลไปด้วยกัน

ทุนปังทะลุพันล้าน! CP ALL Education Forum 2025 แจกทุนกว่า 1,648 ล้าน ปั้นเยาวชน “เก่ง ดี มีความสามารถ” รับมือยุค AI

บมจ.ซีพี ออลล์ ร่วมกับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ (PAT) และโรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ จัดงาน “CP ALL EDUCATION FORUM 2025: สร้างคนเก่ง คนดี มีความสามารถ ผ่านการศึกษายุค AI”  ตอกย้ำความมุ่งมั่นของซีพี ออลล์ ในการส่งเสริมการศึกษา พัฒนาเยาวชน ก้าวสู่ 30 ปี ร่วมสร้าง “คน” ผ่านการศึกษา ให้เป็นคนเก่ง คนดี มีความสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงาน เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ พร้อมมอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนไทย ผ่านเครือข่ายความร่วมมือกว่า 41,900 ทุน มูลค่ารวมกว่า 1,648 ล้านบาท ภายในงานขนทัพเหล่ากูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและเทคโนโลยี จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อ พร้อมตัวจริงจากหลากหลายวงการ อาทิ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง นวัตกรรุ่นใหม่ ที่มาร่วมถ่ายทอดมุมมอง แบ่งปันประสบการณ์ ชวนค้นหาคำตอบการศึกษาไทยในยุคที่ “AI”
 
วันที่ 1 เมษายน 2568 นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมเปิดมุมมอง CP ALL Education Way – การเรียนรู้ที่เติบโตไปพร้อมโลกอนาคต  ผ่าน 3 แนวทางสร้างคนผ่านการศึกษา “เก่ง ดี มีความสามารถ”  1. สร้างคน “เก่ง” เก่งคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) เก่งเทคโนโลยี (AI & Digital Skills) และเก่งเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) 2. สร้างคน “ดี” เก่งอย่างเดียวไม่พอ โลกอนาคตต้องการคน “ดี” ที่มาจาก DNA  ซึ่งเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนรวมถึงครู อาจารย์ทุกท่านที่ต้องร่วมกันปลูกฝังจริยธรรม ความซื่อสัตย์  ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจผู้อื่น พลังแห่งความดีนี้จะทำให้เยาวชนเติบโตเป็นคนที่ “คิดดี พูดดี ทำดี กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง”  3. สร้างคน “มีความสามารถ” พร้อมปรับตัว พร้อมเชื่อมโลก ผ่านรูปแบบการเรียนรู้ Work-based Education ซึ่งผสานการเรียนรู้กับการทำงานจริง เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะและความพร้อมในการก้าวสู่การทำงานทันทีหลังสำเร็จการศึกษา (Ready to work)  

การเรียนรู้ในรูปแบบของซีพี ออลล์ คือเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าตลอดเวลา  รู้จักใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้คนทำงานง่ายขึ้น เราจะไม่ล้ำสมัย แต่เราจะไม่ล้าสมัย เดินหน้าคิดค้นนวัตกรรม รู้จักเอ๊ะ! PDCA Plan-Do-Check-Act หรือวางแผน ปฏิบัติ ตรวจสอบ ปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา “From By Chance to By Design” จากกระบวนการทดลองบางสาขา สู่การออกแบบอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทุกสาขา ทุกเวลา ให้บริการเหมือนกัน ทำให้เป็น Knowledge Management หรือ KM เพื่อรวบรวมองค์ความรู้และให้ทุกคนสามารถเข้าถึง "องค์ความรู้" พร้อมสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผ่านการพัฒนา "คน" ให้พร้อมอยู่ร่วมกับ AI ยกตัวอย่าง สมัยก่อนคนวิ่งแข่งกับม้า คนกลัวม้า ก็หาวิธีคุมม้า สมัยนี้คนกลัว AI ก็หาวิธีคุม AI

“ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI และเทคโนโลยี ได้เปลี่ยนแปลงโลกของเราไปอย่างสิ้นเชิง ในอดีตองค์กรต้องการคนเก่ง แต่วันนี้องค์กรต้องการ “คนที่เรียนรู้เร็ว ปรับตัวได้ไว และมีความรับผิดชอบต่อสังคม” เราเชื่อว่า AI  ไม่ได้มาแทนคน แต่คนใช้ AI เป็น จะมาแทนคนที่ใช้ AI ไม่เป็นและนั่นคือเหตุผลที่ซีพี ออลล์สร้างแนวทางการศึกษา  ที่ผสานการทำงานของคน+AI และเทคโนโลยี เกิดเป็นนวัตกรรม เพื่อเตรียมคนให้พร้อมรับมือกับโลกที่ไม่หยุดนิ่ง” นายยุทธศักดิ์กล่าว
 

ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ซีพี ออลล์ มุ่งมั่นสร้างคนผ่านการศึกษาตามแนวทาง นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อสร้างโอกาสและสร้างรากฐานทางการศึกษา ให้เยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาทุกระดับผ่านการสร้างความมือร่วมกับเครือข่ายการศึกษา
- ปี 2538 ร่วมมือกับสถานศึกษาอาชีวศึกษารัฐบาล ผลิตนักเรียน นักศึกษา ระดับ ปวช.และปวส.
- ปี 2548  สร้างโรงเรียนปัญญาภิวัฒน์เทคโนธุรกิจเป็นแห่งแรก ต่อมายกระดับเป็นวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ (PAT)  ผลิตนักเรียน นักศึกษา ระดับ ปวช.และปวส.
- ปี 2549 ขยายศูนย์การเรียนปัญญาภิวัฒน์กว่า 20 ศูนย์ทั่วประเทศ
- ปี 2550 สร้างสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) ยกระดับการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา
- ปี 2550-2559 ขยายความร่วมมือร่วมกับเครือข่ายการศึกษา ร่วมกับ สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เครือข่ายอุดมศึกษา, โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาเพื่ออาชีพแก่เยาวชนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ , สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กรมส่งเสริมการเรียนรู้ และมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี (Connext ED)
- ปี 2560 สร้างโรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ หรือ (สาธิตพีไอเอ็ม) เปิดสอนระดับมัธยมศึกษา
- ปี 2565 เปิดสถาบันการศึกษาวิทยาการหุ่นยนต์ ALL Robotics ซึ่งเป็นความร่วมมือพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้เทคโนโลยีหุ่นยนต์สำหรับภาคการศึกษาระหว่าง Robot LAB สหรัฐอเมริกา
- ปี 2568 ขยายความร่วมมือร่วมกับมูลนิธิชาวปักษ์ใต้ และมูลนิธิรักเมืองไทย

ทั้งนี้ภายในงาน “CP ALL EDUCATION FORUM 2025”  ซีพี ออลล์ มอบทุนการศึกษาประจำปีการศึกษา 2568 ให้กับเยาวชนไทยผ่านเครือข่ายความร่วมมือกว่า 41,900 ทุน มูลค่ารวมกว่า 1,648 ล้านบาท สร้างโอกาสทางการศึกษาสู่เยาวชนไทยกว่า 56,883 คน  พร้อมขนทัพเหล่ากูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและเทคโนโลยีมาร่วมถ่ายทอดมุมมอง แบ่งปันประสบการณ์ ในช่วงเสวนาพิเศษ: “โอกาสและความท้าทายของการศึกษาไทยในยุค AI”  พบตัวจริงจากวงการศึกษา  ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa),  รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) และ ลาเต้-มนัส อ่อนสังข์  บรรณาธิการข่าวการศึกษาและแอดมิชชั่น เว็บไซต์ Dek-D  ชวนทุกคนสำรวจอนาคตของการศึกษาไทย ภายใต้บริบทโลกใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเสวนาพิเศษ: “The Changemakers: Social Effects in the AI Era”  พบกับ เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ นักจิตบำบัดและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง, หมอฟรัง นรีกุล เกตุประภากร แพทย์ KOL เจ้าของธุรกิจ เจ้าของเพจ LaohaiFrung  และ ภูมิ-อภิภูมิ ชื่นชมภู นวัตกรวัยเยาว์ที่มีความมุ่งมั่นด้านการพัฒนาการศึกษาและนวัตกรรม

ช่วงเสวนานี้จะเปิดพื้นที่ให้ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Changemakers)  จากหลากหลายวงการได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมของ AI และแนวทางในการปรับตัวของมนุษย์ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ภายในงานมีเครือข่ายการศึกษา คณาจารย์ นักเรียนเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน

Pi Daily สัปดาห์นี้รอติดตามแรงงานสหรัฐฯ เน้นรายตัวกำไรยังดี CPALL BDMS

Pi Daily ThaiESG X จะเป็นตัวจำกัด Downside แต่ไม่เกี่ยวกับ Upside สัปดาห์นี้รอติดตามแรงงานสหรัฐฯ เน้นเป็นรายตัวที่กำไรยังดีชอบ CPALL BDMS

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.68 บล.พาย เผยว่าตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 601 จุด (+1.4%) ได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่ม Technology แม้การประชุมระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกีจะประสบความล้มเหลวก็ตาม ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.2% และปรับตัวลงรายเดือนเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน พ.ย. นักลงทุนจับตารอดูสถานการณ์ระหว่างยูเครน / รัสเซีย

คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อ (PCE) พบว่าขยายตัว 2.5%YoY , 0.3%MoM พร้อมกับเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) ที่ขยายตัว 2.6%YoY , 0.3%MoM ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์กันไว้ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากรายงานข้อมูลทั้งหมดพบว่า US Bond Yield ปรับตัวลงอย่างมีนัยยะสำคัญแต่ Dollar Index แข็งค่า ข้อมูลจากตลาดตราสารหนี้อาจชี้ว่านักลงทุนมีความกังวลกับเศรษฐกิจสหรัฐฯหรือมุมมองว่าเงินเฟ้ออาจมิร้อนแรงมากนักก็นับเป็นปัจจัยที่ต้องคอยติดตามว่าจากนี้จะมีปัจจัยใดที่น่ากังวลหรือไม่

ด้านตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลง 12 จุด (-1%) รับแรงกดดันจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับแคนาดา , Mexico หลังทรัมป์ยืนยันว่าจะยังคงปรับขึ้นภาษีเช่นเดิม อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้มีลุ้นที่จะเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย เพราะช่วงวันหยุดที่ผ่านมาทางรัฐบาลได้ประกาศเตรียมจัดตั้งกองทุน THaiESG X โดยนำ LTF เดิมมาเป็นกองทุน THaiESG X โดยให้ผู้ถือหน่วยลงทุนแจ้งสิทธิ์กับบริษัทจดการกองทุนรวมว่าประสงค์จะถือต่อ แต่ข้อกำหนดก็คือว่าจะต้องถือหน่วยลงทุนต่อไปอีก 5 ปี ทั้งนี้ก็เพื่อชะลอแรงขายที่จะกระทบกับตลาดหุ้นไทย โดยผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถเอายอดที่ถืออยู่ทั้งหมดมาลดหย่อนภาษีได้ ความเห็นเราประเมินว่าปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวจำกัด Downside Risk แต่อาจมิใช่ตัวเพิ่ม Upside แต่อย่างใดเพราะเงินไม่ได้ถูกเติมเข้ามา

อิงข้อมูลจากกองทุน LTF ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (B – LTF) พบว่าหุ้นที่ถือ Top 5 ประกอบไปด้วย CPALL ADVANC GULF AOT PTT หลักๆก็เชื่อว่าเม็ดเงินจะอยู่ในหุ้น SET50 เมื่อประกอบกับปัจจัยพื้นฐานจึงพิจารณาแล้วว่า CPALL จะเป็นตัวที่น่าสนใจเพราะผลประกอบการไตรมาสสี่ที่โดดเด่นและประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการลงทุนใน 7&I สัปดาห์นี้รอติดตาม (1) ดัชนี PMI ภาคผลิตของสหรัฐฯจากสถาบัน ISM โดยที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 50.6 (2) การจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP ในวันพุธ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.4 แสนราย (3) การจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ Bloomberg Consensus คาดที่ 1.56 แสนราย

สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1190 – 1240 เชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นมากขึ้นโดยแนะนำหุ้น PE ไม่สูงและเป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (CENTEL MINT) การเงิน (MTC SAWAD) โรงพยาบาล (BDMS) 

BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)
ประกาศกำไรสุทธิที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (+11% YoY) ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด จาก 1) ความซับซ้อนของโรคที่เพิ่มขึ้น หนุนรายได้ค่ารักษาพยาบาลเฉลี่ยที่สูงขึ้น (+7% YoY) โดยเฉพาะในผู้ป่วยต่างชาติ (+11% YoY) 2) จำนวนผู้ป่วยที่เติบโต ประกอบกับสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่สูงขึ้นอยู่ที่ 28% (+1 ppts YoY) และ 3) สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับจากมาตราการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อนปรับปรุงประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 7.2 พันล้านบาท (+31%YoY) หลังตัดรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 6.9 พันล้านบาท (+23%YoY, +24%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด หนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ      (7-Eleven) ที่ +4.0% YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานและ Personal Care ที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 1Q25 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของยอดขาย Ready-to-eat และ Ready-to-drinks รวมถึงสินค้าใหม่ๆจาก SME

#หุ้น #ข่าววันนี้ #CPALL #BDMS #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #SET

 

“CPALL” ยันไม่ประสงค์ลงทุนค้าปลีกในญี่ปุ่น

          เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนจำนวนมากยังคงแสดงความกังวลใจว่าบริษัทฯ จะเข้าร่วมลงทุนในบริษัทค้าปลีกของประเทศญี่ปุ่น ตามข่าวที่ปรากฏในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ขอเรียนให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนเชื่อมั่นว่า บริษัทฯ มีนโยบายในการลงทุนที่อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสีย และมุ่งเน้นที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจหลักของบริษัทฯ เป็นสำคัญ

          บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ไม่มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมลงทุนตามข่าวที่ปรากฏแต่อย่างใด

หุ้นไทยปิดเช้าบวก 1.01 จุด วอลุ่ม 2.5 หมื่นล้าน รับแรงซื้อหุ้นกลุ่ม GULF-CPALL แนวโน้มบ่ายคาดบวกต่อ

หุ้นไทยปิดเช้าบวก 1.01 จุด วอลุ่ม 2.5 หมื่นล้าน รับแรงซื้อหุ้นกลุ่ม GULF-CPALL แนวโน้มบ่ายคาดบวกต่อ

เมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 SET ปิดเช้าที่ 1,263.08 จุด เพิ่มขึ้น 1.01 จุด (+0.08%) มูลค่าซื้อขาย 25,093 ล้านบาท  การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีเคลื่อนไหวแดนบวก โดยทำระดับสูงสุด 1,270.64 จุด และต่ำสุด 1,260.36 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง (KTX) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น โดยที่มีแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่ม GULF INTUCH และ ADVANC หลังจากที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากการประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษของ INTUCH และแรงซื้อกลับหุ้น CPALL ทำให้เป็นแรงหนุนดัชนี อย่างไรก็ตามมองว่ายังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนดัชนี และภาพยังเป็นการฟื้นตัวทางเทคนิค หลังดัชนีปรับลงมาค่อนข้างลึก ทำให้มีแรงซื้อกลับ รวมถึงในตลาด Futures นักลงทุนมีการเปิดสถานะ Long หลังดัชนีปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียในช่วงเช้าที่ผ่านมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายคาดว่าแกว่งตัวแดนบวกต่อได้ ซึ่งยังคงรับปัจจัยหนุนเช่นเดียวกับช่วงเช้า โดยให้แนวต้าน 1,275-1,280 จุด แนวรับ 1,255-1,260 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,402.49 ล้านบาท ปิดที่ 48.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,507.16 ล้านบาท ปิดที่ 99.25 บาท เพิ่มขึ้น 4.25 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,335.70 ล้านบาท ปิดที่ 227.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,081.52 ล้านบาท ปิดที่ 23.40 บาท ลดลง 0.10 บาท

GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,068.86 ล้านบาท ปิดที่ 58.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท

#หุ้นไทย #ข่าววันนี้ #GULF #CPALL #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

 

หุ้นไทยปิดดิ่ง 24.67 จุด วอลุ่ม 4.8 หมื่นล้าน เทขาย CPALL-DELTA กดดันไม่หยุด ไร้ปัจจัยบวกหนุน

หุ้นไทยปิดดิ่ง 24.67 จุด วอลุ่ม 4.8 หมื่นล้าน เทขาย CPALL-DELTA กดดันไม่หยุด ไร้ปัจจัยบวกหนุน

เมื่อวันที่ 6 ก.พ.68 SET ปิดที่ 1,262.07 จุด ลดลง 24.67 จุด (-1.92%) มูลค่าซื้อขาย 48,143.21 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงต่อ โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,260.02 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,290.26 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 65 หลักทรัพย์ ลดลง 496 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 113 หลักทรัพย์

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงแรงอีกวันโดยแรงกดดันหลักๆ มาจากแรงขาย DELTA กังวลตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเฮียริ่งปรับน้ำหนักคำนวณ Cap Weight หุ้นรายตัวไม่เกิน 10% ในดัชนี SET50/SET100 อาจทำให้สถาบัน-ต่างชาติปรับพอร์ต ขณะเดียวกัน ยังมีแรงขาย CPALL ออกมากดดันด้วยเช่นกัน จากปัจจัยเฉพาะตัว กังวลผลกระทบหากต้องเข้าร่วมทุนเซเว่นฯในญี่ปุ่น ประกอบกับภาพรวมยังคงไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ทำให้ดัชนียังเป็นทิศทางการแกว่งลง ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่แกว่งในแดรบวก

แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดยังแกว่งไซด์เวย์ คืนนี้ติดตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ ซึ่งมีผลต่อการคาดการณ์ดอกเบี้ยของสหรัฐ และมีผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นให้แนวต้าน 1,270 จุด แนวรับ 1,250 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 7,473.44 ล้านบาท ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 2.50 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,277.97 ล้านบาท ปิดที่ 110.00 บาท ลดลง 4.50 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,796.13 ล้านบาท ปิดที่ 23.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,753.30 ล้านบาท ปิดที่ 22.50 บาท ลดลง 0.50 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,321.98 ล้านบาท ปิดที่ 153.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

#หุ้นไทย #ข่าววันนี้ #CPALL #DELTA #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

หุ้นไทยปิดเช้ารูด 11.08 จุด วอลุ่ม 2 หมื่นล้าน รับแรงขาย DELTA-CPALL กดดัน

หุ้นไทยปิดเช้ารูด 11.08 จุด วอลุ่ม 2 หมื่นล้าน รับแรงขาย DELTA-CPALL กดดัน

เมื่อวันที่ 5 ก.พ.68 SET ปิดช่วงเช้าวันนี้ ที่ระดับ 1,289.94 จุด ลดลง 11.08 จุด (-0.85%) มูลค่าซื้อขาย 20,717.25 ล้านบาท การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีปรับตัวลดลง โดยทำระดับสูงสุด 1,305.17 จุด และต่ำสุด 1,287.42 จุด

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้า ถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นใหญ่สุด คือ DELTA มีผลต่อดัชนัราว 3 จุด จากความกังวลกระแสข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมจำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวไม่เกิน 10% ในดัชนี SET50/SET100 และหุ้น CPALL ปรับลงจากประเด็นการร่วมลงทุนซื้อ 7-11 ในญี่ปุ่น Overhang อยู่ยังต้องความชัดเจนกันต่อไป ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวปรับตัวบวก นำโดย AOT เก็งกำไรงวดไตรมาส 1/68 (ต.ค.-ธ.ค.67) เติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และรายได้โตในทุกธุรกิจ รวมทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ต้นปีเติบโต 21% YoY

แนวโน้มช่วงบ่าย คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ โดยปัจจัยต่างประเทศยังรอท่าทีการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนเกี่ยวกับสงครามการค้า และตัวเลขจ้างงานสหรัฐช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ติดตามการทยอยรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/67 โดยให้กรอบแนวรับ 1,285 จุด และแนวต้าน 1,295 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,142.73 ล้านบาท ปิดที่ 49.75 บาท ลดลง 2.00 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,125.36 ล้านบาท ปิดที่ 118.00 บาท ลดลง 5.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,096.87 ล้านบาท ปิดที่ 160.50 บาท ลดลง 2.50 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,046.27 ล้านบาท ปิดที่ 57.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 732.74 ล้านบาท ปิดที่ 281.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

#หุ้นไทย #ข่าววันนี้ #DELTA #CPALL #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

หุ้นไทยปิดเช้ารูด 11.51 จุด วอลุ่ม 2.4 หมื่นล้าน รับแรงขายกลุ่มแบงก์-CPALL-GULF กดดัน-ฟันด์โฟลว์ไหลออก

หุ้นไทยปิดเช้ารูด 11.51 จุด วอลุ่ม 2.4 หมื่นล้าน รับแรงขายกลุ่มแบงก์-CPALL-GULF กดดัน-ฟันด์โฟลว์ไหลออก

เมื่อวันที่ 31 ม.ค.68 SET ปิดเช้าที่ 1,324.13 จุด ลดลง 11.51 จุด (-0.86%) มูลค่าซื้อขาย 24,172 ล้านบาท การซื้อขายช่วงเช้าดัชนีปรับตัวลงสวนภูมิภาค โดยทำระดับสูงสุด 1,337.80 จุด และต่ำสุด 1,323.57 จุด

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงสวนทางกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย รับแรงขายหุ้น CPALL กดดัน จากความกังวลต่อข่าวอาจเข้าร่วมทุนกับ 7-11 ญี่ปุ่น เพื่อซื้อหุ้นคืน อาจทำให้ CPALL ต้องเพิ่มทุนหรือไม่ ในขณะที่หนี้อยู่ในระดับสูง จึงถูกมองว่าดีลนี้ส่งผลไม่ดีนัก ทั้งนี้ยังมีแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่ม GULF จากในประเทศไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาสนับสนุน โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะเผชิญกับเงินทุนต่างชาติไหลออก หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยังไม่เร่งรีบปรับลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ทำให้เงินทุนต่างชาติชะลอการไหลเข้ามายังฝั่งเอเชีย โดยหากดู YTD พบว่า นักลงทุนต่างชาติขายไปแล้วกว่า 8,000 ล้านบาท, นักลงทุนสถาบัน ซื้อเพียง 600 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อย เป็นการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็กมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่

แนวโน้มช่วงบ่ายคาดตลาดฯ น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบต่อ ให้แนวรับไว้ที่ 1,320-1,317 จุด และแนวต้าน 1,330 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 4,530.30 ล้านบาท ปิดที่ 53.25 บาท ลดลง 3.25 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,241.20 ล้านบาท ปิดที่ 22.90 บาท ลดลง 0.50 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,121.02 ล้านบาท ปิดที่ 127.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,061.35 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,038.65 ล้านบาท ปิดที่ 154.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

#หุ้นไทย #ข่าววันนี้ #CPALL #GULF #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #SET 

 

หุ้นไทยปิดร่วงหนัก 24.15 จุด วอลุ่ม 5.5 หมื่นล้าน เทขาย CPALL-CPAXT ต่อเนื่อง บาทอ่อนค่ากดดัน

หุ้นไทยปิดร่วงหนัก 24.15 จุด วอลุ่ม 5.5 หมื่นล้าน เทขาย CPALL-CPAXT ต่อเนื่อง บาทอ่อนค่ากดดัน

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.67 SET ปิดที่ 1,395.57 จุด ลดลง 24.15 จุด (-1.70%) มูลค่าซื้อขาย 55,294.45 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงหลุด 1,400 จุด โดยทำจุดต่ำสุด 1,393.94 จุด และทำจุดสูงสุด 1,421.65 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 96 หลักทรัพย์ ลดลง 423 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 146 หลักทรัพย์

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง และหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,400 จุด โดยที่แรงกดดันหลักมาจากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ CPALL และ CPAXT ที่มีวอลุ่มหนาแน่น ส่งผลกดดันต่อดัชนีอย่างมาก ซึ่งมาจากปัจจัยเฉพาะตัว ขณะเดียวกันค่าเงินบาทที่อ่อนค่าตามค่าเงินภูมิภาคเอเชีย เป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายต่อเนื่อง และนักลงทุนส่วนหนึ่งเลือกขายลดความเสี่ยงก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ใกล้เข้ามา ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลงเช่นเดียวกัน

แนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์รอปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน แต่หลังจากที่ดัชนีหลุด 1,400 จุดลงมาแล้ว ทำให้ภาพของตลาดดูไม่ค่อยดี และพรุ่งนี้รอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะลดหรือคงดอกเบี้ยนโยบาย โดยให้แนวรับถัดไปที่ 1,390 จุด และแนวต้าน 1,410 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 6,981.21 ล้านบาท ปิดที่ 56.25 บาท ลดลง 2.75 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,615.76 ล้านบาท ปิดที่ 151.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

CCET มูลค่าการซื้อขาย 2,579.42 ล้านบาท ปิดที่ 10.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.05 บาท

BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,387.46 ล้านบาท ปิดที่ 23.60 บาท ลดลง 0.50 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,211.36 ล้านบาท ปิดที่ 279.00 บาท ลดลง 7.00 บาท

#หุ้นไทย #ข่าววันนี้ #CPALL #CPAXT #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์