BBLจ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญระหว่างกาลงวด 6 ด.แรก ปี 68 หุ้นละ 2 บาท กำหนดจ่าย 26 ก.ย.นี้

ธนาคารกรุงเทพ ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญระหว่างกาลงวด 6 เดือนแรก ปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 26 กันยายน 2568

วันที่ 29 สิงหาคม 2568 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรก ปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 กันยายน 2568 

 

"ธนาคารกรุงเทพ" งวดแรกปี 68 กำไร 24,458 ล้าน โต 9.5% บริหารสินทรัพย์ท่ามกลางความท้าทายทาง ศก.หลายด้าน

"ธนาคารกรุงเทพ" งวดแรกปี 68 กำไร 24,458 ล้าน โต 9.5% บริหารสินทรัพย์ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายด้าน

วันที่ 18 ก.ค.68 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในไตรมาส 2/68 ธนาคารมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,840 ล้านบาท อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 6.2% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยสาเหตุมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน  และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่ลดลง จากค่าธรรมเนียมการอำนวยสินเชื่อและค่าธรรมเนียมบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล ขณะที่ธนาคารยังคงมีการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง ทั้งนี้ธนาคารพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง กำไรสุทธิสำหรับงวดแรกปี 2568 อยู่ที่ 24,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายด้าน โดยธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 63,614ล้านบาท และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ 2.85% ลดลงตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ย 

สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงส่วนใหญ่จากการบริการธุรกรรมผ่านธนาคาร สุทธิกับรายได้จากบริการการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารมีการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการบริหารค่าใช้จ่าย ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ 45.3% สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในงวดแรกปี 2568 อยู่ที่ 19,807 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดแรกปีก่อน

#ธนาคารกรุงเทพ #BBL #กำไรสุทธิ #การเงิน #รายงานผลประกอบการ #เศรษฐกิจไทย #การบริหารสินทรัพย์ #ค่าธรรมเนียมบริการ #รายได้ดอกเบี้ย

SET ฟื้น-เอเชียรีบาวด์ หนุนกรอบ 1,060-1,110 จุด แนะซื้อ CRC-BBL

Pi Daily ตลาดหุ้นวันศุกร์อาจกังวลกับการเมือง แต่สถานการณ์ในวันเสาร์ดูมิได้รุนแรง ผสานกับตลาดหุ้นเอเชียฟื้นตัว จึงคาดหวัง SET ค่อยๆฟื้นตัว หนุนกรอบ 1,060-1,110 จุด แนะซื้อ CRC-BBL

วันที่ 30 มิถุนายน 2568 บล.พายเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 432 จุด (+1%) ได้แรงหนุนจากความคาดหวังเฟดจะลดอกเบี้ยผสานกับการค้าที่คลี่คลาย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.06% ฟื้นตัวเล็กน้อยจากวันก่อนหน้าที่ปรับลงแรง เพราะสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่คลี่คลาย

วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจประกอบไปด้วย (1) เงินเฟ้อ (PCE) ขยายตัว 2.3%YoY เป็นไปตามที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ แต่หากพิจารณาที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) ขยายตัว 2.7%YoY มากกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 2.6%YoY แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนก็ดูจะมิได้กังวลกับภาวะเงินเฟ้อเพราะไปให้น้ำหนักกับเจรจาการค้ามากกว่ารวมไปถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่คลี่คลายและ (2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระดับ 60.7 ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ แม้จะเร่งขึ้นจากเดือนก่อน 16% แต่หากเทียบกับก่อนการเลือกตั้งประธาธิบดีจะพบว่ายังค่อนข้างต่ำผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวเพราะผลกระทบจาภาษีนำเข้า

สัปดาห์นี้รอติดตามตัวเลขแรงงานสหรัฐฯประกอบไปด้วย (1) ตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน (Job Opening) , ดัชนี PMI ในคืนวันอังคาร Bloomberg Consensus ไว้ที่ 7.45 ล้านตำแหน่งและ 48.8 และในวันเดียวกันก็จะมีการแถลงของประธาน FED (2) การจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ในวันพุธ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 1.05 แสนราย (3) การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานในคืนวันพฤหัส Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1.2 แสนรายและ 4.3% ตามลำดับ

ด้านปัจจัยในประเทศนักลงทุนอาจกังวลกับสถานการณ์การเมืองในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาแต่ก็พบว่ามิได้มีความรุนแรงและการชุมนุมสามารถจบลงได้ในวันเดียว (มิได้ยืดเยื้อ) จึงไม่น่าจะสร้างแรงกดดันอย่างมีนัยยะต่อตลาดหุ้นในช่วงต้นสัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้รอติดตามการยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีของกลุ่ม ส.ว. ต่อกรณีคลิปเสียงที่กระจายในโลก Online ก็ต้องจับตาดูว่าศาลจะรับคำร้องหรือไม่ และหากศาลรับพิจารณาจะให้ปฎิบัตหน้าที่ต่อได้หรือไม่

นอกจากนี้รอติดตามภาวะเศรษฐกิจรายเดือนจากธนาคารแห่งประเทศไทยในวันจันทร์ สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1060 – 1110 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะสะสมได้ด้วย Valuation ที่น่าสนใจ โดยเน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ศูนย์การค้า (CPN) ค้าปลีก (CPALL CRC CPAXT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD) โรงพยาบาล (BDMS)

CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท)
เริ่มเห็นแนวโน้ม SSSG ที่ทยอยฟื้นตัวขึ้น MoM ในช่วง 2Q25 แม้ว่าจะยังคงติดลบ 4%-6% ในช่วง QTD ของ 2Q25 แบ่งเป็น SSSG ประเทศไทย -2% ถึง -4%    มาจากไทวัสดุ ขณะที่ Food ยังคงเป็นบวกทั้ง Tops และ GO Wholesale, ประเทศเวียดนาม -11% ถึง -13% โดย Food เวียดนามยังคงบวกได้ในเงินสกุลดอง, และประเทศอิตาลี –7% ถึง -9% ดีขึ้นจากช่วงก่อนหน้าที่ติดลบราว 10% นิดๆ แต่ปัจจุบัน Valuation อยู่ในจุดที่น่าสนใจ ซื้อขายเพียง 11.6xPE’25E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มและค่าเฉลี่ยการซื้อขายในอดีต

BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 160.00 บาท)
แม้การเติบโตของกำไรในปี 2025 จะไม่โดดเด่น และมีความท้าทายเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายนอก เราชอบ BBL (1) งบดุลแข็งแกร่ง (2) Valuation ไม่แพงซื้อขายที่ 0.45x PBV'25E และ PE’25 ที่ 5.7 เท่า (3) ความสามารถในการเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ควบคุมค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบจาก NIM ที่ลดลง และ (4) คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 6.3%

#SET #ข่าววันนี้ #CRC #BBL #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ตลาดทุน

 

"BBL" นำร่องลดดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝากประจำ มีผลวันนี้

BBL นำร่องลดดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝากประจำ มีผลตั้งแต่วันนี้

ธนาคารกรุงเทพ [BBL] ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝาก โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (8 พ.ค.)

ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.05-0.10%

- อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดลงมาที่ 6.75% หรือลดลง 0.075% จากเดิมที่ 6.75%

- อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลงมาที่ 7.00% หรือลดลง 0.10% จากเดิม 7.10%

- อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลดลงมาที่ 6.90% หรือลดลง 0.05% จาก 6.95%

 

ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3-36 เดือน 0.15-0.30%

- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน ปรับลงมาที่ 0.85% หรือลดลง 0.15% จาก 1%

- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 4 เดือน ปรับลงมาที่ 1.30% หรือลดลง 0.20% จาก 1.50%

- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ปรับลงมาที่ 0.90% หรือลดลง 0.20% จาก 1.10%

- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 7 เดือน ปรับลงมาที่ 1.35% หรือลดลง 0.30% จาก 1.65%

- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน ปรับลงมาที่ 1.25% หรือลดลง 0.20% จาก 1.45%

- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 24 เดือน ปรับลงมาที่ 1.55% หรือลดลง 0.15% จาก 1.70%

- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 36 เดือน ปรับลงมาที่ 1.55% หรือลดลง 0.20% จาก 1.75%

 

"BBL" กำไรใน 4Q24 ลดลงจากปัจจัยฤดูกาล แนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 170 บาท

"BBL" กำไรใน 4Q24 ลดลงจากปัจจัยฤดูกาล แนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 170 บาท

บล.พายเผยว่า เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 170 บาท เราชอบ BBL ด้วยงบดุลแข็งแกร่ง และ Valuation ที่ไม่แพงซื้อขายที่ 0.5x PBV'25E หากเทียบกับความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปาะบางทำให้การขยายสินเชื่อในปี 2024 ขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย แต่กำไรสุทธิยังเติบโตได้ 6.6% ในปี 2024 อย่างไรก็ดี คาดกำไรจะเติบโตชะตัวที่ 2.6%/4.4% ในปี 2025-26 ส่วนหนึ่งเพราะ NIM ปรับลดลงล้อกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้าน ROE จะปรับเพิ่มขึ้นที่ 8.2% ในปี 2024 และ 8% ในปี 2025-26 และคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 5.3%-5.5% ในปี 2025-26 สำหรับใน 4Q24 เราคาดกำไรสุทธิที่ 9.8 พันล้านบาท (+10.3% YoY, -21.6% QoQ) ขณะที่คาด NPL ratio ทรงตัวที่ 3.4% และ Coverage ratio ปรับขึ้นเล็กน้อยที่ 268.2%

คาดกำไรสุทธิใน 4Q24 เป็นระดับต่ำที่สุดของปี 2024
•เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q24 ที่ 9.8 พันล้าน (+10.3% YoY, -21.6% QoQ) แม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลงจาก NIM ที่ลดลง แต่ด้วยสำรองหนี้ฯ มีแนวโน้มลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้น คาดว่ากำไรจะปรับเพิ่มขึ้น YoY อย่างไรก็ดี คาดกำไรจะปรับลดลง QoQ ทำให้เป็นไตรมาสที่มีระดับต่ำสุดของปี เนื่องจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง (2) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง โดยคาดผลกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ลดลง และ (3) ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล 
•เศรษฐกิจไทยใน 4Q24 มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น และเป็นไตรมาสที่เศรษฐกิจเติบโตสูงสุดของปี โดยสินเชื่อเดือน ต.ค.-พ.ย. (2M4Q) ปรับเพิ่มขึ้นสูง 3% เทียบกับเดือน ก.ย. ทำให้เราคาดสินเชื่อจะกลับมาขยายตัว 3.3% QoQ ใน 4Q24 (3Q24: -3% QoQ) ส่งผลให้คาดว่าสินเชื่อในปี 2024 เติบโต 2% ซึ่งจะต่ำกว่าเป้าหมายที่โต 3-5% 
•การควบคุมคุณภาพสินเชื่อเป็นกลยุทธ์หลักของธนาคารเพื่อสนับสนุนให้ Credit cost แนวโน้มปรับลดลงตามเป้าหมายเหลือ 175-185 bps ในปี 2024 เราคาดว่า credit cost ใน 3Q24 จะทรงตัว QoQ ที่ 185 bps และคาด NPL ratio ทรงตัว QoQ  ที่ 3.2% เทียบกับเป้าหมาย <3.25% ในปี 2024 และ Coverage ratio ทรงตัวที่ 154.5%  

สินเชื่อปี 2024 ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าคาด 
เราปรับมุมมองต่อการขยายตัวสินเชื่อดีขึ้นหลังจากสินเชื่อใน 4Q24 มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นดีกว่าคาด โดยปรับสมมติฐานสินเชื่อในปี 2024 เพิ่มเป็น 2% YoY (จากเดิมเติบโต 0.5%) และคงสมมติฐานการขยายสินเชื่อที่ 3% YoY เท่าเดิมในปี 2025-26 ส่งผลให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1-2% โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2024 จะเติบโตที่ 7.1% และการเติบโตกำไรชะลอตัวที่ 2.5%/4.4% ในปี 2025-26 ขณะที่ ROE เพิ่มขึ้นเป็น 8.2% ในปี 2024 และปรับลดลงที่ 8% ในปี 2025-26

คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 170 บาท
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับมูลค่าพื้นฐานเป็น 170 บาท (เดิม 168 บาท) ล้อกับการปรับประมาณการกำไรสูงขึ้น ประเมินด้วยวิธี GGM (ROE 8%, Terminal growth 2%) อิงกับ 0.56x PBV’25E หรือ -0.75SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี

#BBL #ข่าววันนี้ #บลพาย #หุ้นไทย #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์