“เศรษฐา” ลุย CLMV บวกมาเลเซีย เชื่อไม่มีใครติด เพราะได้ประโยชน์กันหมด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.พ. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือเรื่องการท่องเที่ยวกับ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาถึงนโยบายใช้วีซ่าร่วมกับประเทศไทย และกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และมาเลเซีย จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ใน CLMV ว่า น.ส.สุดาวรรณ กลับจากการประชุมรัฐมนตรีร่วมกับ สปป.ลาว ก็ได้รายงานว่ามีการพูดคุยกันหลายมิติ โดยสิ่งที่ตนฝากไปคือเรื่อง CLMV บวกกับมาเลเซีย ที่จะช่วยกันทำเรื่องการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค หลายเรื่องมีความคืบหน้า แต่ต้องยอมรับว่ายังไปไม่ไกลอย่างที่ตนหวัง โดยประเด็นที่อยากผลักดันคือ สมมุตินักท่องเที่ยวออสเตรเลียบินมาประเทศไทยแล้วเรายกเว้นวีซ่าไปแล้ว เขาสามารถไปประเทศ ลาว กัมพูชา เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซียได้เลย เหมือนที่เราไปยุโรปแล้วมีวีซ่าเชงเก้นสามารถไปประเทศต่างๆ ในยุโรปได้ ตนอยากให้เป็นลักษณะนี้ ก็ให้น.ส.สุดาวรรณ ไปประสานต่อ แต่ต้องยอมรับว่าแต่ละประเทศมีขีดจำกัดต่างกัน 

 

นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 ก.พ. ตนได้ไปสังสรรค์กับทูตกัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม ที่เขาเตะฟุตบอล ตนก็ได้พูดคุยว่าอยากให้มีการผลักดัน แต่เข้าใจว่าเรื่องเช่นนี้ต้องเป็นเรื่องที่ผู้นำของแต่ละประเทศต้องสั่งการลงมา ตนก็ฝากไป ซึ่งท่านทูตระบุว่าจะเดินเรื่องไปให้ก่อน หากต้องการให้ตนผลักดันโดยตรงตนก็จะยกหูหาผู้นำประเทศและการที่พล.อ.ฮุน มาเนต มาประเทศไทยก็จะคุยเรื่องนี้ด้วย 

 

นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวทุกประเทศจะได้ประโยชน์ เพราะแต่ละประเทศก็มีสายการบินที่แข็งแกร่งเช่น เวียดนามมีเวียร์เจต มาเลเซียมีแอร์เอเชีย ส่วนประเทศไทยก็มีสนามบินที่ดีที่สุดในภูมิภาค หากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติบินเข้ามาก็จะกระจายไปประเทศต่างๆ เรื่องนี้ไม่น่าจะมีใครติด ถ้ามีใครติดก็ไม่คอย เพราะรถไฟขบวนนี้ออกแล้ว เมื่อถามว่า จะขยายไปยังประเทศอื่นๆในอาเซียนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คงเอาแค่นี้ก่อนเพราะมีพื้นที่ติดกัน 

EXIM BANK หนุนการเงินกลุ่ม ซี.เอ.เอส. รุกตลาด CLMV เพิ่มธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์ครบวงจร

วันที่ 27 มิ.ย. 2566 ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายสุรพล ดารารัตนโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.เอ.เอส. เปเปอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้กลุ่มบริษัท ซี.เอ.เอส. ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จำนวน 350 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์ครบวงจร รวมทั้งเพิ่มศักยภาพกระบวนการผลิตสินค้าของบริษัทให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ลดการสร้างขยะจากอุตสาหกรรม รองรับการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดใหม่ (New Frontiers) รวมถึง CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า EXIM BANK สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้แก่กลุ่มบริษัท ซี.เอ.เอส. ในครั้งนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่มุ่งสู่การเป็น Green Development Bank โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนากระบวนการผลิตตามหลักเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) และเพิ่มศักยภาพการผลิตเพื่อขยายการส่งออกสินค้าไปตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ซี.เอ.เอส. เติบโตจากธุรกิจเกี่ยวกับการพิมพ์ครบวงจรในนามบริษัท เจริญอักษร จำกัด การสนับสนุนในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพและขยายกำลังการผลิตของธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์กระดาษ ต่อยอดจากการส่งออกไม้สับสำหรับทำเยื่อกระดาษ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มบริษัท ซี.เอ.เอส. เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของไทยที่ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม นำเศษเปลือกไม้มาหมักเป็นปุ๋ยเพื่อให้เกิด Zero Waste พร้อมทำแปลงสาธิตส่งเสริมความรู้ให้กับชุมชนใกล้เคียง รองรับความต้องการใช้กระดาษและบรรจุภัณฑ์ของลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการทั้งในและต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น 

"EXIM BANK พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการทุกขนาดธุรกิจและทุกอุตสาหกรรมให้มีความพร้อมที่จะขยายกิจการรองรับโอกาสและมาตรฐานการค้าโลกยุคใหม่ ด้วยจุดยืน "กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย" ขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กรและสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม"